วันจันทร์ที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2568

สาธารณรัฐเช็กสั่งจัดหารถถังหลัก Leopard 2A8 เยอรมนีใหม่ 44คัน

Czech MoD orders Leopard 2A8 MBTs





The Czech Republic is procuring 44 Leopard 2A8 MBTs in co-operation with Germany in 2028–31. (KNDS)



กระทรวงกลาโหมสาธารณรัฐเช็กและบริษัท KNDS เยอรมนีประกาศในสื่อประชาสัมพันธ์เมื่อวันที่ 11 กันยายน 2025 ว่าพวกตนและสำนักงานยุทโธปกรณ์, สารสนเทศ, วิทยาการ และการสนับสนุนระหว่างประจำการกองทัพสหพันธรัฐเยอรมนี
(Federal Office of Bundeswehr Equipment, Information Technology and In-Service Support ,BAAINBw: Bundesamt für Ausrüstung, Informationstechnik und Nutzung der Bundeswehr) ได้ลงนามสัญญาสำหรับการจัดหารถถังหลัก Leopard 2A8 MBT(Main Battle Tank) จำนวน 44คัน โดยมีตัวเลือกสำหรับเพิ่มเติมอีก 14คัน

นอกจากนี้ Lubor Koudelka ผู้อำนวยการกองสรรพาวุธและการจัดซื้อจัดจ้างของกระทรวงกลาโหมสาธารณรัฐเช็กได้ลงนามสัญญากับบริษัท KNDS ใน 'การทำให้เป็นโบฮีเมีย'(Bohemisation) ของรถถังหลัก Leopard 2 สาธารณรัฐเช็กด้วย
ในระยะที่1 รถถังหลัก Leopard 2A8 MBT จำนวน 44คัน รวมถึงรุ่นรถถังที่บังคับการจะถูกจัดหาเป็นวงเงิน 32.76 billion Czech Koruna($1.58 billion) ยังครอบคลุมระบบป้องกันเชิงรุก(APS: Active Protection System), ระบบป้องกันทุ่นระเบิด, และการสนับสนุนการส่งกำลังบำรุงและชิ้นส่วนอะไหล่ต่างๆแบบบูรณาการ, การบริหารจัดการการสนับสนุน, เอกสาร และการฝึก 

ภายใต้ข้อตกลงกรอบการทำงานกระทรวงกลาโหมสาธารณรัฐเช็กจะจัดซื้อรถถังหลัก Leopard 2A8 MBT ถึงจำนวน 58คัน โดยตัวเลือกสำหรับรถถังเพิ่มเติมอีก 14คันจะถูกจัดซื้อขึ้นอยู่งบประมาณที่จะได้รับการจัดสรรของกระทรวงกลาโหมสาธารณรัฐเช็ก
กระทรวงกลาโหมสาธารณรัฐเช็กยังมีแผนที่จะจัดซื้อยานเกราะจำนวน 19คันในสี่รุ่นที่แตกต่างกันคือ รถเกราะทหารช่าง(AEV: Armoured Engineer Vehicle), รถเกราะกู้ซ่อม(ARV: Armoured Recovery Vehicle), รถเกราะวางสะพาน(AVLB: Armoured Vehicle Launched Bridge), และรถฝึกพลขับ ด้วยการเจรจาที่กำลังดำเนินอยู่กับผู้จัดส่งต่างๆ

กระทรวงกลาโหมสาธารณรัฐเช็กกำลังจัดซื้อรถถังหลัก Leopard 2A8 MBT ภายใต้เงื่อนไขเดียวกันและในแบบแผนเดียวกันกับกองทัพบกเยอรมนี(German Army, Heer) คาดว่าสำหรับระบบบัญชาการ, ควบคุม, สื่อสาร, computer, ข่าวกรอง, ตรวจการณ์, จับเป้าหมาย และลาดตระเวน
(C4ISTAR: Command, Control, Communications, Computers, Intelligence, Surveillance, Target acquisition, and Reconnaissance), การทำสีลายพราง, และปืนกล 7.62mm ของรถถังหลัก Leopard 2A8 ซึ่งจะถูกทำสัญญาในฐานะส่วนหนึ่งของ 'การทำให้เป็นโบฮีเมีย'(Bohemisation) ของการจัดซื้อจัดจ้างที่จะมีการส่งมอบในระหว่างปี 2028-2031

กองทัพสาธารณรัฐเช็ก(ACR: Army of the Czech Republic, AČR: Armáda České republiky) ปัจจุบันมีประจำการด้วยรถถังหลัก Leopard 2A4 จำนวน 14คัน และรถเกราะกู้ซ่อม Büffel จำนวน 2คันที่ได้รับมอบในปี 2022-2023 ซึ่งเดิมเป็นรถที่เก็บไว้ในคลังแสงของกองทัพเยอรมนี(Bundeswehr)  กองทัพออสเตรีย(Bundesheer) และกองทัพสมาพันรัฐสวิส(Schweizer Armee) 
ในเดือนกุมภาพันธ์ 2024 และเดือนธันวาคม 2024 สาธารณรัฐเช็กได้ลงนามสัญญากับบริษัท Rheinmetall Landsysteme เยอรมนีสำหรับการจัดหารถถังหลัก Leopard 2A4 ที่ผ่านการซ่อมคืนสภาพ(refurbished) เพิ่มเติมอีก 28คันซึ่งจะทำให้จำนวนรถรวมเป็น 42คัน โดยการส่งมอบจะมีขึ้นภายในสิ้นปี 2026(https://aagth1.blogspot.com/2022/10/leopard-2a4-rheinmetall.html)

สาธารณรัฐเช็กได้เข้าร่วมกลุ่มประเทศที่สั่งจัดหารถถังหลัก Leopard 2A8 รุ่นล่าสุดร่วมกับเยอรมนีจำนวน 124คัน(https://aagth1.blogspot.com/2024/11/leopard-2a7a1-trophy-aps.html), นอร์เวย์จำนวน 54คัน(https://aagth1.blogspot.com/2023/02/leopard-2a7-54.html), เนเธอร์แลนด์จำนวน 46คัน(https://aagth1.blogspot.com/2025/05/leopard-2a8-46.html),
ลิทัวเนียจำนวน 44คัน(https://aagth1.blogspot.com/2024/12/leopard-2a8-44.html), และสวีเดนจำนวน 44คัน(https://aagth1.blogspot.com/2025/01/leopard-2a8-strv-123-44.html) ยังรวมถึงโครเอเชียในอนาคตจำนวนถึง 50คันด้วยครับ(https://aagth1.blogspot.com/2024/11/leopard-2a8-m142-himars.html)

