วันพฤหัสบดีที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2568

สิงคโปร์จะจัดหาเครื่องบินลาดตระเวนทางทะเล P-8A Poseidon สหรัฐฯ 4เครื่อง

Singapore announces intent to procure P-8A aircraft



Singapore aims to procure four Boeing P-8A Poseidon aircraft as part of the first phase of the Singapore Armed Forces' refresh of its maritime security capabilities. (Boeing)




The P-8A aircraft will replace the RSAF's ageing fleet of five Fokker 50 maritime patrol aircraft. (Singapore Ministry of Defence)

สิงคโปร์ได้ประกาศว่าตนจะจัดหาเครื่องบินลาดตระเวนทางทะเล Boeing P-8A Poseidon เพื่อเพิ่มขยายขีดความสามารถการลาดตระเวนทางทะเลของกองทัพอากาศสิงคโปร์(RSAF: Republic of Singapore Air Force)
การประกาศได้มีขึ้นโดยรัฐมนตรีกลาโหมสิงคโปร์ Chan Chun Sing ตามการเข้าพบกับรัฐมนตรีกระทรวงการสงครามสหรัฐฯ Pete Hegseth ที่ Pentagon สหรัฐฯเมื่อวันที่ 10 กันยายน 2025

เครื่องบินลาดตระเวนทางทะเล P-8A Poseidon จำนวน 4เครื่องจะถูกจัดหา "ในระยะที่1 ของการปรับเปลี่ยนใหม่ขีดความสามารถการลาดตระเวนทางทะเลของกองทัพสิงคโปร์(SAF: Singapore Armed Forces)
ตามที่เพื่อจะเสริมความแข็งแกร่งการหยั่งรู้สถานการณ์ทางทะเลและความสามารถที่ต่อต้านภัยคุกคามใต้ผิวน้ำต่างๆของกองทัพสิงคโปร์" กระทรวงกลาโหมสิงคโปร์กล่าวในแถลงการณ์เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2025

กระทรวงกลาโหมสิงคโปร์เสริมว่าเครื่องบินลาดตระเวนทางทะเล P-8A จะทดแทนเครื่องบินลาดตระเวนทางทะเล Fokker 50 MPA(Maritime Patrol Aircraft) จำนวน 5เครื่องที่มีอายุการใช้งานมานานซึ่งเข้าประจำการในกองทัพอากาศสิงคโปร์ตั้งแต่ปี 1993

กองทัพสิงคโปร์ยังได้ประเมินค่าเครื่องบินลาดตระเวนทางทะเล Airbus C295 MPA ยุโรป(https://aagth1.blogspot.com/2023/12/c295-mpa-c295-msa-16.html, https://aagth1.blogspot.com/2023/01/airbus-c295-mpa-2023.html
ในฐานะการทดแทนที่เป็นได้สำหรับฝูงบินเครื่องบินลาดตระเวนทางทะเล Fokker 50 MPA ตามการเปิดเผยโดยอดีตรัฐมนตรีกลาโหมสิงคโปร์ Ng Eng Hen ในเดือนมีนาคม 2025(https://aagth1.blogspot.com/2025/03/invincible-2.html)

ตามข้อมูลจากรัฐมนตรีกลาโหมสิงคโปร์ Chan การสั่งจัดหาเครื่องบินขับไล่ Lockheed Martin F-35A/B Lightning II ของสิงคโปร์กำลังมีความคืบหน้า ในเดือนมีนาคม 2024 สิงคโปร์ได้ประกาศว่า
ตนจะจัดหาเครื่องบินขับไล่ F-35A Lightning II รุ่นบินขึ้นลงตามแบบ(CTOL: Conventional Take-Off and Landing) จำนวน 8เครื่อง(https://aagth1.blogspot.com/2024/03/f-35a-8-f-35b-12.html)

ในการเพิ่มเติมต่อเครื่องบินขับไล่ F-35B Lightning II รุ่นบินขึ้นระยะสั้นลงจอดทางดิ่ง(STOVL: Short Take-Off Vertical Landing) จำนวน 12เครื่องที่มีสัญญาจัดหาแล้ว(https://aagth1.blogspot.com/2023/03/f-35b-stovl.html)
ตามข้อมูลจากรัฐมนตรีกลาโหมสิงคโปร์ Chan การผลิตของเครื่องบินขับไล่ F-35A/B จำนวน 20เครื่องได้รับการดำเนินการแล้ว โดยโครงการ "เป็นไปตามกำหนดการ" สำหรับการส่งมอบในปลายปี 2026 เป็นต้นไป

