วันพุธที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2568

ภาพใหม่เปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติมของเครื่องบินขับไล่ stealth สองแบบใหม่ของจีน

New imagery reveals additional details of China's tailless aircraft







China's Shenyang J-XD and Chengdu J-36 tailless combat aircraft have been observed conducting flight tests since December 2024. (Janes)





ชุดภาพใหม่ของเครื่องบินขับไล่ตรวจจับได้ยาก stealth ไร้แพนหาง tailless ใหม่สองแบบของจีน เครื่องบินขับไล่ Shenyang J-XD(เครื่องบินขับไล่ J-50) และเครื่องบินขับไล่ Chengdu J-36 ที่ปรากฏขึ้นแสดงคุณลักษณะการออกแบบในรายละเอียดที่มีมากขึ้น
เครื่องบินขับไล่ J-XD(J-50) และเครื่องบินขับไล่ J-36 สองแบบดังกล่าวนั้นได้ถูกนำมาทำการบินทดสอบที่เปิดเผยเป็นครั้งแรกในเดือนธันวาคม 2024(https://aagth1.blogspot.com/2025/01/stealth.html)

ตามมาด้วยการปรากฏของวีดิทัศน์ภาพเคลื่อนไหวของการทดสอบเครื่องบินขับไล่ J-XD(J-50) และเครื่องบินขับไล่ J-36 ทั้งสองแบบตามมาในสื่อสังคม online ของจีนตามมา
ตั้งแต่นั้นมาเครื่องบินขับไล่ J-36(กำหนดแบบเรียกชั่วคราว) ปรากฏที่จะได้รับการดำเนินการบินทดสอบต่างๆเพิ่มเติม อย่างไรก็ตามเครื่องบินขับไล่ J-XD(J-50) ไม่ปรากฏต่อสาธารณะว่าพบเห็นเครื่องทำการบินในอากาศอีกครั้ง

จนกระทั้งมีภาพถ่ายสามภาพใหม่ของเครื่องบินขับไล่ J-XD(J-50 กำหนดแบบเรียกชั่วคราว) และวีดิทัศน์ปรากฎขึ้นในสื่อสังคม online ของจีนล่าสุดในเดือนเมษายน 2025 หนึ่งในภาพถ่ายแสดงให้เห็นถึง
ด้านซ้ายล่างแสดงให้เห็นถึงฐานล้อลงจอดของเครื่องบินและแสดงถึงช่องรับอากาศเข้าเครื่องยนต์ของเครื่องบินและปีกรูปทรงตัวอักษร lambda ในรายละเอียดที่มากยิ่งขึ้นเช่นกัน

ชุดภาพและวีดิทัศน์ล่าสุดของเครื่องบินขับไล่ J-XD(J-50) ยังได้เห็นถึงส่วนพื้นผิวควบคุม(control surface) ต่างๆของเครื่องบิน รวมถึงรูปทรงที่แท้จริงของปลายปีก(wingtip) แบบปรับห้อยลงมาได้
นี่เป็นการปรากฎตัวใหม่ที่เป็นที่ทราบแรกของเครื่องบินขับไล่ J-XD(J-50) ตั้งแต่ที่เครื่องบินถูกพบเห็นว่าดำเนินการบินทดสอบเหนือนคร Shenyang เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม 2024

ภาพถ่ายที่สองของเครื่องบินแสดงให้เห็นว่าไม่ปกติที่มีเพียงปลายปีกแบบปรับได้ด้านขวาที่ถูกปรับให้กางห้อยต่ำลง ตามที่เครื่องบินขับไล่ J-XD(J-50) กำลังบินในเพดานบินต่ำตามแนวร่อนลงสู่ทางวิ่ง
นี่บ่งชี้ว่าปลายปีกแบบปรับได้นี้สามารถกางขึ้นลงได้อย่างเป็นอิสระต่อกัน ปลายปีกน่าจะเป็นส่วนพื้นผิวควบคุมเพิ่มเติมเพื่อเพิ่มความคล่องแคล่วการเคลื่อนที่ที่ความเร็วต่ำ Janes ประเมิน

เครื่องบินขับไล่ J-XD(J-50) ยังปรากฎที่จะมีส่วนครีบ leading-edge extension(LEX) ตามยาวที่แตกต่างกัน อย่างไรก็ตามมุมของเครื่องบินในชุดภาพได้บดบัง Janes จากการประเมินว่า
เครื่องบินจะมีส่วนพื้นผิว spoiler ที่ด้านบนตัวเครื่อง หรือระบบปรับทิศทางแรงขับ thrust vectoring control(TVC) ในการเชิดหัวขึ้นลง(pitch) หรือส่ายซ้าย-ขวา(yaw) หรือไม่

ภาพวีดิทัศน์ของเครื่องบินขับไล่ J-36 ที่เผยแพร่ในสื่อสังคม online ของจีนในเดือนเมษายน 2025 ล่าสุดเช่นกัน แสดงให้เห็นถึงเครื่องกำลังร่อนลงจอดที่สนามบินของ Chengdu Aircraft Industrial (Group) Company(CAC) รัฐวิสาหกิจผู้ผลิตอากาศยานจีนในนคร Chengdu
รายละเอียดที่เห็นได้เพิ่มเติมมากขึ้นรวมถึงหมายเลข "36011" ที่หัวเครื่อง, ฐานล้อลงจอดหน้าแบบสองล้อคู่และฐานล้อลงจอดส่วนหลังแบบล้อรางรถไฟ(Bogie) คู่ขนาดใหญ่ด้านซ้ายหลังและขวาหลัง,

