วันพุธที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2558

กองกำลังป้องกันตนเองทางอากาศญี่ปุ่นกับปัญหาแนวทางการจัดหาเครื่องบินขับไล่ทดแทน

Mitsubishi F-2A

Japan's Fighter Procurement Crunch
http://www.defensenews.com/story/defense/air-space/strike/2015/06/06/japan-fighter-f35-jasdf-f15-f2-upgrade-situational-awareness-sensors/28379749/

กระทรวงกลาโหมญี่ปุ่นได้ตัดสินเลือกเครื่องบินขับไล่ F-35A จำนวน 42เครื่อวงเงิน $8 billion ในปี 2011 เพื่อเป็นเครื่องบินขับไล่ทดแทน F-4EJ ของกองกำลังป้องกันตนเองทางอากาศญี่ปุ่น(JASDF: Japan Air Self Defense Force)ที่ประจำการมาตั้งแต่ปี 1970s
กระบวนการจัดหานั้นเป็นไปอย่างช้าๆแต่มั่นคง โดยในปี 2015 นี้กองกำลังป้องกันตนเองทางอากาศได้รับงบประมาณ 103.2พันล้านเยน($827.4 million) สำหรับการจัดหา F-35 จำนวน 6เครื่อง
และรัฐบาลญี่ปุ่นยังได้อนุมัติวงเงินเพิ่มเติมอีก 17.7พันล้านเยนสำหรับเป็นค่าใช้จ่ายขั้นต้นในการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของอุตสาหกรรมภายในประเทศ และอีก 18.1พันล้านเยนสำหรับค่าใช้จ่ายด้านอุปกรณ์และการฝึก
ทั้งนี้บริษัทอุตสาหกรรมของญี่ปุ่นมีแผนที่จะผลิตชิ้นส่วนของ F-35 จำนวน 24ระบบด้วย

ซึ่ง Richard Aboulafia รองประธาน นักวิเคราะห์ ของ Teal Group ได้ให้ความเห็นว่าการจัดหา F-35 ของกองกำลังป้องกันตนเองทางอากาศญี่ปุ่นเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง
เนื่องจากเมื่อเปรียบเทียบกับตัวเลือกเครื่องบินขับไล่แบบอื่นที่เสนอมาในช่วงเวลานั้นเช่น F/A-18E/F Super Hornet หรือ Typhoon แล้ว
แม้ว่าสมรรถนะพื้นฐานบางด้านเช่น ความเร็ว อัตราระดับการไต่ ความคล่องตัว พิสัยการบิน และน้ำหนักบรรทุกอาจจะด้อยกว่า แต่ F-35 มีขีดความสามารถในด้านคุณสมบัติการตรวจจับได้ยาก(Stealth) และระบบตรวจจับที่ดีกว่ามาก
ทำให้ F-35 จะเพิ่มขีดความสามารถของกองกำลังป้องกันตนเองทางอากาศญี่ปุ่นในอนาคตให้สูงมากยิ่งขึ้น
ทาง Corey Wallace นักวิเคราะห์นโยบายความมั่นคงของสถาบันการศึกษาเอเชียตะวันออก วิทยาลัย Freie นคร Berlin ก็ได้ให้ความเห็นว่า
ขีดความสามรถของระบบตรวจจับและการหยั่งรู้สถานการณ์ขั้นสูงของ F-35 นั้นจะช่วยเสริมขีดความสามารถในการป้องกันประเทศของกองกำลังป้องกันตนเองญี่ปุ่นมากขึ้น
เช่นการเชื่อมโยงการรบแบบเครือข่ายร่วมกับเรือพิฆาต Aegis ของกองกำลังป้องกันตนเองทางทะเลญี่ปุ่น เพื่อเพิ่มพื้นที่ในการป้องกันและโจมตีตอบโต้กลับ ซึ่งเป็นความร่วมมือด้านความมั่นคงระหว่างญี่ปุ่นและสหรัฐฯในการพัฒนาระบบร่วมกันอีกด้าน
อย่างไรก็ตามญี่ปุ่นต้องการที่จะให้อุตสาหกรรมภายในประเทศมีส่วนร่วมกับการจัดซื้อกองกำลังป้องกันตนเองทางอากาศ เพื่อเป็นการรับประกันในการจัดหา F-35 ในปี 2020s ด้านนาย Aboulafia กล่าวว่า
"ในประเทศอื่น F-35 ถูกติดราคาขายที่สูง ซึ่งนั้นเป็นปัญหาร้ายแรงในการที่ควรจะทดแทนเครื่องเก่าด้วยเครื่องที่มีราคาแพงน้อยกว่า
แต่สำหรับญี่ปุ่นแล้วญี่ปุ่นได้จ่ายในราคาที่สูงมากสำหรับการจัดหาเครื่องบินขับไล่ของตน นั่นทำให้ F-35 ไม่แตกต่างจาก F-15 และ F-2 ในแง่ช่วงระยะเวลาค่าใช้จ่าย"

