วันจันทร์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2568

อินโดนีเซียลงนามจัดหาเรือฟริเกตชั้น Istanbul ตุรกี 2ลำ

Indonesia inks deal with Turkiye for two I-class Frigates
Turkish Navy’s first I-class frigate TCG Istanbul. (Photo courtesy of Cem Dogut, used with his permission)



Signing ceremony for the procurement of two I-class frigates by Indonesia during IDEF 2025. SSB picture.

อินโดนีเซียลงนามข้อตกลงกับกลุ่มบริษัท TAIS Shipyards ตุรกีผู้สร้างเรือสำหรับการจัดซื้อจัดจ้างเรือฟริเกตชั้น Istanbul(เรือฟริเกตชั้น I/เรือฟริเกต Istif) จำนวน 2ลำสำหรับกองทัพเรืออินโดนีเซีย(Indonesian Navy, TNI-AL: Tentara Nasional Indonesia-Angkatan Laut)
ข้อตกลงได้รับการลงนามเมื่อวันที่ 26 กรกฎาคม 2025 ระหว่างงานแสดงอุตสาหกรรมป้องกันประเทศนานาชาติ International Defence Industry Fair(IDEF) 2025 ที่จัดขึ้นในมหานคร Istanbul ระหว่างวันที่ 22-27 กรกฎาคม 2025

ข้อตกลงได้ถูกประกาศครั้งแรกโดยสำนักงานอุตสาหกรรมกลาโหมตุรกี(Secretariat of Defence Industries, SSB: Savunma Sanayii Başkanlığı) บนสื่อสังคม online "ณ งาน IDEF 2025 โดยการมีส่วนร่วมของประธานสำนักงานอุตสาหกรรมกลาโหมตุรกี Prof.Dr. Haluk Görgün บริษัท TAIS Shipyards ตุรกีได้ลงนามสัญญากับกระทรงกลาโหมอินโดนีเซียสำหรับเรือฟริเกตชั้น MİLGEM Istiif จำนวน 2ลำ 
นี่เป็นเครื่องหมายถึงการส่งออกแรกของทูร์เคียของเรือชั้น MİLGEM แก่อินโดนีเซียและแสดงถึงเหตุการณ์ที่มีนัยสำคัญในความร่วมมือยุทธศาสตร์ทางเรือ, การนำความภาคภูมิใจมาสู่ชาติของเรา เราหวังว่าความร่วมมือนี้จะรวบรวมการแบ่งปันวิสัยทัศน์การป้องกันประเทศทางทะเลของสองชาติพันธมิตร จะเป็นประโยชน์สำหรับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง"

ชุดภาพถ่ายแสดงให้เห็นว่าหัวหน้าฝ่ายสำนักงานสิ่งอำนวยความสะดวกทางกลาโหมของกระทรงกลาโหมอินโดนีเซีย พลอากาศเอก Yusuf Jauhari และรัฐมนตรีกลาโหมอินโดนีเซีย Sjafrie Sjamsoeddin ได้มีส่วนในพิธีลงนามสัญญา ผู้อำนวยการบริหารของ PT PAL รัฐวิสาหกิจผู้สร้างเรือของอินโดนีเซีย Dr.Kaharuddin Djenod และผู้อำนวยการบริหารของกลุ่มบริษัท TAIS ตุรกียังปรากฎตนในพิธีลงนามสัญญาด้วย
รายละเอียดต่างของข้อตกลงที่ได้รับการลงนามได้รับการเปิดเผยในขณะนี้ ตามที่มีบันทึกรายงาน PT PAL อินโดนีเซียและ TAIS ตุรกีบันทึกความเข้าใจ(MOU: Memorandum of Understanding) เกี่ยวกับเรือฟริเกตชั้น Istanbul ได้มีขึ้นในเดือนมิถุนายน 2025 ระหว่างนิทรรศการและการประชุมการป้องกันประเทศ Indo Defence 2025 ในนครหลวง Jakarta ระหว่างวันที่ 11-14 มิถุนายน 2025

อย่างไรก็ตามมีความเป็นได้ว่าเรือฟริเกตชั้น Istanbul ที่จะถูกส่งมอบให้อินโดนีเซียเป็นเรือที่อยู่ในการต่อเรือที่ตุรกีแล้ว(https://aagth1.blogspot.com/2025/01/istanbul-f-516-tcg-izmir-f-517-tcg-izmit.html) แทนที่จะถูกส่งมอบให้แก่กองทัพเรือตุรกี(Turkish Navy) เรือฟริเกตสองลำจะถูกส่งมอบให้กองทัพเรืออินโดนีเซียโดยตรง 
ในรูปแบบเดียวกับที่บริษัท Fincantieri อิตาลีดำเนินการกับเรือตรวจการณ์ไกลฝั่งอเนกประสงค์ PPA จำนวน 2ลำที่เดิมมีกำหนดจะส่งมอบให้กองทัพเรืออิตาลี(Italian Navy, Marina Militare) นี่ทำใหสามารถส่งมอบเรือแก่ลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว(https://aagth1.blogspot.com/2025/07/ppa-kri-brawijaya.html) แต่สร้างความล่าช้าในการฟื้นฟูกำลังทางเรือสำหรับกองทัพเรือของชาติผู้ขายเช่นกัน(https://aagth1.blogspot.com/2025/07/fincantieri-ppa-2.html)

โครงการเรือฟริเกตชั้น I ของตุรกีได้ถูกเริ่มต้นเพื่อการสร้างเรือฟริเกตใหม่จำนวน 4ลำเพื่อทดแทนเรือฟริเกตชั้น YAVUZ ที่มีอายุการใช้งานมานานของกองทัพเรือตุรกีในกลางปี 2020s ได้รับการพัฒนาภายใต้โครงการเรือรบภายในประเทศ MILGEM
เรือฟริเกตชั้น Istanbul เป็นแบบเรือที่มีขนาดใหญ่ขึ้นของเรือคอร์เวตปราบเรือดำน้ำชั้น Ada(https://aagth1.blogspot.com/2024/08/mazepa-f212-hetman-ivan-vyhovskyi.html) เรือมีความจุเชื้อเพลิงและระยะปฏิบัติการ/เดินเรือเพิ่มขึ้นราวร้อยละ50 เมื่อเปรียบเทียบกับเรือคอร์เวตขั้น Ada

เรือฟริเกตชั้น Istanbul ได้ถูกพัฒนาสำหรับสงครามปราบเรือดำน้ำ(ASW: Anti-Submarine Warfare) และสงครามต่อต้านเรือผิวน้ำ(ASuW: Anti-Surface Warfare), สงครามทางอากาศ, การลาดตระเวน, การตรวจการณ์, การตรวจจับเป้าหมาย, การพิสูจน์ทราบ, การตรวจพบและแจ้งเตือนล่วงหน้า
เรือฟริเกตชั้น Istanbul มีความยาวเรือที่ 113m และความกว้างที่ 14.4m เรือลำแรกเรือฟริเกต F-515 TCG İSTANBUL ถูกสร้างที่อู่เรือ Istanbul Naval Shipyard(https://aagth1.blogspot.com/2024/01/istanbul.html) และติดตั้งด้วยระบบขั้นก้าวหน้าต่างๆที่ตุรกีพัฒนาในประเทศ

รวมถึงอาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่พื้นต่อต้านเรือผิวน้ำ ATMACA ที่ตุรกีพัฒนาในประเทศ(https://aagth1.blogspot.com/2025/03/atmaca.html) และแท่นยิงแนวดิ่ง(VLS: Vertical Launch System) แบบ MİDLAS(https://aagth1.blogspot.com/2024/03/f-515-tcg-istanbul-hisar-d-midlas-vls.html) ที่พัฒนาโดยบริษัท Roketsan ตุรกี
ระบบป้องกันระยะประชิด(CIWS: Close-in Weapon System) แบบ Gökdeniz และ AESA(Active Electronically Scanned Array) radar แบบ Cenk-S ที่พัฒนาโดยบริษัท ASELSAN ตุรกี และระบบอำนวยการรบ(CMS: Combat Management System) แบบ ADVENT ที่พัฒนาโดยบริษัท HAVELSAN ตุรกีภายใต้การกำกับของกองบัญชาการกองเรือ(Naval Forces Command) กองทัพเรือตุรกี

มีบริษัททั้งหมด 220บริษัทที่มีส่วนร่วในโครงการเรือฟริเกตชั้น Istanbul รวมผู้รับสัญญารอง 80รายที่กำลังทำงานในการส่งมอบอีกมากกว่า 150ระบบ งานการสร้างเรือฟริเกตชั้น MİLGEM I ลำที่หก, ลำที่เจ็ด และลำที่แปด
สำหรับกองทัพเรือตุรกีซึ่งจะเป็นเรือน้องสาวของเรือฟริเกต F-515 TCG İSTANBUL เรือฟริเกตลำแรกที่ตุรกีออกแบบและสร้างในประเทศได้ถูกเริ่มต้นขึ้นในความเป็นหุ้นส่วนกับบริษัท STM ตุรกีและกลุ่มบริษัท TAİS ในปี 2023

คุณลักษณะเรือฟริเกตชั้น Istanbul
ความยาวเรือรวม: 113.2m
ความยาวตัวเรือที่แนวน้ำ: 105.2m
ความกว้างเรือสูงสุด: 14.4m
กินน้ำลึก: 4.05m
ระวางขับน้ำ: 3,000tons
ความเร็วสูงสุด: 29+knots
ความเร็วเดินทาง: 14knots
ระยะปฏิบัติการ: 5,700nmi ที่ความเร็วมัธยัสถ์ 14 knots
ระบบขับเคลื่อน: รูปแบบ CODAG(Combined Diesel and Gas) เครื่องยนต์ดีเซล MTU สองเครื่อง+เครื่องยนต์ gas turbine General Electric LM2500 หนึ่งเครื่อง สองเพลาและใบจักร CPP
เครื่องกำเนิดพลังงาน: เครื่องยนต์ดีเซลกำเนิดพลังงานไฟฟ้ากำลัง 560kw สี่เครื่อง
ระบบอำนวยการรบ CMS: HAVELSAN ADVENT
ชุดระบบตรวจจับ
-3D radar ตรวจการณ์สามมิติ (น่าจะเป็น Aselsan CENK-S AESA)
-radar นำร่อง (น่าจะเป็น Aselsan ALPER-P LPI)
-radar ควบคุมการยิง FCR: Fire Control Radar (2xAKR-D FCR)
-ระบบตรวจจับ EO System (น่าจะเป็น ASELFLIR-300T, PIRI KATS, และ AHTAPOT)
-sonar ตัวเรือ FERSAH
-ระบบมตรการต่อต้าน Torpedo(TCM: Torpedo Countermeasures System) HIZIR
-ระบบแจ้งเตือนการตรวจจับด้วย Laser 
-ระบบตรวจจับการแพร่สัญญาณไฟฟ้า(ESM: Electronic Support Measures)/ระบบมาตรการต่อต้าน elctronic(ECM: Electronic Countermeasures) ตระกูล ASELSAN ARES

การจัดกำลังทางเรือในอนาคตของกองทัพเรืออินโดนีเซีย
ในอนาคตอันใกล้เรือหลักใหม่ของกองทัพเรืออินโดนีเซียจะประกอบด้วยเรือสมัยใหม่หลายชั้นจากหลากหลายแหล่งที่มา(แต่เรือแต่ละชั้นประกอบด้วยเรือหลายลำ)
เรือฟริเกตชั้น Raden Eddy Martadinata จำนวน 2ลำ (แบบเรือ SIGMA 10514 จากบริษัท Damen เนเธอร์แลนด์)
เรือเร็วโจมตีทรง trimaran ความยาวเรือ 62m จำนวน 1ลำ เรือเร็วโจมตี KRI Golok (688) ออกแบบโดยบริษัท North Sea Boats อินโดนีเซีย
เรือฟริเกตชั้น Merah Putih จำนวน 2ลำ (แบบเรือฟริเกต Arrowhead 140 จากบริษัท Babcock สหราชอาณาจักร สร้างในประเทศโดย PT PAL อินโดนีเซีย ติดตั้งระบบจากตุรกีจำนวนมาก)(https://aagth1.blogspot.com/2024/06/merah-putih.html)
เรือตรวจการณ์ไกลฝั่งชั้น Brawijaya จำนวน 2ลำ(เรือตรวจการณ์ไกลฝั่งอเนกประสงค์ PPA สร้างโดย Fincantieri อิตาลี)
เรือฟริเกตชั้น Istanbul จำนวน 2ลำ
เรือเร็วโจมตี KCR-70M จำนวน 2ลำ(แบบเรือบริษัท Sefine Shipyard ตุรกี)
เรือเร็วโจมตี KCR-60M ชั้น Sampari จำนวน 6ลำ, ชั้น Belati จำนวน 3ลำ และชั้นใหม่กำลังสร้าง 1ลำ(หลากหลายแบบจากหลายอู่เรือในอินโดนีเซีย)

นอกเหนือจากนี้กองทัพเรืออินโดนีเซียจะปฏิบัติการด้วยเรือดำน้ำชั้น Nagapasa(DSME 209/1400) สามลำที่สร้างโดยสาธารณรัฐเกาหลี และเรือดำน้ำแบบ Scorpene Evolved สองลำของบริษัท Naval Group ฝรั่งเศสที่จะสร้างโดย PT PAL อินโดนีเซียในประเทศ(https://aagth1.blogspot.com/2025/07/scorpene-evolved-2.html)
และกำลังพิจารณาการจัดหาเรือบรรทุกเครื่องบิน Giuseppe Garibaldi ที่เคยประจำการในกองทัพเรืออิตาลี(https://aagth1.blogspot.com/2025/07/fincantieri-giuseppe-garibaldi.html) ขณะที่ความหลากหลายแบบเรือเช่นนี้แสดงข้อได้เปรียบบางประการ มันยังแสดงถึงความท้าทายที่แท้จริงในแง่การฝึก และการส่งกำลังบำรุงและการสนับสนุนด้วยครับ

