วันศุกร์ที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2568

กองทัพเรือฝรั่งเศสรับมอบเรือฟริเกต FDI ลำแรก D660 Amiral Ronarc'h

French Navy receives first FDI frigate





Naval Group handed over Amiral Ronarc'h in Brest on 17 October. (Naval Group)



บริษัท Naval Group ฝรั่งเศสผู้สร้างเรือ, ระบบต่างๆ, และให้บริการต่างๆในฐานะผู้รับสัญญาหลักได้ยืนยันการส่งมอบเรือฟริเกต FDI(Frégate de défense et d'intervention, Defence and Intervention Frigate) 
ลำแรกของกองทัพเรือฝรั่งเศส(French Navy, Marine nationale) เรือฟริเกต D660 Amiral Ronarc'h การประกาศเหตุการสำคัญการส่งมอบเรือเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2025 บริษัท Naval Group กล่าวว่า

เรือฟริเกต D660 Amiral Ronarc'h ได้ถูกลงนามส่งมอบให้แก่สำนักงานจัดหากลาโหมฝรั่งเศส(DGA: Direction générale de l'armement) ใน Brest เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2025
เรือฟริเกต D660 Amiral Ronarc'h ซึ่งถูกสร้างและติดตั้งสิ่งอุปกรณ์ในอู่เรือ Lorient ของบริษัท Naval Group เป็นเรือฟริเกต FDI ลำแรกจาก 5ลำสำหรับกองทัพเรือฝรั่งเศส(https://aagth1.blogspot.com/2022/11/naval-group-fdi-d660-amiral-ronarch.html)

ถูกออกแบบเพื่อทยอยทดแทนเรือฟริเกตชั้น La Fayette จำนวน 5ลำของกองทัพเรือฝรั่งเศส เรือฟริเกตชั้น Amiral Ronarc'h ใหม่มีจุดประสงค์ที่จะทำให้กองทัพเรือฝรั่งเศสสามารถที่จะบรรลุผลการมีเรือฟริเกตชั้นหนึ่งจำนวน 15ลำภายในปี 2030
นอกจากนี้จะเป็นการมอบเรือฟริเกตพหุภารกิจขนาดปานกลางกะทัดรัดแก่กองทัพเรือฝรั่่งเศส เพื่อเสริมต่อเรือฟริเกตสงครามต่อต้านทางอากาศ(AAW: Anti-Air Warfare) เรือฟริเกตชั้น Horizon จำนวน 2ลำ

และเรือฟริเกต FREMM(Fregate Europeenne Multi-Mission) เรือฟริเกตชั้น Aquitaine จำนวน 8ลำ แบบเรือฟริเกต FDI มีวัตถุประสงค์ที่จะจัดตั้งเป็นองค์ประกอบหลักของผลงานเรือรบส่งออกของ Naval Group ฝรั่งเศส

เรือฟริเกต FDI มีระวางขับน้ำที่ประมาณ 4,500tons ออกแบบตัวเรือโดยนำหัวเรือแบบ 'กลับด้าน' ใหม่มาใช้เพื่อเพิ่มความทนทะเล(seakeeping), สะพานเดินเรือสงครามอสมมาตร(asymmetric warfare bridge)
เพื่อประสานงานการป้องกันตนเองของพื้นที่ใกล้เรือ(near-field ship self-defence), และ block เสากระโดงเรือบูรณาการระบบบัญชาการ/ตรวจจับที่เรียกว่า Panoramic Sensors and Intelligence Module(PSIM)

เรือฟริเกต FDI  ติดตั้งระบบขับเคลื่อนเครื่องยนต์ดีเซลรูปแบบ CODAD(Combined Diesel and Diesel) เพื่อมอบความเร็วสูงสุดที่ 27knots และมีระยะปฏิบัติการได้ไกลถึง 5,000nmi ที่ความเร็วมัธยัสถ์ 13knots และมีระยะเวลาปฏิบัติการ 45วัน
การติดตั้งระบบอาวุธรวมถึง ปืนเรือ Leonardo 76/62 Super Rapid, อาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่อากาศ MBDA Aster 15/30 ในแท่นยิงแนวดิ่ง(VLS: Vertical Launching System) แบบ Sylver A50 จำนวน 8ท่อยิงสองชุดรวม 16ท่อยิง ที่ติดตั้งในส่วนหน้าของเรือ,

อาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่พื้นต่อต้านเรือผิวน้ำ(ASM: Anti-Ship Missile) แบบ MBDA MM40 Block 3C Exocet จำนวน 8นัด, แท่นยิงปืนกล remote(RWS: Remote Weapon Station) แบบ Nexter Narwhal ขนาด 20mm สองแท่นยิง และ torpedo เบาปราบเรือดำน้ำ EuroTorp MU90 
โรงเก็บอากาศยานของเรือถูกออกแบบสำหรับการปฏิบัติการและสนับสนุนเฮลิคอปเตอร์ใช้งานทางทะเล NHI NH90 Caïman และระบบอากาศยานไร้คนขับ(UAS: Unmanned Aircraft System) ขึ้นลงทางดิ่ง(VTOL: Vertical Take-off and Landing) แบบ Airbus VSR700 ครับ

วันพฤหัสบดีที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2568

สิงคโปร์ทำพิธีปล่อยเรือรบอเนกประสงค์ MRCV ลำแรก RSS Victory

Singapore launches first multirole combat vessel





Singapore's first MRCV, the future RSS Victory , seen here at its launch ceremony on 21 October 2025. (Janes/Ridzwan Rahmat, Singapore Ministry of Defence)





สิงคโปร์ได้ทำพิธีปล่อยเรือและตั้งชื่อเรือของเรือรบอเนกประสงค์(MRCV:  Multirole Combat Vessel) ลำแรกสำหรับกองทัพเรือสิงคโปร์(RSN: Republic of Singapore Navy) เมื่อวันที่ 21 ตุลาคมคม 2025
พิธีปล่อยเรือของเรือรบอเนกประสงค์ MRCV ที่มีลักษณะคล้ายเรือฟริเกตลำแรก RSS Victory หมายเลขเรือ 88 ถูกจัดขึ้น ณ อู่เรือ Benoi ของบริษัท ST Engineering สิงคโปร์(https://aagth1.blogspot.com/2024/10/mrcv.html

RSS Victory เป็นเรือรบอเนกประสงค์ MRCV ลำแรกจากจำนวน 6ลำที่อยู่ภายใต้การทำสัญญาสั่งจัดหากับบริษัท ST Engineering ในปี 2023(https://aagth1.blogspot.com/2023/05/mrcv.html)
และเรือรบอเนกประสงค์ MRCV ใหม่จำนวน 6ลำเหล่านี้จะทดแทนเรือคอร์เวตชั้น Victory ของกองทัพเรือสิงคโปร์ที่มีอายุการใช้งานมานานซึ่งได้ถูกนำเข้าประจำการตั้งแต่ปี 1990(https://aagth1.blogspot.com/2024/03/mrcv.html)

เรือรบอเนกประสงค์ MRCV ถูกออกแบบเพื่อปฏิบัติการในฐานะเรือแม่สำหรับระบบอากาศยานไร้คนขับ(UAS: Unmanned Aircraft System), ยานผิวน้ำไร้คนขับ(USV: Unmanned Surface Vehicle), และยานใต้น้ำไร้คนขับ(UUV: Unmanned Underwater Vehicle) ต่างๆ
และคาดการณ์ว่าจะเพิ่มขยายขีดความสามารถของกองทัพเรือสิงคโปร์อย่างมีนัยสำคัญที่จะดำเนินการปฏิบัติการตลอดทั่วทั้งหลากหลายมิติ(https://aagth1.blogspot.com/2024/09/saab-mrcv.html)