Janes ได้รายงานก่อนหน้านี้ว่าสิงค์โปร์มองที่จะจัดหาเครื่องบินลาดตระเวนทางทะเลใหม่ที่มีสมรรถนะเหนือกว่าเครื่องบินลาดตระเวนทางทะเล Fokker 50 MPA ที่จะทำให้กองทัพสิงคโปร์เสริมความแข็งแกร่งมาตรการรักษาความปลอดภัยทางทะเลของตน
ที่ยังรวมถึงการลงนามสัญญาจัดหาเรือดำน้ำชั้น Invincible(Type 218SG) เพิ่มเติม 2ลำสำหรับกองทัพเรือสิงคโปร์(RSN: Republic of Singapore Navy) จากที่สั่งจัดหาแล้ว 4ลำ รวมเป็น 6ลำด้วยครับ(https://aagth1.blogspot.com/2025/05/type-218sg-invincible-2.html)

วันพุธที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2568

เรือฟริเกตชั้น Brawijaya ลำแรก KRI Brawijaya เดินทางมาถึงอินโดนีเซียแล้ว

Indonesia's first Brawijaya-class frigate arrives home







KRI Brawijaya seen here while it was arriving its home at Tanjung Priok base in North Jakarta on 8 September. (Indonesian Navy)



เรือตรวจการณ์ไกลฝั่งอเนกประสงค์ PPA(Pattugliatore Polivalente d'Altura)/MPCS(Multipurpose Combat Ship) ลำแรกที่สร้างในอิตาลีของอินโดนีเซียได้เดินทางมาถึงอินโดนีเซียแล้ว
เรือฟริเกตชั้น Brawijaya ลำแรก เรือฟริเกต KRI Brawijaya หมายเลขเรือ 320 ซึ่งมีพิธีขึ้นระวางประจำการในเดือนกรกฎาคม 2025(https://aagth1.blogspot.com/2025/07/ppa-kri-brawijaya.html)

ได้รับการต้อนรับอย่างเป็นทางการโดยกองทัพเรืออินโดนีเซีย(Indonesian Navy, TNI-AL: Tentara Nasional Indonesia-Angkatan Laut) ณ ฐานทัพเรือ Tanjung Priok ใน North Jakarta เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2025
เรือฟริเกต KRI Brawijaya (320) ได้มาถึงฐานทัพเรือ Tanjung Priok หลังจากเสร็จสิ้นการเดินเรือเป็นเวลา 44วันจากอิตาลีและเยือนท่าเรือต่างๆในห้าประเทศตลอดเส้นทางรวมถึงนครหลวง Colombo ศรีลังกา

พิธีต้อนรับเรือฟริเกต KRI Brawijaya นำโดยรัฐมนตรีกลาโหมอินโดนีเซีย Sjafrie Sjamsoeddin ร่วมกับผู้บัญาชาการกองทัพอินโดนีเซีย(Indonesian National Armed Forces, TNI: Tentara Nasional Indonesia) พลเอก Agus Subiyanto
"นี่เป็นเหตุการณ์ที่น่าภาคภูมิใจ แต่ยังเป็นความท้าทายสำหรับเราที่จะดำรงทักษะต่างๆและความพร้อมที่ถูกคาดหวังโดยประชาชนอินโดนีเซีย" รัฐมนตรีกลาโหมอินโดนีเซีย Sjamsoeddin กล่าวในการปราศรัยของเขาในพิธีต้อนรับเรือ

ซึ่งพิธีต้อนรับเรือฟริเกต KRI Brawijaya ได้มีการถ่ายทอดสดเมื่อวันที่ 8 กันยายน 2025 ผ่านหลากหลายช่องทางสื่อสังคม online บนผู้ให้บริการ streaming ของบัญชีทางการของรัฐและสื่ออินโดนีเซีย
รัฐมนตรีกลาโหมอินโดนีเซียยังได้อธิบายเรือฟริเกต KRI Brawijaya ในฐานะเรือรบที่จะมีบทบาททางยุทธศาสตร์ในการปกป้องทรัพยากรทางทะเลของอินโดนีเซีย โดยเฉพาะในการเผชิญหน้ากับความท้าทายในภูมิภาคที่เพิ่มสูงขึ้น

KRI Brawijaya เป็นหนึ่งในเรือตรวจการณ์ไกลฝั่งอเนกประสงค์ PPA ที่ได้ถูกจัดหาสำหรับกองทัพเรืออินโดนีเซียภายใต้สัญญาวงเงิน 1.18 billion Euros($1.39 billion) ที่ได้รับการประกาศให้กับบริษัท Fincantieri อิตาลีผู้สร้างเรือในเดือนมีนาคม 2024
ที่เดิมถูกกำหนดสำหรับกองทัพเรืออิตาลี(Italian Navy, Marina Militare) และเดิมควรจะเข้าประจำการในชื่อเรือตรวจการณ์ไกลฝั่ง P433 Marcantonio Colonna(https://aagth1.blogspot.com/2024/03/ppa.html