วันอาทิตย์ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2568

ตุรกีลงนาม MOU กับอังกฤษสำหรับการจัดหาเครื่องบินขับไล่ Eurofighter Typhoon

Türkiye signs MOU with UK for procurement of Eurofighters





The MOU signing between UK Secretary of State for Defence John Healey (left) and Turkish Minister of National Defense Yaşar Güler for the procurement of Eurofighter Typhoon combat aircraft at IDEF 2025. (BAE Systems)

ตุรกีและสหราชอาณาจักรได่ลงนามบันทึกความเข้าใจ(MOU: Memorandum of Understanding) ที่เกี่ยวข้องกับการจัดซื้อจัดจ้างเครื่องบินขับไล่ Eurofighter Typhoon
บันทึกความเข้าใจ MOU ถูกลงนามเมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2025 โดยรัฐมนตรีกลาโหมสหราชอาณาจักร John Healey และรัฐมนตรีกลาโหมตุรกี Yaşar Güler

ณ งานแสดงอุตสาหกรรมป้องกันประเทศนานาชาติ International Defence Industry Fair(IDEF) 2025 ในมหานคร Istanbul ระหว่างวันที่ 22-27 กรกฎาคม 2025
บันทึกความเข้าใจ MOU มีผลให้การอนุมัติการจัดซื้อจัดจ้างที่ถูกประกาศมานานสำหรับกองทัพอากาศตุรกี(TurAF: Turkish Air Force, THK: Türk Hava Kuvvetleri) ก่อนหน้าไปสู่การลงนามสัญญาได้

"BAE Systems รู้สึกยินดีต่อการลงนาม MOU ระหว่างสาธารณรัฐทูร์เคียและรัฐบาลสหราชอาณาจักรเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการจัดซื้อเครื่องบินขับไล่ Eurofighter Typhoon"
บริษัท BAE Systems สหราชอาณาจักรผู้นำการเป็นผู้รับสัญญาภาคอุตสาหกรรมสำหรับสหราชอาณาจักรในโครงการเครื่องบินขับไล่ Eurofighter กล่าว(https://aagth1.blogspot.com/2025/07/eurofighter-typhoon-warton.html)

บริษัท BAE Systems เสริมว่า "ข้อตกลงได้ถูกลงนามในวันนี้โดยรัฐมนตรีกลาโหมตุรกี Yaşar Güler และรัฐมนตรีกลาโหมสหราชอาณาจักร John Healey ณ งาน IDEF 2025 ใน Istanbul"
ขณะที่บันทึกความเข้าใจ MOU ไม่ได้เปิดเผยจำนวนเครื่องบินที่เป็นไปได้ กลุ่มกิจการค้าร่วม Eurofighter ได้กล่าวก่อนหน้านี้ว่าตุรกีกำลังมองที่จะจัดหาเครื่องบินขับไล่ Eurofighter Typhoon จำนวน 40เครื่อง

ด้วย MOU ที่ได้รับการลงนามล่าสุดนี้ สัญญาการจัดหาเครื่องบินขับไล่ Eurofighter Typhoon สำหรับกองทัพอากาศตุรกีคาดว่าจะถูกลงนามในเร็วๆนี้(https://aagth1.blogspot.com/2022/09/eurofighter-typhoon-f-16.html)
กลุ่มกิจการค้าร่วม Eurofighter ยุโรป กล่าวกับJanes และสื่อกลาโหมอื่นๆ ณ งานแสดงการบินนานาชาติ Paris Air Show 2025 ที่มีขึ้นระหว่างวันที่ 16-22 มิถุนายน 2025 ว่า(https://aagth1.blogspot.com/2025/06/eurofighter-typhoon.html)

เครื่องบินขับไล่ Eurofighter Typhoon จะถูกเพิ่มอัตราการผลิตของเพื่อให้รองรับคำสั่งซื้อใหม่ต่างๆที่ขณะที่กำลังมีมาจนถึงการขายในอนาคต ที่คาดว่าจะมีขึ้นในการปะทุของ "ความบ้าคลั่งอย่างที่สุด"(total madness) ของสถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์ปัจจุบัน
เครื่องบินขับไล่ Eurofighter Typhoon มีโรงงานอากาศยานการผลิตและประกอบคือของบริษัท Airbus Defence and Space(DS) ยุโรปที่ Manching เยอรมนี, บริษัท Leonardo อิตาลีที่ Caselle ในอิตาลี, บริษัท Airbus DS ที่ Getafe ในสเปน และบริษัท BAE Systems ใน Warton สหราชอาณาจักรครับ

วันเสาร์ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2568

สัญญาสำหรับเรือดำน้ำ Scorpene Evolved ของอินโดนีเซีย 2ลำมีผลบังคับใช้แล้ว

Indonesia's contract for two Scorpene Evolved SSKs enters into force





Indonesia's contract with Naval Group for two Scorpene Evolved submarines, which derive its main design from the Scorpene SSK seen here at sea, has now come into force. (Naval Group/Royal Malaysian Navy)

สัญญาที่ได้รับการลงนามระหว่างบริษัท Naval Group ฝรั่งเศสผู้สร้างเรือและกระทรวงกลาโหมอินโดนีเซียสำหรับเรือดำน้ำโจมตีดีเซล-ไฟฟ้า(SSK) แบบ Scorpene Evolved จำนวน 2ลำในปี 2024

แถลงการณ์ที่ออกโดยบริษัท Naval Group ผู้สร้างเรือเมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2025 เน้นว่าสัญญาได้มีผลบังคับใช้แล้วในวันเดียวกัน แม้ว่าไม่มีการให้การอธิบายว่าเหตุการณ์สำคัญนี้มีความหมายว่าอะไร
เหตุการณ์สำคัญที่เป็นเครื่องหมายถึงสัญญาได้มีผลบังคับใช้เป็นคุณสมบัติที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของการทำสัญญาต่างๆของอินโดนีเซีย(https://aagth1.blogspot.com/2023/05/aip.html)

และโดยทั่วไปมีความหมายว่าผู้จัดซื้อได้ปฏิบัติตามภาระข้อผูกพันของตนแล้วและจะให้การชำระเงินล่วงหน้าการว่าจ้าง(down payment) ระยะแรกสำหรับการจัดซื้อจัดจ้าง Naval Group ฝรั่งเศสประกาศครั้งแรกในเดือนเมษายน 2024 ว่า
ตนได้รับสัญญาที่จะจัดส่งเรือดำน้ำโจมตีดีเซล-ไฟฟ้าติดตั้งด้วย lithium-ion battery แบบ Scorpene Evolved แก่กองทัพเรืออินโดนีเซีย(Indonesian Navy, TNI-AL: Tentara Nasional Indonesia-Angkatan Laut)