พื้นผิวควบคุมแบบ actuator ทรงรียาวนูนสามชิ้นส่วน, หางเสือแนวตั้งแรกสองส่วนที่ด้านล่างแต่ละด้านของปีกรูปทรงเพชร-สามเหลี่ยมผสม(compound diamond-delta wings) และช่องเก็บอาวุธภายในลำตัว
Janes ประเมินว่าเครื่องบินขับไล่ J-XD(J-50) ที่มีความยาวประมาณ 21m น่าจะถูกออกแบบมาสำหรับเป็นเครื่องบินขับไล่ ขณะที่เครื่องบินขับไล่ J-36 ที่มีความยาวประมาณ 23m น่าจะถูกออกแบบมาเป็นเครื่องบินขับไล่โจมตีครับ

วันอังคารที่ 8 เมษายน พ.ศ. 2568

กองทัพอากาศสหรัฐฯรับมอบเครื่องบินตรวจการณ์และโจมตี OA-1K Skyraider II เครื่องแรก

AFSOC receives first missionised L3Harris OA-1K Skyraider II







A US Air Force OA-1K Skyraider II at Hurlburt Field, Florida, in January 2025. AFSOC has now taken formal delivery of its first OA-1K. (AFSOC)



กองบัญชาการปฏิบัติการพิเศษกองทัพอากาศสหรัฐฯ(AFSOC: Air Force Special Operations Command) ได้รับมอบเครื่องบินตรวจการณ์และโจมตี L3Harris OA-1K Skyraider II เครื่องแรกของตน
ณ ฐานบิน Hurlburt Field ใน Okaloosa County มลรัฐ Florida สหรัฐฯ เมื่อวันที่ 3 เมษายน 2025 ตามการประกาศโดยกองทัพอากาศสหรัฐฯ(USAF: US Air Force)(https://aagth1.blogspot.com/2022/08/at-802u-armed-overwatch.html)

ในอนาคตเครื่องบินตรวจการณ์และโจมตี OA-1K Skyraider II จะถูกส่งให้กับฐานทัพกองกำลังรักษาดินแดนทางอากาศ Will Rogers Air National Guard(ANG) Base ใน Oklahoma City มลรัฐ Oklahoma ซึ่งเป็นที่ตั้งของหน่วยฝึกทางการของเครื่องบินรุ่นนี้
โดยเครื่องบินตรวจการณ์และโจมตี OA-1K เพิ่มเติมจะมุ่งหน้าไปยังฐานทัพอากาศ Davis-Monthan Air Force Base(AFB) ใน Tucson มลรัฐ Arizona เพื่อเข้าประจำการในกองบินขยายกำลังอำนาจที่492(492nd Power Projection Wing)

ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่าเครื่องบินตรวจการณ์และโจมตี OA-1K Skyraider II เครื่องแรกจะมีที่ตั้งในฐานทัพกองกำลังรักษาดินแดนทางอากาศ Will Rogers ANGB ใน Oklahoma หรือจะยังอยู่ที่ฐานบิน Hurlburt Field  สำหรับการทดสอบหรือไม่
เครื่องบินตรวจการณ์และโจมตี OA-1K ซึ่งดัดแปลงมาจากเครื่องบินใบพัด Air Tractor AT-802 ที่ถูกใช้งานเป็นหลักสำหรับการฉีดพ่นยาฆ่าแมลงทางอากาศ(crop dusting) และถูกออกแบบสำหรับการบินที่เพดานบินค่อนข้างต่ำและความเร็วช้า

บริษัท L3Harris สหรัฐฯได้รับเครื่องบินใบพัด AT-802 และเพิ่มกล้อง EO/IR(Electro-Optic/Infrared), จุดแข็ง(hardpoint)สำหรับติดตั้งอาวุธ และระบบสื่อสารต่างๆเข้ากับเครื่องบิน(https://aagth1.blogspot.com/2021/05/armed-overwatch.html)
เครื่องบินตรวจการณ์และโจมตี OA-1K สามารถติดตั้งภารกรรมบรรทุกได้ถึงที่ 6,000lb(2,721kg) และสามารถบินวนได้เป็นเวลา 6ชั่วโมงบินที่ระยะทำการ 200nmi(370km) ตามข้อมูลจากบริษัท L3Harris

"เครื่องบิน Skyraider II ต้องการชุดการซ่อมบำรุงที่เล็กน้อยกว่ามากและมีค่าใช้จ่ายต่อชั่วโมงบินที่น้อยกว่าเครื่องบินตามแบบหรือเครื่องบินปฏิบัติการพิเศษแบบอื่นๆ" กองบัญชาการปฏิบัติการพิเศษกองทัพอากาศสหรัฐฯกล่าว
กองบัญชาการปฏิบัติการพิเศษกองทัพอากาศสหรัฐฯมีฝูงบินที่ปฏิบัติการด้วยอากาศยานหลากหลายแบบ ที่รวมถึงหลายแบบที่ดัดแปลงจากอากาศยานรุ่นพลเรือน OA-1K จะเป็นเครื่องบินที่มีขนาดเล็กที่สุดท่ามกลางอากาศยานเหล่านั้น