เรือรบอเนกประสงค์ MRCV เป็นเรือรบที่มีขนาดใหญ่ที่สุดและมีความซับซ้อนมากที่สุดที่เคยสร้างในสิงคโปร์ เรือมีความยาวเรือที่ 150m มีความกว้างรวมที่ 21m และมีระวางขับน้ำที่ 8,000tonnes
เรือรบอเนกประสงค์ MRCV สามารถทำความเร็วได้เกิน 22knots และมีระยะปฏิบัติการที่มากกว่า 7,000nmi ซึ่งเป็นสองเท่าของเรือฟริเกตชั้น Formidable ของกองทัพเรือสิงคโปร์(https://aagth1.blogspot.com/2024/07/formidable-rss-stalwart-aster.html)

เรือรบอเนกประสงค์ MRCV สามารถคงอยู่ในทะเลได้เป็นเวลามากกว่า 21วัน และจะมีคุณลักษณะกำลังพลประจำเรือพื้นฐานที่น้อยกว่า 100นาย(https://aagth1.blogspot.com/2025/10/saab-st-engineering-lmv.html)
ชุดระบบอาวุธต่างๆของเรือรบอเนกประสงค์ MRCV รวมถึงปืนเรือ Leonardo 76mm/62 Super Rapid Strales(https://aagth1.blogspot.com/2025/05/7662-strales-drone.html) และระบบแท่นยิงอาวุธปืนกล RCWS(Remotely Controlled Weapon System) แบบ Typhoon Mk 30-C ขนาด 30mm 

การป้องกันต่อต้านอากาศยานข้าศึกถูกมอบให้โดยระบบอาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่อากาศ MICA และอาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่อากาศ Aster ในแท่นยิงแนวดิ่ง VLS(vertical launching system) แบบ Sylver จำนวน 16ท่อยิง 
และระบบอาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่พื้นที่ยังไม่ได้รับการเปิดเผยโดยกองทัพเรือสิงคโปร์ แต่น่าจะเป็นอาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่พื้นต่อต้านเรือผิวน้ำ Blue Spear ที่พัฒนาร่วมโดย ST Engineering สิงคโปร์ครับ(https://aagth1.blogspot.com/2023/05/blue-spear-formidable.html)

วันพุธที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2568

กองทัพอากาศสวีเดนนำเครื่องบินขับไล่ Gripen E เครื่องแรกจาก 60เครื่องเข้าประจำการ

Swedish Air Force inducts Gripen E into service







The first of 60 Gripen E combat aircraft was formally received into service by the Swedish Air Force on 20 October. (Swedish Armed Forces, Adam Schelin)



กองทัพอากาศสวีเดน(SwAF: Swedish Air Force, Svenska flygvapnet) ได้รับมอบเครื่องบินขับไล่ Saab JAS 39 Gripen E เครื่องแรกจาก 60เครื่องเข้าประจำการแล้ว(https://aagth1.blogspot.com/2025/08/2030.html)
พิธีที่เป็นเครื่องหมายถึงการเฉลิมฉลองนี้ถูกจัดขึ้นเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2025 ณ กองบิน F7 Skaraborg Wing ที่มีที่ตั้งที่ Såtenäs ทางตะวันตกเฉียงใต้ของสวีเดน(https://aagth1.blogspot.com/2025/06/saab-helsing-project-beyond-ai-gripen-e.html)

"นี่เป็นเครื่องหมายถึงเหตุการณ์สำคัญในการพัฒนาของกองทัพสวีเดน(Swedish Armed Forces) ผลลัพธ์ของความร่วมมือระยะยาวและความร่วมมืออย่างใกล้ชิดระหว่างกองทัพสวีเดน, สำนักงานจัดหายุทโธปกรณ์กลาโหมสวีเดน(Defence Material Administration, FMV: Försvarets materielverk), 
และภาคอุตสาหกรรมของสวีเดน  เครื่องบินขับไล่ Gripen E เสริมความแข็งแกร่งขีดความสามารถการป้องกันประเทศของชาติของเราเพื่อให้ตรงต่อภัยคุกคามต่างๆในอนาคตร่วมกันกันพันธมิตรต่างๆ" ผู้บัญชาการกองทัพสวีเดน Michael Claesson กล่าว

