วันเสาร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

โรมาเนียจะจัดหาเครื่องบินขับไล่ F-35A สหรัฐฯ 32เครื่องอย่างเป็นทางการ

Romania formally joins international F-35 programme





Romania is to acquire 32 F-35As (pictured) to augment its F-16 combat aircraft, signing an LOA on 21 November. (Lockheed Martin)



โรมาเนียได้เข้าร่วมโครงการนานาชาติสำหรับเครื่องบินขับไล่ Lockheed Martin F-35 Lightning II Joint Strike Fighter(JSF) สหรัฐฯอย่างเป็นทางการ โดยการลงนามจดหมายขอข้อเสนอและตอบรับ(LOA: Letter of Offer and Acceptance) สำหรับเครื่องบินขับไล่ F-35A จำนวน 32เครื่อง
เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2024 บริษัท Lockheed Martin สหรัฐผู้ผลิตประกาศการลงนาม LOA มีขึ้นหลายสัปดาห์หลังจากรัฐบาลสหรัฐฯอนุมัติการขายเครื่องบินขับไล่โจมตี 'ยุคที่ห้า' แก่โรมาเนีย เมื่อวันที่ 13 กันยายน 2024(https://aagth1.blogspot.com/2024/09/f-35a-32.html)

ณ เวลานั้น สำนักงานความร่วมมือความมั่นคงกลาโหมสหรัฐฯ(DSCA: Defense Security Cooperation Agency) ระบุว่าการอนุมัติครอบคลุมเครื่องบินขับไล่ F-35A รุ่นบินขึ้นลงตามแบบ(CTOL: Conventional Take-Off and Landing) 32เครื่อง 
ควบคู่ไปกับอะไหล่ต่างๆ, สิ่งอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้อง, การฝึก และการสนับสนุนเป็นวงเงินประมาณ $7.2 billion ระบบอาวุธไม่ได้ถูกรวมในเอกสารแจ้งนี้และจะมีตามมาภายหลัง(https://aagth1.blogspot.com/2023/09/f-35a-48.html)

โดยที่จดหมายขอข้อเสนอและตอบรับ LOA ได้ถูกลงนามแล้วตอนนี้ การเจรจารายละเอียดต่างๆขณะนี้จะเริ่มต้นก่อนหน้าที่สัญญาจะบรรลุผลเสร็จสิ้น ตามร่างเค้าโครงก่อนหน้าที่ออกโดยกระทรวงกลาโหมโรมาเนีย
จดหมายขอข้อเสนอและตอบรับ LOA นี้ครอบคลุมระยะที่1(Phase 1) ของแผนของโรมาเนียที่จะจัดหาเครื่องบินขับไล่ F-35A สองฝูงบินในระยะใกล้ โดยระยะที่2(Phase 2) ที่จะตามมาในปีต่อๆไปภายหลัง เกี่ยวข้องกับการจัดหา F-35A อีกหนึ่งฝูงบินเพิ่มเติมจำนวน 16เครื่อง เพื่อทำให้จำนวนรวมทั้งหมดสามฝูงบินเป็น 48เครื่อง

กำหนดเวลา, เนื้อหา และมูลค่าวงเงินสุดท้ายของการจัดหาระยะที่2 จะถูกพิจารณาหลังจากกระบวนการการประกาศสัญญาจัดซื้อจัดจ้างได้รับการอนุมัติโดยรัฐบาลโรมาเนีย กระทรวงกลาโหมโรมาเนียได้กล่าวว่าความตั้งใจของตนคือจะวางกำลังฝูงบิน F-35A ฝูงแรกหลังปี 2030 
โรมาเนียจะได้รับเครื่องบิน F-35A ของตนจากสายการผลิตหลักที่โรงงานอากาศยาน Fort Worth ในมลรัฐ Texas สหรัฐฯ หรือจากโรงงานอากาศยาน Cameri ในอิตาลี(https://aagth1.blogspot.com/2024/05/f-35a-fort-worth.html)

เครื่องบินขับไล่ F-35A จำนวน 32เครื่องจะเสริมต่อเครื่องบินขับไล่ Lockheed Martin F-16AM/BM Fighting Falcon ของกองทัพอากาศโรมาเนีย(RoAF: Romanian Air Force) ที่ปัจจุบันมีประจำการจำนวน 17เครื่องได้รับมาจากโปรตุเกสเพิ่มเติมอีกจำนวน 32เครื่องจากนอร์เวย์
หลังการปลดประจำการเครื่องบินขับไล่ MiG-21 LanceR ยุค Warsaw Pact (แม้ว่าภายหลังจะได้รับการปรับปรุงอย่างมากโดยอิสราเอล) ไปก่อนหน้าในปี 2023(https://aagth1.blogspot.com/2023/05/mig-21-lancer.html)

โรมาเนียจะเข้าร่วมกลุ่มผู้ใช้งานเครื่องบินขับไล่ F-35 ในกลุ่มชาติ NATO และชาติพันธมิตรของยุโรปที่รวมถึง เบลเยียม(https://aagth1.blogspot.com/2023/12/lockheed-martin-f-35a.html), สาธารณรัฐเช็ก(https://aagth1.blogspot.com/2024/01/f-35a-24.html), เดนมาร์ก, ฟินแลนด์(https://aagth1.blogspot.com/2024/10/f-35a-64.html), เยอรมนี(https://aagth1.blogspot.com/2024/06/f-35a-8.html), 
กรีซ(https://aagth1.blogspot.com/2024/07/f-35a-20.html), อิตาลี(https://aagth1.blogspot.com/2024/09/f-35-eurofighter-typhoon.html), เนเธอร์แลนด์, นอร์เวย์, โปแลนด์(https://aagth1.blogspot.com/2024/09/lockheed-martin-f-35a-husarz.html), สวิตเซอร์แลนด์ และสหราชอาณาจักรครับ(https://aagth1.blogspot.com/2024/02/f-35-lightning-ii.html)