กองบัญชาการปฏิบัติการพิเศษสหรัฐฯ(USSOCOM: US Special Operations Command) ได้เลือกบริษัท L3Harris เป็นผู้ชนะสำหรับโครงการเครื่องบินโจมตีปฏิบัติการพิเศษ Armed Overwatch ของตนในปี 2022
โครงการ Armed Overwatch มีจุดประสงค์ที่จะส่งมอบเครื่องบินโจมตีปฏิบัติการพิเศษจำนวนถึง 75เครื่องเพื่อให้การสนับสนุนแก่หน่วยปฏิบัติการพิเศษสหรัฐฯ(SOF: Special Operations Forces) ครับ

วันจันทร์ที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2568

กองทัพเรือไทยและจีนทำพิธีปิดการฝึกผสม Blue Strike 2025
















Photos show moments in China-Thailand Blue Strike 2025 joint naval training from 26 March to 2 April 2025. This series of joint naval training has developed into an institutional cooperation project between two navies, with larger scale, higher level, and richer training subjects.
China-Thailand Blue Strike-2025 Joint Naval Training From March 26 to April 2, naval forces of China and Thailand conducted Blue Strike-2025 Joint Training in Zhanjiang, Guangdong Province. 
The training exercise primarily focused on serials including joint maritime search and rescue, counter-terrorism and anti-piracy operations. Additionally, activities such as ship tours, deck receptions, cultural and sports exchanges were also organized. (China Military, Royal Thai Navy)



การฝึกการปฏิบัติการผสมระดับยุทธวิธีทางเรือ และ นาวิกโยธิน ระหว่าง กองทัพเรือ และ กองทัพเรือสาธารณประชาชนจีน ในการฝึกผสม Blue Strike 2025 
เมื่อวันที่ 26 มี.ค.68 – 2 เม.ย.68 กองทัพเรือ และ กองทัพเรือสาธารณประชาชนจีน ได้ดำเนินการฝึกการปฏิบัติการผสมระดับยุทธวิธีทางเรือ และ นาวิกโยธิน ในการฝึกผสม Blue Strike 2025 โดยแบ่งการฝึกออกเป็น 2 ส่วน ประกอบด้วย 
1) การฝึกในท่า (Harbour Phase) ระหว่าง 26 มี.ค.68 – 2 เม.ย.68 ณ ค่ายหนานถิง และ เกาะหนานซาน เมืองจ้านเจียง สาธารณประชาชนจีน โดยเป็นการฝึกของกองกำลังทางเรือ ได้แก่ การแลกเปลี่ยนความรู้ของผู้เชี่ยวชาญในสาขาปฏิบัติการทางเรือต่างๆ การแปรรูปกระบวนทางยุทธวิธี การพัฒนาขีดความสามารถในการป้องกันภัยทั้ง 3 มิติ และการบรรเทาสาธารณภัย 
สำหรับการฝึกของนาวิกโยธิน  ได้แก่ การฝึกยุทธวิธีทหารราบและทหารราบยานเกราะ การป้องกันนิวเคลียร์ ชีวะ เคมี การค้นหาและการต่อต้านวัตถุระเบิด การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างผู้เชี่ยวชาญในการใช้อากาศยานไร้คนขับในการรวบรวมข่าว การต่อต้านอากาศยานไร้คนขับ และ การใช้และซ่อมบำรุงรถ VN16 
2) การฝึกในทะเล (Sea Phase) ระหว่าง 28 มี.ค.68 – 30 มี.ค.68 บริเวณทะเลเกาะหนานซาน เมืองจ้านเจียง สาธารณประชาชนจีน โดยเป็นการฝึกของกองกำลังทางเรือ ได้แก่ การฝึกแปรกระบวนและถ่ายภาพทางยุทธวิธี การฝึกป้องกันภัยผิวน้ำ การฝึกกู้ภัยเรือดำน้ำ การฝึกต่อต้านอากาศยาน การฝึกค้นหาและช่วยเหลือผู้ประสบภัย การฝึกปราบเรือดำน้ำ  และการดำน้ำค้นหาและพิสูจน์ทราบวัตถุต้องสงสัยใต้น้ำ 
สำหรับการฝึกของนาวิกโยธิน  ได้แก่ การฝึกเคลื่อนย้ายกำลังพลสู่ฝั่งในภารกิจบรรเทาสาธารณภัย
ทั้งนี้ การฝึกผสมดังกล่าว นับเป็นโอกาสดีที่ทั้งสองฝ่ายจะได้แลกเปลี่ยนความรู้และเทคโนโลยีทางทหาร ตลอดจนยุทธวิธีใหม่ ๆ ซึ่งกันและกัน ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนากองทัพเรือของทั้งสองประเทศในอนาคต 
ตลอดจนแสดงให้เห็นถึงศักยภาพและความพร้อมของกองทัพเรือไทยและกองทัพเรือสาธารณประชาชนจีน ในการปฏิบัติการร่วมกัน ซึ่งจะช่วยส่งเสริมความมั่นคงในภูมิภาคและภาพลักษณ์ของทั้งสองประเทศในเวทีระหว่างประเทศ ตลอดจนสร้างความเชื่อมั่นและความปลอดภัยให้กับประชาชน

