Egypt would be interested in purchasing a FREMM multi-mission frigate from France
http://www.navyrecognition.com/index.php?option=com_content&task=view&id=2208
หนังสือพิมพ์ La Tribune ของฝรั่งเศสได้รายงานข่าวลือว่ากองทัพเรืออียิปต์อาจจะสนใจจัดหาเรือฟริเกตพหุภารกิจแบบ FREMM จาก DCNS ฝรั่งเศส
ซึ่งก่อนหน้านี้กองทัพเรืออียิปต์ได้ลงนามจัดหาเรือคอร์เวตแบบ Gowind 2500 4ลำกับ DCNS โดยลำแรกจะต่อในฝรั่งเศส ส่วนอีก3ลำจะต่อในอียิปต์โดยการถ่ายทอด Technology
เรือฟริเกต FREMM เป็นโครงการร่วมระหว่างฝรั่งเศสและอิตาลีที่ติดตั้งระบบแตกต่างกันตามความต้องการของกองทัพเรือตนและมีหลายประเทศให้ความสนใจจัดหาเช่น โมร็อกโค เป็นต้น
ในส่วนของกองทัพเรือฝรั่งเศสนั้นประจำการเรือแบบ FREMM ชั้น Aquitaine แล้ว ๒ลำคือ D650 Aquitaine และ D651 Normandie โดยจะมีเรือในชั้นรวม ๘ลำ
คาดว่าอียิปต์จะมีการตัดสินใจจัดหาเรือ FREMM ในราวต้นปี 2015 แต่อย่างไรก็ตามทาง DCNS ยังไม่ได้ออกมาให้ความเห็นต่อข่าวลือนี้ในขณะนี้ครับ
วันอาทิตย์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557
วันเสาร์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557
ปากีสถานลงนามข้อตกลงความร่วมมือด้านความมั่นคงกับรัสเซีย รวมถึงการจัดหา ฮ.โจมตี
Pakistan, Russia sign defence co-operation agreement, discuss helo sales
http://www.janes.com/article/46315/pakistan-russia-sign-defence-co-operation-agreement-discuss-helo-sales
Jane's ได้รายงานว่าปากีสถานและรัสเซียได้ลงนามข้อตกลงการขยายความร่วมมือด้านความมั่นคงและกระชับความสัมพันธ์ด้านการทหารร่วมกันของทั้งสองประเทศ
ซึ่งข้อตกลงนี้ยังรวมไปถึงการที่ปากีสถานจะจัดหา ฮ.โจมตี Mi-35 จำนวน 20เครื่อง ซึ่งนับเป็นการจัดซื้ออาวุธครั้งใหญ่สุดระหว่างรัสเซียและปากีสถาน
นอกจากนี้แหล่งข่าวการทูตทางทหารใน Moscow ยังได้เปิดเผยว่าปากีสถานยังให้ความสนใจ ฮ.โจมตี Mi-28NE รวมถึงระบบอาวุธต่อสู้อากาศของรัสเซียอีกหลายแบบ
เช่น Pantsir-S1, Tor-M2KM และ Buk-M2 ซึ่งรัสเซียนำระบบอาวุธของตนมาจัดแสดงในงาน IDEAS 2014 ที่ Karachi วันที่ 1-4 ธันวาคมนี้ด้วย
ปัจจุบันกองทัพบกปากีสถานมี ฮ.โจมตี AH-1S 28เครื่อง และ AH-1F 26เครื่อง สูญเสียไป3เครื่อง รวมทุกรุ่น 51เครื่องเป็นกำลังหลัก
โดยกองทัพบกปากีสถานได้จัดหา ฮ.ลำเลียง Mi-17 จากรัสเซียมาประจำการ 92เครื่องก่อนหน้าแล้ว
ในขณะที่กองทัพอากาศอินเดียมี Mi-35 Hind E อยู่ 20เครื่อง เป็น ฮ.โจมตีหลัก โดยมีการจัดหา AH-64E Apache จากสหรัฐฯมาประจำการในอนาคตอันใกล้
แบ่งเป็น 22เครื่องสำหรับกองทัพอากาศอินเดีย และอีก 39เครื่องสำหรับกองบินทหารบก กองทัพบกอินเดีย
ซึ่งกองทัพอากาศอินเดียยังมี Mi-8/Mi-17/Mi-17V5 อยู่รวมทุกรุ่นราว 187เครื่องด้วย
เดิมทีความสัมพันธ์ด้านความมั่นคงและทางทหารระหว่างปากีสถานและรัสเซียตั้งแต่ปากีสถานเป็นเอกราชก่อตั้งประเทศมาไม่สู้ดีนัก
เพราะถึงแม้ว่าในช่วงสงครามเย็นนั้นปากีสถานจะเป็นประเทศในกลุ่มเป็นกลางไม่ฝักใฝ่ฝ่ายใด(NAM) แต่ก็เช่นเดียวกับอินเดียที่อยู่ในกลุ่มประเทศเป็นกลางเช่นกัน
โดยกองทัพอินเดียนั้นเป็นลูกค้ารายหลักที่จัดหาอาวุธจากโซเวียตเป็นจำนวนมากหลายรายการ ซึ่งอินเดียและปากีสถานต่างทำสงครามใหญ่กันมาแล้วหลายครั้ง
นั่นทำให้ปากีสถานมีความสัมพันธ์ด้านความมั่นคงที่ไม่ดีนักกับรัสเซียมาตลอด โดยที่ผ่านมาปากีสถานจะจัดหาอาวุธจากสหรัฐฯ ยุโรปตะวันตก
และจัดหาอาวุธและร่วมมือด้าน Technology การพัฒนายุทโธปกรณ์กับจีนเป็นจำนวนมาก ในช่วงที่ตะวันตกคว่ำบาตอินเดียและปากีสถานจากการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์
แต่ในช่วงหลังมานี้สหรัฐฯและยุโรปตะวันตกได้เข้าไปทำการตลาดขายอาวุธให้กับกองทัพอินเดียหลายรายการมากขึ้น
นี้น่าจะเป็นเหตุผลที่ปากีสถานหันมาสนใจระบบอาวุธจากรัสเซียเป็นการเพิ่มทางเลือกระบบอาวุธหลายขั้วไม่ให้พึ่งพากลุ่มประเทศใดประเทศหนึ่งกลุ่มเดียวครับ
วันศุกร์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557
กองทัพอากาศเชคมองหาเครื่องบินลำเลียงแบบใหม่
Czech Republic seeks new transport aircraft
The Czech Republic is looking to purchase up to two new transport aircraft in the class of the Lockheed Martin C-130 Hercules. The Embraer KC-390 (pictured) is also a contender for the requirement. Source: Embraer
http://www.janes.com/article/46275/czech-republic-seeks-new-transport-aircraft
กระทรวงกลาโหมสาธารณรัฐเชคได้ประกาศการจัดหาเครื่องบินลำเลียงทางยุทธวิธีขนาดกลางใหม่จำนวน 1-2เครื่อง
โดยปัจจุบันกองทัพอากาศเชคมีเครื่องบินลำเลียงทางยุทธวิธีแบบ Airbus Military C295 อยู่ 4เครื่องซึ่งเพียงพอต่อความต้องการใช้งานในประเทศ
แต่อย่างไรก็ตามเพื่อตอบสนองภารกิจในการขนส่งวางกำลังในต่างประเทศระยะไกลนาย Martin Stropnicky รัฐมนตรีกลาโหมเชคได้กล่าวต่อสื่อว่า
"เราต้องการกองทัพที่มีขีดความสามารถในการวางกำลังไปได้ทั่วโลก แต่เรามีขีดความสามารถในการขนส่งเช่นนั้นหรือไม่? ไม่เราไม่มี!"
ในปี 2008 กระทรวงกลาโหมเชคได้ให้ความสนใจจัดหา Lockheed Martin C-130 แต่เนื่องจากผลกระทบด้านเศรษฐกิจโลกทำให้รัฐบาลเชคต้องระงับโครงการไป
กระทรวงกลาโหมเชคจะมีการตัดสินใจเลือกแบบเครื่องบินลำเลียงทางยุทธวิธีขนาดกลาง1-2เครื่องวงเงินต่อเครื่อง CZK1.5 billion($67.3 million)
ในไตรมาสแรกปี 2015 คือไม่เกินเดือนมีนาคม 2015 โดยตัวเลือกนอกจาก C-130 คือ Embraer KC-390 ซึ่งมีโอกาสมาก
เพราะ Aero Vodochody บริษัทอากาศของเชคเป็นหนึ่งในผู้ผลิตชิ้นส่วนอุปกรณ์ของ KC-390 ทั้งนี้กระทรวงกลาโหมเชคมีแผนจะจัดหา C-295 เพิ่มอีก 2เครื่องด้วยครับ
The Czech Republic is looking to purchase up to two new transport aircraft in the class of the Lockheed Martin C-130 Hercules. The Embraer KC-390 (pictured) is also a contender for the requirement. Source: Embraer
http://www.janes.com/article/46275/czech-republic-seeks-new-transport-aircraft
กระทรวงกลาโหมสาธารณรัฐเชคได้ประกาศการจัดหาเครื่องบินลำเลียงทางยุทธวิธีขนาดกลางใหม่จำนวน 1-2เครื่อง
โดยปัจจุบันกองทัพอากาศเชคมีเครื่องบินลำเลียงทางยุทธวิธีแบบ Airbus Military C295 อยู่ 4เครื่องซึ่งเพียงพอต่อความต้องการใช้งานในประเทศ
แต่อย่างไรก็ตามเพื่อตอบสนองภารกิจในการขนส่งวางกำลังในต่างประเทศระยะไกลนาย Martin Stropnicky รัฐมนตรีกลาโหมเชคได้กล่าวต่อสื่อว่า
"เราต้องการกองทัพที่มีขีดความสามารถในการวางกำลังไปได้ทั่วโลก แต่เรามีขีดความสามารถในการขนส่งเช่นนั้นหรือไม่? ไม่เราไม่มี!"
