Oshkosh, for a demonstration, integrated an EOS R-400S-MK2 remote weapon station and Orbital ATK M230 LF 30 mm automatic chain gun on the JLTV. Source: Oshkosh
http://www.janes.com/article/64326/ausa-2016-first-jltvs-accepted-new-testing-round-to-begin
กองทัพบกสหรัฐฯได้ยอมรับการรับมอบรถยนต์บรรทุกเบาทางยุทธวิธี JLTV(Joint Light Tactical Vehicle) ชุดแรก 7คันเมื่อสิ้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา และจะขนส่งไปทดลองที่สถานีทดสอบ
ตามข้อมูลที่เจ้าหน้าที่ในโครงการกล่าวเมื่อวันที่ 4 ตุลาคมที่ผ่านมาในงานสัมมนา Association of the US Army 2016(AUSA 106) ณ Washington DC สหรัฐฯ ระหว่างวันที่ 3-5 ตุลาคม
การทดสอบบางอย่างของรถยนต์บรรทุก JLTV ได้ถูกตัดออกไประหว่างขั้นตอนการพัฒนาทางวิศวกรรมและการผลิต(EMD: Engineering and Manufacturing Development)
ซึ่งทางรัฐบาลสหรัฐฯไม่ต้องการจะจ่ายสำหรับการทดสอบให้กับบริษัทที่ส่งแบบรถที่เข้าแข่งขันทั้งสามราย และตอนนี้มีการวางแผนการทดสอบรถยนต์บรรทุก JLTV จำนวน 100คันแล้ว
เดิมทีบริษัท Oshkosh ผู้ชนะในโครงการ JLTV ได้รับสัญญาการผลิตแบบกำหนดราคาตายตัววงเงิน $6.7 billion(ถ้าตัวเลือกทั้งหมดได้รับการดำเนินการ) และสายการผลิตขั้นต้นระดับต่ำได้เริ่มตามกำหนดการแล้วในช่วงไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2016
แต่ถูกทำล่าช้าออกไปจากการประท้วงของบริษัท Lockheed Martin และ AM General ที่พ่ายแพ้ในการแข่งขันในโครงการ JLTV ทั้งคู่
พันเอก Shane Fullmer ผู้จัดการโครงการ JLTV กล่าว่ารถยนต์บรรทุก JLTV จะถูกส่งไปทดสอบที่ Yuma มลรัฐ Arizona สำหรับการทดสอบระบบยานยนต์และการเคลื่อนที่,
ที่ Ft Huachuca มลรัฐ Arizona สำหรับการทดสอบระบบ Cyber, สงคราม Electronic และการบัญชาการและควบคุม C4(Command, Control, Communications, and Computers)
ที่สถานีทดลองพิสูจน์ Aberdeen มลรัฐ Maryland สำหรับการทดสอบความน่าเชื่อถือ และระบบยานยนต์ และที่ Alaska สำหรับการทดสอบระบบยานยนต์และทดลองใช้ในภูมิประเทศ
พันเอก Fullmer กล่าวว่ารถยนต์บรรทุก JLTV ได้ถูกจัดส่งมาในวันที่ 3 ตุลาคมแล้ว ซึ่งการทดสอบรถจะมีตามมาในสัปดาห์ที่จะถึงนี้
ก่อนหน้านี้ Oshkosh ได้สาธิตการติดตั้งป้อมปืน Remote แบบ EOS R-400S-MK2 พร้อมปืนใหญ่กล Orbital ATK M230 LF ขนาด 30mm กับ รยบ.JLTV ซึ่งเป็นระบบอาวุธประจำรถที่กำลังนิยมในระบบรถยนต์บรรทุกหุ้มเกราะทางยุทธวิธียุคใหม่
โดย Oshkosh ได้จัดแสดงรถยนต์บรรทุก JLTV ติดปืนใหญ่กล 30mm ในงาน AUSA 2016 ด้วยครับ
AUSA 2016: GDLS unveils demonstrator for new army light tank
GDLS' Griffin technology demonstrator vehicle was unveiled on 3 October. (IHS/Dan Wasserbly)
http://www.janes.com/article/64287/ausa-2016-gdls-unveils-demonstrator-for-new-army-light-tank
ในงาน AUSA 2016 บริษัท General Dynamics Land Systems(GDLS) สหรัฐฯได้เปิดตัวรถหุ้มเกราะสายพานขนาดกลางสาธิตทาง Technology ซึ่งเรียกว่า Griffin
ที่เป็นการนำป้อมปืนของรถถังหลัก M1A1/M1A2 Abrams ที่ติดตั้งปืนใหญ่รถถังขนาด 120mm กองทัพบกสหรัฐฯ ติดตั้งบนรถแคร่ฐานของรถเกราะลาดตระเวนสอดแนม Ajax Scout Specialist Vehicle ของกองทัพบกสหราชอาณาจักร