สัญญาจะได้รับการเติมเต็มผ่านการจัดเตรียมการถ่ายทอดวิทยาการกับ PT PAL รัฐวิสาหกิจผู้สร้างเรือของอินโดนีเซีย และเรือดำน้ำ Scorpene Evolved ทั้ง 2ลำจะถูกสร้างอย่างเต็มรูปแบบที่อู่เรือของ PT PAL ใน Surabaya
ในแถลงการณ์ของตนที่ประกาศการมีผลบังคับใช้ของสัญญาบริษัท Naval Group กล่าวว่าตั้งแต่ที่สัญญาได้รับการลงนามตนได้มีส่วนร่วมกับกระทรวงกลาโหมอินโดนีเซียและกลุ่มกิจการค้าร่วมที่นำโดย PT PAL อินโดนีเซียในหลายๆกิจกรรม

รวมถึง การออกแบบ, การวางแผน(planification), และการจัดซื้อของวัสดุระยะเวลาดำเนินการยาวนาน(LLI: long-lead items) "ในอีกหลายสัปดาห์ที่กำลังจะมาถึง เหล่าช่างเชื่อม PT PAL อินโดนีเซียจะได้รับการต้อนรับในฝรั่งเศส
ที่จะตามมาด้วยการฝึกเฉพาะในงาน(specific on-job training) และผู้เชี่ยวชาญราว 50คนจะมีที่ตั้งในอินโดนีเซียเพื่อฝึกวิศวกรอินโดนีเซียมากกว่า 400คนในการสร้างเรือดำน้ำ" Naval Group ฝรั่งเศสเสริม

ตามที่สัญญาได้มีผลบังคับใช้แล้วในขณะนี้ อย่างไรก็ตามเรือดำน้ำ Scorpene Evolved ลำแรกคาดว่าจะถูกส่งมอบให้แก่กองทัพเรืออินโดนีเซียได้ภายในปี 2030 เป็นอย่างเร็ว
กองทัพเรืออินโดนีเซียยังมีโครงการเรือดำน้ำชั้นความพร้อมคั่นระยะ(IRSC: Interim Readiness Submarine Class) ที่มองที่จะเติมช่องว่างชั่วคราวในขีดความสามารถสงครามใต้น้ำของตนด้วยเรือดำน้ำมือสอง(https://aagth1.blogspot.com/2025/06/type-039a-3.html)

กองทัพเรืออินโดนีเซียปัจจุบันมีประจำการด้วยเรือดำน้ำชั้น Nagapasa(DSME 209/1400) สามลำที่สร้างโดยสาธารณรัฐเกาหลี โดยลำที่สาม KRI Alugoro(405) ได้ถูกประกอบสร้างโดย PT PAL ในอินโดนีเซีย
และเรือดำน้ำชั้น Cakra(Type 209/1300) หนึ่งลำที่สร้างโดยเยอรมนี จากเดิมที่มี 2ลำ โดยเรือดำน้ำชั้น Cakra ลำที่สอง KRI Nanggala(402) ได้สูญเสียจากการจมในปี 2021 เหลือเพียงลำแรก KRI Cakra(401) ที่ยังคงประจำการครับ

วันศุกร์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2568

Fincantieri อิตาลีวางข้อเสนอการเปลี่ยนแบบเรือบรรทุกเครื่องบิน Giuseppe Garibaldi เป็นเรือบรรทุกเฮลิคอปเตอร์สำหรับอินโดนีเซีย

Fincantieri lays out proposal to convert Giuseppe Garibaldi into helicopter carrier for Indonesia





Giuseppe Garibaldi (C 551) in Italy. (Italian Navy)

บริษัท Fincantieri อิตาลีผู้สร้างเรือได้วางรายละเอียดข้อเสนอที่จะเปลี่ยนแบบเรือบรรทุกเครื่องบิน C551 ITS Giuseppe Garibaldi ให้เป็นเรือบรรทุกเฮลิคอปเตอร์และอากาศยานไร้คนขับ(UAV: Unmanned Aerial Vehicle) จู่โจม
ที่สามารถตรงความต้องการต่างๆของกองทัพเรืออินโดนีเซีย(Indonesian Navy, TNI-AL: Tentara Nasional Indonesia-Angkatan Laut) ได้(https://aagth1.blogspot.com/2025/03/c551-its-giuseppe-garibaldi.html)

ข้อเสนอซึ่งครอบคลุมสี่ภาคส่วนหลักของงานได้วางเค้าโครงในหลายชุดของการนำเสนอหลายครั้งตลอดสองวันระหว่างวันที่ 15-16 กรกฎาคม 2025 ในนครหลวง Jakatar แหล่งข่าวหลายรายที่ใกล้ชิดกับเรื่องนี้ได้ยืนยันกับ Janes
รายชื่อผู้เข้าร่วมประชุมที่ยังถูกมอบให้กับ Janes บ่งชี้ว่า Marco Guerriero อดีตผู้บังคับการ(CO: Commanding Officer) และNicola Tria อดีตต้นกล(Chief Engineering Officer) ของเรือบรรทุกเครื่องบิน Giuseppe Garibaldi

ทั้งสองนายเป็นส่วนหนึ่งของคณะตัวแทนที่ถูกส่งมาโดย Fincantieri อิตาลีตลอดระยะเวลาสองวัน คณะตัวแทนนี้รวมถึงตัวแทนอาวุโสอีก 7คนจากบริษัทผู้สร้างเรือที่รวมถึงหัวหน้าฝ่ายโครงการซ่อมบำรุงเล็ก(Refit)เรือ Corrado Canepa
เรือบรรทุกเครื่องบิน ITS Giuseppe Garibaldi ความยาวเรือ 180m ได้ถูกขึ้นระวางประจำการโดยกองทัพเรืออิตาลี(Italian Navy, Marina Militare) ในปี 1985 และถูกกำหนดให้จัดเป็นเรือสำรองสงคราม(ปลดประจำการ)ในเดือนตุลาคม 2024

ขณะที่ประจำการในกองทัพเรืออิตาลีเรือบรรทุกเครื่องบิน ITS Giuseppe Garibaldi วางกำลังด้วยเครื่องบินโจมตีบินขึ้นระยะสั้นและลงจอดทางดิ่ง(STOVL: Short Take-Off and Vertical Landing) แบบ Boeing AV-8B Harrier II
(ที่จะถูกแทนที่ด้วยเครื่องบินขับไล่ Lockheed Martin F-35B Lightning II Joint Strike Fighters(JSF)) ในการเพิ่มเติมต่อเฮลิคอปเตอร์ใช้งานทางทะเลหลากหลายแบบผสมกัน(https://aagth1.blogspot.com/2024/07/av-8b-harrier-ii-plus.html)