ในปี 2008 กระทรวงกลาโหมเชคได้ให้ความสนใจจัดหา Lockheed Martin C-130 แต่เนื่องจากผลกระทบด้านเศรษฐกิจโลกทำให้รัฐบาลเชคต้องระงับโครงการไป
กระทรวงกลาโหมเชคจะมีการตัดสินใจเลือกแบบเครื่องบินลำเลียงทางยุทธวิธีขนาดกลาง1-2เครื่องวงเงินต่อเครื่อง CZK1.5 billion($67.3 million)
ในไตรมาสแรกปี 2015 คือไม่เกินเดือนมีนาคม 2015 โดยตัวเลือกนอกจาก C-130 คือ Embraer KC-390 ซึ่งมีโอกาสมาก
เพราะ Aero Vodochody บริษัทอากาศของเชคเป็นหนึ่งในผู้ผลิตชิ้นส่วนอุปกรณ์ของ KC-390 ทั้งนี้กระทรวงกลาโหมเชคมีแผนจะจัดหา C-295 เพิ่มอีก 2เครื่องด้วยครับ
กองทัพเรืออังกฤษอาจขอให้ฝูงบินสหรัฐฯมาปฏิบัติการบนเรือบรรทุกเครื่องบินของตนก่อน
US squadrons 'may use UK carrier' for operations
In July the Red Arrows flew over HMS Queen Elizabeth to mark the official naming of the vessel by the Queen
http://www.bbc.com/news/uk-30209960
BBC ได้รายงานข่าวว่า เนื่องจากความล่าช้าในการพัฒนาและผลิตเครื่อง F-35B สำหรับฝูงบินกองทัพอากาศและกองทัพเรืออังกฤษ
ซึ่งตามแผนเดิมจะต้องมีความพร้อมปฏิบัติการในปี 2018 แต่คาดว่าฝูงบิน F-35 ของอังกฤษจะมีความพร้อมล่าช้าไปราวปี 2021 นั้น
ทำให้กระทรวงกลาโหมอังกฤษพิจารณาความเป็นไปได้ในการที่สหรัฐฯเสนอให้ฝูงบิน F-35B ของนาวิกโยธินสหรัฐฯมาปฏิบัติการบนเรือบรรทุกเครื่องบิน HMS Queen Elizabeth เพื่ออุดระยะเวลาช่องว่างไปก่อน
ทั้งนี้กองทัพเรืออังกฤษจะนำเรือ HMS Queen Elizabeth เข้าประจำการในราวต้นปี 2017 ซึ่ง F-35B ที่อังกฤษสั่งซื้อ 48เครื่องจะทำการบินโดยนักบินกองทัพเรืออังกฤษและกองทัพอากาศอังกฤษ
คือฝูงบิน617 กองทัพอากาศอังกฤษ และฝูงบิน809 กองบินทหารเรือ กองทัพเรืออังกฤษ โดยอังกฤษได้รับเครื่องต้นแบบแล้ว 4เครื่องกำลังทำการฝึกและทดสอบประเมินที่ฐานทัพอากาศ Eglin ในสหรัฐฯ
แต่อย่างไรก็ตามทางกระทรวงกลาโหมอังกฤษเองมีความต้องการให้เรือบรรทุกเครื่องบินอังกฤษปฏิบัติการด้วยเครื่องบินอังกฤษที่บินโดยนักบินอังกฤษให้ได้ตามกำหนดการณ์มากกว่าครับ
In July the Red Arrows flew over HMS Queen Elizabeth to mark the official naming of the vessel by the Queen
http://www.bbc.com/news/uk-30209960
BBC ได้รายงานข่าวว่า เนื่องจากความล่าช้าในการพัฒนาและผลิตเครื่อง F-35B สำหรับฝูงบินกองทัพอากาศและกองทัพเรืออังกฤษ
ซึ่งตามแผนเดิมจะต้องมีความพร้อมปฏิบัติการในปี 2018 แต่คาดว่าฝูงบิน F-35 ของอังกฤษจะมีความพร้อมล่าช้าไปราวปี 2021 นั้น
ทำให้กระทรวงกลาโหมอังกฤษพิจารณาความเป็นไปได้ในการที่สหรัฐฯเสนอให้ฝูงบิน F-35B ของนาวิกโยธินสหรัฐฯมาปฏิบัติการบนเรือบรรทุกเครื่องบิน HMS Queen Elizabeth เพื่ออุดระยะเวลาช่องว่างไปก่อน
ทั้งนี้กองทัพเรืออังกฤษจะนำเรือ HMS Queen Elizabeth เข้าประจำการในราวต้นปี 2017 ซึ่ง F-35B ที่อังกฤษสั่งซื้อ 48เครื่องจะทำการบินโดยนักบินกองทัพเรืออังกฤษและกองทัพอากาศอังกฤษ
คือฝูงบิน617 กองทัพอากาศอังกฤษ และฝูงบิน809 กองบินทหารเรือ กองทัพเรืออังกฤษ โดยอังกฤษได้รับเครื่องต้นแบบแล้ว 4เครื่องกำลังทำการฝึกและทดสอบประเมินที่ฐานทัพอากาศ Eglin ในสหรัฐฯ
แต่อย่างไรก็ตามทางกระทรวงกลาโหมอังกฤษเองมีความต้องการให้เรือบรรทุกเครื่องบินอังกฤษปฏิบัติการด้วยเครื่องบินอังกฤษที่บินโดยนักบินอังกฤษให้ได้ตามกำหนดการณ์มากกว่าครับ
วันพฤหัสบดีที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557
UMS Tabinshwehti 773 เรือคอร์เวตชั้น Anawrahta ลำที่สามแบบ Stealth ของกองทัพเรือพม่า
Myanmar launches third Anawrahta-class missile corvette
http://www.janes.com/article/46127/myanmar-launches-third-anawrahta-class-missile-corvette
ตามรายงานข่าวของ Jane's เรือคอร์เวตใหม่หมายเลข 773 ของกองทัพเรือพม่าที่เพิ่งทำการปล่อยลงน้ำไปเมื่อเร็วๆได้ตั้งชื่อเรือว่า UMS Tabinshwehti (พระเจ้าตะเบ็งชเวตี้)
ซึ่งเป็นแบบเรือที่น่าจะเป็นการพัฒนาต่อเนื่องมาจากเรือชั้น Anawrahta สองลำแรกคือ
UMS Anawrahta 771 (พระเจ้าอโนรธามังช่อ) และ UMS Bayintnaung 772 (พระเจ้าบุเรงนอง) ซึ่งเข้าประจำการในปี 2001 และ 2003 ในรูปทรง Stealth
โดยการพัฒนาเรือรบผิวน้ำของพม่าที่สร้างเองในประเทศช่วงหลังจะเห็นว่ามีการพัฒนารูปทรงเรือให้เป็นรูปแบบ Stealth ตรวจจับได้ยากมากขึ้น
ไม่ว่าจะเป็นเรือเร็วโจมตีหมายเลข 491ที่ติดตั้งระบบต่างๆน่าจะสมบูรณ์แล้ว และหมายเลข 492 ที่ยังไม่มีภาพออกมา
รวมถึงเรือฟริเกต F12 UMS Kyansittha (พระเจ้าจานสิตา) และ F14 UMS Sinbyushin (พระเจ้ามังระ) ที่ปล่อยลงน้ำและเริ่มติดตั้งระบบต่างๆบ้างแล้ว และจะเข้าประจำการในราวปี 2014-2015
ซึ่งเรือฟริเกตสองลำนี้น่าจะเป็นการพัฒนาต่อจากเรือฟริเกต F11 UMS Aung Zeya (พระเจ้าอลองพญา) ที่ประจำการในปี 2008
ยังไม่มีข้อมูลว่า UMS Tabinshwehti ที่คาดว่าจะเข้าประการในปี 2016 จะติดตั้งระบบอาวุธและอุปกรณ์อะไรบ้างแต่ก็น่าจะใกล้เคียงกับเรือชั้น Anawrahta สองลำแรกคือ
ปืนใหญ่เรือ 76mm ที่ลอกแบบจาก OTO Melera 76/62 กับอาวุธปล่อยนำวิถีต่อต้านเรือผิวน้ำ C-802A
รวมถึงเพิ่มระบบสงคราม Electronic, Torpedo ปราบเรือดำน้ำ, อาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่อากาศ และโรงเก็บเฮลิคอปเตอร์ครับ
http://www.janes.com/article/46127/myanmar-launches-third-anawrahta-class-missile-corvette
ตามรายงานข่าวของ Jane's เรือคอร์เวตใหม่หมายเลข 773 ของกองทัพเรือพม่าที่เพิ่งทำการปล่อยลงน้ำไปเมื่อเร็วๆได้ตั้งชื่อเรือว่า UMS Tabinshwehti (พระเจ้าตะเบ็งชเวตี้)
ซึ่งเป็นแบบเรือที่น่าจะเป็นการพัฒนาต่อเนื่องมาจากเรือชั้น Anawrahta สองลำแรกคือ
UMS Anawrahta 771 (พระเจ้าอโนรธามังช่อ) และ UMS Bayintnaung 772 (พระเจ้าบุเรงนอง) ซึ่งเข้าประจำการในปี 2001 และ 2003 ในรูปทรง Stealth
โดยการพัฒนาเรือรบผิวน้ำของพม่าที่สร้างเองในประเทศช่วงหลังจะเห็นว่ามีการพัฒนารูปทรงเรือให้เป็นรูปแบบ Stealth ตรวจจับได้ยากมากขึ้น
ไม่ว่าจะเป็นเรือเร็วโจมตีหมายเลข 491ที่ติดตั้งระบบต่างๆน่าจะสมบูรณ์แล้ว และหมายเลข 492 ที่ยังไม่มีภาพออกมา
รวมถึงเรือฟริเกต F12 UMS Kyansittha (พระเจ้าจานสิตา) และ F14 UMS Sinbyushin (พระเจ้ามังระ) ที่ปล่อยลงน้ำและเริ่มติดตั้งระบบต่างๆบ้างแล้ว และจะเข้าประจำการในราวปี 2014-2015
ซึ่งเรือฟริเกตสองลำนี้น่าจะเป็นการพัฒนาต่อจากเรือฟริเกต F11 UMS Aung Zeya (พระเจ้าอลองพญา) ที่ประจำการในปี 2008
ยังไม่มีข้อมูลว่า UMS Tabinshwehti ที่คาดว่าจะเข้าประการในปี 2016 จะติดตั้งระบบอาวุธและอุปกรณ์อะไรบ้างแต่ก็น่าจะใกล้เคียงกับเรือชั้น Anawrahta สองลำแรกคือ
ปืนใหญ่เรือ 76mm ที่ลอกแบบจาก OTO Melera 76/62 กับอาวุธปล่อยนำวิถีต่อต้านเรือผิวน้ำ C-802A
รวมถึงเพิ่มระบบสงคราม Electronic, Torpedo ปราบเรือดำน้ำ, อาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่อากาศ และโรงเก็บเฮลิคอปเตอร์ครับ
วันพุธที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557
SAAB Kockums เสนอเรือดำน้ำ A26 ให้โปแลนด์
ORP Orzel
http://www.defence24.pl/news_okret-podwodny-kockums-a26-w-ofercie-dla-polski
SAAB Kockums สวีเดนได้เสนอแบบเรือดำน้ำ A26 ให้กองทัพเรือโปแลนด์สำหรับโครงการจัดหาเรือดำน้ำใหม่ทดแทนเรือแบบ Kilo Project 877E คือ ORP Orzel
