วันอาทิตย์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568

เยอรมนีเปิดตัวรถถังหลัก Leopard 2A8 และปืนใหญ่อัตตาจร PzH 2000 A4 สร้างใหม่คันแรก

First Leopard 2A8s, PzH 2000 A4 rolled out





The first Leopard 2A8 MBTs for Germany (right) and Norway (left) and PzH 2000 A4 SPH (centre, behind Pistorius) were rolled out at KNDS Deutschland in Munich on 19 November. (Bundeswehr/Jana Neumann)



รถถังหลัก Leopard 2A8 MBT(Main Battle Tank) คันแรกสำหรับกองทัพบกเยอรมนี(German Army, Heer) และนอร์เวย์(https://aagth1.blogspot.com/2023/02/leopard-2a7-54.html)
และปืนใหญ่อัตตาจรสายพาน Panzerhaubitze(PzH) 2000 A4 ระบบแรกได้ถูกเปิดตัว ณ บริษัท KNDS Deutschland เยอรมนีใน Munich เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2025 ที่ผ่านมา

กระทรวงกลาโหมเยอรมนี(Federal Ministry of Defence, BMVg: Bundesministerium der Verteidigung) และสำนักงานยุทโธปกรณ์กลาโหมนอร์เวย์(NDMA: Norwegian Defence Materiel Agency, FMA: Forsvarsmateriell) ประกาศใน website ของพวกตนภายหลังในวันเดียวกัน
กระทรวงกลาโหมเยอรมนีเน้นว่า รถถังหลัก Leopard 2A8 มีคุณลักษณะติดตั้งระบบป้องกันเชิงรุก(APS: Active Protection System) แบบ Trophy และการปรับปรุงในระบบควบคุมการยิง, ระบบควบคุม และเครื่องยนต์ของรุ่นก่อนหน้า

สำนักงานยุทโธปกรณ์กลาโหมนอร์เวย์ NDMA กล่าวว่ารถถังหลัก Leopard 2A8 ซึ่งกำหนดแบบเป็นรถถังหลัก Leopard 2A8 NOR ในประจำการกองทัพบกนอร์เวย์(Norwegian Army, Hæren) เป็นรถถังหลักที่ทันสมัยและมีความเป็น digital ที่สุดที่เคยมีการผลิตมา
ปืนใหญ่อัตตาจรสายพาน PzH 2000 A4 จะทดแทนปืนใหญ่อัตตาจร PzH 2000 รุ่นก่อนหน้าที่บริจาคให้ยูเครนไปแล้ว เยอรมนีได้สั่งจัดหาปืนใหญ่อัตตาจร PzH 2000 ใหม่จำนวน 10ระบบเมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2023

ขณะที่รถถังหลัก Leoprad 2 รุ่นก่อนหน้าเป็นการปรับปรุงรถถังที่มีอยู่แล้ว รถถังหลัก Leopard 2A8 เป็นยานเกราะในประจำการกองทัพเยอรมนี(Bundeswehr) 'Panzertruppe' ที่สร้างใหม่คันแรกตั้งแต่ปี 1992
รถถังหลัก Leopard 2A7A1 รุ่นก่อนหน้าที่เปิดตัวในปี 2024(https://aagth1.blogspot.com/2024/11/leopard-2a7a1-trophy-aps.html) เป็นยานเกราะแบบแรกของของกองทัพเยอรมนีที่ติดตั้งระบบป้องกันเชิงรุก APS

โดยรถถังหลัก Leopard 2A7A1 ติดตั้งระบบป้องกันเชิงรุก Trophy APS เช่นเดียวกับที่ติดตั้งกับรถถังหลัก Leopard 2A8 รถถังหลักทั้งสองรุ่นติดตั้งปืนใหญ่รถถัง L55A1 ขนาด 120mm ของบริษัท Rheinmetall เยอรมนี ที่สามารถยิงกระสุนเจาะเกราะพลังงานจลน์ DM73 และกระสุนระเบิดแรงสูงแตกสะเก็ด DM11 
รถถังหลักทั้งสองรุ่นติดตั้งปืนกลร่วมแกนและปืนกลบนหลังคาป้อมขนาด 7.62mm สองกระบอก และเครื่องยิงลูกระเบิดควัน รถถังหลัก Leopard 2A8 ได้รับการติดตั้งกล้องตาเรือ periscope รุ่นปรับปรุงใหม่สำหรับผู้บังคับรถและการควบคุมที่เรียบง่ายขึ้นสำหรับพลยิง

รถถังหลัก Leopard 2A8 รุ่นล่าสุดที่สร้างใหม่ได้ถูกสั่งจัดหาโดยเยอรมนีจำนวน 124คัน, นอร์เวย์จำนวน 54คัน, เนเธอร์แลนด์จำนวน 46คัน(https://aagth1.blogspot.com/2025/05/leopard-2a8-46.html), ลิทัวเนียจำนวน 44คัน(https://aagth1.blogspot.com/2024/12/leopard-2a8-44.html), 
สวีเดนจำนวน 44คัน(https://aagth1.blogspot.com/2025/01/leopard-2a8-strv-123-44.html) และสาธารณรัฐเช็กจำนวน 44คัน(https://aagth1.blogspot.com/2025/09/leopard-2a8-44.html) ยังรวมถึงโครเอเชียในอนาคตจำนวนถึง 50คันด้วยครับ(https://aagth1.blogspot.com/2024/11/leopard-2a8-m142-himars.html)

วันเสาร์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568

BAE Systems, Boeing สหรัฐฯและ Saab สวีเดนเสนอเครื่องบินฝึกไอพ่น T-7A แก่อังกฤษ

BAE Systems, Boeing, and Saab pitch T-7A jet trainer to UK





A T-7A Red Hawk AJT aircraft undergoing flight trials. BAE Systems, Boeing, and Saab are to offer the aircraft to the UK and to the wider international flight training market. (Boeing)

