วันอาทิตย์ที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2567

อิตาลีสั่งจัดหาเรือดำน้ำ Type 212 NFS ลำที่สี่เพิ่มเติม

Italy exercises option for fourth Type 212 Near Future Submarine



Italian Navy's Todaro (Type 212A)-class submarines. (Italian Navy)

A graphic depiction of the Type 212 NFS. (Fincantieri)

องค์การความร่วมมืออาวุธยุทโธปกรณ์ร่วม(OCCAR: Organisation for Joint Armament Co-operation) ยุโรปได้ดำเนินการปฏิบัติตัวเลือกสำหรับเรือดำน้ำชั้น Todaro รุ่นปรับปรุง(Improved Todaro, Type 212 Near Future Submarine-NFS) 
ลำที่สี่สำหรับกองทัพเรืออิตาลี(Italian Navy, Marina Militare) ภายใต้สัญญาการแก้ไขสัญญากับบริษัท Fincantieri อิตาลีเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2024(https://aagth1.blogspot.com/2024/04/type-212-nfs-li-ion.html)

พิธีการลงนามสัญญามีการจัดขึ้น ณ อู่เรือ Muggiano ของบริษัท Fincantieri ใน La Spezia ที่ซึ่งพิธีตัดเหล็กที่เป็นเครื่องหมายถึงการเริ่มต้นการสร้างเรือดำน้ำ Type 212 NFS ลำที่สามได้ถูกจัดขึ้นในวันเดียวกัน Fincantieri อิตาลีผู้สร้างเรือยืนยัน
ขอบเขตของการแก้ไขสัญญาล่าสุดที่มีมูลค่าที่วงเงินราว 500 million Euros($534 million) รวมถึงการสนับสนุนการส่งกำลังบำรุงแบบบูรณาการและการสนับสนุนระหว่างอยู่ในประจำการของเรือดำน้ำชั้น Todaro รุ่นปรับปรุงลำที่สี่

ข้อตกลงยังดำเนินการปฏิบัติตัวเลือกการซ่อมบำรุงรักษาและการสนับสนุนที่สมบูรณ์ของเรือดำน้ำ Type 212 NFS สามลำแรกในสัญญาด้วย ในเวลาเดียวกัน ข้อเสนอการเปลี่ยนแปลงทางวิศวกรรมได้ถูกดำเนินการทำงานขึ้น
ที่เป็นการปูทางสำหรับการทำเป็นอุตสาหกรรม, การผลิต, และการบูรณาการของระบบกับเก็บพลังงานไฟฟ้า lithium-ion battery ใหม่ที่จะนำติดตั้งกับเรือดำน้ำ Type 212 NFS โดยเริ่มต้นกับเรือดำน้ำลำแรกของชั้น

ระบบ lithium-ion battery กำลังได้รับการพัฒนาโดยทีมที่ประกอบด้วย บริษัท FIB-FAAM อิตาลี, บริษัท Power4Future อิตาลี(กิจการ่วมค้าของ Fincantieri และบริษัท Faist Electronics อิตาลี), บริษัท Cetena อิตาลี และบริษัท TÜV Rheinland เยอรมนี
ภายใต้การบริหารโครงการของบริษัท Fincantieri กับสัญญาโครงการเรือดำน้ำ Type 212 NFS ที่ได้รับการบริหารโดยองค์การความร่วมมืออาวุธยุทโธปกรณ์ร่วม OCCAR ยุโรป

Fincantieri ได้รับการประกาศสัญญาวงเงิน 1.35 billion Euros($1.63 billion) สำหรับเรือดำน้ำ Type 212 NFS ชุดแรกจำนวน 2ลำ(โดยมีตัวเลือกสำหรับเรือดำน้ำเพิ่มเติม 2ลำ) ผ่าน OCCAR ในนามของกระทรวงกลาโหมอิตาลีในเดือนกุมภาพันธ์ 2021
OCCAR ยุโรปได้ดำเนินการปฏิบัติตัวเลือกที่จะสร้างเรือดำน้ำ Type 212 NFS ลำที่สามภายใต้สัญญาที่ลงนามในเดือนมิถุนายน 2023(https://aagth1.blogspot.com/2023/03/type-212-nfs.html)

อู่เรือ Muggiano ของบริษัท Fincantieri อิตาลีใน La Spezia กำลังอยู่ระหว่างการสร้างเรือดำน้ำ Type 212 NFS จำนวน 3ลำสำหรับกองทัพเรืออิตาลี โดยลงนามสัญญาล่าสุดจะนำไปสู่การสร้างเรือดำน้ำ Type 212 NFS รวม 4ลำ
เรือดำน้ำชั้น Improved Todaro จะเข้าประจำการทดแทนเรือดำน้ำชั้น Sauro ที่กำลังทยอยปลดประจำการลง และเสริมเรือดำน้ำชั้น Todaro ที่กองทัพเรืออิตาลีมีประจำการแล้ว 4ลำตั้งแต่ปี 2027-2031 ครับ

วันเสาร์ที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2567

โปรตุเกสเลือกจัดหาเครื่องบินโจมตีเบาใบพัด A-29N Super Tucano บราซิลรุ่นใหม่

Portugal selects Super Tucano light attack aircraft





Portugal is to be the launch customer for the A-29N version of the Super Tucano, which Embraer launched in 2023 as a NATO-compliant version of the light attack turboprop. (Embraer)



รัฐมนตรีกลาโหมโปรตุเกส João Nuno Lacerda Teixeira de Melo ได้เปิดเผยว่า โปรตุเกสมีความตั้งใจที่จะจัดหาเครื่องบินโจมตีเบาเครื่องยนต์ใบพัด turboprop แบบ Embraer Defense & Security A-29 Super Tucano บราซิล
รัฐมนตรีกลาโหมโปรตุเกส Nuno Melo ได้ทำการประกาศต่อคณะกรรมาธิการกลาโหมแห่งชาติของรัฐสภาโปรตุเกสเมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2024 เขาไม่ได้เปิดเผยกำหนดการส่งมอบหรือจำนวนเครื่องที่จะจัดหา

