Finnish Navy detects unidentified underwater object near Helsinki
Fast patrol boats from the Finnish Navy scour the waters off Helsinki Tuesday. Image: Jussi Nukari / Lehtikuva
http://yle.fi/uutiset/finnish_navy_detects_unidentified_underwater_object_near_helsinki/7959699
กองทัพเรือฟินแลนด์ตรวจพบความเคลื่อนไหวของวัตถุใต้น้ำในน่านน้ำใกล้เมืองหลวง Helsinki ซึ่งเป็นทะเลอาณาเขตของฟินแลนด์ตั้งแต่วันที่ 27 เมษายนที่ผ่านมา และมีการตรวจพบวัตถุใต้น้ำเป็นครั้งที่สองในวันที่ 28 เมษายนนั้น
กองทัพเรือฟินแลนด์ได้มีการใช้ระเบิดลึกแรงกระแทกต่ำ( Low-Impact Depth Charge) ซึ่งเป็นระเบิดลึกขนาดเล็กใช้วัตถุระเบิดหนักราว 1kg จุดระเบิดใต้น้ำ
โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นการเตือนวัตถุใต้น้ำซึ่งน่าจะเป็นเรือดำน้ำไม่ปรากฎสัญชาติดังกล่าวโดยไม่สร้างความเสียหายแก่ตัวเรือ
แต่อย่างไรก็ตามทางเจ้าหน้าที่ที่รับผิดชอบปฏิบัติการของกองทัพเรือฟินแลนด์ไม่ได้ระบุชัดเจนว่าวัตถุใต้น้ำดังกล่าวน่าจะเป็นเรือดำน้ำไม่ปรากฎสัญชาติหรือไม่
ทั้งนี้เจ้าหน้าที่กองทัพเรือฟินแลนด์กำลังวิเคราะห์และสอบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างเร่งด่วนซึ่งอาจจะต้องใช้เวลาหลายวันถึงสัปดาห์ในการสรุปข้อมูล
แผนที่ประเทศฟินแลนด์ แสดงให้เห็นว่าเมืองหลวง Helsinki ตั้งอยู่ตอนบนของอ่าวฟินแลนด์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของทะเล Baltic โดยมีพรมแดนติดกับเอสโตเนียคือเมืองหลวง Tallinn และมหานคร Saint Petersburg ของรัสเซีย
โดยอ่าวฟินแลนด์มีพื้นที่ราว 30,000ตารางกิโลเมตร มีระดับความลึกเฉลี่ยเพียง 38m และลึกสุด 115m เท่านั้น
กองเรือ Baltic ของกองทัพเรือรัสเซียนั้น ฐานทัพเรือ Leningrad ที่เมืองท่า Kronstadt ห่างจากมหานคร Saint Petersburg ทางตะวันตก 30km มีเรือดำน้ำดีเซลไฟฟ้าประจำการอยู่อย่างน้อย 1-2ลำคือ
เรือดำน้ำชั้น Project 877 Kilo 2ลำคือ B-227 Vyborg และ Project 877EKM Kilo B-806
1.ตรวจพบวัถตุใต้น้ำครั้งแรก 1100 เวลาท้องถิ่น วันที่ 27 เมษายน 2015
2.ตรวจพบวัถตุใต้น้ำครั้งที่สอง 0130 ตามเวลาท้องถิ่น วันที่ 27 เมษายน 2015
โดยเรือวางทุ่นระเบิดชั้น Hameenmaa ชื่อ Uusimaa พร้อมเรือเร็วโจมตีติดอาวุธปล่อยนำวิถีชั้น Hamina ชื่อ Hanko และเรือตรวจการณ์ไกลฝั่งหน่วยยามฝั่ง Turva
3.แจ้งเตือนวัตถุต้องสงสัยใต้น้ำโดยการทิ้งระเบิดลึกในเวลาท้องถิ่น 0300
ทั้งนี้ฟินแลนด์เป็นประเทศเป็นกลางที่มีพรมแดนทางทะเลในทะเล Baltic ติดกับรัสเซียที่กำลังอยู่ระหว่างการซ้อมรบในพื้นที่ภาคตะวันตก
ซึ่งในช่วงหลังจากวิกฤตการณ์ยูเครนปี 2014 เป็นต้นมา ฟินแลนด์เผชิญการคุกคามจากรัสเซียบ่อยครั้งมากขึ้น เช่นการล้ำน่านฟ้าของอากาศยานรัสเซีย
และล่าสุดคือการตรวจพบเรือดำน้ำใกล้เมืองหลวง Helsinki นั้นถ้าเป็นเรือดำน้ำรัสเซียจริงย่อมเป็นการแสดงภัยคุกคามด้านความมั่นคงต่อฟินแลนด์อย่างมาก
ซึ่งขณะนี้กองทัพฟินแลนด์กำลังเตรียมพร้อมป้องกันประเทศโดยใช้ยุทโธปกรณ์เฝ้าระวังภัยคุกคามในขั้นสูงจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครับ
วันพฤหัสบดีที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2558
วันอังคารที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2558
กองทัพเยอรมนีขาดกระสุนที่มีประสิทธิภาพสำหรับรถถังหลัก Leopard 2 และไม่มีอนาคตสำหรับปืนเล็กยาว G36 อีกต่อไป