บริษัท BAE Systems สหราชอาณาจักร, บริษัท Boeing สหรัฐฯ และบริษัท Saab สวีเดนได้ลงนามจดหมายแสดงความจำนง(LOI: Letter of Intent) ที่จะเสนอเครื่องบินฝึกไอพ่นขั้นก้าวหน้า T-7A Red Hawk AJT(Advanced Jet Trainer) แก่สหราชอาณาจักร
ในฐานะการทดแทนเครื่องบินฝึกไอพ่น BAE Systems Hawk ภายในปี 2030 บริษัท BAE Systems, บริษัท Boeing, และบริษัท Saab ประกาศการลงนามจดหมายแสดงความจำนง LOI เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายน 2025

ทั้งสามบริษัทกล่าวว่าพวกตนจะทำงานร่วมกันเพื่อการที่จะได้รับสัญญาในความต้องการเครื่องบินฝึกไอพ่นความเร็วสูงของกองทัพอากาศสหราชอาณาจักร(RAF: Royal Air Force) ในเวลาเดียวกับแสวงหาโอกาสการฝึกนักบินนานาชาติในอนาคตต่างๆ
"ทั้งสามบริษัทจะมีความร่วมมือการทำงานในระบบการฝึก, การบูรณาการขีดความสามารถการฝึกแบบในความเป็นจริงและแบบสังเคราะห์จำลอง และระบบภารกิจที่เกี่ยวข้องต่างๆ" แถลงการณ์ร่วมกล่าว

"และจะสำรวจโอกาสต่างๆเพิ่มเติมสำหรับการเติบโตของห่วงโซ่อุปทานของเครื่องบินในสหราชอาณาจักร" BAE Systems สหราชอาณาจักรจะเป็นผู้นำกิจกรรม ซึ่งจะรวมการประกอบขั้นสุดท้ายในสหราชอาณาจักร
ได้รับการพัฒนาโดย Boeing สหรัฐฯ และ Saab สวีเดน เครื่องบินฝึกไอพ่น T-7A Red Hawk ถูกออกแบบสำหรับโครงการการฝึกนักบินขั้นก้าวหน้า T-X Advanced Pilot Training ของกองทัพอากาศสหรัฐฯ(USAF: US Air Force)

เพื่อจะทดแทนเครื่องบินฝึกไอพ่น Northrop T-38 Talon ยุคปี 1960s ของกองทัพอากาศสหรัฐฯ ซึ่งบริษัท Boeing และบริษัท Saab ได้รับสัญญาในปี 2018 สำหรับการสั่งจัดหาเครื่องบินฝึกไอพ่น T-7A จำนวน 351เครื่อง

เครื่องบินฝึกไอพ่น T-7A Red Hawk ติดตั้งระบบขับเคลื่อนเครื่องยนต์ไอพ่น Turbofan เดี่ยวแบบ General Electric F414(เช่นเดียวกับที่ติดตั้งกับเครื่องบินขับไล่ Boeing F/A-18E/F Super Hornet สองเครื่อง และเครื่องบินขับไล่ Saab Gripen E/F หนึ่งเครื่อง)
T-7A Red Hawk เป็นเครื่องบินฝึกไอพ่นขั้นก้าวหน้าสองที่นั่งเรียงกันที่มีคุณสมบัติห้องนักบินติดตั้งจอแสดงผลขนาดใหญ่(LAD: Large-Area Display) ทำให้ดูเหมือนและให้ความรู้สึกแบบเดียวกับเครื่องบินขับไล่สมัยใหม่

เช่นเดียวกับคันบังคับรูปแบบด้านข้างนักบิน sidestick และระบบควบคุมบนคันบังคับและคันเร่งแบบ HOTAS(Hands-on-Throttle-and-Stick) นอกจากคำสั่งจัดหาปัจจุบันของกองทัพอากาศสหรัฐฯ รวมถึงโอกาสในกองทัพเรือสหรัฐฯ(USN: US Navy)
(https://aagth1.blogspot.com/2021/08/boeing-lockheed-martin-leonardo.html) Boeing สหรัฐฯ และ Saab สวีเดนวาดภาพตลาดทั่วโลกสำหรับเครื่องบินฝึก T-7A Red Hawk จำนวนถึง 2,600เครื่องในระหว่างหลายปีข้างหน้าที่จะถึงครับ

วันศุกร์ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568

ภาพเปิดเผยพม่าเป็นลูกค้าส่งออกรายแรกของเฮลิคอปเตอร์ใช้งานทั่วไป Mi-38T รัสเซีย

Update: Myanmar emerges as first export operator of Mi-38T







Myanmar's new Mi-38T assault transport helicopters have a single-tone green colour scheme. (Government of Myanmar)

พม่าได้ปรากฎว่าเป็นลูกค้าส่งออกรายแรกของเฮลิคอปเตอร์ใช้งานทั่วไป/ลำเลียงจู่โจมแบบ Mil Mi-38T รัสเซีย(https://aagth1.blogspot.com/2019/08/mi-28nm-mi-38t-2019.html)
หลังจากรัฐบาลทหารพม่าที่รู้จักในชื่อคณะกรรมาธิการความมั่นคงและสันติภาพแห่งรัฐ(SSPC: State Security and Peace Commission) ได้เผยแพร่ชุดภาพของเฮลิคอปเตอร์ Mi-38T จำนวน 3เครื่องถูกนำเข้าประจำการเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2025

ชุดภาพถ่ายของเฮลิคอปเตอร์ Mi-38T ได้ปรากฏในสื่อที่เผยแพร่โดยฝ่ายประชาสัมพันธ์ของผู้บัญชาการแห่งกองทัพพม่า(CICNDS: Commander-in-Chief of Defence Services) เมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2025
ภาพถ่ายและภาพวีดิทัศน์เคลื่อนไหวที่ออกอากาศทางสถานีวิทยุและโทรทัศน์เมียนมา MRTV(Myanmar Radio and Television) ของรัฐบาลพม่าเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2025 บ่งชี้ว่า

นอกเหนือจากเฮลิคอปเตอร์ Mi-38T สามเครื่องหมายเลข "60-10", "60-11", และ "60-12" แล้ว กองทัพอากาศพม่า(Myanmar Air Force, Tatmadaw Lei) ยังได้รับมอบเครื่องบินลำเลียง Shaanxi Y-8F-200W จีนใหม่จำนวน 2เครื่อง
หมายเลข "5923" และ "5924" เพิ่มเติมต่อเครื่องบินลำเลียงตระกูล Y-8 ที่มีประจำการอยู่ก่อนแล้ว 7เครื่องที่จัดหาตั้งแต่ปี 1990s ด้วย(https://aagth1.blogspot.com/2022/12/su-30sme-ka-28-ftc-2000g.html)

ประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงและสันติภาพแห่งรัฐ SSPC พม่า พลเอกอาวุโส Min Aung Hlaing อธิบายการจัดซื้อจัดจ้างของเฮลิคอปเตอร์ลำเลียง Mi-38T และเครื่องบินลำเลียง Y-8F-200W ใหม่ว่า
"เป็นความต้องการที่สำคัญสำหรับกองทัพอากาศเมียนมาเพื่อที่จะประสบความสำเร็จในการดำเนินหน้าที่รับผิดชอบการป้องกันประเทศและความมั่นคงแห่งชาติของตน"(https://aagth1.blogspot.com/2024/04/uav-nay-pyi-taw.html)

ตามข้อมูลจากสถาบันป้องกันประเทศและความมั่นคงพม่า(MDSI: Myanmar Defense & Security Institute) องค์การวิจัยที่จัดตั้งขึ้นโดยอดีตนายทหารกองทัพพม่าซึ่งขณะนี้ทำงานให้กับกองกำลังกลุ่มต่อต้านรัฐบาลทหารพม่าต่างๆ
เฮลิคอปเตอร์ Mi-38T เหล่านี้ได้มาถึงฐานทัพอากาศ Nay Pyi Taw ในเดือนกันยายน 2025 พลเอกอาวุโส Min Aung Hlaing กล่าวว่าเฮลิคอปเตอร์เหล่านี้ถูกส่งมอบอย่างเป็นทางการให้แก่กองทัพอากาศพม่าเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2025

การจัดหาเฮลิคอปเตอร์ Mi-38T ของพม่าน่าจะมีขึ้นตามสัญญาในปี 2020 กับ Rosoboronexport JSC หน่วยงานด้านการส่งออกอาวุธยุทโธปกรณ์ของรัสเซีย(https://aagth1.blogspot.com/2018/11/mi-38t.html
ในเดือนกรกฎาคม 2020 โดยปราศจากการระบุถึงพม่า Rosoboronexport ประกาศว่า "สัญญาการค้าต่างประเทศแรกสำหรับการส่งมอบเฮลิคอปเตอร์อเนกประสงค์ขนาดกลาง Mi-38T ที่ผลิตโดยโรงงานอากาศยาน Kazan Helicopters...แก่ลูกค้าต่างประเทศ"

ในเดือนกันยายน 2020 Andrey Boginsky ผู้อำนวยการบริหารของ Russian Helicopters กลุ่มรัฐวิสาหกิจผู้ผลิตเฮลิคอปเตอร์ของรัสเซียในเวลานั้นกล่าวว่า "เราได้ลงนามสัญญาและรับการชำระค่าใช้จ่ายล่วงหน้าจากลูกค้าต่างประเทศสำหรับเฮลิคอปเตอร์ (Mi-38T) สามเครื่อง"
และมีรายงานต่อมาในปี 2021-2022 ว่าลูกค้าส่งออกรายแรก "เป็นประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้" อย่างไรก็ตามสายการผลิตเฮลิคอปเตอร์ Mi-38T มีความล่าช้าจากพัฒนาตัวเครื่องและเครื่องยนต์ไอพ่น turboshaft แบบ Klimov TV7-117V

เช่นเดียวกับสถานการณ์ภายในประเทศของพม่าตั้งแต่การรัฐประหารรัฐบาลพลเรือนที่มาจากการเลือกตั้งในปี 2021 ที่ตามมาด้วยสงครามกลางเมืองอันยาวนานที่ทวีความรุนแรงขึ้นอย่างต่อเนื่องตั้งแต่นั้นมา
เฮลิคอปเตอร์ Mi-38T ของพม่าที่ประกอบด้วยรุ่นลำเลียง 2เครื่องและรุ่นรับ-ส่งบุคคลสำคัญ VIP 1เครื่อง เป็นเครื่องสร้างใหม่ที่ผลิตโดย Kazan Helicopters ซึ่งเปิดสายการผลิตตั้งแต่ปลายปี 2021 และโครงการมีมูลค่ารวมที่วงเงินราว 80 million Euros($92.5 million) ครับ

วันพฤหัสบดีที่ 20 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568

Defense & Security 2025: ยานยนต์รบไร้คนขับ DTI D-Iron UGV สำหรับกองทัพบกไทยใกล้จะเสร็จสิ้นการทดสอบก่อนพิจารณาจัดหาจำนวนมาก

Defense & Security 2025: Edge positions for THeMIS opportunity in Thailand







The THeMIS Combat UGV is seen displayed at Defense & Security 2025 in Bangkok integrated with Valhalla's LOKI remote-controlled weapon station integrated with a 7.62 mm gun. (My Own Photos and Milrem Robotics/Defense & Security)

หุ่นยนต์ยุทธวิธียานยนต์รบไร้คนขับ D-Iron RCV(Robotic Combat Vehicle) ที่มีพื้นฐานจากยานยนต์รบไร้คนขับ THeMIS(Tracked Hybrid Modular Infantry System) UGV(Unmanned Ground Vehicle) เอสโตเนีย
กำลังใกล้จะเสร็จสิ้นการทดสอบต่างๆกับกองทัพบกไทย(RTA: Royal Thai Army) ก่อนโครงการจัดซื้อจัดจ้างที่มีความเป็นไปได้(https://aagth1.blogspot.com/2024/08/smart.html)

การพูดคุยกับ Janes ณ นิทรรศการแสดงยุทโธปกรณ์และเทคโนโลยีป้องกันประเทศ Defense & Security 2025 ที่ IMPACT เมืองทองธานี กรุงเทพฯ ประเทศไทย ระหว่างวันที่ ๑๐-๑๓ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๖๘(2025) ที่ผ่านมา
เจ้าหน้าที่จากบริษัท Edge Group สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายหลักของบริษัท Milrem Robotics เอสโตเนียผู้พัฒนายานยนต์รบไร้คนขับ THeMIS UGV กล่าวว่า