โดยกองทัพเรือโปแลนด์มีความต้องการจัดหาเรือดำน้ำใหม่ 3ลำ โดยลำแรกจะเข้าประจำการในปี 2017 ลำที่สองปี 2022 และลำที่สามปี 2030
สำหรับโครงการนี้ได้มีบริษัทจากยุโรปหลายประเทศนำเสนอแบบเรือดำน้ำตนให้โปแลนด์เช่น ThyssenKrupp Marine Systems เยอรมนี ผู้สร้างเรือ U212A หรือ DCNS ฝรั่งเศสเสนอเรือ Scorpene
สำหรับเรือดำน้ำแบบ A26 นั้นแม้ว่ารัฐบาลสวีเดนจะยกเลิกโครงการไปและให้ SAAB Kockums ทำการออแบบข้อเสนอความต้องการเรือดำน้ำใหม่หลังจาก SAAB เข้าซื้อ Kockums คืนจาก TKMS เยอรมนี
แต่ SAAB Kockums ก็ได้มีการเสนอแบบเรือดำน้ำ A26 ให้หลายประเทศ เช่น ออสเตรเลียในขนาด 4,000tons ทดแทนเรือชั้น Colins แต่ออสเตรเลียก็เลือกTechnology เรือชั้น Soryu ของญี่ปุ่นไปครับ
http://www.defence24.pl/news_okret-podwodny-kockums-a26-w-ofercie-dla-polski
SAAB Kockums สวีเดนได้เสนอแบบเรือดำน้ำ A26 ให้กองทัพเรือโปแลนด์สำหรับโครงการจัดหาเรือดำน้ำใหม่ทดแทนเรือแบบ Kilo Project 877E คือ ORP Orzel
โดยกองทัพเรือโปแลนด์มีความต้องการจัดหาเรือดำน้ำใหม่ 3ลำ โดยลำแรกจะเข้าประจำการในปี 2017 ลำที่สองปี 2022 และลำที่สามปี 2030
สำหรับโครงการนี้ได้มีบริษัทจากยุโรปหลายประเทศนำเสนอแบบเรือดำน้ำตนให้โปแลนด์เช่น ThyssenKrupp Marine Systems เยอรมนี ผู้สร้างเรือ U212A หรือ DCNS ฝรั่งเศสเสนอเรือ Scorpene
สำหรับเรือดำน้ำแบบ A26 นั้นแม้ว่ารัฐบาลสวีเดนจะยกเลิกโครงการไปและให้ SAAB Kockums ทำการออแบบข้อเสนอความต้องการเรือดำน้ำใหม่หลังจาก SAAB เข้าซื้อ Kockums คืนจาก TKMS เยอรมนี
แต่ SAAB Kockums ก็ได้มีการเสนอแบบเรือดำน้ำ A26 ให้หลายประเทศ เช่น ออสเตรเลียในขนาด 4,000tons ทดแทนเรือชั้น Colins แต่ออสเตรเลียก็เลือกTechnology เรือชั้น Soryu ของญี่ปุ่นไปครับ
วันอังคารที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557
เวเนซุเอลาจัดหารถรบสะเทินน้ำสะเทินบกสามแบบจากจีน
Venezuela signs up for VN1, hints at Chinese amphibious vehicles buy
Venezuelan officials inspected VN18 amphibious vehicles at a Norinco facility earlier in 2014, according to images posted on the Venezuelan Navy's Twitter feed. Source: Venezuelan Navy
Venezuelan officials inspect Chinese amphibious vehicles in an undated image posted on the Venezuelan Navy's Twitter feed. (Venezuelan Navy)
http://www.janes.com/article/46091/venezuela-signs-up-for-vn1-hints-at-chinese-amphibious-vehicles-buy
ภาพจาก Twitter ทางการของกองทัพเรือเวเนซุเอลาเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายนได้ลงรูปนายพลเรือ Jairo Avendano Quintero ทำการตรวจรับมอบรถรบสะเทินน้ำสะเทินบกจากโรงงาน Norinco จีนสามแบบ
คือรถรบทหาราบสะเทินน้ำสะเทินบกแบบ VN1, VN16 และ VN18 สำหรับทหารนาวิกโยธินกองทัพเรือเวเนซุเอลา นับเป็นลูกค้ารายแรกสำหรับรถรบสะเทินสะเทินบกของจีนทั้งสามแบบ
กองทัพเรือเวเนซุเอลาได้เริ่มแผนการขยายขนาดกำลังทหารนาวิกโยธินจาก 7,000นายในปี 2010 เป็นเกือบสองเท่าคือราว 11,000นาย
โดยกองทัพเรือเวเนซุเอลาได้มีการสั่งจัดหารถรบทหารราบ VN1 วงเงิน $500 million ในปี 2012 ซึ่งงบประมาณส่วนหนึ่งได้รับการสนับสนุนกู้ยืมจากจีนเอง
VN1 เป็นรถรบทหารราบสะเทินน้ำสะเทินบกล้อยาง 8x8 น้ำหนัก 21ตัน ทำความเร็วสูงสุด 100km/h พิสัยทำการ 800km ติดปืนใหญ่กล 30mm พลประจำรถ 3นาย และบรรทุกทหารราบได้ 7นาย
ส่วน VN18 และ VN16 เป็นรถรบทหารราบสะเทินน้ำสะเทินบกสายพานที่เป็นรุ่นส่งออกของ ZBD-05 และ ZTD-05 ที่ประจำการในหน่วยนาวิกโยธินกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีนตั้งแต่ปี 2006
VN18 มีน้ำหนัก 26.5ตัน ทำความเร็วบนบกสูงสุด 65km/h ในน้ำ 25km/h ติดปืนใหญ่กล 30mm พลประจำรถ 3นาย และบรรทุกทหารราบได้ 11นาย
VN16 เป็นรุ่นรถถังเบาติดปืนใหญ่รถถังขนาด 105mm ซึ่งสามารถยิงอาวุธปล่อยนำวิถีต่อสู้รถถังแบบ GP-2 ระยะยิงไกลสุด 5kmได้
ทั้งนี้ VN18 และ VN16 จะปฏิบัติการจากเรือ LCU ชั้น Los Frailes ระวางขับน้ำ 730tons จำนวน 4ลำ ซึ่งสั่งต่อจากอู่ DAMEX คิวบา ซึ่งขณะนี้ประจำการแล้ว 3ลำ และลำที่4 ปล่อยลงน้ำเมื่อเดือนมิถุนายนปีนี้
จีนเป็นผู้สนับสนุนด้านอาวุธยุทโธปกรณ์สำคัญรายหนึ่งของกองทัพเวเนซุเอลาซึ่งยังมีระบบภาคพื้นดินอีกหลายแบบที่มีการจัดหาเป็นจำนวนมาก
เช่น รถเกราะเบา 4x4 แบบ VN4 จำนวน 141คันในส่วนกองกำลังป้องกันชาติ การปรับปรุงรถถังเบาสะเทินน้ำสะเทินบก Type 63 จำนวน500คัน โดยใช้ป้อมปืนแบบใหม่
รถรบทหารราบสายพาน Type 86 (ลอกแบบจาก BMP-1 รัสเซีย) รถที่บังคับการ Type 63 และปืนใหญ่อัตตาจร PLZ89 ขนาด 122mm
การจัดหารถรบทหารราบสะเทินน้ำสะเทินบกทั้งสามแบบจากจีนของกองทัพเรือเวเนซุเอลานั้นคาดว่าจะเป็นการนำมาทดแทนรถสะเทินน้ำสะเทินบก LVTP-7 เก่าที่มีอยู่ราว 7-11คัน
นอกจากจะทำให้กำลังนาวิกโยธินกองทัพเรือเวเนซุเอลาจะเป็นหน่วยรบสะเทินน้ำสะเทินบกที่มีศักยภาพสูงในแถบ Latin America แล้ว
ยังเป็นการที่จีนสามารถเปิดตลาดรถรบสะเทินน้ำสะเทินบกทั้งสามรุ่นนี้เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ประเทศอื่นที่สนใจจะจัดหาในอนาคตด้วยครับ
Venezuelan officials inspected VN18 amphibious vehicles at a Norinco facility earlier in 2014, according to images posted on the Venezuelan Navy's Twitter feed. Source: Venezuelan Navy
Venezuelan officials inspect Chinese amphibious vehicles in an undated image posted on the Venezuelan Navy's Twitter feed. (Venezuelan Navy)
http://www.janes.com/article/46091/venezuela-signs-up-for-vn1-hints-at-chinese-amphibious-vehicles-buy
ภาพจาก Twitter ทางการของกองทัพเรือเวเนซุเอลาเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายนได้ลงรูปนายพลเรือ Jairo Avendano Quintero ทำการตรวจรับมอบรถรบสะเทินน้ำสะเทินบกจากโรงงาน Norinco จีนสามแบบ
คือรถรบทหาราบสะเทินน้ำสะเทินบกแบบ VN1, VN16 และ VN18 สำหรับทหารนาวิกโยธินกองทัพเรือเวเนซุเอลา นับเป็นลูกค้ารายแรกสำหรับรถรบสะเทินสะเทินบกของจีนทั้งสามแบบ
กองทัพเรือเวเนซุเอลาได้เริ่มแผนการขยายขนาดกำลังทหารนาวิกโยธินจาก 7,000นายในปี 2010 เป็นเกือบสองเท่าคือราว 11,000นาย
โดยกองทัพเรือเวเนซุเอลาได้มีการสั่งจัดหารถรบทหารราบ VN1 วงเงิน $500 million ในปี 2012 ซึ่งงบประมาณส่วนหนึ่งได้รับการสนับสนุนกู้ยืมจากจีนเอง
VN1 เป็นรถรบทหารราบสะเทินน้ำสะเทินบกล้อยาง 8x8 น้ำหนัก 21ตัน ทำความเร็วสูงสุด 100km/h พิสัยทำการ 800km ติดปืนใหญ่กล 30mm พลประจำรถ 3นาย และบรรทุกทหารราบได้ 7นาย
ส่วน VN18 และ VN16 เป็นรถรบทหารราบสะเทินน้ำสะเทินบกสายพานที่เป็นรุ่นส่งออกของ ZBD-05 และ ZTD-05 ที่ประจำการในหน่วยนาวิกโยธินกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีนตั้งแต่ปี 2006
VN18 มีน้ำหนัก 26.5ตัน ทำความเร็วบนบกสูงสุด 65km/h ในน้ำ 25km/h ติดปืนใหญ่กล 30mm พลประจำรถ 3นาย และบรรทุกทหารราบได้ 11นาย
VN16 เป็นรุ่นรถถังเบาติดปืนใหญ่รถถังขนาด 105mm ซึ่งสามารถยิงอาวุธปล่อยนำวิถีต่อสู้รถถังแบบ GP-2 ระยะยิงไกลสุด 5kmได้
ทั้งนี้ VN18 และ VN16 จะปฏิบัติการจากเรือ LCU ชั้น Los Frailes ระวางขับน้ำ 730tons จำนวน 4ลำ ซึ่งสั่งต่อจากอู่ DAMEX คิวบา ซึ่งขณะนี้ประจำการแล้ว 3ลำ และลำที่4 ปล่อยลงน้ำเมื่อเดือนมิถุนายนปีนี้
