วันเสาร์ที่ 6 กันยายน พ.ศ. 2568

กองทัพอากาศไทยทำพิธีบรรจุประจำการเครื่องบินโจมตี บ.จ.๘ AT-6TH
















The Royal Thai Air Force (RTAF) held commissioning ceremony for all eight Beechcraft AT-6TH Wolverine light attack aircrafts of 411th Squadron, Wing 41 Chiang Mai RTAF base on 4 September 2025. 
The Commanders-in-chief of the Royal Thai Air Force, Air Chief Marshal Punpakdee Pattanakul and the U.S. Ambassador to the Kingdom of Thailand, Mr.Robert Frank Godec also attended to AT-6TH commissioning ceremony at Wing 41 Chiang Mai. (Royal Thai Air Force)





กองทัพอากาศบรรจุประจำการเครื่องบินโจมตีเบาแบบที่ 8 (AT-6TH) ณ กองบิน 41
เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 4 กันยายน 2568 พลอากาศเอก พันธ์ภักดี  พัฒนกุล ผู้บัญชาการทหารอากาศ เป็นประธานในพิธีบรรจุประจำการเครื่องบินโจมตีเบาแบบที่ 8 (AT-6TH) ณ กองบิน 41 จังหวัดเชียงใหม่ 
โดยมีเอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ คณะผู้สังเกตการณ์ภายใต้ข้อตกลงคุณธรรม ผู้แทนส่วนราชการ ตลอดจนผู้แทนจากบริษัทอุตสาหกรรมการบิน จำกัด บริษัท Textron Aviation Defense LLC บริษัท Sam Teltech และบริษัท RVC เข้าร่วมเป็นเกียรติในพิธีอย่างพร้อมเพรียง
กองทัพอากาศได้ดำเนินโครงการจัดหาเครื่องบินโจมตีเบา (AT-6TH) จำนวน 8 เครื่อง จากประเทศสหรัฐอเมริกา เพื่อเข้าประจำการ ณ ฝูงบิน 411 กองบิน 41 ทดแทนเครื่องบินขับไล่และฝึกแบบที่ 1 (L-39ZA/ART) ที่ปลดประจำการไปเมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2564 
โดยการจัดหาดังกล่าวได้มีการลงนามสัญญากับบริษัท Textron Aviation Defense LLC เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน 2564 ภายใต้ข้อตกลงคุณธรรม (Integrity Pact) เพื่อให้การใช้งบประมาณของรัฐเป็นไปด้วยความโปร่งใส คุ้มค่า มีประสิทธิผล และเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศชาติและประชาชน
ทั้งนี้ กองทัพอากาศได้ส่งนักบินจำนวน 8 นาย เข้ารับการฝึกบินกับเครื่องบินโจมตีเบา AT-6TH ณ สหรัฐอเมริกา โดยสำเร็จหลักสูตรครูการบินและนักบินทดสอบครบถ้วน พร้อมผลการฝึกที่อยู่ในระดับดีเยี่ยม ทำให้การจัดหาเครื่องบินครั้งนี้ถือเป็นอีกหนึ่งก้าวสำคัญในการยกระดับเทคโนโลยีการบินของกองทัพอากาศให้ทันสมัยและมีความพร้อมรอบด้าน
นอกจากอากาศยานแล้ว โครงการนี้ยังได้รับการสนับสนุนด้านเครื่องมือ อุปกรณ์ การฝึกอบรม และการปรับปรุงอาคารสถาที่สนับสนุนจากโครงการช่วยเหลือทางทหารแบบให้เปล่า US Title 10 Chapter 16 Section 333 Authority to Build Capability ของรัฐบาลสหรัฐฯ เพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถในการปฏิบัติภารกิจ อาทิ 
การโจมตีทางอากาศ การค้นหาและช่วยชีวิตในพื้นที่รบ การลาดตระเวน การสนับสนุนการรบภาคพื้น การสกัดกั้นการลักลอบข้ามแดนและขนส่งยาเสพติด ตลอดจนการปฏิบัติภารกิจเพื่อสาธารณประโยชน์ เช่น การควบคุมไฟป่าและบรรเทาสาธารณภัย เป็นต้น
ผู้บัญชาการทหารอากาศได้กล่าวย้ำว่า การจัดหาในครั้งนี้ดำเนินไปด้วยความโปร่งใส โปร่งประโยชน์ และคุ้มค่าอย่างแท้จริง โดยปัจจุบันฝูงบิน 411 ได้รับมอบเครื่องบินครบจำนวน 8 เครื่องเรียบร้อยแล้ว ซึ่งท่ามกลางสถานการณ์ความขัดแย้งบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา เครื่องบินโจมตีเบา AT-6TH ได้รับการพิจารณาในการปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนติดอาวุธและสนับสนุนการป้องกันประเทศอย่างเต็มศักยภาพ
การบรรจุประจำการเครื่องบินโจมตีแบบที่ 8 (AT-6TH) ในครั้งนี้ นับเป็นอีกหนึ่งหน้าประวัติศาสตร์สำคัญของฝูงบิน 411 กองบิน 41 และกองทัพอากาศ ที่จะนำไปสู่การบูรณาการด้านการปฏิบัติการบินร่วมกับส่วนราชการด้านความมั่นคง เพื่อธำรงไว้ซึ่งอธิปไตยและความมั่นคงของชาติสืบไป