พิธีปิดการฝึกผสม Blue Strike 2025 ณ ค่าย NANTING เมืองจ้านเจียง สาธารณรัฐประชาชนจีน
เมื่อวันพุธที่ 2 เม.ย.68  เวลา 16.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นของจีน กองทัพเรือสาธารณรัฐประชาชนจีน ได้จัดพิธีปิดการฝึกผสม Blue Strike 2025 ณ ค่าย NANTING เมืองจ้านเจียง สาธารณรัฐประชาชนจีน 
โดยมีเสนาธิการหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน สาธารณรัฐประชาชนจีน เป็นประธานฝ่ายกองทัพเรือสาธารณรัฐประชาชนจีน และ พลเรือตรี อารยะ สิงหเสมานนท์ ผู้บัญชาการกองเรือยกพลขึ้นบก และยุทธบริการ ในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการฝึกผสม Blue Strike 2025 เป็นประธานฝ่ายกองทัพเรือไทย 
พร้อมด้วยคณะผู้บังคับบัญชา และกำลังพลหมู่เรือฝึกผสม Blue Strike 2025 ได้เข้าร่วมพิธีปิดการฝึกผสมฯ นอกจากนี้ ได้มีการมอบรางวัลกำลังพลทั้งสองฝ่ายที่มีผลการฝึกดีเยี่ยม ทั้งนี้ หลังจากเริ่มดำเนินการฝึกร่วมกันตั้งแต่วันที่ 25 มี.ค.68 
ทั้งในด้านการปฏิบัติการทางเรือสาขาต่าง ๆ  การฝึกทางยุทธวิธีของนาวิกโยธินในระดับหน่วยทหารขนาดเล็ก และการฝึกการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและบรรเทาภัยพิบัติ (HADR) ซึ่งผลการฝึกเป็นไปด้วยความเรียบร้อย บรรลุวัตถุประสงค์การฝึกที่กำหนดไว้ 
รวมทั้งทำให้เกิดความสัมพันธ์อันดีของทั้งสองประเทศ ตลอดจนทำให้กำลังพลได้รับความรู้และประสบการณ์ที่ดี อันจะได้นำไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อกองทัพเรือและประเทศชาติต่อไป

กองทัพเรือไทย(RTN: Royal Thai Navy) และกองทัพเรือปลดปล่อยประชาชนจีน(PLAN: People's Liberation Army Navy) ได้เสร็จสิ้นการการฝึกผสม Blue Strike 2025 หลังจากที่มีพิธีเปิดเมื่อวันที่ ๒๖ มีนาคม พ.ศ.๒๕๖๘(2025)(https://aagth1.blogspot.com/2025/03/blue-strike-2025.html)
ตามพิธีปิดที่มีขึ้นเมื่อวันที่ ๒ เมษายน พ.ศ.๒๕๖๘ ณ ค่าย Nanting(南亭, หนานถิง) ของนาวิกโยธินกองทัพเรือปลดปล่อยประชาชนจีน(PLANMC: People's Liberation Army Navy Marine Corps) เมือง Zhanjiang(湛江, จ้านเจียง) มณฑล Guangdong(广东, กว่างตง) สาธารณรัฐประชาชนจีน โดยหมู่เรือและกำลังพลของไทยกำลังอยู่ระหว่างการเดินทางกลับมาถึงไทยตามกำหนดในวันที่ ๑๐ เมษายน พ.ศ.๒๕๖๘

การฝึกผสม Blue Strike 2025 เป็นการฝึกที่จัดขึ้นเป็นครั้งที่๖ ของการฝึกทวิภาคีที่จัดขึ้นทุกสองปีโดยสลับกันเจ้าภาพระหว่างไทยและจีน โดยการฝึกปีนี้เป็นครั้งแรกที่กองทัพเรือไทยได้จัดหมู่เรือฝึกนักเรียนนายเรือชั้นปีที่ ๑-๔ ประจำปีการศึกษา พ.ศ.๒๕๖๗(2024) จำนวน ๓๓๘นาย ของโรงเรียนนายเรือ(RTNA: Royal Thai Naval Academy) 
ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งการฝึกภาคปฏิบัติในทะเลต่างประเทศระหว่างวันที่ ๒๔ กุมภาพันธ์- ๑๑ เมษายน พ.ศ.๒๕๖๘ หมู่เรือฝึกนักเรียนนายเรือประกอบด้วยเรือตรวจการณ์ไกลฝั่งชุดเรือหลวงกระบี่ เรือหลวงประจวบคีรีขันธ์, เรือฟริเกตชุดเรือหลวงเจ้าพระยา ร.ล.เจ้าพระยา และเรือหลวงกระบุรี ได้ออกเดินทางจากท่าเรือแหลมเทียน ฐานทัพเรือสัตหีบ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ในอ่าวไทยเมื่อวันที่ ๖ มีนาคม พ.ศ.๒๕๖๘