จีนเป็นผู้สนับสนุนด้านอาวุธยุทโธปกรณ์สำคัญรายหนึ่งของกองทัพเวเนซุเอลาซึ่งยังมีระบบภาคพื้นดินอีกหลายแบบที่มีการจัดหาเป็นจำนวนมาก
เช่น รถเกราะเบา 4x4 แบบ VN4 จำนวน 141คันในส่วนกองกำลังป้องกันชาติ การปรับปรุงรถถังเบาสะเทินน้ำสะเทินบก Type 63 จำนวน500คัน โดยใช้ป้อมปืนแบบใหม่
รถรบทหารราบสายพาน Type 86 (ลอกแบบจาก BMP-1 รัสเซีย) รถที่บังคับการ Type 63 และปืนใหญ่อัตตาจร PLZ89 ขนาด 122mm
การจัดหารถรบทหารราบสะเทินน้ำสะเทินบกทั้งสามแบบจากจีนของกองทัพเรือเวเนซุเอลานั้นคาดว่าจะเป็นการนำมาทดแทนรถสะเทินน้ำสะเทินบก LVTP-7 เก่าที่มีอยู่ราว 7-11คัน
นอกจากจะทำให้กำลังนาวิกโยธินกองทัพเรือเวเนซุเอลาจะเป็นหน่วยรบสะเทินน้ำสะเทินบกที่มีศักยภาพสูงในแถบ Latin America แล้ว
ยังเป็นการที่จีนสามารถเปิดตลาดรถรบสะเทินน้ำสะเทินบกทั้งสามรุ่นนี้เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้ประเทศอื่นที่สนใจจะจัดหาในอนาคตด้วยครับ
ภาพประกอบนิยาย สารวัตรนักเรียนเดนนรก ภาคก่อนสถาปนาหมู่ที่๑๓ :บทที่๒ บทที่๓
สนใจอ่านนิยายฉบับบเต็มก็ตาม Link นี้ครับ
http://writer.dek-d.com/aagth1/writer/view.php?id=1212183
http://writer.dek-d.com/aagth1/writer/view.php?id=1212183
บทที่๒
วันจันทร์ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557
INS Vikrant เรือบรรทุกเครื่องบินลำแรกของอินเดียถูกแยกชิ้นส่วนแล้ว
http://indiatoday.intoday.in/story/indias-first-aircraft-carrier-ins-vikrant-fades-into-history/1/403180.html
INS Vikrant เรือบรรทุกเครื่องบินลำแรกของอินเดียถูกแยกชิ้นส่วนเป็นเศษเหล็กแล้วหลังสร้างประวัติศาสตร์มายาวนาน 71ปี
INS Vikrant เดิมคือเรือบรรทุกเครื่องบินชั้น Majestic HMS Hercules ของกองทัพเรืออังกฤษซึ่งสร้างในปี 1943 แล้วเข้าประจำการในปี 1945 และถูกขายให้อินเดีย 1957
กองทัพเรืออินเดียขึ้นระวางประจำการเรือในวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 1959 โดย INS Vikrant ได้เข้าร่วมรบในสงครามอินเดีย-ปากีสถานปี 1971
INS Vikrant เคยผ่านการปรับปรุงตัวเรือเพื่อรองรับระบบและอากาศยานใหม่ที่ Harland and Wolf Yard ใน Belfast, Ireland 4ปี เช่นดาดฟ้าทำมุม
โดย INS Vikrant มีระวางขับน้ำ 20,000tons รองรับการประจำการของอากาศยานมาแล้วหลายแบบเช่น British Seahawk, Breguet Alize, Westland Sea Kings,HAL Chetak, Sea Harriers
หลังจากกองทัพเรืออินเดียปลดประจำการในวันที่ 31 มกราคม 1997 INS Vikrant ถูกจอดเป็นพิพิธภัณฑ์ลอยน้ำที่ท่าเรือเมือง Mumbai มานานตั้งแต่ปี 2004
แต่อย่างไรก็ตามเนื่องจากค่าบำรุงรักษาตัวเรือที่สูงทำให้ในที่สุด INS Vikrant ถูกขายเพื่อแยกชิ้นส่วนในราคา Rs.60 crore ไปครับ
INS Vikrant เรือบรรทุกเครื่องบินลำแรกของอินเดียถูกแยกชิ้นส่วนเป็นเศษเหล็กแล้วหลังสร้างประวัติศาสตร์มายาวนาน 71ปี
INS Vikrant เดิมคือเรือบรรทุกเครื่องบินชั้น Majestic HMS Hercules ของกองทัพเรืออังกฤษซึ่งสร้างในปี 1943 แล้วเข้าประจำการในปี 1945 และถูกขายให้อินเดีย 1957
กองทัพเรืออินเดียขึ้นระวางประจำการเรือในวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 1959 โดย INS Vikrant ได้เข้าร่วมรบในสงครามอินเดีย-ปากีสถานปี 1971
INS Vikrant เคยผ่านการปรับปรุงตัวเรือเพื่อรองรับระบบและอากาศยานใหม่ที่ Harland and Wolf Yard ใน Belfast, Ireland 4ปี เช่นดาดฟ้าทำมุม
โดย INS Vikrant มีระวางขับน้ำ 20,000tons รองรับการประจำการของอากาศยานมาแล้วหลายแบบเช่น British Seahawk, Breguet Alize, Westland Sea Kings,HAL Chetak, Sea Harriers
หลังจากกองทัพเรืออินเดียปลดประจำการในวันที่ 31 มกราคม 1997 INS Vikrant ถูกจอดเป็นพิพิธภัณฑ์ลอยน้ำที่ท่าเรือเมือง Mumbai มานานตั้งแต่ปี 2004
แต่อย่างไรก็ตามเนื่องจากค่าบำรุงรักษาตัวเรือที่สูงทำให้ในที่สุด INS Vikrant ถูกขายเพื่อแยกชิ้นส่วนในราคา Rs.60 crore ไปครับ
วันอาทิตย์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557
นิตยสาร TOPGUN ฉบับที่198 ความพยายามเพื่อความอยู่รอดของหนังสือทหารในไทยปัจจุบัน
แจ้งความคืบหน้าของเรื่องนิตยสาร TOPGUN ต่อจากที่เคยรายงานไปเมื่อเดือนที่แล้วครับ
ล่าสุดนิตยสาร TOPGUN ได้มีมีการย้ายหัวหนังสือจากเดิมที่เป็นของ Animate Group ไปสำนักพิมพ์ใหม่แล้ว
และจะมีการออกฉบับที่198 เป็นเล่มควบสองเดือน พฤศจิกายน-ธันวาคม ซึ่งเป็นฉบับสุดท้ายที่ยังเป็นในรูปแบบเดิม ๘๘หน้า ราคา๕๕บาท
หลังจากนั้นคาดว่าในเดือนมกราคม ๒๕๕๘ นิตยสาร TOPGUN จะเปลี่ยนรูปโฉมใหม่ ๑๒๘หน้า ในราคาใหม่ โดยจะออกทุกวันที่ ๒๕ ของเดือน
ดูจากตัวอย่างหน้าปกแล้วเข้าใจว่าหัวข้อบทความต่างๆในเล่มเป็นบทความที่มีการเตรียมข้อมูลมาก่อนล่วงหน้าแล้ว ก่อนจะมีการประกาศปิดตัวหนังสือในฉบับที่197 เมื่อเดือนที่แล้ว
Topgun ฉบับที่198 นี่จึงออกหนังสือในรูปแบบเดิมเป็นฉบับสุดท้ายก่อนจะเปลี่ยนโฉมใหม่ในฉบับใหม่ปีหน้า
แต่ตอนที่เขียนนี้(๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๗) เท่าที่สอบถามจากร้านหนังสือที่ซื้อนิตยสารฉบับนี้ประจำและร้านหนังสืออื่นๆในละแวกใกล้เคียง
ปัญหาคือตอนนี้ทางเจ้าของร้านกับสายส่งยังไม่ทราบเรื่องเลยครับว่า Topgun ยังจะออกฉบับใหม่อยู่
อาจจะต้องรอดูว่าในวันที่ ๒๕ นี้จะมีหนังสือเข้ามาวางแผงในร้านหนังสือทั่วไปหรือไม่ครับ
ก็ต้องยอมรับว่าปัจจุบันตลาดหนังสือในไทยมีการลดขนาดลงไปมากเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจและพฤติกรรมผู้อ่านที่เปลี่ยนไป
ตัวอย่างนิตยสารทหารหัวใหม่ที่เคยออกมาเมื่อหลายปีก่อนเช่น นิตยสาร Military ที่มีเนื้อหาดีแต่ออกมาต่อเนื่องได้ไม่กี่ปีก็ต้องปิดหัวหนังสือไป เพราะราคาค่อนข้างแพงและกลุ่มคนอ่านมีน้อย
สิ่งที่ผมพอจะแนะนำได้ในการทำหนังสือทหารลักษณะนิตยสารรายเดือนคือเนื้อหาที่ลงตีพิมพ์ในหนังสือมีความสำคัญมากๆครับ
ซึ่งนิตยสารที่ดีควรที่ลงเรื่องราวไม่สามารถหาอ่านได้จากที่อื่นโดยเฉพาะจาก Internet เช่น บทความพิเศษที่ไปถ่ายภาพและสัมภาษณ์จากแหล่งข้อมูลโดยตรง
แต่สำหรับ Topgun แล้วตรงนี้ขอว่าตามตรงนะครับ บ่อยครั้งเหลือเกินที่จะมีการนำบทความที่แปลจากแหล่งใน Internet ที่ไม่ได้หายากนักมาลงและมีข้อผิดพลาดหลุดออกมาบ่อยๆ
อย่างเช่นในฉบับที่197 นี่บทความ Sukhoi PAK FA T-50 ตรงกรอบข้อมูลสมรรถนะหน้าท้ายดันไปลอกข้อมูลจาก wikipedia หน้าของ Dassault Rafale ไปเสียได้
ถ้านิตยสาร Topgun จะยังคงออกต่อไปในรูปแบบใหม่เพิ่มหน้าพร้อมราคาใหม่ ผมหวังว่ารูปแบบเนื้อหาของนิตยสารจะพัฒนาให้ดีกว่าที่เคยทำมาแล้วนะครับ
เพราะถ้าจะให้กล่าวแบบตรงๆคือถ้าไม่นับเรื่องปัญหาสายส่งหนังสือแล้ว ถ้ารูปแบบเนื้อหายังเป็นแบบเดิมๆอยู่ก็เกรงว่าจะทนออกหนังสือต่อเนื่องไปได้ไม่นานอยู่ดีครับ
วันเสาร์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557
ญี่ปุ่นจะมุ่งเน้นการจัดหาเรือพิฆาตชั้น Atago เพิ่มสองลำ และปรับปรุง Patriot PAC-3
Japan To Focus on Atago, PAC-3 Upgrades
Next Up: Pre-emptive Strike Role of F-35, Possible Space-Based Early Warning
Nov. 18, 2014 - 01:16PM |
By PAUL KALLENDER-UMEZU
TOKYO — Japan’s ballistic missile defense (BMD) plans revolve around bolstering its Aegis-based fleet and upgrading its Patriot capabilities to counter a still-limited threat from North Korea.