เรืออีกลำที่อยู่ในสัญญาซึ่งเดิมควรจะเข้าประจำการในกองทัพเรืออิตาลีในชื่อเรือตรวจการณ์ไกลฝั่ง P435 Ruggiero di Lauria ขณะนี้เป็นที่รู้จักในชื่อเรือฟริเกต KRI Prabu Siliwangi หมายเลขเรือ 321
เรือฟริเกตชั้น Brawijaya ลำที่สอง เรือฟริเกต KRI Prabu Siliwangi (321) กำลังได้รับการเตรียมการสำหรับการส่งมอบให้แก่กองทัพเรืออินโดนีเซีย(https://aagth1.blogspot.com/2025/02/ppa-2025.html)

ตามแถลงการณ์ของกองทัพเรืออินโดนีเซีย เรือฟริเกตชั้น Brawijaya มีความเร็วเรือสูงสุดที่ 32knots และรองรับกำลังพลประจำเรือที่ 171นาย และจะเป็นเรือรบผิวน้ำที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประจำการกองทัพเรืออินโดนีเซียปัจจุบัน
โดยกำหนดประเภทเรือเป็น 'เรือฟริเกต' อย่างไรก็ตาม KRI Brawijaya ถูกส่งมอบให้อินโดนีเซียโดยยังไม่ได้รับการติดตั้งอาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่พื้นต่อต้านเรือผิวน้ำและ Torpedo เบาปราบเรือดำน้ำครับ

วันอังคารที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2568

Boeing เสร็จสิ้นการสาธิตขีดความสามารถอากาศยานไร้คนขับ MQ-28A Ghost Bat ออสเตรเลีย

Boeing completes MQ-28 capability demonstrations





The Boeing MQ-28 Ghost Bat Collaborative Combat Aircraft (CCA) is scheduled to begin air-to-air weapons trials in 2025–26. (Boeing)



บริษัท Boeing สหรัฐฯและกองทัพอากาศออสเตรเลีย(RAAF: Royal Australian Air Force) ได้ประกาศการเสร็จสิ้นของการประเมินค่าการสาธิตขีดความสามารถการปฏิบัติการต่างๆ
ของอากาศยานรบทำงานร่วมกัน(CCA: Collaborative Combat Aircraft) แบบ MQ-28 Ghost Bat(https://aagth1.blogspot.com/2025/06/mq-28a-ghost-bat.html) ที่มีกำหนดจะเริ่มต้นการทดสอบอาวุธอากาศสู่อากาศในปี 2025-2026

กองทัพอากาศออสเตรเลียได้กำหนดให้อากาศยานรบทำงานร่วมกัน MQ-28 Ghost Bat CCA ที่จะ "หลายชุดของด้านการปฏิบัติการที่เกี่ยวข้องกับภารกิจต่างที่ได้รับการออกแบบ
เพื่อที่จะเสริมและเพิ่มขยายขีดความสามารถต่างๆของระบบอากาศยานแบบที่มีนักบินบังคับที่มีอยู่" บริษัท Boeing กล่าวในแถลงการณ์เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2025 ที่ผ่านมา

การทดสอบต่างๆได้ถูกดำเนินการภายใต้โครงการการสาธิตขีดความสามารถ 2025(Capability Demonstration 2025) ผลการทดสอบต่างๆได้ยืนยันรับรองความต้องการการปฏิบัติการห้าข้อกำหนด 
และได้เสร็จสิ้นภายในสี่เดือนก่อนหน้ากำหนดการ บริษัท Boeing เสริม ตามข้อมูลของบริษัท Boeing ข้อกำหนดความต้องการต่างๆรวมถึงการสาธิตของขีดความสามารถต่างๆ

ของพฤติกรรมอัตโนมัติต่างๆของระบบและ "การดำเนินการปฏิบัติการภารกิจ", "การปฏิบัติการด้วยอากาศยานหลายเครื่อง(multiship) เพื่อมอบปริมาณการรบจำนวนมาก(combat mass), 
การวางกำลังไปยังฐานทัพอากาศที่ห่างไกลเพื่อทดสอบขีดความสามารถของอากาศยานที่จะปฏิบัติการในสภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคย(https://aagth1.blogspot.com/2024/12/f-35a-72.html),

และการทำงานเป็นทีมกับเครื่องบินควบคุมและแจ้งเตือนทางอากาศ Boeing E-7 Wedgetail(https://aagth1.blogspot.com/2022/05/e-7-wedgetail-e-3-awacs.html) ขณะที่บรรลุผล "การหลอมรวมข้อมูลกับ MQ-28 จำนวนหลายเครื่อง, 
และการถ่ายทอดข้อมูลดังกล่าวไปยังระบบอากาศยานที่มีนักบินบังคับ" ในการแถลงข่าวที่ Woomera เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2025 รัฐมนตรีอุตสาหกรรมกลาโหมออสเตรเลีย Pat Conroy กล่าวว่าการสาธิตได้รวมถึง 

"เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ(หนึ่งนาย) ใน E-7 Wedgetail ทำการควบคุม MQ-28 สองเครื่องพร้อมกัน และส่งอากาศยานไร้คนขับเล่านี้ไปในภารกิจของเครื่อง" การทดสอบมุ่งไปที่การประเมินขีดความสามารถตามแผนของ MQ-28
ที่จะเสร็จสี่ก้าวย่างแรกใน 'ห่วงโซ่การรบทางอากาศ'(air combat chain) ที่ประกอบด้วยการค้นหา, ตรึง, ติดตาม และกำหนดเป้าหมาย ด้วยพฤติกรรมอัตโนมัติ, ลดความเสี่ยงของระบบที่มีนักบินต่างๆ ตามข้อมูลจาก Boeing ครับ

วันจันทร์ที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2568

Rheinmetall เยอรมนีเปิดตัวระบบป้องกันภัยทางอากาศอัตตาจร Lynx Skyranger 35

DSEI 2025: Rheinmetall unveils Lynx KF41 Skyranger 35





Rheinmetall has unveiled the KF41 Lynx Skyranger 35 in a video and will display the mobile air-defence system at DSEI 2025. (Rheinmetall)



บริษัท Rheinmetall เยอรมนีเปิดตัวระบบป้องกันภัยทางอากาศภาคพื้นดินอัตตาจรแบบ KF41 Lynx Skyranger 35(SR35) ในวีดิทัศน์ที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 4 กันยายน 2025 และจะจัดแสดงระบบดังกล่าว 
ณ นิทรรศการยุทโธปกรณ์การป้องกันประเทศและความมันคงนานชาติ Defence and Security Equipment International(DSEI) 2025 ที่จะจัดขึ้นในกรุง London สหราชอาณาจักรระหว่างวันที่ 9-12 กันยายน 2025

บริษัท Rheinmetall อธิบายระบบป้องกันภัยทางอากาศอัตตาจรสายพาน Lynx Skyranger 35 ว่า "มีความคล่องแคล่วการเคลื่อนที่สูง, modular และปรับขนาดได้, เช่นเดียวกับความสำคัญที่เพิ่งขึ้นสำหรับการป้องกันร่วมกัน(collective defence) ของ NATO"
Rheinmetall เยอรมนีเคยจัดแสดงระบบป้องกันภัยทางอากาศอัตตาจรสายพาน KF41 Lynx Skyranger 30(SR30) ณ งาน Eurosatory 2024 ซึ่งยังจัดแสดงป้อมปืนใหญ่กล SR35 ที่บูรณาการกับรถแคร่ฐานรถถังหลัก Leopard 2A4

ทั้งป้อมปืนใหญ่กล SR30 และป้อมปืนใหญ่กล SR35 มี radar ค้นหาและอุปกรณ์ติดตามเป้าหมาย ขณะที่ดังเดิมมีปืนใหญ่กลลูกโม่ revolver แบบ Oerlikon 30mmx173calibre และอย่างหลังปืนใหญ่กล 35mmx228calibre เป็นอาวุธ
ป้อมปืนใหญ่กล SR35 มี AESA(Active Electronically Scanned Array) multimission radar ของ Oerlikon ทำงานในยานความถี่ S-band ชุดคำสั่ง software คัดกรอง pulse-Doppler multimission radar

ที่ทำงานกวาด scan ค้นหาอย่างต่อเนื่องต่อภัยคุกคามทางอากาศต่างๆหลากหลายรูปแบบ ทั้งป้อมปืนใหญ่กล SR30 และป้อมปืนใหญ่กล SR35ยังมีคุณลักษณะมาตรการต่อต้านการต่อต้านทาง electronic(ECCM:  Electronic Counter-Countermeasures)
โดยมีตัวเลือกของระบบพิสูจน์ฝ่าย IFF(Identification Friend-or-Foe) Mode 5 ทั้งระบบป้องกันภัยทางอากาศ Skyranger 35 และ Skyranger 30 ถูกออกแบบให้สามารถที่จะปฏิบัติการขณะเคลื่อนที่ได้

ปืนใหญ่กลลูกโม่ revolver แบบ Oerlikon 35mm ของระบบ SR35 สามารถยิงกระสุนกระสุนแตกอากาศ(airburst) ได้ที่อัตรายิง 1,000นัด/นาที และมีคุณลักษณะการป้อนกระสุนแบบไร้ข้อต่อสายกระสุนด้วยซองกระสุนความจุ 252นัด
กระสุนชนวนเวลาพลังงานจลน์ KETF(Kinetic Energy Time Fuse) บรรจุกระสุนย่อย tungsten และถูกออกแบบเพื่อกำจัดเป้าหมายผิวบางต่างๆ เช่น อากาศยานไร้คนขับ(UAV: Unmanned Aerial Vehicle), อากาศยานปีกนิ่งและอากาศยานปีกหมุน,