ในการนำเสนอที่มีขึ้นในนครหลวง Jakatar บริษัท Fincantieri เสนอการให้ความสำคัญสี่ภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับงานการซ่อมบำรุงเล็กที่จะดำเนินการกับเรือบรรทุกเครื่องบิน Giuseppe Garibaldi ในกรณีที่อินโดนีเซียเห็นชอบที่จะจัดหาเรือ 
เอกสารคัดลอกของการนำเสนอได้ถูกมอบให้กับ Janes แล้ว สี่ภาคส่วนที่มุ่งเน้นคือการปรับปรุงขีดความสามารถของเรือบรรทุกเครื่องบิน Giuseppe Garibaldi ให้รองรับการปฏิบัติการหลากหลายรูปแบบ

ตั้งแต่การปฏิบัติการด้วยเฮลิคอปเตอร์, อากาศยานปีกนิ่งเช่นอากาศยานรบไร้คนขับ Bayraktar TB3(UCAV: Unmanned Combat Aerial Vehicle) ตุรกี(https://aagth1.blogspot.com/2024/11/bayraktar-tb3-ucav-tcg-anadolu.html),การปฏิบัติการยกพลขึ้นบก 
และการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและบรรเทาสาธารณภัย(HADR: Humanitarian Assistance and Disaster Relief) และทางการแพทย์ โดยเรืออยู่ในสภาพที่ดีและสามารถประจำการต่อไปได้อีก 15-20ปีเมื่อส่งมอบให้หลังการปรับปรุงเรือตามความต้องการของอินโดนีเซียครับ

วันพฤหัสบดีที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2568

กองทัพบกอิตาลีรับมอบรถถังหลัก Ariete C2 รุ่นปรับปรุงใหม่คันแรก

Italian Army receives first upgraded Ariete C2 MBT







The Italian Army received its first upgraded Ariete C2 MBT at its Cecchignola base on 18 July. (IDV)



กองทัพบกอิตาลี(Italian Army, EI: Esercito Italiano) ได้รับมอบรถถังหลัก Ariete C2(command-and-control) MBT(Main Battle Tank) ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ ณ ฐานทัพ Cecchignola เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2025
คณะเสนาธิการกองทัพบกอิตาลี(Army General Staff) และกิจการค้าร่วม Iveco-Oto Melara Consortium(CIO) อิตาลีประกาศภายหลังในวันเดียวกัน(https://aagth1.blogspot.com/2024/07/leonardo-rheinmetall.html)

โครงการเพื่อปรับปรุงรถถังหลัก Ariete MBT จำนวน 90คัน ยังรวมการสนับสนุนการส่งกำลังบำรุง 10ปีสำหรับรถถังหลัก การปรับปรุงได้รวมการเพิ่มพูนในความคล่องแคล่วการเคลื่อนที่, อำนาจการสังหาร และระบบบัญชาการและควบคุม C2
ปริมาตรกระบอกสูบเครื่องยนต์(engine displacement) ของรถถังหลัก Ariete C2, ได้ถูกเพิ่มขึ้น ระบบหัวฉีด common rail injection ควบคุมด้วยไฟฟ้าได้รับการติดตั้ง, และระบบ supercharger ที่ได้รับการปรับปรุง

กำลังขับเครื่องยนต์ได้ถูกเพิ่มขึ้นร้อยละ20 เป็น 1,500hp โดยเป็นสิ่งที่ CIO อิตาลีและกองทัพบกอิตาลีอธิบายว่าเป็น การเพิ่ม "อย่างมีนัยสำคัญ" ในแรงบิดที่ความเร็วรอบต่อนาที(rpm: revolutions per minute) ต่ำ
ทำให้รถถังสามารถทำการดำเนินกลยุทธ์หมุน, ออกตัว และติดเครื่องยนต์ใหม่ได้ น้ำหนักที่เพิ่มของรถถังและกำลังและแรงบิดของเครื่องยนต์ที่เพิ่มขึ้นจำเป็นที่จะต้องมีการปรับปรุงที่สำคัญต่อเครื่องเปลี่ยนความเร็ว(gearbox) และชุดเฟืองท้าย(final drive)

ระบบห้ามล้อ(braking system) เดิมได้ถูกแทนที่ด้วยระบบใหม่ที่ก้าวหน้ากว่าและมีประสิทธิภาพมากกว่าที่ยังแก้ไขปัญหาความล้าสมัยต่างๆที่เกี่ยวข้องกับห่วงโซ่อุปทานจากนอกประเทศ ตามข้อมูลจาก CIO อิตาลี
สายพานของรถถังหลัก Ariete C1 MBT รุ่นก่อนหน้าได้ถูกแทนที่ด้วยสายพานใหม่ที่กว้างกว่าในรถถังหลัก Ariete C2 รุ่นปรับปรุงใหม่เพื่อเพิ่มความคล่องแคล่วการเคลื่อนที่และลดการสั่นสะเทือนต่อพลประจำรถ

การติดตั้งป้อมปืนใหม่มอบความสามารถในการทำงานร่วมกัน, ความแม่นยำ และความปลอดภัยที่มากยิ่งขึ้น ทำให้รถถังหลัก Ariete C2 อยู่ในระดับเดียวกับรถถังหลักยุคล่าสุด(https://aagth1.blogspot.com/2022/06/rheinmetall-kf51-panther-130mm.html)
ระบบผ่อนแรงการบังคับเลี้ยวแบบ hydraulic servo เดิมได้ถูกแทนที่ด้วยระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าที่มีความน่าเชื่อถือและสมรรถนะสูงกว่า และระบบควบคุมการยิง(FCS: Fire-Control System) เดิมได้ถูกแทนที่ด้วยระบบ digital ใหม่

ที่เป็นการนำประสบการณ์จากรถยิงสนับสนุน(FSV: Fire-Support Vehicle) ยานเกราะล้อยางติดปืนใหญ่รถถัง Centauro II 8x8 มาใช้(https://aagth1.blogspot.com/2024/07/centauro-ii-28.html) ด้วยการบูรณาการระบบกล้องเล็ง digital optronic แบบรักษาการทรงตัวติดตั้งด้วยกล้องโทรทัศน์และ infrared รุ่นล่าสุด
ตามข้อมูลจาก Janes Land Warfare Platforms: Armoured Fighting Vehicles กองทัพบกอิตาลีปัจจุบันมีประจำการด้วยรถถังหลัก C1 Ariete จำนวนราว 200คันที่ถูกนำเข้าประจำการตั้งแต่ปี 1990s โดยมีอิตาลีเป็นผู้ใช้งานเพียงรายเดียวครับ