กองทัพอากาศโปรตุเกส(Portuguese Air Force, FAP: Força Aérea Portuguesa) กำลังมองหาอากาศยานที่มีขีดความสามารถที่ดำเนินภารกิจ การสนับสนุนทางอากาศใกล้ชิด(CAS: Close Air Support),
และภารกิจข่าวกรอง, ตรวจการณ์ และลาดตระเวน(ISR: Intelligence, Surveillance, and Reconnaissance) ในการปฏิบัติการในยุทธบริเวณโดยมีสิ่งอำนวยความสะดวกจำกัด เช่นเดียวกับการฝึกนักบินขั้นก้าวหน้า

การจัดหาฝูงบินอากาศยานใหม่เป็นส่วนหนึ่งของแผนการปรับปรุงความทันสมัย 'Air Force 5.3' ที่จะได้รับงบประมาณเป็นวงเงินประมาณ 206 million Euros($220 million) ซึ่งรวมงบประมาณวงเงิน 851.5 million Euros 
ที่ได้รับการอนุมัติแก่กระทรวงกลาโหมโปรตุเกสและคณะเสนาธิการทหารกองทัพโปรตุเกส(Portuguese Armed Forces, Forças Armadas) ในฐานะส่วนหนึ่งของกฎหมายโครงการทางทหาร 2023-2034 ของโปรตุเกส

โปรตุเกสกำลังมองเครื่องบินโจมตีเบาใหม่จำนวนระหว่าง 8เครื่อง และ 12เครื่อง ผู้อำนวยการกรมการช่างและโครงการ กองทัพอากาศโปรตุเกส พลอากาศจัตวา João Rui Ramos Nogueira กล่าวกับ Janes ในเดือนธันวาคม 2023
แผนการปรับปรุงความทันสมัยของกองทัพอากาศโปรตุเกสยังรวมถึงการจัดหาเครื่องบินลำเลียงและเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศ KC-390 Millennium จาก Embraer บราซิลเพิ่มเติม 1เครื่องจากที่สั่งจัดหาแล้ว 5เครื่อง(https://aagth1.blogspot.com/2023/04/kc-390-c-130k.html)

ขณะที่เครื่องบินลำเลียง Lockheed Martin C-130H Hercules จำนวน 3เครื่อง เครื่องบินลาดตระเวนทางทะเล Airbus C-295 VIMAR จำนวน 5เครื่อง และเครื่องบินลาดตระเวนทางทะเล Lockheed P-3C Orion จำนวน 5เครื่องกำลังได้รับการปรับปรุงความทันสมัย
และยังมีการจัดหาเครื่องบินลาดตระเวนทางทะเล P-3C CUP(Capability Upkeep Program) จำนวน 6เครื่องที่เคยประจำการในกองทัพเรือเยอรมนี(German Navy, Deutsche Marine) ซึ่งเครื่องแรกได้รับมอบในเดือนกุมภาพันธ์ 2024

กองทัพอากาศโปรตุเกสยังมองที่จะทดแทนเครื่องบินขับไล่ Lockheed Martin F-16AM/BM Fighting Falcon จำนวน 28เครื่องของตนด้วยเครื่องบินขับไล่ Lockheed Martin F-35A Lightning II ด้วย(https://aagth1.blogspot.com/2023/12/f-35a-f-16ambm.html)
โปรตุเกสจะเป็นลูกค้าเปิดตัวรายแรกสำหรับเครื่องบินโจมตีเบาใบพัด A-29N Super Tucano รุ่นใหม่ล่าสุด ซึ่งบริษัท Embraer เปิดตัวในปี 2023 ในฐานะรุ่นที่มีความสอดคล้องกับมาตรฐาน NATO เช่นความเข้ากันได้กับเครือข่าย Link-16 datalink ซึ่งโปรตุเกสเป็นหนึ่งในชาติสมาชิกครับ

วันศุกร์ที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2567

Boeing สหรัฐฯเสนอเฮลิคอปเตอร์โจมตี AH-64E Apache แก่เดนมาร์ก ฟินแลนด์ นอร์เวย์ สวีเดน

Boeing touts Apache pooling for Nordic countries





With none of the nordic countries fielding an attack helicopter type, Boeing sees an opportunity for a pooled capability utilising its AH-64E Apache Guardian. (Crown Copyright)

กลุ่มประเทศยุโรปเหนือภูมิภาค Nordic สามารถวางกำลังขีดความสามารถการใช้งานร่วมกันบนพื้นฐานของเฮลิคอปเตอร์โจมตี AH-64E Apache Guardian ได้ บริษัท Boeing สหรัฐฯกล่าวกับ Janes เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2024
Terry Jamison ผู้อำนวยการฝ่ายขายนานาชาติระบบอากาศยานขึ้นลงทางดิ่ง Vertical Lift international sales ของบริษัท Boeing กล่าวว่า การหารืออย่างไม่เป็นทางการในประเด็นนี้ได้รับการจัดขึ้นระหว่าง Boeing สหรัฐฯและกลุ่มประเทศ Nordic คือเดนมาร์ก, ฟินแลนด์, นอร์เวย์ และสวีเดน

"ผมสามารถบอกคุณได้ว่ามันได้รับการหารือกับทุก(ประเทศกลุ่มชาติ Nordic) ที่คุณพูดถึง...ผมเห็นโอกาสความเป็นไปได้มากมายที่นั่นสำหรับกลุ่มกิจการค้าร่วมที่จะดึงทรัพยากรต่างๆร่วมกันเพื่อจะได้รับขีดความสามารถนี้"
Jamison กล่าว เขาเสริมว่าการหารือต่างๆเหล่านี้เป็นแบบไม่เป็นทางการจนถึงตอนนี้ โดยที่ยังไม่มีจดหมายร้องขอ(LOR: Letter of Request) ที่ได้รับจากประเทศใดจนถึงตอนนี้(https://aagth1.blogspot.com/2024/06/boeing-ah-6i.html)