วันอาทิตย์ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2568

Navantia สเปนทำพิธีปล่อยเรือลงน้ำเรือฟริเกตชั้น F110 ลำแรก F111 Bonifaz

Navantia launches first F-110 class frigate ‘Bonifaz’ for Spanish Navy



The first F-110 class frigate "Bonifaz" at the launching ceremony. High level attendants at the launching ceremony of the first F-110 frigate. (Credit: Navantia)



บริษัท Navantia สเปนได้ทำพิธีปล่อยเรือลงน้ำของเรือฟริเกตชั้น F110 ลำแรก เรือฟริเกต F111 Bonifaz สำหรับกองทัพเรือสเปน(Spanish Navy, Armada) ในเหตุการณ์อันเป็นสัญลักษณ์อย่างสูงใน Ferrol สเปนเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2025
พิธีได้เชิญนายกรัฐมนตรีสเปน Pedro Sánchez และสมเด็จพระราชินีพระราชชนนี Sofía แห่งสเปน ผู้ทรงเป็นองค์พระราชูปถัมภ์ของเรือฟริเกต F111 Bonifaz เสด็จทำพิธีการปล่อยขวด wine แตกที่หัวเรือก่อนที่เรือจะเลื่อนลงจากทางลาดนำเรือลงน้ำ(slipway) เข้าสู่ผิวน้ำ

พิธีปล่อยเรือลงน้ำได้เชิญตัวแทนจากภาคเอกชนและกองทัพรวมถึงผู้บัญชาการกองทัพสเปน(Chief of the Defence Staff) พลเรือเอก Teodoro López Calderón, ผู้บัญชาการกองทัพเรือสเปน พลเรือเอก Antonio Piñeiro และประธาน Navantia สเปน Ricardo Domínguez ผู้คนอีกราว 5,000คนยังได้รับชมพิธีบนอัฒจันทร์ของอู่เรือส่วนใหญ่เป็นพนักงานของบริษัท Navantia และครอบครัว
ร่วมกับคณะทำงานจากบริษัทหุ้นส่วนต่างๆ เรือฟริเกต Bonifaz ถูกปล่อยลงน้ำหลังได้รับพิธี 'บัพติศมา'(ศีลจุ่ม, baptism) ด้วยขวด wine Albariño พร้อมการบรรเลงเพลงชาติสเปนโดยวงดนตรี Northern Tercio Music Unit เรือถูกอำนวยพรโดย อนุศาสนาจารย์(chaplain) Vicente Hernández Chumillas ผู้อำนวยการกองกิจการศาสนากองทัพเรือสเปน

ชื่อของเรือถูกตั้งเป็นเกียรติแก่ Ramón Bonifaz นายพลเรือแห่ง Castile คนแรก เรือฟริเกต F111 Bonifaz ถูกปล่อยน้ำหนึ่งเดือนก่อนหน้ากำหนดการโดยมีความคืบหน้าการสร้างที่มากกว่าร้อยละ70 ระหว่างพิธีรัฐมนตรีกลาโหมสเปน Margarita Robles ได้เยี่ยมชมอู่เรือบริษัท Navantia และได้ลงนามการตรวจรับการปล่อยเรือลงน้ำอย่างเป็นทางการ จากจุดนี้ต่อไปข้างหน้าการสร้างเรือการเดินหน้าต่อที่อู่เรือของ Navantia 
จนถึงการส่งมอบในปี 2028 เรือ 3ลำจาก 5ลำในโครงการเรือฟริเกตชั้น F110 ปัจจุบันกำลังอยู่ในการต่อที่อู่เรือใน Ferrol โดยสี่ block ชิ้นส่วนเรือของเรือลำที่สองเรือฟริเกต F112 Roger de Lauria ได้อยู่บน slipway แล้วตามพิธีวางกระดูกงูเรือในเดือนเมษายน 2025 ชิ้นส่วน block ที่เหลือของเรือฟริเกต F112 และเก้า block ชิ้นส่วนของเรือลำที่สามเรือฟริเกต F113 Menéndez de Avilés กำลังถูกสร้างในโรงงาน

เรือลำที่สี่เรือฟริเกต F114 Luis de Córdova และเรือลำที่ห้าเรือฟริเกต F115 Barceló มีแผนจะเริ่มต้นการสร้างตามมาในเร็วๆนี้ โครงการเรือฟริเกตชั้น F110 เป็นเครื่องหมายถึงก้าวย่างไปข้างหน้าที่สำคัญสำหรับกองทัพเรือสเปนและสำหรับการพัฒนาทางอุตสาหกรรมและวิทยาการของ Navantia สเปนและหุ้นส่วนต่างๆของตน 
โครงการเสริมความแข็งแกร่งความเป็นอิสระทางยุทธศาสตร์ของสเปน, ส่งเสริมการส่งออก(https://aagth1.blogspot.com/2025/08/navantia-opv.html, https://aagth1.blogspot.com/2025/04/navantia-type-071et-lpd.html), และคาดว่าจะสร้างงานราว 9,000ตำแหน่งเป็นระยะเวลามากกว่าทศวรรษ โดยการมีส่วนร่วมจาก 500บริษัททั่วประเทศ

นายกรัฐมนตรีสเปน Sánchez เน้นว่า "เหตุการณ์นี้ไม่เพียงเป็นเครื่องหมายถึงบทใหม่ในประวัติศาสตร์ของกองทัพเรือสเปน แต่ยังเป็นวันสำคัญอย่างใหญ่หลวงสำหรับ Navantia และภาคอุตสาหกรรมทางเรือของสเปน เหนือสิ่งอื่นใด มันเป็นวันประวัติศาสตร์สำหรับ Ferrol และทั้งหมดใน Galicia วันที่ 11 กันยายนนี้เปิดศักราชใหม่แห่งความหวังของ Ferrol ด้วยการนำทางทางอุตสาหกรรมใหม่"
พลเรือเอก Piñeiro ผู้บัญชาการกองทัพเรือสเปนเสริมว่า "เรือฟริเกต Bonifaz ไม่ใช่แค่เรือใหม่ เรือแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของสเปนต่ออธิปไตยทางนวัตกรรมและวิทยาการ เรือนี้จะมอบความเด็ดขาดทางยุทธศาสตร์และการป้องปรามที่ได้เปรียบในความสอดคล้องกับวิสัยทัศน์กองทัพเรือ Armada 2050 ของเรา สะท้อนถึความตั้งใจของเราที่จะรับมือกับความท้าทายในอนาคต"

