วันพฤหัสบดีที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2568

กองทัพอากาศไทยแถลงแผนการจัดหาเครื่องบินขับไล่ บ.ข.๒๐ข/ค Gripen E/F สวีเดนอย่างเป็นทางการ

Thailand’s Gripen E/F fighter acquisition enters next phase



Thailand’s acquisition is expected to cover 12 Gripen E/Fs, with the deal also to include a long-term offset package. Source: Saab, FMV



“Gripen E/F” เครื่องบินยุคใหม่ อำนาจแห่งเวหาเหนือเส้นขอบฟ้า พร้อมปกป้องอธิปไตย
กองทัพอากาศ จัดงานแถลงข่าว โดยผู้บัญชาการทหารอากาศ ในโครงการจัดหาเครื่องบินขับไล่โจมตี เพื่อทดแทนฝูงบิน F-16 ที่ประจำการมานานกว่า 37 ปี ภายใต้แนวคิดเครื่องบินขับไล่โจมตีฝูงใหม่ต้องมีสมรรถนะที่ดีกว่าเครื่องบินขับไล่ที่กองทัพอากาศประจำการ มีความเหมาะสมในด้านคุณสมบัติร่วม และความต่อเนื่อง (Commonality & Continuity) 
พร้อมเทคโนโลยีที่ทันสมัยพร้อมรับมือต่อภัยคุกคามในยุคปัจจุบันและอนาคต รวมทั้งมีการชดเชยการนำเข้ายุทโธปกรณ์ (Defence Offset) ตามนโยบายรัฐบาลเพื่อพัฒนาสู่การพึ่งพาตนเองอย่างยั่งยืน เสริมสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ 
กองทัพอากาศได้ดำเนินการพิจารณาตามขั้นตอนและเกณฑ์การเลือกแบบด้วยความละเอียดรอบคอบและโปร่งใส จนได้แบบเครื่องที่ตรงตามความต้องการของกองทัพอากาศในปัจจุบัน ได้แก่ “เครื่องบินขับไล่โจมตีแบบ Gripen E/F” โดยมีแนวทางสำคัญ MIDSR ดังนี้
M - Main Package Gripen E/F 12 เครื่อง พร้อม METEOR และการปรับปรุง SAAB AEW&C
I - Indirect Offset 7 รายการ 
D - Direct Offset 7 รายการ
S - Synchronization ความสอดคลองประสานกันของโครงการทั้ง 3 ระยะ 
R - Risk การดำเนินงานภายใต้การประเมิน และวางแผนบริหารจัดการความเสี่ยง
กองทัพอากาศขอยืนยันว่า โครงการจัดหาเครื่องบินขับไล่แบบ GRIPEN E/F จะดำเนินการด้วยความรอบคอบ มีประสิทธิภาพ โปร่งใส และตรวจสอบได้  เพื่อให้ภาษีทุกบาทของพี่น้องประชาชนถูกใช้อย่างคุ้มค่า ในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งด้านความมั่นคงเหนือน่านฟ้าไทย และปกป้องความสงบสุขของพี่น้องประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