โดยที่ไม่มีประเทศกลุ่ม Nordic ชาติใดที่วางกำลังด้วยขีดความสามารถเฮลิคอปเตอร์โจมตีในปัจจุบันนี้ Jamison กล่าวว่าประเทศเหล่านี้สามารถที่จะวางกำลังขีดความสามารถการต่อต้านยานเกราะเกินระยะสายตา(beyond-line-of-sight)
ที่ถูกสร้างขึ้นมาตามความต้องการผู้ใช้งานโดยเฉพาะที่ได้ถูกนำไปใช้ปฏิบัติจนทักษะแหลมคมตลอดหลายทศวรรษโดยกองทัพบกสหรัฐฯ(US Army)(https://aagth1.blogspot.com/2024/03/hanuman-guardian-2024-close.html, https://aagth1.blogspot.com/2024/03/amphibex-cobra-gold-2024.html)

"นี่เป็นเฮลิคอปเตอร์โจมตีที่ถูกสร้างขึ้นมาโดยเฉพาะที่ออกแบบมาเพื่อต่อสู้บนภูมิประเทศของยุโรปเพื่อต่อต้านฝ่ายตรงข้ามที่มีศักยภาพทัดเทียม เฮลิคอปเตอร์โจมตี AH-64A รุ่นปี 1980s เคยเป็นอากาศยานตัวเปลี่ยน game มาก่อน
แต่มัน(ฮ.โจมตี AH-64A)ไม่มีอะไรที่เหมือนกับสิ่งที่เรามีในปัจจุบันนี้กับเฮลิคอปเตอร์โจมตี AH-64E เมื่อลูกค้าซื้อเฮลิคอปเตอร์นี้พวกเขากำลังลงทุนอย่างแท้จริงไปในโครงการการปรับปรุงความทันสมัยของกองทัพบกสหรัฐฯที่ได้นำสิ่งนี้จากรุ่น AH-64A ไปสู่รุ่น AH-64D ไปสู่รุ่น AH-64E"

ชาติยุโรปสมาชิก NATO หลายประเทศที่มีประจำการด้วยหรือกำลังอยู่ระหว่างจัดหาเฮลิคอปเตอร์โจมตี Boeing AH-64 Apache อยู่แล้ว รวมถึงสหราชอาณาจักร(https://aagth1.blogspot.com/2024/04/wah-64-apache-ah-mk1.html), 
กรีซ, เนเธอร์แลนด์(https://aagth1.blogspot.com/2024/01/ah-64d-apache-ah-64e.html), และโปแลนด์(https://aagth1.blogspot.com/2023/08/ah-64e-apache-96.html) ท่ามกลางขีดความสามารถการต่อต้านยานเกราะที่มีลำดับความสำคัญเพิ่มสูงขึ้นหลังสงครามรัสเซีย-ยูเครน

ขณะที่เยอรมนีที่มีแผนจะปลดประจำการเฮลิคอปเตอร์โจมตี Airbus Helicopters Tiger ของตนลงในปี 2032(https://aagth1.blogspot.com/2024/02/tiger-2032.html) กำลังพิจารณาแนวทางการทดแทนด้วยเฮลิคอปเตอร์โจมตี AH-64E สหรัฐฯในระยะยาว
เดนมาร์กและนอร์เวย์ซึ่งเป็นชาติสมาชิกก่อตั้ง NATO ในปี 1949 และฟินแลนด์และสวีเดนที่เดิมเป็นชาติเป็นกลางได้เข้าร่วมเป็นสมาชิก NATO ล่าสุดในปี 2023 และ 2024 ตามลำดับ สามารถที่จะได้รับประโยชน์ในการใช้งานเฮลิคอปเตอร์โจมตี AH-64E ร่วมกันกับชาติสมาชิก NATO อื่นๆครับ

วันพฤหัสบดีที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2567

อากาศยานใบพัดกระดก AW609 ทดสอบการบินขึ้นลงบนเรือบรรทุกเครื่องบิน Cavour อิตาลี

Leonardo undertakes ship trials of AW609 tiltrotor







Production-standard AW609 test aircraft AC4 seen performing flight trials from the ITS Cavour aircraft carrier. (Leonardo)



บริษัท Leonardo อิตาลีได้ดำเนินการทดลองบนเรือของอากาศยานใบพัดกระดก AW609 ของตนแล้ว บริษัทประกาศเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2024 เหตุการสำคัญซึ่งได้รับการบรรลุผลในความร่วมมือกับกองทัพเรืออิตาลี(Italian Navy, Marina Militare)
ได้เห็นอากาศยานใบพัดกระดก Leonardo AW609 มาตรฐานสายการผลิตทำการลงจอดและบินขึ้นจากเรือบรรทุกเครื่องบิน ITS Cavour(550) ของกองทัพเรืออิตาลีที่แล่นเรือห่างจากชายฝั่ง 20nmi(https://aagth1.blogspot.com/2020/09/f-35b-hms-queen-elizabeth.html)

"ระหว่างการสาธิต อากาศยานใบพัดกระดก AW609 ได้มอบโอกาสที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะต่อเสริมความแข็งแกร่การหยั่งรู้เพิ่มเติมของ...ของข้อได้เปรียบอากาศยานใบพัดกระดกของ Leonardo ในสภาพแวดล้อมทางทะเลโดยเฉพาะ
นี่เป็นพยานยืนยันว่าอากาศยานใบพัดกระดกเครื่องแรกของโลกถูกกำหนดให้บรรลุการรับรองทางพลเรือนตรงความต้องการมาตรฐานการปฏิบัติงานและความปลอดภัยอย่างไร ดังนั้นมันได้อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมอย่างยิ่งที่ตรงความต้องการรูปแบบของหน่วยงานรัฐบาลและองค์สาธารณะในอิตาลีและทั่วโลก" Leonardo กล่าว