วันศุกร์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

กระทรวงกลาโหมไทยส่งมอบปืนเล็กยาว NIN9 ที่พัฒนาสร้างในไทยแก่กรมป่าไม้









Office of the Permanent Secretary of Defence, Ministry of Defence of Thailand delivered 435 of domestic NIN9 9x19mm Submachine gun (SMG) to Royal Forest Department, Ministry of Natural Resources and Environment on 20 November 2024.
NIN9 SMG is domestic designed and manufactured by Weapon Research and Development Plant (WRDP), Weapon Production Center (WPC), Defence Industry and Energy Center (DIEC) in Lopburi Province, Thailand. (Ministry of Defence of Thailand, Cook BulletRuning) 



กรมป่าไม้จัดซื้อปืน จาก สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ส่งเสริมอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ
เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายน 2567 ณ อาคารเทียมคมกฤส กรมป่าไม้ รองอธิบดีกรมป่าไม้ นายบรรณรักษ์ เสริมทอง เป็นผู้รับมอบ ปืนเล็กยาว ขนาด 9 มิลลิเมตร (NIN9) ที่จัดซื้อ จากสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม โดยมี พลโท ปวริศ ปั้นทอง ผู้บัญชาการศูนย์อำนวยการสร้างอาวุธ เป็นผู้ส่งมอบ โดยปืนเล็กยาว ขนาด 9 มิลลิเมตร (NIN9) ที่จัดซื้อจะถูกส่งไปใช้ในภารกิจป้องกัน และรักษาป่าทั่วประเทศของกรมป่าไม้ 
อาวุธปืนเล็กยาว NIN9 เป็นผลงานการวิจัยและผลิตโดย สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม โดย พลเอก สนิธชนก สังขจันทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหม ในการส่งเสริมอุตสาหกรรมป้องกันประเทศตามนโยบายรัฐบาล เพื่อมุ่งเน้นการพึ่งพาตนเองและพัฒนาขีดความสามารถของบุคลากรไทย 
อาวุธปืนรุ่นนี้ได้ผ่านการทดสอบ และรับรองมาตรฐานยุทโธปกรณ์จากกระทรวงกลาโหม และยังเป็นการส่งเสริมอุตสาหกรรมป้องกันประเทศของไทย ลดการพึ่งพาการนำเข้าจากต่างประเทศ อีกทั้งยังเป็นการบูรณาการระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน รวมถึงโรงงานอุตสาหกรรม ภายในประเทศในการวิจัยและผลิต ตลอดจนใช้วัสดุภายในประเทศในการผลิต ซึ่งเป็นการสร้างการจ้างงานภายในประเทศ 
และเป็นการช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศอีกทางหนึ่ง

ส่งมอบ NIN9

พลโท ปวริส ปั้นทอง ผบ.ศอว. ส่งมอบปืน NIN9 ให้กับกรมป่าไม้ 
NIN9 จากงานวิจัย สู่สายการผลิต และ เข้าประจำการ 
โดยคนไทย100%

สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม(Office of the Permanent Secretary of Defence) กระทรวงกลาโหมไทย(Ministry of Defence of Thailand) ได้ส่งมอบปืนเล็กยาวขนาด 9mm แบบ NIN9 จำนวน ๔๓๕กระบอก แก่ กรมป่าไม้(Royal Forest Department) กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(Ministry of Natural Resources and Environment) เมื่อวันที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๖๗(2024)
แม้ว่าจะกำหนดแบบเป็นปืนเล็กยาว(rifle) แต่ NIN9 จัดเป็นอาวุธประเภทปืนกลมือ(Submachine gun) ที่ได้รับการออกแบบและผลิตโดย โรงงานต้นแบบการวิจัยพัฒนาอาวุธ รง.ตวพ.(WRDP: Weapon Research and Development Plant) ศูนย์อำนวยการสร้างอาวุธ ศูนย์อุตสาหกรรมป้องกันประเทศและพลังงานทหาร ศอว.ศอพท.(DIEC: Defence Industry and Energy Center) ในความร่วมมือกับบริษัท MITECH ไทย 
โดยมีพื้นฐานจากปืนเล็กยาวจู่โจม(assault rifle)ตระกูล AR15 เช่นเดียวกับปืนเล็กยาวจู่โจม ปลย.MOD2020 ภายใต้โครงการผลิตปืนเล็กยาวขนาด 5.56mm ที่ได้รับการจัดหาและเปิดสายการผลิตแล้ว ๑๐๐กระบอก การจัดหา ปลย. NIN9 9mm จะทำให้เจ้าหน้าที่กรมป่าไม้เช่นชุดปฏิบัติการพยัคฆ์ไพรมีอาวุธที่มีประสิทธิภาพกว่าปืนลูกซอง(shotgun) ในการรักษาป่าของไทย ทั้งยังเป็นการสนับสนุนอุตสาหกรรมป้องกันประเทศของไทยด้วยครับ
(ถึงกระนั้นผู้ไม่หวังดีต่อชาติก็ยังมาแสดงความเห็นประชดประชันว่า ทำไม่ไม่ซื้อเป็นพันกระบอก? เอาปืนกลมือที่ใช้กระสุนปืนพกขนาด 9x19mm มาใช้เป็นปืนเล็กยาวไร้ประโยชน์ที่จะไปสู้กับปืนเล็กกลขนาด 7.62x39mm ของกลุ่มตัดไม้เถื่อนและล่าสัตว์ป่า? หรือ กรมป่าไม้ต้องเอาไปขายหรือเอาไว้ลักลอบตัดไม้ล่าสัตว์ป่าเสียเองแน่ กองทัพไทยจึงผลิตปืนห่วยๆมาให้ใช้? สรุปคือประเทศไทยในสายตาคนพวกนี้ไม่มีอะไรดีเลยรึ!?)

