Thailand’s Gripen E/F fighter acquisition enters next phase
Thailand’s acquisition is expected to cover 12 Gripen E/Fs, with the deal also
to include a long-term offset package. Source: Saab, FMV
“Gripen E/F” เครื่องบินยุคใหม่ อำนาจแห่งเวหาเหนือเส้นขอบฟ้า
พร้อมปกป้องอธิปไตย
กองทัพอากาศ จัดงานแถลงข่าว โดยผู้บัญชาการทหารอากาศ
ในโครงการจัดหาเครื่องบินขับไล่โจมตี เพื่อทดแทนฝูงบิน F-16
ที่ประจำการมานานกว่า 37 ปี
ภายใต้แนวคิดเครื่องบินขับไล่โจมตีฝูงใหม่ต้องมีสมรรถนะที่ดีกว่าเครื่องบินขับไล่ที่กองทัพอากาศประจำการ
มีความเหมาะสมในด้านคุณสมบัติร่วม และความต่อเนื่อง (Commonality &
Continuity)
พร้อมเทคโนโลยีที่ทันสมัยพร้อมรับมือต่อภัยคุกคามในยุคปัจจุบันและอนาคต
รวมทั้งมีการชดเชยการนำเข้ายุทโธปกรณ์ (Defence Offset)
ตามนโยบายรัฐบาลเพื่อพัฒนาสู่การพึ่งพาตนเองอย่างยั่งยืน
เสริมสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ
และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ
กองทัพอากาศได้ดำเนินการพิจารณาตามขั้นตอนและเกณฑ์การเลือกแบบด้วยความละเอียดรอบคอบและโปร่งใส
จนได้แบบเครื่องที่ตรงตามความต้องการของกองทัพอากาศในปัจจุบัน ได้แก่
“เครื่องบินขับไล่โจมตีแบบ Gripen E/F” โดยมีแนวทางสำคัญ MIDSR ดังนี้
M - Main Package Gripen E/F 12 เครื่อง พร้อม METEOR และการปรับปรุง SAAB
AEW&C
I - Indirect Offset 7 รายการ
D - Direct Offset 7 รายการ
S - Synchronization ความสอดคลองประสานกันของโครงการทั้ง 3 ระยะ
R - Risk การดำเนินงานภายใต้การประเมิน และวางแผนบริหารจัดการความเสี่ยง
กองทัพอากาศขอยืนยันว่า โครงการจัดหาเครื่องบินขับไล่แบบ GRIPEN E/F
จะดำเนินการด้วยความรอบคอบ มีประสิทธิภาพ โปร่งใส และตรวจสอบได้
เพื่อให้ภาษีทุกบาทของพี่น้องประชาชนถูกใช้อย่างคุ้มค่า
ในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งด้านความมั่นคงเหนือน่านฟ้าไทย
และปกป้องความสงบสุขของพี่น้องประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
กองทัพอากาศยืนยัน “Gripen E/F” คือ เครื่องบินขับไล่ที่คุ้มค่า
มั่นใจใช้ภาษีประชาชนอย่างโปร่งใสและเกิดประโยชน์สูงสุด
กองทัพอากาศจัดแถลงข่าวความพร้อมในการจัดหาเครื่องบินขับไล่โจมตีแบบ Gripen
E/F ระยะที่ 1 จำนวน 4 เครื่อง มูลค่า 19,500 ล้านบาท
โดยยืนยันว่าการดำเนินโครงการเป็นไปตามยุทธศาสตร์ที่มุ่งพัฒนา “กองทัพอากาศ
ที่แข็งแกร่งและมีประสิทธิภาพ” และใช้ภาษีประชาชนอย่างโปร่งใส คุ้มค่า
และตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน
พลอากาศโท ประภาส สอนใจดี โฆษกกองทัพอากาศ เปิดเผยว่า
วัตถุประสงค์ของการแถลงข่าวครั้งนี้
เพื่อต้องการสื่อสารความคืบหน้าและหลักการดำเนินโครงการจัดหาเครื่องบินขับไล่แบบใหม่
รวมทั้งเพื่อสร้างความเข้าใจต่อสาธารณะ เน้นความโปร่งใส ความคุ้มค่า
การแข่งขันอย่างเป็นธรรม
และเป็นไปตามนโยบายรัฐบาลที่คำนึงผลประโยชน์ของชาติเป็นสำคัญ
พร้อมยืนยันถึงความมุ่งมั่นของกองทัพอากาศและสวีเดนในความร่วมมือระยะยาว
“โครงการนี้ไม่ได้เป็นเพียงการจัดหาเครื่องบิน
