Admiral Choengchai Chomchoengphaet, the commander-in-chief of Royal Thai Navy
(RTN) was attend to opening ceremony for Naval Exercise Fiscal Year 2023 on 10
February 2023.
The demonstration include FK-3 medium-range air-defence system and Dzhigit
launcher with two Igla-S on Thairung Transformer 4x4 short-range air-defence
system of Air and Coastal Defense Command (ACDC),
VN16 Tracked Amphibious Assault Vehicles and AAV7A1 RAM/RS amphibious assault
vehicles of Royal Thai Marine Corps (RTMC) and Naval Special Warfare Command
(NSWC, RTN SEAL),
Bell 212 helicopter and Sikorsky SH-60B Seahawk anti-submarine helicopter of
Royal Thai Naval Air Division (RTNAD). (Royal Thai Navy)
กองทัพเรือ จัดพิธีเปิดการฝึกกองทัพเรือ ประจำปี ๒๕๖๖
วันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖ พลเรือเอก เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ
ได้เป็นประธานในพิธีเปิดการฝึกกองทัพเรือ ประจำปี ๒๕๖๖ ณ
กองบัญชาการหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน ค่ายกรมหลวงชุมพรฯ อำเภอสัตหีบ
จังหวัดชลบุรี
โดยมีผู้บังคับบัญชาระดับสูงของกองทัพเรือ
และผู้บังคับบัญชาในกองอำนวยการฝึกกองทัพเรือ ประจำปี ๒๕๖๖
ให้การต้อนรับ
ในโอกาสนี้ ผู้บัญชาการทหารเรือ ได้มอบโอวาทให้กับกำลังพลที่เข้าร่วมการฝึก
และชมการการสาธิตการปฏิบัติการทางทหาร ซึ่งมีการประกอบกำลังจากหน่วยกำลังรบ
และหน่วยสนับสนุนต่าง ๆ ในกองทัพเรือมาเข้าร่วมการปฏิบัติการสาธิตฯ
โดยเป็นการปฏิบัติการโจมตีจากทะเลต่อที่หมายบนฝั่ง ด้วยกำลังรบยกพลขึ้นบก
กำลังปฏิบัติการพิเศษ และอาวุธจากเรือผิวน้ำและอากาศยาน นอกจากนั้น
ยังมีการสาธิตการป้องกันพื้นที่สำคัญบนฝั่งด้วยกำลังต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่งอีกด้วย
กองทัพเรือได้จัดให้มีการฝึกกองทัพเรือประจำปีมาอย่างต่อเนื่อง
เพื่อดำรงความพร้อม ของหน่วยต่าง ๆ ในการปฏิบัติตามแผนป้องกันประเทศ
แบ่งการฝึกเป็นวงรอบทุก ๒ ปี ตามสถานการณ์ที่ถูกกำหนดขึ้น
โดยในปีแรกหรือ Light Year
เป็นการฝึกในสถานการณ์ปกติจนถึงสถานการณ์ความขัดแย้งระดับต่ำ ส่วนในปีที่ ๒
หรือ Heavy Year เป็นการฝึกในสถานการณ์วิกฤตจนถึงขั้นการป้องกันประเทศ
การฝึกกองทัพเรือ ประจำปี ๒๕๖๖ นี้ จัดขึ้นระหว่าง ๒๘ พ.ย.๖๕ - ๒๒ มิ.ย.๖๖
โดยมีกำลังทางเรือประเภทต่าง ๆ เข้าร่วมการฝึก ได้แก่ เรือผิวน้ำ จำนวน ๒๐ ลำ
เครื่องบิน จำนวน ๔ เครื่อง เฮลิคอปเตอร์ จำนวน ๖ เครื่อง อากาศยานไร้คนขับ
จำนวน ๒ ระบบ
กำลังจากหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน
กำลังจากหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง
กำลังจากหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ ตลอดจนหน่วยสนับสนุนต่าง ๆ
มีกำลังพลเข้าร่วมการฝึกรวมทั้งสิ้น ๔,๕๐๐ นาย
มีพื้นที่การฝึกทั้งในทะเลและบนบกโดยแบ่งการฝึกเป็น ๒ ส่วน คือ
การฝึกปัญหาที่บังคับการ (Command Post Exercise: CPX) มีระยะเวลาการฝึกรวม ๓
สัปดาห์ ระหว่าง ๒๗ ก.พ.๖๖ - ๑๗ มี.ค.๖๖
เพื่อฝึกการควบคุมบังคับบัญชา
และทดสอบแนวความคิดในการใช้กำลังและหลักนิยมต่าง ๆ
ของหน่วยบังคับบัญชาในระดับต่าง ๆ และการฝึกภาคสนาม/ภาคทะเล (Field Training
Exercise: FTX) ระหว่างวันที่ ๒๐ มีนาคม - ๑๒ พฤษภาคม ๒๕๖๖
ซึ่งเป็นการฝึกปฏิบัติการจริงของหน่วยกำลังรบประเภทต่างๆ
เพื่อสร้างความคุ้นเคยและประสบการณ์ให้กับกำลังพล
รวมทั้งเป็นการทดสอบขีดความสามารถในการปฏิบัติการต่าง ๆ
อาทิ การคุ้มครองเส้นทางคมนาคมทางทะเล การโจมตีกำลังทางเรือของฝ่ายตรงข้าม
การปฏิบัติการยุทธ์สะเทินน้ำสะเทินบก และการป้องกันฝั่ง
ซึ่งกำลังทางเรือต้องฝึกการปฏิบัติทางยุทธวิธีตามสาขาปฏิบัติการต่างๆ
ได้แก่
การปราบเรือดำน้ำ การต่อต้านเรือผิวน้ำ การป้องกันภัยทางอากาศ