วันพฤหัสบดีที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

ลัตเวียเลือกจะจัดหายานเกราะสายพาน ASCOD สเปน

Latvia selects ASCOD, orders Patria 6x6 C2 vehicles




GDELS–Santa Bárbara Sistemas announced on 15 November that it had entered contract negotiations with the Latvian MoD on ASCOD. (GDELS)

ลัตเวียได้เลือกจัดหายานเกราะสายพาน ASCOD สเปน(https://aagth1.blogspot.com/2023/01/sabrah.html) และสั่งจัดหายานเกราะล้อยางบัญชาการและควบคุม(C2: Command-and-Control) แบบ Patria 6x6 ฟินแลนด์
บริษัท General Dynamics European Land Systems(GDELS)-Santa Bárbara Sistemas สเปน-ยุโรป ประกาศในสื่อประชาสัมพันธ์ที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2024 ว่า

บริษัท GDELS-Santa Bárbara Sistemas ได้เข้าสู่การเจรจาสัญญาต่างๆกับกระทรวงกลาโหมลัตเวียเกี่ยวกับยานเกราะสายพาน ASCOD หลังจากกระทรวงกลาโหมลัตเวียได้ยืนยันการเลือกของตน
Thomas Kauffmann รองประธานบริษัท GDELS ยุโรปฝ่ายการขายนานาชาติกล่าวว่า "ASCOD จะมอบการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในความคล่องแคล่วการเคลื่อนที่, อำนาจการยิง แก่กองทัพลัตเวีย(Latvian National Armed Forces) และในเวลาเดียวกับที่รับประกันการแบ่งปันงานจำนวนมากสำหรับอุตสาหกรรมกลาโหมในประเทศ"

เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2024  กระทรวงกลาโหมลัตเวียและบริษัท Patria ฟินแลนด์ได้ประกาศว่าพวกตนได้เห็นชอบการจัดซื้อของลัตเวียของยานเกราะล้อยางบัญชาการและควบคุม Patria 6x6 C2 จำนวน 56คัน
นอกเหนือจากการจัดซื้อจัดจ้างยานเกราะล้อยาง Patria 6x6 ที่กำลังดำเนินอยู่ภายใต้โครงการระบบยานเกราะร่วม CAVS(Common Armoured Vehicle System) ที่นำโดยฟินแลนด์(https://aagth1.blogspot.com/2023/04/cavs.html)

ภายใต้สัญญาวงเงิน 60 million Euros($63.4 million) การส่งมอบยานเกราะล้อยางบัญชาการและควบคุม Patria 6x6 C2 จะเริ่มต้นที่ตั้งแต่สิ้นปี 2024 จนถึงสิ้นสุดในปี 2029
กระทรวงกลาโหมลัตเวียกล่าวว่าการสั่งจัดหาเป็นสำหรับยานเกราะล้อยาง Patria 6x6 รุ่นใหม่ที่เสร็จสมบูรณ์ที่ได้รับการพัฒนาภายใต้โครงการวิจัยและพัฒนา(R&D: Research and Development) ในความร่วมมือกับกระทรวงกลาโหมฟินแลนด์และกระทรวงกลาโหมสวีเดน

ยานเกราะล้อยางบัญชาการและควบคุม Patria 6x6 C2 จะเพิ่มพูนการหยั่งรู้สถานการณ์ในสนามรบ และมอบข้อมูลที่รวดเร็ว, มีประสิทธิภาพ และเข้ารหัส กระทรวงกลาโหมลัตเวียเน้น รัฐมนตรีกลาโหมกระทรวงกลาโหมลัตเวีย Andris Sprūds กล่าวว่า 
"ยานเกราะล้อยางบัญชาการและควบคุม Patria 6x6 จะเพิ่มขีดความสามารถการปฏิบัติการต่างๆอย่างมีนัยสำคัญของกองทัพลัตเวียของเรา เช่นเดียวกับส่งเสริมต่อการพัฒนาของภาคอุตสาหกรรมทางทหารของลัตเวีย"

Alejandro Page รองประธานโครงการยานเกราะสายพาน ASCOD ของบริษัท GDELS กล่าวว่า "การตัดสินใจนี้(ของลัตเวีย)เป็นการแสดงถึงอีกครั้งของความยอดเยี่ยมของ GDELS ในด้านรถสายพาน ASCOD เป็นรถรบที่ล้ำสมัยที่ตรงความต้องการที่ซับซ้อนอย่างเต็มรูปแบบของรูปแบบภารกิจของปัจจุบัน"
ASCOD ได้ถูกใช้ในหลายรุ่นและหลายรูปแบบในกองทัพของห้าประเทศคือ สเปน, ออสเตรีย, สหราชอาณาจักร(https://aagth1.blogspot.com/2022/03/ajax.html), สหรัฐฯ(https://aagth1.blogspot.com/2024/02/m10-booker-2024.html) และฟิลิปปินส์ โดยได้เข้าประจำการหรือได้รับการสั่งจัดหาแล้วกว่า 1,200คันครับ

วันพุธที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

Airbus ส่งมอบเฮลิคอปเตอร์โจมตีเบา H145M LKH เครื่องแรกแก่เยอรมนี

Airbus delivers first H145M light attack helicopter to Germany







Airbus announced the commencement of H145M LKH deliveries to Germany on 18 November. The first of up to 82 helicopters will be used for training, with the first light attack helicopter being handed over in 2025. (Airbus)



