วันพุธที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2559

เกาหลีใต้อาจจะศึกษาความจำเป็นในการมีเรือดำน้ำนิวเคลียร์ประจำการเพื่อรับมือภัยคุกคามจากเกาหลีเหนือ

SS-072 ROKS Son Won-il, a Type 214 submarine and CVN-68 USS Nimitz at Busan Naval Base, Republic of Korea.(wikipedia.org)

Nuclear-powered sub review necessary for national security: JCS chief 
Joint Chiefs of Staff Chairman Gen. Lee Sun-jin (Yonhap)
http://english.yonhapnews.co.kr/search1/2603000000.html?cid=AEN20161007010000315

พลเอก Lee Sun-Jin ประธานคณะเสนาธิการร่วมกองทัพสาธารณรัฐเกาหลีได้กล่าวเมื่อวันที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมาว่า
มีความจำเป็นที่เกาหลีใต้จะต้องศึกษาความเป็นได้ในพัฒนาเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ของตนเองเข้าประจำการในกองทัพเรือสาธารณรัฐเกาหลี เพื่อปกป้องความมั่นคงของชาติจากภัยคุกคามของกองทัพประชาชนแห่งสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนเกาหลี
"มันมีความจำเป็นที่จะต้องศึกษา(การสร้างเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์) ร่วมไปกับการตัดสินใจของระบบสาธารณูปโภคกองทัพ, ขีดความสามารถทางเทคโนโลยี, เงินทุน และแนวโน้มของประเทศเพื่อนบ้าน"
นายพล Lee กล่าวระหว่างการตรวจสอบตามปกติที่จัดขึ้นที่สภานิติบัญญัติแห่งชาติ

เรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์สามารถดำและซ่อนตัวใต้น้ำได้นานตราบเท่าที่เรือยังมีมีเชื้อเพลิงและเสบียงสำหรับกำลังพลประจำเรือเพียงพอ ซึ่งทำให้ยากต่อการถูกติดตามถ้าเทียบกับเรือดำน้ำดีเซล-ไฟฟ้าตามแบบที่ต้องขึ้นมาผิวน้ำเพื่อเดินเครื่องยนต์ดีเซลในการประจุไฟฟ้า Battery
ดังนั้นเรือดำน้ำนิวเคลียร์จึงสามารถนำไปใช้ในภารกิจลาดตระเวนรอบฐานทัพเรือดำน้ำของกองทัพเรือประชาชนเกาหลีโดยที่ไม่สามารถถูกตรวจจับได้ และจะติดตามสะกดรอยเรือดำน้ำติดขีปนาวุธยิงจากเรือดำน้ำ(SLBM: submarine-Launched Ballistic Missile)ของเกาหลีเหนือ
และถ้าจำเป็นต้องทำ เรือดำน้ำนิวเคลียร์กองทัพเรือเกาหลีใต้ก็จะสามารถยิงจมเรือดำน้ำติดขีปนาวุธเกาหลีเหนือก่อนที่จะสามารถยิงขีปนาวุธโจมตีเป้าหมายได้

อย่างไรก็ตามนายพล Lee กล่าวว่ากองทัพเกาหลีใต้ยังไม่ตัดสินใจการศึกษาการพัฒนาเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์อย่างเป็นทางการในตอนนี้ โดยประธานคณะเสนาธิการร่วมกองทัพเกาหลีใต้กล่าวว่าเขายังต้องมีการหารือเรื่องนี้กับกระทรวงกลาโหมสาธารณรัฐเกาหลีต่อไป
ขณะเดียวกันกระแสของภาคสังคมและกลุ่มการเมืองในเกาหลีใต้ที่เรียกร้องให้รัฐบาลเกาหลีใต้จัดหาเรือดำน้ำนิวเคลียร์ปฏิบัติการในลักษณะเดียวกับกองทัพเรือสหราชอาณาจักรและกองทัพเรือฝรั่งเศสก็มีเพิ่มมากขึ้น
เพื่อเป็นการรับมือภัยคุกคามจากอาวุธนิวเคลียร์เกาหลีเหนือที่เพิ่มสูงมากยิ่งขึ้น โดยเกาหลีเหนืออ้างความสำเร็จในการทดสอบยิงขีปนาวุธ SLBM ในระยะทาง 500km เมื่อ 24 สิงหาคมที่ผ่านมา และกำลังจะมีการยิงจรวดส่งดาวเทียมและทดลองระเบิดนิวเคลียร์ครั้งใหม่ในเร็วๆนี้
นั่นทำให้เกาหลีใต้และประเทศพันธมิตรเช่นสหรัฐฯได้หารือร่วมกันในการพิจารณความเป็นไปได้ในการโจมตีก่อนต่อโรงงานอาวุธนิวเคลียร์และฐานยิงขีปนาวุธของเกาหลีเหนือ เพื่อทำลายภัยคุมคามถ้ามีแนวโน้มว่าจะเป็นภัยต่อประชาชนเกาหลีใต้ครับ