การปฏิบัติการพิเศษ การยกพลขึ้นบก
รวมทั้งปฏิบัติการข่าวสารและสงครามไซเบอร์
ทั้งนี้ จะมีการฝึกยิงอาวุธปล่อยนำวิถี พื้น - สู่ - พื้น แบบ Harpoon Block
1C ในทะเลอันดามัน โดย ร.ล.ประจวบคีรีขันธ์
ซึ่งเป็นเรือตรวจการณ์ไกลฝั่งที่จัดสร้างขึ้นในประเทศไทย
การฝึกปฏิบัติการร่วมระหว่างเรือและอากาศยาน อีกด้วย
นอกจากนั้น ยังมีการฝึกปฏิบัติการยุทธ์สะเทินน้ำสะเทินบก
การยิงอาวุธประจำหน่วย และการฝึกดำเนินกลยุทธ์ด้วยกระสุนจริง
ของกำลังภาคพื้นดิน
ทั้งกำลังจากหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน
หน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง
รวมทั้งกองทัพบกและกองทัพอากาศที่ได้จัดกำลังเข้าร่วมการฝึกในครั้งนี้ด้วย
ในขณะเดียวกัน ได้มีการฝึกด้านการส่งกำลังบำรุง (Logistics Exercise: LOGEX)
เพื่อทดสอบขีดความสามารถด้านการส่งกำลังบำรุงและการปฏิบัติของหน่วยสนับสนุนต่างๆ
พร้อมกันไปด้วย
และที่สำคัญ คือ การฝึกในครั้งนี้ ได้มีการเชิญ ศรชล. กองทัพบก และกองทัพอากาศ
จัดกำลังเข้าร่วมการฝึกในหัวข้อการฝึกต่างๆ อีกด้วย เช่น กำลังของ ศรชล.
ในการฝึกป้องกันพื้นที่สำคัญ
กำลังของกองทัพอากาศ อาทิเครื่องบินขับไล่แบบ JAS-39 Gripen (บข.20)
และเครื่องบินควบคุมและแจ้งเตือนทางภัยอากาศ SAAB 340 AEW (บ.ค.๑)
ในการฝึกป้องกันภัยทางอากาศให้กับกองเรือและการโจมตีเรือในทะเล
กำลังของกองทัพบก อาทิ รถถังแบบ T – 84 Oplot-M
ในการฝึกดำเนินกลยุทธ์ด้วยกระสุนจริง เป็นต้น
ผลที่คาดว่าจะได้รับจากการฝึกกองทัพเรือประจำปี ๒๕๖๖ นั้น
นอกจากกำลังพลที่เข้าร่วมการฝึกจะได้รับความรู้
ความชำนาญเพิ่มขึ้นจากการฝึกแล้ว
ยังทำให้กองทัพเรือได้รับทราบถึงขีดความสามารถและข้อจำกัดของกำลังทางเรือที่มีอยู่ในปัจจุบัน
รวมทั้งการปฏิบัติการร่วมกันกับ ศรชล. และ เหล่าทัพ
เพื่อนำไปใช้ในการวางแผนพัฒนาขีดความสามารถสำหรับการปฏิบัติภารกิจ
โดยเฉพาะในการป้องกันประเทศให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
โดยขีดความสามารถของกำลังทางเรือที่เตรียมไว้สำหรับการทำสงคราม
ยังสามารถนำมาใช้ในการรักษาผลประโยชน์ของชาติ
การช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ประสบภัยพิบัติต่าง ๆ ในยามปกติได้อีกด้วย
การฝึกกองทัพเรือประจำปีงบประมาณ พ.ศ.๒๕๖๖(2023) ของกองทัพเรือไทย(RTN: Royal
Thai Navy) ถูกกำหนดให้มีการดำเนินการฝึกระหว่างวันที่ ๒๘ พฤศจิกายน
พ.ศ.๒๕๖๕(2022) จนถึงวันที่ ๒๒ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๖๖ ก่อนจะมีพิธีเปิดการฝึกในวันที่
๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๖ นั้น
หน่วยต่างๆของก็ได้มีการฝึกต่างๆไปบ้างแล้วเช่น
การฝึกความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและบรรเทาภัยพิบัติ(HADR: Humanitarian
Assistance and Disaster Relief) ของกองทัพเรือภาคที่๓(3rd NAC: Third Naval Area
Command)(https://aagth1.blogspot.com/2023/01/hadr.html)
การฝึกยิงอาวุธทางยุทธวิธีด้วยกระสุนจริง
ของหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง สอ.รฝ.(ACDC: Air and Coastal
Defence Command)(https://aagth1.blogspot.com/2023/02/fk-3.html,
https://aagth1.blogspot.com/2023/01/fk-3-igla-s.html)
การสาธิตการปฏิบัติการทางทหารในพิธีเปิดการฝึกกองทัพเรือประจำปี ๒๕๖๖
ได้มีการจัดแสดงอาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่อากาศระยะปานกลางแบบเคลื่อนที่ FK-3
และอาวุธนำวิถีต่อสู้อากาศยานระยะใกล้แบบเคลื่อนที่ Igla-S
ของหน่วยบัญชาการต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่งต่อสื่อสาธารณะเป็นครั้งแรก
นอกจากการสาธิตปฏิบัติการยกพลขึ้นบกของยานเกราะโจมตีสะเทินน้ำสะเทินบก VN16
และรถสะเทินน้ำสะเทินบก AAV7A1 RAM/RS กองพันรถสะเทินน้ำสะเทินบก พัน.รยบ.