เป้าหมายหุ้มเกราะเบาต่างๆ เช่น เฮลิคอปเตอร์โจมตี, รถเกราะล้อยางลำเลียงพล BTR-80 APC(Armoured Personnel Carrier), เป้าหมายในเขตชุมชนต่างๆ เช่น สิ่งปลูกสร้างที่สร้างจากดินเหนียว(adobe), คอนกรีต, อิฐ และกำลังพล
ปืนใหญ่กล Oerlikon 35mm ยังมีขีดความสามารถในการต่อต้านจรวด, ปืนใหญ่, และเครื่องยิงลูกระเบิด(C-RAM: Counter-Rocket, Artillery, and Mortar) ด้วยครับ(https://aagth1.blogspot.com/2024/07/lynx.html)

วันอาทิตย์ที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2568

Boeing สหรัฐฯเพิ่มอากาศยานรบไร้คนขับ Ghost Bat ในการเสนอเครื่องบินขับไล่ F-15EX แก่โปแลนด์

MSPO 2025: Boeing adds Ghost Bat CCA to F-15EX bid for Poland







An artist's impression of the Boeing F-15EX Eagle II manned combat aircraft operating in concert with a pair of Boeing MQ-28 Ghost Bat ‘loyal wingmen', as per the company's latest bid to Poland. (Boeing)

บริษัท Boeing สหรัฐฯได้เสริมข้อเสนอของตนสำหรับความต้องการที่เป็นไปได้ของโปแลนด์สำหรับระบบเครื่องบินรบสองเครื่องยนต์ด้วยขีดความสามารถอากาศยานรบทำงานร่วมกัน(CCA: Collaborative Combat Aircraft)
ณ งานแสดงอาวุธยุทโธปกรณ์นานาชาติ MSPO 2025 ใน Kielce โปแลนด์ ที่มีขึ้นระหว่างวันที่ 2-5 กันยายน 2025 ที่ผ่านมา(https://aagth1.blogspot.com/2023/09/boeing-f-15ex-eagle-ii.html)

การส่งเสริมการประชาสัมพันธ์เครื่องบินขับไล่  F-15EX Eagle II ของ Boeing สหรัฐฯแก่กระทรวงกลาโหมโปแลนด์(https://aagth1.blogspot.com/2025/07/f-15ex-2026.html, https://aagth1.blogspot.com/2025/03/boeing-f-15ex-lot-2.html)
ในฐานะส่วนหนึ่งของ 'Team Eagle' ร่วมไปกับบริษัท General Electric สหรัฐฯ, บริษัท BAE Systems สหราชอาณาจักร-สหรัฐฯ และบริษัท Raytheon สหรัฐฯ ณ งานแสดง MSPO 2025

งานแสดง MSPO 2025 ในปีนี้บริษัท Boeing ยังเลือกที่จะส่งเสริมการประชาสัมพันธ์อากาศยานรบทำงานร่วมกัน MQ-28 Ghost Bat CCA ของตน(https://aagth1.blogspot.com/2025/06/mq-28a-ghost-bat.html)
ซึ่งเจ้าหน้าที่ Boeing สหรัฐฯตั้งข้อสังเกตว่าสามารถสร้างความพึ่งพอใจต่อความต้องการของโปแลนด์สำหรับ "จำนวนเครื่องปริมาณมากที่เหมาะสมในค่าใช้จ่ายที่ไม่แพง" ได้

การพูดคุยในการประชุมโต๊ะกลมสื่อ ณ งานแสดง MSPO 2025 ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่าการพัฒนาธุรกิจนานาชาติของ Boeing สหรัฐฯ Tim Flood ยืนยันว่าอากาศยานรบไร้คนขับ MQ-28 Ghost Bat
(พัฒนาโดยบริษัท Boeing Defence Australia ออสเตรเลีย-สหรัฐฯ และเครือรัฐออสเตรเลีย) ได้ดำเนินการทำการบินทดสอบเป็นจำนวน "หลายร้อย" ครั้งแล้ว

Flood ได้กล่าวไปสู่การเน้นย้ำต่อไปว่า การทดสอบระบบอาวุธอากาศสู่อากาศสำหรับอากาศยานรบทำงานร่วมกัน MQ-28 Ghost Bat CCA มีกำหนดจะมีขึ้นในอีก 12เดือนข้างหน้า
ในการเพิ่มเติมต่อทีมมีคนบังคับ-ไร้คนขับ(MUM-T: Manned-Unmanned Teaming) กับอากาศยานรบแบบมีนักบินบังคับในปี 2026(https://aagth1.blogspot.com/2022/03/loyal-wingman-uav-mq-28a-ghost-bat.html)