แต่คือการลงทุนในความมั่นคงของประเทศและความสามารถในการป้องกันอธิปไตยทางอากาศในระยะยาว
เครื่องบิน Gripen E/F มีสมรรถนะล้ำสมัย ระบบเรดาร์ AESA
ระบบสงครามอิเล็กทรอนิกส์ และจรวด BVR แบบ Meteor
ซึ่งเป็นระบบที่ตอบโจทย์การรบในอนาคต”
เหตุผลหลักของการจัดหาเครื่องบินขับไล่โจมตีรุ่นใหม่ คือเพื่อทดแทน F-16
ที่ประจำการมากว่า 37 ปี ซึ่งจะทยอยปลดประจำการในช่วงปี 2571–2578
หากไม่ดำเนินการ จะกระทบต่อความพร้อมในการป้องกันประเทศ
กองทัพอากาศได้ดำเนินการตามกระบวนการที่เข้มงวด โปร่งใส และรอบคอบ
โดยมีการตั้งคณะกรรมการจากหลายฝ่าย
เพื่อพิจารณาความเหมาะสมทั้งด้านขีดความสามารถ ความคุ้มค่า และราคาประกอบกัน
ซึ่งผลการพิจารณาสรุปว่า เครื่องบิน Gripen E/F
เป็นแบบที่ตรงตามความต้องการของกองทัพอากาศมากที่สุด
นอกจากนี้ ยังมีการชดเชยการนำเข้ายุทโธปกรณ์ (Defence Offset) รวมมูลค่ากว่า
100,000 ล้านบาท หรือ 154.6% ของมูลค่าโครงการ เช่น การถ่ายทอดเทคโนโลยี
Tactical Data Link (Link-T),
การพัฒนาบุคลากรและอุตสาหกรรมป้องกันประเทศในประเทศ
รวมถึงความร่วมมือด้านการศึกษาและวิจัยกับสวีเดน
“กองทัพอากาศขอยืนยันว่า ภาษีพี่น้องประชาชนจะถูกใช้อย่างคุ้มค่า โปร่งใส
และเกิดประโยชน์สูงสุดต่อความมั่นคงของชาติ” โฆษกกองทัพอากาศกล่าว
ทั้งนี้ กองทัพอากาศมีแผนจะลงนามในสัญญาร่วมกับรัฐบาลสวีเดนภายในเดือนสิงหาคม
2568 และจะมีการฝึกอบรมบุคลากรทั้งนักบินและช่างเทคนิคควบคู่กันไป
เพื่อให้สามารถปฏิบัติงานได้ทันที เมื่อเครื่องบิน Gripen E/F
เข้าประจำการ
กองทัพอากาศไทย(RTAF: Royal Thai Air Force)
ได้แถลงอย่างเป็นทางการของการประกาศเลือกเครื่องบินขับไล่แบบที่ ๒๐ข/ค บ.ข.๒๐ข/ค
Saab JAS 39 Gripen E/F
สำหรับความต้องการเครื่องบินขับไล่โจมตีทดแทนเครื่องบินขับไล่แบบที่ ๑๙/ก
บ.ข.๑๙/ก F-16A/B ADF ฝูงบิน๑๐๒ กองบิน๑ โคราช ของตน
เป็นการเตรียมเส้นทางสำหรับการบรรลุผลสัญญาจัดหาต่อไป(https://aagth1.blogspot.com/2025/04/saab-gripen-ef-2025.html,
https://aagth1.blogspot.com/2025/03/gripen-ef.html,
https://aagth1.blogspot.com/2025/02/tai-saab-gripen-ef.html,
https://aagth1.blogspot.com/2025/01/gripen-ef.html)
"Saab และสำนักงานจัดหายุทโธปกรณ์กลาโหมสวีเดน(Defence Material Administration,
FMV: Försvarets materielverk)
ขณะนี้จะดำเนินไปสู่ก้าวย่างต่อไปในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างกับราชอาณาจักรไทย"
บริษัท Saab สวีเดนประกาศเมื่อวันที่ ๔ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๖๘(2025)
กองทัพอากาศไทยประกาศในเดือนสิงหาคม พ.ศ.๒๕๖๗(2024)
ว่าได้เลือกที่จะจัดหาเครื่องบินขับไล่ บ.ข.๒๐ข/ค Gripen E/F(https://aagth1.blogspot.com/2025/04/saab-gripen.html) ตามการแข่งขันกับเครื่องบินขับไล่ Lockheed Martin F-16C/D Block 70/72 สหรัฐฯ
กระทรวงกลาโหมไทยได้รับรองการเลือกเครื่องบินขับไล่ บ.ข.๒๐ข/ค Gripen E/F
ของกองทัพอากาศไทยไปในต้นเดือนมกราคม พ.ศ.๒๕๖๘
โดยโครงการจัดหาคาดว่ามีการส่งมอบเครื่องบินขับไล่ บ.ข.๒๐ข/ค Gripen E/F จำนวน