และเรือยกพลขึ้นบกอู่ลอย เรือหลวงอ่างทอง พร้อมหน่วยฝึกนาวิกโยธินไทย(RTMC: Royal Thai Marine Corps) ที่จัดกำลังจาก กองพันลาดตระเวนนาวิกโยธิน พัน.ลว.นย.(Marine Reconnaissance Battalion), กองพันรถสะเทินน้ำสะเทินบก พัน.รนบ.นย.(Marine Assault Amphibian Vehicle Battalion) และกองพันรถถัง พัน.ถ.นย.(Marine Tank Battalion) 
ออกจากท่าเรือแหลมเทียน ฐานทัพเรือสัตหีบ ได้มีขึ้นเมื่อวันที่ ๑๙ มีนาคม พ.ศ.๒๕๖๘ ซึ่งได้เดินทางมาสมทบพร้อมกันที่ท่าเทียบเรือ Maxie(麻斜, หม่าเสี่ย) เมือง Zhanjiang ในวันที่ ๒๕ มีนาคม พ.ศ.๒๕๖๘ หลังจากที่หมู่เรือฝึกนักเรียนนายเรือ ร.ล.ประจวบคีรีขันธ์, ร.ล.เจ้าพระยา และ ร.ล.กระบุรี เสร็จสิ้นการเดินทางเยือนท่าเรือ Subic ฟิลิปปินส์ และท่าเรือ White Beach หมู่เกาะ Okinawa ญี่ปุ่น

ในการฝึกในทะเล(Sea Phase) ระหว่างวันที่ ๒๘-๓๐ มีนาคม พ.ศ.๒๕๖๘ หมู่เรือฝึกของกองทัพเรือไทย ร.ล.อ่างทอง, ร.ล.ประจวบคีรีขันธ์, ร.ล.เจ้าพระยา และ ร.ล.กระบุรี ได้ทำการฝึกกับหมู่เรือของกองทัพเรือปลดปล่อยประชาชนจีนที่บริเวณทะเลใกล้เกาะ Nansan(南三岛, หนานซานเต่า) เมือง Zhanjiang ที่รวมถึง เรือยกพลขึ้นบกอู่ลอยชั้น Type 071 เรือยกพลขึ้นบกอู่ลอย LPD-985 Qilian Shan(祁连山), 
ยานเบาะอากาศชั้น Type 726A LCAC(Landing Craft, Air Cushioned), เรือพิฆาตชั้น Type 052D เรือพิฆาต DDG-172 Kunming(昆明), เรือฟริเกตชั้น Type 054A เรือฟริเกต FFG-536 Xuchang(许昌) ขณะที่นาวิกโยธินไทยและนาวิกโยธินกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีนฝึกกับเฮลิคอปเตอร์ใช้งานทางทะเล Z-8 และรถรบทหารราบล้อยาง Type 08 8x8 IFV(Iinfantry Fighting Vehicle) เป็นต้นครับ

วันอาทิตย์ที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2568

โคลอมเบียเลือกเครื่องบินขับไล่ Gripen E/F สวีเดนเพื่อทดแทน Kfir อิสราเอล

Colombia selects Saab Gripen to replace IAI Kfirs



Colombia has signed a LoI with Sweden to purchase the Saab JAS 39E/F Gripen. (Saab) 




Colombia's Kfir C10s are all but obsolete. Replacing them with new aircraft has taken a decade in fits and starts. (USAF)

โคลอมเบียได้ลงนามจดหมายแสดงความจำนง(LOI: Letter of Intent) กับสวีเดนเพื่อจัดซื้อเครื่องบินขับไล่ Saab JAS 39E/F Gripen ตาม post บนสื่อสังคม online โดยประธานาธิบดีโคลอมเบีย Gustavo Petro เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2025
เครื่องบินขับไล่ Gripen E/F สวีเดนมีจุดประสงค์ที่จะทดแทนฝูงเครื่องบินขับไล่ Israeli Aircraft Industries(IAI) Kfir อิสราเอลของกองทัพอากาศโคลอมเบีย(Colombian Air Force, FAC: Fuerza Aérea Colombiana) ที่จะกลายเป็นเครื่องบินขับไล่ทิ้งระเบิดหลักของประเทศ 

โคลอมเบียกำลังมองที่จะจัดหาเครื่องบินขับไล่ Gripen E/F จำนวน 16-24 เครื่องโดยสัญญาน่าจะมีมูลค่าที่วงเงินราวอย่างน้อย 2 billion Euros($2.2 billion) แหล่งข่าวที่มีความรู้ในการเลือกแบบกล่าวกับ Janes
การเจรจาระหว่างรัฐบาลโคลอมเบียและบริษัท Saab สวีเดนซึ่งจะกำหนดราคาของฝูงเครื่องบินและอาวุธจะบรรลุผล "ในหลายเดือนข้างหน้าที่จะมาถึง" Micael Johansson ผู้อำนวยการบริหารของ Saab กล่าวกับสื่อเมื่อวันที่ 3 เมษายน 2025