ข้อเสนอของบริษัท Boeing ต่อโปแลนด์มีขึ้นเพื่อตอบสนองต่อความพยายามของกระทรวงกลาโหมโปแลนด์ที่จะปรับปรุงขีดความสามารถของกองทัพอากาศโปแลนด์(Polish Air Force, ISP: Inspektorat Sił Powietrznych) ในเวลาอันสั้นมาก
หลังจากจัดหาเครื่องบินขับไล่โจมตีเบา Korea Aerospace Industries(KAI) FA-50 Fighting Eagle จำนวน 48เครื่องในปี 2022(https://aagth1.blogspot.com/2023/05/fa-50pl-sniper-atp.html, https://aagth1.blogspot.com/2022/09/fa-50pl.html)

เพื่อเสริมกับเครื่องบินขับไล่ Lockheed Martin F-16 C/D Block 52+ จำนวน 47เครื่องที่จะได้รับการปรับปรุงครึ่งอายุ(MLU: Mid-Life Upgrade) เป็นมาตรฐานเครื่องบินขับไล่ F-16V Viper(https://aagth1.blogspot.com/2025/08/mlu-f-16v-48.html)
และเครื่องบินขับไล่ Lockheed Martin F-35A Lightning II จำนวน 32เครื่องที่กำลังจะถูกส่งมอบในเร็วๆนี้ครับ(https://aagth1.blogspot.com/2025/03/f-35-1.html, https://aagth1.blogspot.com/2024/12/f-35a-husarz.html)

วันเสาร์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2568

กองทัพอากาศไทยทำพิธีบรรจุประจำการเครื่องบินโจมตี บ.จ.๘ AT-6TH
















The Royal Thai Air Force (RTAF) held commissioning ceremony for all eight Beechcraft AT-6TH Wolverine light attack aircrafts of 411th Squadron, Wing 41 Chiang Mai RTAF base on 4 September 2025. 
The Commanders-in-chief of the Royal Thai Air Force, Air Chief Marshal Punpakdee Pattanakul and the U.S. Ambassador to the Kingdom of Thailand, Mr.Robert Frank Godec also attended to AT-6TH commissioning ceremony at Wing 41 Chiang Mai. (Royal Thai Air Force)





กองทัพอากาศบรรจุประจำการเครื่องบินโจมตีเบาแบบที่ 8 (AT-6TH) ณ กองบิน 41
เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 4 กันยายน 2568 พลอากาศเอก พันธ์ภักดี  พัฒนกุล ผู้บัญชาการทหารอากาศ เป็นประธานในพิธีบรรจุประจำการเครื่องบินโจมตีเบาแบบที่ 8 (AT-6TH) ณ กองบิน 41 จังหวัดเชียงใหม่ 
โดยมีเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ คณะผู้สังเกตการณ์ภายใต้ข้อตกลงคุณธรรม ผู้แทนส่วนราชการ ตลอดจนผู้แทนจากบริษัทอุตสาหกรรมการบิน จำกัด บริษัท Textron Aviation Defense LLC บริษัท Sam Teltech และบริษัท RVC เข้าร่วมเป็นเกียรติในพิธีอย่างพร้อมเพรียง
กองทัพอากาศได้ดำเนินโครงการจัดหาเครื่องบินโจมตีเบา (AT-6TH) จำนวน 8 เครื่อง จากประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อเข้าประจำการ ณ ฝูงบิน 411 กองบิน 41 ทดแทนเครื่องบินขับไล่และฝึกแบบที่ 1 (L-39ZA/ART) ที่ปลดประจำการไปเมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2564 
โดยการจัดหาดังกล่าวได้มีการลงนามสัญญากับบริษัท Textron Aviation Defense LLC เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2564 ภายใต้ข้อตกลงคุณธรรม (Integrity Pact) เพื่อให้การใช้งบประมาณของรัฐเป็นไปด้วยความโปร่งใส คุ้มค่า มีประสิทธิผล และเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติและประชาชน
ทั้งนี้ กองทัพอากาศได้ส่งนักบินจำนวน 8 นาย เข้ารับการฝึกบินกับเครื่องบินโจมตีเบา AT-6TH ณ สหรัฐอเมริกา โดยสำเร็จหลักสูตรครูการบินและนักบินทดสอบครบถ้วน พร้อมผลการฝึกที่อยู่ในระดับดีเยี่ยม ทำให้การจัดหาเครื่องบินครั้งนี้ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการยกระดับเทคโนโลยีการบินของกองทัพอากาศให้ทันสมัยและมีความพร้อมรอบด้าน
นอกจากอากาศยานแล้ว โครงการนี้ยังได้รับการสนับสนุนด้านเครื่องมือ อุปกรณ์ การฝึกอบรม และการปรับปรุงอาคารสถาที่สนับสนุนจากโครงการช่วยเหลือทางทหารแบบให้เปล่า US Title 10 Chapter 16 Section 333 Authority to Build Capability ของรัฐบาลสหรัฐฯ เพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถในการปฏิบัติภารกิจ อาทิ 
การโจมตีทางอากาศ การค้นหาและช่วยชีวิตในพื้นที่รบ การลาดตระเวน การสนับสนุนการรบภาคพื้น การสกัดกั้นการลักลอบข้ามแดนและขนส่งยาเสพติด ตลอดจนการปฏิบัติภารกิจเพื่อสาธารณประโยชน์ เช่น การควบคุมไฟป่าและบรรเทาสาธารณภัย เป็นต้น
ผู้บัญชาการทหารอากาศได้กล่าวย้ำว่า การจัดหาในครั้งนี้ดำเนินไปด้วยความโปร่งใส โปร่งประโยชน์ และคุ้มค่าอย่างแท้จริง โดยปัจจุบันฝูงบิน 411 ได้รับมอบเครื่องบินครบจำนวน 8 เครื่องเรียบร้อยแล้ว ซึ่งท่ามกลางสถานการณ์ความขัดแย้งบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา เครื่องบินโจมตีเบา AT-6TH ได้รับการพิจารณาในการปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนติดอาวุธและสนับสนุนการป้องกันประเทศอย่างเต็มศักยภาพ
การบรรจุประจำการเครื่องบินโจมตีแบบที่ 8 (AT-6TH) ในครั้งนี้ นับเป็นอีกหนึ่งหน้าประวัติศาสตร์สำคัญของฝูงบิน 411 กองบิน 41 และกองทัพอากาศ ที่จะนำไปสู่การบูรณาการด้านการปฏิบัติการบินร่วมกับส่วนราชการด้านความมั่นคง เพื่อธำรงไว้ซึ่งอธิปไตยและความมั่นคงของชาติสืบไป