วันพุธที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2568

เบลเยียมมองที่จะมีสถานะหุ้นส่วนเต็มตัวในโครงการเครื่องบินขับไล่ยุคอนาคต FCAS/SCAF

Belgium to seek full partner status in FCAS/SCAF programme





A full-scale mock-up of the NGWS of FCAS/SCAF, which comprises the NGF combat aircraft and the RC unmanned adjuncts. Belgium is now seeking to join the effort to develop this system of systems as a full partner alongside France, Germany, and Spain. (Janes/Patrick Allen)

เบลเยียมกำลังมองที่จะมีสถานะเป็นหุ้นส่วนอย่างเต็มตัวในโครงการระบบการรบทางอากาศอนาคต FCAS/SCAF(Future Combat Air System/Système de Combat Aérien du Futur)
ร่วมกับฝรั่งเศส, เยอรมนี และสเปน(https://aagth1.blogspot.com/2025/06/airbus-fcasscaf-dassault.html) ตามที่เบลเยียมได้เข้าร่วมในฐานะผู้สังเกตการณ์ในปี 2024

ตามรายงาน 'วิสัยทัศน์ยุทธศาสตร์ 2025'(Strategic Vision 2025) ที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2025 รัฐบาลเบลเยียมจะร้องขอชาติหุ้นส่วนต่างๆในโครงการ FCAS/SCAF
ทั้งฝรั่งเศส, เยอรมนี และสเปนเพื่อให้ยอมรับเบลเยียมในฐานะหุ้นส่วนอย่างเต็มตัว "โดยเร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้"(https://aagth1.blogspot.com/2023/06/fcasscaf.html)

เบลเยียมได้ประกาศการมีส่วนร่วมของตนในโครงการ FCAS/SCAF ในฐานะผู้สังเกตการณ์ในเดือนเมษายน 2024(https://aagth1.blogspot.com/2024/05/fcasscaf.html)
เบลเยียมได้จัดสรรงบประมาณวงเงิน 300 million Euros($351 million) ที่จะทำให้ตนมีส่วนร่วมอย่างเต็มรูปแบบในขั้นระยะการพัฒนาที่กำลังจะมีขึ้นตามแผนที่วางไว้ในปี 2026-2030

ปัจจุบันค่าใช้จ่ายทั้งหมดในขั้นระยะการพัฒนานี้สำหรับชาติหุ้นส่วนทั้งหมดโครงการ FCAS/SCAF ถูกประเมินว่าอยู่ที่ประมาณ 5 billion Euros หลังปี 2030 และน่าจะจนถึงราวปี 2040
ขั้นระยะการพัฒนาการปฏิบัติการของโครงการ FCAS/SCAF ถูกคาดว่าจะจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมอีกราว 40-50 billion Euros สำหรับชาติหุ้นส่วนต่างๆทั้งหมด ตามข้อมูลจากรายงาน

การลงทุนของเบลเยียมสำหรับขั้นระยะการพัฒนาที่สามที่เริ่มต้นในปี 2030 จะถูกรวมอยู่ในกฎหมายโครงการทางทหา(Military Programming Law) ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม
สถานะประเทศผู้สังเกตการณ์ในปัจจุบันของเบลเยียมช่วยให้ตนเข้าถึงข้อมูลเกี่ยวกับโครงการและการพัฒนา ซึ่งขณะนี้อยู่ในระยะ Phase 1B ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาเครื่องบินสาธิตทางการบิน

อย่างไรก็ตามในงานแสดงการบินนานาชาติ Paris Air Show 2025 ล่าสุดที่มีขึ้น ณ ท่าอากาศยาน Paris-Le Bourget ในนครหลวง Paris ฝรั่งเศส ระหว่างวันที่ 16-22 มิถุนายน 2025 
ได้สะท้อนถึงความรู้สึกที่ง่อนแง่นที่ปกคลุมอย่างหลากหลายในโครงการ FCAS/SCAF ระหว่างผู้รับสัญญาหลักในโครงการสองรายคือบริษัท Dassault Aviation ฝรั่งเศส และบริษัท Airbus Defence and Space(DS) ยุโรปสาขาเยอรมนีครับ

วันอังคารที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2568

เบลเยียมจะจัดหาเครื่องบินขับไล่ F-35A สหรัฐฯเพิ่มอีก 11เครื่อง

Belgium commits to additional F-35As





With 35 F-35A aircraft on order, Belgium is now to acquire a further 11. (Lockheed Martin)

เบลเยียมมีความมุ่งมั่นที่จะจัดซื้อเครื่องบินขับไล่ Lockheed Martin F-35A Lightning II Joint Strike Fighter(JSF) ชุดใหม่เพิ่มเติมจำนวน 11เครื่องเพื่อเสริมต่อเครื่องที่ได้ทำสัญญาจัดหาและถูกส่งมอบแล้วรวมทั้งหมดจำนวน 46เครื่อง
รัฐมนตรีกลาโหมและการค้าต่างประเทศเบลเยียม Theo Francken ได้ทำการประกาศจาก post ในบัญชี X(Twitter เดิม) ทางการของเขาเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2025

การประกาศของรัฐมนตรีกลาโหมและการค้าต่างประเทศเบลเยียม Francken ยืนยันรายงานของการเพิ่มจำนวนการจัดหาเครื่องบินขับไล่ F-35A ของเบลเยียมที่เผยแพร่วนเวียมาหลายสัปดาห์แล้ว
"เรากำลังจะซื้อเครื่องบินขับไล่ F-35 เพิ่มเติม 11เครื่อง...พวกมันจะถูกผลิตในอิตาลี" Francken กล่าว เขาไม่ได้เปิดเผยว่าสัญญาสำหรับเครื่องบินขับไล่ F-35A เพิ่มเติมจะถูกลงนามเมื่อไร หรือมูลค่าของวงเงินสัญญา

ปัจจุบันกองทัพอากาศเบลเยียม(BAC: Belgian Air Component) ได้สั่งจัดหาเครื่องบินขับไล่ F-35A แล้วจำนวน 35เครื่อง โดยถูกสร้างเป็นหลักที่โรงงานอากาศยาน Fort Worth ของบริษัท Lockheed Martin สหรัฐฯในมลรัฐ Texas

เครื่องบินขับไล่ F-35A จำนวน 8เครื่องแรกที่ถูกสร้างเสร็จแล้ว และขณะนี้อยู่ในหน่วยบินเปลี่ยนแบบเครื่องบินขับไล่ F-35 เบลเยียม(BEL F-35 CU: Belgian F-35 Conversion Unit) 
ที่เพิ่งถูกจัดตั้งล่าสุด ณ ฐานทัพอากาศ Luke Air Force Base(AFB) กองทัพอากาศสหรัฐฯ(USAF: US Air Force) ในมลรัฐ Arizona(https://aagth1.blogspot.com/2024/12/f-35a.html)

