วันศุกร์ที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2564

เครื่องบินขับไล่ Tejas อินเดียทดสอบยิงอาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่อากาศ Python-5 อิสราเอล

India test-fires Python 5 AAM from Tejas LCA



India test-fired the Python 5 AAM from a Tejas LCA for the first time on 27 April, according to the PIB. (Via PIB)




I-Derby ER BVRAAM was also test-fired from a Tejas LCA. (Via PIB)







องค์การวิจัยและพัฒนากลาโหมอินเดีย(DRDO: Defence Research and Development Organisation) ของรัฐบาลอินเดีย ได้ดำเนินการทดสอบยิงเป็นครั้งแรก
ของอาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่อากาศ(AAM: Air-to-Air Missile) นำวิถีด้วย infrared(IIR: Imaging Infrared) แบบ Python-5 อิสราเอลจากเครื่องบินขับไล่เบา Tejas LCA(Light Combat Aircraft)(https://aagth1.blogspot.com/2021/01/tejas.html)

แถลงการณ์เมื่อวันที่ 28 เมษายน 2021 โดยสำนักงานสื่อสารสนเทศ(PIB: Press Information Bureau) ของรัฐบาลอินเดียกล่าวว่าการทดสอบนี้ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 27 เมษายน 2021 เหนือ Goa ทางตะวันตกเฉียงใต้ของอินเดีย
ได้มุ่งเป้าที่การเพิ่มขีดความสามารถการใช้อาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่อากาศพิสัยใกล้ยุคที่5 แบบ Python-5 ที่สร้างโดยบริษัท Rafael Advanced Defense Systems อิสราเอลแก่เครื่องบินขับไล่ Tejas LCA

การทดสอบยิงอาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่อากาศ Python-5 เป็นชุดการทดสอบอาวุธปล่อยนำวิถีล่าสุดที่ออกแบบเพื่อรับรองสมรรถนะของเครื่องบินขับไล่ Tejas ภายใต้ "สถานการณ์ต่างๆที่มีความท้าทายถึงขีดสุด" ตามการเน้นโดย PIB อินเดีย
โดยเสริมว่าการทดสอบยิงอาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่อากาศพิสัยยิงนอกระยะสายตา(BVRAAM: Beyond-Visual-Range Air-to-Air Missile) แบบ I-Derby ER(Extended Range) ที่สร้างโดย Rafael อิสราเอลเช่นเดียวกันยังได้รับการทดสอบยิงแล้ว

อาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่อากาศ Derby "บรรลุผลการยิงถูกโดยตรงต่อเป้าบินที่มีความคล่องแคล่วการเคลื่อนที่ที่ความเร็วสูง และอาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่อากาศ Python ยังบรรลุผลการยิงถูกเป้าหมายร้อยละ100
ดั้งนั้นขีดความสามารถของพวกมันได้รับการยืนยันพิสูจน์เสร็จสิ้นแล้ว" PIB อินเดียเน้น โดยเสริมว่าการทดสอบต่าง "ตรงตามวัตถุประสงค์ที่วางแผนไว้ของพวกมันทั้งหมด"

เครื่องบินขับไล่ Tejas LCA ที่ถูกใช้สำหรับการทดสอบอาวุธปล่อยนำวิถีเป็นขององค์การพัฒนาการบินอินเดีย(ADA: Aeronautical Development Agency) และทำการบินโดยนักบินทดสอบกองทัพอากาศอินเดีย(IAF: Indian Air Force) PIB อินเดียกล่าว
PIB อินเดียย้ำว่าการบินทดสอบการติดตั้งอาวุธปล่อยนำวิถีต่างๆที่เข้มงวดเหล่านี้ได้รับการดำเนินการที่ Bengaluru ที่จะประเมินค่าการบูรณาการ Python-5 ระบบอื่นๆบนเครื่องบินขับไล่ Tejas

ระบบบนเครื่องบินขับไล่ Tejas เหล่านี้รวมถึง ระบบ Avionic, radar ควบคุมการยิง(FCR: Fire-Control Radar), ระบบส่งอาวุธปล่อยนำวิถี และระบบควบคุมการบิน(FCS: Flight Control System)
ตามข้อมูลจาก Janes Weapons: Air-Launched อาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่อากาศ Python-5 มีความยาว 3.1m, ปีกกว้าง 0.64m, เส้นผ่าศูนย์กลาง 0.16m และหนัก 105kg และมีพิสัยยิงไกลสุดที่มากกว่า 20km ครับ

วันพฤหัสบดีที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2564

กองทัพเรืออินโดนีเซียตัดประเด็นความผิดพลาดของมนุษย์และน้ำหนักบรรทุกเกินว่าทำให้เรือดำน้ำ KRI Nanggala 402 จมมีผู้เสียชีวิต 53นาย

Indonesian Navy rules out human error, overloading as factors in submarine sinking



KRI Nanggala seen here was declared sunk in the Bali Sea on 25 April. (Alex Widojo/Anadolu Agency/Getty Images)





กองทัพเรืออินโดนีเซีย(Indonesian Navy, TNI-AL: Tentara Nasional Indonesia-Angkatan Laut) ได้ตัดประเด็นความผิดพลาดของมนุษย์และหักล้างข้อสังเกตว่าการบรรทุกกำลังพลมากว่าที่เรือออกแบบไว้
เป็นปัจจัยที่ทำให้เรือดำน้ำโจมตีดีเซล-ไฟฟ้า(SSK) ชั้น Cakra(Type 209/1300) คือเรือดำน้ำ KRI Nanggala หมายเลขเรือ 402 จม ณ เวลาที่เรือหายสาบสูญไป(https://aagth1.blogspot.com/2021/04/kri-nanggala-402.html)

เรือดำน้ำ KRI Nanggala 402 ถูกรายงานครั้งแรกว่าหายสาบสูญเมื่อวันที่ 21 เมษายน 2021 ขณะเตรียมการสำหรับภารกิจฝึกยิง Torpedo ในทะเล Bali
และเรือได้ถูกค้นพบว่าจมที่ความลึกประมาณ 830m เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2021 หรือสี่วันให้หลัง กำลังพลที่ประจำในเรือทั้งหมดถูกประกาศโดยกองทัพเรืออินโดนีเซียว่าเสียชีวิต