โดยในปีงบประมาณ 2017(FY2017) กองทัพบกสหรัฐฯได้จัดตั้งโครงการใหม่วงเงิน $9.678 million ที่เรียกว่า Mobile Protected Firepower(MPF) ซึ่งเป็นโครงการต้องการจัดหารถรบแบบใหม่
ที่สามารถวางกำลังได้อย่างรวดเร็วโดยต้องการการส่งกำลังบำรุงที่เกี่ยวข้องในระดับต่ำ, แต่มีอำนาจการป้องกันตนเองเพียงพอ และมีอำนาจการยิงสนับสนุนชุดรบกองพลน้อยทหารราบอย่างมีอิสระในการปฏิบัติการได้ดี
Mike Peck หัวหน้าฝ่ายพัฒนาทางธุรกิจของ GDLS กล่าวกับ Jane's ว่า โครงการพัฒนารถถังเบา Griffin มีความหมายเช่นเดียวกับ "การเริ่มต้นสนทนากับกองทัพบก" ซึ่งอาจจะมีการนำข้อเสนอแนะในการเปลี่ยนแปลงกลับมายัง GDLS
ขณะที่รถถังหลัก Abrams ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ของ GDLS นั้นติดตั้งปืนใหญ่รถถังลำกล้องเรียบ M256 ขนาด 120mm ที่ผลิตโดย Watervliet Arsenal ซึ่งมีพื้นฐานจากปืนใหญ่รถถัง Rheinmetall 120mm/L44 เยอรมนี
แต่รถถังเบาต้นแบบสาธิต Griffin นั้นจะติดตั้งปืนใหญ่รถถังแบบ XM360 ซึ่งเดิมถูกพัฒนาสำหรับโครงการ Future Combat Systems ในอดีตที่มีหลายโครงการย่อยที่ถูกยกเลิกไปแล้ว
โดย Dave Crocker รองประธานฝ่ายวิศวกรรมและการพัฒนาของ GDLS ได้กล่าวกับ Jane's ว่า รถถังเบา Griffin นั้นยังสามารถติดตั้งปืนใหญ่รถถังแบบ M68 ขนาด 105mm ได้ด้วย
นาย Peck กล่าวว่าบริษัทสามารถตอบสนองความคิดเห็นของกองทัพบกเกี่ยวกับการแก้ไขระบบได้ภายในเวลาประมาณ 9-12เดือน
ซึ่งตัวแทนของ GDLS ในงาน AUSA 2016 ได้ให้ข้อมูลว่าน้ำหนักของรถถังเบา Griffin จะอยู่ที่ประมาณ 28tons ซึ่งสามารถบรรทุกในเครื่องบินลำเลียงหนักทางยุทธศาสตร์ Boeing C-17 Globemaster III ได้ 2คัน
แต่ถ้ามีการติดตั้งเกราะปฏิกิริยาแรงระเบิด(ERA: Explosive Reactive Armour)เสริม หรือระบบป้องกันเชิงรุก(APS: Active Protection System) น้ำหนักรถก็จะเพิ่มขึ้นมาอีกหลาย Tons ครับ
AUSA 2016: US Army's new tank programme takes shape
BAE Systems' demonstrator vehicle for MPF, based on its M8 AGS, was shown for a second year at AUSA. (Daniel Wasserbly)
http://www.janes.com/article/64383/ausa-2016-us-army-s-new-tank-programme-takes-shape
กองทัพบกสหรัฐฯกำลังกำหนดความต้องการเฉพาะสำหรับโครงการ Mobile Protected Firepower(MPF) ที่มีรูปแบบคล้ายคลึงกับรถถังเบาหรือรถถังกลาง
โดยฝ่ายวางแผนของกองทัพบกสหรัฐฯต้องการที่จะ "พูดคุยเกี่ยวกับความต้องการที่แน่นอน" และฝ่ายกลุ่มอุตสาหกรรมก็ตอบสนองด้วยการออกแบบแนวคิดระบบก่อนที่โครงการจะเริ่มต้น
พลตรี David Bassett เจ้าหน้าที่บริหารโครงการระบบการรบภาคพื้นดิน(ground combat systems) ได้กล่าวในงาน AUSA 2016 ว่า "เราไม่ยินดีที่จะรอขั้นตอบการออกแบบจากส่วนล่างที่ยาวนาน"
ขณะนี้มีบริษัทที่เสนอตัวเข้าแข่งขันในโครงการ MPF แล้วสองรายคือ General Dynamics Land Systems สำหรับรถถังเบาสาาธิต Griffin และ BAE Systems สำหรับรถถังเบาสาธิตที่มีพื้นฐานจาก M8 AGS ที่เปิดตัวไปก่อนหน้านี้
