วันพุธที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2558

ความคืบหน้าของโครงการเครื่องบินทิ้งระเบิดทางยุทธศาสตร์ Stealth LRS-B กองทัพอากาศสหรัฐฯ

Contemporary U.S. strategic bombers: the B-52 Stratofortress, B-1 Lancer and B-2 Spirit.

New U.S. stealth bomber shrouded in mystery
http://edition.cnn.com/2015/03/14/politics/u-s-air-force-stealth-bomber/

CNN ได้รายงานความคืบหน้าของโครงการ LRS-B (Long Range Strike Bomber) ซึ่งเป็นโครงการเครื่องบินทิ้งระเบิดทางยุทธศาสตร์ใหม่ของกองทัพอากาศสหรัฐฯที่ยังคงมีความคลุมเครือไม่แน่นอนในตัวโครงการหลายประการ
นับเป็นเวลาเกือบ 30ปีแล้วที่เครื่องบินทิ้งระเบิด Stealth แบบแรกของกองทัพอากาศสหรัฐฯคือ B-2 Spirit เข้าประจำการในจำนวนการผลิตเพียง21เครื่อง
กองทัพอากาศสหรัฐฯต้องการที่จะจัดหาเครื่องบินทิ้งระเบิดทางยุทธศาสตร์ระยะไกลแบบใหม่จำนวนราว 80-100เครื่องเพื่อทดแทน B-52 Stratofortress ซึ่งเป็นม้างานหลักมาตั้งแต่ยุคปี 1950s
โดยผู้แข่งขันในโครงการมีสองรายด้วยกันคือ Northrop Grumman ผู้พัฒนา B-2 และทีมร่วมระหว่าง Boeing และ Lockheed Martin ที่จะพัฒนาเครื่องบินทิ้งระเบิดแบบใหม่ได้ภายในกลางปี 2020s เป็นต้นไป

B-2 drops Mark 82 bombs.

เครื่องบินทิ้งระเบิดทางยุทธศาสตร์ใหม่ในโครงการ LRS-B นั้นกองทัพอากาศสหรัฐฯได้กำหนดคุณสมบัติหลายประการเพื่อให้สามารถเจาะทะลวงและเอาตัวรอดจากระบบป้องกันภัยทางอากาศและเครื่องบินขับไล่ยุคใหม่ได้
เช่น คุณสมบัติตรวจจับได้ยากมาก Stealth มีความเร็วสูงและมีพิสัยการบินไกล บรรทุกอาวุธขนาดใหญ่จำนวนมากได้ทั้งระเบิดและอาวุธปล่อยนำวิถีตามแบบและอาวุธนิวเคลียร์
มีระบบตรวจจับชี้เป้าหมาย และระบบสงครามElectronicที่ทันสมัย มีความสามารถเปลี่ยนแปลงรูปแบบตัวอากาศยาน และสามารถซ่อมแซมตัวเองจากความเสียหายได้ระดับหนึ่ง
อีกทั้งยังมีคุณสมบัติ Combat Cloud คือการเชื่อมโยงแลกเปลี่ยนข้อมูลของแต่ละเครื่องเข้าด้วยกันเป็นเครือข่ายร่วมเพื่อประสิทธิภาพในการปฏิบัติการรบสูงสุด
ซึ่งมีการประเมินว่าราคาเครื่องบินทิ้งระเบิดใหม่นี้จะมีราคาไม่ต่ำกว่าเครื่องละ $550 million นั่นหมายความว่ากองทัพอากาศสหรัฐฯจะต้องใช้งบประมาณ $55 billion สำหรับการจัดหา 100เครื่อง

แต่อย่างไรก็ตามความล่าช้าในการพัฒนาโครงการเนื่องจากผลกระทบที่รัฐบาลสหรัฐฯของประธานาธิบดี Obama ได้ตัดลดงบประมาณทางกลาโหมลงหลายรายการ
ประกอบกับที่กองทัพอากาศสหรัฐฯยังมีโครงการจัดหาขนาดใหญ่ต่อเนื่องอีกหลายโครงการเช่น โครงการจัดหาเครื่องบินขับไล่ยุคที่5 F-35A Lightning II และโครงการจัดหาเครื่องบินเติมเชื้่อเพลิงทางอากาศ KC-46A Pegasus เป็นต้น
ทำให้โครงการเครื่องบินทิ้งระเบิด LRS-B มีแนวโน้มที่จะมีความล่าช้าลงและมีค่าใช้จ่ายในการพัฒนาเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งนับเป็นความเสี่ยงที่รัฐบาลกลางและกองทัพอากาศสหรัฐฯต้องแบกรับในขณะนี้
ซึ่งถ้ากองทัพอากาศสหรัฐฯต้องการจะจัดหาเครื่องบินทิ้งระเบิดใหม่ 100เครื่องเข้าประจำการพร้อมรบได้ในกลางปี 2030s อาจจะต้องใช้งบประมาณเพิ่มขึ้นไม่ต่ำกว่า $90 billion
โครงการ LRS-B จึงมีผลต่อการคงขีดความสามารถด้านกำลังรบทางยุทธศาสตร์ของกองทัพอากาศสหรัฐฯมาก
เพราะเครื่องบินทิ้งระเบิดที่เป็นกำลังหลักในปัจจุบันอย่าง B-52 นั้นคงไม่สามารถยืดอายุการใช้งานไปได้เกินปี 2040-2045 ครับ