เบลเยียมได้เพิ่มความเป็นไปได้ครั้งแรกของการจัดซื้อเครื่องบินขับไล่ F-35A เพิ่มในเดือนเมษายน 2025 โดยนายกรัฐมนตรีเบลเยียม Bart De Wever กล่าวกับรัฐสภาเบลเยียมในเวลานั้นว่า
คำสั่งจัดหาปัจจุบันสำหรับเครื่องบินขับไล่ F-35A ของเบลเยียมมีจำนวนไม่เพียงพอและการจัดหาเพิ่มอีก 11เครื่องกำลังอยู่ในการพิจารณา(https://aagth1.blogspot.com/2025/05/f-35a-34.html

ในแง่นี้เบลเยียมกำลังเข้าร่วมกับเนเธอร์แลนด์ในการเพิ่มจำนวนการจัดหาเครื่องบินขับไล่ F-35A ในโครงการของตน(https://aagth1.blogspot.com/2024/09/f-16ambm-f-35a.html)
ขณะที่เยอรมนี(https://aagth1.blogspot.com/2024/06/f-35a-8.html) และโปแลนด์(https://aagth1.blogspot.com/2024/12/f-35a-husarz.html) กำลังพิจารณาการสั่งจัดหาเครื่องบินขับไล่ F-35A ของตนเพิ่มเติมเช่นเดียวกัน

สหราชอาณาจักรยังมีกำหนดที่ลงนามสัญญาจัดหาเครื่องบินขับไล่ F-35B ชุดใหม่เพิ่มเติมในเร็วๆนี้(https://aagth1.blogspot.com/2025/06/f-35a-12.html, https://aagth1.blogspot.com/2025/05/f-35b.html)
ตามที่กลุ่มชาติยุโรปได้เริ่มต้นที่จะเร่งเครื่องการจัดซื้อจัดจ้างของตนในการเผชิญหน้ากับความกระหายสงคราม(belligerence) อย่างก้าวร้าวของรัสเซียที่เพิ่มขึ้น และการสนับสนุนจากสหรัฐฯที่ลดลงครับ

วันจันทร์ที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2568

กองทัพไทยร่วมการฝึกผสมนานาชาติ Talisman Sabre 2025 ที่ออสเตรเลียเป็นครั้งแรก

Special Report: Largest ‘Talisman Sabre' kicks off in Australia





The Republic of Korea Marine Corps operates the K1A2 Main Battle Tank during a live-fire activity at Shoalwater Bay Military Training Area during Exercise ‘Talisman Sabre' 2025. (Department of Defence)



วันที่ 13 กรกฎาคม 2568 พลเอก ไพบูลย์  วรวรรณปรีชา รองเสนาธิการทหาร และเจ้าหน้าที่ระดับสูงจากรัฐบาลและกองทัพของทั้ง 19 ชาติที่เข้าร่วมการฝึก ยืนร่วมกันในพิธีเปิดการฝึก Talisman Sabre 25 บนเรือหลวง HMAS Adelaide ณ เมืองซิดนีย์ รัฐนิวเซาท์เวลส์ ประเทศออสเตรเลีย
พลเรือเอกจัสติน โจนส์ ผู้บัญชาการปฏิบัติการร่วมแห่งออสเตรเลีย จะร่วมกับ พลโทโจเอล บี. โวเวลล์ ผู้บัญชาการกองทัพบกสหรัฐฯ ภาคพื้นแปซิฟิก ในพิธีเปิดอย่างเป็นทางการ ณ ฐานทัพเรือ Garden Island เมืองซิดนีย์
โดยการฝึก Talisman Sabre 2025 จัดขึ้นเป็นครั้งที่ 11 และนับเป็นการฝึกสงครามที่มีความซับซ้อนและขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมาบนผืนแผ่นดินออสเตรเลีย
ตลอดระยะเวลา 3 สัปดาห์กำลังพลมากกว่า 35,000 นาย จากออสเตรเลียและประเทศพันธมิตรจะกระจายกำลังเข้าปฏิบัติการในรัฐควีนส์แลนด์ นอร์เทิร์นเทร์ริทอรี เวสเทิร์นออสเตรเลีย นิวเซาท์เวลส์ และเกาะคริสต์มาส เป็นครั้งแรก ที่จะมีการปฏิบัติกิจกรรมฝึกนอกประเทศออสเตรเลียที่ ประเทศปาปัวนิวกินี
นอกจากสหรัฐอเมริกาแล้ว ยังมีประเทศพันธมิตรอื่น ๆ เข้าร่วม ได้แก่ แคนาดา, ฟิจิ, ฝรั่งเศส, เยอรมนี, อินเดีย, อินโดนีเซีย, ญี่ปุ่น, เนเธอร์แลนด์, นิวซีแลนด์, นอร์เวย์, ปาปัวนิวกินี, ฟิลิปปินส์, สาธารณรัฐเกาหลี, สิงคโปร์, ไทย, ตองกา และสหราชอาณาจักรขณะที่ มาเลเซีย และเวียดนาม จะเข้าร่วมในฐานะผู้สังเกตการณ์
การฝึกในปีนี้จะประกอบด้วย การฝึกยิงจริง การฝึกภาคสนาม การเตรียมกำลัง การยกพลขึ้นบก การเคลื่อนกำลังพลภาคพื้นดิน การปฏิบัติการรบทางอากาศ และการปฏิบัติการทางทะเล

กองกำลังผสมทางทหารจาก ๑๙ประเทศจากทั่วโลกจัดแถวพวกตนเพื่อต่อต้าน 'ศัตรูร่วม'(common enemy) กันคือประเทศสมมุติในแนวความคิดที่มีชื่อว่า 'สาธารณรัฐประชาชนโอลวานา'(People's Republic of Olvana)
การแสดงถึงความตั้งใจนี้ได้เกิดขึ้นภายใต้วาระการฝึกผสมพหุภาคีนานาชาติรหัส Talisman Sabre 2025 ที่จัดขึ้นทั่วออสเตรเลียที่เริ่มต้นเมื่อวันที่ ๑๓ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๖๘(2025) และดำเนินไปจนถึงวันที่ ๔ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๖๘

ก่อนการฝึก Talisman Sabre 2025 ซึ่งเป็นการฝึกครั้งที่๑๑ เริ่มต้นขึ้น พลจัตวา(Brigadier) Damian Hill ผู้อำนวยการการฝึก Talisman Sabre กล่าวกับ Janes ว่าการฝึกมีส่วนร่วมจากกำลังพลมากกว่า ๔๐,๐๐๐นายตลอดทั่วทั้งดินแดนออสเตรเลียที่วัดความยาวได้ 5,300km ตั้งแต่ตะวันตกถึงตะวันออก
"เราขอต้อนรับห้าชาติใหม่ อินเดีย, สิงคโปร์, ไทย, เนเธอร์แลนด์, และนอร์เวย์เข้าร่วมการฝึก และเรามีสองชาติผู้สังเกตุการณ์ มาเลเซีย และเวียดนามซึ่งมาถึงและได้มองที่การฝึกและตัดสินใจว่ามีอะไรบ้างที่พวกตนจะมองหาที่จะมีส่วนร่วมในอนาคต"

