วันอาทิตย์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557
นิตยสาร TOPGUN ฉบับที่198 ความพยายามเพื่อความอยู่รอดของหนังสือทหารในไทยปัจจุบัน
แจ้งความคืบหน้าของเรื่องนิตยสาร TOPGUN ต่อจากที่เคยรายงานไปเมื่อเดือนที่แล้วครับ
ล่าสุดนิตยสาร TOPGUN ได้มีมีการย้ายหัวหนังสือจากเดิมที่เป็นของ Animate Group ไปสำนักพิมพ์ใหม่แล้ว
และจะมีการออกฉบับที่198 เป็นเล่มควบสองเดือน พฤศจิกายน-ธันวาคม ซึ่งเป็นฉบับสุดท้ายที่ยังเป็นในรูปแบบเดิม ๘๘หน้า ราคา๕๕บาท
หลังจากนั้นคาดว่าในเดือนมกราคม ๒๕๕๘ นิตยสาร TOPGUN จะเปลี่ยนรูปโฉมใหม่ ๑๒๘หน้า ในราคาใหม่ โดยจะออกทุกวันที่ ๒๕ ของเดือน
ดูจากตัวอย่างหน้าปกแล้วเข้าใจว่าหัวข้อบทความต่างๆในเล่มเป็นบทความที่มีการเตรียมข้อมูลมาก่อนล่วงหน้าแล้ว ก่อนจะมีการประกาศปิดตัวหนังสือในฉบับที่197 เมื่อเดือนที่แล้ว
Topgun ฉบับที่198 นี่จึงออกหนังสือในรูปแบบเดิมเป็นฉบับสุดท้ายก่อนจะเปลี่ยนโฉมใหม่ในฉบับใหม่ปีหน้า
แต่ตอนที่เขียนนี้(๒๓ พฤศจิกายน ๒๕๕๗) เท่าที่สอบถามจากร้านหนังสือที่ซื้อนิตยสารฉบับนี้ประจำและร้านหนังสืออื่นๆในละแวกใกล้เคียง
ปัญหาคือตอนนี้ทางเจ้าของร้านกับสายส่งยังไม่ทราบเรื่องเลยครับว่า Topgun ยังจะออกฉบับใหม่อยู่
อาจจะต้องรอดูว่าในวันที่ ๒๕ นี้จะมีหนังสือเข้ามาวางแผงในร้านหนังสือทั่วไปหรือไม่ครับ
ก็ต้องยอมรับว่าปัจจุบันตลาดหนังสือในไทยมีการลดขนาดลงไปมากเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจและพฤติกรรมผู้อ่านที่เปลี่ยนไป
ตัวอย่างนิตยสารทหารหัวใหม่ที่เคยออกมาเมื่อหลายปีก่อนเช่น นิตยสาร Military ที่มีเนื้อหาดีแต่ออกมาต่อเนื่องได้ไม่กี่ปีก็ต้องปิดหัวหนังสือไป เพราะราคาค่อนข้างแพงและกลุ่มคนอ่านมีน้อย
สิ่งที่ผมพอจะแนะนำได้ในการทำหนังสือทหารลักษณะนิตยสารรายเดือนคือเนื้อหาที่ลงตีพิมพ์ในหนังสือมีความสำคัญมากๆครับ
ซึ่งนิตยสารที่ดีควรที่ลงเรื่องราวไม่สามารถหาอ่านได้จากที่อื่นโดยเฉพาะจาก Internet เช่น บทความพิเศษที่ไปถ่ายภาพและสัมภาษณ์จากแหล่งข้อมูลโดยตรง
แต่สำหรับ Topgun แล้วตรงนี้ขอว่าตามตรงนะครับ บ่อยครั้งเหลือเกินที่จะมีการนำบทความที่แปลจากแหล่งใน Internet ที่ไม่ได้หายากนักมาลงและมีข้อผิดพลาดหลุดออกมาบ่อยๆ
อย่างเช่นในฉบับที่197 นี่บทความ Sukhoi PAK FA T-50 ตรงกรอบข้อมูลสมรรถนะหน้าท้ายดันไปลอกข้อมูลจาก wikipedia หน้าของ Dassault Rafale ไปเสียได้
ถ้านิตยสาร Topgun จะยังคงออกต่อไปในรูปแบบใหม่เพิ่มหน้าพร้อมราคาใหม่ ผมหวังว่ารูปแบบเนื้อหาของนิตยสารจะพัฒนาให้ดีกว่าที่เคยทำมาแล้วนะครับ
เพราะถ้าจะให้กล่าวแบบตรงๆคือถ้าไม่นับเรื่องปัญหาสายส่งหนังสือแล้ว ถ้ารูปแบบเนื้อหายังเป็นแบบเดิมๆอยู่ก็เกรงว่าจะทนออกหนังสือต่อเนื่องไปได้ไม่นานอยู่ดีครับ