http://www.n-tv.de/politik/Bericht-Leopard-2-fehlt-wirksame-Munition-article14982951.html
ผลจากวิกฤตการณ์ในยูเครนที่รัสเซียเข้าผนวก Crimea แทรกแซงการแบ่งแยกดินแดนของกลุ่มติดอาวุธนิยมรัสเซียในเขต Donbass และมีการใช้กำลังทางทหารคุกคามยุโรปตะวันออกมากขึ้นเรื่อยๆนั้น
ทำให้เยอรมนีต้องทบทวนนโยบายด้านความมั่นคงของตนใหม่ ซึ่งส่วนหนึ่งคือการปรับปรุงขีดความสามารถด้านกำลังของรถถังหลัก Leopard 2 ในกองทัพบกเยอรมัน
โดยตามแผนการปรับลดงบประมาณของกระทรวงกลาโหมเยอรมนี(BMVg)เดิมนั้น กองทัพบกเยอรมนี(Bundeswehr Heer)จะคงประจำการด้วยรถถังหลัก Leopard 2A6 และ Leopard 2A7 รวมราว 225คันเท่านั้น
ซึ่งรถรุ่นก่อนหน้านี้ที่มีการเก็บสำรองไว้เพื่อลดงบประมาณเช่น Leopard 2A4 และ Leopard 2A5 นั้นได้ขายส่งออกให้มิตรประเทศต่างๆเป็นจำนวนมากแล้ว
ทำให้กองทัพเยอรมันต้องนำ ถ.หลัก Leopard 2 ที่ยังเก็บสำรองไว้อยู่ซึ่งดูแลโดยเอกชนซื้อคืนนำกลับมาคืนสภาพเพื่อใช้ประจำการในกองทัพอีกครั้ง
ตามการแถลงของรัฐมนตรีกลาโหมเยอรมนี นาง Ursula von der Leyen การปรับปรุงรถถังหลัก Leopard 2 ราว 100คัน จะให้ให้กองทัพบกเยอรมนีมีรถถังหลักเพิ่มขึ้นเป็น 328คันในปี 2017
แต่อย่างไรก็ตามมีการวิเคราะห์ว่าในการต่อสู้กับรถถังหลักรุ่นใหม่ของรัสเซีย เช่นรถถังหลัก ARMATA T-14 ซึ่งกำลังจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการล่าสุดในการสวนสนามประกาศชัยชนะสงครามโลกครั้งที่2 วันที่ 9พฤษภาคมนี้ที่ Moscow นั้น
กระสุนปืนใหญ่รถถังที่ยิงจากปืนใหญ่รถถังลำกล้องเรียบขนาด 120mm Rheinmetall L/55 ซึ่งเป็นอาวุธหลักของ Leopard 2A6 และ Leopard 2A7 นั้นยังมีประสิทธิภาพด้อยเกินไปที่จะต่อสู้กับเกราะและระบบป้องกันตัวเชิงรุกของรถถังรัสเซียรุ่นใหม่ๆ อย่างกระสุนเจาะเกราะสลัดครอบมีครีบทรงตัว(APFSDS: Armour Piercing Fin Stabilized Discarding Sabot) DM63 ซึ่งสามารถเจาะเกราะเหล็กกล้า RHA ได้ 720mm ในระยะ 2,000m นั้นอาจจะเจาะเกราะรถถังหลัก T-14 ซึ่งยังเป็นความลับอยู่ไม่เข้า
ทำให้กองทัพบกเยอรมนีจะเสียเปรียบหากต้องเผชิญหน้ากับรถถังรัสเซียในสนามรบจริง ดังนั้นกองทัพเยอรมนีจึงมีแผนการพัฒนากระสุนเจาะเกราะแบบใหม่ให้ทันใช้ภายในปี 2017
โดยเคยมีข้อมูลเปิดเผยออกมาในสื่อก่อนหน้านี้ว่าแกนลูกดอกของกระสุน SABOT อาจจะเปลี่ยนจาก Tungsten เป็นกาก Uranium ไร้รังสี(DU:Depleted Uranium) เช่นเดียวกับกระสุน M829 ที่ใช้ในรถถังหลัก Abrams ของกองทัพสหรัฐฯครับ
Germany defence minister sees 'no future for G36'
The future of the German Army's G36 service rifle in its current form has been called into question by recent reports on its performance and comments by Germany's defence minister. Source: Bundeswehr
http://www.janes.com/article/50946/germany-defence-minister-sees-no-future-for-g36
และตามที่เคยรายงานปัญหาข้อบกพร่องของปืนเล็กยาว HK G36 ซึ่งเป็นอาวุธประจำกายหลักของกองทัพเยอรมนีไปก่อนหน้านี้นั้น
เมื่อวันที่ 22 เมษายนที่ผ่านมารัฐมนตรีกลาโหมเยอรมนี นาง Ursula von der Leyen ได้ตั้งคำถามถึงอนาคตของปืน HK G36 ในการประชุมพิเศษของรัฐสภาที่ไม่ได้ออกสื่อ
โดยนาง von der Leyen ได้รายงานข้อมูลความเห็นของเจ้าหน้าที่ที่เป็นผู้ใช้งานในกองทัพถึงประสิทธิภาพของปืน HK G36 ว่าสถานะปัจจุบันนั้น HK G36 ไม่อนาคตในกองทัพเยอรมันอีกต่อไปแล้ว