เฮลิคอปเตอร์ใช้งานทั่วไปรุ่นโจมตีเบา H145M LKH(Leichter Kampfhubschrauber) เครื่องแรกสำหรับเยอรมนีได้ถูกส่งมอบแล้วจากโรงงานอากาศยานสายการผลิต Donauwörth เยอรมนีของบริษัท Airbus Helicopters ยุโรป
บริษัท Airbus Helicopters ประกาศเหตุการณ์สำคัญนี้เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2024 กล่าวว่า เฮลิคอปเตอร์โจมตีเบา H145M LKH เครื่องแรกจากถึงจำนวน 82เครื่องจะถูกใช้สำหรับการฝึก(https://aagth1.blogspot.com/2024/10/h145m-lkh.html)

ณ ศูนย์การฝึกเฮลิคอปเตอร์นานาชาติ(International Helicopter Training Centre) ของกองทัพบกเยอรมนี(German Army, Heer) ที่ Bückeburg ในตอนเหนือของเยอรมนี เฮลิคอปเตอร์ H145M LKH เครื่องแรกที่จะถูกใช้ในภารกิจการโจมตีเบาจะถูกส่งมอบในปี 2025
กองทัพเยอรมนี(Bundeswehr) ได้สั่งจัดหาเฮลิคอปเตอร์โจมตีเบา H145M LKH จำนวน 62เครื่อง(โดยมีตัวเลือกเพิ่มเติมสำหรับอีก 20เครื่อง) และระบบอาวุธประกอบร่วมต่างๆ(https://aagth1.blogspot.com/2023/12/h145m-62.html)

เพื่อที่จะทดแทนบางส่วนของเฮลิคอปเตอร์โจมตี Airbus Tiger ของตน(https://aagth1.blogspot.com/2024/02/tiger-2032.html) และเพื่อที่จะสนับสนุนหน่วยปฏิบัติการพิเศษของตนในเดือนธันวาคม 2023 ได้รับงบประมาณหลักจากงบประมาณพิเศษของกองทัพเยอรมนีวงเงิน 100 billion Euros($112 billion) 
การจัดซื้อจัดจ้างเฮลิคอปเตอร์โจมตีเบา H145M LKH จะได้เห็นกองทัพบกเยอรมนีจะได้รับมอบเฮลิคอปเตอร์จำนวน 57เครื่อง เพื่อเริ่มต้นกระบวนการทดแทนเฮลิคอปเตอร์โจมตี Tiger UHT(Unterstützungshubschrauber)

และกองทัพอากาศเยอรมนี(German Air Force, Luftwaffe) จะได้รับมอบเฮลิคอปเตอร์ใช้งานทั่วไปรุ่นโจมตีเบา H145M LKH จำนวน 5เครื่องสำหรับสนับสนุนหน่วยรบพิเศษของตน ที่ยังรวมระบบอาวุธ HForce และการสนับสนุนด้วย
เฮลิคอปเตอร์โจมตีเบา H145M LKH จะเข้ามาทำหน้าที่แทนที่ในภารกิจโจมตีเบาจากเฮลิคอปเตอร์โจมตี Airbus Tiger (KH: Kampfhubschrauber) ของกองทัพบกเยอรมนี นี่จะเป็นแนวทางแก้ไขปัญหาแบบสะพานเชื่อมเพื่อหลีกเลี่ยงช่องว่างด้านขีดความสามารถ 

ตามที่เฮลิคอปเตอร์โจมตี Tiger เผชิญปัญหาความล้าสมัยต่างๆ ตามการตัดสินใจก่อนหน้านี้ของเยอรมนีที่จะไม่ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการปรับปรุงเฮลิคอปเตอร์โจมตี Tiger Mk III(https://aagth1.blogspot.com/2021/12/airbus-tiger-iii.html, https://aagth1.blogspot.com/2021/12/tiger-iii.html)
ฝูงบินเฮลิคอปเตอร์โจมตี Tiger KH ของกองทัพเยอรมนีจะถูกปลดประจำการในปี 2032 โดยเฮลิคอปเตอร์โจมตีเบา H145M LKH จะถูกใช้งานในฐานะแนวทางแก้ไขปัญหาแบบสะพานเชื่อมตามที่ตนกำลังการพิจารณาทดแทนเฮลิคอปเตอร์โจมตี Tiger ในระยะยาว

กองทัพบกเยอรมนีมีเฮลิคอปเตอร์โจมตี Tiger UHT ในประจำการ 51เครื่อง ซึ่งจะถูกทยอยลดจำนวนเครื่องในฝูงบินลงเป็นจำนวน 33เครื่องภายในปี 2028(https://aagth1.blogspot.com/2023/05/tiger-uht-h145m.html)
Janes เคยรายงานก่อนหน้านี้ว่า เยอรมนีได้แสดงความสนใจเฮลิคอปเตอร์โจมตี Boeing AH-64E Apache Guardian สหรัฐฯ สำหรับขีดความสามารถเฮลิคอปเตอร์โจมตีแท้ทดแทน ฮ.โจมตี Tiger ของตนในระยะยาวครับ(https://aagth1.blogspot.com/2022/06/apache-tiger.html)

วันอังคารที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

อิสราเอลทำพิธีปล่อยเรือลงน้ำและตั้งชื่อเรือดำน้ำชั้น Dolphin ลำที่หก INS Drakon ที่เยอรมนี

Israel hints at new submarine's capabilities



INS Drakon at its naming ceremony in Kiel. (Israeli Ministry of Defense)

