วันอาทิตย์ที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2568

อากาศยานไร้คนขับ CH-7 UAV จีนทำการบินครั้งแรก

Update: China's CH-7 stealth UAV conducts maiden flight





China's CH-7 stealth unmanned aerial vehicle has undergone multiple design changes and tweaks over the last eight years to resolve stability- and performance-related issues. (Janes/China Central Television (CCTV))



โครงการอากาศยานไร้คนขับ(UAV: Unmanned Aerial Vehicle) ถูกตรวจพบได้ต่ำ, ไร้แพนหางแบบ CH-7(Caihong-7 หรือ Rainbow-7) ที่มีมายาวนานได้บรรลุผลเหตุการณ์สำคัญ(https://aagth1.blogspot.com/2021/04/ch-6-uav.html)
หลังจากต้นแบบอากาศยานไร้คนขับ CH-7 UAV ได้ทำการบินครั้งแรกของตนแล้ว ตามภาพเคลื่อนไหววีดิทัศน์ที่เผยแพร่โดยสถานีโทรทัศน์ China Central Television(CCTV) ของรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีน

วิทยาลัยที่11(11th Academy) ของ China Aerospace Science and Technology Corporation(CASC) รัฐวิสาหกิจอุตสาหกรรมกลาโหมด้านการบินและอวกาศของสาธารณรัฐประชาชนจีน
ยังได้ประกาศผ่านสื่อของรัฐบาลจีนเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2025 ว่า อากาศยานไร้คนขับ CH-7 UAV ได้ทำการบินครั้งแรกของตน "เมื่อเร็วๆนี้" จากสนามบินทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีน

"จุดประสงค์หลักของเที่ยวบินปฐมฤกษ์ของอากาศยานไร้คนขับ CH-7 UAV คือเพื่อที่จะ...ยืนยันความสมเหตุสมผล(rationality) ของแบบแผนการออกแบบของตัวอากาศยาน
และความคืบหน้าการบุกเบิกการพัฒนาทางวิทยาการหลักต่างๆของตัวอากาศยาน" Li Jianhua ตัวแทนของ CASC จีนกล่าวกับหนังสือพิมพ์ของรัฐบาลจีน Global Times เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2025 

Janes ได้รายงานก่อนหน้าเกี่ยวกับระยะเวลาที่ยืดเยื้อยาวนานของการพัฒนาอากาศยานไร้คนขับ CH-7 UAV ซึ่งได้รับการเปลี่ยนแปลงการออกแบบมาตลอดช่วง 8ปีที่ผ่านมาล่าสุด
เมื่อเปิดตัวครั้งแรกในงานแสดงการบิน Airshow China 2018 ในนคร Zhuhai จีน อากาศยานไร้คนขับ CH-7 UAV มีความคล้ายคลึงกับอากาศยานไร้คนขับ Northrop Grumman X-47B สหรัฐฯ

อย่างไรก็ตามการออกแบบหลักที่แตกต่างจากอากาศยานไร้คนขับ X-47B สหรัฐฯคืออากาศยานไร้คนขับ CH-7 จีนมีปลายปีกแบบเอียงแทนที่จะเป็นขอบปลายปีกทรงสามเหลี่ยมที่มีใน UAV ของสหรัฐฯ
เมื่ออากาศยานไร้คนขับ CH-7 UAV ได้ถูกจัดแสดงอีกครั้ง ณ งานแสดงการบิน Airshow China 2022 ปีกเพิ่มแรงยก(flap) ทั้งสองข้างได้ถูกออกแบบใหม่ ปลายปีกทั้งสองด้านที่เอียงเป็มมุมแหลมมากขึ้น และส่วนครอบ(nacelle) เครื่องยนต์กลางมีความยาวเพิ่มขึ้น

แรกเริ่ม CASC จีนอธิบายถึงอากาศยานไร้คนขับ CH-7 UAV ว่าเป็นระบบอากาศยานโจมตีทางลึกแบบเจาะทะลวง อย่างไรก็ตามในปี 2024 CASC จีนอธิบาย CH-7 UAV ว่าเป็นอากาศยานตรวจการณ์ทางยุทวิธีด้วยการเพิ่มขีดความสามารถการสนับสนุนทาง electronic และการก่อกวนสัญญาณ jamming 
ตัวแทนของ CASC จีน Li กล่าวถึงความซับซ้อนของการออกแบบว่า อากาศยานไร้คนขับ CH-7 UAV ได้มีการรวม "วิทยาการที่สำคัญต่างจำนวนมากขึ้นอย่างมหาศาล ทำให้กระบวนการทดสอบมีความท้าทายมากขึ้น" เขากล่าวครับ

วันเสาร์ที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2568

PT PAL อินโดนีเซียทำพิธีปล่อยเรือลงน้ำเรือฟริเกต Merah Putih ลำแรก KRI Balaputradewa

PT PAL launches Indonesia's first Red White frigate





Indonesia's first Red White frigate, the future KRI Balaputradewa , seen here at its launch ceremony on 18 December 2025. (PT PAL)