จากนั้นการประกาศชื่อลูกเรือได้เปิดเผยว่ามีกำลังพลจำนวน 53นายบนเรือดำน้ำ KRI Nanggala 402 ในเวลาที่เรือหายไป รวมถึงเจ้าหน้าที่ที่ไม่ใช้กำลังพลประจำเรือ ท่ามกลางรายชื่อกำลังพลที่ถูกแสดงขึ้นเหล่านี้
รวมถึง นาวาเอก Harry Setiawan ผู้บังคับการหมวดเรือดำน้ำ กองเรือภาคที่2(2nd Fleet, Armada II) กองทัพเรืออินโดนีเซีย ผู้ซึ่งอยู่บนเรือเพื่อเป็นพยานการฝึกยิง torpedo ที่ควรจะมีขึ้นในวันที่ 21 เมษายน 2021 ด้วย

ตามข้อมูลจาก Janes Fighting Ships ที่ระบุว่าเรือดำน้ำชั้น Cakra มีกำลังพลทั้งหมด 34นาย รวมนายทหารสัญญาบัตร 6นาย Janes ได้รายงานเมื่อวันที่ 23 เมษายน 2021 ว่า
เรือดำน้ำ KRI Nanggala 402 ได้บรรทุกกำลังพลไปกับเรือจำนวนมากกว่าที่เรือได้รับการออกแบบไว้(https://aagth1.blogspot.com/2021/04/kri-nanggala-402-bali.html)

สองวันต่อมาคือวันที่ 25 เมษายน 2021 พลตรี Tubagus Hasanuddin อดีตนายทหารกองทัพบกอินโดนีเซีย(Indonesian Army, TNI-AD: Tentara Nasional Indonesia-Angkatan Darat)
ซึ่งปัจจุบันได้รับการเลือกตั้งเป็นสมาชิกคณะกรรมการกลาโหม, ข่าวกรอง และการต่างประเทศ ของสภาผู้แทนราษฏรอินโดนีเซีย(Komisi I) ได้แสดงข้อสังเกตของตนเกี่ยวกับสาเหตุการจมของเรือดำน้ำกับสื่ออินโดนีเซีย

พลตรี Hasanuddin กล่าวว่าเรือดำน้ำ KRI Nanggala ที่ได้รับการปรับปรุงโดยบริษัท Daewoo Shipbuilding & Marine Engineering(DSME) สาธารณรัฐเกาหลีในปี 2012 นั้นอาจจะไม่ได้รับการดำเนินการอย่างถูกต้อง
เขาระบุว่าหลังจากที่เรือดำน้ำ KRI Nanggala 402 ได้รับการปรับปรุงโดย DSME สาธารณรัฐเกาหลี เรือได้ประสบความล้มเหลวในการทดสอบยิง torpedo ซึ่งครั้งนั้นมีผู้เสียชีวิต 3นาย

พลตรี Hasanuddin ยังระบุอีกว่าเรือยังบรรทุกกำลังพลเกินจำนวนประจำเรือปกติคือ 53นายขณะที่เรือจม เขาแนะนำให้กองทัพเรืออินโดนีเซียปลดประจำการเรือดำน้ำชั้น Cakra ลำแรกที่ยังเหลืออยู่คือเรือดำน้ำ KRI Cakra 401
อย่างไรก็ตาม พลเรือเอก Yudo Margono ผู้บัญชาการกองทัพเรืออินโดนีเซียได้ปฏิเสธประเด็นข้อสังเกตดังกล่าว โดยระบุว่าเรือดำน้ำ KRI Nanggala 402 มีความพร้อมรบและประสบความสำเร็จในการยิง Torpedo มาตลอดในหลายการฝึกครับ

วันพุธที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2564

การควบคุมความเสียหายที่ล้มเหลวเป็นสาเหตุการจมของเรือฟริเกตชั้น Fridtjof Nansen F313 KNM Helge Ingstad นอร์เวย์

Report finds that damage control failures led to sinking of RNoN frigate







The Norwegian frigate HNoMS Helge Ingstad takes on water after colliding with the tanker Sola TS on 8 November 2018 in the Hjeltefjord near Bergen. (MARIT HOMMEDAL/AFP via Getty Images)

รายงานที่สองเกี่ยวกับสภาพการณ์ที่นำไปสู่การสูญเสียเรือฟริเกตชั้น Fridtjof Nansen คือเรือฟริเกต F313 KNM Helge Ingstad ของกองทัพเรือนอร์เวย์(Royal Norwegian Navy, Sjøforsvaret) ได้มีข้อสรุปว่า
เรือน่าจะถูกรักษาไว้ได้ถ้าลูกเรือได้รับการฝึกในขั้นตอนการควบคุมความเสียหายที่ดีมากว่านี้ และและคุ้นเคยกับคุณลักษณะด้านความมีเสถียรภาพของเรือมากกว่านี้

ข้อแนะนำด้านความปลอดภัยทั้งหมด 28ข้อที่มีขึ้นโดยหน่วยงานสอบสวนด้านความปลอดภัยนอร์เวย์(NSIA: Norwegian Safety Investigation Authority) ส่วนใหญ่มุ่งตรงไปที่กองทัพเรือนอร์เวย์และสำนักงานยุทโธปกรณ์กลาโหมนอร์เวย์(Norwegian Defence Material Agency)
ข้อแนะนำเหล่านี้รวมถึงมาตรการที่จะแก้ไขข้อบกพร่งในการฝึก, การจัดการองค์กร, สิ่งอุปกรณ์, การจัดเอกสาร, ขั้นตอน และการประกันภัย

เรือฟริเกตชั้น F310 Fridtjof Nansen 4ลำจาก 5ลำถูกส่งมอบให้กองทัพเรือนอร์เวย์โดยบริษัท Navantia สเปนผู้สร้างเรือในช่วงระหว่างปี 2006-2011
เรือฟริเกต F313 KNM Helge Ingstad ได้รับความเสียหายอย่างหนักที่กราบขวาของเรือ หลังเรือโดนกันกับเรือบรรทุกน้ำมัน Sola TS สัญชาติมอลตา ใน Hjeltefjorden เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2018