“AT-6TH กำลังรบใหม่แห่งกองทัพอากาศไทย เติมเต็มขีดความสามารถ ปกป้องอธิปไตยชาติ”
วันนี้นับเป็นอีกหนึ่งก้าวประวัติศาสตร์ของกองทัพอากาศไทย ที่บรรจุเครื่องบินโจมตีแบบที่ 8 (AT-6TH) จำนวน 8 เครื่อง ประจำการ ณ ฝูงบิน 411 กองบิน 41 จังหวัดเชียงใหม่
เครื่องบิน AT-6TH คือก้าวสำคัญในการเสริมสร้างขีดความสามารถของกองทัพอากาศ เพื่อภารกิจที่หลากหลาย อาทิ
การโจมตีทางอากาศ
การลาดตระเวนติดอาวุธ
การช่วยเหลือค้นหาและกู้ภัย
การสนับสนุนภาคพื้นดิน
การปราบปรามยาเสพติดและป้องกันชายแดน
การช่วยเหลือประชาชน เช่น ควบคุมไฟป่าและบรรเทาสาธารณภัย
โดย พลอากาศเอก พันธ์ภักดี  พัฒนกุล ผู้บัญชาการทหารอากาศ เป็นประธานในพิธี บรรจุประจำการ เครื่องบินโจมตีแบบที่ 8 และได้รับเกียรติจาก Mr. Robert Frank Godec เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย, คุณชัชวาล ปัญญา รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ และแขกผู้มีเกียรติหลายท่าน มาร่วมเป็นสักขีพยาน
นี่คืออีกหนึ่งก้าวที่สะท้อนถึง ความพร้อม ปณิธาน และความร่วมมือไทย–สหรัฐฯ ในการปกป้องอธิปไตยและสร้างความมั่นคงให้แก่ชาติ
“AT-6TH ไม่ใช่แค่เครื่องบินรบ แต่คือความมั่นใจของคนไทยทุกคน”

กองทัพอากาศไทย(RTAF: Royal Thai Air Force) ได้ทำพิธีบรรจุประจำการของเครื่องบินโจมตีแบบที่๘ บ.จ.๘ Beechcraft AT-6TH Wolverine ทั้งหมดจำนวน ๘เครื่อง ณ ฝูงบิน๔๑๑ กองบิน๔๑ เชียงใหม่ เมื่อวันที่ ๔ กันยายน พ.ศ.๒๕๖๘(2025) เป็นการเสร็จสิ้นโครงการที่ดำเนินมาตั้งแต่การลงนามสัญญาจัดหาเมื่อวันที่ ๑๔ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๖๔(2021)(https://aagth1.blogspot.com/2021/11/at-6th.html)
พิธีได้เริ่มต้นโดยเครื่องบินโจมตี บ.จ.๘ AT-6TH ทำการบินคุ้มกันเครื่องบินลำเลียงแบบที่๑๕ก บ.ล.๑๕ก Airbus A320-214CJ ฝูงบิน๖๐๒ กองบิน๖ ดอนนเมือง ที่มีผู้บัญชาการทหารอากาศไทย พลอากาศเอก พันธ์ภักดี พัฒนกุล, เอกอัครราชทูตสหรัฐฯประจำประเทศไทย Mr.Robert Frank Godec, คณะตัวแทนส่วนราชการไทยและภาคเอกชนของไทยและต่างประเทศและสื่อเดินทางมาลงจอดที่กองบิน๔๑ ในจังหวัดเชียงใหม่