กระทรวงกลาโหมอิสราเอลระบุว่าเรือดำน้ำชั้น Dolphin ลำใหม่ล่าสุดของตนมีขีดความสามารถการโจมตีพิสัยไกลใหม่เมื่อตนประกาศเมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2024 ว่าเรือได้รับการตั้งชื่อว่าเรือดำน้ำ INS Drakon
เรือดำน้ำ INS Drakon ได้เสร็จสิ้นการสร้างและถูกทำพิธีปล่อยเรือลงน้ำพร้อมกับพิธีตั้งชื่อเรือ ณ อู่เรือบริษัท thyssenkrupp Marine Systems(tkMS) เยอรมนีใน Kiel เยอรมนี(https://aagth1.blogspot.com/2017/10/dolphin-3.html)

และ INS Drakon จะเป็นเรือดำน้ำชั้น Dolphin ลำที่หก และเรือดำน้ำชั้นย่อย Dolphin-II ลำที่สามที่ได้รับการติดตั้งด้วยระบบขับเคลื่อนแบบไม่ใช้อากาศ(AIP: Air Independent Propulsion) ของกองทัพเรืออิสราเอล(Israeli Navy)
ในแถลงการณ์ของตนในพิธีตั้งชื่อเรือที่จัดขึ้นใน Kiel เยอรมนี กระทรวงกลาโหมอิสราเอลอธิบายเรือดำน้ำ INS Drakon ในฐานะ "ทรัพยากรการรบทางยุทธศาสตร์" ที่ "ได้รับการติดตั้งด้วยระบบอันเป็นเอกลักษณ์ต่างๆ" 

ที่ "รวมถึงวิทยาการบุกเบิกล้ำยุคต่างๆที่ขยายพิสัยของขีดความสามารถต่างๆของกองทัพอิสราเอล(IDF: Israel Defense Forces) ตลอดทั้งหลากหลายพื้นที่แข่งขันต่างๆ การเปลี่ยนแปลงรูปแบบที่สำคัญได้มีขึ้นในกองเรือดำน้ำ
วิธีการการปฏิบัติการต่างๆได้รับการปรับปรุง พิสัยขีดความสามารถการปฏิบัติการต่างๆได้ถูกเพิ่มขยายและยาวไกลขึ้น" กระทรวงกลาโหมอิสราเอลอ้างคำพูดของ พลเรือโท David Saar Salama ผู้บัญชาการกองทัพเรืออิสราเอล

ตามที่พลเรือโท David Saar Salama กล่าวว่า "สถานที่ทั้งเหล่านี้ของกองเรือดำน้ำคือที่แนวหน้าของการรณรงค์สำหรับความมั่นคงของอิสราเอลในฐานะอาวุธที่ได้รับการยืดขยายของกองทัพอิสราเอล ด้วยการเข้ามาเพิ่มของเรือดำน้ำ INS Drakon
ต่อความลึกของการปฏิบัติการต่างๆของเรา อาวุธที่ได้รับการยืดขยายของเราได้เพิ่มมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในความยาวและความแข็งแกร่ง" กระทรวงกลาโหมอิสราเอลเสริมว่าเรือดำน้ำ INS Drakon จะถูกส่งมอบในปี 2025 เมื่อเรือจะเดินทางมาถึงอิสราเอล

พิธีตั้งชื่อเรือดำน้ำ INS Drakon ยังเป็นเครื่องหมายถึงการเริ่มต้นของการดำเนินการสร้างของเรือดำน้ำชั้น Dakar ใหม่ที่มีกำหนดจะส่งมอบแก่กองทัพเรืออิสราเอลในต้นปี 2030s(https://aagth1.blogspot.com/2022/01/dakar-3-tkms.html)
กระทรวงกลาโหมอิสราเอลประกาศในเดือนมกราคม 2022 ว่าตนได้บรรลุข้อตกลงกับ tkMS เยอรมนี ซึ่งภายใต้ข้อตกลงเรือดำน้ำชั้น Dakar จำนวน 3ลำจะถูกสร้างเพื่อทดแทนเรือดำน้ำชั้น Dolphin ที่เก่ากว่าจำนวน 3ลำโดยมีการส่งมอบเรือลำแรกใน 9ปี

ข้อตกลงวงเงินราว 3 billion Euros ยังรวมถึงการสร้างของเครื่องฝึกจำลองสถานการณ์เรือดำน้ำในอิสราเอลและการจัดส่งชิ้นส่วนอะไหล่ต่างๆ เรือดำน้ำชั้น Dakar ใหม่ลำแรก เรือดำน้ำ INS Dakar ถูกตั้งชื่อตามเรือดำน้ำ INS Dakar(เรือดำน้ำชั้น T สหราชอาณาจักร)ของกองทัพเรืออิสราเอลที่จมในปี 1968
เรือดำน้ำชั้น Dakar ใหม่ 3ลำจะทดแทนเรือดำน้ำชั้น Dolphin สามลำแรกคือ เรือดำน้ำ INS Dolphin, เรือดำน้ำ INS Leviathan และ เรือดำน้ำ INS Tekumah ที่ถูกสร้างโดย Howaldtswerke-Deutsche Werft(HDW) เยอรมนี(ต่อมา tkMS) ช่วงปี 1990s และถูกเข้าประจำการในช่วงปี 1999-2000 ครับ