เรือฟริเกต F313 KNM Helge Ingstad ที่มีอายุประจำการการ 9ปีได้เกยตื้น แต่ตัวตัวเรือได้พลิกตะแคงลอยและจมลงในเขตน้ำตื้น แม้ว่าจะมีการกู้เรือตามมา
แต่เรือฟริเกต F313 KNM Helge Ingstad ถูกพบว่ามีค่าใช้จ่ายเกินกว่าที่จะซ่อมอย่างประหยัดได้ และตอนนี้เรือกำลังได้รับการถูกแยกชิ้นส่วนแล้ว(https://aagth1.blogspot.com/2021/01/fridtjof-nansen-f313-knm-helge-ingstad.html)

รายงานแรกในการสอบสวนสาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุได้ถูฏเผยแพร่ในเดือนพฤศจิกายน 2019 รายงานที่สองที่มีขึ้นตามมานี้ถูกเผยแพร่โดย NSIA นอร์เวย์เมื่อวันที่ 21 เมษายน 2021
ได้สอบสวนลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายหลังจากที่เรือโดนกันที่นำไปสู่การเกยตื้นและต่อเนื่องด้วยการจมลงของเรือฟริเกต F313 KNM Helge Ingstad

ตามรายงานจาก NSIA นอร์เวย์ การโดนกันกับเรือบรรทุกน้ำมัน Sola TS มีผลทำให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงกับเรือฟริเกต F313 KNM Helge Ingstad 
โดยเรือได้รับความเสียหายเกินกว่าที่ Navantia สเปนผู้สร้างเรือออกแบบไว้ให้รองรับ และไม่ได้มีข้อแนะนำใดๆสำหรับสถานการณ์ลักษณะนี้แก่ผู้สร้างเรือ

"ถ้าลูกเรือได้รับการฝึกที่ดีกว่านี้ พวกเขาจะความเข้าใจว่าช่วยเรือไว้ได้อย่างไรมากกว่านี้...พวกเขาไม่เข้าใจว่าระบบต่างๆยังคงทำงานอยู่" รายงานของ NSIA นอร์เวย์กล่าว
รายงานยังให้ข้อสังเกตว่า ลูกเรือได้ทำการสละเรือโดยไม่ได้ปิดประตู ฝาปิดเปิด และสิ่งที่เปิดปิดได้ต่างๆที่จะรักษาเสถียรภาพของเรือและทำให้เรือลอยอยู่ได้เพื่อหลีกเลี่ยงการพลิกตะแคงและจมลงครับ

วันอังคารที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2564

สหรัฐฯอนุมัติความเป็นไปได้การขายอากาศยานไร้คนขับ MQ-9B UAV พร้อมอาวุธแก่ออสเตรเลีย

US approves potential sale of up to 12 weapons-ready MQ-9B UAVs to Australia



The DSCA announced on 23 April that the US State Department has approved a potential USD1.65 billion sale to Australia of up to 12 weapons-ready MQ-9B UAVs, along with related equipment and services. (GA-ASI)





กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯได้อนุมัติความเป็นไปได้ในการขายรูปแบบ Foreign Military Sale(FMS) วงเงิน $1.65 billion แก่ออสเตรเลีย
สำหรับอากาศยานไร้คนขับเพดานบินปานกลางระยะทำการนาน(MALE/HALE UAV: Medium/High-Altitude Long-Endurance Unmanned Aerial Vehicle) แบบ MQ-9B จำนวน 12ระบบ พร้อมอาวุธ, อุปกรณ์ และการบริการที่เกี่ยวข้อง
สำนักงานความร่วมมือความมั่นคงกลาโหมสหรัฐฯ(DSCA: Defense Security Cooperation Agency) ได้ประกาศเมื่อวันที่ 23 เมษายน 2021 ว่า รัฐบาลออสเตรเลียได้ร้องขอที่จะจัดซื้ออากาศยานไร้คนขับ UAV ซึ่งสร้างโดยบริษัท General Atomics Aeronautical Systems Inc

ควบคู่ไปกับระบบชี้เป้าหมายแบบ Raytheon Multi-Spectral Targeting Systems-D(MTS-D) จำนวน 15ระบบ, radar แบบ Lynx AN/APY-8 Synthetic Aperture Radar(SAR) จำนวน 16ระบบซึ่งมีคุณสมบัติการสร้างภาพภูมิประเทศและระบุเป้าหมายที่กำลังเคลื่อนที่,
ระบบสื่อสารข่าวกรองแบบ Rio จำนวน 15ระบบ และระบบนำร่องดาวเทียม/inertial แบบ EGI(Embedded Global Positioning Systems/Inertial Navigation System) โดยพร้อมเลือก module ป้องกันการปลอมแปลง(anti-spoofing) ได้จำนวน 36ระบบ
ข้อเสนอการการขายซึ่งยังคงจำเป็นต้องได้รับการอนุมัติจากสภา Congress สหรัฐฯ ยังรวมถึงชุดหางของระเบิดนำวิถีดาวเทียม JDAM(Joint Direct Attack Munition) แบบ KMU-572 สำหรับระเบิดขนาด 500lbs จำนวน 6ชุด,

กลุ่มแพนอากาศ(airfoil) แบบ MXU-650 สำหรับระเบิดนำวิถี Laser แบบ GBU-12 Paveway II ขนาด 500lbs จำนวน 4ชุด, กลุ่มแพนอากาศแบบ MXU-1006 สำหรับระเบิดนำวิถี Laser แบบ GBU-58 Paveway II ขนาด 250lbs จำนวน 7ชุด,
กลุ่ม computer ควบคุม(Computer Control Group) แบบ MAU-169 sinv MAU-209 สำหรับระเบิดนำวิถี Laser แบบ GBU-58/GBU-12 Paveway II 250lbs/500lbs จำนวน 4ชุด, ระบบชนวนแบบ FMU-139 จำนวน 6ระบบ, 
ลูกระเบิดทำลายแบบ Mk 82 ขนาด 500lbs จำนวน 12ลูก และชุดโทรมาตร(telemetry module) ขนาดกะทัดรัดย่านความถี่สูง จำนวน 5ระบบ ตามข้อมูลจาก DSCA สหรัฐฯ

