วันศุกร์ที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2563

ญี่ปุ่นทำพิธีปล่อยเรือฟริเกตอเนกประสงค์ใหม่ลำแรกลงน้ำ FFM-2 Kumano

Mitsui E&S launches first 3,900 tonne-class multirole frigate for JMSDF






On 19 November Japan’s Mitsui E&S Shipbuilding launched Kumano , the first of a planned fleet of 22 3,900 tonne-class multirole frigates for the JMSDF. (Mitsui E&S)





บริษัท Mitsui E&S Shipbuilding ญี่ปุ่นได้ทำพิธีปล่อยเรือลงน้ำของเรือฟริเกตอเนกประสงค์ลำแรกตามแผนกองเรือ 22ลำ สำหรับกองกำลังป้องกันตนเองทางทะเลญี่ปุ่น(JMSDF: Japan Maritime Self-Defense Force)
เรือฟริเกต FFM-2 JS Kumano (หมายเลขเรือ 2) ถูกปล่อยลงน้ำในพิธีที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2020 ณ อู่เรือ Tamano Works ของบริษัท Mitsui ทางตอนใต้ของจังหวัด Okayama และคาดว่าจะเข้าประจำการในเดือนมีนาคม 2022

เรือฟริเกต FFM-2 Kumano จริงๆแล้วเป็นเรือลำที่สองของชั้นที่ได้รับการสั่งจัดหาจากกองกำลังป้องกันตนเองทางทะเลญี่ปุ่น(https://aagth1.blogspot.com/2018/11/mitsubishi-2.html) โดยเรือลำแรกของชั้นซึ่งยังไม่ได้รับการเปิดเผยชื่อเรือเดิมมีกำหนดจะปล่อยลงน้ำในเดือนพฤศจิกายน 2020
แต่การสร้างเรือฟริเกตแบบ FFM ลำแรก ณ อู่เรือของบริษัท Mitsubishi Heavy Industries(MHI) ญี่ปุ่นในเมือง Nagasaki มีความล่าช้าเนื่องจากปัญหาที่เกิดกับระบบเครื่องยนต์ gas turbine ของเรือฟริเกต

กองกำลังป้องกันตนเองทางทะเลญี่ปุ่นยังคงให้การยึดถือว่าเรือฟริเกต FFM-2 Kumano เป็นเรือลำที่สองของชั้น แม้ว่าเธอจะเป็นเรือลำแรกถูกที่ปล่อยเรือลงน้ำก่อนเรือพี่สาวคือเรือฟริเกต FFM-1 ที่จะเป็นเรือลำแรกของชั้นก็ตาม (Kumano ถูกตั้งเป็นชื่อเรือมาแล้วสองครั้งคือ
เรือลาดตระเวนหนักชั้น Mogami ลำที่สี่ในชั้นย่อยเรือลาดตระเวนหนัก Suzuya โดยเรือลาดตระเวนหนัก Kumano จมในการรบที่ฟิลิปปินส์เดือนพฤศจิกายน 1944 ต่อมาหลังสงครามถูกตั้งเป็นชื่อเรือพิฆาตคุ้มกันชั้น Chikugo โดยเรือพิฆาตคุ้มกัน DE-224 JDS Kumano ปลดประจำการในปี 2001)

ตามข้อมูลจากกองกำลังป้องกันตนเองทางทะเลญี่ปุ่น เรือฟริเกต Kumano จะมีกำลังพลประจำเรือประมาณ 90นาย ระวางขับน้ำปกติที่ 3,900 tonnes, ความยาวเรือ 132.5m, กว้าง 16.3m และกินน้ำลึก 9m
โฆษกกองกำลังป้องกันตนเองทางทะเลญี่ปุ่นกล่าวกับ Janes ว่าเรือฟริเกตชั้นใหม่นี้จะต้องการจำนวนลูกเรือน้อยกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับเรือฟริเกตชั้นอื่นๆ และค่าใช้จ่ายในการสร้างนั้นจะต่ำกว่าเนื่องจากขนาดที่กะทัดรัดของเรือ

โดยใช้กำลังจากระบบขับเคลื่อนแบบ CODAG(Combined Diesel and Gas) ประกอบด้วยเครื่องยนต์ดีเซล MAN 12V28/33D STC สองเครื่อง และเครื่องยนต์ gas turbine แบบ Rolls-Royce MT30 หนึ่งเครื่อง
เรือฟริเกต Kumano คาดว่าจะมีขีดความสามารถในการคงการทำความเร็วได้สูงสุดที่อย่างน้อย 30knots โดยมีระวางขับน้ำสูงสุดที่ราว 5,500-6,000 tonnes

ตามข้อมูลจากกระทรวงกลาโหมญี่ปุ่น เรือฟริเกตแบบ FFM ใหม่ซึ่งมีจุดประสงค์ในการดำเนินภารกิจตรวจการณ์ในน่านน้ำรอบหมู่เกาะญี่ปุ่น จะได้รับการติดตั้งด้วยการขยายขีดความสามารถอย่างพหุภารกิจ รวมถึงขีดความสามารถในการปฏิบัติการสงครามต่อต้านทุ่นระเบิด
เรือฟริเกตแบบ FFM แต่ละลำจะรองรับการปฏิบัติการและวางกำลังเฮลิคอปเตอร์ใช้งานทางทะเล Mitsubishi SH-60L Seahawk ไปกับเรือได้ 1เครื่อง เช่นเดียวกับยานผิวน้ำไร้คนขับ(USV: Unmanned Surface Vehicle) และยานใต้น้ำไร้คนขับ(UUV: Unmanned Underwater Vehicle) 

ระบบอาวุธที่คาดว่าจะติดตั้งประกอบด้วยอาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่อากาศพิสัยกลาง Type 03(Chu-SAM Kai), ปืนเรือหลัก Mk45 Mod4  5"/62cal, แท่นยิงแนวดิ่ง Mk41 VLS(Vertical Launch System) 16ท่อยิง, 
อาวุธปล่อยนำวิถีต่อต้านเรือผิวน้ำ Type 17(SSM-2) แท่นยิง 8นัด, Torpedo เบาปราบเรือดำน้ำแบบ Type 12 ในแท่นยิง 3ท่อสองแท่น และระบบป้องกันระยะประชิด(CIWS: Close-In Weapon System) อาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่อากาศ SeaRAM ครับ