PT PAL รัฐวิสาหกิจผู้สร้างเรือของอินโดนีเซียได้ทำพิธีปล่อยเรือลงน้ำของเรือฟริเกต Merah Putih('แดงขาว' Red White) ลำแรกที่ได้รับการสั่งจัดหาสำหรับกองทัพเรืออินโดนีเซีย(Indonesian Navy, TNI-AL: Tentara Nasional Indonesia-Angkatan Laut)
เรือฟริเกต KRI Balaputradewa หมายเลขเรือ 322 ที่จะขึ้นระวางประจำการในอนาคตถูกปล่อยเรือลงน้ำเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2025 ณ อู่เรือของ PT PAL อินโดนีเซียในมหานคร Surabaya บริษัทประกาศในวันเดียวกัน

เรือฟริเกต KRI Balaputradewa เป็นเรือฟริเกต Merah Putih ลำแรกจากสองลำที่ได้รับการสั่งจัดหาสำหรับกองทัพเรืออินโดนีเซีย(https://aagth1.blogspot.com/2024/06/merah-putih.html)
เรือฟริเกต Merah Putih มีพื้นฐานจากแบบเรือฟริเกต Arrowhead 140 ของบริษัท Babcock สหราชอาณาจักร(https://aagth1.blogspot.com/2023/08/merah-putih.html)

เรือฟริเกตชั้น Balaputradewa โครงการเรือฟริเกต Merah Putih มีระวางขับน้ำเต็มที่ที่ประมาณ 5,996 tonnes และมีความยาวตัวเรือที่ 140m(https://aagth1.blogspot.com/2021/09/babcock-arrowhead-140.html)
ระบบอาวุธที่จะถูกติดตั้งบนเรือฟริเกต Merah Putih รวมถึงแท่นยิงแนวดิ่ง(VLS: Vertical Launching System) แบบ MİDLAS ท่อยิง 64-cell ที่จัดหาจากบริษัท Roketsan ตุรกี

ซึ่งแท่นยิงแนวดิ่ง MİDLAS VLS มีความสามารถในการติดตั้งอาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่อากาศต่อต้านภัยทางอากาศ(https://aagth1.blogspot.com/2024/03/f-515-tcg-istanbul-hisar-d-midlas-vls.html)
หรืออาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่พื้นต่อต้านเรือผิวน้ำพิสัยไกล(https://aagth1.blogspot.com/2024/01/atmaca-45.html) ผสมผสานกันได้จำนวนหลายนัด(https://aagth1.blogspot.com/2025/07/istanbul-2.html)

เรือฟริเกต Merah Putih ยังจะติดตั้งด้วยปืนเรือ Leonardo 76mm/62calibre สองแท่นยิงในส่วนหน้าของเรือ, ปืนกล Millennium 35mm จากบริษัท Rheinmetall เยอรมนีในฐานะระบบป้องกันระยะประชิด(CIWS: Close-In Weapon System)
และปืนกล remote ขนาด 12.7mm สี่แท่นยิงสำหรับการป้องกันเป็นจุด(point defence) สำหรับสงครามปราบเรือดำน้ำ(ASW: Anti-submarine Warfare) จะมีแท่นยิง torpedo เบาปราบเรือดำน้ำ Leonardo B515/3 สามท่อยิง 2แท่นยิง

และระบบ sonar ตัวเรือแบบ Fersah 100-N/MF จากบริษัท Aselsan ตุรกี ระบบตรวจจับหลักอื่นๆที่ติดตั้งบนเรือรวมถึง AESA(Active Electronically Scanned Array) radar ตรวจการณ์สองมิติแบบ Cenk 400-N 2D, multifunction radar แบบ Mete Han, 
radar ควบคุมเฮลิคอปเตอร์แบบ MAR-D และ radar ควบคุมการยิง(FCR: Fire-Control Radar) แบบ Akrep ทั้งหมดบูรณาการเข้ากับระบบอำนวยการรบ(CMS: Combat Management System) แบบ Advent ของบริษัท Havelsan ตุรกี

เรือฟริเกต Merah Putih ติดตั้งระบบขับเคลื่อนเครื่องยนต์ดีเซลสี่เครื่องรูปแบบ CODAD(Combined Diesel and Diesel) สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ที่ 28knots และมีระยะปฏิบัติการไกลสุดที่ 9,000nmi ที่ความเร็วมัธยัสถ์ 15knots
PT PAL อินโดนีเซียมีกำหนดการขั้นต้นที่จะส่งมอบเรือฟริเกต KRI Balaputradewa แก่กองทัพเรืออินโดนีเซียภายในราวปี 2028-2029 ขณะที่เรือฟริเกต Merah Putih ลำสองกำลังถูกสร้างที่อู่เรือของ PT PAL เช่นกันครับ

วันศุกร์ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2568

ปากีสถานทำพิธีปล่อยเรือลงน้ำเรือดำน้ำชั้น Hangor ลำที่สี่ PNS Ghazi เป็นลำสุดท้ายที่ต่อในจีน