ชาติอื่นๆที่กลับเข้ามามีส่วนร่วมในการฝึก Talisman Sabre 2025 ครั้งล่าสุดนี้คือ แคนาดา, ฟิจิ, ฝรั่งเศส, เยอรมนี, อินโดนีเซีย, ญี่ปุ่น, นิวซีแลนด์, ปาปัวนิวกินี, ฟิลิปปินส์, สาธารณรัฐเกาหลี, ตองกา, สหราชอาณาจักร, และสหรัฐฯ
พลจัตวา Hill เน้นถึงขอบเขตการฝึกที่กว้างขวางกระจายทั่วทั้งมากกว่า ๘๐พื้นที่การฝึกและฐานทัพ และมีส่วนร่วมจากอากาศยานมากกว่า ๑๕๐เครื่อง, เรือมากกว่า ๓๐ลำ, ๗การฝึกยิงด้วยกระสุนจริง โดยเป็นครั้งแรกที่ปาปัวนิวกินีจะเป็นสถานที่จัดการฝึกด้วย "ผมอธิบายการฝึกนี้ว่าเป็นการฝึกทางทหารระดับ mini-Olympics" เขากล่าวครับ

วันอาทิตย์ที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2568

รัสเซียอาจจะละทิ้งการซ่อมเรือบรรทุกเครื่องบิน Admiral Kuznetsov

Russia may abandon refit of Admiral Kuznetsov



The Russian aircraft carrier, Admiral Kuznetsov, is seen in a photograph released by the Russian Ministry of Defence on 24 January 2017. (Russian Ministry of Defence)




Admiral Kuznetsov aircraft carrier at Murmansk, Kola Peninsula. (Massimo Frantarelli)

ตามรายงานโดยหนังสือพิมพ์รัสเซีย Izvestia งานที่กำลังดำเนินอยู่เกี่ยวกับการซ่อมปรับปรุงคืนสภาพใหม่(refurbishment) และการปรับปรุงความทันสมัยของเรือบรรทุกเครื่องบิน Admiral Kuznetsov ของกองทัพเรือรัสเซีย(RFN: Russian Federation Navy) ได้ถูกระงับมาระยะหนึ่งแล้ว
ตัวแทนจากกองทัพเรือรัสเซียและ United Shipbuilding Corporation(USC) กลุ่มรัฐวิสาหกิจอุตสาหกรรมการสร้างเรือของรัสเซียจะตัดสินใจในเร็วๆนี้ว่าการเดินหน้าทำงานต่อมีความคุ้มค่าพอหรือไม่

ตั้งแต่ที่กลับจากการวางกำลังปฏิบัติการครั้งสุดท้ายของตนในเดือนกุมภาพันธ์ 2017 เรือบรรทุกเครื่องบิน Admiral Kuznetsov ได้ถูกจอดที่คาบสมุทร Kola Peninsula ในรัสเซีย(https://aagth1.blogspot.com/2020/02/blog-post_24.html)
ครั้งแรกที่อู่ซ่อมเรือหมายเลข28(No 82 Ship Repair Yard) ของ USC รัสเซียใกล้ Roslyakovo และจากนั้นที่โรงงานซ่อมเรือ35(35th Ship Repair Plant) ที่ Rosta(https://aagth1.blogspot.com/2017/02/admiral-kuznetsov.html) และล่าสุดในปี 2025 ที่ท่าเรือใน Murmansk

งบประมาณระยะแรกเป็นวงเงินประมาณ $800 million ได้รับการจัดสรรเพื่อซ่อมทำใหญ่(overhaul) ระบบตรวจจับต่างๆ, ระบบอาวุธป้องกันตัว, และระบบภารกิจต่างๆของเรือบรรทุกเครื่องบิน Admiral Kuznetsov
อย่างไรก็ตามในเดือนตุลาคม 2017 รายงานต่างๆบ่งชี้ว่างบประมาณส่วนนี้ได้ถูกลดลงเหลือเพียงครึ่งหนึ่ง และการซ่อมบำรุงเล็ก(refit) นั้นได้ถูกเปลี่ยนไปให้ความสำคัญกับการปรับปรุงใหม่(renovating) ของสิ่งอำนวยความสะดวกและแหล่งกำเนิดพลังงานของเรือแทน

การเสร็จสิ้นงานซ่อมบำรุงเล็กนี้เดิมมีกำหนดในปี 2021 แต่แทบจะทันทีที่เริ่มต้นงานก็ประสบปัญหาต่างๆมากมาย(https://aagth1.blogspot.com/2020/05/admiral-kuznetsov-2022.html)
การขาดแคลนอู่แห้ง(graving dock) ที่มีขนาดเพียงพอจะรองรับ USC รัสเซียถูกบังคับให้ใช้งานอู่ลอย PD-50 ซึ่งเป็นอู่แห้งลอยแบบเดียวที่สามารถรองรับเรือบรรทุกเครื่องบิน Admiral Kuznetsov ได้

ต่อมาในเดือนตุลาคม 2018 อู่ลอย PD-50 ได้จมลงขณะที่เรือบรรทุกเครื่องบิน Admiral Kuznetsov อยู่ภายในอู่ลอย(https://aagth1.blogspot.com/2018/10/admiral-kuznetsov.html
และขณะที่ตัวเรือบรรทุกเครื่องบิน Admiral Kuznetsov ถูกรักษาไว้ได้แต่เรือก็ได้รับความเสียหายบางส่วนจากการที่ดาดฟ้าเรือถูกแขนยก crane ของอู่ลอยถล่มลงมาใส่(https://aagth1.blogspot.com/2018/11/admiral-kuznetsov.html)

หายนะได้เกิดขึ้นกับเรือบรรทุกเครื่องบิน Admiral Kuznetsov อีกครั้งในเดือนธันวาคม 2019 เมื่อเกิดไฟไหม้ขึ้นบนเรือ นำไปสู่การเสียชีวิตของคนงานอย่างน้อย 2ราย(https://aagth1.blogspot.com/2019/12/admiral-kuznetsov.html) จนถึงตอนนี้กำหนดการส่งมอบเรือได้ถูกเลื่อนออกไปเรื่อยๆ
กองทัพเรือรัสเซียกำลังประสบปัญหาความล่าช้าต่อทั้งการซ่อมและสร้างเรือขนาดใหญ่จากข้อจำกัดของอู่ต่อเรือที่ส่วนใหญ่จะเป็นอู่เรือสำหรับเรือขนาดเล็ก รวมถึงการขาดแคลนงบประมาณที่มีผลจากสงครามกับยูเครนที่ยืดเยื้อตั้งแต่ปี 2022 ครับ