ในคำปราศรัยของเขา Domínguez ประธานบริษัท Navantia กล่าวขอบคุณแรงงานสำหรับการอุทิศตนของพวกตนและความพยายามในการส่งมอบโครงการที่ "มาพร้อมนวัตกรรมต่างๆ เช่น digital twin คู่, ระบบบริการบูรณาการ และระบบตรวจจับ สายอากาศ และ radar ล้ำยุค เป็นสัญลักษณ์แห่งนวัตกรรมของสเปน เรามั่นใจว่าเรือฟริเกต F110 จะประสบความสำเร็จในระดับนานาชาติ เช่นเดียวกับที่โลกได้เคยยอมรับเรือฟริเกต F100(https://aagth1.blogspot.com/2024/12/hobart-ddg41-hmas-brisbane-tomahawk.html)" 
Eduardo Dobarro ผู้อำนวยการฝ่ายเรือฟริเกตและแทรกแซง(Frigates and Intervention Ships) ของบริษัท Navantia ย้ำว่า "การบรรลุความสำเร็จนี้สะท้อนการวางแผนที่มั่นคง, แบบอย่างความร่วมมือเชิงสถาบันกับกระทรงกลาโหมสเปนและกองทัพเรือสเปน เหนืออื่นใดการทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยของบรรดาผู้ที่ทำให้สิ่งนี้เป็นไปได้"

ได้รับการอนุมัติในปี 2019 เรือฟริเกตคุ้มกันเหล่านี้มีคุณลักษณะขีดความสามารถการป้องกันภัยทางอากาศ, การต่อต้านเรือผิวน้ำ และการปราบเรือดำน้ำ และถูกออกแบบเพื่อปฏิบัติการร่วมกับหน่วยอื่นๆและสนับสนุนภารกิจความมั่นคงทางทะเลร่วมกับหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายพลเรือน 
Navantia จะส่งมอบหนึ่งในเรือที่มีระบบ digital และอัตโนมัติมากที่สุดแก่กองทัพเรือสเปน ติดตั้งด้วย digital twin คู่ และเครือข่ายระบบตรวจจับ(ระบบบริการบูรณาการ, ISS: Integrated Services System) ที่ทำให้สามารถสร้างการตัดสินใจที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล เรือฟริเกต F110 เหล่านี้มีความปลอดภัย สามารถปฏิบัติการโดยลดกำลังพลประจำเรือลง และมีขีดความสามารถในการบูรณาการะบบไร้คนขับต่างๆ

การพัฒนาต่างๆรวมถึงระบบการรบ(combat system) แบบ SCOMBA ของ Navantia เอง, ระบบควบคุมระบบบูรณาการ IPMS(Integrated Platform Control System) และเครื่องยนต์และระบบต่างที่ผลิตโดยโรงงานของ Navantia ใน Bahía de Cádiz และ Cartagena สเปน digital twin เป็นการสร้างแบบจำลองเสมือนจริงของเรือ 
พัฒนาในความร่วมมือกับกองทัพเรือสเปนและกรมการสรรพาวุธและยุทโธปกรณ์สเปน(Directorate General for Armament and Materiel) ใช้พลังจากระบบตรวจจับและวิทยาการต่างๆ เช่น IoT, cloud computing, และการเรียนรู้ของเครื่องจักร เพิ่มขยายการสร้างการตัดสินใจที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล และสนับสนุนวิวัฒนาการการปฏิบัติการและซ่อมบำรุง

แบบจำลองเสมือนจริงนี้ถูกปรับแต่งโดยระบบบริการบูรณาการ ISS เครือข่าย neural network ด้วยระบบตรวจจับต่างๆที่ติดตั้งภายในระบบให้แสงสว่างในตัวเรือ ได้รับการพัฒนาโดยกองทัพเรือสเปนและมหาวิทยาลัย Vigo ส่งเสริมนวัตกรรมระบบนิเวศ ecosystem ตลอดทั้งโครงการ 
เรือฟริเกต F110 มีคุณลักษณะระบบการรบ SCOMBA(พัฒนาโดยแผนกระบบของ Navantia) ทำหน้าที่เป็น "สมอง" ของเรือ ขีดความสามารถของการประมวณผลข้อมูลระบบตรวจจับ, radar และอาวุธในเวลาจริง ท่ามกลางนวัตกรรมต่างๆเหล่านี้คือเสากระโดงบูรณาการ(integrated mast) ที่ตั้งบนดาดฟ้ายก(superstructure) ซึ่งใช้ปรับแต่ง spectrum แม่เหล็กไฟฟ้า และลดสัญญาณ radar ครับ

วันเสาร์ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2568

กระทรวงกลาโหมไทยจัดการทดสอบอาวุธทางยุทธวิธี MOD CHALLENGE 2025
















The Ministry of Defence of Thailand held the MOD Challenge 2025 on September 9, 2025, at the Hua Hin Shooting Range in Prachuap Khiri Khan province on 9 September 2025. (Kochasi Weapon Plant)
MOD Challenge 2025 was a competition and showcase of demestic weapons, equipments and defense technology for the Royal Thai Armed Forces (RTARF), Royal Thai Police and Thai Law Enforcement agencies.
Centered on domestic MOD2020 5.56mm assault rifles and SAN 9 pistols, products of Kochasi Weapon Plant (Weapon Research and Development Plant), Weapon Production Center (WPC), Defence Industry and Energy Center (DIEC), Ministry of Defence of Thailand,
MOD Challenge 2025 competition has participated by 9 teams of operators from Counter Terrorist Operations Center (CTOC), Royal Thai Armed Forces; Security Battalion, Office of the Permanent Secretary of Defence, Ministry of Defence of Thailand; Special Warfare Command (SWCOM), Royal Thai Army (RTA); Naval Special Warfare Command (NSWC), Royal Thai Navy (RTN SEAL); and Marine Reconnaissance Battalion, Royal Thai Marine Corps (RTMC); Special Operations Regiment (SOR), Security Force Command (SFC), Royal Thai Air Force (RTAF); and Special Service Division (SSD Commando), Central Investigation Bureau (CIB) ,Royal Thai Police (RTP).







