USMC F-35s embark aboard HMS Queen Elizabeth
One of 10 US Marine Corps F-35Bs from VMFA-211 that embarked aboard HMS Queen
Elizabeth on 22 September. (Crown Copyright)
Lockheed Martin to perform ‘unique sea trials' of F-35 for non-US customers
A US F-35B about to be joined by a UK aircraft on the deck of HMS Queen
Elizabeth. (Crown Copyright)
Besides these two nations and Italy, other potential operators have expressed
interest in the ‘pocket carrier’ capability that the STOVL jet could afford
them. (Fincantieri)
To this end, Lockheed Martin is to perform a series of ‘unique sea trials’ of
the F-35 for non-DoD participants of the wider programme. (Crown Copyright)
เครื่องบินขับไล่ Lockheed Martin F-35B Lightning II นาวิกโยธินสหรัฐฯ(USMC: US
Marine Corps)ได้วางกำลังบนเรือบรรทุกเครื่องบิน R08 HMS Queen Elizabeth
กองทัพเรือสหราชอาณาจักร(RN: Royal Navy)
เป็นครั้งแรกก่อนการฝึกผสมนานาชาติที่จะจัดขึ้นในทะเลเหนือ
เครื่องบินขับไล่ F-35B จำนวน
10เครื่องจากฝูงบินขับไล่โจมตีนาวิกโยธินที่211(Marine Fighter Attack Squadron
211,VMFA-211) กองบินอากาศยานนาวิกโยธินที่3(3rd Marine Aircraft Wing, 3rd MAW)
ได้มาถึงเรือบรรทุกเครื่องบิน HMS Queen Elizabeth เมื่อวันที่ 22 กันยายน 2020
ร่วมไปกับเครื่องบินขับไล่ F-35B จำนวน 4เครื่องจากฝูงบินที่617(617 Squadron)
กองทัพอากาศสหราชอาณาจักร(RAF: Royal Air Force) ทั้งฝูงบิน VMFA-211 'The Wake
Island Avengers' นาวิกโยธินสหรัฐฯ และฝูงบิน 617 'Dambusters' สหราชอาณาจักร
ทั้งสองฝูงบินตามลำดับจะเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการฝึกผสมนานาชาติรหัส 'Joint
Warrior' ประจำปี 2020
เช่นเดียวกับโอกาสในการฝึกอื่นๆในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้าที่จะมาถึง(https://aagth1.blogspot.com/2020/05/f-35-huawei-5g.html)
"ด้วยเครื่องบินขับไล่ F-35B รวม 14เครื่อง และเฮลิคอปเตอร์
Merlin(AgustaWestland AW101) รวม 8เครื่อง
มันเป็นแสดงความตั้งใจที่ใหญ่ที่สุดของเครื่องบินขับไล่
ที่จะปฏิบัติการในทะเลจากเรือบรรทุกเครื่องบินกองทัพเรือสหราชอาณาจักรนับตั้งแต่เรือบรรทุกเครื่องบิน
HMS Hermes ในปี 1983
และกลุ่มกำลังทางอากาศที่ใหญ่ที่สุดของเครื่องบินขับไล่ยุคที่5
ในทะเลทุกหนแห่งในโลก" กองทัพเรือสหราชอาณาจักรกล่าว
ขณะที่เครื่องบินขับไล่ F-35B
นาวิกโยธินสหรัฐฯได้ทำการบินมาลงจอดและทำการบินขึ้นจากเรือบรรทุกเครื่องบิน HMS
Queen Elizabeth ก่อนหน้านี้ระหว่างการทดลองการบูรณาการ
นี่เป็นครั้งแรกที่หน่วยบินปฏิบัติการวางกำลังบนเรือเพื่อการฝึก
(https://aagth1.blogspot.com/2019/10/f-35b-hms-queen-elizabeth.html,
https://aagth1.blogspot.com/2018/10/f-35b-hms-queen-elizabeth.html,
https://aagth1.blogspot.com/2018/09/f-35b-hms-queen-elizabeth.html)
ช่วงการวางกำลังนี้ ฝูงบินขับไล่โจมตีนาวิกโยธิน VMFA-211
สหรัฐฯได้เดินทางมาถึงที่ตั้งของหน่วยบิน Lightning Force
สหราชอาณาจักรที่ฐานทัพอากาศ RAF Marham
จากที่ตั้งของตนสถานีอากาศนาวิกโยธิน(MCAS: Marine Corps Air Station) Yuma มลรัฐ
Arizona เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2020(https://aagth1.blogspot.com/2018/06/f-35b-marham.html)
นักบินฝูงบิน VMFA-211