Pakistan Navy Launches 4th Hangor-class Submarine “Ghazi” in China



Pakistan Navy pictures from the launching ceremony



กองทัพเรือปากีสถาน(PN: Pakistan Navy) ประกาศเมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2025 ว่า เรือดำน้ำชั้น Hangor ลำที่สี่ เรือดำน้ำ PNS Ghazi ของตนได้ถูกพิธีปล่อยเรือลงน้ำแล้วเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2025 
พิธีปล่อยเรือลงน้ำของเรือดำน้ำ PNS Ghazi ของกองทัพเรือปากีสถานถูกจัดขึ้น ณ อู่เรือ Wuchang Shipbuilding Industry Group Company Ltd(WSIG) ใน Shuangliu นคร Wuhan สาธารณรัฐประชาชนจีน 

ด้วยพิธีปล่อยเรือลงน้ำของเรือดำน้ำ PNS Ghazi กองทัพเรือปากีสถานได้บรรลุผลเหตุการณ์สำคัญที่ซึ่งเรือดำน้ำชั้น Hangor ทั้ง 4ลำที่อยู่ในการสร้างที่จีนขณะนี้ทั้งหมดกำลังได้รับการทดลองเรือในทะเลอย่างเข้มงวดและกำลังอยู่ในขั้นระยะสุดท้ายที่จะถูกส่งมอบให้แก่ปากีสถาน
รัฐบาลปากีสถานได้ลงนามข้อตกลงกับจีนสำหรับการจัดหาเรือดำน้ำชั้น Hangor จำนวน 8ลำ ภายใต้สัญญานี้เรือดำน้ำชั้น Hangor จำนวน 4ลำได้ถูกสร้างในจีน และอีก 4ลำถูกสร้างในปากีสถานโดยอู่เรือ Karachi Shipyard & Engineering Works Ltd(KS&EW) ภายใต้การถ่ายทอดวิทยาการ(ToT: Transfer of Technology)(https://aagth1.blogspot.com/2024/02/hangor.html)

เรือดำน้ำชั้น Hangor ทั้ง 8ลำเหล่านี้ติดตั้งด้วยระบบอาวุธและระบบตรวจจับขั้นก้าวหน้าต่างๆที่มีขีดความสามารถการโจมตีเป้าหมายต่างๆที่ระยะยิงนอกพิสัยการโจมตีของฝ่ายตรงข้าม(standoff ranges) 
เรือดำน้ำชั้น Hangor จะมีบทบาทสำคัญในการดำรงสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาค พิธีปล่อยเรือลงน้ำได้เชิญเจ้าหน้าที่ระดับสูงต่างๆของทั้งปากีสถานและจีนเป็นการแสดงถึงความร่วมมือทวิภาคีที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นของทั้งสองประเทศ 

เรือดำน้ำชั้น Hangor กองทัพเรือปากีสถานเป็นรุ่นส่งออกของเรือดำน้ำชั้น Type 039B(NATO กำหนดรหัสชั้น Yuan) ที่ประจำการในกองทัพเรือปลดปล่อยประชาชนจีน(PLAN: People’s Liberation Army Navy) ปากีสถานยอมรับการจัดซื้อเรือดำน้ำ 8ลำจากจีนในเดือนเมษายน 2015 
ตามข้อตกลงเรือดำน้ำ 4ลำหลังจะถูกสร้างในอู่เรือ KS&EW ปากีสถาน ในเวลาเดียวกับที่เรือดำน้ำ 4ลำแรกจะถูกสร้างในจีน แผนเริ่มแรกจะมีการส่งมอบเรือดำน้ำชั้น Hangor จำนวน 8ลำระหว่างปี 2022-2028 หัวหน้าผู้อำนวยการของโครงการเปิดเผยในเดือนสิงหาคม 2016 ว่าเรือดำน้ำ 4ลำแรกจะถูกส่งมอบในช่วงปี 2022-2023 โดยเรือ 4ลำสุดท้ายจะส่งมอบตามมาในปี 2028 

แต่ดูเหมือนว่าโครงการจะดำเนินการล่าช้าไปสักเล็กน้อยตามที่เรือดำน้ำชั้น Hangor ลำแรก เรือดำน้ำ PNS Hangor ถูกปล่อยลงน้ำเมื่อวันที่ 26 เมษายน 2024(https://aagth1.blogspot.com/2024/04/hangor.html), 
ลำที่สอง เรือดำน้ำ PNS Shushuk ถูกปล่อยลงน้ำเมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2025(https://aagth1.blogspot.com/2025/03/hangor-pns-shushuk.html) และลำที่สาม เรือดำน้ำ PNS Mangro ถูกปล่อยลงน้ำเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2025(https://aagth1.blogspot.com/2025/08/hangor-pns-mangro.html)