“AT-6TH กำลังรบใหม่แห่งกองทัพอากาศไทย เติมเต็มขีดความสามารถ ปกป้องอธิปไตยชาติ”
วันนี้นับเป็นอีกหนึ่งก้าวประวัติศาสตร์ของกองทัพอากาศไทย ที่บรรจุเครื่องบินโจมตีแบบที่ 8 (AT-6TH) จำนวน 8 เครื่อง ประจำการ ณ ฝูงบิน 411 กองบิน 41 จังหวัดเชียงใหม่
เครื่องบิน AT-6TH คือก้าวสำคัญในการเสริมสร้างขีดความสามารถของกองทัพอากาศ เพื่อภารกิจที่หลากหลาย อาทิ
การโจมตีทางอากาศ
การลาดตระเวนติดอาวุธ
การช่วยเหลือค้นหาและกู้ภัย
การสนับสนุนภาคพื้นดิน
การปราบปรามยาเสพติดและป้องกันชายแดน
การช่วยเหลือประชาชน เช่น ควบคุมไฟป่าและบรรเทาสาธารณภัย
โดย พลอากาศเอก พันธ์ภักดี  พัฒนกุล ผู้บัญชาการทหารอากาศ เป็นประธานในพิธี บรรจุประจำการ เครื่องบินโจมตีแบบที่ 8 และได้รับเกียรติจาก Mr. Robert Frank Godec เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย, คุณชัชวาล ปัญญา รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ และแขกผู้มีเกียรติหลายท่าน มาร่วมเป็นสักขีพยาน
นี่คืออีกหนึ่งก้าวที่สะท้อนถึง ความพร้อม ปณิธาน และความร่วมมือไทย–สหรัฐฯ ในการปกป้องอธิปไตยและสร้างความมั่นคงให้แก่ชาติ
“AT-6TH ไม่ใช่แค่เครื่องบินรบ แต่คือความมั่นใจของคนไทยทุกคน”

กองทัพอากาศไทย(RTAF: Royal Thai Air Force) ได้ทำพิธีบรรจุประจำการของเครื่องบินโจมตีแบบที่๘ บ.จ.๘ Beechcraft AT-6TH Wolverine ทั้งหมดจำนวน ๘เครื่อง ณ ฝูงบิน๔๑๑ กองบิน๔๑ เชียงใหม่ เมื่อวันที่ ๔ กันยายน พ.ศ.๒๕๖๘(2025) เป็นการเสร็จสิ้นโครงการที่ดำเนินมาตั้งแต่การลงนามสัญญาจัดหาเมื่อวันที่ ๑๔ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๖๔(2021)(https://aagth1.blogspot.com/2021/11/at-6th.html)
พิธีได้เริ่มต้นโดยเครื่องบินโจมตี บ.จ.๘ AT-6TH ทำการบินคุ้มกันเครื่องบินลำเลียงแบบที่๑๕ก บ.ล.๑๕ก Airbus A320-214CJ ฝูงบิน๖๐๒ กองบิน๖ ดอนนเมือง ที่มีผู้บัญชาการทหารอากาศไทย พลอากาศเอก พันธ์ภักดี พัฒนกุล, เอกอัครราชทูตสหรัฐฯประจำประเทศไทย Mr.Robert Frank Godec, คณะตัวแทนส่วนราชการไทยและภาคเอกชนของไทยและต่างประเทศและสื่อเดินทางมาลงจอดที่กองบิน๔๑ ในจังหวัดเชียงใหม่

