วันพุธที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2568

ญี่ปุ่นทำพิธีปล่อยเรือฟริเกตชั้น Mogami ลำที่สิบสองและลำสุดท้ายลงน้ำ FFM-12 Yoshii

Japan launches final Mogami-class frigate







Japan's final Mogami-class frigate, seen here at its launch ceremony on 22 December 2025. (JMSDF)



บริษัท Mitsubishi Heavy Industries(MHI) ญี่ปุ่นได้ทำพิธีปล่อยเรือลงน้ำของเรือฟริเกตติดอาวุธปล่อยนำวิถีชั้น Mogami ลำที่สิบสอง เรือฟริเกต FFM-12 JS Yoshii ที่ได้รับการสั่งจัดหาสำหรับกองกำลังป้องกันตนเองทางทะเลญี่ปุ่น(JMSDF: Japan Maritime Self-Defense Force)
เรือฟริเกต FFM-12 JS Yoshii ได้ลอยลำเข้าสู่ผิวน้ำในระหว่างพิธีปล่อยเรือลงน้ำเมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2025 ณ อู่เรือ Nagasaki ของบริษัท MHI ญี่ปุ่น ตามการประกาศโดยกองกำลังป้องกันตนเองทางทะเลญี่ปุ่นในวันเดียวกัน

เรือฟริเกต FFM-12 Yoshii เป็นเรือฟริเกตชั้น Mogami ลำสุดท้ายจากทั้งหมด 12ลำที่ได้รับการสั่งจัดหาภายใต้โครงการเพื่อทดแทนเรือพิฆาตคุ้มกันชั้น Abukuma(หรือเรือฟริเกตชั้น Abukuma) จำนวน 6ลำที่มีอายุการใช้งานมานานของกองกำลังป้องกันตนเองทางทะเลญี่ปุ่น
คือเรือพิฆาตคุ้มกัน DE-229 JS Abukuma, เรือพิฆาตคุ้มกัน DE-230 JS Jintsuu, เรือพิฆาตคุ้มกัน DE-231 JS Ooyodo, เรือพิฆาตคุ้มกัน DE-232 JS Sendai, เรือพิฆาตคุ้มกัน DE-233 JS Chikuma และเรือพิฆาตคุ้มกัน DE-234 JS Tone ซึ่งเข้าประจำการตั้งแต่ปี 1989-1993

เรือฟริเกตชั้น Mogami ลำแรก เรือฟริเกต FFM-1 JS Mogami ถูกปล่อยลงน้ำในเดือนมีนาคม 2021(https://aagth1.blogspot.com/2021/03/ffm-1-mogami.html) และขึ้นระวางประจำการในเดือนเมษายน 2022, 
เรือลำที่สอง เรือฟริเกต FFM-2 JS Kumano ถูกปล่อยลงน้ำในเดือนพฤศจิกายน 2020(https://aagth1.blogspot.com/2020/11/ffm-2-kumano.html) และขึ้นระวางประจำการในเดือนมีนาคม 2022(https://aagth1.blogspot.com/2022/03/mogami-ffm-2-kumano.html),

เรือลำที่สาม เรือฟริเกต FFM-3 JS Noshiro ถูกปล่อยลงน้ำในเดือนมิถุนายน 2021(https://aagth1.blogspot.com/2021/06/mogami-ffm-3-noshiro.html) และขึ้นระวางประจำการในเดือนธันวาคม 2022, เรือลำที่สี่ เรือฟริเกต FFM-4 JS Mikuma ถูกปล่อยลงน้ำในเดือนธันวาคม 2021(https://aagth1.blogspot.com/2021/12/mogami-ffm-4-mikuma.html) และขึ้นระวางประจำการในเดือนมีนาคม 2023,
เรือลำที่ห้า เรือฟริเกต FFM-5 JS Yahagi ถูกปล่อยลงน้ำในเดือนมิถุนายน 2022(https://aagth1.blogspot.com/2022/06/mogami-ffm-5-yahagi.html) และขึ้นระวางประจำการในเดือนพฤษภาคม 2024, เรือลำที่หก เรือฟริเกต FFM-6 JS Agano ถูกปล่อยลงน้ำในเดือนธันวาคม 2022(https://aagth1.blogspot.com/2022/12/mogami-ffm-6-agano.html) และขึ้นระวางประจำการในเดือนมิถุนายน 2024  

เรือลำที่เจ็ด เรือฟริเกต FFM-7 JS Niyodo ถูกปล่อยลงน้ำในเดือนกันยายน 2023(https://aagth1.blogspot.com/2023/09/mogami-ffm-7-niyodo.html) และขึ้นระวางประจำการเมื่อวันที่ 21 พฤษภาคม 2025(https://aagth1.blogspot.com/2025/05/mogami-ffm-7-niyodo.html), เรือลำที่แปด เรือฟริเกต FFM-8 JS Yubetsu ถูกปล่อยลงน้ำในเดือนพฤศจิกายน 2023(https://aagth1.blogspot.com/2023/11/mogami-ffm-8-yubetsu.html) และขึ้นระวางประจำการเมื่อวันที่ 19 มิถุนายน 2025,
เรือลำที่เก้า เรือฟริเกต FFM-9 JS Natori ถูกปล่อยลงน้ำในเดือนมิถุนายน 2024(https://aagth1.blogspot.com/2024/06/mogami-ffm-9-natori.html), เรือลำที่สิบ เรือฟริเกต FFM-10 JS Nagara ถูกปล่อยลงน้ำในเดือนธันวาคม 2024 และเรือลำที่สิบเอ็ด เรือฟริเกต FFM-11 JS Tatsuta มีพิธีปล่อยเรือลงน้ำเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2025