รายงานผลการทดสอบปืนจากสถาบัน Fraunhofer, ศูนย์เทคนิคอาวุธและกระสุนกองทัพเยอรมนี WTD 91 และสถาบันวิจัยอมภัณฑ์ เชื้อเพลิง และสารหล่อลื่น WIWeB
ซึ่งทำการทดสอบปืนเล็กยาว HK G36 ในรุ่น A0, A1, A2, A3 และ A4 พร้อมกับปืนเล็กยาวแบบอื่นที่ไม่ทราบชนิดและจำนวน ด้วยการทดสอบยิงกระสุนขนาด 5.56x45mm มาตรฐานที่ใช้ในกองทัพเยอรมัน
จากเกณฑ์ที่กำหนดไว้ว่าปืนจะต้องมีความแม่นยำในการยิงเป้าหมายในระยะ 300m ที่ร้อยละ90 นั้น เอกสารที่เปิดเผยได้รายงานว่าปืนเล็กยาว HK G36 ไม่สามารถผ่านการทดสอบได้
โดยปืนมีปัญหาความแม่นยำที่ลดลงขณะทำการยิงกลอย่างต่อเนื่องเนื่องจากความร้อนของลำกล้องปืนที่สูงเกินไป โดยในเวลา 600วินาที ความร้อนของปืนจะพุ่งสูงจาก 15องศาเซลเซียสเป็น 45องศาเซลเซียส
นั่นหมายความว่าความแม่นยำในการยิงของปืนจะลดลงเหลือเพียงร้อยละ53 เมื่อทำการยิงกระสุนจากซองกระสุนขนาด 30นัด หมดเพียงสองซองเท่านั้น ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่สามารถยอมรับได้ทางยุทธวิธี
อย่างไรก็ตามทางบริษัท Heckler & Koch ซึ่งเป็นผู้ออกแบบและผลิตปืนเล็กยาว HK G36 ได้ออกมาประท้วงผลการายงานของกระทรวงกลาโหมเยอรมนี
โดยโฆษกของ HK ได้กล่าวว่าการทดสอบของรัฐบาลเยอรมนีต่อปืน G36 นั้นไม่เป็นธรรม เนื่องจากปืนแบบอื่นๆที่ใช้เทียบเคียงในการทดสอบมีระบบการทำงานที่แตกต่างจาก G36
และยังกล่าวด้วยว่าการทดสอบนี้เป็นการเล่นงานทางการเมืองของรัฐบาลเยอรมนี อีกทั้งยังจะส่งผลเสียต่อความน่าเชื่อถือของอุตสาหกรรมอาวุธยุทโธปกรณ์ของเยอรมนีที่มียอดขายทั่วโลกจำนวนมากด้วย
กระทรวงกลาโหมเยอรมนีได้เปิดโครงการศึกษาเพิ่มเติมของปืนเล็กยาว HK G36 สองโครงการ ซึ่งโครงการแรกจะสิ้นสุดในเดือนตุลาคมนี้
ซึ่งเป็นการรวบรวมข้อมูลผลการใช้งานปืนจากเจ้าหน้าที่ของกองทัพที่ปฏิบัติการภาคสนามเช่นที่อัฟกานิสถานเมื่อปีที่ผ่านมา
เพื่อวิเคราะห์ว่าทหารเยอรมันจะมีความเสี่ยงสูงขึ้นหรือไม่ที่ต้องใช้ปืนเล็กยาว G36 เป็นอาวุธประจำกายเมื่อต้องอยู่ในปฏิบัติการรบจริง ไม่ว่ารายงานที่ได้จะมีผลเป็นลบหรือไม่ก็ตาม
ส่วนโครงการวิเคราะห์อื่นที่ริเริ่มโดยเลขานุการความมั่นคงรัฐ Katrin Suder จะสิ้นสุดภายในปลายเดือนพฤศจิกายนนี้
โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินการใช้ประโยชน์จากโครงการทดสอบวิเคราะห์ปืนเล็กยาว G36 ในการปรับโครงสร้างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อใช้ประโยชน์ในสร้างกระบวนการตัดสินใจจัดซื้อต่อไปครับ
ผลจากวิกฤตการณ์ในยูเครนที่รัสเซียเข้าผนวก Crimea แทรกแซงการแบ่งแยกดินแดนของกลุ่มติดอาวุธนิยมรัสเซียในเขต Donbass และมีการใช้กำลังทางทหารคุกคามยุโรปตะวันออกมากขึ้นเรื่อยๆนั้น
ทำให้เยอรมนีต้องทบทวนนโยบายด้านความมั่นคงของตนใหม่ ซึ่งส่วนหนึ่งคือการปรับปรุงขีดความสามารถด้านกำลังของรถถังหลัก Leopard 2 ในกองทัพบกเยอรมัน
โดยตามแผนการปรับลดงบประมาณของกระทรวงกลาโหมเยอรมนี(BMVg)เดิมนั้น กองทัพบกเยอรมนี(Bundeswehr Heer)จะคงประจำการด้วยรถถังหลัก Leopard 2A6 และ Leopard 2A7 รวมราว 225คันเท่านั้น
ซึ่งรถรุ่นก่อนหน้านี้ที่มีการเก็บสำรองไว้เพื่อลดงบประมาณเช่น Leopard 2A4 และ Leopard 2A5 นั้นได้ขายส่งออกให้มิตรประเทศต่างๆเป็นจำนวนมากแล้ว