การทดสอบต่างๆของหุ่นยนต์ยุทธวิธียานยนต์รบไร้คนขับ D-Iron RCV ของกองทัพบกไทยคาดว่าจะเสร็จสิ้นในระยะเวลาอันใกล้นี้(https://aagth1.blogspot.com/2023/11/defense-security-2023-dti-d-iron.html)
โครงการ D-Iron RCV(THeMIS UGV) ในไทยเป็นการผลักดันร่วมกันโดยบริษัท Edge และสถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ สปท. DTI(Defence Technology Institute) หน่วยงานในสังกัดกระทรวงกลาโหมไทย

"เรามีความเป็นหุ้นส่วนกับ DTI มาเป็นเวลาสักระยะแล้ว เราได้มีการทำโครงการทดสอบและประเมินค่าที่ครอบคลุมร่วมกันกับ DTI ไทยในระบบยานยนต์ไร้คนขับ THeMIS UGV" Miles Chambers รองประธานอาวุโสฝ่ายธุรกิจนานาชาติของ Edge สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์กล่าว
"ขณะนี้เรากำลังอยู่ในช่วงการทดลองโดยผู้ใช้งานรวมถึงการวางกำลังใช้งานจริงและนั่นกำลังดำเนินอยู่ เราหวังว่านี่จะเสร็จสิ้นในอีกหลายเดือนข้างหน้าที่จะมาถึง และหลังจากนั้นเรามั่นใจว่าเราจะเห็นโครงการจัดหาที่มีขนาดใหญ่ขึ้น" เขาเสริม

Miles ยังยืนยันว่ายานยนต์รบไร้คนขับ THeMIS UGV รุ่นที่จัดแสดงในงาน Defense & Security 2025 เป็นรูปแบบที่กำลังได้รับการส่งเสริมการนำเสนอแก่กองทัพบกไทย(https://aagth1.blogspot.com/2023/08/dti-d-iron-rcv.html)
รูปแบบที่จัดแสดงนี้มีคุณลักษณะติดตั้งด้วยแท่นยิงอาวุธ remote(RCWS: Remote-Controlled Weapon Station) แบบ LOKI ของบริษัท Valhalla สโลวาเกีย ที่บูรณาการติดตั้งปืนกลขนาด 7.62mm

แท่นยิงอาวุธ LOKI RCWS สนับสนุนการติดอาวุธหลายขนาดลำกล้องตั้งแต่ปืนกลขนาด 5.56mm จนถึงปืนกลหนักขนาด 12.7mm ตามข้อมูลจากบริษัท Edge สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
แท่นยิงอาวุธ LOKI RCWS มีระยะยิงหวังผลในการโจมตีเป้าหมายต่างๆที่ระยะไกลถึง 2,000m และสามารถใช้ในภารกิจการต่อต้านระบบอากาศยานไร้คนขับ(C-UAS: Counter-Unmanned Aircraft System) ได้ด้วย

ความเห็นวิเคราะห์
หุ่นยนต์ยุทธวิธียานยนต์รบไร้คนขับ D-Iron RCV ที่ถูกสร้างต้นแบบเพื่อทดสอบโดยความร่วมมือระหว่าง DTI ไทย และ Milrem Robotics เอสโตเนียก่อนหน้าเป็นรูปแบบสำหรับการรบด้วยการมอบอำนาจการยิงสนับสนุนแก่ทหารราบ
โดยบูรณาการป้อมปืน RWS(Remote Weapon Station) แบบ R400S-Mk2 D-HD(Direct Drive-Heavy Duty) จากบริษัท Electro Optic Systems(EOS) ออสเตรเลีย และติดปืนกล Northrop Grumman M230LF ขนาด 30mm สหรัฐฯ

กองทัพบกไทยมีความต้องการหุ่นยนต์ยุทธวิธี D-Iron สำหรับภารกิจต่างๆรวมถึง การสนับสนุนทหารราบ, การเฝ้าตรวจชายแดน, การลาดตระเวน, การส่งกำลังบำรุง และปฏิบัติการต่อต้านการก่อความไม่สงบ(COIN: Counter-Insurgency) ซึ่งระบบ THeMIS UGV มีขีดความสามารถในการปรับแต่งได้หลากหลายรูปแบบตามความต้องการ 
อย่างไรก็ตามในการสอบถามโดยผู้เขียน(ผู้แปล) DTI ไทยไม่ได้ยืนยันหรือปฏิเสธว่ามีการใช้หุ่นยนต์ยุทธวิธียานยนต์รบไร้คนขับ D-Iron RCV วางกำลังในการรบจริงระหว่างการปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาในเดือนกรกฎาคม พ.ศ.๒๕๖๘ หรือไม่ครับ

วันพุธที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568

Defense & Security 2025: Chaiseri ไทยจะบูรณาการระบบอำนวยการรบ BMS สำหรับยานเกราะล้อยาง Stryker 8x8 กองทัพบกไทย

Defense & Security 2025: Chaiseri, Leonardo DRS partner on BMS for Thai Strykers



General Dynamics Land Systems, Leonardo DRS and Chaiseri at the Defense & Security 2025 show in Bangkok. (My Own Photos and Chaiseri/Defense & Security)




The RTA has operated the Stryker since August 2019. (Royal Thai Army)

บริษัท Leonardo DRS สหรัฐฯในเครือกลุ่มบริษัท Leonardo อิตาลี และบริษัท ชัยเสรี เม็ททอล แอนด์ รับเบอร์ จำกัด(Chaiseri metal & rubber Co. Ltd.) ไทยได้ลงนามบันทึกความเข้าใจ(MOU: Memorandum of Understanding)
ณ นิทรรศการแสดงยุทโธปกรณ์และเทคโนโลยีป้องกันประเทศ Defense & Security 2025 ที่ IMPACT เมืองทองธานี กรุงเทพฯ ประเทศไทย ระหว่างวันที่ ๑๐-๑๓ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๖๘(2025) ที่ผ่านมา