กองทัพอากาศยืนยัน “Gripen E/F” คือ เครื่องบินขับไล่ที่คุ้มค่า
มั่นใจใช้ภาษีประชาชนอย่างโปร่งใสและเกิดประโยชน์สูงสุด
กองทัพอากาศจัดแถลงข่าวความพร้อมในการจัดหาเครื่องบินขับไล่โจมตีแบบ Gripen E/F ระยะที่ 1 จำนวน 4 เครื่อง มูลค่า 19,500 ล้านบาท โดยยืนยันว่าการดำเนินโครงการเป็นไปตามยุทธศาสตร์ที่มุ่งพัฒนา “กองทัพอากาศ ที่แข็งแกร่งและมีประสิทธิภาพ” และใช้ภาษีประชาชนอย่างโปร่งใส คุ้มค่า และตรวจสอบได้ทุกขั้นตอน
พลอากาศโท ประภาส สอนใจดี โฆษกกองทัพอากาศ เปิดเผยว่า วัตถุประสงค์ของการแถลงข่าวครั้งนี้ เพื่อต้องการสื่อสารความคืบหน้าและหลักการดำเนินโครงการจัดหาเครื่องบินขับไล่แบบใหม่ รวมทั้งเพื่อสร้างความเข้าใจต่อสาธารณะ เน้นความโปร่งใส ความคุ้มค่า การแข่งขันอย่างเป็นธรรม และเป็นไปตามนโยบายรัฐบาลที่คำนึงผลประโยชน์ของชาติเป็นสำคัญ 
พร้อมยืนยันถึงความมุ่งมั่นของกองทัพอากาศและสวีเดนในความร่วมมือระยะยาว
“โครงการนี้ไม่ได้เป็นเพียงการจัดหาเครื่องบิน แต่คือการลงทุนในความมั่นคงของประเทศและความสามารถในการป้องกันอธิปไตยทางอากาศในระยะยาว เครื่องบิน Gripen E/F มีสมรรถนะล้ำสมัย ระบบเรดาร์ AESA ระบบสงครามอิเล็กทรอนิกส์ และจรวด BVR แบบ Meteor ซึ่งเป็นระบบที่ตอบโจทย์การรบในอนาคต”
เหตุผลหลักของการจัดหาเครื่องบินขับไล่โจมตีรุ่นใหม่ คือเพื่อทดแทน F-16 ที่ประจำการมากว่า 37 ปี ซึ่งจะทยอยปลดประจำการในช่วงปี 2571–2578 หากไม่ดำเนินการ จะกระทบต่อความพร้อมในการป้องกันประเทศ
กองทัพอากาศได้ดำเนินการตามกระบวนการที่เข้มงวด โปร่งใส และรอบคอบ โดยมีการตั้งคณะกรรมการจากหลายฝ่าย เพื่อพิจารณาความเหมาะสมทั้งด้านขีดความสามารถ ความคุ้มค่า และราคาประกอบกัน ซึ่งผลการพิจารณาสรุปว่า เครื่องบิน Gripen E/F เป็นแบบที่ตรงตามความต้องการของกองทัพอากาศมากที่สุด
นอกจากนี้ ยังมีการชดเชยการนำเข้ายุทโธปกรณ์ (Defence Offset) รวมมูลค่ากว่า 100,000 ล้านบาท หรือ 154.6% ของมูลค่าโครงการ เช่น การถ่ายทอดเทคโนโลยี Tactical Data Link (Link-T), การพัฒนาบุคลากรและอุตสาหกรรมป้องกันประเทศในประเทศ รวมถึงความร่วมมือด้านการศึกษาและวิจัยกับสวีเดน
“กองทัพอากาศขอยืนยันว่า ภาษีพี่น้องประชาชนจะถูกใช้อย่างคุ้มค่า โปร่งใส และเกิดประโยชน์สูงสุดต่อความมั่นคงของชาติ” โฆษกกองทัพอากาศกล่าว
ทั้งนี้ กองทัพอากาศมีแผนจะลงนามในสัญญาร่วมกับรัฐบาลสวีเดนภายในเดือนสิงหาคม 2568 และจะมีการฝึกอบรมบุคลากรทั้งนักบินและช่างเทคนิคควบคู่กันไป เพื่อให้สามารถปฏิบัติงานได้ทันที เมื่อเครื่องบิน Gripen E/F เข้าประจำการ

กองทัพอากาศไทย(RTAF: Royal Thai Air Force) ได้แถลงอย่างเป็นทางการของการประกาศเลือกเครื่องบินขับไล่แบบที่ ๒๐ข/ค บ.ข.๒๐ข/ค Saab JAS 39 Gripen E/F สำหรับความต้องการเครื่องบินขับไล่โจมตีทดแทนเครื่องบินขับไล่แบบที่ ๑๙/ก บ.ข.๑๙/ก F-16A/B ADF ฝูงบิน๑๐๒ กองบิน๑ โคราช ของตน
เป็นการเตรียมเส้นทางสำหรับการบรรลุผลสัญญาจัดหาต่อไป(https://aagth1.blogspot.com/2025/04/saab-gripen-ef-2025.html, https://aagth1.blogspot.com/2025/03/gripen-ef.html, https://aagth1.blogspot.com/2025/02/tai-saab-gripen-ef.html, https://aagth1.blogspot.com/2025/01/gripen-ef.html)

"Saab และสำนักงานจัดหายุทโธปกรณ์กลาโหมสวีเดน(Defence Material Administration, FMV: Försvarets materielverk) ขณะนี้จะดำเนินไปสู่ก้าวย่างต่อไปในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างกับราชอาณาจักรไทย" บริษัท Saab สวีเดนประกาศเมื่อวันที่ ๔ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๖๘(2025)
กองทัพอากาศไทยประกาศในเดือนสิงหาคม พ.ศ.๒๕๖๗(2024) ว่าได้เลือกที่จะจัดหาเครื่องบินขับไล่ บ.ข.๒๐ข/ค Gripen E/F(https://aagth1.blogspot.com/2025/04/saab-gripen.html) ตามการแข่งขันกับเครื่องบินขับไล่ Lockheed Martin F-16C/D Block 70/72 สหรัฐฯ

กระทรวงกลาโหมไทยได้รับรองการเลือกเครื่องบินขับไล่ บ.ข.๒๐ข/ค Gripen E/F ของกองทัพอากาศไทยไปในต้นเดือนมกราคม พ.ศ.๒๕๖๘ โดยโครงการจัดหาคาดว่ามีการส่งมอบเครื่องบินขับไล่ บ.ข.๒๐ข/ค Gripen E/F จำนวน ๑๒เครื่องในปี พ.ศ.๒๕๗๒(2029)
ตามการจัดหาที่แบ่งเป็นระยะที่๑ วงเงินราว ๑๙,๕๐๐,๐๐๐,๐๐๐บาท($562,665,012) ประกอบด้วยเครื่องบินขับไล่แบบที่ ๒๐ข บ.ข.๒๐ข Gripen E ที่นั่งเดี่ยวจำนวน ๓เครื่อง และเครื่องบินขับไล่แบบที่ ๒๐ค บ.ข.๒๐ค Gripen F สองที่นั่งจำนวน ๑เครื่อง