ด้านเครื่องบินขับไล่ยุคที่4 ที่เป็นกำลังหลักของกองกำลังป้องกันตนเองทางอากาศญี่ปุ่นในปัจจุบันคือ F-15J และ F-2 นั้นก็จะมีการปรับปรุงสมรรถนะให้สูงขึ้น
โดย F-15J นั้นมีการปรับปรุงให้ทันสมัยขึ้นเพื่อรองระบบอาวุธและอุปกรณ์ใหม่ๆ เช่น Link 16, Helmet Mounted Sight และอาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่อากาศแบบใหม่อย่าง AAM-5
(มักถูกเรียกด้วยสื่อและนักวิเคราะห์ภายในประเทศว่า F-15J Kai)
ส่วน F-2 นั้นจะมีการปรับปรุงเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการรบแบบอากาศสู่อากาศให้สูงขึ้น
แต่อย่างไรก็ตามแนวทางการปรับปรุงเครื่องบินขับไล่ทั้งสองแบบนั้นไม่ใช่แนวทางที่ยั่งยืน เพราะในอนาคตอันใกล้เครื่องบินขับไล่ทั้งสองแบบจำเป็นจะต้องถูกปลดประจำการลง
ซึ่งจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อการจัดการโครงสร้างกำลังของกองกำลังป้องกันตนเองทางอากาศในอีก 10ปีข้างหน้า
สำหรับ F-2 นั้นคาดว่าอาจจะเริ่มมีการปลดประจำการในช่วงปลายปี 2020s ส่วน F-15J ที่จะประจำการมาก่อนตั้งแต่ปี 1980s จะปลดประจำการภายหลังจากนั้น
ทั้งนี้มีนักวิเคราะห์ทางทหารของญี่ปุ่นรายหนึ่งได้กล่าวไว้ว่า
"F-2 เป็นเครื่องบินที่ห่วยลองถาม JASDF ดูสิ มันจำเป็นที่จะต้องถูกปลดทิ้งเพื่อนำเงินมาใช้กับ F-15 แต่ก็ไม่มีการจัดหาเครื่องทดแทน F-15
(ที่จริง F-22 ควรจะมาทดแทน F-15 มากกว่าที่จะจัดหา F-35 แต่สหรัฐฯไม่อนุมัติการส่งออก F-22 ให้ญี่ปุ่น)
ซึ่ง F-15 แบกรับภาระบนอายุขัยของโครงสร้างมันมาหลายทศวรรษ พวกเขาจำเป็นต้องลงเงินเพื่อการปรับปรุงโครงสร้างภายใน(ของJASDF)
กองทัพอากาศสหรัฐฯนั้นมีแผนที่ประจำการ F-15 ไปถึงปี 2040 ญี่ปุ่นควรจะร่วมมือกับสหรัฐฯอย่างใกล้ชิด เพื่อลดค่าใช้จ่ายในการพัฒนา Technology ในการยืดอายุการใช้งาน F-15 ของทั้งสองประเทศต่อไปในอนาคต"

และนั่นเป็นสิ่งที่ส่งผลกระทบต่อกำลังเครื่องบินขับไล่ของกองกำลังป้องกันตนเองทางอากาศญี่ปุ่นในอนาคต
ซึ่งอาจจะต้องให้ความหวังกับโครงการพัฒนาเครื่องบินขับไล่ยุคที่5ของตนเอง อย่าง ATD-X Shinshin ที่เครื่องต้นแบบจะทำการบินครั้งแรกราวปลายปีนี้ด้วยครับ