เป็นการส่งสัญญาณก้าวต่อไปในการบูรณาการแนวทางแก้ไขปัญหาระบบการบัญชาการ, ควบคุม, สื่อสาร, computer และข่าวกรอง(C4I: command, control, communications, computers, and intelligence) ติดตั้งบนระบบต่างๆของกองทัพบกไทย(RTA: Royal Thai Army)
บันทึกความเข้าใจ MOU ที่ลงนามเมื่อวันที่ ๑๑ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๖๘ จะเป็นการส่งมอบขีดความสามารถระบบอำนวยการสนามรบ(BMS: Battle Management System) ชุดแรกแก่ยานเกราะล้อยาง Stryker RTA ICV(Infantry Combat Vehicles) 8x8 ของกองทัพบกไทย

"โดยทันทีที่ลูกค้ามีความพร้อม" แหล่งข่าวในภาคอุตสาหกรรมกล่าวกับ Janes การปรับปรุงจะรวมถึงการเพิ่มเเติมของระบบอำนวยการสนามรบ BMS แบบ Mounted Family of Computer Systems ของบริษัท Leonardo DRS
และชุดระบบอำนวยการสนามรบ BMS แบบ Sitaware ของบริษัท Systematic สหรัฐฯ ซึ่ง Leonardo DRS สหรัฐฯจะบูรณาการ บันทึกความเข้าใจ MOU ที่ลงนามเมื่อวันที่ ๑๑ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๖๘

มีขึ้นตามหลังการประกาศสัญญาวงเงิน $7 million(ประมาณ ๒๓๖,๐๒๖,๐๐๐บาท) ในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๖๘(https://aagth1.blogspot.com/2025/02/leonardo-drs-chaiseri-bms-stryker-8x8.html)
เพื่อการส่งมอบและบูรณาการสิ่งอุปกรณ์(hardware) และชุดคำสั่ง(software) ระบบ BMS C4I เข้ากับยานเกราะล้อยาง Stryker RTA ICV 8x8 กองทัพบกไทยในฐานะส่วนหนึ่งของการขายรูปแบบ Foreign Military Sale(FMS) จากรัฐบาลสหรัฐฯ

การบูรณาการของระบบ BMS จะเพิ่มพูนขีดความสามารถการบัญชาการและควบคุมของยานเกราะล้อยาง Stryker RTA ICV 8x8 ของกองทัพบกไทยที่ผลิตโดยบริษัท General Dynamics Land Systems สหรัฐฯ ซึ่งเข้าประจำการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๖๒(2019)
แหล่งข่าวในภาคอุตสาหกรรมต่างๆยืนยันกับ Janes ว่า ยานเกราะล้อยาง Stryker RTA ICV 8x8 จำนวนหนึ่งได้ถูกวางกำลังใกล้กับพื้นที่ชายแดนของไทยกับกัมพูชาที่มีความตึงเครียดตั้งแต่เดือนมิถุนายน พ.ศ.๒๕๖๘ จนถึงหลังการปะทะที่เกิดขึ้นในเดือนกรกฎาคม พ.ศ.๒๕๖๘

ภายในสิ้นปี พ.ศ.๒๕๖๘ กองทัพบกไทยจะได้รับมอบยานเกราะล้อยาง Stryker RTA ICV 8x8 ทั้งหมดจำนวน ๑๔๐คัน ซึ่งเป็นรถมือสองที่เคยประจำการในกองทัพบกสหรัฐฯ(US Army)
ยานเกราะล้อยาง Stryker RTA ICV 8x8 ส่วนใหญ่ถูกนำเข้าประจำการ ณ กรมทหารราบที่๑๑๒ กองพลทหารราบที่๑๑ ร.๑๑๒ พล.ร.๑๑(112th Infantry Regiment, 11th Infantry Division) กองทัพภาคที่๑ ทภ.๑(1st Army Area) กองทัพบกไทย

"ระบบ BMS มอบการบัญชาการและควบคุมทำให้สามารถเป็นการเร่งความเร็วการปฏิบัติการทางยุทธวิธีต่างๆได้ ระบบยังมอบการหยั่งรู้สถานการณ์สำหรับกองกำลังฝ่ายพันธมิตรต่างๆ, ช่วยในการพิสูจน์ทราบการรบ, 
และทำให้สามารถส่งกลับเหล่าทหารที่ได้รับบาดเจ็บได้อย่างรวดเร็วมากขึ้นในสถานการณ์และสภาพแวดล้อมที่เต็มไปด้วยฝ่ายตรงข้าม" บริษัท Leonardo DRS กล่าวก่อนหน้าในต้นปี พ.ศ.๒๕๖๘ 

ความเห็นวิเคราะห์
กรมทหารราบที่๑๑๒ กองพลทหารราบที่๑๑ ร.๑๑๒ พล.ร.๑๑ ซึ่งเป็นกรมชุดรบยานเกราะล้อยาง Stryker(SRCT: Stryker Regiment Combat Team) ของกองทัพบกไทยกำลังเพิ่มขีดความสามารถของกำลังยานเกราะล้อยาง Stryker RTA ICV 8x8 ของตน
นอกจากระบบ BMS C4I ยังรวมถึงติดตั้งระบบควบคุมอาวุธระยะไกลแบบ M153 CROWS II(Common Remotely Operated Weapon Station) ของบริษัท Kongsberg นอร์เวย์ ที่จะเพิ่มขีดความสามารถในการใช้อาวุธที่แม่นยำจากระยะไกลทั้งกลางวันกลางคืนและปกป้องพลยิงที่ทำการควบคุมการยิงจากภายในตัวรถ

เดิมยานเกราะล้อยางลำเลียงพล Stryker RTA ICV 8x8 ของกองทัพบกไทยติดตั้งด้วยแท่นยิงปืนกลหนัก M2 .50cal หรือเครื่องยิงลูกระเบิดอัตโนมัติ STK 40 AGL 40mm แบบบังคับด้วยมือ(manual) ที่ดำเนินการพัฒนาเองในไทย
ยานเกราะล้อยางลำเลียงพล Stryker RTA ICV 8x8 บางคันยังได้รับการติดเกราะตาข่าย anti-drone mesh เพื่อการป้องกันการโจมตีจากอากาศยานไร้คนขับ FPV drones ซึ่งน่าจะมาจากการศึกษาสงครามรัสเซีย-ยูเครน รวมถึงการปะทะตามแนวชายแดนที่มีรายงานกองทัพกัมพูชาได้ใช้อากาศยานไร้คนขับหลายรูปแบบในการรบกับทหารไทยครับ