ขั้นตอนการลงจอดและบินขึ้นบนดาดฟ้าบินของเรือบรรทุกเครื่องบิน ITS Cavour กองทัพเรืออิตาลีของอากาศยานใบพัดกระดก AW609 ได้ถูกดำเนินการปฏิบัติในมากกว่า 15 สถานะการณ์ที่แตกต่างกัน
รวมถึง สภาพลมต่างๆ และคุณลักษณะการเข้าหาดาดฟ้าบินแบบตรง(straight-in) และแบบด้านข้าง(lateral), การลงจอดทางดิ่ง(vertical landing), การบินขึ้นทางดิ่ง(vertical take-off) และการบินออกจากเรือทางด้านข้าง

การทดสอบได้ถูกดำเนินการโดยอากาศยานใบพัดกระดก AW609 เครื่องทดสอบรหัส AC4 ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของหลากหลายความพยายามของบริษัท Leonardo ที่จะได้รับการรับรองจากองค์การบริหารการบินแห่งสหรัฐฯ(FAA: Federal Aviation Administration) สำหรับ AW609
อากาศยานใบพัดกระดก AW609 ติดตั้งระบบขับเคลื่อนเครื่องยนต์ใบพัด turboshaft แบบ Pratt & Whitney Canada PT6C-67A สองเครื่องให้กำลังเครื่องละ 1,445kW(1,938 shp) แต่ละเครื่องติดตั้งบนแต่ละด้านของปลายปีกเพื่อขับเคลื่อนใบพัดความยาว 7.92m

อากาศยานใบพัดกระดก AW609 มีนักบินประจำเครื่อง 2นาย และสามารถบรรทุกผู้โดยสารได้สูงสุด 9คนในรูปแบบอากาศยานมาตรฐาน มีความเร็วสูงสุดที่ 275knots และระยะปฏิบัติการที่ 750nmi เพดานดินปฏิบัติการ 25,000feet(ด้วยห้องโดยสารปรับความดัน) และมีระยะเวลาปฏิบัติการนาน 3ชั่วโมง
Leonardo อิตาลีได้ทำการบินครั้งแรกของเครื่องต้นแบบมาตรฐานสายการผลิตอากาศยานใบพัดกระดก AW609 เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2022 ด้วยเครื่องต้นแบบรหัส AC5 ทำการบินจากโรงงานอากาศยาน Philadelphia ของบริษัทในสหรัฐฯ โดยมีลูกค้าที่ลงนามจัดหาคือ Bristow Group สหรัฐฯ-สหราชอาณาจักร และ "ผู้ใช้งานที่ก่อตั้งมานานในยุโรปที่ไม่เปิดเผย"

ในแง่ของลูกค้าส่งออกเพื่อใช้งานทางทหาร สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ได้ลงนามบันทึกความเข้าใจ(MOU: Memorandum of Understanding) ในปี 2015 สำหรับ AW609 จำนวน 3เครื่องสำหรับใช้ในภารกิจค้นหาและกู้ภัยและส่งกลับทางายแพทย์ ซึ่งควรจะได้รับมอบในปี 2019 แต่จนถึงปัจจุบันสัญญาจัดหายังไม่ได้รับการลงนามจริง
กองทัพบกอิตาลี(Italian Army, EI: Esercito Italiano) ได้ออกสมุดปกขาวในปี 2015 ซึ่งรวมความต้องการอากาศยานใบพัดกระดกสำหรับการการขนส่งกำลังพลเคลื่อนที่เร็วและการส่งกลับทางสายแพทย์ ซึ่ง AW609 เป็นหนึ่งผู้เข้าแข่งขัน(ตัวเลือกอื่นมีแบบเดียวคืออากาศยานใบพัดกระดก Bell Boeing V-22 Osprey ที่ขนาดใหญ่และแพงกว่า)(https://aagth1.blogspot.com/2020/11/cmv-22b-osprey.html) แต่สัญญาก็ยังไม่ได้รับการลงนามเช่นกัน

ในงานแสดงนิทรรศการทางเรือและการบินนานาชาติ Langkawi International Maritime and Aerospace(LIMA) 2023 ระหว่างวันที่ 23-27 พฤษภาคม 2023 ที่มาเลเซีย บริษัท Weststar Aviation Services มาเลเซียได้ลงนามบันทึกความเข้าใจ MOU กับ Leonardo อิตาลีเมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม 2023 เพื่อจะเป็นผู้ใช้งาน AW609 จำนวน 1เครื่อง
ก่อนหน้านี้ Weststar มาเลเซียได้ทำการเช่าเฮลิคอปเตอร์ Leonardo AW139 จำนวน 4เครื่องสำหรับกองทัพอากาศมาเลเซีย(RMAF: Royal Malaysian Air Force, TUDM: Tentera Udara Diraja Malaysia) ในปี 2021 เพื่อทดแทนเฮลิคอปเตอร์ S-61 Nuri ที่ปลดประจำการในปี 2020 บริษัท Weststar กล่าวในขณะนั้นว่ากำลังพิจารณาถึงตัวแปรในการนำ AW609 มาใช้งานในกองทัพมาเลเซียครับ

วันพุธที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2567

ญี่ปุ่นทำพิธีปล่อยเรือฟริเกตชั้น Mogami ลำที่เก้าลงน้ำ FFM-9 Natori

Japan launches ninth Mogami-class frigate







Natori , the ninth Mogami-class frigate on order for the JMSDF, is seen here at its launch ceremony on 24 June 2024. (Japan Maritime Self-Defense Force)



บริษัท Mitsubishi Heavy Industries(MHI) ญี่ปุ่นได้พิธีปล่อยเรือลงน้ำของเรือฟริเกตติดอาวุธปล่อยนำวิถีลำที่เก้า เรือฟริเกต FFM-9 JS Natori ที่ได้รับการสั่งจัดหาสำหรับกองกำลังป้องกันตนเองทางทะเลญี่ปุ่น(JMSDF: Japan Maritime Self-Defense Force)
เรือฟริเกต FFM-9 JS Natori ถูกทำพิธีปล่อยเรือลงน้ำ ณ อู่เรือของบริษัท MHI ใน Nagasaki ญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2024 ที่ผ่านมา กองกำลังป้องกันตนเองทางทะเลญี่ปุ่นประกาศในวันเดียวกัน