ทำให้กองทัพเยอรมันต้องนำ ถ.หลัก Leopard 2 ที่ยังเก็บสำรองไว้อยู่ซึ่งดูแลโดยเอกชนซื้อคืนนำกลับมาคืนสภาพเพื่อใช้ประจำการในกองทัพอีกครั้ง
ตามการแถลงของรัฐมนตรีกลาโหมเยอรมนี นาง Ursula von der Leyen การปรับปรุงรถถังหลัก Leopard 2 ราว 100คัน จะให้ให้กองทัพบกเยอรมนีมีรถถังหลักเพิ่มขึ้นเป็น 328คันในปี 2017
แต่อย่างไรก็ตามมีการวิเคราะห์ว่าในการต่อสู้กับรถถังหลักรุ่นใหม่ของรัสเซีย เช่นรถถังหลัก ARMATA T-14 ซึ่งกำลังจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการล่าสุดในการสวนสนามประกาศชัยชนะสงครามโลกครั้งที่2 วันที่ 9พฤษภาคมนี้ที่ Moscow นั้น
กระสุนปืนใหญ่รถถังที่ยิงจากปืนใหญ่รถถังลำกล้องเรียบขนาด 120mm Rheinmetall L/55 ซึ่งเป็นอาวุธหลักของ Leopard 2A6 และ Leopard 2A7 นั้นยังมีประสิทธิภาพด้อยเกินไปที่จะต่อสู้กับเกราะและระบบป้องกันตัวเชิงรุกของรถถังรัสเซียรุ่นใหม่ๆ อย่างกระสุนเจาะเกราะสลัดครอบมีครีบทรงตัว(APFSDS: Armour Piercing Fin Stabilized Discarding Sabot) DM63 ซึ่งสามารถเจาะเกราะเหล็กกล้า RHA ได้ 720mm ในระยะ 2,000m นั้นอาจจะเจาะเกราะรถถังหลัก T-14 ซึ่งยังเป็นความลับอยู่ไม่เข้า
ทำให้กองทัพบกเยอรมนีจะเสียเปรียบหากต้องเผชิญหน้ากับรถถังรัสเซียในสนามรบจริง ดังนั้นกองทัพเยอรมนีจึงมีแผนการพัฒนากระสุนเจาะเกราะแบบใหม่ให้ทันใช้ภายในปี 2017
โดยเคยมีข้อมูลเปิดเผยออกมาในสื่อก่อนหน้านี้ว่าแกนลูกดอกของกระสุน SABOT อาจจะเปลี่ยนจาก Tungsten เป็นกาก Uranium ไร้รังสี(DU:Depleted Uranium) เช่นเดียวกับกระสุน M829 ที่ใช้ในรถถังหลัก Abrams ของกองทัพสหรัฐฯครับ
Germany defence minister sees 'no future for G36'
The future of the German Army's G36 service rifle in its current form has been called into question by recent reports on its performance and comments by Germany's defence minister. Source: Bundeswehr
http://www.janes.com/article/50946/germany-defence-minister-sees-no-future-for-g36
และตามที่เคยรายงานปัญหาข้อบกพร่องของปืนเล็กยาว HK G36 ซึ่งเป็นอาวุธประจำกายหลักของกองทัพเยอรมนีไปก่อนหน้านี้นั้น
เมื่อวันที่ 22 เมษายนที่ผ่านมารัฐมนตรีกลาโหมเยอรมนี นาง Ursula von der Leyen ได้ตั้งคำถามถึงอนาคตของปืน HK G36 ในการประชุมพิเศษของรัฐสภาที่ไม่ได้ออกสื่อ
โดยนาง von der Leyen ได้รายงานข้อมูลความเห็นของเจ้าหน้าที่ที่เป็นผู้ใช้งานในกองทัพถึงประสิทธิภาพของปืน HK G36 ว่าสถานะปัจจุบันนั้น HK G36 ไม่อนาคตในกองทัพเยอรมันอีกต่อไปแล้ว
รายงานผลการทดสอบปืนจากสถาบัน Fraunhofer, ศูนย์เทคนิคอาวุธและกระสุนกองทัพเยอรมนี WTD 91 และสถาบันวิจัยอมภัณฑ์ เชื้อเพลิง และสารหล่อลื่น WIWeB
ซึ่งทำการทดสอบปืนเล็กยาว HK G36 ในรุ่น A0, A1, A2, A3 และ A4 พร้อมกับปืนเล็กยาวแบบอื่นที่ไม่ทราบชนิดและจำนวน ด้วยการทดสอบยิงกระสุนขนาด 5.56x45mm มาตรฐานที่ใช้ในกองทัพเยอรมัน
จากเกณฑ์ที่กำหนดไว้ว่าปืนจะต้องมีความแม่นยำในการยิงเป้าหมายในระยะ 300m ที่ร้อยละ90 นั้น เอกสารที่เปิดเผยได้รายงานว่าปืนเล็กยาว HK G36 ไม่สามารถผ่านการทดสอบได้
โดยปืนมีปัญหาความแม่นยำที่ลดลงขณะทำการยิงกลอย่างต่อเนื่องเนื่องจากความร้อนของลำกล้องปืนที่สูงเกินไป โดยในเวลา 600วินาที ความร้อนของปืนจะพุ่งสูงจาก 15องศาเซลเซียสเป็น 45องศาเซลเซียส
