วันอังคารที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2557

รถถังหลัก Oplot ของกองทัพบกไทย กับสถานการณ์ในยูเครน


credit ภาพ: กองพันทหารม้าที่หนึ่ง รักษาพระองค์ฯ https://www.facebook.com/cavalry1001


นับตั้งแต่การประท้วงในยูเครนเมื่อปลายปี 2013 ที่ผ่านมานั้น ในช่วงแรกดูจะไม่มีผลกระทบต่อโครงการจัดหารถถังหลัก BM Oplot จากยูเครนของกองทัพบกไทยนัก
เพราะรถถังหลักชุดแรกจำนวน 5คันซึ่งมีการประกอบเสร็จและทดสอบในยูเครนเมื่อปีที่แล้วก็ได้เดินทางมาถึงไทยเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
โดยทางยูเครนได้แจ้งว่าความล่าช้าในการส่งมอบ ถ.Oplot ชุดต่อไปจำนวน 10คันจะเป็นในเดือนกรกฎาคมปีนี้

แต่อย่างไรก็สถานการณ์ภายในยูเครนทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้นนับตั้งแต่มีการขับไล่อดีตประธานาธิบดี Viktor Yanukovych ลงจากตำแหน่ง
สาธารณรัฐปกครองตนเอง Crimea ได้ประกาศแยกตัวจากยูเครนและได้ถูกรัสเซียแทรกแซงผนวก Crimea เข้าเป็นส่วนหนึ่งของรัฐในสหพันธรัฐรัสเซีย
การประท้วงของกลุ่มผู้สนับสนุนรัสเซียทางเมืองภาคตะวันออกของยูเครนก็รุนแรงถึงขั้นที่มีกองกำลังติดอาวุธยึดอาคารรัฐบาลและยิงต่อสู้กับเจ้าหน้าที่ความมั่นคงของยูเครนจนมีผู้เสียชีวิตจำนวนหนึ่ง
สถานการณ์ใน Kharkiv ซึ่งเป็นที่ตั้งของ KMDB และโรงงาน Malyshev ซึ่งเป็นสถานที่ผลิตรถถังนั้นก็รุนแรงพอสมควร
มีการประการจัดตั้งสาธารณรัฐประชาชนKharkov แต่ก็ถูกเจ้าหน้าที่รัฐยูเครนจับกุมผู้สนับสนุนรัสเซียที่บุกยึดอาคารรัฐได้สำเร็จ และมีการปะทะระหว่างผู้สนับสนุนยูเครนและผู้สนับสนุนรัสเซียจนมีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ
รวมถึงสถานการณ์ในเมืองภาคตะวันตกอื่นๆเช่น Donetsk และ Luhansk ที่ยืดเยื้อ ซึ่งรัฐบาลรักษาการยูเครนประกาศที่จะใช้กำลังบังคับให้ยุติการแบ่งแยกดินแดน
และทางรัสเซียเองก็ส่งทหารเข้าประชิดชายแดนตะวันออกของยูเครน ถ้าไม่สามารถพึ่งพาการเจรจาสี่ฝ่ายระหว่างสหรัฐฯ สหภาพยุโรป ยูเครน และรัสเซียได้แล้ว สงครามก็อาจจะเกิดขึ้นได้
ตัวแปรสำคัญคือการเลือกตั้งภายในยูเครนที่จะจัดขึ้นในเดือนพฤษภาคมนี้ โดยประธานาธิบดีรักษาการยูเครน Oleksandr Turchynov ได้ให้สัมภาษณ์สื่อว่า
นอกจากจะเป็นการเลือกตั้งเพื่อจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่แล้ว อาจจะมีการลงประชามติเพื่อให้ประเทศเปลี่ยนระบบการปกครองจากสาธารณรัฐเป็นสหพันธรัฐด้วย
ซึ่งนั่นจะทำให้ความเป็นเอกภาพของยูเครนสิ้นสุดลง และจะมีผลอย่างมากต่อสถานการณ์รุนแรงในยูเครนครับ

สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในยูเครนขณะนี้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อการสร้างรถถังหลัก Oplot ส่งมอบให้กองทัพบกไทยตามสัญญาการจัดหาจำนวน 49คัน
เราก็ไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าสถานการณ์ในยูเครนจะพัฒนาเป็นสงครามกลางเมืองหรือสงครามระหว่างยูเครนกับรัสเซียหรือไม่
ผลของสงครามอาจจะทำให้ KMDB และโรงงาน Malyshev ถูกทำลาย หรือถ้าไม่ถูกทำลาย Kharkiv ก็อาจจะต้องตกเป็นของรัสเซียเช่นเดียวกับ Crimea หรือไม่
ซึ่งสถานการณ์จะยาวนานเท่าไรและสิ้่นสุดเมื่อไรก็ไม่อาจะทราบได้ แต่ในปัจจุบันยูเครนคงไม่สามารถจะผลิตและส่ง ถ.Oplot ชุดใหม่ได้เร็วๆนี้

แต่ก็เป็นที่น่าแปลกอยู่ว่าถึงจะเกิดวิกฤติภายในยูเครนหลายเดือนต่อเนื่อง แต่อินโดนีเซียก็เพิ่งจะมีการลงนามสัญญาจัดหารถหุ้มเกราะล้อยาง BTR-4 จำนวน 50คันสำหรับหน่วยนาวิกโยธินไปเมื่อช่วงต้นปี 2014นี้เอง
รวมถึงการที่ยูเครนสามารถจัดส่ง Radar ค้นหา 3D แบบ ST68UM ให้เวียดนามได้เมื่อเดือนมีนาคมนี้นั้น
ก็อาจจะกล่าวได้ว่าคงจะเร็วเกินไปที่จะบอกว่าโครงการจัดหารถถังหลัก BM Oplot จะล้มเหลวด้วยที่กองทัพบกไทยจะได้รับมอบรถถังมาเพียง ๕คัน
และในส่วนที่กองทัพบกไทยจำเป็นต้องจัดตั้งโครงการจัดหารถถังหลักแบบใหม่มาแทน Oplot ถ้ายูเครนไม่สามารถส่งมอบให้ได้ตามสัญญาด้วยเช่นกันนั้นก็อาจจะเร็วเกินไปที่สรุปได้เช่นกัน
แต่ถ้าโครงการจัดหา ถ.Oplot ต้องสิ้นสุดลงจริงนั้นก็ไม่ใช่ความผิดของกองทัพบกแต่อย่างใดครับ(ใครจะไปทราบว่ายูเครนจะเกิดวิกฤตการณ์เช่นนี้ขึ้น)
แต่ปัญหาก็มีเช่นกันว่าในสถานการณ์ปัจจุบันของไทยและกองทัพบกเอง กองทัพบกคงจะไม่สามารถตั้งโครงการจัดหารถถังหลักใหม่เพื่อทดแทน M41A3 จำนวน ๒๐๐คันในช่วงอีกหลายปีข้างหน้าได้เช่นกัน
นั่นจะทำให้โครงการปรับกำลังหน่วยทหารม้าของกองทัพบกไทยที่ตั้งแผนไว้สะดุดลงอย่างมากด้วยครับ