กองทัพเรือปากีสถานไม่ได้ให้รายละเอียดใดๆเกี่ยวกับระบบย่อยหรือระบบอาวุธเฉพาะของเรือดำน้ำชั้น Hangor ระบบขับเคลื่อนแบบไม่ใช้อากาศ(AIP: Air Independent Propulsion) แบบวัฏจักร Stirling ถูกใช้ในแบบเรือดำน้ำ S26T(https://aagth1.blogspot.com/2025/11/s26t.html)
ของ China Shipbuilding & Offshore International Company Ltd(CSOC) กิจการการค้าและส่งออกของ China State Shipbuilding Corporation(CSSC) กลุ่มรัฐวิสาหกิจผู้สร้างเรือของสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งผู้เชี่ยวชาญหลายรายสันนิษฐานว่าเรือดำน้ำชั้น Hangor มีพื้นฐานมา 

แต่ทางการปากีสถานไม่ได้เปิดเผยต่อสาธารณะเกี่ยวกับระบบขับเคลื่อนของเรือดำน้ำชั้น Hangor ตามข้อมูลจาก blog ด้านความมั่นคงของปากีสถาน Quwa เรือดำน้ำชั้น Hangor มีความยาวเรือ 76m และมีระวางขับน้ำที่ 2800tons ทำให้เรือมีขนาดสั้นกว่าเล็กน้อย และมีระวางขับน้ำหนักกว่าแบบเรือดำน้ำ S26T เดิม
ปัจจุบันกองทัพเรือปากีสถานมีประจำการด้วยเรือดำน้ำโจมตีดีเซล-ไฟฟ้าชั้น Khalid(Agosta 90B) ทีมีระบบ AIP จำนวน 3ลำ(https://aagth1.blogspot.com/2023/01/khalid.html) และเรือดำน้ำโจมตีดีเซล-ไฟฟ้าชั้น Hashmat(Agosta 70) จำนวน 2ลำ 

เรือดำน้ำแบบ Agosta 90B 3ลำได้รับการปรับปรุงครึ่งอายุภายใต้สัญญาที่ลงนามในปี 2016 กับบริษัท STM ตุรกี ในฐานะผู้รับสัญญาหลัก STM ได้ส่งมอบเรือลำแรกที่ได้รับการปรับปรุงแล้วเรือดำน้ำ S139 PNS Hamza ในปี 2020 
ขอบเขตของการปรับปรุงความทันสมัยของเรือดำน้ำคือการเปลี่ยนระบบควบคุมการยิง(FCS: Fire Control System), ชุด Sonar, ระบบสงคราม electronic(EWS: Electronic Warfare System), Radar และระบบกล้องตาเรือ(นำร่องและโจมตี) 

เรือดำน้ำชั้น Hangor ทั้ง 8ลำจะสร้างความแข็งแกร่งอย่างมีนัยสำคัญแก่กองทัพเรือปากีสถาน ปากีสถานน่าจะที่จะเพิ่มขีดความสามารถต่อต้านการเข้าถึง/ปฏิเสธการใช้พื้นที่(A2/AD: Anti-Access/Area Denial) ในภูมิภาคหลังโครงการเสร็จสมบูรณ์
ตามที่ยังไม่มีการยืนยันอย่างเป็นทางการว่าเรือมีระบบอาวุธอะไรบ้าง เป็นที่ชัดเจนว่าปากีสถานจะได้รับขีดความสามารถการโจมตีทางลึกถ้าเรือดำน้ำชั้น Hangor ได้รับการติดตั้งอาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่พื้นร่อนยิงจากเรือดำน้ำ Babur-3 (SLCM: Submarine-Launched Cruise Missile) ครับ 

วันพฤหัสบดีที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2568

Lockheed Martin สหรัฐฯเปิดตัวเครื่องบินขับไล่ F-35A ฟินแลนด์เครื่องแรกจาก 64เครื่อง

Lockheed Martin rolls out first F-35A for Finland







The first Lockheed Martin F-35A Lightning II for Finland seen on its official roll-out days on 16 December. (Lockheed Martin/Finnish Defence Forces)


บริษัท Lockheed Martin สหรัฐฯได้เปิดตัวเครื่องบินขับไล่ F-35A Lightning II Joint Strike Fighter(JSF) เครื่องแรกสำหรับสำหรับฟินแลนด์ระหว่างพิธี ณ โรงงานอากาศยาน Fort Worth ของบริษัทในมลรัฐ Texas สหรัฐฯ เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2025 
พิธีอันเป็นเหตุการณ์สำคัญได้เชิญประธานาธิบดีฟินแลนด์ Alexander Stubb เช่นเดียวกับรัฐมนตรีกลาโหมฟินแลนด์ Antti Häkkänen และผู้บัญชาการกองทัพอากาศฟินแลนด์(Finnish Air Force, Ilmavoimat) พลอากาศตรี Timo Herranen เข้าร่วม