ตั้งแต่ที่ได้รับมอบเครื่องบินโจมตี บ.จ.๘ AT-6TH Wolverine ครบ ๘เครื่องตามสัญญาที่รวมถึงการถ่ายทอดวิทยาการแก่ภาคอุตสาหกรรมการบินของไทยในราวในเดือนมิถุนายน พ.ศ.๒๕๖๘(https://aagth1.blogspot.com/2025/01/at-6th-8.html, https://aagth1.blogspot.com/2025/01/at-6th.html) ซึ่งได้มีการฝึกนักบินพร้อมรบ(https://aagth1.blogspot.com/2025/01/solo-at-6th.html)
และการฝึกการปฏิบัติการภารกิจต่างๆมาอย่างต่อเนื่อง(https://aagth1.blogspot.com/2025/03/at-6th.html) รวมถึงการเข้าร่วมการฝึกผสม AIR THAISING 2025 กับกองทัพอากาศสิงคโปร์(RSAF: Republic of Singapore Air Force) ระหว่างวันที่ ๑๔-๒๕ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๖๘ ณ กองบิน๑ โคราช เป็นการฝึกร่วมกับมิตรประเทศเป็นครั้งแรก(https://aagth1.blogspot.com/2025/07/at-6th-air-thaising-2025.html)

และตามมาต่อเนื่องด้วยการฝึกผสม ENDURING PARTNERS 2025 กับกองทัพอากาศสหรัฐฯ(USAF: US Air Force) ระหว่างวันที่ ๑๘-๒๙ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๖๘(https://aagth1.blogspot.com/2025/08/enduring-partners-2025.html) ณ กองบิน๑ โคราชเช่นเดียวกัน ทั้งนี้ในการให้สัมภาษณ์สื่อระหว่างพิธีบรรจุประจำการเครื่องบินโจมตี บ.จ.๘ AT-6TH ผู้บัญชาการทหารอากาศไทย พล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล ยืนยันว่า
เครื่องบินโจมตี บ.จ.๘ AT-6TH ได้มีส่วนร่วมในการปะทะตามแนวชายแดนระหว่างไทยและกัมพูชาในปลายเดือนกรกฎาคม พ.ศ.๒๕๖๘ แม้ว่าจะไม่ได้ให้รายละเอียด ผบ.ทอ.ไทยเสริมว่าการส่งข้อมูลภาพจากสนามรบในเวลาจริงเป็นขีดความสามารถหนึ่งของเครื่องบิน มีความประหยัด เงียบ และแม่นยำสูงจากระยะไกลเหมาะสมกับภารกิจการโจมตีสนับสนุนกำลังภาคพื้นดินถ้าไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องบินรบที่ติดอาวุธได้หนักกว่า

นอกจากโครงการจัดหาเครื่องบินขับไล่แบบที่ ๒๐ข/ค บ.ข.๒๐ข/ค Saab Gripen E/F จำนวน ๑๒เครื่องสำหรับฝูงบิน๑๐๒ กองบิน๑(https://aagth1.blogspot.com/2025/08/saab-gripen-ef.html, https://aagth1.blogspot.com/2025/08/gripen-ef.html) โครงการจัดหาตามสมุดปกขาว RTAF White Paper 2025(https://aagth1.blogspot.com/2025/06/rtaf-white-paper-2025.html) ที่อาจจะต้องมีการแก้ไขเพิ่มเติมในอนาคตหลังการปะทะกับกองทัพกัมพูชาล่าสุด
ยังรวมถึงการทดแทนเครื่องบินขับไล่แบบที่๑๙/ก บ.ข.๑๙/ก Lockheed Martin F-16AM/BM EMLU ฝูงบิน๔๐๓ กองบิน๔ ตาคลี ด้วยเครื่องบินขับไล่ยุคที่ห้า, เครื่องบินขับไล่แบบที่๑๘ข/ค บ.ข.๑๘ข/ค Northrop F-5E/F TH Super Tigris ฝูงบิน๒๑๑ กองบิน๒๑ อุบลราชธานี และเครื่องบินโจมตีแบบที่๗ บ.จ.๗ Alpha Jet TH ฝูงบิน๒๓๑ กองบิน๒๓ อุดรธานี ด้วยอากาศยานรบไร้คนขับ(UCAV: Unmanned Combat Aerial Vehicle) ครับ