“จากสถานการณ์ภัยคุกคามแนวชายแดน
กระทรวงกลาโหมตระหนักถึง การเตรียมกำลัง ยุทโธปกรณ์ จิตวิญญาณการเป็นนักรบ การพึ่งพาตนเองด้านอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ มีการวิจัย พัฒนา และผลิตปืนเล็กยาว 5.56 และ ปืนพก SAN 9 โดย ศูนย์อำนวยการสร้างอาวุธ ศูนย์การอุตสาหกรรมป้องกันประเทศและพลังงานทหาร (ศอว.ศอพท.) ซึ่งผลิตเองทั้งหมด ภายใต้แบรนด์ “คชสีห์” เน้นคุณภาพเป็นสำคัญ 
มีโรงงานที่ผ่านมาตรฐาน iso 9001 : 2015 ผ่านการทดสอบมาตรฐานทางทหาร ผ่านการยิงมาแล้วกว่า 6,000 นัด นำมาให้นักรบทดสอบในงานนี้ เพื่อนำไปสู่การพัฒนาในอนาคต”
พล.อ.ณัฐ  อินทรเจริญ ปลัดกระทรวงกลาโหม คนที่ 60 กล่าวในพิธีเปิดงานการทดสอบอาวุธทางยุทธวิธี MOD CHALLENGE 2025 ณ สนามยิงปืนหัวหิน

สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม จัดการทดสอบอาวุธทางยุทธวิธีระดับชาติครั้งแรกของไทย “MOD CHALLENGE 2025” 
เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2568 สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ได้จัดการแข่งขันการทดสอบอาวุธทางยุทธวิธี  “MOD CHALLENGE 2025” ขึ้นเป็นครั้งแรกของประเทศไทย ณ สนามยิงปืนหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ 
โดยมี พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ ปลัดกระทรวงกลาโหม คนที่ 60 เป็นประธานในการเปิดงาน พร้อมเดินทักทายและให้กำลังใจกำลังพลจาก 6 หน่วยงาน รวม 9 ทีม ที่เข้าร่วมการแข่งขัน อาวุธที่ใช้ในการทดสอบในครั้งนี้ประกอบด้วย ปลย. 5.56 และ ปืนพก san 9 ภายใต้แบรนด์ ”คชสีห์“
การจัดงานครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อผลักดันนโยบายการพัฒนา อุตสาหกรรมป้องกันประเทศของไทย ให้มีความทันสมัย ทัดเทียมมาตรฐานสากล อีกทั้งยังเป็นเวทีสำคัญในการสร้างความร่วมมือระหว่าง ภาครัฐและภาคเอกชน ในการวิจัย พัฒนา และทดสอบอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ผลิตโดยฝีมือคนไทย
การแข่งขัน MOD CHALLENGE 2025 ไม่เพียงแต่เป็นการแสดงศักยภาพของอุตสาหกรรมป้องกันประเทศเท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงความมุ่งมั่นของกองทัพไทยในการยกระดับขีดความสามารถด้านความมั่นคง และสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนว่าประเทศไทยกำลังก้าวสู่การพึ่งพาตนเองทางด้านยุทโธปกรณ์อย่างมั่นคงและยั่งยืน

“MOD CHALLENGE 2025” สะท้อนพลังความร่วมมือรัฐ–เอกชน ขับเคลื่อนอุตสาหกรรมป้องกันประเทศไทย
บรรยากาศภายในงานเป็นไปด้วยความคึกคัก ได้รับความสนใจจากหน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชนที่เข้ามามีส่วนร่วมอย่างพร้อมเพรียง ถือเป็นก้าวสำคัญในการผลักดันอุตสาหกรรมป้องกันประเทศของไทยให้ก้าวทันเทคโนโลยีและมาตรฐานสากล 
ภายในงานยังมีบูธจัดแสดงจากบริษัทผู้ผลิตและจัดจำหน่ายยุทโธปกรณ์และอุปกรณ์เสริมคุณภาพสูง เช่น ไทยอามส์, เมิร์ค แทคติคอล เกียร์ และ วอร์ริกซ์ สปอร์ต ซึ่งช่วยสร้างสีสันและเปิดโอกาสให้ผู้เข้าชมได้สัมผัสเทคโนโลยีใหม่ ๆ อย่างใกล้ชิด 
สะท้อนให้เห็นถึงความร่วมมือที่จริงจังของทุกภาคส่วน แสดงให้เห็นถึง ความตั้งใจที่จะพัฒนาอุตสาหกรรมไทยในทุกมิติ ทั้งด้านความมั่นคง นวัตกรรม และการสร้างสรรค์เทคโนโลยีด้วยฝีมือคนไทยเอง

"หน่วยปฏิบัติการพิเศษสยบริปูสะท้าน" 
คว้ารองชนะเลิศอันดับ 1 และทีมที่มีทักษะการยิงปืนยอดเยี่ยม จากการแข่งขันหน่วยปฏิบัติการพิเศษ  Tier 1
“จากสถานการณ์ภัยคุกคามแนวชายแดน กระทรวงกลาโหมตระหนักถึง การเตรียมกำลัง ยุทโธปกรณ์ จิตวิญญาณการเป็นนักรบ การพึ่งพาตนเองด้านอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ มีการวิจัย พัฒนา และผลิตปืนเล็กยาว 5.56 และ ปืนพก SAN 9 โดย ศูนย์อำนวยการสร้างอาวุธ ศูนย์การอุตสาหกรรมป้องกันประเทศและพลังงานทหาร (ศอว.ศอพท.) ซึ่งผลิตเองทั้งหมด ภายใต้แบรนด์ คชสีร์
พล.อ.ณัฐ  อินทรเจริญ ปลัดกระทรวงกลาโหม จึงได้รวมพลัง 6 หน่วยงาน 9 ทีม จากหน่วยปฏิบัติการพิเศษ ระดับ Tier 1 มาทำการแข่งขันเพื่อแสดงถึงศักยภาพ และนวัตกรรมป้องกันประเทศ ในวันที่ 9/9/2025 ชิงถ้วยรางวัลเกียรติยศ  ประกอบด้วย 
1.ทีมจากกองทัพเรือ 2 ทีม
2.ทีมจากกองทัพบก 2 ทีม
3.ทีมจากกองทัพอากาศ 2 ทีม
4.ทีมสำนักงานปลัดกลาโหม 1 ทีม
5.ทีมจากกองทัพไทย 1 ทีม
6.ทีมจากสำนักงานตำรวจแห่งชาติ 1 ทีม
ซึ่งในส่วนทีมสำนักงานตำรวจแห่งชาติได้ส่ง " กองกำกับการต่อต้านการก่อการร้าย กองบังคับการปฏิบัติการพิเศษหรือหน่วยสยบริปูสะท้าน"  เข้าทำการแข่งขันในครั้งนี้ ซึ่งผลการแข่งขันเป็นดังนี้
1.คะแนนรวมทีมรองชนะเลิศอันดับ 1
2.ทีมที่มีทักษะการยิงปืนยอดเยี่ยม
MOD CHALLENGE 2025

