วันเสาร์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2568

กองทัพอากาศไทยลงนามจัดหาเครื่องบินลำเลียงและเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศ Airbus A330 MRTT+ เป็นลูกค้าเปิดตัวรายแรกของรุ่นล่าสุด

Thailand signs deal to become Airbus MRTT+ launch customer





An artist's impression of the Airbus MRTT+ in service with the Royal Thai Air Force. (Airbus)



กองทัพอากาศไทย(RTAF: Royal Thai Air Force) ได้ลงนามสัญญากับบริษัท Airbus ยุโรปเพื่อจะจัดหาเครื่องบินลำเลียงและเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศ A330 MRTT+(Multi Role Tanker Transport Plus) รุ่นเพิ่มขยายขีดความสามารถของบริษัท
ข้อตกลงได้วางตำแหน่งไทยในฐานะลูกค้าเปิดตัวของเครื่องบินลำเลียงและเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศ Airbus A330 MRTT Plus รุ่นใหม่ซึ่งเปิดตัวในปี พ.ศ.๒๕๖๗(2024) และยังมอบขีดความสามารถการเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศแก่กองทัพอากาศไทยเป็นครั้งแรก

บริษัท Airbus กล่าวเมื่อวันที่ ๒๕ กันยายน พ.ศ.๒๕๖๘(2025) ว่าสัญญาของตนกับกองทัพอากาศไทยมีเนื้อหาการขายเครื่องบินลำเลียงและเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศ Airbus A330 MRTT+ จำนวน ๑เครื่อง(https://aagth1.blogspot.com/2025/03/airbus-a330-mrtt.html)
ซึ่งมีพื้นฐานจากเครื่องบินโดยสาร Airbus A330-800neo และติดตั้งเครื่องยนต์ไอพ่น turbofan แบบ Rolls-Royce Trent 7000 สองเครื่อง, ติดตั้งทั้งระบบเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศแบบ boom และแบบ hose-and-drogue, ห้องโดยสารรับ-ส่งบุคคลสำคัญมาก(VVIP: Very Very Important Person), และชุดการส่งกลับทางสายแพทย์(medevac: medical evacuation kit)

บริษัท Airbus กล่าวว่าเครื่องบินโดยสาร A330-800neo มีกำหนดที่จะเข้ารับการเปลี่ยนแบบทางทหารที่ศูนย์ A330 MRTT ของตนใน Getafe สเปนในปี พ.ศ.๒๕๖๙(2026) โดยจะมีการส่งมอบให้กองทัพอากาศไทยในปี พ.ศ.๒๕๗๒(2029)
มูลค่าของสัญญาไม่เป็นที่เปิดเผย แต่มีรายงานในโครงการซื้อเครื่องบินรับ-ส่งบุคคลสำคัญทดแทนเครื่องบินลำเลียงแบบที่๑๙ บ.ล.๑๙ Airbus A340-500 ว่าอยู่ที่ราว ๑๒,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐บาท($372 million)(aagth1.blogspot.com/2025/06/rtaf-white-paper-2025.html)

โฆษกกองทัพอากาศไทยกล่าวกับ Janes ว่า กองทัพอากาศไทยวางแผนขั้นต้นที่จะประจำการเครื่องบินลำเลียงและเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศ Airbus A330 MRTT+ ในกองบิน๖ ที่มีที่ตั้ง ณ ฐานทัพอากาศดอนเมืองในกรุงเทพฯ โฆษกกองทัพอากาศไทยยังกล่าวว่า
กองทัพอากาศไทยมีแผนที่จะจัดหาเครื่องบินเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศ(AAR: Air-to-Air Refuelling) เพิ่มเติมด้วย "เราได้ร่างแผนที่จะมีเครื่องบินเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศใช้งานเพิ่มมากขึ้น" โฆษกกองทัพอากาศไทยกล่าว แม้ว่าเขาจะบ่งชี้ว่าการจัดซื้อเครื่องบินเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศจะยังไม่มีการเริ่มตั้งโครงการขึ้นในเร็วๆนี้ 

ในแง่ของการลงนามข้อตกลงชดเชย(offset) ต่างๆในข้อตกลง Airbus A330 MRTT+ ใหม่ โฆษกกองทัพอากาศไทยกล่าวว่า ลำดับความสำคัญของกองทัพอากาศไทยคือเพื่อให้มั่นใจว่าภาคอุตสาหกรรมของไทยจะสามารถซ่อมบำรุงและดำรงสภาพเครื่องบินได้อย่างมีประสิทธิภาพ
อย่างไรก็ตามเขายังกล่าวว่า "การเจรจาต่างๆเพิ่มเติม" เกี่ยวกับการชดเชย offset ต่างๆได้ถูกวางแผนขึ้นแล้วระหว่างกองทัพอากาศไทยและบริษัท Airbus(https://aagth1.blogspot.com/2025/06/nordic-airbus-a330-mrtt.html, https://aagth1.blogspot.com/2025/04/airbus-a330-mrtt-3.html, https://aagth1.blogspot.com/2025/03/airbus-a330-mrtt-nato.html)