เรือฟริเกต JS Natori เป็นหนึ่งในเรือฟริเกตชั้น Mogami จำนวน 12ลำที่ได้รับการวางแผนสำหรับกองกำลังป้องกันตนเองทางทะเลญี่ปุ่น เรือฟริเกตชั้น Mogami ใหม่จะทดแทนเรือพิฆาตคุ้มกันชั้น Abukuma(เรือฟริเกต) ที่เข้าประจำการตั้งแต่ปลายปี 1980s ถึงต้นปี 1990s
เรือฟริเกตชั้น Mogami ลำแรก เรือฟริเกต FFM-1 JS Mogami ถูกปล่อยลงน้ำในเดือนมีนาคม 2021(https://aagth1.blogspot.com/2021/03/ffm-1-mogami.html) และขึ้นระวางประจำการในเดือนเมษายน 2022

เรือลำที่สองของชั้นเรือฟริเกต FFM-2 JS Kumano ถูกปล่อยลงน้ำในเดือนพฤศจิกายน 2020(https://aagth1.blogspot.com/2020/11/ffm-2-kumano.html) และขึ้นระวางประจำการในเดือนมีนาคม 2022(https://aagth1.blogspot.com/2022/03/mogami-ffm-2-kumano.html) ก่อนหน้าเรือลำแรกของชั้น
เรือลำที่สามเรือฟริเกต FFM-3 JS Noshiro ถูกปล่อยลงน้ำในเดือนมิถุนายน 2021(https://aagth1.blogspot.com/2021/06/mogami-ffm-3-noshiro.html) และขึ้นระวางประจำการในเดือนธันวาคม 2022

เรือลำที่สี่เรือฟริเกต FFM-4 JS Mikuma ถูกปล่อยลงน้ำในเดือนธันวาคม 2021(https://aagth1.blogspot.com/2021/12/mogami-ffm-4-mikuma.html) และขึ้นระวางประจำการในเดือนมีนาคม 2023 
เรือลำที่ห้าเรือฟริเกต FFM-5 JS Yahagi ถูกปล่อยลงน้ำในเดือนมิถุนายน 2022(https://aagth1.blogspot.com/2022/06/mogami-ffm-5-yahagi.html) และขึ้นระวางประจำการเมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2024 ที่ผ่านมา

เรือลำที่หกเรือฟริเกต FFM-6 JS Agano ถูกปล่อยลงน้ำในเดือนธันวาคม 2022(https://aagth1.blogspot.com/2022/12/mogami-ffm-6-agano.html) และขึ้นระวางประจำการเมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2024 โดยจะวางกำลัง ณ ฐานทัพเรือ Maizuru
เรือลำที่เจ็ดเรือฟริเกต FFM-7 JS Niyodo ถูกปล่อยลงน้ำในเดือนกันยายน 2023(https://aagth1.blogspot.com/2023/09/mogami-ffm-7-niyodo.html) และเรือลำที่แปดเรือฟริเกต FFM-8 JS Yubetsu ถูกปล่อยลงน้ำในเดือนพฤศจิกายน 2023(https://aagth1.blogspot.com/2023/11/mogami-ffm-8-yubetsu.html)

เรือฟริเกตชั้น Mogami มีระวางขับน้ำเต็มที่ที่ประมาณ 5,500tonnes และมีความยาวเรือรวมที่ 132m ความกว้างเรือรวมที่ 16m เรือแต่ละลำได้ถูกออกแบบสำหรับติดตั้งระบบขับเคลื่อนรูปแบบ CODAG(Combined Diesel and Gas)
ประกอบด้วยเครื่องยนต์ดีเซล MAN 12V28/33D STC สองเครื่อง และเครื่องยนต์ gas turbine แบบ Rolls-Royce MT30 หนึ่งเครื่อง สามารถทำความเร็วได้สูงสุดที่ 30knots และมีกำลังพลประจำเรือที่ 90นาย

เรือฟริเกตชั้น Mogami ติดตั้งอาวุธประกอบด้วยปืนเรือ BAE Systems Mk45 mod4 ขนาด 127mm ในตำแหน่งปืนหลัก, เรือยังติดตั้งแท่นยิงแนวดิ่ง Mk41 VLS(Vertical Launching System) 16ท่อยิงสำหรับอาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่อากาศพิสัยกลาง Type 03 และแท่นยิง 4ท่อยิงสองแท่นสำหรับอาวุธปล่อยนำวิถีต่อต้านเรือผิวน้ำ Type 17
นอกเหนือจากอาวุธปล่อยนำวิถีต่อต้านเรือผิวน้ำที่มีอยู่ในคลังแสงของกองกำลังป้องกันตนเองทางทะเลญี่ปุ่น ญี่ปุ่นมีแผนที่จะให้เรือฟริเกตชั้น Mogami ติดตั้งอาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่พื้น Type 12 เพื่อเพิ่มขีดความสามารถการโจมตีพิสัยไกลด้วยครับ(https://aagth1.blogspot.com/2024/01/tomahawk.html)

วันอังคารที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2567

เฮลิคอปเตอร์ลาดตระเวนติดอาวุธ AH-6i กองทัพบกไทยเครื่องแรกเข้าสู่การบินทดสอบก่อนส่งมอบแล้ว

First AH-6i helicopters for Thailand enter flight test ahead of delivery







A file photo of an AH-6i light attack and reconnaissance rotorcraft for Saudi Arabia. Thailand is set to become the type's second customer, with the first helicopters now in flight test at Boeing's Mesa production facility in Arizona. (Janes/Gareth Jennings)

บริษัท Boeing สหรัฐฯได้เริ่มต้นการทดสอบการบินของเฮลิคอปเตอร์ลาดตระเวนติดอาวุธ ฮ.ลว./อว.๖ AH-6i 'Little Bird' เครื่องแรกจากจำนวน ๘เครื่องที่ได้รับการลงนามสัญญาจัดหาล่าสุดสำหรับกองทัพบกไทย(RTA: Royal Thai Army)
การพูดคุยกับ Janes เมื่อวันที่ ๒๐ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๖๗(2024) Terry Jamison ผู้อำนวยการฝ่ายขายนานาชาติระบบอากาศยานขึ้นลงทางดิ่ง Vertical Lift international sales ของบริษัท Boeing กล่าวว่า(https://aagth1.blogspot.com/2024/06/boeing-ah-6i.html)