เรือฟริเกตชั้น Mogami มีระวางขับน้ำปกติที่ประมาณ 4,000tonnes มีความยาวเรือรวมที่ 132m และมีความกว้างที่ 16m ระบบขับเคลื่อนติดตั้งเครื่องยนต์ดีเซล MAN 12V28/33D STC สองเครื่อง และเครื่องยนต์ gas turbine แบบ Rolls-Royce MT30 ทำให้สามารถทำความเร็วได้สูงสุดที่ 30knots
เรือฟริเกตชั้น Mogami แต่ละลำมีกำลังพลประจำเรือที่ราว 90นาย ระบบอาวุธของเรือรวมถึง ปืนเรือ BAE Systems 127mm แท่นยิงแนวดิ่ง Lockheed Martin Mk 41 VLS(Vertical Launch System) 16-cell สำหรับอาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่อากาศพิสัยกลาง Type 03, และอาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่พื้นต่อต้านเรือผิวน้ำ Type 17 สี่ท่อยิงสองแท่นยิง 8นัด

สำหรับระบบป้องกันระยะประชิด(CIWS: Close-In Weapon System) เรือฟริเกตชั้น Mogami ติดตั้งระบบแท่นยิง Raytheon SeaRAM ซึ่งบรรจุด้วยอาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่อากาศ RIM-116C RAM(Rolling Airframe Missile) จำนวน 11นัด
ขีดความสามารถสงครามปราบเรือดำน้ำ(ASW: Anti-Submarine Warfare) ประกอบด้วยแท่นยิง torpedo เบาขนาด 324mm สองท่อยิงสองแท่นยิงสำหรับtorpedo เบาปราบเรือดำน้ำแบบ Type 12 จำนวน 6นัด, sonar ลากท้าย VDS(Variable Depth Sonar) แบบ NEC OQQ-25 

และลานจอดและโรงเก็บเฮลิคอปเตอร์ท้ายเรือเพื่อรองรับการปฏิบัติการของเฮลิคอปเตอร์ปราบเรือดำน้ำเช่นเฮลิคอปเตอร์ใช้งานทางทะเล Mitsubishi Heavy Industries/Sikorsky SH-60L(https://aagth1.blogspot.com/2024/01/sh-60l.html)
เรือฟริเกต FFM-12 JS Yoshii คาดว่าจะขึ้นระวางประจำการในกองกำลังป้องกันตนเองทางทะเลญี่ปุ่นภายในปี 2027 ครับ(https://aagth1.blogspot.com/2025/11/mogami.html, https://aagth1.blogspot.com/2025/08/mogami.html)

วันอังคารที่ 23 ธันวาคม พ.ศ. 2568

โปรตุเกสนำเครื่องบินโจมตีเบาใบพัด A-29N Super Tucano บราซิลชุดแรก 5เครื่องจาก 12เครื่องเข้าประจำการภายในหนึ่งปีหลังลงนามสัญญา

Portugal inducts initial Super Tucano aircraft one year after contract signature







Portugal is the launch customer for the A-29N Super Tucano variant designed to meet NATO requirements. The first five of 12 aircraft were delivered to the Portuguese Air Force on 17 December 2025. (Portuguese Air Force/Embraer)



กองทัพอากาศโปรตุเกส(Portuguese Air Force, FAP: Força Aérea Portuguesa) ได้เสริมสร้างขีดความสามารถการฝึกและการรบของตนด้วยการนำเข้าประจำการอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2025
ของเครื่องบินพหุภารกิจน้ำหนักเบาเครื่องยนต์ใบพัด Embraer A-29N Super Tucano ชุดแรกจำนวน 5เครื่องจากทั้งหมด 12เครื่องจากบริษัท Embraer Defense & Security บราซิล ภายในหนึ่งปีหลังลงนามสัญญาจัดหา

ในอีกหลายวันข้างหน้าที่่จะถึงฝูงเครื่องบินโจมตีเบาและฝึก A-29N Super Tucano จะทำการบินไปยังฐานทัพอากาศ No 11 ใน Beja สำหรับการส่งมอบอย่างเป็นทางการให้แก่ฝูงบิน 101(Squadron 101) 'Roncos' กองทัพอากาศโปรตุเกสกล่าว
ระหว่างการส่งมอบกระทรวงกลาโหมโปรตุเกสและบริษัท Embraer ได้ลงนามจดหมายแสดงความจำนง(LOI: Letter of Intent) ที่เกี่ยวข้องกับสายการประกอบเครื่องบินโจมตีเบาและฝึก A-29N ใน Beja โปรตุเกส

เพื่อให้ตรงต่อความต้องการในอนาคตของโปรตุเกสและอุปสงค์ที่เป็นไปได้จากชาติยุโรปอื่นๆผ่านการเจรจาระดับรัฐบาลต่อรัฐบาล(https://aagth1.blogspot.com/2025/05/29n-super-tucano-12-2025.html)
โปรตุเกสสั่งจัดซื้อเครื่องบินโจมตีเบาและฝึก A-29N Super Tucano และเครื่องจำลองการบิน flight simulator และการสนับสนุนการส่งกำลังบำรุงที่เกี่ยวข้องเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2024(https://aagth1.blogspot.com/2024/12/29n-super-tucano-12.html)

ในข้อตกลงมูลค่าวงเงินราว206 million Euros($242 million) ในฐานะส่วนหนึ่งของแผนการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างกำลังทางอากาศแห่งชาติ 2024-2030(Transformation of National Aerospace Power 2024-2030) ที่รู้จักในชื่อ 'Força Aérea 5.3'
การส่งมอบมีกำหนดจะเสร็จสิ้นภายในปี 2027 บริษัท Embraer กล่าวกับ Janes ก่อนหน้า เครื่องบินโจมตีเบาและฝึก A-29N ได้ทำการบินเดินทางจากโรงงานอากาศยาน Gavião Peixoto ของ Embraer บราซิลเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2025