พลตรี Bassett กล่าวเพิ่มว่ากองทัพบกสหรัฐฯต้องการที่จะให้มีบริษํที่เข้าแข่งขันมากกว่านี้อีกหนึ่งราย แต่ยังไม่แน่ใจว่าจะมีทรัพยากรเพียงพอหรือไม่ ซึ่งกองทัพบกสหรัฐฯไม่ต้องการให้โครงการมีขั้นตอนการพัฒนาที่นานเกินไป และให้ผู้เข้าแข่งขันโครงการทำงานออกแบบระบบของตน
พันเอก James Schirmer ผู้จัดการโครงการรถรบหุ้มเกราะ(armoured fighting vehicles) ยังไม่มีการกำหนดคุณสมบัติของระบบสำหรับรถถังใหม่ในโครงการ MPF แต่จะมีการเริ่มต้นทำงานในเร็วๆนี้
ตามที่พันเอก Schirmer กล่าวรถถังจะมีน้ำหนักสูงสุดไม่เกิน 32tons แต่ติดปืนใหญ่ขนาด 50mm ขึ้นไป แต่ทางกองทัพบกสหรัฐฯไม่ต้องการจัดหากระสุนชนิดใหม่ดังนั้นจึงต้องวการปืนใหญ่ 105mm หรือ 120mm ที่มีใช้งานอยู่แล้วมากกว่า
โดยกองทัพบกสหรัฐฯต้องการให้รถถังสามารถส่งทางอากาศได้ด้วย ซึ่งน้ำหนักรถที่กำหนดให้ไม่เกิน 32tons ดูเหมือนจะเป็นเพื่อการนั้น(โดยยสามารถบรรทุกรถ 2คันไปกับเครื่องบินลำเลียง C-17 Globemaster III ได้)
รถถัง MPF จะต้องไปได้ทุกที่ที่ทหารราบไป ดังนั้นกองทัพบกสหรัฐฯจึงสนใจระบบขนาดเล็กที่สามารถข้ามสะพานหรือเข้าไปในถนนแคบๆได้ แต่ก็ต้องเป็นรถเกราะสายพานที่ยังสามารถเคลื่อนที่ผ่านสิ่งกีดขวางได้อยู่ครับ
AUSA 2016: AM General integrates Hawkeye MWS onto HMMWV
The Mandus 105 mm Hawkeye integrated onto an AM General M1152A1 HMMWV 4x4 platform with a protected two door cab. (IHS/Patrick Allen)
http://www.janes.com/article/64363/ausa-2016-am-general-integrates-hawkeye-mws-onto-hmmwv
ในงาน AUSA 2016 บริษัท AM General สหรัฐฯได้เปิดตัวระบบปืนใหญ่อัตตาจรล้อยางซึ่งใช้รถยนต์บรรทุก 4x4 M1152A1 HMMWV(High Mobility Multi-purpose Wheeled Vehicle) ของตนเป็นรถแคร่ฐานติดตั้งกับระบบฐานยิงปืนใหญ่ Mandus Hawkeye MWS(Mobile Weapon System) 105mm
ก่อนหน้านี้ Mandus Group ได้พัฒนาติดตั้งฐานยิงปืนใหญ่ Hawkeye MWS 105mm เข้ากับรถยนต์บรรทุก Mack Defense Sherpa 4x4 ซึ่งเป็นรถถยนต์บรรทุก Renault Trucks Defense Sherpa ฝรั่งเศสที่ผลิตในสหรัฐฯที่ผลิตขึ้นจำนวนหนึ่งสำหรับส่งออกโดยมีทั้งรุ่นติดเกราะและไม่ติดเกราะ
ฐานยิงปืนใหญ่อัตตาจร Mandus Hawkeye 105mm สามารถติดตั้งได้บนส่วนบรรทุกท้ายรถยนต์บรรทุก 4x4 โดยมีแรงสะท้อนถอยหลังต่ำ หรือถูกเรียกตามแนวคิดยิงนอกกองร้อยปืนใหญ่
ลำกล้องปืนใหญ่เดิมนำมาจากปืนใหญ่ลากจูง M102 ขนาด 105mm รุ่นเก่า แต่ลำกล้องปืนใหญ่ที่แสดงในงาน AUSA 2016 นั้นมีพื้นฐานมาจากปืนใหญ่ลากจูงน้ำหนักเบา M119 ซึ่งมีใช้งานในกองทัพบกสหรัฐฯและหลายประเทศเช่นกองทัพบกไทย
ลำกล้องปืนใหญ่ 105mm ใหม่ถูกผลิตที่ Watervliet Arsenal โดยกำหนดแบบว่า M20 และมีส่วนปิดท้ายลำกล้องแบบแนวดิ่ง มีขนาด 105mm/33caliber ลำกล้องเกลียว 36รอบ ไม่มีปลอกลดแรงถอย มีมุมส่ายซ้ายขวาได้ 180องศา มุมกดขึ้นลง -5ถึง72องศา
สามารถยิงกระสุนปืนใหญ่ขนาด 105mm ได้หลายแบบด้วยระยะยิงไกลสุด เช่น กระสุนระเบิดแรงสูง M1, กระสุนส่องแสง M134, กระสุนควัน M60/M60A2, กระสุนระเบิดแรงสูงมีจรวดเพิ่มระยะ M193 RAP(Rocket Assisted Projectile), กระสุนระเบิดแรงสูง M760 และกระสุนระเบิดแรงสูงแตกสะเก็ด M1130A1 เป็นต้นครับ