กองทัพอากาศฟินแลนด์มีกำหนดที่จะได้รับมอบเครื่องบินขับไล่ F-35A Lightning II จำนวน 64เครื่องเพื่อทดแทนเครื่องบินขับไล่ที่นั่งเดี่ยว Boeing F/A-18C Hornet จำนวน 55เครื่อง และเครื่องบินขับไล่สองที่นั่ง F/A-18D Hornet จำนวน 7เครื่องของตน
เป็นการเลือก 'เครื่องบินขับไล่ยุคที่ห้า' ภายใต้การแข่งขันโครงการเครื่องบินขับไล่ทดแทน HX(https://aagth1.blogspot.com/2021/12/f-35a-hx.html) เครื่องบินขับไล่ F-35A ของฟินแลนด์กำลังถูกผลิตในสายการผลิต Lot 17 ถึง Lot 22

และจะถูกส่งมอบตั้งแต่ปลายปี 2025(https://aagth1.blogspot.com/2024/10/f-35a-64.html) ในมาตรฐาน Technical Refresh-3(TR-3) ที่ทำให้มีขีดความสามารถมาตรฐาน Block 4 ได้
เครื่องบินขับไล่ F-35A เครื่องแรกของกองทัพอากาศฟินแลนด์หมายเลข JF-501/MF-1 และอีก 7เครื่องตามมาระยะแรกจะทำการบินไปยังฐานทัพอากาศ Eglin Air Force Base(AFB) กองทัพอากาศสหรัฐฯ(USAF: US Air Force) ในมลรัฐ Florida

ที่ซึ่งเครื่องบินขับไล่ F-35A ชุดแรกเหล่านี้จะถูกใช้สำหรับการฝึกเหล่านักบินและช่างอากาศยานของกองทัพอากาศฟินแลนด์(https://aagth1.blogspot.com/2025/10/lockheed-martin-f-35-300.html)
กองทัพอากาศฟินแลนด์จะได้รับมอบเครื่องบินขับไล่ F-35A เครื่องแรกของตนมายังกองบิน Lapland(Lapland Air Wing) ณ ฐานทัพอากาศ Rovaniemi ในฟินแลนด์ภายในสิ้นปี 2026

เหตุการณ์สำคัญของพิธีเปิดตัวมีขึ้นหลายวันให้หลังจากเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2025 รัฐมนตรีกลาโหมฟินแลนด์ Häkkänen อนุมัติให้กองทัพฟินแลนด์(Finnish Defence Forces, Puolustusvoimat)
ที่จะจัดหาอาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่อากาศพิสัยกลาง RTX AIM-120D-3 AMRAAM(Advanced Medium‐Range Air‐to‐Air Missile) ที่ไม่เปิดเผยจำนวนจากสหรัฐฯสำหรับใช้กับเครื่องบินขับไล่ F-35A

ในเดือนกันยายน 2025 สภา Congress สหรัฐฯได้อนุมัติการขายรูปแบบ Foreign Military Sale(FMS) ของอาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่อากาศ AIM-120D-3 AMRAAM แก่ฟินแลนด์(https://aagth1.blogspot.com/2025/11/aim-120d-3-amraam-f-35a.html)
"การจัดซื้อจัดจ้างนี้จะให้อาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่อากาศ AMRAAM รุ่นที่มีความก้าวหน้ามากที่สุดแก่ฟินแลนด์ ซึ่งจะเพิ่มพูนความสามารถของเราที่จะตอบสนองต่อภัยคุกคามต่างๆในสภาพแวดล้อมการปฏิบัติการของเรา" รัฐมนตรีกลาโหมฟินแลนด์ Häkkänen กล่าวครับ

วันพุธที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2568

สวิตเซอร์แลนด์จะตัดลดจำนวนเครื่องบินขับไล่ F-35A ลงจาก 36เครื่องตามที่สหรัฐฯปฏิเสธข้อตกลงราคาคงที่

Switzerland to cut F-35A buy as US denies fixed-price deal





Switzerland was to procure 36 F-35As, but growing costs set against a fixed budget mean that this order will now be trimmed to an undisclosed number. (US Department of War)

สวิตเซอร์แลนด์จะตัดลดจำนวนของเครื่องบินขับไล่ Lockheed Martin F-35A Lightning II Joint Strike Fighter(JSF) ที่ตนวางแผนจะจัดซื้อหลังสหรัฐฯปฏิเสธเงื่อนไขของข้อตกลงราคาคงที่(fixed-price) ที่ร้องขอโดยรัฐบาลสมาพันธรัฐสวิสในนครหลวง Bern 
กระทรวงกลาโหม, การปกป้องพลเรือน และกีฬาสวิตเซอร์แลนด์(Swiss Federal Department of Defence, Civil Protection, and Sport, DDPS) กล่าวเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2025 ที่ผ่านมาว่า