วันอังคารที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568

Defense & Security 2025: Thales ฝรั่งเศสจะส่งมอบระบบใหม่ต่างๆเพื่อปรับปรุงเรือหลายลำของกองทัพเรือไทย

Defense & Security 2025: Thales to supply systems for Thai navy upgrades



Navantia displayed a model of the RTN's HTMS Chakri Naruebet aircraft carrier at the Defense & Security 2025 show in Bangkok. (My Own Photos and Defense & Security)




CSSC displayed a model of its Type 071E amphibious assault ship that commissioned in the RTN as HTMS Chang in 2023, at the Defense & Security 2025 show in Bangkok. (My Own Photos)

บริษัท Thales ฝรั่งเศสร่วมทีมกับบริษัท Universal Communication Systems(UCS) ไทย และบริษัท Navantia สเปน เพื่อจะสนับสนุนการปรับปรุงระบบต่างๆบนเรือหลายลำของกองทัพเรือไทย(RTN: Royal Thai Navy)
ความเป็นหุ้นส่วนความร่วมมือนี้ได้รับการประกาศ ณ นิทรรศการแสดงยุทโธปกรณ์และเทคโนโลยีป้องกันประเทศ Defense & Security 2025 ที่ IMPACT เมืองทองธานี กรุงเทพฯ ประเทศไทย ระหว่างวันที่ ๑๐-๑๓ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๖๘(2025) ที่ผ่านมา

ความเป็นหุ้นส่วนของบริษัท Thales กับ UCS ไทยมีศูนย์กลางที่การติดตั้งเรือบรรทุกเฮลิคอปเตอร์เรือหลวงจักรีนฤเบศรของกองทัพเรือไทย(https://aagth1.blogspot.com/2025/04/rtaf2025.html) ด้วยระบบการบริหารระบบบูรณาการ(IPMS: Integrated Platform Management System)
ภายใต้ความเป็นพันธมิตรของตนกับบริษัท Navantia บริษัท Thales จะติดตั้งระบบพิสูจน์ฝ่าย(IFF: Friend-or-Foe) ของตนกับเรือตรวจการณ์ไกลฝั่งชุดเรือหลวงปัตตานีทั้งสองลำของกองทัพเรือไทยคือ ร.ล.ปัตตานี และเรือหลวงนราธิวาส(https://aagth1.blogspot.com/2025/08/navantia-opv.html)

และเรือยกพลขึ้นบกอู่ลอยเรือหลวงช้าง(ลำที่๓) เรือยกพลขึ้นบกอู่ลอยชั้น Type 071ET รุ่นส่งออกของกองทัพเรือไทย(https://aagth1.blogspot.com/2025/04/navantia-type-071et-lpd.html) ภายใต้สัญญาที่ประกาศในปี พ.ศ.๒๕๖๘ Navantia สเปนจะปรับปรุงเรือทั้งหมดสามลำ
เจ้าหน้าที่บริษัท Thales กล่าวกับ Janes เมื่อวันที่ ๑๒ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๖๘ ว่าสัญญาของตนกับบริษัท UCS ไทยเรียกร้องการติดตั้งระบบการบริหารระบบบูรณาการ IPMS กับเรือบรรทุกเฮลิคอปเตอร์ ร.ล.จักรีนฤเบศร ภายในระยะเวลา ๑๕เดือน

ระบบการบริหารระบบบูรณาการ IPMS ใหม่จะทดแทนระบบเช่นเดียวกันที่พัฒนาโดย Navantia สเปน(Bazan เดิม) ผู้สร้างเรือบรรทุกเฮลิคอปเตอร์ ร.ล.จักรีนฤเบศร ซึ่งถูกบูรณาการเข้ากับเรือมาเป็นเวลาเกือบ ๓๐ปีแล้วตั้งแต่เข้าประจำการในกองทัพเรือไทยในปี พ.ศ.๒๕๔๐(1997)
เจ้าหน้าที่ Thales กล่าวว่างานในโครงการจะได้รับการดำเนินการในความเป็นหุ้นส่วนกับ UCS ไทย โดยบริษัท Thales คาดหวังที่จะสนับสนุนการถ่ายทอดวิทยาการแก่ไทย งานการพัฒนาบางส่วนจะยังมีขึ้นในไทย UCS ไทยจะยังบำรุงรักษาและสนับสนุนระบบ IPMS ในระหว่างประจำการกองทัพเรือไทยด้วย

บริษัท Thales กล่าวว่าระบบการบริหารระบบบูรณาการ IPMS ใหม่จะทำหน้าที่ในฐานะกรอบการควบคุมการปฏิบัติงานหลักของเรือหลวงจักรีนฤเบศร ระบบถูกออกแบบที่จะเป็นศูนย์กลางการจัดการระบบขับเคลื่อน, ระบบไฟฟ้า, เครื่องจักรช่วย, การทำงานการควบคุมความเสียหายบนเรือ
ด้วยการมอบข้อมูลสถานการณ์ในเวลาจริงและการสนับสนุนการตัดสินใจแบบอัตโนมัติ ระบบการบริหารระบบบูรณาการ IPMS มุ่งเป้าที่จะปรับปรุงขีดความสามารถของเรือเพื่อปรับตนให้เข้ากับสภาวะการปฏิบัติการต่างๆที่เปลี่ยนแปลงไปขณะที่ลดภาระงานของกำลังประจำเรือ