นาวิกโยธินสหรัฐฯได้ทำการฝึกสังเคราะห์ในเครื่องฝึกจำลองการบินที่สร้างขึ้นตามวัตถุประสงค์ที่ฐานทัพอากาศ
RAF Marham เพื่อสร้างความคุ้นเคยตนเองกับห้วงอากาศและขั้นตอนการปฏิบัติของอังกฤษ
ก่อนไปยังท้องฟ้าเหนือ Norfolk เพื่อทำการบินเที่ยวบินฝึกควบคู่ไปกับฝูงบิน617
สหราชอาณาจักร ในการเตรียมการสำหรับการวางกำลังของตนบนเรือบรรทุกเครื่องบิน HMS
Queen Elizabeth
กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯได้ทำสัญญากับบริษัท Lockheed Martin
สหรัฐฯเพื่อดำเนินการทดสอบเครื่องบินขับไล่ F-35 Lightning II Joint Strike
Fighter(JSF)
ของตนบนเรือบรรทุกเครื่องบินสำหรับผู้ใช้งานนานาชาติที่มีความเป็นไปได้
ประกาศสัญญาเมื่อวันที่ 24 กันยายน 2020
เป็นส่วนหนึ่งของหลายสัญญาสนับสนุนการพัฒนาวงเงิน $245.5 million
สำหรับกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯและผู้ใช้งานนานาชาติของ F-35
ที่จะดำเนินการไปจนถึงเดือนมีนาคม 2022
"(นอกเหนือหลายงานสนับนุนการพัฒนา)การแก้ไขสัญญานี้มอบการทดลองในทะเลที่เป็นเอกลักษณ์บนเรือบรรทุกเครื่องบินสำหรับผู้มีส่วนร่วมที่ไม่ใช่กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ"
เอกสารแจ้งการประกาศสัญญากล่าว
แม้ว่าจะไม่มีรายละเอียดเพิ่มเกี่ยวการทดลองบนเรือบรรทุกเครื่องบินได้รับการเปิดเผย
แต่น่าจะเกี่ยวข้องกับเครื่องบินขับไล่ F-35B รุ่นบินขึ้นระยะสั้นลงจอดทางดิ่ง
STOVL(Short Take-Off Vertical Landing)
ปัจจุบันนาวิกโยธินสหรัฐฯ, กองทัพเรือสหราชอาณาจักรและกองทัพอากาศสหราชอาณาจักร
และกองทัพเรืออิตาลี(Italian Navy, MMI: Marina Militare Italiana)(https://aagth1.blogspot.com/2018/01/f-35b.html)
ได้จัดหาเครื่องบินขับไล่ F-35B เพื่อใช้งานบนเรือยกพลขึ้นบกจู่โจม(Amphibious
Assault Ship) และเรือบรรทุกเครื่องบินของตนตามลำดับ(https://aagth1.blogspot.com/2017/09/lhd-thaon-di-revel.html)
ขณะที่ลูกค้าเครื่องบินขับไล่ F-35A ปัจจุบันคือ ออสเตรเลีย(https://aagth1.blogspot.com/2018/04/f-35a.html), ญี่ปุ่น(https://aagth1.blogspot.com/2020/07/f-35.html,
https://aagth1.blogspot.com/2020/07/f-35a-f-35b-105.html),
สิงคโปร์(https://aagth1.blogspot.com/2019/03/f-35-4-8.html), สเปน และสาธารรัฐเกาหลี(https://aagth1.blogspot.com/2019/08/f-35b-f-35a.html) ทั้งหมดแสดงความสนใจในขีดความสามารถเรือบรรทุกเครื่องบินไอพ่น STOVL
มาตลอดหลายปีล่าสุด
เช่นเดียวกับตุรกีที่เคยสนใจจะนำเครื่องบินขับไล่ F-35B
มาปฏิบัติการกับเรืออู่ยกพลขึ้นบกบรรทุกเฮลิคอปเตอร์ L408 TCG Anadolu
LHD(Landing Helicopter Dock) ของตน(https://aagth1.blogspot.com/2017/12/harrier-f-35b-lhd-tcg-anadolu.html)
ก่อนถูกตัดออกจากโครงการ JSF ในหลายๆส่วน(https://aagth1.blogspot.com/2020/07/f-35a.html,
https://aagth1.blogspot.com/2020/01/f-35-2020.html,
https://aagth1.blogspot.com/2019/07/f-35.html)
ออสเตรเลียเคยมีรายงานว่าตนสนใจเครื่องบินขับไล่ F-35B
สำหรับเรืออู่ยกพลขึ้นบกบรรทุกเฮลิคอปเตอร์ชั้น Canberra LHD ระวางขับน้ำ
27,800tonne ทั้งสองลำของกองทัพเรือออสเตรเลีย(RAN: Royal Australian Navy)
ที่ย้อนกลับไปได้ถึงปี 2014
โดย L02 HMAS Canberra และ L01 HMAS Adelaide
กองทัพเรือออสเตรเลียมีพื้นฐานเรืออู่ยกพลขึ้นบกบรรทุกเฮลิคอปเตอร์ Juan Carlos I
กองทัพเรือสเปน(Spanish Navy) เช่นเดียวกับเรือ TCG Anadolu
กองทัพเรือตุรกี(Turkish Naval Forces, Türk Deniz Kuvvetleri) ครับ