แทนที่วางแผนไว้เดิมที่จะจัดซื้อเครื่องบินขับไล่ F-35A Lightning II สหรัฐฯจำนวน 36เครื่อง(https://aagth1.blogspot.com/2022/09/f-35a-36.html) ตอนนี้สวิตเซอร์แลนด์จะจัดซื้อเครื่องบินขับไล่ F-35A 
ใน "จำนวนสูงสุดเท่าที่เป็นไปได้" ที่สวิตเซอร์แลนด์สามารถจะได้รับสำหรับวงประมาณวงเงิน 6 billion Swiss Franc($7.5 billion) ที่ได้รับการจัดสรรต่อโครงการจัดซื้อจัดจ้าง Air2030(https://aagth1.blogspot.com/2021/12/f-35a-patriot.html)

"เนื่องจากค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมต่างๆที่สามารถคาดการณ์ได้ มันเป็นไปไม่ได้จากมุมมองของนโยบายงบประมาณที่จะคงจำนวนเครื่องตามแผนเดิมของเครื่องบินขับไล่ F-35A ที่ 36เครื่อง(https://aagth1.blogspot.com/2021/07/f-35a-patriot.html)
การตัดสินใจของสภาสมาพันธรัฐสวิสไม่ต้องการการกู้เงินเพิ่มเติมและและสอดคล้องกับเจตจำนงของประชาชนสวิส" กระทรวงกลาโหม, การปกป้องพลเรือน และกีฬาสวิตเซอร์แลนด์ DDPS กล่าว

ตามที่เน้นในการประกาศ รัฐบาลสมาพันธรัฐสวิสได้มีความพยายามมาตลอดช่วงฤดูร้อนของซีกโลกเหนือ(the Boreal summer) ที่จะเจราจาข้อตกลงราคาคงที่กับสหรัฐฯ
ซึ่งได้รับการถูกพิสูจน์ว่าไม่ประสบความสำเร็จซึ่งรัฐบาลสหรัฐฯในนครหลวง Washington, DC ได้อ้างอิงค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับภาวะเงินเฟ้อ, การเปลี่ยนแปลงของราคาวัตถุดิบต่างๆ, และปัจจัยอื่นๆ

ด้วยเหตุดังนี้ กระทรวงกลาโหม, การปกป้องพลเรือน และกีฬาสวิตเซอร์แลนด์ DDPS ได้ประเมินโครงการจัดซื้อจัดจ้างเครื่องบินขับไล่ F-35A ใหม่ทั้งหมด โดยตรวจสอบว่า
ความต้องการต่างๆสำหรับการป้องกันภัยทางอากาศของสวิตเซอร์แลนด์ยังคงสอดคล้องต่อหลักการซึ่งเป็นพื้นฐานการประเมินค่าของอากาศยานหรือไม่(https://aagth1.blogspot.com/2020/10/f-35a-fa-18ef-patriot.html)

สภาสมาพันธรัฐสวิสประกาศการจัดซื้อจัดจ้างสำหรับเครื่องบินขับไล่ F-35A จำนวน 36เครื่อง ผ่านรูปแบบการขาย Foreign Military Sales(FMS) ของรัฐบาลสหรัฐฯในปี 2022 ซึ่งจะถูกส่งมอบในระหว่างปี 2027-2030
เครื่องบินขับไล่ F-35A จะถูกนำมาทดแทนฝูงเครื่องบินขับไล่ Northrop F-5E/F Tiger II และเครื่องบินขับไล่ Boeing F/A-18C/D Hornet ของกองทัพอากาศสวิตเซอร์แลนด์(Swiss Air Force) ที่ทั้งสองแบบมีกำหนดจะปลดประจำการในปี 2030 ครับ

วันอังคารที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2568

กองทัพบกไทยยึดอาวุธปล่อยนำวิถีต่อสู้รถถัง GAM‐102LR จีนของทหารกัมพูชาได้ในการรบ

Thailand-Cambodia conflict: Thai army seizes Chinese-produced ATGMs


Poly Technologies showcased its GAM-102 ATGM at the Defense & Security 2023 show in Bangkok.. (My Own Photos, Defense & Security)









The Royal Thai Army seized Chinese-made manportable GAM‐102LR ATGM systems after Cambodian troops retreated from contested high ground. (Royal Thai Army)



กองทัพบกไทย(RTA: Royal Thai Army) สามารถยึดอาวุธปล่อยนำวิถีต่อสู้รถถัง(ATGM: Anti-Tank Guided Missile) แบบเคลื่อนย้ายด้วยบุคคล GAM‐102LR ที่ผลิตโดยจีนกองใหญ่จำนวนหนึ่ง
ที่กองทัพบกไทยกล่าวว่าถูกใช้งานโดยกองทัพกัมพูชา(Royal Cambodian Armed Forces) ในความขัดแย้งระหว่างสองประเทศที่กำลังดำเนินอยู่ล่าสุดที่เริ่มต้นตั้งแต่วันที่ ๗ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๖๘(2025)