เจ้าหน้าที่กองทัพอากาศโคลอมเบียกล่าวว่าเครื่องบินขับไล่ Gripen E/F จะทดแทน "ขีดความสามารถต่างๆบางส่วนที่เรายังไม่ได้สูญเสียแต่กำลังถดถอยลง"(https://aagth1.blogspot.com/2023/06/saab-gripen.html)
กองทัพอากาศโคลอมเบียมีประจำการด้วยเครื่องบินขับไล่ Kfir C10 จำนวน 16เครื่อง ตามฐานข้อมูลจาก Janes World Air Forces((https://aagth1.blogspot.com/2019/06/iai-kfir-ng.html)

กองทัพอากาศโคลอมเบียได้เริ่มต้นที่จะมองหาการทดแทนสำหรับเครื่องบินขับไล่ Kfir ที่ใกล้จะหมดอายุการใช้งานมาเป็นเวลาเกินกว่าทศวรรษมาแล้ว และในกระบวนการคัดเลือกได้มีการประเมินค่าเครื่องบินขับไล่หลายแบบรวมถึง
เครื่องบินขับไล่ Dassault Rafale ฝรั่งเศส(https://aagth1.blogspot.com/2025/01/rafale-80.html), เครื่องบินขับไล่ Eurofighter Typhoon ยุโรป(https://aagth1.blogspot.com/2025/04/eurofighter-typhoon-tranche-1.html),

เครื่องบินขับไล่ MiG-35 รัสเซีย(https://aagth1.blogspot.com/2021/08/kh-59mkm.html, https://aagth1.blogspot.com/2021/05/mig-35.html), และเครื่องบินขับไล่ Lockheed Martin F-16 สหรัฐฯ

"การศึกษานี้ได้รับการศึกษามาเป็นเวลาหลายทศวรรษ...เราขอขอบคุณประเทศต่างๆที่ได้แสดงความสนใจในการนำเสนอข้อเสนอต่างๆที่แตกต่างกัน" รัฐมนตรีกลาโหมโคลอมเบีย Pedro Sánchez กล่าวต่อสื่อเมื่อวันที่ 3 เมษายน 2025
กองทัพอากาศโคลอมเบียน่าจะประจำการเครื่องบินขับไล่ Gripen E/F เป็นเวลาอย่างน้อย 35ปี Sánchez กล่าวต่อ ซึ่งมีส่วนต่อการตัดสินใจที่จะจัดซื้อเครื่องขับไล่สร้างใหม่เทียบกับเครื่องบินขับไล่ที่ผ่านการใช้งานมาแล้ว

โดยมีบราซิลเป็นผู้ใช้งานส่งออกปัจจุบัน(https://aagth1.blogspot.com/2024/11/gripen-ef-9.html) โคลอมเบียมีกำหนดที่จะเป็นผู้ใช้งานส่งออกรายล่าสุดสำหรับเครื่องบินขับไล่ Gripen E/F ในการทดแทนเครื่องบินขับไล่ Kfir ที่เครื่องแรกเข้าประจำการตั้งแต่ปี 1989-1990
ขณะที่กองทัพอากาศไทย(RTAF: Royal Thai Air Force) ได้เลือกที่จะจัดหาเครื่องบินขับไล่แบบที่๒๐ข/ค บ.ข.๒๐ข/ค Gripen E/F จำนวน ๑๒เครื่องครับ(https://aagth1.blogspot.com/2025/03/gripen-ef.html, https://aagth1.blogspot.com/2025/02/tai-saab-gripen-ef.html, https://aagth1.blogspot.com/2025/01/gripen-ef.html)

วันเสาร์ที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2568

อินเดียสั่งจัดหาเฮลิคอปเตอร์โจมตีเบา LCH เพิ่ม 156เครื่อง และเช่าเครื่องบินเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศ KC-135 จากบริษัทสหรัฐฯ

India orders new Light Combat Helicopters, leases KC-135



The Indian Air Force began inducting its initial batch of 10 HAL Light Combat Helicopters from October 2022. (Janes/Akhil Kadidal)




India MoD has also awarded a US company with a contract to lease a Boeing KC-135 aerial tanker for training. (Metrea)

กระทรวงกลาโหมอินเดียได้สั่งจัดหาเฮลิคอปเตอร์โจมตีเบา Light Combat Helicopter(LCH) จำนวน 156 เครื่องจาก Hindustan Aeronautics Limited(HAL) รัฐวิสาหกิจอุตสาหกรรมอากาศยานของอินเดีย
และยังประกาศสัญญากับบริษัทของสหรัฐฯที่จะเช่าเครื่องบินเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศ Boeing KC-135 Stratotanker สำหรับการฝึก(https://aagth1.blogspot.com/2022/11/lch.html)

ตามแถลงการณ์ของกระทรวงกลาโหมอินเดีย การจัดหาเฮลิคอปเตอร์โจมตีเบา LCH จำนวน 156เครื่องถูกแบ่งออกเป็นสองสัญญาที่แยกจากกันที่ประกาศแก่ HAL อินเดียเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2025
หนึ่งสัญญาครอบคลุมเฮลิคอปเตอร์โจมตีเบา LCH จำนวน 66เครื่องสำหรับกองทัพอากาศอินเดีย(IAF: Indian Air Force) และสัญญาที่สองกำลังการส่งมอบ ฮ.โจมตีเบา LCH จำนวน 90เครื่องแก่กองทัพบกอินเดีย(Indian Army)