มายังสถานที่ของบริษัท OGMA โปรตุเกสบริษัทย่อยเครือบริษัท Embraer ใน Alverca do Ribatejo, นครหลวง Lisbon โปรตุเกส เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2025(https://aagth1.blogspot.com/2025/09/29n-super-tucano-12.html)
กองทัพอากาศโปรตุเกสมีจุดประสงค์ที่จะใช้เครื่องบินโจมตีเบาและฝึกใบพัด A-29 เพื่อเติมเต็มภารกิจการสนับสนุนทางอากาศใกล้ชิดสำหับการปฏิบัติการผสมในสสถานการณ์ภัยคุกคามต่ำในแอฟริกา เช่นเดียวกับสำหรับการฝึก

เครื่องบินโจมตีเบาใบพัด A-29N Super Tucano ได้รวมการปรับปรุงระยะและเวลาการปฏิบัติการ เช่นเดียวกับระบบตรวจการณ์ electro-optical, การมอบขีดความสามารถการใช้กระเปาะจรวดอากาศสู่พื้น และอาวุธความแม่นยำสูง,
ปืนกลอากาศ M3P ขนาด 12.7x99 mm สองกระบอกถูกติดตั้งเป็นมาตรฐานในตัวเครื่อง และชุดระบบป้องกันตนเอง อุปกรณ์สื่อสารต่างๆและระบบนำร่องมาตรฐาน NATO ที่จะได้รับการติดตั้งอย่างเช่น

วิทยุความถี่ VHF/UHF(Very-High-Frequency/Ultra-High-Frequency), ระบบสื่อสารดาวเทียม(SATCOM: Satellite Communication), ระบบช่วยการสนับสนุนทางอากาศใกล้ชิด digital(DACAS: Digitally Aided Close Air Support), ระบบข้อความทางยุทธวิธี VMF(Variable Message Format),
เครือข่าย Link 16 datalink, ระบบ video downlink ที่เข้ากันได้กับวิทยาการตัวรับวีดิทัศน์ควบคุมระยะไกล ROVER(Remote Operated Video Enhanced Receiver), อุปกรณ์ส่งสัญญาณระบบพิสูจน์ฝ่าย(IFF: Identification Friend-or-Foe) Mod 5 และระบบดาวเทียม GPS ทางทหารครับ

วันจันทร์ที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2568

ภาพเปิดเผยเครื่องบินลำเลียงใบพัดแบบใหม่ของจีนที่ถูกเรียกชั่วคราวว่า Y-30

Update: New Chinese transport aircraft appears in video footage





The new Chinese turboprop-powered transport aircraft, tentatively designated as the Y-30, could emerge as a replacement for China's Shaanxi Y-9 transport aircraft. (Janes)



ภาพเคลื่อนไหววีดิทัศน์ที่ปรากฏขึ้นจากสื่อสังคม online ของจีนแสดงถึงเครื่องบินลำเลียงทางยุทธวิธีแบบใหม่กำลังทำการบินทดสอบเหนือพื้นที่ที่ไม่ถูกระบุในสาธารณรัฐประชาชนจีน
(ถูกกำหนดแบบคร่าวๆชั่วคราวโดยนักสังเกตการณ์ทางทหารของจีนว่าเครื่องบินลำเลียง Y-30 หรือเครื่องบินลำเลียง Y-15)(https://aagth1.blogspot.com/2023/03/ws20-y-20.html)

ภาพเคลื่อนไหววีดิทัศน์ซึ่งมีแหล่งที่มาดั้งเดิมจากสื่อสังคม online ของจีนเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2025 ปรากฏว่าดูเหมือนจะถูกบันทึกได้โดยผู้สังเกตการณ์โดยบังเอิญที่ภาคพื้นดิน
ภาพเคลื่อนไหวความละเอียดต่ำแสดงถึงเครื่องบินลำเลียงเครื่องยนต์ใบพัด turboprop ที่ปรากฏรูปแบบคล้ายคลึงกับแบบจำลองของแนวคิดเครื่องบินลำเลียงที่ถูกจัดแสดงในงานแสดงการบิน Airshow China 2014 เมื่อทศวรรษที่แล้ว

Shaanxi Aircraft Industry (Group) Company(SAIC) รัฐวิสาหกิจผู้ผลิตเครื่องบินลำเลียงใบพัดในเครือ Aviation Industry Corporation of China's(AVIC) กลุ่มรัฐวิสาหกิจผู้ผลิตอากาศยานของจีน
ได้จัดแสดงแบบจำลองเครื่องบินลำเลียงใบพัดในพื้นที่จัดแสดงของ AVIC จีนในงานแสดงการบิน Airshow China 2014 โดยติดป้ายชื่อว่า Y-30  และเป็น "เครื่องบินลำเลียงขนาดกลางแบบใหม่" ตามข้อมูลของ Janes

ขณะที่ภาพวีดิทัศน์ล่าสุดมีความละเอียดที่หยาบเกินไปที่จะดึงรายละเอียดลักษณะเฉพาะจากเครื่องบินลำเลียงแบบใหม่ที่ปรากฏในงานแสดง Airshow China 2014 ณ Zhuhai จีนเมื่อวันที่ 11-16 พฤศจิกายน 2014
ที่การออกแบบบางส่วนมีความคล้ายคลึงกับเครื่องบินลำเลียง Airbus A400M Atlas ยุโรป(https://aagth1.blogspot.com/2025/11/airbus-a400m-atlas-2.html) และเครื่องบินลำเลียง Xi'an Y-20 Kunpen ที่จีนพัฒนาเอง

อย่างไรก็ตามเครื่องบินลำเลียงแบบใหม่ที่ปรากฏน่าจะมีขนาดเล็กกว่าและน้ำหนักที่เบากว่าเครื่องบินลำเลียง A400M Atlas ที่มีน้ำหนักบินขึ้นสูงสุด(MTOW: Maximum Take-Off Weight) ที่ 141tonnes
เครื่องบินลำเลียง Y-20 ซึ่งเข้าประจำการในกองทัพอากาศปลดปล่อยประชาชนจีน(PLAAF: People's Liberation Army Air Force) แล้ว มีการประมาณว่ามีน้ำหนักบินขึ้นสูงสุดที่ 220tonnes