MOD Challange 2025
การทดสอบปืนด้วยการแข่งขัน  ปืนที่คนไทยผลิตโดยศูนย์อำนวยการสร้างอาวุธ เข้าแข่งขันทั้ง กองทัพบก กองทัพเรือ กองทัพอากาศ  สำนักปลัดกระทรวงกลาโหม สำนักงานตำรวจแห่งชาติ  ศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านก่อการร้ายสากล และฯลฯ เข้าร่วมแข่งขัน
ผลการแข่งขัน รวมรบพิเศษไทย
- รางวัลทีมทรหดอดทนยอดเยี่ยม ได้แก่ หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ
- รางวัลทีมที่มีการใช้ทักษะยอดเยี่ยม ได้แก่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ 
- รางวัลชนะเลิศ ประเภททีมอันดับ ๑ ได้แก่ หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ
- รางวัลชนะเลิศ ประเภททีมอันดับ ๒ ได้แก่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
- รางวัลชนะเลิศ ประเภททีมอันดับ ๓ ได้แก่ หน่วยบัญชาการอากาศโยธิน
- รางวัลชนะเลิศ ประเภทบุคคลยอดเยี่ยม(MVP) ได้แก่ จ่าเอก พสวี ชัยบัง จากหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ

การทดสอบอาวุธทางยุทธวิธี MOD CHALLENGE 2025 ที่จัดโดยกระทรวงกลาโหมไทย ณ สนามยิงปืนหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เมื่อวันที่ ๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๖๘(2025) มีศูนย์กลางที่การทดสอบสมรรถนะปืนเล็กยาวจู่โจมตระกูล MOD2020 ขนาด 5.56x45mm NATO และปืนพกกึ่งอัตโนมัติ SAN 9 ขนาด 9x19mm ที่เป็นผลงานวิจัยพัฒนาและผลิตภายในประเทศไทยภายใต้ตราอักษร "คชสีห์"(Kochasi) 
โดย โรงงานอาวุธคชสีห์(Kochasi Weapon Plant) หรือเดิมรู้จักในชื่อโรงงานต้นแบบการวิจัยพัฒนาอาวุธ รง.ตวพ.ศอว.ศอพท.(Weapon Research and Development Plant) ศูนย์อำนวยการสร้างอาวุธ ศูนย์อุตสาหกรรมป้องกันประเทศและพลังงานทหาร ศอว.ศอพท.(WPC, DIEC: Weapon Production Center, Defence Industry and Energy Center)
ร่วมกับบริษัท MILTECH RESEARCH & DEVELOPMENT CO., LTD. ไทย ซึ่งที่ผ่านมาได้มีการพัฒนาและผลิตอาวุธปืนส่งมอบให้กองทัพไทย(RTARF: Royal Thai Armed Forces)(https://aagth1.blogspot.com/2022/07/mod2020.html) และหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายต่างๆของไทยแล้ว(https://aagth1.blogspot.com/2024/11/nin9.html)

การทดสอบอาวุธทางยุทธวิธี MOD CHALLENGE 2025 ได้มีส่วนร่วมการแข่งขันของ ๙ทีมจาก ๖หน่วยรบพิเศษและหน่วยปฏิบัติการพิเศษคือ ๑ทีมจาก ศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการก่อการร้ายสากล ศตก.(CTOC: Counter Terrorist Operations Center) กองทัพไทย, ๑ทีมจาก กองพันระวังป้องกัน พัน รวป.(Security Battalion) สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม(Office of the Permanent Secretary of Defence),
๒ทีมจาก หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ(SWCOM: Special Warfare Command) กองทัพบกไทย(RTA: Royal Thai Army), ๒ทีมจาก หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ นสร.(NSWC: Naval Special Warfare Command/RTN SEALs)และกองพันลาดตระเวนนาวิกโยธิน พัน.ลว.นย.(Marine Reconnaissance Battalion) นาวิกโยธินไทย(RTMC: Royal Thai Marine Corps) กองทัพเรือไทย(RTN: Royal Thai Navy), ๒ทีมจาก กรมปฏิบัติการพิเศษ หน่วยบัญชาการอากาศโยธิน ปพ.อย.(SOR: Special Operations Regiment, SFC: Security Force Command) กองทัพอากาศไทย(RTAF: Royal Thai Air Force) และ ๑ทีมจาก กองกำกับการต่อต้านการก่อการร้าย(Commando), กองบังคับการปฏิบัติการพิเศษ(SSD: Special Service Division), กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง(CIB: Central Investigation Bureau) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(RTP: Royal Thai Police) ซึ่งได้แข่งขันในสถานการณ์จำลอง Stage 1-6 ตั้งแต่เวลา 0800-1700 ต่อเนื่องด้วยปืนเล็กยาว MOD2020 และปืนพก SAN 9 เพื่อทดสอบและพิสูจน์อาวุธปืนที่ออกแบบและผลิตในไทยครับ

วันศุกร์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2568

รัสเซียเสนอรถรบทหารราบ BMP-3 รุ่นปรับปรุงใหม่แก่ประเทศต่างๆในเอเชีย-แปซิฟิก

Special Report: Russia offers upgraded BMP-3 to Asia-Pacific countries





The upgraded BMP-3 IFV is seen displayed at VIDEX 2024 in Hanoi, Vietnam. (Linh Pham/AFP via Getty Images, Rosoboronexport)

รัสเซียกำลังเสนอรถรบทหารราบ BMP-3 IFV(Infantry Fighting Vehicle) รุ่นปรับปรุงใหม่ของตนที่ผลิตโดย High Precision Systems รัฐวิสาหกิจผู้ผลิตยุทโธปกรณ์ทางทหาร
ในเครือ Rostec กลุ่มรัฐวิสาหกิจอุตสาหกรรมความมั่นคงรัสเซีย เพื่อส่งออกแก่ลูกค้าต่างๆในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก(https://aagth1.blogspot.com/2019/05/30mm-57mm.html)