นั่นหมายความว่าความแม่นยำในการยิงของปืนจะลดลงเหลือเพียงร้อยละ53 เมื่อทำการยิงกระสุนจากซองกระสุนขนาด 30นัด หมดเพียงสองซองเท่านั้น ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่สามารถยอมรับได้ทางยุทธวิธี
อย่างไรก็ตามทางบริษัท Heckler & Koch ซึ่งเป็นผู้ออกแบบและผลิตปืนเล็กยาว HK G36 ได้ออกมาประท้วงผลการายงานของกระทรวงกลาโหมเยอรมนี
โดยโฆษกของ HK ได้กล่าวว่าการทดสอบของรัฐบาลเยอรมนีต่อปืน G36 นั้นไม่เป็นธรรม เนื่องจากปืนแบบอื่นๆที่ใช้เทียบเคียงในการทดสอบมีระบบการทำงานที่แตกต่างจาก G36
และยังกล่าวด้วยว่าการทดสอบนี้เป็นการเล่นงานทางการเมืองของรัฐบาลเยอรมนี อีกทั้งยังจะส่งผลเสียต่อความน่าเชื่อถือของอุตสาหกรรมอาวุธยุทโธปกรณ์ของเยอรมนีที่มียอดขายทั่วโลกจำนวนมากด้วย
กระทรวงกลาโหมเยอรมนีได้เปิดโครงการศึกษาเพิ่มเติมของปืนเล็กยาว HK G36 สองโครงการ ซึ่งโครงการแรกจะสิ้นสุดในเดือนตุลาคมนี้
ซึ่งเป็นการรวบรวมข้อมูลผลการใช้งานปืนจากเจ้าหน้าที่ของกองทัพที่ปฏิบัติการภาคสนามเช่นที่อัฟกานิสถานเมื่อปีที่ผ่านมา
เพื่อวิเคราะห์ว่าทหารเยอรมันจะมีความเสี่ยงสูงขึ้นหรือไม่ที่ต้องใช้ปืนเล็กยาว G36 เป็นอาวุธประจำกายเมื่อต้องอยู่ในปฏิบัติการรบจริง ไม่ว่ารายงานที่ได้จะมีผลเป็นลบหรือไม่ก็ตาม
ส่วนโครงการวิเคราะห์อื่นที่ริเริ่มโดยเลขานุการความมั่นคงรัฐ Katrin Suder จะสิ้นสุดภายในปลายเดือนพฤศจิกายนนี้
โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อประเมินการใช้ประโยชน์จากโครงการทดสอบวิเคราะห์ปืนเล็กยาว G36 ในการปรับโครงสร้างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อใช้ประโยชน์ในสร้างกระบวนการตัดสินใจจัดซื้อต่อไปครับ
วันอาทิตย์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2558
แบบจำลองเรืออู่ยกพลขึ้นบกบรรทุกเฮลิคอปเตอร์ใหม่อาจเปิดเผยความต้องการจัดหาของกองทัพเรือจีน
LHD model hints at potential Chinese requirements
A company-produced model of what could be China's first landing helicopter dock amphibious assault ship. Source: Via CJDBY website
The LHS has three sponsons featuring vertical launchers, possibly for SAM systems. (Via CJDBY website)
http://www.janes.com/article/50920/lhd-model-hints-at-potential-chinese-requirements
ภาพแบบจำลองเรืออู่ยกพลขึ้นบกบรรทุกเฮลิคอปเตอร์ (LHD: landing helicopter dock) ใน website CJDBY อาจจะเป็นการเปิดเผยความต้องการจัดหาเรือสนับสนุนปฏิบัติการยกพลขึ้นบกแบบใหม่ของกองทัพเรือปลดปล่อยประชาชนจีน
โดยข้อมูลข่าวลือและภาพสามมิติ Fan Art ของเรือ LHD ที่มีคาดว่าอาจจะกำหนดแบบคือ Type 081 นั้นการเผยแพร่ในสื่อสังคม Online ของจีนมาได้ระยะหนึ่งแล้ว
แต่แบบภาพแบบจำลองของเรือ LHD ล่าสุดที่มีการเผยแพร่นั้นดูจะมีความน่าเชื่อถือมากพอสมควร สำหรับโครงการจัดหาเรือ LHD ของกองทัพเรือปลดปล่อยประชาชนที่มีขีดความสามารถเช่นเดียวกับกองทัพเรือประเทศมหาอำนาจเช่นสหรัฐฯ
ปัจจุบันกองทัพเรือปลดปล่อยประชาชนมีแผนจะจัดหาเรืออู่ยกพลขึ้นบก(LPD: Landing Platform Dock) แบบ Type 071 เข้าประจำการจำนวน 6ลำ ซึ่งปัจจุบันได้ปล่อยลงน้ำแล้ว 4ลำ คือ
LPD-998 Kunlun Shan, LPD-999 Jinggang Shan และ LPD-989 Changbai Shan ที่เข้าประจำการแล้วในกองเรือทะเลใต้
ส่วน LPD-978 Tanggula Shan, LPD-979 Tai Shan และ LPD-980 ซึ่งยังไม่ได้ตั้งชื่อ สองลำแรกอยู่ระหว่างการก่อสร้างและลำที่สามอยู่แผนการสร้างเพื่อจะเข้าประจำการในกองเรือทะเลตะวันออก