ในการแถลงข่าวสรุปสถานการณ์ต่อสื่อเมื่อวันที่ ๑๔ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๖๘ โฆษกกองทัพบกไทยกล่าวว่าตามการรบในแนวหน้าที่ช่องอานม้า(Chong An Ma) ในจังหวัดอุบลราชธานี ประเทศไทย
กองทัพบกไทยสามารถยึดอาวุธปล่อยนำวิถีต่อสู้รถถังแบบเคลื่อนย้ายด้วยบุคคล GAM‐102LR ได้หลายชุดยิงหลังกำลังทหารกัมพูชาล่าถอยจากการช่วงชิงพื้นที่สูงข่มเนิน๖๗๗(Hill 677)

ในการแถลงสรุปสถานการณ์ต่อสื่อกองทัพบกไทยได้แสดงชุดภาพนิ่งและภาพวีดิทัศน์ของอาวุธปล่อยนำวิถีต่อสู้รถถังแบบประทับบ่ายิง GAM‐102LR ATGM และอุปกรณ์ประกอบที่เกี่ยวข้องรวมถึงชุดขาหยั่งที่กองทัพบกไทยกล่าวว่าทหารกัมพูชาทิ้งไว้
ถ้าการปฏิบัติงานของอาวุธปล่อยนำวิถีต่อสู้รถถัง GAM‐102LR ATGM ของกองทัพกัมพูชาเป็นที่ยืนยันจะทำให้กองทัพกัมพูชากลายเป็นผู้ใช้งานทางทหารรายแรกของระบบนี้ที่เป็นที่ทราบ

ซึ่งอาวุธปล่อยนำวิถีต่อสู้รถถัง GAM‐102LR ถูกผลิตโดย Poly Technologies รัฐวิสาหกิจที่ดำเนินกิจการการนำเข้าและส่งออกอาวุธยุทโธปกรณ์ทางกลาโหมของรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีน
อาวุธปล่อยนำวิถีต่อสู้รถถัง GAM‐102LR ATGM ได้ถูกเปิดตัวครั้งแรก ณ นิทรรศการป้องกันประเทศ Defence Services Asia 2018 (DSA 2018) ที่จัดขึ้นในมหานคร Kuala Lumpur มาเลเซียระหว่าวันที่ 16-19 เมษายน 2018

ณ งานแสดง DSA 2018 ที่ Kuala Lumpur มาเลเซีย เจ้าหน้าที่จาก Poly Technologies จีนกล่าวกับ Janes ในเวลานั้นว่าอาวุธปล่อยนำวิถีต่อสู้รถถัง GAM‐102LR ATGM กำลังอยู่ในสายการผลิตแต่ไม่เปิดเผยลูกค้า
อาวุธปล่อยนำวิถีต่อสู้รถถัง GAM‐102LR เป็นรุ่นพิสัยยิงไกลของอาวุธปล่อยนำวิถีต่อสู้รถถังตระกูล GAM‐102 ATGM และมีในทั้งรุ่นที่ติดตั้งบนแท่นยิงขาหยั่งสามขาและบนยานยนต์ 

ระบบอาวุธปล่อยนำวิถี GAM‐102 จีนมีความคล้ายคลึงกับอาวุธปล่อยนำวิถีต่อสู้รถถัง FGM-148 Javelin ที่ผลิตโดยกิจการค้าร่วม Javelin Joint Venture(JJV) บริษัท Raytheon(RTX) สหรัฐฯ/บริษัท Lockheed Martin สหรัฐฯ
รูปแบบภายนอกและการประกอบท่อยิงของอาวุธปล่อยนำวิถีต่อสู้รถถังตระกูล GAM‐102 ATGM จีนมีความคล้ายคลึงร่วมกันหลายอย่างเช่นเดียวกับคุณลักษณะสมรรถนะบางด้าน(https://aagth1.blogspot.com/2021/08/fgm-148-javelin.html)

อาวุธปล่อยนำวิถีต่อสู้รถถัง GAM‐102LR ตัวจรวดมีเส้นผ่านศูนย์กลางที่ 152mm มีความยาวที่ 1.2m และมีน้ำหนักรวมที่ 26kg รวมถึงท่อยิงแบบใช้ครั้งเดียวทิ้ง อาวุธปล่อยนำวิถีซึ่งใช้หัวค้นหาเป้าหมายสร้างภาพความร้อน infrared แบบไม่หล่อเย็น
ถูกขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ motor จรวดส่วน booster และ motor จรวดหลักที่สามารถทำความเร็วได้สูงสุดที่ 170m/s มีระยะยิงระหว่าง 300m ถึง 4km ติดตั้งหัวรบระเบิดต่อสู้รถถัง(HEAT: High-Explosive Anti-Tank) แบบ tandem ครับ

วันจันทร์ที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2568

อาร์เจนตินารับมอบเครื่องบินขับไล่ F-16AM/BM มือสองชุดแรก 6เครื่องจาก 24เครื่อง

Argentine Air Force receives first F-16s, last Bell 407s







The first six Lockheed Martin F-16A/B Block 15 Fighting Falcons arrived at the FAA's Rio IV Material Area on 5 December 2025. (Argentine Air Force)