วันจันทร์ที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

เรือหลวงกระบี่กองทัพเรือไทย อินเดีย และสิงคโปร์เสร็จสิ้นการฝึกผสม SITMEX 2024












Singapore, India and Thailand Conclude Trilateral Maritime Exercise
The Republic of Singapore Navy (RSN), Indian Navy (IN) and Royal Thai Navy (RTN) conducted the 4th Singapore-India-Thailand Maritime Exercise (SITMEX) from 8 to 11 November 2024. This year's edition of SITMEX was hosted by the Indian Navy, with the shore phase conducted at Port Blair, India. 
The RSN had deployed its Formidable-class frigate RSS Tenacious, with an embarked S-70B Seahawk naval helicopter. The IN deployed the Saryu-class offshore patrol vessel INS Saryu, the Kora-class corvette INS Karmuk and the Dornier-228 maritime patrol aircraft. 
The RTN participated with the Krabi-class offshore patrol vessel HTMS Krabi. During the exercise, the participating navies conducted a series of naval serials, including manoeuvring drills and live firing in the Andaman Sea.
Together with sailors from INS Saryu, INS Karmuk and HTMS Krabi, our sailors from Formidable-class frigate RSS Tenacious participated in the shore planning exercises, followed by a series of at-sea serials. These are useful opportunities to strengthen mutual understanding and interoperability between participating navies. 
Photos: Indian Navy, Republic of Singapore Navy, Royal Thai Navy

“Bon Voyage”
เมื่อวันที่ 6 พฤศจิกายน 2567 พลเรือโท สุวัจ  ดอนสกุล ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 3 มอบหมายให้ พลเรือตรี เด็ดเดี่ยว ทรงวรวิทย์ รองผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 3 เป็นประธานในพิธีส่งเรือหลวงกระบี่ เดินทางเข้าร่วมการฝึกผสมไตรภาคี ระหว่างกองทัพเรือไทย กองทัพเรืออินเดีย และ กองทัพเรือสิงคโปร์ ครั้งที่ 4 ภายใต้รหัสการฝึก SITMEX 
และการจัดหน่วยเรือ หน่วยบิน เข้าร่วมการลาดตระเวนร่วม ระหว่าง กองทัพเรือไทย และ กองทัพเรืออินเดีย ครั้งที่ 38 ( CORPAT) ณ Port Blair สาธารณรัฐอินเดีย ระหว่างวันที่ 7 - 16 พฤศจิกายน 2567 ณ ท่าเทียบเรือฐานทัพเรือพังงา ทัพเรือภาคที่ 3 ตำบลลำแก่น อำเภอท้ายเหมือง จังหวัดพังงา

“เริ่มแล้ว ฝึกผสมไตรภาคี (SITMEX) ครั้งที่ 4 ณ  Port Blair สาธารณรัฐอินเดีย เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นระหว่าง กองทัพเรือไทย กองทัพเรืออินเดีย และ กองทัพเรือสิงคโปร์”
เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2567 น.อ.สถาพร วาจรัตน์ รองเสนาธิการ ทัพเรือภาคที่ 3 / ผู้บังคับหมู่เรือหน่วยเรือฝึกผสมและลาดตระเวนร่วม ทัพเรือภาคที่ 3  ร่วมพิธีเปิดการฝึกผสมไตรภาคี (SITMEX) ครั้งที่ 4 ระหว่าง กองทัพเรือไทย กองทัพเรืออินเดีย และ กองทัพเรือสิงคโปร์ 
และเข้าร่วมการลาดตระเวนร่วม กองทัพเรือไทย - กองทัพเรืออินเดีย ครั้งที่ 38 โดยมี CMDE Prashant Handu ,NM Naval Component Commander เป็นประธานเปิดการฝึกผสมไตรภาคี (SITMEX) ครั้งที่ 4 ณ  Port Blair สาธารณรัฐอินเดีย

“เริ่มแล้ว ฝึกผสมไตรภาคี (SITMEX 2024) ครั้งที่ 4 ณ Port Blair สาธารณรัฐอินเดีย เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้น ระหว่าง กองทัพเรือไทย กองทัพเรืออินเดีย และ กองทัพเรือสิงคโปร์”
ระหว่างวันที่ 10 - 11 พฤศจิกายน 2567 ร.ล.กระบี่ ร่วมกับเรือรบของกองทัพเรือมิตรประเทศ ประกอบด้วย  เรือ INS SARYU และ เรือ INS KARMUK กองทัพเรืออินเดีย และ เรือ RSS TENACIOUS กองทัพเรือสิงคโปร์ ทำการฝึกผสมไตรภาคี (SITMEX 2024) ครั้งที่ 4 ณ  Port Blair สาธารณรัฐอินเดีย 
โดยมีหัวข้อการฝึก ประกอบด้วย การฝึกแปรกระบวน การฝึกติดตามเป้าเรือสินค้า การฝึกตรวจค้น การร่วมสังเกตการณ์การฝึกยิงเป้าทางอากาศ การลาดตระเวนแลกเปลี่ยนเป้าในพื้นที่รับผิดชอบ การร่วมสังเกตการณ์การฝึกยิงเป้าพื้นน้ำ การฝึกนำเรือแล่นผ่าน 
สำหรับการฝึกดังกล่าว เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ในการปฎิบัติงานในเรือรบของแต่ละประเทศ รวมทั้งกระชับความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นระหว่างกองทัพเรือมิตรประเทศที่เข้าร่วมการฝึก รวมทั้งเพื่อให้ทุกกองทัพเรือของมิตรประเทศมีความพร้อมทั้งองค์บุคคล องค์วัตถุ และองค์ยุทธวิธี