มีการวิเคราะห์ว่าแบบจำลองเรือ LHD ของจีนนั้นมีระวางขับน้ำประมาณ 40,000tons แสดงแบบจำลองเฮลิคอปเตอร์บนดาดฟ้าบินจำนวน 14เครื่อง ประกอบไปด้วย ฮ.ลำเลียง Z-8 ของจีน และ ฮ.Kamov ของรัสเซีย
ซึ่งมีรายงานว่าในปี 2006 จีนสนใจจะจัดหา ฮ.ลำเลียงจู่โจมติดอาวุธแบบ Ka-29 จากรัสเซียจำนวนหนึ่งอยู่
ตัวแบบจำลองเรือ LHD มี Lift ยกอากาศยานพร้อมอู่ลอยขนาดใหญ่ท้ายเรือคล้ายกับการออกแบบของเรือชั้น Mistral ของฝรั่งเศส
ในด้านระบบอาวุธป้องกันเรือนั้นมีการติดตั้งระบบอาวุธปล่อยนำวิถีพิสัยใกล้ป้องกัยเฉพาะจุดแบบ HHJ-10 ที่คล้ายกับ RIM-116 RAM จำนวน 2ระบบ
และอาจติดตั้งระบบป้องกันระยะประชิดปืนใหญ่กลลำกล้องหมุน Type 730 หรือ Type 1130 อีก 1ระบบ
และ sponson ที่ติดเสริมจากกราบซ้ายเรือสองจุด และกราบขวาเรือหนึ่งจุด ซึ่งติดตั้งระบบ VLS สำหรับอาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่อากาศแบบใหม่ที่ดูคล้ายกับ Aster 15 ที่ติดตั้งกับเรือบรรทุกเครื่องบิน Charles de Gaulle ของฝรั่งเศสครับ
A company-produced model of what could be China's first landing helicopter dock amphibious assault ship. Source: Via CJDBY website
The LHS has three sponsons featuring vertical launchers, possibly for SAM systems. (Via CJDBY website)
http://www.janes.com/article/50920/lhd-model-hints-at-potential-chinese-requirements
ภาพแบบจำลองเรืออู่ยกพลขึ้นบกบรรทุกเฮลิคอปเตอร์ (LHD: landing helicopter dock) ใน website CJDBY อาจจะเป็นการเปิดเผยความต้องการจัดหาเรือสนับสนุนปฏิบัติการยกพลขึ้นบกแบบใหม่ของกองทัพเรือปลดปล่อยประชาชนจีน
โดยข้อมูลข่าวลือและภาพสามมิติ Fan Art ของเรือ LHD ที่มีคาดว่าอาจจะกำหนดแบบคือ Type 081 นั้นการเผยแพร่ในสื่อสังคม Online ของจีนมาได้ระยะหนึ่งแล้ว
แต่แบบภาพแบบจำลองของเรือ LHD ล่าสุดที่มีการเผยแพร่นั้นดูจะมีความน่าเชื่อถือมากพอสมควร สำหรับโครงการจัดหาเรือ LHD ของกองทัพเรือปลดปล่อยประชาชนที่มีขีดความสามารถเช่นเดียวกับกองทัพเรือประเทศมหาอำนาจเช่นสหรัฐฯ
ปัจจุบันกองทัพเรือปลดปล่อยประชาชนมีแผนจะจัดหาเรืออู่ยกพลขึ้นบก(LPD: Landing Platform Dock) แบบ Type 071 เข้าประจำการจำนวน 6ลำ ซึ่งปัจจุบันได้ปล่อยลงน้ำแล้ว 4ลำ คือ
LPD-998 Kunlun Shan, LPD-999 Jinggang Shan และ LPD-989 Changbai Shan ที่เข้าประจำการแล้วในกองเรือทะเลใต้
ส่วน LPD-978 Tanggula Shan, LPD-979 Tai Shan และ LPD-980 ซึ่งยังไม่ได้ตั้งชื่อ สองลำแรกอยู่ระหว่างการก่อสร้างและลำที่สามอยู่แผนการสร้างเพื่อจะเข้าประจำการในกองเรือทะเลตะวันออก
มีการวิเคราะห์ว่าแบบจำลองเรือ LHD ของจีนนั้นมีระวางขับน้ำประมาณ 40,000tons แสดงแบบจำลองเฮลิคอปเตอร์บนดาดฟ้าบินจำนวน 14เครื่อง ประกอบไปด้วย ฮ.ลำเลียง Z-8 ของจีน และ ฮ.Kamov ของรัสเซีย
ซึ่งมีรายงานว่าในปี 2006 จีนสนใจจะจัดหา ฮ.ลำเลียงจู่โจมติดอาวุธแบบ Ka-29 จากรัสเซียจำนวนหนึ่งอยู่
ตัวแบบจำลองเรือ LHD มี Lift ยกอากาศยานพร้อมอู่ลอยขนาดใหญ่ท้ายเรือคล้ายกับการออกแบบของเรือชั้น Mistral ของฝรั่งเศส
ในด้านระบบอาวุธป้องกันเรือนั้นมีการติดตั้งระบบอาวุธปล่อยนำวิถีพิสัยใกล้ป้องกัยเฉพาะจุดแบบ HHJ-10 ที่คล้ายกับ RIM-116 RAM จำนวน 2ระบบ
และอาจติดตั้งระบบป้องกันระยะประชิดปืนใหญ่กลลำกล้องหมุน Type 730 หรือ Type 1130 อีก 1ระบบ