ความเป็นไปได้ในการขายจะตรงความต้องในการเพิ่มขีดความสามารถในปัจจุบันและอนาคตของกองทัพอากาศออสเตรเลีย(RAAF: Royal Australian Air Force)
ทั้งภารกิจข่าวกรอง, ตรวจการณ์ และลาดตระเวน(ISR: Intelligence, Surveillance, and Reconnaissance), การกำหนดเป้าหมาย, การค้นหาเรือดำน้ำ และการต่อต้านเป้าหมายภาคพื้นดินและเป้าหมายผิวน้ำในทะเล
ขีดความสามารถการใช้งานทางทะเลที่ถูกระบุโดยเอกสารการแจ้งประกาศของ DSCA ทำให้มีความเป็นไปได้ว่ารุ่นที่ถูกเสนออาจจะเป็นอากาศยานไร้คนขับ MQ-9B SeaGuardian ครับ

วันจันทร์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2564

จีนประจำการเรืออู่ยกพลขึ้นบกบรรทุกเฮลิคอปเตอร์ชั้น Type 075 ลำแรก LHD-31 Hainan พร้อมเรือพิฆาต Type 055 และเรือดำน้ำนิวเคลียร์ติดขีปนาวุธ Type 094

China Commissions a Type 055 DDG, a Type 075 LHD and a Type 094 SSBN in a Single Day



Type 075 LHD Hainan (31). Note the many Changhe Z-18 helicopters on deck.






From left to right: A Jin-class SSBN, a Type 055 DDG and a Type 075 LHD joining the PLAN fleet on the same day.





น่าจะเป็นครั้งแรกที่สาธารณรัฐประชาชนจีนได้ขึ้นระวางประจำการเรือรบหลักสามชั้นสามลำสำหรับกองทัพเรือปลดปล่อยประชาชนจีน(PLAN: People’s Liberation Army Navy) ในวันเดียวกัน
คือเรืออู่ยกพลขึ้นบรรทุกเฮลิคอปเตอร์ชั้น Type 075(NATO รหัสชั้น Yushen) ลำแรก LHD-31 Hainan, เรือพิฆาตชั้น Type 055(NATO รหัสชั้น Renhai) ลำที่สาม DDG-105 Dalian, และเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ติดขีปนาวุธชั้น Type 094(NATO รหัสชั้น Jin) Long March 18 หมายเลข 421

พิธีขึ้นระวางประจำการเรือใหม่ทั้งสามลำมีขึ้นเมื่อวันที่ 23 เมษายน 2021 ณ ฐานทัพเรือใน Sanya เกาะ Hainan โดยมีประธานาธิบดีสาธารณรัฐประชาชนจีน Xi Jinping เป็นประธาน
ครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่เรือที่เข้าประจำการในวันเดียวกันมีระวางขับน้ำรวมกันมากกว่า 70,000 tonnes ตรงกับการครบรอบการก่อตั้งกองทัพเรือปลดปล่อยประชาชนจีนปีที่72

เรืออู่ยกพลขึ้นบกบรรทุกเฮลิคอปเตอร์(LHD: Landing Helicopter Dock) ชั้น Type 075 ลำแรก LHD-31 Hainan ถูกปล่อยลงน้ำเมื่อเดือนกันยายน 2019(https://aagth1.blogspot.com/2019/09/type-075-lhd.html)
และเริ่มต้นการทดลองเรือในทะเลในเดือนสิงหาคม 2020(https://aagth1.blogspot.com/2020/08/type-075-lhd.html) อู่เรือ Hudong Zhonghua ในมหานคร Shanghai ได้ปล่อยเรือ LHD ชั้น Type 075 แล้ว 2ลำ

โดยเรืออู่ยกพลขึ้นบกบรรทุกเฮลิคอปเตอร์ชั้น Type 075 ลำที่สองถูกปล่อยลงน้ำในเดือนเมษายน 2020 และเริ่มต้นการทดลองเรือในทะเลในเดือนธันวาคม 2020
เรืออู่ยกพลขึ้นบกบรรทุกเฮลิคอปเตอร์ชั้น Type 075 ลำที่สามถูกปล่อยลงน้ำในเดือนมกราคม 2021 นี้ นี่เป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นว่าจีนสามารถปล่อยเรือชั้น Type 075 LHD ลงน้ำได้ที่อัตรา 1ลำทุกๆ 6เดือน

กองทัพเรือปลดปล่อยประชาชนจีนระบุว่าได้เริ่มงานพัฒนาเรืออู่ยกพลขึ้นบกบรรทุกเฮลิคอปเตอร์ชั้น Type 075 ในปี 2011 โดยถูกเรียกว่าโครงการเรือบรรทุกเฮลิคอปเตอร์ ที่มีระวางขับน้ำมากว่า 30,000 tonnes
น่าจะมีวัตถุประสงค์เพื่อมุ่งเป้าที่การเพิ่มขีดความสามารถการยกพลขึ้นบกจู่โจม "ทางดิ่ง" ต่อพื้นที่ที่เป็นภูเขาจำนวนมากทางชายฝั่งตะวันออกของเกาะ Taiwan ในแนวคิด

เรืออู่ยกพลขึ้นบกบรรทุกเฮลิคอปเตอร์ชั้น Type 075 LHD คาดว่าจะมีระวางขับน้ำที่ราว 36,000 tonnes สามารถบรรทุกเฮลิคอปเตอร์ได้ 28เครื่อง ติดตั้งเครื่องยนต์ดีเซล 16PC2-6B กำลัง 12,000kW
ระบบป้องกันระยะประชิด(CIWS: Close-In Weapon System) ปืนใหญ่กลสิบเอ็ดลำกล้องหมุน H/PJ-11 ขนาด 30mm สองแท่น, อาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่อากาศพิสัยใกล้ HQ-10 สองแท่น