ตั้งแต่ที่ได้รับมอบเครื่องบินโจมตี บ.จ.๘ AT-6TH Wolverine ครบ ๘เครื่องตามสัญญาที่รวมถึงการถ่ายทอดวิทยาการแก่ภาคอุตสาหกรรมการบินของไทยในราวในเดือนมิถุนายน พ.ศ.๒๕๖๘(https://aagth1.blogspot.com/2025/01/at-6th-8.html, https://aagth1.blogspot.com/2025/01/at-6th.html) ซึ่งได้มีการฝึกนักบินพร้อมรบ(https://aagth1.blogspot.com/2025/01/solo-at-6th.html)
และการฝึกการปฏิบัติการภารกิจต่างๆมาอย่างต่อเนื่อง(https://aagth1.blogspot.com/2025/03/at-6th.html) รวมถึงการเข้าร่วมการฝึกผสม AIR THAISING 2025 กับกองทัพอากาศสิงคโปร์(RSAF: Republic of Singapore Air Force) ระหว่างวันที่ ๑๔-๒๕ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๖๘ ณ กองบิน๑ โคราช เป็นการฝึกร่วมกับมิตรประเทศเป็นครั้งแรก(https://aagth1.blogspot.com/2025/07/at-6th-air-thaising-2025.html)

และตามมาต่อเนื่องด้วยการฝึกผสม ENDURING PARTNERS 2025 กับกองทัพอากาศสหรัฐฯ(USAF: US Air Force) ระหว่างวันที่ ๑๘-๒๙ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๖๘(https://aagth1.blogspot.com/2025/08/enduring-partners-2025.html) ณ กองบิน๑ โคราชเช่นเดียวกัน ทั้งนี้ในการให้สัมภาษณ์สื่อระหว่างพิธีบรรจุประจำการเครื่องบินโจมตี บ.จ.๘ AT-6TH ผู้บัญชาการทหารอากาศไทย พล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล ยืนยันว่า
เครื่องบินโจมตี บ.จ.๘ AT-6TH ได้มีส่วนร่วมในการปะทะตามแนวชายแดนระหว่างไทยและกัมพูชาในปลายเดือนกรกฎาคม พ.ศ.๒๕๖๘ แม้ว่าจะไม่ได้ให้รายละเอียด ผบ.ทอ.ไทยเสริมว่าการส่งข้อมูลภาพจากสนามรบในเวลาจริงเป็นขีดความสามารถหนึ่งของเครื่องบิน มีความประหยัด เงียบ และแม่นยำสูงจากระยะไกลเหมาะสมกับภารกิจการโจมตีสนับสนุนกำลังภาคพื้นดินถ้าไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องบินรบที่ติดอาวุธได้หนักกว่า

นอกจากโครงการจัดหาเครื่องบินขับไล่แบบที่ ๒๐ข/ค บ.ข.๒๐ข/ค Saab Gripen E/F จำนวน ๑๒เครื่องสำหรับฝูงบิน๑๐๒ กองบิน๑(https://aagth1.blogspot.com/2025/08/saab-gripen-ef.html, https://aagth1.blogspot.com/2025/08/gripen-ef.html) โครงการจัดหาตามสมุดปกขาว RTAF White Paper 2025(https://aagth1.blogspot.com/2025/06/rtaf-white-paper-2025.html) ที่อาจจะต้องมีการแก้ไขเพิ่มเติมในอนาคตหลังการปะทะกับกองทัพกัมพูชาล่าสุด
ยังรวมถึงการทดแทนเครื่องบินขับไล่แบบที่๑๙/ก บ.ข.๑๙/ก Lockheed Martin F-16AM/BM EMLU ฝูงบิน๔๐๓ กองบิน๔ ตาคลี ด้วยเครื่องบินขับไล่ยุคที่ห้า, เครื่องบินขับไล่แบบที่๑๘ข/ค บ.ข.๑๘ข/ค Northrop F-5E/F TH Super Tigris ฝูงบิน๒๑๑ กองบิน๒๑ อุบลราชธานี และเครื่องบินโจมตีแบบที่๗ บ.จ.๗ Alpha Jet TH ฝูงบิน๒๓๑ กองบิน๒๓ อุดรธานี ด้วยอากาศยานรบไร้คนขับ(UCAV: Unmanned Combat Aerial Vehicle) ครับ