ในฐานะเรือบรรทุกเครื่องบินเพียงลำเดียวที่ประจำการในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เรือหลวงจักรีนฤเบศรจะได้รับการปรับปรุงความทันสมัยด้วยระบบที่เชื่อมโยงโครงสร้างพื้นฐานเครื่องจักรของเรือกับอุปกรณ์การรบและนำร่อง, เครื่องจำลองและส่วนติดต่อการฝึกลูกเรือบนเรือ
บริษัท Thales กล่าวว่าระบบการบริหารระบบบูรณาการ IPMS จะถูก "ปรับแต่งให้เข้ากับความต้องการต่างๆที่เป็นเอกลักษณ์และขนาดที่มีความสำคัญของเรือ" เพื่อสร้างความมั่นใจว่าขีดความสามารถใหม่ต่างๆจะถูกบูรณาการอย่างไร้รอยต่อกับระบบต่างๆในปัจจุบันของเรือบรรทุกเฮลิคอปเตอร์ ร.ล.จักรีนฤเบศร

ความเห็นวิเคราะห์
ในงาน Defense & Security 2025 บริษัท Navantia ได้จัดแสดงแบบจำลองย่อขนาดของเรือบรรทุกเฮลิคอปเตอร์ เรือหลวงจักรีนฤเบศร กองทัพเรือไทย ซึ่งตัวแทนฝ่ายไทยของ Navantia กล่าวกับผู้เขียน(ผู้แปล)ว่าเป็นแบบจำลองที่สร้างขึ้นมาตั้งแต่ที่กองทัพเรือไทยทำสัญญาจัดหาเรือเมื่อกว่า ๓๐ปีที่แล้ว
ด้านบริษัท Thales ได้กล่าวว่ากองทัพเรือไทยเป็นผู้ใช้งานระบบทางเรือต่างๆของบริษัทในเรือหลายลำของตน และยังเสริมว่างานการปรับปรุงระบบ IPMS บน ร.ล.จักรีนฤเบศร จะแบ่งการดำเนินงานในไทยและตุรกี โดยตุรกีจะดำเนินงานการพัฒนาชุดคำสั่ง software ใน Istanbul ตุรกี แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติม

ร.ล.จักรีนฤเบศรได้รับการปรับปรุงความทันสมัยโดยติดตั้งระบบอำนวยการรบ(CMS: Combat Management System) แบบ Saab 9LV สวีเดน พร้อมระบบเชื่อมโยงข้อมูลทางยุทธวิธี(TDL: Tactacal Data Link) กับเรือฟริเกตเรือหลวงภูมิพลอดุลยเดช และเรือฟริเกตชุดเรือหลวงนเรศวรทั้งสองลำ และเครื่องบินขับไล่ บ.ข.๒๐ Gripen กองทัพอากาศไทย(RTAF: Royal Thai Air Force) ในปี พ.ศ.๒๕๕๕(2012)
กองทัพเรือไทยได้เปิดเผยแนวคิดพัฒนา ร.ล.จักรีนฤเบศร ให้เป็นเรือบรรทุกอากาศยานไร้คนขับ(Unmanned Aircraft System(UAS) Carrier) โดยจะเน้นไปที่ขีดความสามารถการวางกำลัง UAV(Unmanned Aerial Vehicle) ตรวจการณ์และโจมตีเรือผิวน้ำ/ที่หมายบนฝั่งระยะไกลเป็นหลัก

อย่างไรก็ตามในงาน Defense & Security 2025 แม้ว่าจะมีบริษัทอู่ต่อเรือของตุรกีผู้สร้างเรือยกพลขึ้นบกบรรทุกเฮลิคอปเตอร์อู่ลอย L-400 TCG Anadolu มาจัดแสดงในงาน แต่บริษัท Baykar ตุรกีที่เป็นผู้สร้างอากาศยานรบไร้คนขับ Bayraktar TB3 UCAV(Unmanned Combat Aerial Vehicle) ไม่ได้มาจัดแสดงในงาน(https://aagth1.blogspot.com/2024/11/bayraktar-tb3-ucav-tcg-anadolu.html)
จึงไม่ทราบเพิ่มเติมว่ากองทัพเรือไทยมีแนวคิดที่จะนำ Bayraktar TB3 ตุรกีมาทดสอบบน ร.ล.จักรีนฤเบศร หรือไม่ Navantia ยังกำลังเตรียมการเสนอเรือฟริเกต ALFA 3000 ของตนแข่งขันในโครงการจัดหาเรือฟริเกตใหม่ของกองทัพเรือไทย ซึ่งในการถ่ายทอดวิทยาการการต่อเรือในไทย Navantia กล่าวว่าตนจะมอบสิทธิบัตรแบบเรือของตนแก่ไทยแบบ "ตลอดชีวิต"(life time) ต่างจากของรายอื่นที่ให้แบบจำกัดเวลาครับ

วันจันทร์ที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568

Defense & Security 2025: BAE Systems อังกฤษเตรียมการเสนอปืนใหญ่เบากระสุนวิถีโค้งลากจูง M777 แก่กองทัพบกไทย

Defense & Security 2025: BAE Systems prepares M777 bid in Thailand



BAE Systems displayed a model of its M777 lightweight towed howitzer for the RTA at the Defense & Security 2025 show in Bangkok. (My Own Photos, Defense & Security/Royal Thai Army, Spring News)




Australian Army soldiers from the 8th/12th Regiment, Royal Australian Artillery, complete a live-fire of an M777A2 lightweight towed howitzer gun at Mount Bundey Training Area. (Commonwealth of Australia)

บริษัท BAE Systems สหราชอาณาจักรกำลังเข้าใกล้โอกาสที่จะจัดส่งปืนใหญ่กระสุนวิถีโค้งลากจูงน้ำหนักเบา M777 155mm/39calibre ของตนแก่กองทัพบกไทย(RTA: Royal Thai Army)
เจ้าหน้าที่จากบริษัท BAE Systems กล่าวกับ Janes ณ นิทรรศการแสดงยุทโธปกรณ์และเทคโนโลยีป้องกันประเทศ Defense & Security 2025 ที่ IMPACT เมืองทองธานี กรุงเทพฯ ประเทศไทย ระหว่างวันที่ ๑๐-๑๓ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๖๘(2025) ที่ผ่านมาว่า