ประการหนึ่ง ฐานล้อลงจอดด้านหลังของเครื่องบินลำเลียง Y-30 ประกอบด้วยเพียงล้อหลักแบบสองล้อคู่เรียงกันสองชุดในแต่ละข้างของโครงสร้างอากาศยาน(airframe)(https://aagth1.blogspot.com/2022/08/yy-20.html
เครื่องบินลำเลียง A400M มีฐานล้อลงจอดด้านหลังแบบสองล้อคู่เรียงกันสามชุดในแต่ละข้างเพื่อรองรับน้ำหนักบรรทุกสูงสุดของเครื่องที่ 37 tonnes รวมน้ำหนักเชื้อเพลิงสูงสุดที่ 50tonnes

เครื่องบินลำเลียงแบบใหม่ที่ปรากฏในภาพเคลื่อนไหววีดิทัศน์ล่าสุดยังแสดงคุณลักษณะปลายปีกแบบ winglet ที่สองด้านซึ่งต่างจากแบบจำลองเครื่องบินลำเลียง Y-30 และน่าจะติดตั้งท่อ pitot ที่ปลายส่วนหัวของเครื่องเพื่อการบินทดสอบ
การปรากฏขึ้นของเครื่องบินลำเลียงแบบใหม่ล่าสุดนี้อาจจะมีความเป็นไปได้ที่จะถูกพัฒนาขึ้นเพิ่มเสริมหรือทดแทนเครื่องบินลำเลียง Shaanxi Y-9 ครับ(https://aagth1.blogspot.com/2024/09/y-9lg.html)

วันอาทิตย์ที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2568

อากาศยานไร้คนขับ CH-7 UAV จีนทำการบินครั้งแรก

Update: China's CH-7 stealth UAV conducts maiden flight





China's CH-7 stealth unmanned aerial vehicle has undergone multiple design changes and tweaks over the last eight years to resolve stability- and performance-related issues. (Janes/China Central Television (CCTV))



โครงการอากาศยานไร้คนขับ(UAV: Unmanned Aerial Vehicle) ถูกตรวจพบได้ต่ำ, ไร้แพนหางแบบ CH-7(Caihong-7 หรือ Rainbow-7) ที่มีมายาวนานได้บรรลุผลเหตุการณ์สำคัญ(https://aagth1.blogspot.com/2021/04/ch-6-uav.html)
หลังจากต้นแบบอากาศยานไร้คนขับ CH-7 UAV ได้ทำการบินครั้งแรกของตนแล้ว ตามภาพเคลื่อนไหววีดิทัศน์ที่เผยแพร่โดยสถานีโทรทัศน์ China Central Television(CCTV) ของรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีน

วิทยาลัยที่11(11th Academy) ของ China Aerospace Science and Technology Corporation(CASC) รัฐวิสาหกิจอุตสาหกรรมกลาโหมด้านการบินและอวกาศของสาธารณรัฐประชาชนจีน
ยังได้ประกาศผ่านสื่อของรัฐบาลจีนเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2025 ว่า อากาศยานไร้คนขับ CH-7 UAV ได้ทำการบินครั้งแรกของตน "เมื่อเร็วๆนี้" จากสนามบินทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีน

"จุดประสงค์หลักของเที่ยวบินปฐมฤกษ์ของอากาศยานไร้คนขับ CH-7 UAV คือเพื่อที่จะ...ยืนยันความสมเหตุสมผล(rationality) ของแบบแผนการออกแบบของตัวอากาศยาน
และความคืบหน้าการบุกเบิกการพัฒนาทางวิทยาการหลักต่างๆของตัวอากาศยาน" Li Jianhua ตัวแทนของ CASC จีนกล่าวกับหนังสือพิมพ์ของรัฐบาลจีน Global Times เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2025 

Janes ได้รายงานก่อนหน้าเกี่ยวกับระยะเวลาที่ยืดเยื้อยาวนานของการพัฒนาอากาศยานไร้คนขับ CH-7 UAV ซึ่งได้รับการเปลี่ยนแปลงการออกแบบมาตลอดช่วง 8ปีที่ผ่านมาล่าสุด
เมื่อเปิดตัวครั้งแรกในงานแสดงการบิน Airshow China 2018 ในนคร Zhuhai จีน อากาศยานไร้คนขับ CH-7 UAV มีความคล้ายคลึงกับอากาศยานไร้คนขับ Northrop Grumman X-47B สหรัฐฯ

อย่างไรก็ตามการออกแบบหลักที่แตกต่างจากอากาศยานไร้คนขับ X-47B สหรัฐฯคืออากาศยานไร้คนขับ CH-7 จีนมีปลายปีกแบบเอียงแทนที่จะเป็นขอบปลายปีกทรงสามเหลี่ยมที่มีใน UAV ของสหรัฐฯ
เมื่ออากาศยานไร้คนขับ CH-7 UAV ได้ถูกจัดแสดงอีกครั้ง ณ งานแสดงการบิน Airshow China 2022 ปีกเพิ่มแรงยก(flap) ทั้งสองข้างได้ถูกออกแบบใหม่ ปลายปีกทั้งสองด้านที่เอียงเป็มมุมแหลมมากขึ้น และส่วนครอบ(nacelle) เครื่องยนต์กลางมีความยาวเพิ่มขึ้น

แรกเริ่ม CASC จีนอธิบายถึงอากาศยานไร้คนขับ CH-7 UAV ว่าเป็นระบบอากาศยานโจมตีทางลึกแบบเจาะทะลวง อย่างไรก็ตามในปี 2024 CASC จีนอธิบาย CH-7 UAV ว่าเป็นอากาศยานตรวจการณ์ทางยุทวิธีด้วยการเพิ่มขีดความสามารถการสนับสนุนทาง electronic และการก่อกวนสัญญาณ jamming 
ตัวแทนของ CASC จีน Li กล่าวถึงความซับซ้อนของการออกแบบว่า อากาศยานไร้คนขับ CH-7 UAV ได้มีการรวม "วิทยาการที่สำคัญต่างจำนวนมากขึ้นอย่างมหาศาล ทำให้กระบวนการทดสอบมีความท้าทายมากขึ้น" เขากล่าวครับ