ทั้งสองสัญญามีมูลค่ารวมทั้งหมดที่วงเงิน 627 billion Indian Rupee($7.3 billion) ไม่รวมภาษี กระทรวงกลาโหมอินเดียกล่าวในแถลงการณ์ที่มีขึ้นในวันเดียวกัน(https://aagth1.blogspot.com/2022/10/lch-prachanda.html)
การประกาศสัญญามีขึ้นเกือบ 9เดือนหลังจากกระทรวงกลาโหมอินเดียหล่าวว่าตนได้ร้องขอเอกสารขอข้อเสนอ(RFP: Request for Proposals) เพื่อจะจัดหาเฮลิคอปเตอร์โจมตีเบา LCH จำนวน 156เครื่อง

ณ เวลานั้น HAL อินเดียประมาณการณ์ว่าการเจรจาต่างๆจะมีผลในสัญญาด้วยความเป็นไปได้ที่มูลค่าสูงถึงที่วงเงิน 6 billion Indian Rupee ตามข้อมูลจากกระทรวงกลาโหมอินเดีย
การจัดส่งของเฮลิคอปเตอร์โจมตีเบา LCH จำนวน 156เครื่องจะมีการดำเนินการขึ้นตั้งแต่ปี 2028 และจะขยายต่อเนื่องไปตลอด "ในอีกห้าปีข้างหน้า"(หรือถึงปี 2033)

HAL Prachand LCH เป็นเฮลิคอปเตอร์โจมตีที่พัฒนาในอินเดียที่ออกแบบให้สามารถปฏิบัติการที่พื้นที่ที่มีความสูงเกิน 5,000m ได้ "สัญญาจะขยายขีดความสามารถการรบของกองทัพ ณ เพดานบินสูง" กระทรวงกลาโหมอินเดียกล่าว
เฮลิคอปเตอร์โจมตีเบา LCH ได้ประจำการในจำนวนจำกัดกับกองทัพอากาศอินเดียและกองทัพบกอินเดียแล้ว ในปี 2016 สภาการจัดหากลาโหม(DAC: Defence Acquisition Council) ของอินเดียได้อนุมัติการจัดหา ฮ.โจมตีเบา LCH จำนวน 15เครื่อง

แบ่งเป็นเฮลิคอปเตอร์โจมตีเบา LCH จำนวน 10เครื่องสำหรับกองทัพอากาศอินเดียและสำหรับกองการบินกองทัพบกอินเดีย(Army Aviation Corps) จำนวน 5เครื่อง
นับตั้งแต่ที่ได้เติมเต็มคำสั่งสั่งซื้อก่อนหน้านี้ Janes เข้าใจว่าเฮลิคอปเตอร์โจมตีเบา LCH ทั้ง 15เครื่องในคำสั่งจัดซื้อจัดจ้างนี้ปัจจุบันได้ถูกส่งมอบเข้าประจำการในกองทัพอากาศอินเดียและกองทัพบกอินเดียแล้ว

นอกเหนือจากนี้กระทรวงกลาโหมอินเดียได้ประกาศสัญญาที่จะเช่าเครื่องบินเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศ KC-135 กับบริษัท Metrea Management สหรัฐฯ(เดิมบริษัท Meta Aerospace สหรัฐฯ) 
ซึ่งเดิมเป็นเครื่องที่ปลดประจำการจากกองทัพอากาศสิงคโปร์(RSAF: Republic of Singapore Air Force) ในปี 2019 (https://aagth1.blogspot.com/2019/11/kc-135r.html) หลังได้รับมอบเครื่องบินลำเลียงและเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศ Airbus A330 MRTT(Multi Role Tanker Transport)

ตามข้อมูลจาก Janes World Air Forces ปัจจุบันกองทัพอากาศอินเดียมีประจำการด้วยเครื่องบินเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศ Ilyushin IL-78MKI รัสเซียจำนวน 6เครื่องที่ได้รับมอบในปี 2003-2004 อย่างไรก็ตามมีรายงานว่าเครื่องบินเหล่านี้มีความพร้อมปฏิบัติการที่ต่ำกว่าที่ควร 
เพื่อหยุดช่องว่างขีดความสามารถการฝึกของตน อินเดียยังมองที่จะเช่าเครื่องบินเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศ Airbus A330 MRTT จากกองทัพอากาศและอวกาศฝรั่งเศส(French Air and Space Force, AAE: Armée de l'Air et de l'Espace) ด้วยครับ

วันศุกร์ที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2568

เครื่องบินขับไล่ F-16D Block 70 สหรัฐฯเครื่องแรกมาถึงบัลแกเรียแล้ว

First Bulgarian F-16 arrives in country





The first of 16 Lockheed Martin F-16 Block 70 Fighting Falcon combat aircraft for Bulgaria was delivered to Graf Ignatievo Air Base near Plovdiv on 2 April 2025. (Bulgarian MoD)