เฮลิคอปเตอร์ลาดตระเวนติดอาวุธ ฮ.ลว./อว.๖ AH-6i ทั้ง ๘เครื่องได้ถูกสร้างขึ้นแล้วหรืออยู่ในหลากหลายขั้นระยะต่างๆของการผลิต ณ โรงงานอากาศ Mesa ของบริษัท Boeing ในมลรัฐ Arizona 
โดยการบินทดสอบต่างๆของโครงสร้างอากาศยานเฮลิคอปเตอร์ลาดตระเวนติดอาวุธ ฮ.ลว./อว.๖ AH-6i ที่สร้างเสร็จสมบูรณ์แล้วขณะนี้กำลังอยู่ภายในการดำเนินการ(https://aagth1.blogspot.com/2024/01/ah-6i-apkws.html)

"นกน้อยประเทศไทยกำลังออกมาจากสายการผลิตแล้วตอนนี้ เราได้ทำการบินเฮลิคอปเตอร์บางเครื่องไปแล้ว ซึ่งปัจจุบันกำลังอยู่ในกระบวนการขั้นตอนการบินทดสอบ" Jamison กล่าว
กองทัพบกไทยกำลังจัดหาเฮลิคอปเตอร์ลาดตระเวนติดอาวุธ ฮ.ลว./อว.๖ AH-6i เพื่อจะทดแทนเฮลิคอปเตอร์โจมตี ฮ.จ.๑ Bell AH-1F Cobra จำนวน ๗เครื่องที่มีอายุการใช้งานมานานของตน การส่งมอบมีกำหนดที่จะดำเนินการภายหลังในปี พ.ศ.๒๕๖๗ นี้

"นั่นเป็นเฮลิคอปเตอร์ที่มีขีดความสามารถอย่างมากสำหรับไทย นี่เป็นเฮลิคอปเตอร์ลาดตระเวนโจมตีเบาที่มีจุดประสงค์การสร้างขึ้นเพื่อใช้งานทางทหารอย่างแท้จริง ไม่เหมือนกับคู่แข่งอื่นๆบางรายของเรา
ซึ่งได้นำเฮลิคอปเตอร์รุ่นใช้งานทางพลเรือนเชิงพาณิชย์และได้ทำให้มันมีพละกำลังมากขึ้น, เสริมความแข็งแกร่งมัน, และดัดแปลงมันให้ตรงความต้องการทางทหารต่างๆบางอย่าง" Jamison กล่าว

"เฮลิคอปเตอร์ลาดตระเวนติดอาวุธ AH-6 มีจุดประสงค์การสร้างขึ้นมาโดยเฉพาะ และมันเป็นเฮลิคอปเตอร์ลาดตระเวนติดอาวุธเพียงแบบเดียวที่ได้บูรณาการอาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่พื้น AGM-114 Hellfire ในฐานะขีดความสามารถของเครื่อง
ดังนั้นเฮลิคอปเตอร์ลาดตระเวนติดอาวุธ AH-6 ไม่ได้เป็นแค่เพียงเฮลิคอปเตอร์ลาดตระเวนโจมตีเบาเท่านั้น แต่มันยังเป็นเฮลิคอปเตอร์ที่มีขีดความสามารถการต่อต้านยานเกราะด้วย" Jamison เสริม

"และเราได้นำวิทยาการต่างๆจำนวนมากจากเฮลิคอปเตอร์โจมตี AH-64 Apache มาใช้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนชุดคำสั่ง software และส่วนติดต่อห้องนักบิน และระบบส่งกำลัง(drivetrain) และยกสิ่งเหล่านี้มาเข้าสู่เฮลิคอปเตอร์ลาดตระเวนติดอาวุธ AH-6"
Jamison ยังได้อ้างอิงถึงฟินแลนด์ในฐานะลูกค้าใหม่ที่เป็นไปได้สำหรับเฮลิคอปเตอร์ลาดตระเวนติดอาวุธ AH-6 โดยเน้นว่า "ใครก็ตามที่กำลังมอง ฮ.โจมตีเบา AH-6 ก็สามารถเป็นไปได้ที่จะมอง ฮ.โจมตี Apache เช่นเดียวกัน"(https://aagth1.blogspot.com/2024/04/ah-64e-apache.html)

กองทัพบกไทยมีกำหนดที่จะเป็นลูกค้าส่งออกรายที่สองของเฮลิคอปเตอร์ลาดตระเวนติดอาวุธ ฮ.ลว./อว.๖ AH-6i ต่อจากลูกค้ารายแรกซาอุดีอาระเบียที่มีเฮลิคอปเตอร์ลาดตระเวนติดอาวุธ AH-6SA(ตามการกำหนดแบบในประจำการของซาอุดีอาระเบีย) ในประจำการกองกำลังรักษาดินแดน(national guard) ของตน
โดยที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯได้อนุมัติสำหรับการขายแก่ไทยได้ผ่านความเห็นชอบในเดือนกันยายน พ.ศ.๒๕๖๒(2019)(https://aagth1.blogspot.com/2022/02/ah-6i.html, https://aagth1.blogspot.com/2019/09/ah-6i.html)

ข้อตกลงการขายเฮลิคอปเตอร์ลาดตระเวนติดอาวุธ ฮ.ลว./อว.๖ AH-6i Little Bird จำนวน ๘เครื่องในวงเงิน $103,774,884(ประมาณ ๓,๓๔๒,๕๘๙,๐๑๔บาท) สำหรับกองทัพบกไทยยังรวมถึง อาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่พื้น Lockheed Martin AGM-114R Hellfire จำนวน ๕๐นัด, 
จรวดอากาศสู่พื้นนำวิถี APKWS(Advance Precision Kill Weapon System) จำนวน ๒๐๐นัด, ปืนกลอากาศ Dillion M134 Minigun ขนาด 7.62mm จำนวน ๑๐กระบอก, ปืนกลอากาศ General Dynamics GAU-19/B Gatling gun ขนาด 12.7mm จำนวน ๔กระบอก, จรวดอากาศสู่พื้น Hydra 70mm จำนวน ๕๐๐นัด,