วันเสาร์ที่ 20 ธันวาคม พ.ศ. 2568

PT PAL อินโดนีเซียทำพิธีปล่อยเรือลงน้ำเรือฟริเกต Merah Putih ลำแรก KRI Balaputradewa

PT PAL launches Indonesia's first Red White frigate





Indonesia's first Red White frigate, the future KRI Balaputradewa , seen here at its launch ceremony on 18 December 2025. (PT PAL)



PT PAL รัฐวิสาหกิจผู้สร้างเรือของอินโดนีเซียได้ทำพิธีปล่อยเรือลงน้ำของเรือฟริเกต Merah Putih('แดงขาว' Red White) ลำแรกที่ได้รับการสั่งจัดหาสำหรับกองทัพเรืออินโดนีเซีย(Indonesian Navy, TNI-AL: Tentara Nasional Indonesia-Angkatan Laut)
เรือฟริเกต KRI Balaputradewa หมายเลขเรือ 322 ที่จะขึ้นระวางประจำการในอนาคตถูกปล่อยเรือลงน้ำเมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2025 ณ อู่เรือของ PT PAL อินโดนีเซียในมหานคร Surabaya บริษัทประกาศในวันเดียวกัน

เรือฟริเกต KRI Balaputradewa เป็นเรือฟริเกต Merah Putih ลำแรกจากสองลำที่ได้รับการสั่งจัดหาสำหรับกองทัพเรืออินโดนีเซีย(https://aagth1.blogspot.com/2024/06/merah-putih.html)
เรือฟริเกต Merah Putih มีพื้นฐานจากแบบเรือฟริเกต Arrowhead 140 ของบริษัท Babcock สหราชอาณาจักร(https://aagth1.blogspot.com/2023/08/merah-putih.html)

เรือฟริเกตชั้น Balaputradewa โครงการเรือฟริเกต Merah Putih มีระวางขับน้ำเต็มที่ที่ประมาณ 5,996 tonnes และมีความยาวตัวเรือที่ 140m(https://aagth1.blogspot.com/2021/09/babcock-arrowhead-140.html)
ระบบอาวุธที่จะถูกติดตั้งบนเรือฟริเกต Merah Putih รวมถึงแท่นยิงแนวดิ่ง(VLS: Vertical Launching System) แบบ MİDLAS ท่อยิง 64-cell ที่จัดหาจากบริษัท Roketsan ตุรกี

ซึ่งแท่นยิงแนวดิ่ง MİDLAS VLS มีความสามารถในการติดตั้งอาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่อากาศต่อต้านภัยทางอากาศ(https://aagth1.blogspot.com/2024/03/f-515-tcg-istanbul-hisar-d-midlas-vls.html)
หรืออาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่พื้นต่อต้านเรือผิวน้ำพิสัยไกล(https://aagth1.blogspot.com/2024/01/atmaca-45.html) ผสมผสานกันได้จำนวนหลายนัด(https://aagth1.blogspot.com/2025/07/istanbul-2.html)

เรือฟริเกต Merah Putih ยังจะติดตั้งด้วยปืนเรือ Leonardo 76mm/62calibre สองแท่นยิงในส่วนหน้าของเรือ, ปืนกล Millennium 35mm จากบริษัท Rheinmetall เยอรมนีในฐานะระบบป้องกันระยะประชิด(CIWS: Close-In Weapon System)
และปืนกล remote ขนาด 12.7mm สี่แท่นยิงสำหรับการป้องกันเป็นจุด(point defence) สำหรับสงครามปราบเรือดำน้ำ(ASW: Anti-submarine Warfare) จะมีแท่นยิง torpedo เบาปราบเรือดำน้ำ Leonardo B515/3 สามท่อยิง 2แท่นยิง

และระบบ sonar ตัวเรือแบบ Fersah 100-N/MF จากบริษัท Aselsan ตุรกี ระบบตรวจจับหลักอื่นๆที่ติดตั้งบนเรือรวมถึง AESA(Active Electronically Scanned Array) radar ตรวจการณ์สองมิติแบบ Cenk 400-N 2D, multifunction radar แบบ Mete Han, 
radar ควบคุมเฮลิคอปเตอร์แบบ MAR-D และ radar ควบคุมการยิง(FCR: Fire-Control Radar) แบบ Akrep ทั้งหมดบูรณาการเข้ากับระบบอำนวยการรบ(CMS: Combat Management System) แบบ Advent ของบริษัท Havelsan ตุรกี

เรือฟริเกต Merah Putih ติดตั้งระบบขับเคลื่อนเครื่องยนต์ดีเซลสี่เครื่องรูปแบบ CODAD(Combined Diesel and Diesel) สามารถทำความเร็วสูงสุดได้ที่ 28knots และมีระยะปฏิบัติการไกลสุดที่ 9,000nmi ที่ความเร็วมัธยัสถ์ 15knots
PT PAL อินโดนีเซียมีกำหนดการขั้นต้นที่จะส่งมอบเรือฟริเกต KRI Balaputradewa แก่กองทัพเรืออินโดนีเซียภายในราวปี 2028-2029 ขณะที่เรือฟริเกต Merah Putih ลำสองกำลังถูกสร้างที่อู่เรือของ PT PAL เช่นกันครับ

วันศุกร์ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2568

ปากีสถานทำพิธีปล่อยเรือลงน้ำเรือดำน้ำชั้น Hangor ลำที่สี่ PNS Ghazi เป็นลำสุดท้ายที่ต่อในจีน