More important, for now, is developing a limited pre-emptive strike capability to take out missile sites, which will be provided when the F-35 joint strike fighter joins the fleet.
But with a view to the future, the Ministry of Defense may consider adding a third-tier of defense with a proven system such as the Terminal High Altitude Area Defense (THAAD) system, to serve as an intermediate layer between the Aegis ships and Patriot Advanced Capability-3 (PAC-3) systems. There also is interest in Japanese defense circles for a space-based early warning capability.
The Aegis improvements, in particular, are an outgrowth of Japan’s recent government move allowing limited collective self defense.
Under the current five-year Mid-Term Defense Plan drawn up in December, the Maritime Self-Defense Force (MSDF) will purchase two of the latest Atago-class of guided missile destroyers, with orders to be placed in 2015 and 2016 and the ships ships joining the fleet in 2020-2021.
http://www.defensenews.com/article/20141118/DEFREG/311180044/Japan-Focus-Atago-PAC-3-Upgrades
กระทรวงกลาโหมญี่ปุ่นวางแผนการเพิ่มขีดความสามารถในการป้องกันภัยคุกคามจากขีปนาวุธโดยเฉพาะจากเกาหลีเหนือเป็นอันดับต้นๆ
นอกจากการจัดหา F-35 ซึ่งจะทำให้องกองกำลังป้องกันตนเองทางอากาศ(JASDF) มีขีดความสามารถในการโจมตีก่อนแบบจำกัดแล้ว
กระทรวงกลาโหมญี่ปุ่นจะมุ้นเน้นให้สำคัญกับเครือข่ายระบบป้องกันภัยทางอากาศระดับชั้นต่างๆเป็นหลัก
โดยในส่วนระบบภาคพื้นดินจะมีการจัดหาระบบ THAAD(Terminal High Altitude Area Defense) ปรับปรุงระบบ Patriot PAC-3 และพิจารณาระบบเตือนภัยในอวกาศ
ซึ่งในส่วนทางทะเลนั้นจะมีการสั่งจัดหาเรือพิฆาต Aegis ชั้น Atago เพิ่มอีกสองลำในปี 2015 และ 2016 ซึ่งคาดว่ากองกำลังป้องกันตนเองทางทะเล(JMSDF) จะได้รับมอบในปี 2020-2021ครับ
วันพฤหัสบดีที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557
บราซิลอาจจะซื้อ Gripen อย่างน้อย108เครื่อง
Brazil May Buy Over 100 Gripen Jets
http://online.wsj.com/articles/brazil-may-buy-over-100-gripen-jets-1416330991
เจ้าหน้าที่ระดับสูงของกองทัพบราซิลได้ให้สัมภาษณ์สื่อเกี่ยวกับสัญญาการจัดหาเครื่องบินขับไล่ Gripen E/F กับ SAAB AB สวีเดนในโครงการ F-X2 เพื่อทดแทน Mirage 2000 ว่า
กองทัพอากาศบราซิลต้องการจะจัดหา Gripen อย่างน้อย 108เครื่องเพื่อให้มีจำนวนเครื่องบินรบเพียงพอตามความต้องการ พลอากาศจัตวา Jose Augusto Crepaldi Affonso หัวหน้าโครงการกล่าว
นอกจากเครื่อง Gripen ที่จะประกอบเองโดย Embraer บราซิลอย่างน้อย 15เครื่องจาก 36เครื่องที่จะได้รับมอบในช่วงปี 2019-2024แล้ว มีแนวโน้มว่ากองทัพบราซิลจะเพิ่มจำนวนการจัดหาเครื่องมากขึ้น
โดยกองทัพเรือบราซิลยังมีโครงการจัดหาเครื่องบินขับไล่ประจำเรือบรรทุกเครื่องบินแบบใหม่ทดแทนเครื่องบินโจมตีแบบ A-4M 12เครื่อง ที่มีกำหนดปลดประจำการในปี 2025
ซึ่งกองทัพเรือบราซิลอาจจะเลือก Sea Gripen ที่ SAAB กำลังอยู่ระหว่างการพัฒนา แม้ว่าจะยังไม่มีเครื่องต้นแบบจริงถูกสร้างออกมาในขณะนี้ก็ตาม
รวมถึงการทดแทนเครื่องบินขับไล่ F-5EM/FM ที่จะเริ่มปลดประจำการในช่วงปี 2017-2030 จนถึงเครื่องบินโจมตี A-1M(AMX) ที่มีกำหนดปลดประจำการในปี 2032 อีกเป็นจำนวนมากในส่วนกองทัพอากาศบราซิลแล้ว
สายการผลิตของ Gripen E/F สำหรับกองทัพบราซิลที่เพิ่มขึ้นอาจจะยืดไปจนถึงช่วงปี 2030 ครับ
วันอังคารที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557
สวิสเซอร์แลนด์ถอดถอนระเบิดชุดสุดท้ายจากสะพานข้ามพรมแดนเยอรมนี
http://en.europeonline-magazine.eu/a-bomb-to-blow-up-the-bridge_364412.html
กองทัพสวิสทำการถอดถอนระเบิดชุดสุดท้ายที่ติดตั้งกับสะพานข้ามแม่น้ำ Rhine ติดพรมแดนเยอรมนีตั้งแต่ช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมา
ซึ่งการระเบิดสะพานนี้เป็นแผนการสกัดกั้นข้าศึกที่จะถูกใช้ในช่วงสงครามเย็นกรณีที่สวิสเซอร์แลนด์ถูกรุกรานด้วยกองทัพกลุ่มคอมมิวนิสต์ Warsaw Pact จากยุโรปตะวันออก
การถอดถอนระเบิดจากสะพานข้ามพรมแดนในครั้งนี้เป็นการแสดงให้เห็นถึงการลดระดับภัยคุกคามด้านความมั่นคงของสวิสเซอร์แลนด์ลงครับ
กองทัพสวิสทำการถอดถอนระเบิดชุดสุดท้ายที่ติดตั้งกับสะพานข้ามแม่น้ำ Rhine ติดพรมแดนเยอรมนีตั้งแต่ช่วงเดือนตุลาคมที่ผ่านมา
ซึ่งการระเบิดสะพานนี้เป็นแผนการสกัดกั้นข้าศึกที่จะถูกใช้ในช่วงสงครามเย็นกรณีที่สวิสเซอร์แลนด์ถูกรุกรานด้วยกองทัพกลุ่มคอมมิวนิสต์ Warsaw Pact จากยุโรปตะวันออก
การถอดถอนระเบิดจากสะพานข้ามพรมแดนในครั้งนี้เป็นการแสดงให้เห็นถึงการลดระดับภัยคุกคามด้านความมั่นคงของสวิสเซอร์แลนด์ลงครับ
วันจันทร์ที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557
ยูเครนพิจารณาแผนการผลิตเครื่องบินฝึก L-15 จากจีนในประเทศ
Airshow China 2014: Ukraine considers local production of Hongdu L-15
http://www.janes.com/article/45753/airshow-china-2014-ukraine-considers-local-production-of-hongdu-l-15
ยูเครนกำลังพิจารณาความเป็นไปได้ในการเปิดสายการผลิตประกอบเครื่องบินฝึกไอพ่นขั้นก้าวหน้า/โจมตีเบาแบบ Hongdu L-15 จากจีนภายในประเทศ
ถ้าการเจรจากับจีนประสบผลจีนจะส่งตัวถังโครงสร้างเครื่องเปล่าของ L-15 มาทำการประกอบในยูเครน
ซึ่งยูเครนสามารถผลิตเครื่องยนต์ Ivchenko AI-222-25 ที่ใช้กับ L-15 ได้เองในประเทศอยู่แล้ว
(อุตสาหกรรมทางทหารของยูเครนมีบทบาทมากในความร่วมมือการพัฒนาระบบเครื่องยนต์ไอพ่นสำหรับอากาศยานจีนหลายแบบ)
โดยยูเครนมีแผนจะทำการติดตั้งระบบ Avionic, Radar และระบบอาวุธของตนเองโดยไม่ใช้ระบบของจีน
ทำให้ L-15 ที่ยูเครนวางแผนจะประกอบเป็นรุ่นเฉพาะของตนเองที่ต่างจากจีน
ปัจจุบันกองทัพอากาศยูเครนมี บ.ฝึกไอพ่นแบบ L-39 อยู่ 34เครื่อง ซึ่งมีการปรับปรุงใหม่เป็น L-39M1 เพียง 3เครื่องในปี 2012
(มีรายงาน L-39 4เครื่องถูกยึดโดยกองทัพรัสเซียที่ฐานทัพอากาศ Belbek ขณะเหตุรัสเซียเข้าผนวก Crimea
แต่รายงานล่าสุดที่ได้รับคือรัสเซียส่งเครื่องบินที่ยึดได้ส่วนหนึ่งคืนให้กองทัพยูเครนแล้ว)
ยูเครนอาจจะต้องการ บ.ฝึก/โจมตีเบาเพิ่มเติมรองรับสถานการณ์รบในเขต Donbass และกับรัสเซียครับ
ภาพประกอบนิยาย สารวัตรนักเรียนเดนนรก ภาคก่อนสถาปนาหมู่ที่๑๓ :บทที่๑
สนใจอ่านนิยายฉบับบเต็มก็ตาม Link นี้ครับ
http://writer.dek-d.com/aagth1/writer/view.php?id=1212183