๑๒เครื่องในปี พ.ศ.๒๕๗๒(2029)
ตามการจัดหาที่แบ่งเป็นระยะที่๑ วงเงินราว ๑๙,๕๐๐,๐๐๐,๐๐๐บาท($562,665,012)
ประกอบด้วยเครื่องบินขับไล่แบบที่ ๒๐ข บ.ข.๒๐ข Gripen E ที่นั่งเดี่ยวจำนวน
๓เครื่อง และเครื่องบินขับไล่แบบที่ ๒๐ค บ.ข.๒๐ค Gripen F สองที่นั่งจำนวน
๑เครื่อง
"เรายินดีต่อการเลือกเครื่องบินขับไล่ Gripen E/F
ของกองทัพอากาศไทยในฐานะเครื่องบินไล่ในอนาคตของตนและมองไปข้างหน้าไปยังก้าวต่อไปของขั้นตอนการจัดซื้อจัดจ้าง
Gripen E/F
เป็นแนวทางที่ดีที่สุดที่จะมอบให้แก่ไทยด้วยนภานุภาพอย่างเป็นอิสระสำหรับอนาคต
ซึ่งจะส่งเสริมอย่างมีนัยสำคัญต่อความปลอดภัยและความมั่นคงของชาติ" Micael
Johansson ผู้อำนวยการบริหารบริษัท Saab กล่าว
โดยเน้นย้ำว่าข้อตกลงที่กำลังรออยู่ยังรวมถึงสิ่งที่ถูกอธิบายว่าเป็น
"ชุดการชดเชย(offset) ระยะยาว"
ขณะนี้เน้นว่า "รายละเอียดต่างๆยังไม่ได้รับการตัดสินใจ
นี้จะเป็นประโยชน์ต่อความเป็นอิสระของความมั่นคงและยุทธศาสตร์แห่งชาติของไทย
ขณะที่ยังนำงานใหม่และการลงทุนต่างๆมาสู่ภาคส่วนสังคมต่างๆที่หลากหลายของไทย"
Johansson เสริม
กองทัพอากาศมีประจำการด้วยเครื่องบินขับไล่ บ.ข.๒๐/ก Gripen C/D ณ ฝูงบิน๗๐๑
กองบิน๗ สุราษฎร์ธานี จำนวน ๑๑เครื่องแล้ว(แบ่งเป็นเครื่องบินขับไล่ที่นั่งเดี่ยว
บ.ข.๒๐ Gripen C จำนวน ๗เครื่อง และเครื่องบินขับไล่สองที่นั่ง บ.ข.๒๐ก Gripen D
จำนวน ๔เครื่อง)
ผู้อำนวยการบริหารของ Saab สวีเดนล่าสุดได้ระบุถึงการลงนามสัญญาเครื่องบินขับไล่
บ.ข.๒๐ข/ค Gripen E/F กับไทย
และอีกประเทศคือกับโคลอมเบียในฐานะเป้าหมายทางธุรกิจของบริษัทในปี 2025(https://aagth1.blogspot.com/2025/04/gripen-ef-kfir.html)
จนถึงตอนนี้บริษัท Saab สวีเดนได้รับคำสั่งจัดหาเพื่อส่งมอบเครื่องบินขับไล่
Gripen E จำนวน ๖๐เครื่องแก่กองทัพอากาศสวีเดน(SwAF: Swedish Air Force, Svenska
flygvapnet) และเครื่องบินขับไล่ที่นั่งเดียว F-39E Gripen E จำนวน ๒๘เครื่อง
และเครื่องบินขับไล่สองที่นั่ง F-39F Gripen F จำนวน ๘เครื่อง รวม
๓๖เครื่องแก่กองทัพอากาศบราซิล(Brazilian Air Force, FAB: Força Aérea
Brasileira)
ความเห็นวิเคราะห์
ตามการแถลงของกองทัพอากาศไทยเมื่อวันที่ ๔ มิถุนายน ๒๕๖๘
ข้อตกลงต่างๆที่มีการเจรจากับสวีเดนแล้วรวมถึงการจัดหาอาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่อากาศพิสัยยิงนอกระยะสายตา(BVRAAM:
Beyond-Visual-Range Air-to-Air Missile) แบบ MBDA Meteor,
อาวุธปล่อยนำวิถีระยะยิงไกลเกินพิสัยยิงข้าศึก(stand-off) เช่น TAURUS KEPD 350,
สิทธิทรัพย์สินทางปัญญา(IP: Intellectual Property) ของ datalink LINK-T
และการปรับปรุงขีดความสามารถเครื่องบินควบคุมและแจ้งเตือนทางอากาศแบบที่๑ บ.ค.๑
Saab 340 ERIEYE AEW(Airborne Early Warning) เป็น AEW&C(Airborne Early
Warning and Control) ในปี พ.ศ.๒๕๗๓(2030)
คาดหวังที่จะเสนอเรื่องต่อกระทรวงกลาโหมและสำนักงบประมาณได้ในเดือนมิถุนายน ๒๕๖๘
คณะรัฐมนตรีไทยและรัฐสภาไทยในเดือนกรกฏาคม ๒๕๖๘ และลงนามสัญญาได้ในเดือนสิงหาคม
๒๕๖๘ ครับ