กองบิน F7 เป็นหนึ่งในสี่กองบินขับไล่ของกองทัพอากาศสวีเดน โดยอีกสามกองบินขับไล่คือ กองบิน F17 Blekinge Wing ที่มีที่ตั้ง ณ Ronneby ในทางตอนใต้สุดของสวีเดน, กองบิน F21 Norrbotten Wing ซึ่งอยู่ทางตอนใต้ของสวีเดนเช่นกัน, 
และกองบิน F16 Uppsala Wing ซึ่งยังอยู่ทางตอนใต้ของสวีเดนเช่นกัน แต่ละกองบินมีหน่วยขึ้นตรงประกอบด้วยสองฝูงบินขับไล่ ซึ่งสำหรับกองบิน F7 คือฝูงบิน 71 squadron และฝูงบิน 72 squadron

กองทัพอากาศสวีเดนมีประจำการด้วยเครื่องบินขับไล่ที่นั่งเดี่ยว Gripen C จำนวน 73เครื่อง และเครื่องบินขับไล่สองที่นั่ง Gripen D จำนวน 24เครื่อง ในต้นปี 2021 รัฐบาลสวีเดนยืนยันว่าตนมีจุดประสงค์ที่จะคงจำนวนของเครื่องบินขับไล่ Gripen รุ่นเก่าที่จะปฏิบัติการควบคู่ไปกับเครื่องบินขับไล่ Gripen E ใหม่
ในเดือนมกราคม 2021 อดีตรัฐมนตรีกลาโหมสวีเดน Peter Hultqvist กล่าวในเวลานั้นว่า กองทัพอากาศสวีเดนจะประจำการด้วยเครื่องบินขับไล่ Gripen ทั้งหมด 100เครื่อง "ในสองรุ่น"(https://aagth1.blogspot.com/2021/10/gripen-e.html)

ตามความเห็นของอดีตรัฐมนตรีกลาโหมสวีเดน Hultqvist กองทัพอากาศสวีเดนขณะนี้จะคงจำนวนเครื่องบินขับไล่ Gripen C/D ที่ 40เครื่อง แม้ว่าเขายังไม่ได้แบ่งประเภทจำนวนเครื่องเหล่านี้ ระหว่างเครื่องบินขับไล่ที่นั่งเดี่ยว Gripen C และเครื่องบินขับไล่สองที่นั่ง Gripen D 
กำลังรบเครื่องบินขับไล่ Gripen ทั้งหมดจะถูกแบ่งเป็นระหว่างฝูงบินเครื่องบินขับไล่ Gripin E สี่ฝูงบิน และฝูงบินเครื่องบินขับไล่ Gripen C/D สองฝูงบิน สวีเดนมีกำหนดที่จะได้รับมอบเครื่องบินขับไล่ Gripen E จำนวน 60เครื่อง

สำนักงานจัดหายุทโธปกรณ์กลาโหมสวีเดน FMV ได้รับมอบเครื่องบินขับไล่ JAS 39 Gripen E มาตรฐานสายการผลิตจำนวนมากเครื่องแรกจากบริษัท Saab สวีเดนสำหรับการทดสอบการปฏิบัติการในเดือนตุลาคม 2023(https://aagth1.blogspot.com/2023/10/fmv-gripen-e.html)
บราซิลเป็นลูกค้าส่งออกรายแรกสำหรับเครื่องบินขับไล่ที่นั่งเดียว F-39E Gripen E จำนวน 28เครื่อง และเครื่องบินขับไล่สองที่นั่ง F-39F Gripen F จำนวน 8เครื่องรวม 36เครื่อง และมีแผนจะจัดหาเพิ่มเติมถึง 12-15เครื่อง(https://aagth1.blogspot.com/2024/11/gripen-ef-9.html)