และ sponson ที่ติดเสริมจากกราบซ้ายเรือสองจุด และกราบขวาเรือหนึ่งจุด ซึ่งติดตั้งระบบ VLS สำหรับอาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่อากาศแบบใหม่ที่ดูคล้ายกับ Aster 15 ที่ติดตั้งกับเรือบรรทุกเครื่องบิน Charles de Gaulle ของฝรั่งเศสครับ
วันศุกร์ที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2558
ฝรั่งเศสวางกำลังรถถังหลัก Leclerc ในโปแลนด์
France deploys Leclerc MBTs to Poland
France's deployment of Leclerc MBTs to Poland is designed to send a strong signal to Moscow as part of NATO reassurance measures in Eastern Europe. Source: F Lert
http://www.janes.com/article/50833/france-deploys-leclerc-mbts-to-poland
ฝรั่งเศสได้วางกำลังกองกำลังเฉพาะกิจยานเกราะในโปแลนด์เพื่อเข้าร่วมการฝึกกองกำลังร่วม NATO กับกองทัพโปแลนด์เป็นเวลา 2เดือน
โดยกองกำลังผสมเฉพาะกิจในชื่อ Sous groupement tactique Interarmees (SGTIA: joint services tactical subgroup) ซึ่งเดินทางออกจากฝรั่งเศสตั้งแต่วันที่ 20 เมษายนที่ผ่านมานั้น มีกำลังยานเกราะประกอบด้วยเช่น
รถถังหลัก Leclerc 15คันจากกรม 12eme Regiment de Cuirassiers, หมดรถรบทหารราบล้อยาง 8x8 VBCI 4คันจาก กองพัน 16eme Bataillon de Chasseurs
และหมวดรถเกราะล้อยาง VAB 3คัน และรบเกราะทหารช่าง EGB 1คันจากกรม 13eme Regiment du Genie
ส่วนแยกของกองทัพฝรั่งเศสได้วางกำลังทหาร 300นายอย่างเต็มอัตราใน Drwsko Pomorskie ภายในสิ้นเดือนเมษายนนี้เพื่อทำการฝึกร่วมในโปแลนด์เป็นเวลา 2เดือนร่วมกับกองทัพชาติสมาชิกอื่นๆของ NATO
เช่นกองกำลังยานเกราะของสหรัฐฯและแคนาดา อย่างการฝึก Puma 2015 ที่จะจัดระหว่างวันที่ 11-29 พฤษภาคมนี้
การวางกำลังของฝรั่งเศสในโปแลนด์นี้เป็นเวลา 6เดือนหลังจากอังกฤษได้วางกำลังทหารและยานเกราะของกองทัพอังกฤษเข้าฝึกร่วมกับ NATO ที่โปแลนด์ในรหัส Black Eagle
ประกอบไปด้วยรถถังหลัก Challenger 2, รถรบทหารราบ Warrior ทหารอังกฤษ 1,300นาย และยานเกราะร่วม 100คัน
ซึ่งฝรั่งเศสยังได้วางกำลังอากาศยานของกองทัพอากาศฝรั่งเศสเช่นเครื่องบินขับไล่ Rafale 4เครื่อง ตั้งแต่วันที่ 24 เมษายน ถึง 1 กันยายน 2014 ที่ฐานทัพอากาศ Malbork โปแลนด์
เพื่อสนับสนุนภารกิจการลาดตระเวนทางอากาศในน่าฟ้าเขต Baltic ของ NATO
และกองทัพเรือฝรั่งเศสยังได้ส่งเครื่องบินลาดตระเวนทางทะเล Falcon 50 ร่วมปฏิบัติการในเขตทะเล Baltic ร่วมกับ NATO ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2014
พร้อมกับและเครื่องบินแจ้งเตือนและควบคุมทางอากาศ E-3F AWACS ของกองทัพอากาศฝรั่งเศสซึ่งปฏิบัติการมามากกว่า 350ชั่วโมงแล้ว
โดยทั้งหมดเป็นการตอบสนองภารกิจของ NATO ต่อภัยคุกคามของรัสเซียในเขตยุโรปตะวันออกหลังจากที่เข้าแทรกแซงยูเครนหลังการผนวก Crimea ในปี 2014 ครับ
France's deployment of Leclerc MBTs to Poland is designed to send a strong signal to Moscow as part of NATO reassurance measures in Eastern Europe. Source: F Lert
http://www.janes.com/article/50833/france-deploys-leclerc-mbts-to-poland
ฝรั่งเศสได้วางกำลังกองกำลังเฉพาะกิจยานเกราะในโปแลนด์เพื่อเข้าร่วมการฝึกกองกำลังร่วม NATO กับกองทัพโปแลนด์เป็นเวลา 2เดือน