กองพลนาวิกโยธิน พล.นย.(RTMC) และชุดปฏิบัติการพิเศษ
หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ นสร.(RTN SEAL),
เฮลิคอปเตอร์ปราบเรือดำน้ำแบบที่๑ ฮ.ปด.๑ Sikorsky SH-60B Seahawk ฝูงบิน๒
หน่วยบินเรือหลวงจักรีนฤเบศร และเฮลิคอปเตอร์ลำเลียงแบบที่๒ ฮ.ลล.๒ Bell 212
ฝูงบิน๒๐๒ กองบิน๒ กองการบินทหารเรือ กบร. (RTNAD: Royal Thai Naval Air
Division)
การฝึกขั้นต่อไปในภาคสนาม/ภาคทะเล (Field Training Exercise: FTX) ระหว่างวันที่
๒๐ มีนาคม-๑๒ พฤษภาคม ๒๕๖๖ จะรวมถึงการยิงอาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่พื้น RGM-84D
Harpoon Block 1C จากเรือตรวจการณ์ไกลฝั่งชุดเรือหลวงกระบี่
เรือหลวงประจวบคีรีขันธ์ ในทะเลอันดามัน
และการฝึกสนามร่วมกับศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ศรชล.,
รถถังหลัก Oplot-T กองพันทหารม้าที่๒( 2nd Cavalry Battalion) กองพลทหารราบที่๒
รักษาพระองค์ฯ(2nd Infantry Division Royal Guard) กองทัพบกไทย(RTA: Royal Thai
Army)
และเครื่องบินขับไล่แบบที่๒๐/ก บ.ข.๒๐/ก Saab Gripen C/D ฝูงบิน๗๐๑
และเครื่องบินควบคุมและแจ้งเตือนทางภัยอากาศแบบที่๑ บ.ค.๑ Saab 340 ERIEYE AEW
ฝูงบิน๗๐๒ กองบิน๗ กองทัพอากาศไทย(RTAF: Royal Thai Air Force) เป็นต้นด้วย
ผู้บัญชาการทหารเรือยังได้ตอบคำถามจากสื่อมวลชนเกี่ยวกับเหตุอับปางของเรือคอร์เวตชุดเรือหลวงรัตนโกสินทร์
เรือหลวงสุโขทัยในเดือนธันวาคม ๒๕๖๕ ว่า การค้นหาลูกเรือที่ยังสูญหาย
๕นายยังคงมีต่อไป โดยได้มีการชดเชยเยียวยากำลังพลที่รอดชีวิต ๗๕นาย และเสียชีวิต
๒๔นายแล้ว
และการกู้ ร.ล.สุโขทัย ที่จมในอ่าวไทยลึกราว 40m ได้ประเมินว่าจะใช้วงเงินเกิน
๒๐๐,๐๐๐,๐๐๐บาท($5,925,224)
ซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการคัดเลือกบริษัทที่จะรับดำเนินงาน
โดยกองทัพเรือต้องการกู้เรือในสภาพที่สมบูรณ์เพื่อเป็นหลักฐานค้นหาสาเหตุ
และมองที่จะนำเรือกลับมาใช้งานได้อีกครั้ง
การสอบสวนสาเหตุการอับปางของเรือจากผู้เกี่ยวข้อง ๒๘๙ปากคำ เบื้องต้นขณะเกิดเหตุ
ร.ล.สุโขทัยมีเสื้อชูชีพในเรือ ๑๒๐-๑๓๐ ตัวเกิดกำลังพลประจำเรือและกำลังจาก
นย.และ สอ.รฝ.ที่อยู่บนเรือขณะนั้น ๑๐๕นาย
และสาเหตุการจมเกิดจากน้ำเข้าเรือและไม่สามารถสูบน้ำระบายออกได้ครับ