Pakistan Navy Launches 4th Hangor-class Submarine “Ghazi” in China



Pakistan Navy pictures from the launching ceremony



กองทัพเรือปากีสถาน(PN: Pakistan Navy) ประกาศเมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2025 ว่า เรือดำน้ำชั้น Hangor ลำที่สี่ เรือดำน้ำ PNS Ghazi ของตนได้ถูกพิธีปล่อยเรือลงน้ำแล้วเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2025 
พิธีปล่อยเรือลงน้ำของเรือดำน้ำ PNS Ghazi ของกองทัพเรือปากีสถานถูกจัดขึ้น ณ อู่เรือ Wuchang Shipbuilding Industry Group Company Ltd(WSIG) ใน Shuangliu นคร Wuhan สาธารณรัฐประชาชนจีน 

ด้วยพิธีปล่อยเรือลงน้ำของเรือดำน้ำ PNS Ghazi กองทัพเรือปากีสถานได้บรรลุผลเหตุการณ์สำคัญที่ซึ่งเรือดำน้ำชั้น Hangor ทั้ง 4ลำที่อยู่ในการสร้างที่จีนขณะนี้ทั้งหมดกำลังได้รับการทดลองเรือในทะเลอย่างเข้มงวดและกำลังอยู่ในขั้นระยะสุดท้ายที่จะถูกส่งมอบให้แก่ปากีสถาน
รัฐบาลปากีสถานได้ลงนามข้อตกลงกับจีนสำหรับการจัดหาเรือดำน้ำชั้น Hangor จำนวน 8ลำ ภายใต้สัญญานี้เรือดำน้ำชั้น Hangor จำนวน 4ลำได้ถูกสร้างในจีน และอีก 4ลำถูกสร้างในปากีสถานโดยอู่เรือ Karachi Shipyard & Engineering Works Ltd(KS&EW) ภายใต้การถ่ายทอดวิทยาการ(ToT: Transfer of Technology)(https://aagth1.blogspot.com/2024/02/hangor.html)

เรือดำน้ำชั้น Hangor ทั้ง 8ลำเหล่านี้ติดตั้งด้วยระบบอาวุธและระบบตรวจจับขั้นก้าวหน้าต่างๆที่มีขีดความสามารถการโจมตีเป้าหมายต่างๆที่ระยะยิงนอกพิสัยการโจมตีของฝ่ายตรงข้าม(standoff ranges) 
เรือดำน้ำชั้น Hangor จะมีบทบาทสำคัญในการดำรงสันติภาพและเสถียรภาพในภูมิภาค พิธีปล่อยเรือลงน้ำได้เชิญเจ้าหน้าที่ระดับสูงต่างๆของทั้งปากีสถานและจีนเป็นการแสดงถึงความร่วมมือทวิภาคีที่แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นของทั้งสองประเทศ 

เรือดำน้ำชั้น Hangor กองทัพเรือปากีสถานเป็นรุ่นส่งออกของเรือดำน้ำชั้น Type 039B(NATO กำหนดรหัสชั้น Yuan) ที่ประจำการในกองทัพเรือปลดปล่อยประชาชนจีน(PLAN: People’s Liberation Army Navy) ปากีสถานยอมรับการจัดซื้อเรือดำน้ำ 8ลำจากจีนในเดือนเมษายน 2015 
ตามข้อตกลงเรือดำน้ำ 4ลำหลังจะถูกสร้างในอู่เรือ KS&EW ปากีสถาน ในเวลาเดียวกับที่เรือดำน้ำ 4ลำแรกจะถูกสร้างในจีน แผนเริ่มแรกจะมีการส่งมอบเรือดำน้ำชั้น Hangor จำนวน 8ลำระหว่างปี 2022-2028 หัวหน้าผู้อำนวยการของโครงการเปิดเผยในเดือนสิงหาคม 2016 ว่าเรือดำน้ำ 4ลำแรกจะถูกส่งมอบในช่วงปี 2022-2023 โดยเรือ 4ลำสุดท้ายจะส่งมอบตามมาในปี 2028 

แต่ดูเหมือนว่าโครงการจะดำเนินการล่าช้าไปสักเล็กน้อยตามที่เรือดำน้ำชั้น Hangor ลำแรก เรือดำน้ำ PNS Hangor ถูกปล่อยลงน้ำเมื่อวันที่ 26 เมษายน 2024(https://aagth1.blogspot.com/2024/04/hangor.html), 
ลำที่สอง เรือดำน้ำ PNS Shushuk ถูกปล่อยลงน้ำเมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2025(https://aagth1.blogspot.com/2025/03/hangor-pns-shushuk.html) และลำที่สาม เรือดำน้ำ PNS Mangro ถูกปล่อยลงน้ำเมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2025(https://aagth1.blogspot.com/2025/08/hangor-pns-mangro.html)

กองทัพเรือปากีสถานไม่ได้ให้รายละเอียดใดๆเกี่ยวกับระบบย่อยหรือระบบอาวุธเฉพาะของเรือดำน้ำชั้น Hangor ระบบขับเคลื่อนแบบไม่ใช้อากาศ(AIP: Air Independent Propulsion) แบบวัฏจักร Stirling ถูกใช้ในแบบเรือดำน้ำ S26T(https://aagth1.blogspot.com/2025/11/s26t.html)
ของ China Shipbuilding & Offshore International Company Ltd(CSOC) กิจการการค้าและส่งออกของ China State Shipbuilding Corporation(CSSC) กลุ่มรัฐวิสาหกิจผู้สร้างเรือของสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งผู้เชี่ยวชาญหลายรายสันนิษฐานว่าเรือดำน้ำชั้น Hangor มีพื้นฐานมา 

แต่ทางการปากีสถานไม่ได้เปิดเผยต่อสาธารณะเกี่ยวกับระบบขับเคลื่อนของเรือดำน้ำชั้น Hangor ตามข้อมูลจาก blog ด้านความมั่นคงของปากีสถาน Quwa เรือดำน้ำชั้น Hangor มีความยาวเรือ 76m และมีระวางขับน้ำที่ 2800tons ทำให้เรือมีขนาดสั้นกว่าเล็กน้อย และมีระวางขับน้ำหนักกว่าแบบเรือดำน้ำ S26T เดิม
ปัจจุบันกองทัพเรือปากีสถานมีประจำการด้วยเรือดำน้ำโจมตีดีเซล-ไฟฟ้าชั้น Khalid(Agosta 90B) ทีมีระบบ AIP จำนวน 3ลำ(https://aagth1.blogspot.com/2023/01/khalid.html) และเรือดำน้ำโจมตีดีเซล-ไฟฟ้าชั้น Hashmat(Agosta 70) จำนวน 2ลำ 