โฆษกของบริษัท Airbus กล่าวกับ Janes ว่าควบคู่ไปกับคำสั่งจัดหานี้ Airbus จะเสริมความแข็งแกร่งเพิ่มเติมในความร่วมมือกับบริษัทอุตสาหกรรมการบิน จำกัด(TAI: Thai Aviation Industries) ไทย ที่ทั้งสองได้มีการลงนามบันทึกความเข้าใจ(MOU: Memorandum of Understanding) ฉบับเพิ่มขยาย
ที่จะรวมการสนับสนุนการซ่อมบำรุงสำหรับเครื่องบินลำเลียงและเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศ A330 MRTT+ ของกองทัพอากาศไทย ข้อตกลง MOU นี้เพิ่มขยายจากความร่วมมือที่มีอยู่สำหรับการดำรงสภาพเครื่องบินลำเลียง C295 ในไทย(https://aagth1.blogspot.com/2024/08/c295.html)

ความเห็นวิเคราะห์
การลงนามสัญญาจัดซื้อมีขึ้นหนึ่งวันหลังจาก กรมยุทธการทหารอากาศ(DO: Directorate of Operations) กองทัพอากาศไทย ได้เผยแพร่เอกสารใน Website ของตนเมื่อวันที่ ๒๔ กันยายน พ.ศ.๒๕๖๘ เรื่องประกาศผู้ชนะการเสนอราคาซื้อเครื่องบินรับ-ส่ง บุคคลสำคัญ ทดแทนเครื่องบินลำเลียงแบบที่ ๑๙ (บ.ล.๑๙) จำนวน ๑ เครื่อง พร้อมอุปกรณ์ อะไหล่ การฝึกอบรม และสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ ที่จำเป็น
ว่าผู้ได้รับคัดเลือกได้แก่บริษัท Airbus Defence and Space ราชอาณาจักรสเปน โดยเสนอราคาเป็นเงิน 201,143,983 Euros(๗,๖๕๔,๕๙๔,๖๑๖.๒๖บาท) และ $136,167,260(๔,๔๘๖,๓๒๙,๙๔๘.๖๗บาท) รวมเป็นราคาสุทธิที่ ๑๒,๑๔๐,๙๒๔,๕๖๔.๙๓บาท(322,554,013.38 Euros หรือ $376,620,464.29)(https://do.rtaf.mi.th/images/plan-procurement/68/24-9-681.pdf)

เครื่องบินลำเลียงและเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศ Airbus A330 MRTT+ ซึ่งมีกองทัพอากาศไทยเป็นลูกค้าเปิดตัวรายแรกสำหรับรุ่นใหม่ล่าสุดในฐานะเครื่องบินเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศแบบแรกของตน ถูกจัดหาภายใต้โครงการเครื่องบินรับ-ส่ง บุคคลสำคัญทดแทนเครื่องบินลำเลียงแบบที่๑๙ บ.ล.๑๙ Airbus 340-500 ในปีงบประมาณ พ.ศ.๒๕๖๘ ในส่วนของสำนักนายกรัฐมนตรี(Office of the Prime Minister) ไทย
ซึ่งเป็นอากาศยานที่ทำภารกิจได้อย่างหลากหลายทั้งการเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศที่รองรับทั้งระบบ boom ที่ใช้กับเครื่องบินขับไล่แบบที่๑๙ บ.ข.๑๙/ก F-16A/B และระบบ Probe-and-drogue ที่ใช้กับเครื่องบินขับไล่แบบที่๒๐/ก/ข/ค บ.ข.๒๐/ก/ข/ค Gripen C/D/E/F, การอพยพผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการรบออกจากพื้นที่ขัดแย้ง(NEO: Non-Combatant Evacuation Operation), การส่งกลับทางสายแพทย์, และการขนส่งสัมภาระ

ตามที่กองทัพอากาศไทยยังไม่เคยมีเครื่องบินลำเลียง Airbus A330 รุ่นใดในประจำการมาก่อน เป็นที่เข้าใจว่าเฉพาะในภารกิจรับ-ส่งบุคคลสำคัญทดแทน บ.ล.๑๙ Airbus 340-500 ที่ประจำการ ณ ฝูงบิน๖๐๒ กองบิน๖ ดอนเมือง ที่จะมีการกำหนดแบบ Airbus A330-800neo เป็น "เครื่องบินลำเลียงแบบที่ ๒๐ บ.ล.๒๐" โดยในปี พ.ศ.๒๕๕๒(2009) กองทัพอากาศไทยได้กำหนดแบบตัวย่อของ เครื่องบินเติมเชื้อเพลิง เป็น "บ.ช."
Airbus A330 MRTT+ ที่จะประจำการ ณ ฝูงบิน๖๐๒ กองบิน๖ ในอนาคตจึงอาจจะถูกกำหนดแบบในประจำการได้ทั้ง "เครื่องบินเติมเชื้อเพลิงแบบที่ ๑ บ.ช.๑" หรือ "เครื่องบินเติมเชื้อเพลิงและลำเลียงแบบที่ ๒๐ บ.ชล.๒๐" อย่างใดอย่างหนึ่ง ตามที่ปัจจุบันมีผู้ใช้งานและสั่งจัดหา A330 MRTT ไปแล้ว ๑๑รายจำนวนกว่า ๘๕เครื่องทั่วโลก นี่จึงนับเป็นการจัดหาอากาศยานที่คุ้มค่าเป็นอย่างยิ่งของกองทัพอากาศไทยครับ