โฆษกของ Rosoboronexport หน่วยงานด้านการส่งออกอาวุธยุทโธปกรณ์ของรัสเซียซึ่งยังอยู่ในเครือ Rostec รัสเซียเช่นกันได้กล่าวกับ Janes ล่าสุดว่า
รถรุ่นปรับปรุงและรถรุ่นใหม่ในตระกูลรถรบทหารราบ BMP-3 IFV กำลังมุ่งเป้าไปที่การสนับสนุนความพยายามในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกที่จะปรับปรุงความทันสมัยกองกำลังยานเกราะ

ตามข้อมูลจากโฆษก Rosoboronexport รัสเซีย พื้นฐานรถรบทหารราบ BMP-3 IFV ได้รับการเพิ่มขยายหลายๆอย่าง รวมถึงการบูรณาการของชุดคำสั่ง firmware ที่ทำให้รถสามารถปฏิบัติการอย่างอัตโนมัติได้
โฆษก Rosoboronexport รัสเซียกล่าวว่ารถรบทหารราบ BMP-3 IFV ได้ถูกดัดแปลงภายหลัง "โดยการคำนึงประสบการณ์ในการนำมาใช้ในการรบ"

รถรบทหารราบ BMP-3 IFV รุ่นปรับปรุงใหม่ได้ถูกนำมาจัดแสดงในงานแสดง Vietnam International Defence Expo(VIDEX) 2024 ที่จัดขึ้นในนครหลวง Hanoi ระหว่างวันที่ 19-22 ธันวาคม 2024
ในเอเชีย-แปซิฟิกรถรบทหารราบ BMP-3 IFV ได้ถูกนำเข้าประจำการแล้วโดยอินโดนีเซีย(https://aagth1.blogspot.com/2019/04/bt-3f-bmp-3f-pandur-ii.html) และสาธารณรัฐเกาหลี(https://aagth1.blogspot.com/2015/04/bmp-3-t-80u.html

ขณะที่กองทัพบกประชาชนเวียดนาม(VPA: Vietnam People's Army) มีประจำการด้วยกองกำลังรถรบทหารราบ BMP-1 IFV และรถรบทหารราบ BMP-2 IFV ผสมกันจำนวนหลายร้อยคัน
ที่ถูกจัดหามาตั้งแต่ปลายปี 1970s(https://aagth1.blogspot.com/2025/09/80-hanoi.html), กองทัพบกกัมพูชา(Royal Cambodian Army) ยังมีประจำการด้วยรถรบทหารราบ BMP-1 IFV รุ่นเก่ากว่า 

ตามข้อมูลจาก Janes World Navies นาวิกโยธินอินโดนีเซีย(Indonesian Marine Corps, KORMAR: Korps Marinir) มีประจำการด้วยรถรบทหารราบ BMP-3F IFV จำนวน 54คันซึ่งเป็นรุ่นสะเทินน้ำสะเทินบกของ BMP-3 
ที่ถูกจัดหาจากรัสเซียในสองระยะในปี 2008 และปี 2012 นาวิกโยธินอินโดนีเซียยังมีประจำการด้วยรถเกราะลำเลียงพลสะเทินน้ำสะเทินบก BT-3F APC(Armoured Personnel Carrier) จำนวน 54คัน ซึ่งมีพื้นฐานจาก BMP-3

ตามข้อมูลจาก Janes World Armies กองทัพบกสาธารณรัฐเกาหลี(RoKA: Republic of Korea Army) มีประจำการด้วยรถรบทหารราบ BMP-3 IFV จำนวน 70คันตั้งแต่ปี 1996
เช่นเดียวกับรถถังหลัก T-80U จำนวน 33คัน และรถถังหลักที่บังคับการ T-80UK จำนวน 2คันที่จัดหาจากรัสเซียเช่นกันที่ถูกใช้ในการฝึกเป็นหน่วยข้าศึกสมมุติ(aggressor) ครับ

วันพฤหัสบดีที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2568

สิงคโปร์จะจัดหาเครื่องบินลาดตระเวนทางทะเล P-8A Poseidon สหรัฐฯ 4เครื่อง

Singapore announces intent to procure P-8A aircraft



Singapore aims to procure four Boeing P-8A Poseidon aircraft as part of the first phase of the Singapore Armed Forces' refresh of its maritime security capabilities. (Boeing)




The P-8A aircraft will replace the RSAF's ageing fleet of five Fokker 50 maritime patrol aircraft. (Singapore Ministry of Defence)

สิงคโปร์ได้ประกาศว่าตนจะจัดหาเครื่องบินลาดตระเวนทางทะเล Boeing P-8A Poseidon เพื่อเพิ่มขยายขีดความสามารถการลาดตระเวนทางทะเลของกองทัพอากาศสิงคโปร์(RSAF: Republic of Singapore Air Force)
การประกาศได้มีขึ้นโดยรัฐมนตรีกลาโหมสิงคโปร์ Chan Chun Sing ตามการเข้าพบกับรัฐมนตรีกระทรวงการสงครามสหรัฐฯ Pete Hegseth ที่ Pentagon สหรัฐฯเมื่อวันที่ 10 กันยายน 2025

เครื่องบินลาดตระเวนทางทะเล P-8A Poseidon จำนวน 4เครื่องจะถูกจัดหา "ในระยะที่1 ของการปรับเปลี่ยนใหม่ขีดความสามารถการลาดตระเวนทางทะเลของกองทัพสิงคโปร์(SAF: Singapore Armed Forces)
ตามที่เพื่อจะเสริมความแข็งแกร่งการหยั่งรู้สถานการณ์ทางทะเลและความสามารถที่ต่อต้านภัยคุกคามใต้ผิวน้ำต่างๆของกองทัพสิงคโปร์" กระทรวงกลาโหมสิงคโปร์กล่าวในแถลงการณ์เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2025

กระทรวงกลาโหมสิงคโปร์เสริมว่าเครื่องบินลาดตระเวนทางทะเล P-8A จะทดแทนเครื่องบินลาดตระเวนทางทะเล Fokker 50 MPA(Maritime Patrol Aircraft) จำนวน 5เครื่องที่มีอายุการใช้งานมานานซึ่งเข้าประจำการในกองทัพอากาศสิงคโปร์ตั้งแต่ปี 1993