เรือดำน้ำแบบ Agosta 90B 3ลำได้รับการปรับปรุงครึ่งอายุภายใต้สัญญาที่ลงนามในปี 2016 กับบริษัท STM ตุรกี ในฐานะผู้รับสัญญาหลัก STM ได้ส่งมอบเรือลำแรกที่ได้รับการปรับปรุงแล้วเรือดำน้ำ S139 PNS Hamza ในปี 2020 
ขอบเขตของการปรับปรุงความทันสมัยของเรือดำน้ำคือการเปลี่ยนระบบควบคุมการยิง(FCS: Fire Control System), ชุด Sonar, ระบบสงคราม electronic(EWS: Electronic Warfare System), Radar และระบบกล้องตาเรือ(นำร่องและโจมตี) 

เรือดำน้ำชั้น Hangor ทั้ง 8ลำจะสร้างความแข็งแกร่งอย่างมีนัยสำคัญแก่กองทัพเรือปากีสถาน ปากีสถานน่าจะที่จะเพิ่มขีดความสามารถต่อต้านการเข้าถึง/ปฏิเสธการใช้พื้นที่(A2/AD: Anti-Access/Area Denial) ในภูมิภาคหลังโครงการเสร็จสมบูรณ์
ตามที่ยังไม่มีการยืนยันอย่างเป็นทางการว่าเรือมีระบบอาวุธอะไรบ้าง เป็นที่ชัดเจนว่าปากีสถานจะได้รับขีดความสามารถการโจมตีทางลึกถ้าเรือดำน้ำชั้น Hangor ได้รับการติดตั้งอาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่พื้นร่อนยิงจากเรือดำน้ำ Babur-3 (SLCM: Submarine-Launched Cruise Missile) ครับ 

วันพฤหัสบดีที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2568

Lockheed Martin สหรัฐฯเปิดตัวเครื่องบินขับไล่ F-35A ฟินแลนด์เครื่องแรกจาก 64เครื่อง

Lockheed Martin rolls out first F-35A for Finland







The first Lockheed Martin F-35A Lightning II for Finland seen on its official roll-out days on 16 December. (Lockheed Martin/Finnish Defence Forces)


บริษัท Lockheed Martin สหรัฐฯได้เปิดตัวเครื่องบินขับไล่ F-35A Lightning II Joint Strike Fighter(JSF) เครื่องแรกสำหรับสำหรับฟินแลนด์ระหว่างพิธี ณ โรงงานอากาศยาน Fort Worth ของบริษัทในมลรัฐ Texas สหรัฐฯ เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2025 
พิธีอันเป็นเหตุการณ์สำคัญได้เชิญประธานาธิบดีฟินแลนด์ Alexander Stubb เช่นเดียวกับรัฐมนตรีกลาโหมฟินแลนด์ Antti Häkkänen และผู้บัญชาการกองทัพอากาศฟินแลนด์(Finnish Air Force, Ilmavoimat) พลอากาศตรี Timo Herranen เข้าร่วม

กองทัพอากาศฟินแลนด์มีกำหนดที่จะได้รับมอบเครื่องบินขับไล่ F-35A Lightning II จำนวน 64เครื่องเพื่อทดแทนเครื่องบินขับไล่ที่นั่งเดี่ยว Boeing F/A-18C Hornet จำนวน 55เครื่อง และเครื่องบินขับไล่สองที่นั่ง F/A-18D Hornet จำนวน 7เครื่องของตน
เป็นการเลือก 'เครื่องบินขับไล่ยุคที่ห้า' ภายใต้การแข่งขันโครงการเครื่องบินขับไล่ทดแทน HX(https://aagth1.blogspot.com/2021/12/f-35a-hx.html) เครื่องบินขับไล่ F-35A ของฟินแลนด์กำลังถูกผลิตในสายการผลิต Lot 17 ถึง Lot 22

และจะถูกส่งมอบตั้งแต่ปลายปี 2025(https://aagth1.blogspot.com/2024/10/f-35a-64.html) ในมาตรฐาน Technical Refresh-3(TR-3) ที่ทำให้มีขีดความสามารถมาตรฐาน Block 4 ได้
เครื่องบินขับไล่ F-35A เครื่องแรกของกองทัพอากาศฟินแลนด์หมายเลข JF-501/MF-1 และอีก 7เครื่องตามมาระยะแรกจะทำการบินไปยังฐานทัพอากาศ Eglin Air Force Base(AFB) กองทัพอากาศสหรัฐฯ(USAF: US Air Force) ในมลรัฐ Florida

ที่ซึ่งเครื่องบินขับไล่ F-35A ชุดแรกเหล่านี้จะถูกใช้สำหรับการฝึกเหล่านักบินและช่างอากาศยานของกองทัพอากาศฟินแลนด์(https://aagth1.blogspot.com/2025/10/lockheed-martin-f-35-300.html)
กองทัพอากาศฟินแลนด์จะได้รับมอบเครื่องบินขับไล่ F-35A เครื่องแรกของตนมายังกองบิน Lapland(Lapland Air Wing) ณ ฐานทัพอากาศ Rovaniemi ในฟินแลนด์ภายในสิ้นปี 2026

เหตุการณ์สำคัญของพิธีเปิดตัวมีขึ้นหลายวันให้หลังจากเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2025 รัฐมนตรีกลาโหมฟินแลนด์ Häkkänen อนุมัติให้กองทัพฟินแลนด์(Finnish Defence Forces, Puolustusvoimat)
ที่จะจัดหาอาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่อากาศพิสัยกลาง RTX AIM-120D-3 AMRAAM(Advanced Medium‐Range Air‐to‐Air Missile) ที่ไม่เปิดเผยจำนวนจากสหรัฐฯสำหรับใช้กับเครื่องบินขับไล่ F-35A