http://writer.dek-d.com/aagth1/writer/view.php?id=1212183
บทที่๑
วันอาทิตย์ที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557
โครเอเชียจะจัดหา ฮ.ลาดตระเวน OH-58D จากสหรัฐฯ 16เครื่อง
http://www.jutarnji.hr/jutarnji-doznaje--ministar-kotromanovic-pisao-pentagonu-hrvatska-trazi-od-sad-a-16-borbenih-letjelica-/1236155/
สื่อรายงานข้อมูลจากกระทรวงกลาโหมโครเอเชียว่าได้ส่งจดหมายข้อเสนอขอจัดหาเฮลิคอปเตอร์ลาดตระเวนติดอาวุธแบบ OH-58D Kiowa Warrior จากรัฐบาลสหรัฐฯ จำนวน 16เครื่อง
โดย ฮ.ดังกล่าวจะเป็นการจัดหาในลักษณะการบริจาคโดยรัฐบาลโครเอเชียจะออกค่าใช้จ่ายในส่วนการซ่อมคืนสภาพเครื่องและปรับปรุงทันสมัยเอง
OH-58D Kiowa Warrior เป็น ฮ.ลาดตระเวนติดอาวุธสำหรับภารกิจสอดแนม (Scout) ซึ่งกองทัพบกสหรัฐฯใช้งานมานานกว่า30ปีแล้ว
แต่เนื่องจากโครงการจัดหา ฮ.ลาดตระเวนติดอาวุธแบบใหม่ทดแทน OH-58D นั้นมีปัญหาถูกระงับโครงการมาหลายครั้งตั้งแต่ RAH-66 Comanche, ARH-70 และล่าสุด Armed Aerial Scout
OH-58D จึงจะยังคงถูกยืดระยะเวลาการใช้งานออกไปอีกหลายปี รวมถึงการนำเครื่องที่สำรองเก็บไว้ปรับปรุงใหม่ขายให้มิตรประเทศด้วยครับ
วันเสาร์ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557
ปากีสถานเจรจากับจีนเพื่อจะจัดหาเครื่องบินขับไล่ FC-31
Airshow China 2014: Pakistan in talks to buy '30-40 FC-31s'
http://www.janes.com/article/45718/airshow-china-2014-pakistan-in-talks-to-buy-30-40-fc-31s
Jane's ได้รายงานการให้สัมภาษณ์ของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลปากีสถานจากงานแสดงการบิน Zhuhai Airshow 2014 ว่า
กองทัพอากาศปากีสถานกำลังเจรจากับจีนเพื่อจัดหาเครื่องบินขับไล่ Stealth FC-31 จำนวน 30-40เครื่อง
โดยขณะนี้การเจรจานี้ยังอยู่ในขั้นต้นโดยคาดว่าปากีสถานจะเป็นลูกค้ารายแรกสำหรับการส่งออก FC-31
FC-31 เป็นรุ่นส่งออกของ Shenyang J-31 เครื่องบินขับไล่ Stealth สองเครื่องยนต์ขนาดกลาง
ซึ่งเครื่องต้นแบบบินขึ้นครั้งแรกในปี 2012 และเปิดตัวอย่างเป็นทางการในงาน Zhuhai Airshow 2014 นี้
ก่อนหน้านี้ในปี 2007 เองผู้บัญชาการกองทัพอากาศปากีสถานในขณะนี้คือ พลอากาศเอก Tanvir Mahmood Ahmed
ได้เคยให้สัมภาษณ์กับ Jane's ว่าตัดสินใจจะจัดหาเครื่องบินขับไล่ J-10 จากจีนจำนวนสองฝูง 30-40เครื่องมาแล้ว
แต่ในปัจจุบันยังไม่มีรายงานความคืบหน้าว่ากองทัพอากาศปากีสถานจะได้รับมองเครื่องตามกำหนดในราวปี 2014-2015 หรือมีการเปลี่ยนแปลงข้อตกลงใหม่ไปแล้วครับ
วันศุกร์ที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557
กองทัพเชคต้องการเพิ่มจำนวนเครื่องขับไล่ Gripen
Czech military wants to raise number of Gripen fighters
http://www.ceskenoviny.cz/news/zpravy/czech-military-wants-to-raise-number-of-gripen-fighters/1146065
กองทัพสาธารณรัฐเชคต้องการเพิ่มจำนวนเครื่องบินขับไล่ Gripen จาก 14เครื่องเป็น 20เครื่องเพื่อตอบสนองสถานการณ์ด้านความมั่นคงที่เลวร้ายลงในยุโรปตะวันออก
"เราต้องตอบสนองต่อสถานการณ์โลกที่เปลี่ยนไปในทางที่แย่มากขึ้นมากขึ้น ไม่มีเวลาที่จะปิดตาข้างหนึ่งแล้วนึกเอาเองว่าอนาคตจะดีขึ้น สถานการณ์ของโลกจะไม่สงบลง นี่เป็นแค่ความฝันเท่านั้น"
นายพล Libor Stefanik ผู้บัญชาการกองทัพอากาศเชคให้สัมภาษณ์สื่อทางวิทยุ
กองทัพอากาศเชคได้ทำสัญญาเช่า Gripen จำนวน 14เครื่องกับสวีเดนครั้งแรกในปี 2004 วงเงิน 20 billion crowns โดยได้รับมอบเครื่องในปี 2005 ซึ่งสัญญาจะสิ้นสุดในปี 2015
รัฐบาลเชคมีแผนจะต่อสัญญาการเช่า Gripen จากสวีเดนต่อไปจนถึงปี 2027 เป็นโครงการต่อเนื่องระยะสองปีวงเงิน 1.7 billion crowns
ที่ผ่านมากองทัพอากาศเชคได้ส่ง Gripen เข้าปฏิบัติการทางอากาศร่วมกับ NATO หลายครั้งเช่นที่ไอซ์แลนด์ และในรัฐบอลติก ลิทัวเนีย แลทเวีย และเอสโตเนีย
ซึ่ง Gripen กองทัพอากาศเชคเคยมีการเผชิญหน้ากับอากาศยานของรัสเซียที่เข้ามาคุกคามน่านฟ้าประเทศสมาชิก NATO เหล่านี้หลายครั้งแล้วครับ
http://www.ceskenoviny.cz/news/zpravy/czech-military-wants-to-raise-number-of-gripen-fighters/1146065
กองทัพสาธารณรัฐเชคต้องการเพิ่มจำนวนเครื่องบินขับไล่ Gripen จาก 14เครื่องเป็น 20เครื่องเพื่อตอบสนองสถานการณ์ด้านความมั่นคงที่เลวร้ายลงในยุโรปตะวันออก
"เราต้องตอบสนองต่อสถานการณ์โลกที่เปลี่ยนไปในทางที่แย่มากขึ้นมากขึ้น ไม่มีเวลาที่จะปิดตาข้างหนึ่งแล้วนึกเอาเองว่าอนาคตจะดีขึ้น สถานการณ์ของโลกจะไม่สงบลง นี่เป็นแค่ความฝันเท่านั้น"
นายพล Libor Stefanik ผู้บัญชาการกองทัพอากาศเชคให้สัมภาษณ์สื่อทางวิทยุ
กองทัพอากาศเชคได้ทำสัญญาเช่า Gripen จำนวน 14เครื่องกับสวีเดนครั้งแรกในปี 2004 วงเงิน 20 billion crowns โดยได้รับมอบเครื่องในปี 2005 ซึ่งสัญญาจะสิ้นสุดในปี 2015
รัฐบาลเชคมีแผนจะต่อสัญญาการเช่า Gripen จากสวีเดนต่อไปจนถึงปี 2027 เป็นโครงการต่อเนื่องระยะสองปีวงเงิน 1.7 billion crowns
ที่ผ่านมากองทัพอากาศเชคได้ส่ง Gripen เข้าปฏิบัติการทางอากาศร่วมกับ NATO หลายครั้งเช่นที่ไอซ์แลนด์ และในรัฐบอลติก ลิทัวเนีย แลทเวีย และเอสโตเนีย
ซึ่ง Gripen กองทัพอากาศเชคเคยมีการเผชิญหน้ากับอากาศยานของรัสเซียที่เข้ามาคุกคามน่านฟ้าประเทศสมาชิก NATO เหล่านี้หลายครั้งแล้วครับ
วันพุธที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557
IAI อิสราเอลและ DRDO อินเดียประสบความสำเร็จในการทดสอบยิง Barak-8
http://www.globes.co.il/en/article-IAI-successfully-tests-Barak-8-defense-system-1000985263
Israel Aerospace Industries ประสบความเร็จในการพัฒนาระบบอาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่อากาศ Barak-8 ไปอีกขั้นในวันที่ 10 พฤศจิกายน 2014
เมื่อการทดลองยิงด้วยระบบรวมการจากบริษัทต่างๆในอิสราเอลเช่น Elta Systems, Rafael Advanced Defense Systems และกระทรวงกลาโหมอิสรเอล
รวมถึง DRDO(Defence Research and Development Organisation) องค์วิจัยและพัฒนาด้านความมั่นคงของอินเดีย
ร่วมการพัฒนาระบบ Barak-8 ทั้งระบบ Radar ขั้นก้าวหน้า ระบบควบคุมและบัญชาการ จรวดและระบบนำวิถี
ประสบความสำเร็จในการทดสอบยิงระบบ Barak-8 ซึ่งมีขีดความสามารถในการป้องกันภัยทางอากาศให้พื้นที่บนบกและในทะเล
โดย Barak-8 จะถูกนำเป็นเป็นระบบป้องกันทางอากาศของทั้งอิสราเอลและอินเดียต่อไปครับ
วันจันทร์ที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557
อาร์เจนตินาจะซื้อ Gripen? อังกฤษบอกไม่มีทาง!