เครื่องบินขับไล่ Lockheed Martin F-16C/D Block 70 Fighting Falcon เครื่องแรกจาก 16เครื่องสำหรับบัลแกเรียประเทศทางยุโรปตะวันออกกลุ่มชาติ NATO ได้ถูกส่งมอบถึงประเทศตนแล้ว กระทรวงกลาโหมบัลแกเรียประกาศ
เครื่องบินขับไล่สองที่นั่ง F-16D Block 70 จำนวน 1เครื่องที่ใช้เป็นเครื่องบินฝึกปฏิบัติการหมายเลขแพนหาง 301 ทำการบินจากโรงงานอากาศยาน Greenville ในมลรัฐ South Carolina สหรัฐฯเมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2025

และเดินทางมาถึงฐานทัพอากาศขับไล่ที่3(3 Fighter Air Base) ของกองทัพอากาศบัลแกเรีย(BuAF: Bulgarian Air Force) ณ Graf Ignatievo ใกล้ Plovdiv บัลแกเรียเมื่อวันที่ 2 เมษายน 2025
สำหรับการบินเดินทางข้ามมหาสมุทร Atlantic ซึ่งได้รวมถึงเครื่องบินขับไล่ F-16C/D Block 70 ชุดใหม่ที่ได้ถูกส่งมอบให้สโลวาเกียด้วย(https://aagth1.blogspot.com/2024/07/f-16c-block-70-2.html)

เครื่องบินขับไล่ F-16D Block 70 ในเครื่องหมายกองทัพสหรัฐฯมาถึงในฐานทัพอากาศ Graf Ignatievo โดยได้ถูกนำเสนอให้แก่นายกรัฐมนตรีบัลแกเรีย Rossen Jeliazkov, รัฐมนตรีกลาโหมบัลแกเรีย Atanas Zapryanov, 
ผู้บัญชาการกองทัพบัลแกเรีย พลเรือเอก Emil Eftimov และอุปทูต(charge d'affaires) ประจำสถานทูตสหรัฐฯ ณ นครหลวง Sofia บัลแกเรีย Susan Falatko ที่ปรากฏตนเข้าร่วมเหตุการณ์

"สำหรับกองทัพอากาศบัลแกเรีย นี่มีความหมายถึงยุคใหม่ในการพัฒนาของพวกเรา มีอนาคตอยู่ที่นั่นสำหรับการบินรบของเราจากกองทัพอากาศ เพราะว่าพวกเขาได้มีเครื่องบินรบแบบใหม่แล้วซึ่งจะปฏิบัติการไปในอีก 30-40ปีข้างหน้า
และนี่ผมเชื่อมั่นว่าจะเป็นแรงกระตุ้นกำลังพลที่จะดำเนินการในประจำการด้วยความปรารถนาอันแรงกล้ายิ่งขึ้นและด้วยโอกาสที่ยิ่งใหญ่ยิ่งขึ้น" รัฐมนตรีกลาโหมบัลแกเรีย Zapryanov กล่าว

เหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นหลายสัปดาห์ให้หลังจากที่บัลแกเรียได้รับมอบอย่างเป็นทางการของเครื่องบินขับไล่สองที่นั่ง F-16D Block 70 เครื่องนี้ และเครื่องบินขับไล่ที่นั่งเดี่ยว F-16C Block 70 ของตน
ที่โรงงานอากาศยาน Greenville ของบริษัท Lockheed Martin สหรัฐฯผู้ผลิตเครื่องบินเมื่อวันที่ 31 มกราคม 2025(https://aagth1.blogspot.com/2025/02/f-16-block-70-16.html)

และห้าเดือนให้หลังจากที่เครื่องบินขับไล่ที่นั่งเดี่ยว F-16C Block 70 ทำการบินครั้งแรกของตน ณ โรงงานอากาศยาน Greenville ที่เดียวกันเมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2024(https://aagth1.blogspot.com/2024/10/f-16-block-70-16.html)
เครื่องบินขับไล่ F-16C เครื่องนี้ขณะนี้ได้ถูกใช้เป็นเครื่องบินฝึกสำหรับนักบินและเจ้าหน้าที่ภาคพื้นดินที่สหรัฐฯ และราว 16เดือนหลังจากการสร้างเครื่องบินขับไล่ F-16 Block 70 เครื่องแรกเริ่มต้นขึ้นในเดือนมกราคม 2024(https://aagth1.blogspot.com/2024/01/f-16-block-70-16.html

บัลแกเรียได้สั่งจัดหาเครื่องบินขับไล่ F-16C/D Block 70 จำนวน 8เครื่องภายใต้สัญญาระยะที่หนึ่ง โดยสัญญาระยะที่สองตามมาอีก 8เครื่องการส่งมอบจะดำเนินการตั้งแต่ปี 2027(https://aagth1.blogspot.com/2023/09/lockheed-martin-f-16-block-70-8.html)
เครื่องบินขับไล่ F-16C/D Block 70 ทั้ง 16เครื่องเหล่านี้จะถูกนำเข้าประการในกองทัพอากาศบัลแกเรียแบบเต็มอัตราทั้งฝูงบิน เพื่อทดแทนเครื่องบินขับไล่ MiG-29 (NATO กำหนดรหัส 'Fulcrum') จำนวน 14เครื่องครับ(https://aagth1.blogspot.com/2024/07/f-16-block-70-mig-29.html)