ในสัปดาห์แรกของเดือนธันวาคม 2025 กองทัพอากาศอาร์เจนตินา(Argentine Air Force, FAA: Fuerza Aérea Argentina) ได้รับมอบเครื่องบินขับไล่ Lockheed Martin F-16AM/BM Fighting Falcon ชุดแรกของตน
เช่นเดียวกับเฮลิคอปเตอร์ Bell 407 ชุดสุดท้ายในฐานะส่วนหนึ่งของความพยายามที่จะมีประจำการด้วยอาวุธยุทโธปกรณ์แบบใหม่ของกองทัพอากาศอาร์เจนตินา(https://aagth1.blogspot.com/2025/03/f-16ambm-24.html)

เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2025 เครื่องบินขับไล่ F-16AM/BM Block 15 ชุดแรกจำนวน 6เครื่องของกองทัพอากาศอาร์เจนตินาได้มาถึง ณ พื้นที่ยุทโธปกรณ์ Rio IV Material Area(AMRIV: Área de Material Río IV) ของกองทัพอากาศอาร์เจนตินา
หลังจากบินเดินทางออกจากฐานทัพอากาศ Skrydstrup ในเดนมาร์ก และทำการหยุดพักที่ฐานทัพอากาศ Zaragoza และ Gando(หมู่เกาะ Canary) ในสเปนและฐานทัพอากาศ Natal ในบราซิล

การส่งมอบรวมถึงเครื่องบินขับไล่สองที่นั่ง F-16BM จำนวน 4เครื่อง และเครื่องบินขับไล่ที่นั่งเดี่ยว F-16AM จำนวน 2เครื่อง ซึ่งทำการบินจาก Gando ร่วมหมู่บินกับเครื่องบินเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศ Boeing KC-135R Stratotanker จำนวน 3เครื่องของกองทัพอากาศสหรัฐฯ(USAF: US Air Force) 
ในการเพิ่มเติมต่อการสนับสนุนจากเครื่องบินลำเลียง Boeing 737-700 และเครื่องบินลำเลียงและเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศ Lockheed Martin KC-130H Hercules ของกองทัพอากาศอาร์เจนตินา

เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2025 กองทัพอากาศอาร์เจนตินาได้จัดพิธีนำเข้าประจำการอย่างเป็นทางการของเครื่องบินขับไล่ F-16AM/BM ในฝูงบินขับไล่ที่6(6th Fighter Group, Grupo 6 de Caza)
โดยเชิญประธานาธิบดีอาร์เจนตินา Javier Milei, รัฐมนตรีกลาโหมอาร์เจนตินา Luis Petri และผู้บัญชาการกองทัพอากาศอาร์เจนตินา พลอากาศจัตวา Gustavo Valverde เข้าร่วมในพิธี

เครื่องบินขับไล่ F-16AM/BM ชุดที่สองจำนวน 6เครื่องจะถูกส่งมอบเพิ่มเติมภายในสิ้นปี 2026 และชุดที่สาม และชุดที่สี่ จำนวนชุดละ 6เครื่องเช่นเดียวกันจะถูกส่งมอบตามมาในปี 2027 และ 2028 รวมทั้งหมด 24เครื่อง
ตามข้อมูลจากผู้บัญชาการกองทัพอากาศอาร์เจนตินา พลอากาศจัตวา Valverde ฝูงบินขับไล่ที่6 จะถูกรับมอบหมายหน้าที่เพื่อการฝึกนักบินและช่างอากาศยานสำหรับเครื่องบินขับไล่ F-16AM/BM

และจะปฏิบัติการจากสถานที่ทำงานฐานทัพอากาศ Rio IV จนกว่าการก่อสร้างในฐานทัพอากาศ Tandil ของกองทัพอากาศอาร์เจนตินาจะแล้วเสร็จ งานก่อสร้างนี้รวมถึงการสร้างทางวิ่ง runway และพื้นผิว(tarmac) ใหม่,
โรงเก็บอากาศยานแข็งแรง(shelter) ใหม่, และการสร้างอาคารเครื่องจำลองการบิน simulator, ห้องบรรยายสรุป(briefing room), ศูนย์การฝึก และสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ

อาร์เจนตินาได้เสร็จสิ้นการบรรลุข้อตกลงที่จะจัดหาเครื่องบินขับไล่ F-16AM/BM ส่วนเกิน(surplus)จากเดนมาร์ก โดยมีการลงนามสัญญาเดือนเมษายน 2024(https://aagth1.blogspot.com/2024/04/f-16ambm-24.html)
กองทัพอากาศเดนมาร์ก(RDAF: Royal Danish Air Force, Flyvevåbnet) กำลังทดแทนฝูงเครื่องบินขับไล่ F-16AM/BM จำนวน 40เครื่องของตนด้วยเครื่องบินขับไล่ Lockheed Martin F-35A Lightning II Joint Strike Fighter(JSF) จำนวน 43เครื่องครับ(https://aagth1.blogspot.com/2025/10/f-35a-16-43.html)