เรืออู่ยกพลขึ้นบกบรรทุกเฮลิคอปเตอร์ชั้น Type 075 ลำแรกถูกสร้างเป็นไปตามกำหนดเวลา(นี่กลายเป็นบรรทัดฐานในปัจจุบันสำหรับการต่อเรือของจีนที่รวดเร็วมากที่หาผู้ใดเทียบได้)
Type 075 จำนวนรวม 8ลำถูกกล่าวว่าได้รับการสั่งจัดหาสำหรับกองทัพเรือปลดปล่อยประชาชนจีน ขณะทีมีข่าวลือว่าเรือรุ่นขนาดใหญ่กว่าได้รับการวางแผนแล้ว(อาจจะชื่อชั้น Type 076)

เรือพิฆาต DDG-105 Dalian เป็นเรือพิฆาตชั้น Type 055 ลำที่สามของชั้น โดยเรือลำแรกของชั้นเรือพิฆาต DDG-101 Nanchang เข้าประจำการเมื่อวันที่ 12 มกราคม 2020(https://aagth1.blogspot.com/2020/01/type-055-ddg-101-nanchang.html)
ขณะที่เรือพิฆาตชั้น Type 055 ลำที่สองเรือพิฆาต DDG-102 Lasa(หรือสะกดได้อีกว่า Lhasa) เข้าประจำการในกองทัพเรือปลดปล่อยประชาชนจีนเมื่อเดือนมีนาคม 2021

เรือพิฆาตชั้น Type 055 เป็นเรือรบผิวน้ำที่มีขนาดใหญ่ที่สุดที่เคยสร้างในโลก โดยมีความยาวเรือ 180m, กว้าง 20m และกินน้ำลึก 6.6m มีระวางขับน้ำเต็มที่ราว 13,000 tonnes
เปรียบเทียบกับเรือลาดตระเวนชั้น Ticonderoga และเรือพิฆาตชั้น Arleigh Burke Flight III ของกองทัพเรือสหรัฐฯ(USN: US Navy) ที่มีระวางขับน้ำราว 9,800 tonnes และเรือพิฆาตชั้น Type 45 กองทัพเรือสหราชอาณาจักร(RN: Royal Navy) ที่มีระวางขับน้ำราว 8,500 tonnes
กองทัพเรือปลดปล่อยประชาชนจีนกำหนดแบบเรือพิฆาตชั้น Type 055 ของตนเป็น "เรือพิฆาตชั้น 10,000 tonnes" ขณะที่กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯได้เรียกเรือชั้นนี้ของจีนเป็น "เรือลาดตระเวน" ตั้งแต่ปี 2017

เรือพิฆาต DDG-101 Nanchang ลำแรกของชั้่นถูกปล่อยเรือลงน้ำเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2017 ที่อู่เรือ Jiangnan Changxing ในมหานคร Shanghai เรือพิฆาต DDG-102 Lasa ลำที่สองของชั้นถูกปล่อยลงน้ำในเดือนเมษายน 2018 ที่อู่เรือเดียวกัน
เรือพิฆาต DDG-105 Dalian ลำที่สามของชั้นถูกปล่อยลงน้ำที่อู่เรือ Dalian ในมณฑล Liaoning พร้อมกับเรือลำที่4 ในเดือนกรกฎาคม 2018, อีก 2ลำถูกปล่อยลงน้ำที่อู่เรือ Jiangnan และอู่เรือ Dalian ในเดือนกันยายน 2019 และธันวาคม 2019 ตามลำดับ
เรืออีก 2ลำถูกปล่อยลงน้ำในปี 2020 โดยลำล่าสุดถูกปล่อลงน้ำที่อู่เรือ Dalian ในเดือนสิงหาคม 2020 รวมมีเรือพิฆาตชั้น Type 055 ถูกสร้างปล่อยลงน้ำแล้วรวม 8ลำ

ระบบอาวุธปัจจุบันของเรือพิฆาตชั้น Type 055 รวมถึง ปืนเรือ H/PJ-38 ขนาด 130mm, แท่นยิงแนวดิ่ง VLS(Vertical Launch System) 112ท่อยิง, แท่นยิง Torpedo เบาปราบเรือดำน้ำ Yu-7 ขนาด 324mm
ระบบป้องกันระยะประชิดปืนใหญ่กลสิบเอ็ดลำกล้องหมุน H/PJ-11 30mm, อาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่อากาศพิสัยใกล้ HQ-10 แท่นยิง 24นัด และแท่นยิงเป้าลวงแบบต่างๆ

แท่นยิง VLS บนเรือพิฆาตชั้น Type 055 บนเรือถูกแบ่งเป็นชุด 64ท่อยิงที่ส่วนหน้าของเรือ และชุด 48ท่อยิงที่ส่วนท้ายของเรือหน้าโรงเก็บเฮลิคอปเตอร์ท้ายเรือซึ่งรองรับ ฮ.ได้ 2เครื่อง
แท่นยิง VLS เป็นแบบเดียวกับที่ติดในเรือพิฆาตชั้น Type 052D ที่รองรับการยิงอาวุธปล่อยนำวิถีแบบ hot launch และ cold launch ด้วยแนวคิดแท่นยิงชุดบรรจุ Concentric Canister Launcher(CCL) 

กองทัพเรือปลดปล่อยประชาชนจีนวางแผนที่จะติดตั้งเรือพิฆาตชั้น Type 055 ชุดแรกเพียงไม่กี่ลำด้วยอาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่อากาศ HHQ-9B ระยะยิง 200km อาวุธปล่อยนำวิถีต่อต้านเรือผิวน้ำ YJ-18A, 
อาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่อากาศพิสัยกลางใหม่ และอาวุธปล่อยนำวิถีร่อนโจมตีภาคพื้นดินใหม่ ในทางปฏิบัติระบบเหล่านี้ถูกพบติดตั้งกับเรือพิฆาตชั้น Type 052D แล้ว เรือพิฆาตชั้น Type 055 ยังน่าจะติดตั้งอาวุธปล่อยนำวิถีต่อต้านเรือดำน้ำ Yu-8A ใหม่ด้วย

เรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ติดขีปนาวุธ(SSBN) ชั้น Type 094(ยังรู้จักในชื่อเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ติดขีปนาวุธชั้น ) ชื่อ Changzheng 18 (Long March 18) หมายเลขเรือ 421 น่าจะเป็นเรือลำที่6 หรือลำที่7 ของชั้นที่ประจำการในกองทัพเรือปลดปล่อยประชาชนจีน
เรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ติดขีปนาวุธชั้น Type 094 ควายาวเรือ 135m ลำแรกถูกนำเข้าประจำการในปี 2007 ติดตั้งขีปนาวุธยิงจากเรือดำน้ำ(SLBM: Submarine-Launched Ballistic Missile) แบบ JL-2 12นัด มีพิสัยยิงไกล 7,400km ครับ(https://aagth1.blogspot.com/2020/04/type-094.html)

วันอาทิตย์ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2564

ระบบสื่อสารโทรศัพท์ใต้น้ำที่ขัดข้องขัดขวางการกู้ภัยเรือดำน้ำเรือดำน้ำ KRI Nanggala 402 อินโดนีเซีย

Communications malfunction hampers rescue of missing Indonesian submarine



KRI Nanggala seen here during a sail pass off Surabaya in 2014. The boat was reported as missing on 21 April. (Alex Widojo/Anadolu Agency/Getty Images)







ความพยายามจากนานาชาติที่จะค้นหาที่ตั้งและกู้ภัยลูกเรือของเรือดำน้ำโจมตีดีเซล-ไฟฟ้า(SSK) ชั้น Cakra(Type 209/1300) ของกองทัพเรืออินโดนีเซีย(Indonesian Navy, TNI-AL: Tentara Nasional Indonesia-Angkatan Laut) 
คือเรือดำน้ำ KRI Nanggala หมายเลขเรือ 402 ที่หายสาบสูญไป(https://aagth1.blogspot.com/2021/04/kri-nanggala-402-bali.html) ได้ถูกขัดขวางระบบสื่อสารที่ขัดข้องภายในตัวเรือ

เรือดำน้ำ KRI Nanggala 402 ได้ถูกรายงานว่าหายสาบสูญไป และได้ถูกถือว่าตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายร้ายแรงหลังจากที่ขาดการติดต่อรายงานตามที่วางกำหนดการไว้กับกองทัพเรืออินโดนีเซีย
ที่เวลาประมาณ 0300 (ตามเวลาท้องถิ่น) เมื่อวันที่ 21 เมษายน 2021 ขณะที่เรือดำน้ำได้กำลังเตรียมการสำหรับปฏิบัติการฝึกยิงอาวุธ Torpedo ในทะเล Bali

Janes ได้รับการยืนยันโดยแหล่งข่าวสองรายภายในกองทัพเรืออินโดนีเซียว่า ระบบโทรศัพท์ใต้น้ำ(UWT: Underwater Telephone) หลายความถี่ของเรือดำน้ำ KRI Nanggala ได้มีข้อขัดข้องตลอดปฏิบัติการฝึกนี้ 
และนั้นทำให้เรือดำน้ำ KRI Nanggala ต้องทำการติดต่อกลับผ่านคลื่นวิทยุทางเรือย่านความถี่ VHF และ UHF สำหรับการสื่อสารที่จำเป็นขณะที่เรือลอยลำอยู่ผิวน้ำ

"การขาดระบบโทรศัพท์ใต้น้ำนี้ขัดขวางเรือดำน้ำจากการสื่อสารกับกองกำลังบนผิวน้ำ และนี่เป็นการขัดขวางความพยายามของเราถ้าจะลงมือในตอนต้นเท่าที่จะทำได้
เพื่อจะช่วยเหลือลูกเรือที่ประสบภัยในช่วงความพยายามที่จะกู้ภัย" หนึ่งในแหล่งข่าวกล่าว ซึ่งเขาพูดในสถานะที่ไม่เป็นที่เปิดเผยตัวตน

แหล่งข่าวยังร้องขออีกว่า รายละเอียดเพิ่มเติมต่างๆเกี่ยวกับระบบสื่อสารต่างๆเหล่านี้จะถูกละเว้นตามที่จะไม่มีการผ่อนปรนการรักษาความลับของอุปกรณ์ที่ติดตั้งบนเรือพี่สาวของเรือดำน้ำ KRI Nanggala คือเรือดำน้ำ KRI Cakra 401 ซึ่งเป็นเรือดำน้ำลำแรกของชั้น
เรือดำน้ำชั้น Cakra ทั้งสองลำถูกสร้างโดยเยอรมนีและเข้าประจำการในกองทัพเรืออินโดนีเซียตั้งแต่ปี 1981 และได้รับการปรับปรุงโดยบริษัท Daewoo Shipbuilding & Marine Engineering(DSME) สาธารณรัฐเกาหลีในปี 2012

การดำเนินการช่วยเหลือที่ได้รับการพิจารณาโดยกองทัพเรืออินโดนีเซียรวมถึงการนำกระเปาะพยุงชีพฉุกเฉินตัวถัง aluminium มาติดเข้ากับตัวเรือดำน้ำ
กระเปาะพยุงชีพดังกล่าวจะถูกส่งไปยังเรือดำน้ำผ่านยานใต้น้ำควบคุมจากระยะไกล(ROV: Remotely Operated Vehicle) จากเรือสำรวจ KRI Rigel 933 ครับ

วันเสาร์ที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2564

KAI เกาหลีใต้เตรียมการพัฒนาโรงงานอัจฉริยะสำหรับเครื่องบินขับไล่ KF-21

KAI prepares smart factory for KF-21 fighter





Korea Aerospace Industries (KAI) have announced plans to set up a ‘smart manufacturing’ facility to support the production of the KF-21 fighter aircraft, which was unveiled earlier in April. (DAPA)

บริษัท Korea Aerospace Industries(KAI) สาธารรัฐเกาหลีกำลังวางแผนที่จะพัฒนา 'โรงงานอัจฉริยะ' ใหม่ที่จะสนับสนุนการผลิตเครื่องบินขับไล่ KF-21 Boramae ใหม่ของตน
ในการยื่นเรื่องต่อตลาดหลักทรัพย์เกาหลีเมื่อวันที่ 22 เมษายน 2021 บริษัท KAI กล่าวว่าตนจะลงทุนวงเงิน 98.5 billion($88 million) ตลอดระะเวลา 5ปีข้างหน้าที่จะถึงเพื่อที่จะจัดตั้ง
"ระบบการผลิตอัจฉริยะบนพื้นฐานการปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่4(4th Industrial Revolution) วิทยาการ digital" รวมถึงปัญญาประดิษฐ์(AI: Artificial Intelligence) และการวิเคราะห์ข้อมูลมหัต(big data analytics)