กองทัพสิงคโปร์ยังได้ประเมินค่าเครื่องบินลาดตระเวนทางทะเล Airbus C295 MPA ยุโรป(https://aagth1.blogspot.com/2023/12/c295-mpa-c295-msa-16.html, https://aagth1.blogspot.com/2023/01/airbus-c295-mpa-2023.html
ในฐานะการทดแทนที่เป็นได้สำหรับฝูงบินเครื่องบินลาดตระเวนทางทะเล Fokker 50 MPA ตามการเปิดเผยโดยอดีตรัฐมนตรีกลาโหมสิงคโปร์ Ng Eng Hen ในเดือนมีนาคม 2025(https://aagth1.blogspot.com/2025/03/invincible-2.html)

ตามข้อมูลจากรัฐมนตรีกลาโหมสิงคโปร์ Chan การสั่งจัดหาเครื่องบินขับไล่ Lockheed Martin F-35A/B Lightning II ของสิงคโปร์กำลังมีความคืบหน้า ในเดือนมีนาคม 2024 สิงคโปร์ได้ประกาศว่า
ตนจะจัดหาเครื่องบินขับไล่ F-35A Lightning II รุ่นบินขึ้นลงตามแบบ(CTOL: Conventional Take-Off and Landing) จำนวน 8เครื่อง(https://aagth1.blogspot.com/2024/03/f-35a-8-f-35b-12.html)

ในการเพิ่มเติมต่อเครื่องบินขับไล่ F-35B Lightning II รุ่นบินขึ้นระยะสั้นลงจอดทางดิ่ง(STOVL: Short Take-Off Vertical Landing) จำนวน 12เครื่องที่มีสัญญาจัดหาแล้ว(https://aagth1.blogspot.com/2023/03/f-35b-stovl.html)
ตามข้อมูลจากรัฐมนตรีกลาโหมสิงคโปร์ Chan การผลิตของเครื่องบินขับไล่ F-35A/B จำนวน 20เครื่องได้รับการดำเนินการแล้ว โดยโครงการ "เป็นไปตามกำหนดการ" สำหรับการส่งมอบในปลายปี 2026 เป็นต้นไป

Janes ได้รายงานก่อนหน้านี้ว่าสิงค์โปร์มองที่จะจัดหาเครื่องบินลาดตระเวนทางทะเลใหม่ที่มีสมรรถนะเหนือกว่าเครื่องบินลาดตระเวนทางทะเล Fokker 50 MPA ที่จะทำให้กองทัพสิงคโปร์เสริมความแข็งแกร่งมาตรการรักษาความปลอดภัยทางทะเลของตน
ที่ยังรวมถึงการลงนามสัญญาจัดหาเรือดำน้ำชั้น Invincible(Type 218SG) เพิ่มเติม 2ลำสำหรับกองทัพเรือสิงคโปร์(RSN: Republic of Singapore Navy) จากที่สั่งจัดหาแล้ว 4ลำ รวมเป็น 6ลำด้วยครับ(https://aagth1.blogspot.com/2025/05/type-218sg-invincible-2.html)

วันพุธที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2568

เรือฟริเกตชั้น Brawijaya ลำแรก KRI Brawijaya เดินทางมาถึงอินโดนีเซียแล้ว

Indonesia's first Brawijaya-class frigate arrives home







KRI Brawijaya seen here while it was arriving its home at Tanjung Priok base in North Jakarta on 8 September. (Indonesian Navy)



เรือตรวจการณ์ไกลฝั่งอเนกประสงค์ PPA(Pattugliatore Polivalente d'Altura)/MPCS(Multipurpose Combat Ship) ลำแรกที่สร้างในอิตาลีของอินโดนีเซียได้เดินทางมาถึงอินโดนีเซียแล้ว
เรือฟริเกตชั้น Brawijaya ลำแรก เรือฟริเกต KRI Brawijaya หมายเลขเรือ 320 ซึ่งมีพิธีขึ้นระวางประจำการในเดือนกรกฎาคม 2025(https://aagth1.blogspot.com/2025/07/ppa-kri-brawijaya.html)

ได้รับการต้อนรับอย่างเป็นทางการโดยกองทัพเรืออินโดนีเซีย(Indonesian Navy, TNI-AL: Tentara Nasional Indonesia-Angkatan Laut) ณ ฐานทัพเรือ Tanjung Priok ใน North Jakarta เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2025
เรือฟริเกต KRI Brawijaya (320) ได้มาถึงฐานทัพเรือ Tanjung Priok หลังจากเสร็จสิ้นการเดินเรือเป็นเวลา 44วันจากอิตาลีและเยือนท่าเรือต่างๆในห้าประเทศตลอดเส้นทางรวมถึงนครหลวง Colombo ศรีลังกา

พิธีต้อนรับเรือฟริเกต KRI Brawijaya นำโดยรัฐมนตรีกลาโหมอินโดนีเซีย Sjafrie Sjamsoeddin ร่วมกับผู้บัญาชาการกองทัพอินโดนีเซีย(Indonesian National Armed Forces, TNI: Tentara Nasional Indonesia) พลเอก Agus Subiyanto
"นี่เป็นเหตุการณ์ที่น่าภาคภูมิใจ แต่ยังเป็นความท้าทายสำหรับเราที่จะดำรงทักษะต่างๆและความพร้อมที่ถูกคาดหวังโดยประชาชนอินโดนีเซีย" รัฐมนตรีกลาโหมอินโดนีเซีย Sjamsoeddin กล่าวในการปราศรัยของเขาในพิธีต้อนรับเรือ

ซึ่งพิธีต้อนรับเรือฟริเกต KRI Brawijaya ได้มีการถ่ายทอดสดเมื่อวันที่ 8 กันยายน 2025 ผ่านหลากหลายช่องทางสื่อสังคม online บนผู้ให้บริการ streaming ของบัญชีทางการของรัฐและสื่ออินโดนีเซีย
รัฐมนตรีกลาโหมอินโดนีเซียยังได้อธิบายเรือฟริเกต KRI Brawijaya ในฐานะเรือรบที่จะมีบทบาททางยุทธศาสตร์ในการปกป้องทรัพยากรทางทะเลของอินโดนีเซีย โดยเฉพาะในการเผชิญหน้ากับความท้าทายในภูมิภาคที่เพิ่มสูงขึ้น