“เริ่มแล้ว การลาดตระเวนร่วม กองทัพเรือไทย - กองทัพเรืออินเดีย (INDO - THAI CORPAT 2024) ครั้งที่ 38 ณ  Port Blair สาธารณรัฐอินเดีย เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นระหว่าง กองทัพเรือไทย และ กองทัพเรืออินเดีย ”
เมื่อวันที่ 12 พฤศจิกายน 2567 น.อ.สถาพร วาจรัตน์ รองเสนาธิการ ทัพเรือภาคที่ 3 / ผู้บังคับหมู่เรือหน่วยเรือฝึกผสมและลาดตระเวนร่วม ทัพเรือภาคที่ 3  ร่วมพิธีเปิดการลาดตระเวนร่วม กองทัพเรือไทย - กองทัพเรืออินเดีย ครั้งที่ 38 โดยมี CMDE Prashant Handu ,NM Naval Component Commander เป็นประธานเปิดการลาดตระเวนร่วม ฯ 
ณ NAVAL COMPONENT COMMANDER COMFLOT & NOIC - ANDAMAN AND NICOBAR COMMAND สาธารณรัฐอินเดีย โดยกองทัพเรือไทย จัดส่ง ร.ล.กระบี่ และ กองทัพเรืออินเดีย จัดส่ง เรือ INS SARYU และ เรือ LCU(L55) พร้อมทั้งเครื่องบินลาดตระเวนทางทะเล Dornier-228 ของทั้ง 2 ชาติ เข้าร่วมการลาดตระเวน ระหว่างวันที่ 14 - 15 พ.ย.67 บริเวณมหาสมุทรอินเดีย

เรือตรวจการณ์ไกลฝั่งชุดเรือหลวงกระบี่ ร.ล.กระบี่ และและเครื่องบินลาดตระเวนทางทะเลแบบที่๑ บ.ลว.๑ Dornier Do 228 ฝูงบิน๑๐๑ กองบิน๑ กองการบินทหารเรือ กบร.(RTNAD: Royal Thai Naval Air Division) กองเรือยุทธการ กร.(RTF: Royal Thai Fleet) กองทัพเรือไทย(RTN: Royal Thai Navy) ได้เดินทางออกจากฐานทัพเรือพังงา กองทัพเรือภาคที่๓(3rd NAC: Third Naval Area Command) 
ในตำบลลำแก่น อำเภอท้ายเหมือง จังหวัดพังงา เมื่อวันที่ ๖ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๖๗(2024) เพื่อเข้าร่วมการฝึกผสมไตรภาคี SITMEX 2024(Singapore-India-Thailand Maritime Exercise) ครั้งที่๔ ระหว่างกองทัพเรือไทย กองทัพเรืออินเดีย(IN: Indian Navy) และกองทัพเรือสิงคโปร์(RSN: Republic of Singapore Navy)(https://aagth1.blogspot.com/2024/02/milan-2024.html

และเข้าร่วมการลาดตระเวนร่วมระหว่างกองทัพเรือไทยและกองทัพเรืออินเดียรหัส INDO-THAI COORDINATED PATROL ครั้งที่๓๘(38th INDO-THAI CORPAT) ที่ Port Blair หมู่เกาะ Andaman อินเดีย ระหว่างวันที่ ๗-๑๖ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๖๗ ซึ่งเป็นครั้งที่สองในปีนี้ต่อจากครั้งที่๓๗ ที่มีขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๖๗ ที่กองทัพเรือไทยส่งเรือตรวจการณ์ไกลฝั่งชุด ร.ล.กระบี่ เรือหลวงประจวบคีรีขันธ์ เข้าร่วม
กองทัพเรือสิงคโปร์ได้นำเรือฟริเกตชั้น Formidable เรือฟริเกต RSS Tenacious (71) พร้อมเฮลิคอปเตอร์ S-70B Seahawk ร่วมกับกองทัพเรืออินเดียที่นำเรือตรวจการณ่ไกลฝั่งชั้น Saryu เรือตรวจการณ์ไกลฝั่ง P54 INS Saryu และเรือคอร์เวตชั้น Kora เรือคอร์เวต P64 INS Karmuk ร่วมการฝึกในทะเลอันดามัน โดย ร.ล.กระบี่ได้เสร็จสิ้นภารกิจฝึกกลับมาฐานทัพเรือพังงาเมื่อวันที่ ๑๖ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๖๗ แล้วครับ

วันอาทิตย์ที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

กองทัพบกไทยและสิงคโปร์เสร็จสิ้นการฝึกผสม Kocha Singa 2024
















Singapore and Thai Armies Successfully Conclude Exercise Kocha Singa 2024 
Chief of Army Major-General David Neo co-officiating the Exercise Kocha Singa closing ceremony with Commander-in-Chief Royal Thai Army (RTA) General Pana Klaewblaudtuk on 15 November 2024 at Khao Kamphaeng Training Area in Kanchanaburi Province, Thailand.
The 24th edition of Exercise Kocha Singa (XKS) came to a close in Kanchanaburi, Thailand. This edition featured over 325 personnel from the Singapore Army's 40th Battalion, Singapore Armoured Regiment (40 SAR) and the Royal Thai Army (RTA)’s 3rd Infantry Battalion from the 29th Infantry Regiment, 9th Infantry Division. 
XKS comprised a field training exercise involving jungle survival, live-firing, urban operations, drone deployments, and culminated in a joint battalion-level assault mission.
XKS underscores the close and long-standing bilateral defence relations between the Singapore Army and the Royal Thai Army. Photos: SMART Soldiers Strong Army