กล่าวได้ว่าโรงงานอัจฉริยะจะถูกนำใช้ตลอดในหลายๆโครงการ หนึ่งในภาคส่วนที่มุ่งเน้นขั้นต้นคาดว่าจะเป็นการผลิตชิ้นส่วนประกอบและโครงสร้างสำหรับเครื่องบินขับไล่ KF-21 เครื่องต้นแบบ
ซึ่ง KAI สาธารณรัฐเกาหลีได้เปิดตัวในต้นเดือนเมษายนที่ผ่านมาภายใต้โครงการ Korean Fighter eXperimental(KF-X)(https://aagth1.blogspot.com/2021/04/kf-21-boramae.html)
KAI ยังคาดว่าการบูรณาการโรงงานเข้ากับระบบสภาพแวดล้อมการผลิตอัตโนมัติขนาดใหญ่ภายในภาคอุตสาหกรรมการบินของเกาหลีใต้ KAI กล่าวว่าตนจะมอบความช่วยเหลือแก่ผู้จัดส่งในการการจัดตั้งกระบวนการเช่นเดียวกัน

KAI กล่าวว่าโรงงานจะมีแบบแผนบางส่วนจาก 'โรงงาน A350' ของตนซึ่งเปิดในปี 2010 ณ สำนักงานใหญ่ของ KAI ในเมือง Sacheon จังหวัด South Gyeongsan เพื่อสนับสนุนการผลิคเครื่องโดยสายไอพ่น Airbus
โรงงานนี้จะมีคุณสมบัติสายการผลิตอัตโนมัติ และได้รับผลงานความน่าเชื่อถือด้วยการลดกรอบระยะเวลาการผลิตโครงสร้างอากาศยานเครื่องบินโดยสาร Airbus A350 ลงร้อยละ66
KAI ยังกล่าวว่าโรงงานจะสนับสนุนความพยายามของตนที่จะเพิ่มขยายขีดความสามารถในการแข่งขันของผลิตภัณฑ์ของตนในตลาดส่งออกด้วย

การให้ความเห็นต่อโรงงานอากาศยานใหม่ เจ้าหน้าที่ KAI ที่ถูกอ้างคำพูดโดยสื่อเกาหลีใต้กล่าวว่า "เราจะเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานสูงสุดโดยการนำระบบการผลิตอัจฉริยะมาใช้
ที่ผสมผสานงาน digital และการวิเคราะห์ในหลายภาคส่วน อย่างเช่น การผลิต, การจัดการขั้นตอน, วิทยาการ, การจัดซื้อ และการควบคุมคุณภาพ"
KAI ได้เริ่มต้นงานประกอบสร้างเครื่องบินขับไล่ KF-21 เครื่องต้นแบบเครื่องที่สองและเครื่องที่สามแล้วโดยคาดว่าจะเสร็จสิ้นในปี 2021 ตามแผนที่จะสร้างเครื่องต้นแบบรวม 6เครื่องครับ

วันศุกร์ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2564

เรือดำน้ำ KRI Nanggala 402 กองทัพเรืออินโดนีเซียหายไปในทะเล Bali ระหว่างการฝึก

Update: Indonesian Navy submarine missing in Bali Sea



Indonesian SSK KRI Nanggala , seen here in a file photo, was reported missing in the Bali Sea on 21 April. (TNI-AL)



เรือดำน้ำโจมตีดีเซล-ไฟฟ้า(SSK) ชั้น Cakra(Type 209/1300) ของกองทัพเรืออินโดนีเซีย(Indonesian Navy, TNI-AL: Tentara Nasional Indonesia-Angkatan Laut)
คือเรือดำน้ำ KRI Nanggala หมายเลขเรือ 402 ได้ถูกรายงานว่าหายสาบสูญ และความพยายามที่จะค้นหาเรือและกู้ภัยลูกเรือกำลังได้รับดำเนินการในขณะนี้

แหล่งข่าวในกองทัพเรืออินโดนีเซียบอกกับ Janes ว่า เรือดำน้ำ KRI Nanggala 402(https://aagth1.blogspot.com/2021/04/natuna.html) ได้ถูกถือว่าตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายร้ายแรง
หลังจากที่ขาดการติดต่อรายงานตามที่วางกำหนดการไว้กับกองทัพเรืออินโดนีเซียที่เวลาประมาณ 0300 (ตามเวลาท้องถิ่น) เมื่อวันที่ 21 เมษายน 2021

หลังจากนั้น กองทัพเรืออินโดนีเซียได้ส่งคำขอร้องความช่วยเหลือแก่สำนักงานประสานงานการหลบหนีและกู้ภัยเรือดำน้ำนานาชาติ(ISMERLO: International Submarine Escape and Rescue Liaison Office)
เมื่อเวลาประมาณ 0937 เพื่อรายงานกาหายสาบสูญของเรือดำน้ำ KRI Nanggala โดยตั้งข้อสันนิษฐานว่าเรือดำน้ำได้จมลงแล้ว

เรือดำน้ำ KRI Nanggala เป็นที่เชื่อว่าได้หายสาบสูญที่บริเวณราว 26.5 nmi ทางตะวันตกเฉียงเหนือนอกชายฝั่งเมือง Singaraja บนเกาะ Bali อินโดเซีย
Janes เข้าใจว่า เรือดำน้ำ KRI Nanggala ได้เดินเรือไปที่บริเวณดังกล่าวเพื่อทำการฝึกยิง Torpedo ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการฝึกการใช้อาวุธของกองทัพเรืออินโดนีเซีย