KRI Brawijaya เป็นหนึ่งในเรือตรวจการณ์ไกลฝั่งอเนกประสงค์ PPA ที่ได้ถูกจัดหาสำหรับกองทัพเรืออินโดนีเซียภายใต้สัญญาวงเงิน 1.18 billion Euros($1.39 billion) ที่ได้รับการประกาศให้กับบริษัท Fincantieri อิตาลีผู้สร้างเรือในเดือนมีนาคม 2024
ที่เดิมถูกกำหนดสำหรับกองทัพเรืออิตาลี(Italian Navy, Marina Militare) และเดิมควรจะเข้าประจำการในชื่อเรือตรวจการณ์ไกลฝั่ง P433 Marcantonio Colonna(https://aagth1.blogspot.com/2024/03/ppa.html

เรืออีกลำที่อยู่ในสัญญาซึ่งเดิมควรจะเข้าประจำการในกองทัพเรืออิตาลีในชื่อเรือตรวจการณ์ไกลฝั่ง P435 Ruggiero di Lauria ขณะนี้เป็นที่รู้จักในชื่อเรือฟริเกต KRI Prabu Siliwangi หมายเลขเรือ 321
เรือฟริเกตชั้น Brawijaya ลำที่สอง เรือฟริเกต KRI Prabu Siliwangi (321) กำลังได้รับการเตรียมการสำหรับการส่งมอบให้แก่กองทัพเรืออินโดนีเซีย(https://aagth1.blogspot.com/2025/02/ppa-2025.html)

ตามแถลงการณ์ของกองทัพเรืออินโดนีเซีย เรือฟริเกตชั้น Brawijaya มีความเร็วเรือสูงสุดที่ 32knots และรองรับกำลังพลประจำเรือที่ 171นาย และจะเป็นเรือรบผิวน้ำที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประจำการกองทัพเรืออินโดนีเซียปัจจุบัน
โดยกำหนดประเภทเรือเป็น 'เรือฟริเกต' อย่างไรก็ตาม KRI Brawijaya ถูกส่งมอบให้อินโดนีเซียโดยยังไม่ได้รับการติดตั้งอาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่พื้นต่อต้านเรือผิวน้ำและ Torpedo เบาปราบเรือดำน้ำครับ

วันอังคารที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2568

Boeing เสร็จสิ้นการสาธิตขีดความสามารถอากาศยานไร้คนขับ MQ-28A Ghost Bat ออสเตรเลีย

Boeing completes MQ-28 capability demonstrations





The Boeing MQ-28 Ghost Bat Collaborative Combat Aircraft (CCA) is scheduled to begin air-to-air weapons trials in 2025–26. (Boeing)



บริษัท Boeing สหรัฐฯและกองทัพอากาศออสเตรเลีย(RAAF: Royal Australian Air Force) ได้ประกาศการเสร็จสิ้นของการประเมินค่าการสาธิตขีดความสามารถการปฏิบัติการต่างๆ
ของอากาศยานรบทำงานร่วมกัน(CCA: Collaborative Combat Aircraft) แบบ MQ-28 Ghost Bat(https://aagth1.blogspot.com/2025/06/mq-28a-ghost-bat.html) ที่มีกำหนดจะเริ่มต้นการทดสอบอาวุธอากาศสู่อากาศในปี 2025-2026

กองทัพอากาศออสเตรเลียได้กำหนดให้อากาศยานรบทำงานร่วมกัน MQ-28 Ghost Bat CCA ที่จะ "หลายชุดของด้านการปฏิบัติการที่เกี่ยวข้องกับภารกิจต่างที่ได้รับการออกแบบ
เพื่อที่จะเสริมและเพิ่มขยายขีดความสามารถต่างๆของระบบอากาศยานแบบที่มีนักบินบังคับที่มีอยู่" บริษัท Boeing กล่าวในแถลงการณ์เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2025 ที่ผ่านมา

การทดสอบต่างๆได้ถูกดำเนินการภายใต้โครงการการสาธิตขีดความสามารถ 2025(Capability Demonstration 2025) ผลการทดสอบต่างๆได้ยืนยันรับรองความต้องการการปฏิบัติการห้าข้อกำหนด 
และได้เสร็จสิ้นภายในสี่เดือนก่อนหน้ากำหนดการ บริษัท Boeing เสริม ตามข้อมูลของบริษัท Boeing ข้อกำหนดความต้องการต่างๆรวมถึงการสาธิตของขีดความสามารถต่างๆ

ของพฤติกรรมอัตโนมัติต่างๆของระบบและ "การดำเนินการปฏิบัติการภารกิจ", "การปฏิบัติการด้วยอากาศยานหลายเครื่อง(multiship) เพื่อมอบปริมาณการรบจำนวนมาก(combat mass), 
การวางกำลังไปยังฐานทัพอากาศที่ห่างไกลเพื่อทดสอบขีดความสามารถของอากาศยานที่จะปฏิบัติการในสภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคย(https://aagth1.blogspot.com/2024/12/f-35a-72.html),

และการทำงานเป็นทีมกับเครื่องบินควบคุมและแจ้งเตือนทางอากาศ Boeing E-7 Wedgetail(https://aagth1.blogspot.com/2022/05/e-7-wedgetail-e-3-awacs.html) ขณะที่บรรลุผล "การหลอมรวมข้อมูลกับ MQ-28 จำนวนหลายเครื่อง, 
และการถ่ายทอดข้อมูลดังกล่าวไปยังระบบอากาศยานที่มีนักบินบังคับ" ในการแถลงข่าวที่ Woomera เมื่อวันที่ 5 กันยายน 2025 รัฐมนตรีอุตสาหกรรมกลาโหมออสเตรเลีย Pat Conroy กล่าวว่าการสาธิตได้รวมถึง 

"เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการ(หนึ่งนาย) ใน E-7 Wedgetail ทำการควบคุม MQ-28 สองเครื่องพร้อมกัน และส่งอากาศยานไร้คนขับเล่านี้ไปในภารกิจของเครื่อง" การทดสอบมุ่งไปที่การประเมินขีดความสามารถตามแผนของ MQ-28
ที่จะเสร็จสี่ก้าวย่างแรกใน 'ห่วงโซ่การรบทางอากาศ'(air combat chain) ที่ประกอบด้วยการค้นหา, ตรึง, ติดตาม และกำหนดเป้าหมาย ด้วยพฤติกรรมอัตโนมัติ, ลดความเสี่ยงของระบบที่มีนักบินต่างๆ ตามข้อมูลจาก Boeing ครับ