"เรายินดีต่อการเลือกเครื่องบินขับไล่ Gripen E/F ของกองทัพอากาศไทยในฐานะเครื่องบินไล่ในอนาคตของตนและมองไปข้างหน้าไปยังก้าวต่อไปของขั้นตอนการจัดซื้อจัดจ้าง Gripen E/F เป็นแนวทางที่ดีที่สุดที่จะมอบให้แก่ไทยด้วยนภานุภาพอย่างเป็นอิสระสำหรับอนาคต 
ซึ่งจะส่งเสริมอย่างมีนัยสำคัญต่อความปลอดภัยและความมั่นคงของชาติ" Micael Johansson ผู้อำนวยการบริหารบริษัท Saab กล่าว โดยเน้นย้ำว่าข้อตกลงที่กำลังรออยู่ยังรวมถึงสิ่งที่ถูกอธิบายว่าเป็น "ชุดการชดเชย(offset) ระยะยาว"

ขณะนี้เน้นว่า "รายละเอียดต่างๆยังไม่ได้รับการตัดสินใจ นี้จะเป็นประโยชน์ต่อความเป็นอิสระของความมั่นคงและยุทธศาสตร์แห่งชาติของไทย ขณะที่ยังนำงานใหม่และการลงทุนต่างๆมาสู่ภาคส่วนสังคมต่างๆที่หลากหลายของไทย" Johansson เสริม
กองทัพอากาศมีประจำการด้วยเครื่องบินขับไล่ บ.ข.๒๐/ก Gripen C/D ณ ฝูงบิน๗๐๑ กองบิน๗ สุราษฎร์ธานี จำนวน ๑๑เครื่องแล้ว(แบ่งเป็นเครื่องบินขับไล่ที่นั่งเดี่ยว บ.ข.๒๐ Gripen C จำนวน ๗เครื่อง และเครื่องบินขับไล่สองที่นั่ง บ.ข.๒๐ก Gripen D จำนวน ๔เครื่อง)

ผู้อำนวยการบริหารของ Saab สวีเดนล่าสุดได้ระบุถึงการลงนามสัญญาเครื่องบินขับไล่ บ.ข.๒๐ข/ค Gripen E/F กับไทย และอีกประเทศคือกับโคลอมเบียในฐานะเป้าหมายทางธุรกิจของบริษัทในปี 2025(https://aagth1.blogspot.com/2025/04/gripen-ef-kfir.html)
จนถึงตอนนี้บริษัท Saab สวีเดนได้รับคำสั่งจัดหาเพื่อส่งมอบเครื่องบินขับไล่ Gripen E จำนวน ๖๐เครื่องแก่กองทัพอากาศสวีเดน(SwAF: Swedish Air Force, Svenska flygvapnet) และเครื่องบินขับไล่ที่นั่งเดียว F-39E Gripen E จำนวน ๒๘เครื่อง และเครื่องบินขับไล่สองที่นั่ง F-39F Gripen F จำนวน ๘เครื่อง รวม ๓๖เครื่องแก่กองทัพอากาศบราซิล(Brazilian Air Force, FAB: Força Aérea Brasileira)

ความเห็นวิเคราะห์
ตามการแถลงของกองทัพอากาศไทยเมื่อวันที่ ๔ มิถุนายน ๒๕๖๘ ข้อตกลงต่างๆที่มีการเจรจากับสวีเดนแล้วรวมถึงการจัดหาอาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่อากาศพิสัยยิงนอกระยะสายตา(BVRAAM: Beyond-Visual-Range Air-to-Air Missile) แบบ MBDA Meteor, อาวุธปล่อยนำวิถีระยะยิงไกลเกินพิสัยยิงข้าศึก(stand-off) เช่น TAURUS KEPD 350, สิทธิทรัพย์สินทางปัญญา(IP: Intellectual Property) ของ datalink LINK-T
และการปรับปรุงขีดความสามารถเครื่องบินควบคุมและแจ้งเตือนทางอากาศแบบที่๑ บ.ค.๑ Saab 340 ERIEYE AEW(Airborne Early Warning) เป็น AEW&C(Airborne Early Warning and Control) ในปี พ.ศ.๒๕๗๓(2030) คาดหวังที่จะเสนอเรื่องต่อกระทรวงกลาโหมและสำนักงบประมาณได้ในเดือนมิถุนายน ๒๕๖๘ คณะรัฐมนตรีไทยและรัฐสภาไทยในเดือนกรกฏาคม ๒๕๖๘ และลงนามสัญญาได้ในเดือนสิงหาคม ๒๕๖๘ ครับ