Argentina Buying Gripens? Brits Say 'No Way'
Prospects Dim: More than 30 percent of the new version of the Gripen being developed by Swedish company Saab is supplied by British industry, making a sale of the aircraft to Argentina unlikely. (Stefan Kalm/ / Saab)
http://www.defensenews.com/article/20141108/DEFREG05/311080014/Argentina-Buying-Gripens-Brits-Say-No-Way-
หลังจากที่รัฐมนตรีกลาโหมอาร์เจนตินา Agustin Rossi ได้สร้างความประหลาดใจในการประกาศเมื่อ 21 ตุลาคมที่ผ่านมาว่าสนใจที่จะจัดหาเครื่องบินขับไล่ Gripen E จำนวน 24เครื่องเพื่อปรับปรุงกองทัพอากาศอาร์เจนตินา
แต่อย่างไรก็ตามนาย Rossi อาจจะลืมไปว่าชิ้นส่วนร้อยละ30ของ Gripen นั้นผลิตในสหราชอาณาจักร ซึ่งผลจากสงครามชิงหมู่เกาะ Falkland เมื่อปี 1982 นั้นทำให้อังกฤษยังคงนโยบายจำกัดการส่งยุทธภัณฑ์ให้อาร์เจนตินาอยู่
ซึ่งในขณะที่อังกฤษให้การสนับสนุนสัญญาการขายระหว่างรัฐบาลบราซิลกับ SAAB สวีเดนในการจัดหา Gripen E/F 36เครื่อง ซึ่ง Embraer บราซิลจะเป็นผู้รับสัญญาหลักในการถ่ายทอด Technology ของGripen มาผลิตในบราซิล
โดยบราซิลยังตั้งเป้าที่จะส่งออก Gripen E/F ที่ผลิตในบราซิลให้กับต่างประเทศด้วยโดยเฉพาะประเทศในกลุ่มอเมริกาใต้ซึ่ง Embraer ประสบความสำเร็จในการขายเครื่องบินโจมตีใบพัด Super Tucano ในหลายประเทศมาแล้ว
อย่างไรก็ตามนักวิเคราะห์ของสถาบันการศึกษาด้านยุทธศาสตร์ของอังกฤษได้ให้ความเห็นว่า ถึงแม้จะเป็นไปได้ที่ SAAB และ Embraer จะเสนอระบบอุปกรณ์แบบอื่นทดแทนชิ้นส่วนที่ผลิตในอังฤษสำหรับ Gripen ให้อาร์เจนตินา
แต่ในทางปฏิบัติจริงนั้นอาจจะทำได้ยาก เพราะการจัดหาระบบใหม่ทดแทนของเดิมที่ออกมาตั้งแต่แรกจะต้องใช้เวลาและค่าใช้จ่ายในการพัฒนาและทดสอบอยู่ระยะหนึ่ง ซึ่งอาร์เจนตินาอาจจะไม่งบประมาณมากพอที่จะมาลงทุนในส่วนนี้ได้
ด้านโฆษกของ SAAB นั้นก็กล่าวว่าทราบรายงานเรื่องการเจรจาระหว่างบราซิลและอาร์เจนตินาเรื่อง Gripen แล้วแต่ไม่ได้ให้ความเห็นใดๆในกรณีของอาร์เจนตินา
"ในส่วนอุปกรณ์ของสหราชอาณาจักรบนเครื่อง Gripen(ของบราซิล) นั้นยังไม่ได้รับการร้องขอการเปลี่ยนแปลงใดๆของอุปกรณ์เหล่านี้และไม่มีแผนจะทำด้วย" โฆษกของ SAAB กล่าว
ตามที่เคยรายงานไปครับว่าปัจจุบันกองทัพอากาศอาร์เจนตินามีความจำเป็นต้องจัดหาเครื่องบินขับไล่ใหม่มาแทนเครื่อง Mirage ที่ใช้งานมานานและต้องปลดลงทั้งหมดในเร็วๆนี้
ซึ่งทางอาร์เจนตินาได้ให้ความสนใจอุตสาหกรรมด้านการบินของบราซิลในการปรับปรุงกองทัพมาก เช่นแผนการจัดหาเครื่องบินลำเลียงไอพ่น Embraer KC-390 6เครื่องที่บราซิลเพิ่งเปิดตัวไป
แต่ในกรณีความสนใจในการจัดหา Gripen นั้นถ้ามองจากผลกระทบด้านความมั่นคงต่อสหราชอาณาจักรในมหาสมุทร Atlantic ใต้โดยเฉพาะหมู่เกาะ Falklands แล้ว
อาจจะยากที่จะโน้มน้าวให้อังกฤษสนับสนุนการขาย Gripen ให้อาร์เจนตินาครับ
Prospects Dim: More than 30 percent of the new version of the Gripen being developed by Swedish company Saab is supplied by British industry, making a sale of the aircraft to Argentina unlikely. (Stefan Kalm/ / Saab)
http://www.defensenews.com/article/20141108/DEFREG05/311080014/Argentina-Buying-Gripens-Brits-Say-No-Way-
หลังจากที่รัฐมนตรีกลาโหมอาร์เจนตินา Agustin Rossi ได้สร้างความประหลาดใจในการประกาศเมื่อ 21 ตุลาคมที่ผ่านมาว่าสนใจที่จะจัดหาเครื่องบินขับไล่ Gripen E จำนวน 24เครื่องเพื่อปรับปรุงกองทัพอากาศอาร์เจนตินา
แต่อย่างไรก็ตามนาย Rossi อาจจะลืมไปว่าชิ้นส่วนร้อยละ30ของ Gripen นั้นผลิตในสหราชอาณาจักร ซึ่งผลจากสงครามชิงหมู่เกาะ Falkland เมื่อปี 1982 นั้นทำให้อังกฤษยังคงนโยบายจำกัดการส่งยุทธภัณฑ์ให้อาร์เจนตินาอยู่
ซึ่งในขณะที่อังกฤษให้การสนับสนุนสัญญาการขายระหว่างรัฐบาลบราซิลกับ SAAB สวีเดนในการจัดหา Gripen E/F 36เครื่อง ซึ่ง Embraer บราซิลจะเป็นผู้รับสัญญาหลักในการถ่ายทอด Technology ของGripen มาผลิตในบราซิล
โดยบราซิลยังตั้งเป้าที่จะส่งออก Gripen E/F ที่ผลิตในบราซิลให้กับต่างประเทศด้วยโดยเฉพาะประเทศในกลุ่มอเมริกาใต้ซึ่ง Embraer ประสบความสำเร็จในการขายเครื่องบินโจมตีใบพัด Super Tucano ในหลายประเทศมาแล้ว
อย่างไรก็ตามนักวิเคราะห์ของสถาบันการศึกษาด้านยุทธศาสตร์ของอังกฤษได้ให้ความเห็นว่า ถึงแม้จะเป็นไปได้ที่ SAAB และ Embraer จะเสนอระบบอุปกรณ์แบบอื่นทดแทนชิ้นส่วนที่ผลิตในอังฤษสำหรับ Gripen ให้อาร์เจนตินา
แต่ในทางปฏิบัติจริงนั้นอาจจะทำได้ยาก เพราะการจัดหาระบบใหม่ทดแทนของเดิมที่ออกมาตั้งแต่แรกจะต้องใช้เวลาและค่าใช้จ่ายในการพัฒนาและทดสอบอยู่ระยะหนึ่ง ซึ่งอาร์เจนตินาอาจจะไม่งบประมาณมากพอที่จะมาลงทุนในส่วนนี้ได้
ด้านโฆษกของ SAAB นั้นก็กล่าวว่าทราบรายงานเรื่องการเจรจาระหว่างบราซิลและอาร์เจนตินาเรื่อง Gripen แล้วแต่ไม่ได้ให้ความเห็นใดๆในกรณีของอาร์เจนตินา
"ในส่วนอุปกรณ์ของสหราชอาณาจักรบนเครื่อง Gripen(ของบราซิล) นั้นยังไม่ได้รับการร้องขอการเปลี่ยนแปลงใดๆของอุปกรณ์เหล่านี้และไม่มีแผนจะทำด้วย" โฆษกของ SAAB กล่าว
ตามที่เคยรายงานไปครับว่าปัจจุบันกองทัพอากาศอาร์เจนตินามีความจำเป็นต้องจัดหาเครื่องบินขับไล่ใหม่มาแทนเครื่อง Mirage ที่ใช้งานมานานและต้องปลดลงทั้งหมดในเร็วๆนี้
ซึ่งทางอาร์เจนตินาได้ให้ความสนใจอุตสาหกรรมด้านการบินของบราซิลในการปรับปรุงกองทัพมาก เช่นแผนการจัดหาเครื่องบินลำเลียงไอพ่น Embraer KC-390 6เครื่องที่บราซิลเพิ่งเปิดตัวไป
แต่ในกรณีความสนใจในการจัดหา Gripen นั้นถ้ามองจากผลกระทบด้านความมั่นคงต่อสหราชอาณาจักรในมหาสมุทร Atlantic ใต้โดยเฉพาะหมู่เกาะ Falklands แล้ว
อาจจะยากที่จะโน้มน้าวให้อังกฤษสนับสนุนการขาย Gripen ให้อาร์เจนตินาครับ
วันอาทิตย์ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557
ภาพประกอบนิยาย สารวัตรนักเรียนเดนนรก ภาคก่อนสถาปนาหมู่ที่๑๓ :บทนำ
ตามที่ได้เคยลงข้อมูลไปก่อนหน้านี้ครับนิยายขนาดสั้นเรื่อง "สารวัตรนักเรียนเดนนรก ภาคก่อนสถาปนาหมู่ที่๑๓"
ที่ลงใน Dek-d.com นั้นได้ปัจจุบันได้เขียนจบปิดเรื่องที่ ๑๒บทไปแล้ว
(ยอดผู้ชมล่าสุดอยู่ที่ 222คนตลอดสามเดือนที่ลง รูปแบบงานที่เขียนคงไม่เป็นที่นิยมในหมู่วัยรุ่นจริงๆนั่นละ)
ถ้าท่านใดสนใจจะเข้าไปอ่านก็ตาม Link นี้ครับ
http://writer.dek-d.com/aagth1/writer/view.php?id=1212183
ตอนนี้ก็ถ้ามีเวลาว่างพอก็จะวาดภาพประกอบนิยายเรื่องนี้ให้ครบ ๑๒บทครับ
ที่ลงใน Dek-d.com นั้นได้ปัจจุบันได้เขียนจบปิดเรื่องที่ ๑๒บทไปแล้ว
(ยอดผู้ชมล่าสุดอยู่ที่ 222คนตลอดสามเดือนที่ลง รูปแบบงานที่เขียนคงไม่เป็นที่นิยมในหมู่วัยรุ่นจริงๆนั่นละ)
ถ้าท่านใดสนใจจะเข้าไปอ่านก็ตาม Link นี้ครับ
http://writer.dek-d.com/aagth1/writer/view.php?id=1212183
ตอนนี้ก็ถ้ามีเวลาว่างพอก็จะวาดภาพประกอบนิยายเรื่องนี้ให้ครบ ๑๒บทครับ
บทนำ
"...เอาละ! พร้อมจะมาฟังผมโม้รึยังครับ มาดมัวแซล?"