กองทัพเรืออินโดนีเซียได้ส่งเรือหลายลำไปยังพื้นที่เพื่อช่วยค้นหาเรือดำน้ำที่หายไปร่วมถึงเรืออุกศาสตร์ KRI Rigel 933 เรืออื่นๆที่ขณะนี้อยู่ในการที่เกิดเหตุรวมถึง
เรือคอร์เวตชั้น Fatahillah คือ KRI Fatahillah 361, เรือคอร์เวตชั้น Bung Tomo คือ KRI Bung Tomo 357 และเรือคอร์เวตชั้น Kapitan Pattimura คือ KRI Teuku Umar 385

เรือดำน้ำ KRI Nanggala 402 เป็นเรือดำน้ำที่สร้างโดยเยอรมนีและเข้าประจำการในกองทัพเรืออินโดนีเซียตั้งแต่ปี 1981 เป็นเรือดำน้ำชั้น Cakra ลำที่สองของชั้นต่อจากเรือลำแรกของชั้นคือ KRI Cakra 401
เรือดำน้ำชั้น Cakra มีความยาวเรือ 60m มีระวางขับน้ำ 1,400 tonnes เมื่อดำอยู่ใต้น้ำ ระบบอาวุธท่อยิง Torpedo หนักขนาด 533mm จำนวน 8ท่อยิง พร้อม Torpedo หนัก 533mm แบบ SUT จำนวน 14นัดครับ

วันพฤหัสบดีที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2564

การพัฒนาอากาศยานไร้คนขับลาดตระเวนติดอาวุธ CH-6 UAV จีนได้ถูกเปิดเผย

China's CH-6 armed reconnaissance UAV development breaks cover



A model of the in-development CH-6 armed reconnaissance UAV being presented to Hunan Provincial Committee secretary and Hunan Provincial People’s Congress Standing Committee director Xu Dazhe by CAAA president Hu Meixiao and secretary Wang Xianyu on 16 March. (China Academy of Aerospace Aerodynamics)

China Aerospace Science and Technology Corporation(CASC) รัฐวิสาหกิจด้านอุตสาหกรรมกลาโหมหลักของจีนกำลังพัฒนาอากาศยานไร้คนขับเพดานบินปานกลาง/สูงระยะทำการนาน(MALE/HALE UAV: Medium/High-Altitude Long-Endurance Unmanned Aerial Vehicle)
แบบลาดตระเวนติดอาวุธที่ถูกเรียกว่าอากาศยานไร้คนขับ CH-6 (Cai Hong 6 หรือ Rainbow-6) แหล่งข่าวในภาคอุตสาหกรรมได้ยืนยันกับ Janes

แบบจำลองที่ระลึกของอากาศยานไร้คนขับ CH-6 UAV ที่ยังไม่ถูกประกาศได้ถูกสังเกตเห็นในการเผยแพร่โดยสถาบัน China Academy of Aerospace Aerodynamics(CAAA) ที่ยังรู้จักในชื่อสถาบันที่11 ของ CASC บนบัญชี Wechat อย่างเป็นทางการของตน
ซึ่ง Hu Meixiao ประธาน และ Wang Xianyu เลขานุการ CAAA ได้มอบแบบจำลองเป็นของขวัญแก่ Xu Dazhe เลขาธิการและผู้อำนวยการคณะกรรมาธิการสภาประชาชนมณฑล Hunan ระหว่างการเยือน Changsha เมืองหลวงของมณฑลอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 16 มีนาคม 2021

การวิเคราะห์ด้วยสายตาของการออกแบบ CH-6 UAV ที่ปรากฎในแบบจำลองแสดงให้เห็นชัดเจนว่าวิศวกรของ CAAA จีนได้นำการเข้าถึงวิธีการนอกแบบมาใช้กับโครงสร้งอากาศยานของตน
ไม่เหมือนกับอากาศยานไร้คนขับโดยปกติในชั้นเดียวกันซึ่งโดยทั่วไปมีการใช้รูปแบบปีกเดี่ยวต่ำ(low wing monoplane) และมีโครงสร้างลำตัวทรงกระบอกเพรียว พร้อมกับแพนหางแนวตั้ง(empennage) รูปตัว V

อากาศยานไร้คนขับ CH-6 ได้นำโครงสร้างลำตัวแบบกว้างกว่าอย่างเห็นได้ชัดโดยมีส่วนคางด้านหน้าตัวเครื่องที่โดดเด่นกับขอบคมคู่นำไปจนถึงส่วนหลังจากทั้งสองข้างของจมูกเครื่อง
ไปตลอดโครงสร้างลำตัวและผสานเข้ากับกล่องปีก(wing box)กลางที่แข็งแรง แท่นกล้องตรวจับ Electro-Optical/Infrared(EO/IR) ทรงกลมยังถูกพบติดกับด้านใต้ของจมูกเครื่อง

แบบจำลองของอากาศยานไร้คนขับ CH-6 ยังแสดงถึงปีกที่มีขนาดความยาวมาก โดยปลายปีกทั้งสองข้างมีการติดตั้งปลายปีกแบบ Winglet แบบแยกเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านอากาศพลศาสตร์
ใต้ปีกของเครื่องแต่ด้านใกล้โครงสร้างลำตัวส่วนกลางมีตำบลอาวุธรวม 4จุดแข็ง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าน่าจะถูกออกแบบให้ติดตั้งอาวุธได้ ด้านท้ายของเครื่องแม้จะไม่เห็นชัดเจนนักแต่พอมองได้ว่าใช้แพนหางแนวตั้งรูปตัว T

อากาศไร้คนขับตระกูล Cai Hong ของ CASC จีนที่ถูกเปิดตัวก่อนหน้าเช่น อากาศยานไร้คนขับเพดานบินปานกลางระยะทำการนาน CH-5 MALE UAV มีรูปทรงโครงสร้างอากาศยานตามแบบทั่วไป(https://aagth1.blogspot.com/2016/11/ch-5-uav-cloud-shadow-uav.html
ขณะที่อากาศยานรบไร้คนขับ(UCAV: Unmanned Combat Air Vehicle) แบบ CH-7 นั้นมีรูปแบบแบบปีกบินเครื่องยนต์ไอพ่น Turbofan ตรวจจับได้ยาก(stealth) แหล่งข่าวกล่าวว่า CH-6 น่าจะมีขนาดใกล้เคียง CH-7 ครับ(https://aagth1.blogspot.com/2018/11/stealth-ucav-ch-7.html)