โดยกองกำลังผสมเฉพาะกิจในชื่อ Sous groupement tactique Interarmees (SGTIA: joint services tactical subgroup) ซึ่งเดินทางออกจากฝรั่งเศสตั้งแต่วันที่ 20 เมษายนที่ผ่านมานั้น มีกำลังยานเกราะประกอบด้วยเช่น
รถถังหลัก Leclerc 15คันจากกรม 12eme Regiment de Cuirassiers, หมดรถรบทหารราบล้อยาง 8x8 VBCI 4คันจาก กองพัน 16eme Bataillon de Chasseurs
และหมวดรถเกราะล้อยาง VAB 3คัน และรบเกราะทหารช่าง EGB 1คันจากกรม 13eme Regiment du Genie
ส่วนแยกของกองทัพฝรั่งเศสได้วางกำลังทหาร 300นายอย่างเต็มอัตราใน Drwsko Pomorskie ภายในสิ้นเดือนเมษายนนี้เพื่อทำการฝึกร่วมในโปแลนด์เป็นเวลา 2เดือนร่วมกับกองทัพชาติสมาชิกอื่นๆของ NATO
เช่นกองกำลังยานเกราะของสหรัฐฯและแคนาดา อย่างการฝึก Puma 2015 ที่จะจัดระหว่างวันที่ 11-29 พฤษภาคมนี้
การวางกำลังของฝรั่งเศสในโปแลนด์นี้เป็นเวลา 6เดือนหลังจากอังกฤษได้วางกำลังทหารและยานเกราะของกองทัพอังกฤษเข้าฝึกร่วมกับ NATO ที่โปแลนด์ในรหัส Black Eagle
ประกอบไปด้วยรถถังหลัก Challenger 2, รถรบทหารราบ Warrior ทหารอังกฤษ 1,300นาย และยานเกราะร่วม 100คัน
ซึ่งฝรั่งเศสยังได้วางกำลังอากาศยานของกองทัพอากาศฝรั่งเศสเช่นเครื่องบินขับไล่ Rafale 4เครื่อง ตั้งแต่วันที่ 24 เมษายน ถึง 1 กันยายน 2014 ที่ฐานทัพอากาศ Malbork โปแลนด์
เพื่อสนับสนุนภารกิจการลาดตระเวนทางอากาศในน่าฟ้าเขต Baltic ของ NATO
และกองทัพเรือฝรั่งเศสยังได้ส่งเครื่องบินลาดตระเวนทางทะเล Falcon 50 ร่วมปฏิบัติการในเขตทะเล Baltic ร่วมกับ NATO ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2014
พร้อมกับและเครื่องบินแจ้งเตือนและควบคุมทางอากาศ E-3F AWACS ของกองทัพอากาศฝรั่งเศสซึ่งปฏิบัติการมามากกว่า 350ชั่วโมงแล้ว
โดยทั้งหมดเป็นการตอบสนองภารกิจของ NATO ต่อภัยคุกคามของรัสเซียในเขตยุโรปตะวันออกหลังจากที่เข้าแทรกแซงยูเครนหลังการผนวก Crimea ในปี 2014 ครับ
วันพฤหัสบดีที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2558
ภาพ ร.ล.พุทธเลิศหล้านภาลัย ตั้งแต่ก่อนเข้าประจำการถึงปลดระวางประจำการ
รวบรวมจาก Page ร.ล.พุทธเลิศหล้านภาลัย
https://www.facebook.com/pages/รลพุทธเลิศหล้านภาลัย/269264429759835
ร.ล.พุทธเลิศหล้านภาลัย หรือเดิมคือ FF-1077 USS Ouellet ขณะเข้ารับการปรับปรุงสภาพเรือที่อู่ Cascade General Shipyard, Swan Island, Portland รัฐ Oregon สหรัฐฯเมื่อปี พ.ศ.๒๕๔๐-๒๕๔๑(1997-1998)
กองทัพเรือใช้งบประมาณในการปรับปรุงเรือไปราว $14 million โดยกำลังพลประจำเรือชุดรับเรือชุดแรกได้เดินทางไปดูงานปรับปรุงและรับมอบเรือที่สหรัฐฯ(น่าจะตั้งแต่ปลายปี พ.ศ.๒๕๓๙ 1996) ก่อนจะนำเรือกลับมาไทย
ปฏิบัติหน้าที่
ตรวจซ่อมบำรุงท่อหลังแท่นยิง ASROC
ที่หัวหิน
ยามเรือเดิน ร.ล.พุทธเลิศหล้านภาลัย
ทัศนสัญญาณ
โทรทัศน์ในห้องเมสจ่า
สหโภชน์
ความภาคภูมิใจไม่รู้ลืม ถ่ายภาพร่วมกัน หลังจากการยินจรวดปราบเรือดำน้ำ (ASROC) ได้สำเร็จ
ฮ.Super Lynx 300 บินผ่าน
ฝึกชุดตรวจค้นเรือ(VBSS) ร่วมกับกองทัพเรือสหรัฐฯ CARAT 2008
ฝึก CARAT 2010 ร่วมกับกองทัพเรือสหรัฐฯ
ฝึก AUSTHAI 2011 ร่วมกับกองทัพเรือออสเตรเลีย
เป็นการฝึกชุดตรวจค้นเรือ(VBSS) บน ร.ล.พุทธเลิศหล้านภาลัย
ซ่อมบำรุงเรือ
ต่อไปเราคงไม่ได้เห็น ร.ล.พุทธยอดฟ้าจุฬาโลก และ ร.ล.พุทธเลิศหล้านภาลัย จอดคู่กันที่สัตหีบเช่นนี้อีกแล้ว
ร.ล.พุทธเลิศหล้านภาลัย จะอยู่ในใจพวกเรา ชุดรับเรือ ตลอดไป