ปืนใหญ่กระสุนวิถีโค้งลากจูง M777 155mm/39cal ได้ถูกเสนอเพื่อให้ตรงความต้องการของกองทัพบกไทยสำหรับโครงการจัดหาปืนใหญ่สนามแบบลากจูงขนาด 155mm น้ำหนักเบา
เจ้าหน้าที่บริษัท BAE Systems กล่าวว่าขณะที่ความต้องการโครงการจัดหาปืนใหญ่สนามแบบลากจูงขนาด 155mm ระยะที่๑ ไม่ได้มีจำนวนมากนัก โดยน่าจะมีเนื้อหาการจัดซื้อจัดจ้างที่จำนวน ๖กระบอก โครงการน่าจะขยายจำนวนเพิ่มได้ในอนาคต

Janes เข้าใจว่าการเจรจาระหว่าง BAE Systems สหราชอาณาจักรและกองทัพบกไทยกำลังอยู่ในการดำเนินการอยู่ในการตอบสนองต่อการเผยแพร่เอกสารขอข้อมูล(RFI: Request for Information) ล่าสุด
การจัดซื้อจัดจ้างคาดว่าจะมีขึ้นในปี พ.ศ.๒๕๖๙(2026) ยังเป็นที่คาดว่าจีนกำลังเตรียมการเสนอระบบปืนใหญ่สนามของตนเพื่อให้ตรงความต้องการปืนใหญ่กระสุนวิถีโค้งลากจูงน้ำหนักเบาขนาด 155mm ของกองทัพบกไทยด้วย

เอกสารขอข้อมูล RFI เป็นการตอบสนอต่อความต้องการที่ทดแทนปืนใหญ่สนามแบบลากจูงขนาด 155mm/39calibre แบบต่างๆที่มีอายุการใช้งานมานานบางส่วนของกองทัพบกไทยซึ่งรวมถึง
ปืนใหญ่หนักกระสุนวิถีราบแบบ๒๐ ปนร.๒๐ Soltam M-71 จำนวนราว ๓๒กระบอกที่จัดหาจากอิสราเอลในปี พ.ศ.๒๕๒๐(1977) และปืนใหญ่กลางกระสุนวิถีโค้งแบบ๒๕ ปกค.๒๕ M198 จำนวนมากกว่า ๑๑๖กระบอกที่จัดหาสหรัฐฯตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๒๕(1982)

BAE Systems สหราชอาณาจักรได้พัฒนาปืนใหญ่กระสุนวิถีโค้งลากจูงน้ำหนักเบา M777 ตั้งแต่ปี 1980s เพื่อจะทดแทนปืนใหญ่กระสุนวิถีโค้ง M198 ปัจจุบันปืนใหญ่เบากระสุนวิถีโค้ง M777 ได้ถูกนำเข้าประจำการโดย
กองทัพบกสหรัฐฯ(US Army) และนาวิกโยธินสหรัฐฯ(USMC: US Marine Corps), กองทัพบกแคนาดา(Canadian Army), กองทัพบกออสเตรเลีย(Australian Army), และกองทัพบกอินเดีย(IA: Indian Army) โดยมีจำนวนการสั่งจัดหามากกว่า ๑,๒๐๐กระบอก

ปัจจุบันการขายปืนใหญ่เบากระสุนวิถีโค้ง M777 โครงการใหญ่ที่สุดของบริษัท BAE Systems ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกคือกับกองทัพบกอินเดีย(https://aagth1.blogspot.com/2023/03/m777-155mm.html)
ซึ่งสั่งจัดหาจำนวน ๑๔๕กระบอก โดย ๒๕กระบอกผลิตในสหรัฐฯ และผลิตในประเทศโดยบริษัท Mahindra Defense Systems อินเดียจำนวน ๑๒๐กระบอก เป็นวงเงิน 50 billion Indian Rupee($564 million)

ความเห็นวิเคราะห์
กองทัพบกไทยมีความต้องการที่จะจัดหาปืนใหญ่สนามแบบลากจูงขนาด 155mm น้ำหนักเบาใหม่มานานตั้งแต่ช่วงปี พ.ศ.๒๕๖๒-พ.ศ.๒๕๖๔(2019-2021) อย่างไรก็ตามโครงการจัดซื้อจัดจ้างได้ถูกขัดขวางจากการตัดลดงบประมาณกลาโหมลงเนื่องจากสถานการณ์แพร่ระบาด Covid-19 ในเวลานั้น
การตั้งโครงการจัดหาปืนใหญ่สนามแบบลากจูงขนาด 155mm ระยะที่๑ จำนวน ๖ระบบ (หนึ่งกองร้อยปืนใหญ่ Artillery Battery) ที่น่าจะมีวงเงินที่ราว ๒,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐บาท($61,718,900) ขึ้นมาในปีงบประมาณ พ.ศ.๒๕๖๙ ล่าสุด เป็นที่เข้าใจว่าถูกเร่งขึ้นตามสถานการณ์ความขัดแย้งตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาที่มีการใช้กำลังทางทหารปะทะห้าวันในเดือนกรกฎาคม พ.ศ.๒๕๖๘
 
ตัวแทน BAE Systems ในงาน Defense & Security 2025 ได้ยืนยันการนำเสนอปืนใหญ่เบากระสุนวิถีโค้ง M777A2 ของตนของแก่กองทัพบกไทยมาหลายครั้ง โดยระบบปืนใหญ่แบบก่อนหน้าของบริษัทที่ถูกจัดหาโดยกองทัพบกไทยคือ ปืนใหญ่เบากระสุนวิถีโค้งแบบ๔๙ ปบค.๔๙ M119(L119) ขนาด 105mm จำนวน ๒๒กระบอก ที่ทำการประกอบรวมในไทยตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๔๙(2006)
ยังเป็นที่เข้าใจว่าจีนน่าจะส่งระบบปืนใหญ่ 155mm ของตนเช่นปืนใหญ่เบากระสุนวิถีโค้งแบบลากจูง Norinco AH4 เข้าแข่งขันในโครงการของกองทัพบกไทยด้วย อย่างไรก็ตามในงาน Defense & Security 2025 ล่าสุดผู้เขียน(ผู้แปล)ไม่ได้เห็นพื้นที่จัดแสดงของ Norinco จีนนำเสนอปืนใหญ่สนามแบบลากจูง AH4 155mm ของตนครับ