ในเดือนกันยายน 2025 สภา Congress สหรัฐฯได้อนุมัติการขายรูปแบบ Foreign Military Sale(FMS) ของอาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่อากาศ AIM-120D-3 AMRAAM แก่ฟินแลนด์(https://aagth1.blogspot.com/2025/11/aim-120d-3-amraam-f-35a.html)
"การจัดซื้อจัดจ้างนี้จะให้อาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่อากาศ AMRAAM รุ่นที่มีความก้าวหน้ามากที่สุดแก่ฟินแลนด์ ซึ่งจะเพิ่มพูนความสามารถของเราที่จะตอบสนองต่อภัยคุกคามต่างๆในสภาพแวดล้อมการปฏิบัติการของเรา" รัฐมนตรีกลาโหมฟินแลนด์ Häkkänen กล่าวครับ

วันพุธที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2568

สวิตเซอร์แลนด์จะตัดลดจำนวนเครื่องบินขับไล่ F-35A ลงจาก 36เครื่องตามที่สหรัฐฯปฏิเสธข้อตกลงราคาคงที่

Switzerland to cut F-35A buy as US denies fixed-price deal





Switzerland was to procure 36 F-35As, but growing costs set against a fixed budget mean that this order will now be trimmed to an undisclosed number. (US Department of War)

สวิตเซอร์แลนด์จะตัดลดจำนวนของเครื่องบินขับไล่ Lockheed Martin F-35A Lightning II Joint Strike Fighter(JSF) ที่ตนวางแผนจะจัดซื้อหลังสหรัฐฯปฏิเสธเงื่อนไขของข้อตกลงราคาคงที่(fixed-price) ที่ร้องขอโดยรัฐบาลสมาพันธรัฐสวิสในนครหลวง Bern 
กระทรวงกลาโหม, การปกป้องพลเรือน และกีฬาสวิตเซอร์แลนด์(Swiss Federal Department of Defence, Civil Protection, and Sport, DDPS) กล่าวเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2025 ที่ผ่านมาว่า

แทนที่วางแผนไว้เดิมที่จะจัดซื้อเครื่องบินขับไล่ F-35A Lightning II สหรัฐฯจำนวน 36เครื่อง(https://aagth1.blogspot.com/2022/09/f-35a-36.html) ตอนนี้สวิตเซอร์แลนด์จะจัดซื้อเครื่องบินขับไล่ F-35A 
ใน "จำนวนสูงสุดเท่าที่เป็นไปได้" ที่สวิตเซอร์แลนด์สามารถจะได้รับสำหรับวงประมาณวงเงิน 6 billion Swiss Franc($7.5 billion) ที่ได้รับการจัดสรรต่อโครงการจัดซื้อจัดจ้าง Air2030(https://aagth1.blogspot.com/2021/12/f-35a-patriot.html)

"เนื่องจากค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมต่างๆที่สามารถคาดการณ์ได้ มันเป็นไปไม่ได้จากมุมมองของนโยบายงบประมาณที่จะคงจำนวนเครื่องตามแผนเดิมของเครื่องบินขับไล่ F-35A ที่ 36เครื่อง(https://aagth1.blogspot.com/2021/07/f-35a-patriot.html)
การตัดสินใจของสภาสมาพันธรัฐสวิสไม่ต้องการการกู้เงินเพิ่มเติมและและสอดคล้องกับเจตจำนงของประชาชนสวิส" กระทรวงกลาโหม, การปกป้องพลเรือน และกีฬาสวิตเซอร์แลนด์ DDPS กล่าว

ตามที่เน้นในการประกาศ รัฐบาลสมาพันธรัฐสวิสได้มีความพยายามมาตลอดช่วงฤดูร้อนของซีกโลกเหนือ(the Boreal summer) ที่จะเจราจาข้อตกลงราคาคงที่กับสหรัฐฯ
ซึ่งได้รับการถูกพิสูจน์ว่าไม่ประสบความสำเร็จซึ่งรัฐบาลสหรัฐฯในนครหลวง Washington, DC ได้อ้างอิงค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมสำหรับภาวะเงินเฟ้อ, การเปลี่ยนแปลงของราคาวัตถุดิบต่างๆ, และปัจจัยอื่นๆ

ด้วยเหตุดังนี้ กระทรวงกลาโหม, การปกป้องพลเรือน และกีฬาสวิตเซอร์แลนด์ DDPS ได้ประเมินโครงการจัดซื้อจัดจ้างเครื่องบินขับไล่ F-35A ใหม่ทั้งหมด โดยตรวจสอบว่า
ความต้องการต่างๆสำหรับการป้องกันภัยทางอากาศของสวิตเซอร์แลนด์ยังคงสอดคล้องต่อหลักการซึ่งเป็นพื้นฐานการประเมินค่าของอากาศยานหรือไม่(https://aagth1.blogspot.com/2020/10/f-35a-fa-18ef-patriot.html)

สภาสมาพันธรัฐสวิสประกาศการจัดซื้อจัดจ้างสำหรับเครื่องบินขับไล่ F-35A จำนวน 36เครื่อง ผ่านรูปแบบการขาย Foreign Military Sales(FMS) ของรัฐบาลสหรัฐฯในปี 2022 ซึ่งจะถูกส่งมอบในระหว่างปี 2027-2030
เครื่องบินขับไล่ F-35A จะถูกนำมาทดแทนฝูงเครื่องบินขับไล่ Northrop F-5E/F Tiger II และเครื่องบินขับไล่ Boeing F/A-18C/D Hornet ของกองทัพอากาศสวิตเซอร์แลนด์(Swiss Air Force) ที่ทั้งสองแบบมีกำหนดจะปลดประจำการในปี 2030 ครับ