วันเสาร์ที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557
กองทัพเรือสหรัฐฯประสบความสำเร็จในการจำลองการสกัดกั้นต่อต้านการจู่โจมด้วยขีปนาวุธและอาวุธปล่อยนำวิถีร่อน
http://money.cnn.com/news/newsfeeds/articles/prnewswire/NE55821.htm
กองทัพเรือสหรัฐและสำนักงานป้องกันอาวุธปล่อยนำวิถีร่วมกับ Raytheon ได้ทำการทดสอบยิงอาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่อากาศ SM-3 Block IB และ SM-2 Block IIIA
จากเรือพิฆาตพร้อมๆกันที่สนามฝึกยิงอาวุธ PACIFIC MISSILE RANGE FACILITY ที่ KAUAI รัฐ Hawaii เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายนที่ผ่านมา
โดยเป็นการทดสอบจำลองการที่หมู่เรือถูกจู่โจมด้วยขีปนาวุธพิสัยใกล้และอาวุธปล่อยนำวิถีร่อนพร้อมๆในขณะเดียวกัน
ซึ่งผลการทดสอบ SM-3 หนึ่งนัดประสบความสำเร็จในการสกัดกั้นทำลายขีปนาวุธพิสัยใกล้ และ SM-2 สองนัดประสบความเร็จในทำลายอาวุธปล่อยนำวิถีร่อนสองนัด
"ไม่มีชาติอื่นในโลกที่มีขีดความสามารถเช่นที่กองทัพเรือสหรัฐฯทำการสาธิตได้ในวันนี้" Dr. Taylor W. Lawrence ประธาน Raytheon Missile Systems กล่าว
กองทัพเรือสหรัฐและสำนักงานป้องกันอาวุธปล่อยนำวิถีร่วมกับ Raytheon ได้ทำการทดสอบยิงอาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่อากาศ SM-3 Block IB และ SM-2 Block IIIA
จากเรือพิฆาตพร้อมๆกันที่สนามฝึกยิงอาวุธ PACIFIC MISSILE RANGE FACILITY ที่ KAUAI รัฐ Hawaii เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายนที่ผ่านมา
โดยเป็นการทดสอบจำลองการที่หมู่เรือถูกจู่โจมด้วยขีปนาวุธพิสัยใกล้และอาวุธปล่อยนำวิถีร่อนพร้อมๆในขณะเดียวกัน
ซึ่งผลการทดสอบ SM-3 หนึ่งนัดประสบความสำเร็จในการสกัดกั้นทำลายขีปนาวุธพิสัยใกล้ และ SM-2 สองนัดประสบความเร็จในทำลายอาวุธปล่อยนำวิถีร่อนสองนัด
"ไม่มีชาติอื่นในโลกที่มีขีดความสามารถเช่นที่กองทัพเรือสหรัฐฯทำการสาธิตได้ในวันนี้" Dr. Taylor W. Lawrence ประธาน Raytheon Missile Systems กล่าว
วันศุกร์ที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557
แคนาดาให้ความสนใจแบบเรือพิฆาต KDX-2 ของ DSME เกาหลีใต้
IndoDefence 2014: DSME hints at Canadian destroyer interest
A model of DSME's KDX-2 class. The RCN may be showing interest in the vessel. (IHS/Ridzwan Rahmat)
http://www.janes.com/article/45449/indodefence-2014-dsme-hints-at-canadian-destroyer-interest
ในงาน IndoDefence 2014 ที่ Jakarta อินโดนีเซีย Daewoo Shipbuilding & Marine Engineering (DSME) เกาหลีใต้ได้ข้อมูลว่า
กองทัพเรือแคนาดาได้ให้ความสนใจในการพิจารณาแบบเรือพิฆาต KDX-2 เป็นตัวเลือกหนึ่งสำหรับโครงการจัดหาเรือพิฆาตใหม่(น่าจะแทนเรือชั้น Iroquois)
ซึ่งคาดว่าการพิจารณาเลือกแบบโครงการเรือพิฆาตใหม่ของกองทัพเรือแคนาดาจะมีในราวปี 2015 ครับ
A model of DSME's KDX-2 class. The RCN may be showing interest in the vessel. (IHS/Ridzwan Rahmat)
http://www.janes.com/article/45449/indodefence-2014-dsme-hints-at-canadian-destroyer-interest
ในงาน IndoDefence 2014 ที่ Jakarta อินโดนีเซีย Daewoo Shipbuilding & Marine Engineering (DSME) เกาหลีใต้ได้ข้อมูลว่า
กองทัพเรือแคนาดาได้ให้ความสนใจในการพิจารณาแบบเรือพิฆาต KDX-2 เป็นตัวเลือกหนึ่งสำหรับโครงการจัดหาเรือพิฆาตใหม่(น่าจะแทนเรือชั้น Iroquois)
ซึ่งคาดว่าการพิจารณาเลือกแบบโครงการเรือพิฆาตใหม่ของกองทัพเรือแคนาดาจะมีในราวปี 2015 ครับ
วันพฤหัสบดีที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557
โปแลนด์จะจัดหา NSM ชุดที่สองจากนอร์เวย์
http://www.tvn24.pl/wiadomosci-z-kraju,3/rakiety-dla-samolotow-okretow-i-wyrzutni-naziemnych-polska-armia-ostrzy-kly,484976.html
http://www.defence24.pl/news_kontrakt-na-drugi-ndr-do-konca-2014-roku
สื่อโปแลนด์รายงานข่าวว่าโปแลนด์มีแผนจะจัดหาระบบอาวุธปล่อยนำวิถีต่อต้านเรือผิวน้ำแบบ Naval Strike Missile (NSM) รุ่นฐานยิงชายฝั่งชุดที่สองจากนอร์เวย์
สำหรับการจัดตั้งกองร้อยป้องกันชายฝั่งหน่วยที่สองใหม่ หลังจากที่ได้มีการจัดหาชุดแรกไป 6ชุดยิง จรวด 50นัด โดยเริ่มรับมอบตั้งแต่ปี 2013
(NSM 12นัด, รถชุดยิง 6คัน, รถ radar TRS-15C 2คัน, รถระบบควบคุมการยิง 6คัน และรถบังคับการ 3คัน ใช้ฐานรถแบบ Jelcz)
ทั้งนี้รัฐมนตรีกลาโหมโปแลนด์ Czeslaw Mroczek กล่าวว่าสัญญาการจัดหาใหม่นี้นอร์เวย์จะมีการถ่ายทอด Technology ของ NSM ให้โปแลนด์ด้วย
โดยคาดว่าการลงนามสัญญาการจัดหาที่มีในราวเดือนธันวาคม 2014 นี้ครับ
วันพุธที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557
F-35C ทดสอบการขึ้นลงบนเรือบรรทุกเครื่องบิน USS Nimitz
F-35C CV ของฝูงบินทดสอบ VX-23 กองทัพเรือสหรัฐฯ ทำการทดสอบการขึ้นลงจากเรือบรรทุกเครื่องบิน CVN-68 USS Nimitz นอกชายฝั่ง San Diego วันที่ 3-4 ตุลาคม 2014
วันอังคารที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557
สหรัฐฯได้รับ Iron Dome จากอิสราเอลเพื่อการทดสอบ
http://www.israeldefense.co.il/?CategoryID=483&ArticleID=7178
มีรายงานว่ากองทัพบกสหรัฐฯได้รับมอบระบบอาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่อากาศ Iron Dome หนึ่งระบบจาก Rafael อิสราเอลเพื่อการทดสอบประเมินค่าในสหรัฐฯ
การจัดหาระบบนี้ Raytheon สหรัฐฯเป็นผู้ร่วมหลักในการผลิตโดยใช้งบประมาณช่วยเหลือทางทหารของสหรัฐฯ ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าสหรัฐฯจะมีการจัดซื้อระบบจากอิสราเอลในภายหลัง
Iron Dome เป็นระบบที่ออกแบบมาสำหรับป้องกันอาวุธยิงระยะไกลเช่นลูกกระสุนปืนใหญ่ จรวด หรือเครื่องยิงลูกระเบิดโดยระบบได้รับการพิสูจน์ประสิทธิภาพในการใช้ที่อิสราเอลมาแล้ว
และได้รับความสนใจจัดหาจากหลายประเทศ เช่น โปแลนด์ ยูเครน และเกาหลีใต้ครับ
วันอาทิตย์ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557
เนเธอร์แลนด์จะจัดซื้อ Radar SMART-L รุ่นภาคพื้นดิน
Dutch to purchase new BMD-capable radars
The Netherlands is looking to buy two shore-based Thales Nederland Smart-L radars with a BMD capability, to replace its existing military airspace monitoring radars. (US Navy)
http://www.janes.com/article/45223/dutch-to-purchase-new-bmd-capable-radars
กระทรวงกลาโหมเนเธอร์แลนด์ได้ประกาศเมื่อวันที่ 30 ตุลาคมที่ผ่านมาถึงโครงการจัดหา Radar แบบใหม่ทดแทนระบบ Medium Power Radars (MPRs) สองระบบ
โดยเนเธอร์แลนด์เลือก Smart-L Early Warning Capability (EWC) ของ Thales Netherlands รุ่นภาคพื้นดินซึ่งมีขีดความสามารถในการตรวจจับเพื่อสกัดกั้นอาวุธปล่อยนำวิถีและขีปนาวุธ
ปัจจุบัน Radar Thomson-CSF ARES MPR ถูกใช้โดยสถานีควบคุมปฏิบัติการทางอากาศ (Air Operations Control Station (AOCS)) ที่ Nieuw-Milligen ตอนกลางของประเทศ
โดยมีสถานีที่ Wier ทางตอนเหนือของประเทศเป็นระบบสำรอง
โดยกระทรวงกลาโหมเนเธอร์แลนด์มีแผนจะจัดหาระบบ Radar ใหม่ภายในปี 2017 โดยจะเริ่มลงนามในสัญญาจัดหากับ Thales ช่วงไตรมาสแรกของปี 2015 ครับ
The Netherlands is looking to buy two shore-based Thales Nederland Smart-L radars with a BMD capability, to replace its existing military airspace monitoring radars. (US Navy)
http://www.janes.com/article/45223/dutch-to-purchase-new-bmd-capable-radars
กระทรวงกลาโหมเนเธอร์แลนด์ได้ประกาศเมื่อวันที่ 30 ตุลาคมที่ผ่านมาถึงโครงการจัดหา Radar แบบใหม่ทดแทนระบบ Medium Power Radars (MPRs) สองระบบ
โดยเนเธอร์แลนด์เลือก Smart-L Early Warning Capability (EWC) ของ Thales Netherlands รุ่นภาคพื้นดินซึ่งมีขีดความสามารถในการตรวจจับเพื่อสกัดกั้นอาวุธปล่อยนำวิถีและขีปนาวุธ
ปัจจุบัน Radar Thomson-CSF ARES MPR ถูกใช้โดยสถานีควบคุมปฏิบัติการทางอากาศ (Air Operations Control Station (AOCS)) ที่ Nieuw-Milligen ตอนกลางของประเทศ
โดยมีสถานีที่ Wier ทางตอนเหนือของประเทศเป็นระบบสำรอง
โดยกระทรวงกลาโหมเนเธอร์แลนด์มีแผนจะจัดหาระบบ Radar ใหม่ภายในปี 2017 โดยจะเริ่มลงนามในสัญญาจัดหากับ Thales ช่วงไตรมาสแรกของปี 2015 ครับ