ผบ.ทบ.ไทย – สิงคโปร์ ชมการฝึกผสมคชสีห์ (KOCHA SINGA 2024) เดินหน้าพัฒนากำลังพลผ่านฝึก พร้อมแลกเปลี่ยนทักษะทางทหารร่วมกัน
วันนี้ (15 พ.ย.67) พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก เดินทางเพื่อเป็นประธานในพิธีปิดการฝึกผสมรหัสคชสีห์ 2024 (KOCHA SINGA 2024) ร่วมกับ พลตรี เดวิด เนียว ผู้บัญชาการทหารบกสิงคโปร์ ณ พื้นที่ฝึกทางยุทธวิธี กองพลทหารราบที่ 9 อำเภอพนมทวน จังหวัดกาญจนบุรี 
โดยการฝึกผสมรหัสคชสีห์ 2024 จัดการฝึกระหว่าง 8-15 พฤศจิกายน 2567 ตามโครงการความร่วมมือด้านการฝึกระหว่างกองทัพบกไทยและกองทัพบกสิงคโปร์ ดำเนินการฝึกมาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี พ.ศ. 2540 
สำหรับในปีนี้ กองทัพบกไทยจัดกำลังพล 1 กองร้อยทหารราบ จากกองพลทหารราบที่ 9 จำนวน 165 นาย และกองทัพบกสิงคโปร์ จัดกำลังพล 1 กองร้อยทหารราบ จากกองพันทหารราบยานเกราะที่ 8 กองทัพบกสิงคโปร์ จำนวน 160 นาย เข้าร่วมการฝึกแลกเปลี่ยนการปฏิบัติทางยุทธวิธี (CTX) ได้แก่ 
การฝึกการดำรงชีพในป่า, การฝึกต่อสู้ด้วยมือเปล่าและมวยไทย, การปฏิบัติการร่วมกับโดรน, ระบบการซ้อมรบทางยุทธวิธีเสมือนจริง, การตั้งจุดตรวจจุดสกัดและการใช้อาวุธในการปฏิบัติทางยุทธวิธี รวมถึงการฝึกภาคสนาม (FTX) 
โดยหลังจากที่ผู้บัญชาการทหารบก รับชมการสาธิตปฏิบัติการทางยุทธวิธี ได้กระทำพิธีปิดและกล่าวให้โอวาท ซึ่งมีใจความสำคัญว่าการฝึกผสมรหัสคชสีห์นับว่าเป็นการฝึกที่มีความสำคัญยิ่งในการเสริมสร้างทักษะในปฏิบัติการทางทหารของกำลังพล เป็นโอกาสในการแลกเปลี่ยนความรู้และประสบการณ์ทางทหารระหว่าง กองทัพบกไทย และกองทัพบกสิงคโปร์ 
อีกทั้งเป็นการกระชับความสัมพันธ์และมิตรภาพของกองทัพบกทั้งสองประเทศ ขอชื่นชมกำลังพลทุกนายที่ทุ่มเทกำลังกายและกำลังใจในการเข้าร่วมการฝึกผสมในครั้งนี้ แสดงถึงขีดความสามารถในการปฏิบัติงานร่วมกัน อย่างประสานสอดคล้อง และผู้บัญชาการทหารบกได้ทำการส่งมอบภารกิจเจ้าภาพการฝึกผสมรหัสคชสีห์ในครั้งต่อไปให้กับผู้บัญชาการทหารบกสิงคโปร์ 

กองทัพบกไทย(RTA: Royal Thai Army) และกองทัพบกสิงคโปร์(Singapore Army) ได้เสร็จสิ้นการฝึกผสมรหัส KOCHA SINGA 2024 (คชสีห์ ๒๐๒๔) ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ ๘-๑๕ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๖๗(2024) ณ พื้นที่ฝึกทางยุทธวิธี กองพลทหารราบที่๙ พล.ร.๙(9th Infantry Division) อำเภอพนมทวน จังหวัดกาญจนบุรี ประเทศไทย โดยมีพิธีปิดการฝึกเมื่อวันที่ ๑๕ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๖๗ ที่ผ่านมา
การฝึกผสม Kocha Singa 2024 ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุกปีตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๔๐(1997) เป็นต้นมา โดยการฝึกครั้งที่๒๔ ในปีนี้ไทยเป็นเจ้าภาพ(สลับกับสิงคโปร์ในแต่ละปี) กองทัพบกไทยได้จัดกำลังหนึ่งกองร้อยทหารราบจำนวน ๑๖๕นายจาก กองพันทหารราบที่๓ กรมทหารราบที่๒๙ ร.๒๙ พัน.๓(3rd Infantry Battalion, 29th Infantry Regiment) กองพลทหารราบที่๙ กองทัพภาคที่๑(1st Army Area) เข้าร่วมการฝึก

ขณะที่กองทัพบกสิงคโปร์จัดกำลังจำนวน ๑๖๐นายจาก กองพันที่๔๐ กรมยานเกราะสิงคโปร์(40 SAR: 40th Battalion, Singapore Armoured Regiment) รวมกำลังพลที่เข้าร่วมการฝึกทั้งสิ้น ๓๒๕นาย โดยการฝึกผสม Kocha Singa 2024 จะได้เห็นทหารบกไทยในเครื่องสนามที่ทันสมัยใช้ปืนเล็กยาว IWI Galil ACE-N 23 ขนาด 5.56x45mm พร้อมกล้องช่วยเล็ง Red Dot แบบ Meprolight M5 อิสราเอล
ขณะที่ทหารบกสิงคโปร์ใช้ปืนเล็กยาว SAR-21, ปืนเล็กกล Colt IAR6940E-SG ใหม่ที่พึ่งนำเข้าประจำการ(https://aagth1.blogspot.com/2024/05/colt-iar.html), เครื่องยิงจรวดต่อสู้รถถัง/ทำลายที่มั่นแข็งแรง MATADOR รวมถึงอากาศยานไร้คนขับ(UAV: Unmanned Aerial Vehicle) ตรวจการณ์ทางยุทธวิธี(https://aagth1.blogspot.com/2024/09/vesper-uav.html) มาใช้ในการฝึกล่าสุดนี้ครับ