กล้องมองกลางคืน(NVG: Night-Vision Goggles) จำนวน ๒๐กล้อง, กล้อง electro-optic/infrared(EO/IR) แบบ WESCAM MX-10Di จำนวน ๘ระบบ เช่นเดียวกับสิ่งอุปกรณ์และการสนับสนุนอื่นๆ "ในฐานะส่วนหนึ่งของความพยายามการปรับปรุงความทันสมัยทางทหารที่กว้างขวาง 
เฮลิคอปเตอร์ AH-6i เหล่านี้จะมอบขีดความสามารถการลาดตระเวนและโจมตีเบา สำหรับการสนับสนุนทางอากาศใกล้ชิดแก่หน่วยปฏิบัติการพิเศษ, หน่วยทหารราบยานเกราะล้อยาง Stryker และหน่วยป้องกันชายแดน" สำนักงานความร่วมมือความมั่นคงกลาโหมสหรัฐฯ(DSCA: Defense Security Cooperation Agency) กล่าวในเอกสารแจ้งการอนุมัติดั้งเดิมครับ

วันจันทร์ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2567

Boeing สหรัฐฯมองฟินแลนด์เป็นลูกค้าใหม่สำหรับเฮลิคอปเตอร์ลาดตระเวนติดอาวุธ AH-6i

Boeing eyes Finland for AH-6i light attack helicopter
Seen on a demonstration flight outside of Boeing's Mesa production facility in Arizona, the AH-6i offers much of the capability of a dedicated attack helicopter but at a fraction of the cost. (Janes/Gareth Jennings)





The Finnish Army operates seven MD 500D helicopters and five MD 500E helicopters. (Finnish Defence Forces)



บริษัท Boeing สหรัฐฯมองฟินแลนด์ในฐานะลูกค้าที่มีความเป็นไปได้สำหรับเฮลิคอปเตอร์ลาดตระเวนติดอาวุธ/โจมตีเบา AH-6i 'Little Bird' ของตน(https://aagth1.blogspot.com/2024/01/ah-6i-apkws.html
ทั้งในฐานะการทดแทนเฮลิคอปเตอร์ใช้งานทั่วไป MD Helicopters MD 500 ที่มีอายุการใช้งานมานานของฟินแลนด์ และในฐานะการปรับปรุงขีดความสามารถด้วยอาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่พื้นต่อต้านยานเกราะ Lockheed Martin AGM-114 Hellfire

การพูดคุยกับ Janes เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2024 Terry Jamison ผู้อำนวยการฝ่ายขายนานาชาติระบบอากาศยานขึ้นลงทางดิ่ง Vertical Lift ของบริษัท Boeing ระบุถึงฟินแลนด์ประเทศในยุโรปเหนือกลุ่มภูมิภาค Nordic 
ในฐานะผู้ที่มีศักยภาพอย่างแข็งแกร่งสำหรับเฮลิคอปเตอร์ลาดตระเวนติดอาวุธ/โจมตีเบา AH-6i ที่มีพื้นฐานเดียวกับโครงสร้างอากาศยานเฮลิคอปเตอร์ Hughes Model 369 เช่นเดียวกับเฮลิคอปเตอร์ใช้งานทั่วไป MD 500 ที่ควรจะถูกทดแทนในประจำการของฟินแลนด์

"ใช่ ผมได้เห็นความเป็นไปได้ในฟินแลนด์ กับสิ่งที่กำลังจะเป็นไปในยุโรป(กับสงครามในยูเครน) คุณต้องเชื่อว่าขีดความสามารถการต่อต้านยานเกราะได้กลายเป็นขีดความสามารถที่จะต้องมีลำดับความสำคัญสูง
สำหรับทุกชาติสมาชิก NATO ใดๆบนภาคพื้นทวีป(ยุโรป)เดี๋ยวนี้ และเฮลิคอปเตอร์โจมตีเบา AH-6i ได้ถูกบูรณาการอย่างเต็มรูปแบบกับขีดความสามารถการใช้อาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่พื้น AGM-114 Hellfire" Jamison กล่าว

กองทัพบกฟินแลนด์(Finnish Army, Maavoimat) มีประจำการด้วยเฮลิคอปเตอร์ใช้งานทั่วไป MD 500D จำนวน 7เครื่องที่เข้าประจำการมาตั้งแต่ปี 1983 และเฮลิคอปเตอร์ใช้งานทั่วไป MD 500E จำนวน 5เครื่องที่เข้าประจำการมาตั้งแต่ปี 1999
แม้ว่าโครงการการปรับปรุงได้ถูกเริ่มต้นในปี 2020 ไปแล้ว เฮลิคอปเตอร์ใช้งานทั่วไป MD 500D/E ทั้ง 12เครื่องเหล่านี้ที่มีโครงสร้างอากาศยานที่มีอายุการใช้งานมานานได้ถึงกำหนดสำหรับการจัดหาเฮลิคอปเตอร์ใหม่มาทดแทน

เฮลิคอปเตอร์ลาดตระเวนติดอาวุธ AH-6i ที่เปิดตัวในปี 2013 ได้แบ่งปันคุณลักษณะจำนวนมากที่สร้างจากเฮลิคอปเตอร์ตระกูล MD 500 รวมถึงขนาดของเฮลิคอปเตอร์ที่เล็กจิ๋ว(ระบบใบพัดประธานหลักมีเส้นผ่าศูนย์กลางที่ยาวเพียง 8.33m และจากส่วนปลายหัวเครื่องถึงแพนหางท้ายเครื่องที่เพียงราว 9.95m เท่านั้น) 
และใช้โครงสร้าง A-frame ทนทานต่อการตกสูงด้วยฐานลงจอดขา ski แบบขรุขระต้านการลื่นไถล่ AH-6i ได้มอบขีดความสามารถอย่างมากมายของเฮลิคอปเตอร์โจมตีแท้ แต่มีค่าใช้จ่ายเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

นอกจากอาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่พื้นนำวิถีด้วย laser แบบ AGM-114R Hellfire ปีกคานอาวุธข้างลำตัวของเฮลิคอปเตอร์โจมตีเบา AH-6 ยังสามารถติดอาวุธได้หลายแบบรวมถึงจรวดอากาศสู่พื้นนำวิถี APKWS(Advance Precision Kill Weapon System), จรวดอากาศสู่พื้น Hydra 70mm
ปืนกลอากาศ Dillion M134 Minigun ขนาด 7.62mm และปืนกลอากาศ General Dynamics GAU-19/B Gatling gun ขนาด 12.7mm เช่นเดียวกับกล้องมองกลางคืน(NVG: Night-Vision Goggles) สำหรับนักบิน และกล้อง electro-optic/infrared(EO/IR) แบบ WESCAM MX-10Di  ครับ

วันอาทิตย์ที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2567

Hyundai เกาหลีใต้ทำพิธีปล่อยเรือลงน้ำเรือคอร์เวต FF-06 BRP Miguel Malvar ใหม่ของฟิลิปปินส์

Hyundai launches first 118 m corvette on order for Philippine Navy





The future BRP Miguel Malvar is seen here at its launch ceremony on 18 June 2024. (Hyundai Heavy Industries)



บริษัท HD Hyundai Heavy Industries(HD HHI) สาธารณรัฐเกาหลีได้ทำพิธีปล่อยเรือลงน้ำของเรือคอร์เวตขนาด 3,200tonne ลำแรกจากทั้งหมด 2ลำที่ได้รับการสั่งจัดหาสำหรับกองทัพเรือฟิลิปปินส์(PN: Philippine Navy)
พิธีปล่อยเรือลงน้ำของเรือคอร์เวต FF-06 BRP Miguel Malvar มีขึ้นเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2024 ณ อู่เรือของ HD HHI ใน Ulsan สาธารณรัฐเกาหลี บริษัทเปิดเผยในแถลงการณ์ที่มอบให้แก่ Janes เมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2024

ในแถลงการณ์บริษัท HD HHI ได้เปิดเผยว่าพิธีวางกระดูกงูเรือของเรือคอร์เวตลำที่สองที่จะถูกตั้งชื่อว่าเรือคอร์เวต FF-07 BRP Diego Silang มีขึ้นเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2024 โดยการส่งมอบเรือมีกำหนดจะมีขึ้นในปี 2025
รัฐบาลฟิลิปปินส์ในนครหลวง Manila ได้ลงนามสัญญาวงเงิน 28 billion Philippine Peso($505 million) สำหรับเรือคอร์เวตใหม่ 2ลำกับบริษัท HHI สาธารณรัฐเกาหลีในปี 2021(https://aagth1.blogspot.com/2021/12/hhi.html)

เรือคอร์เวตชั้น Miguel Malvar มีพื้นฐานจากแนวคิดแบบเรือคอร์เวต HDC-3100 ของ HD HHI แต่ได้รับการปรับแต่งสำหรับความต้องการของกองทัพเรือฟิลิปปินส์(https://aagth1.blogspot.com/2023/11/hyundai-2.html)
เรือคอร์เวตชั้น Miguel Malvar ใหม่ของกองทัพเรือฟิลิปปินส์ มีความยาวเรือรวมที่ 118.4m, กว้างที่ 14.9m มีความเร็วมัธยัสถ์ที่ 15knots มีระยะปฏิบัติการที่ 4,500nmi และมีความเร็วสูงสุดที่ราว 25knots

ในแถลงการณ์ของตน HHI สาธารณรัฐเกาหลีไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับระบบการรบต่างๆที่จะถูกติดตั้งบนเรือคอร์เวต BRP Miguel Malvar นอกเหนือจากการระบุว่า เรือคอร์เวตจะถูกติดตั้งด้วย
"ระบบอาวุธขั้นก้าวหน้าต่างๆเช่น อาวุธปล่อยนำวิถีต่อต้านเรือผิวน้ำ(ASM: Anti-Ship Missile), แท่นยิงแนวดิ่ง(VLS: Vertical Launch System) และ AESA(Active Electronically Scanned Array) radar สามมิติ"

อย่างไรก็ตามแนวคิดแบบเรือคอร์เวต HDC-3100 ดั้งเดิมสามารถจะติดตั้งด้วยแท่นยิงแนวดิ่ง VLS จำนวน 16ท่อยิงในส่วนหน้าของเรือ, ปืนเรือขนาด 76mm ในตำแหน่งปืนหลักที่ส่วนหัวเรือ,
แท่นยิงระบบป้องกันระยะประชิด(CIWS: Close-In Weapon System) ในส่วนท้ายของเรือ, และแท่นยิงอาวุธปล่อยนำวิถีต่อต้านเรือผิวน้ำ จำนวน 8ท่อยิงที่ส่วนกลางของเรือ

เรือคอร์เวต BRP Miguel Malvar จะเข้าสู่การดำเนินการทดลองเรือในทะเลและติดตั้งสิ่งอุปกรณ์ก่อนจะถูกส่งมอบให้กองทัพเรือฟิลิปปินส์ในปี 2025 บริษัท HD HHI สาธารณรัฐเกาหลีกล่าวในแถลงการณ์ของตน
ขณะที่เรือลำที่สอง เรือคอร์เวต BRP Diego Silang มีกำหนดจะถูกปล่อยเรือลงน้ำในเดือนธันวาคม 2024 และส่งมอบในปี 2026 บริษัท HHI เสริม เรือคอร์เวตใหม่ทั้งสองลำได้ถูกตั้งชื่อตามนายทหารและวีรบุรุษแห่งชาติของฟิลิปปินส์ครับ