และกองทัพอากาศไทย(RTAF: Royal Thai Air Force) ที่ลงนามสัญญาเครื่องบินขับไล่แบบที่ ๒๐ข/ค บ.ข.๒๐ข/ค Saab JAS 39 Gripen E/F ระยะที่๑ จำนวน ๔เครื่องแรกจากทั้งหมด ๑๒เครื่องเมื่อวันที่ ๒๕ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๖๘(https://aagth1.blogspot.com/2025/08/saab-gripen-ef.html
ซึ่งจะถูกนำเข้าประจำการ ณ ฝูงบิน๑๐๒ กองบิน๑ โคราช เพื่อทดแทนเครื่องบินขับไล่แบบที่๑๙/ก บ.ข.๑๙/ก Lockheed Martin F-16A/B ADF โคลอมเบียยังได้เลือกที่จะจัดหาเครื่องบินขับไล่ Gripen E/F จำนวน 16-24 เครื่อง เช่นเดียวกับเปรูซึ่งต่างกำลังอยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อจะลงนามสัญญาครับ(https://aagth1.blogspot.com/2025/04/gripen-ef-kfir.html)

วันอังคารที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2568

ตุรกีลงนามสัญญาการสนับสนุนสำหรับเครื่องบินลำเลียง C-130J มือสองอังกฤษ 12เครื่อง

Türkiye signs C-130J support contract with Marshall Aerospace





Seen during its retirement from the RAF flypast in 2023, one of 12 C-130Js that will soon be delivered to Türkiye. (Crown Copyright)

ตุรกีได้ลงนามสัญญาการสนับสนุนกับบริษัท Marshall Aerospace สหราชอาณาจักรสำหรับการบำรุงรักษาของเครื่องบินลำเลียง Lockheed Martin C-130J/C-130J-30 Hercules ส่วนเกิน(surplus)
ที่ตุรกีกำลังจัดหาจากสหราชอาณาจักร(https://aagth1.blogspot.com/2024/08/c-130j-12.html, https://aagth1.blogspot.com/2024/05/c-130j-hercules.html)

ประกาศโดยบริษัท Marshall Aerospace ผู้ให้บริการซ่อมบำรุง, ซ่อมแก้ และซ่อมทำใหญ่(MRO: Maintenance, Repair and Overhaul) ของสหราชอาณาจักรเมื่อวันที่ 20 ตุลาคม 2025
ข้อตกลงหลายปีครอบคลุมการนำเข้าประจำการและการดำรงสภาพของเครื่องบินลำเลียง C-130J/C-130J-30 ทั้งหมดจำนวน 12เครื่องที่จะประจำการในกองทัพอากาศตุรกี(TurAF: Turkish Air Force, THK: Türk Hava Kuvvetleri) รวมถึงการซ่อมบำรุงตามกำหนดการ, อะไหล่ต่างๆ, และเครื่องมือ 

"ในความเป็นหุ้นส่วนกับกองยุทโธปกรณ์และการสนับสนุนกลาโหม(DE&S: Defence Equipment and Support) สหราชอาณาจักร,บริษัท Marshall สนับสนุนกระบวนการนำมาขายใหม่ในฐานะหุ้นส่วนผู้ขายปลีกตามหลักการสำหรับเครื่องบินเหล่านี้
ขณะที่ดำเนินการที่กำลังดำเนินการอยู่ในการบำรุงรักษาและการเก็บรักษาเพื่อป้องกันการเสื่อมสภาพ(anti-deterioration) ณ สถานที่ของตนใน Cambridge สหราชอาณาจักร" บริษัท Marshall กล่าว

"นอกเหนือจากการซ่อมบำรุงตามกำหนดการ บริษัท Marshall ได้เสร็จสิ้นการเปลี่ยนทดแทนส่วนกล่องปีกกลาง(CWB: Centre-Wing Box) ในเครื่องบินลำเลียง C-130J/C-130J-30 จำนวน 12เครื่องในแต่ละเครื่อง
ในช่วงเวลาก่อนที่เครื่องบินลำเลียง C-130J/C-130J-30 Hercules กำลังถูกนำเข้าประจำการในกองทัพอากาศตุรกี" บริษัท Marshall Aerospace เสริม(https://aagth1.blogspot.com/2023/06/c-130-hercules-56.html)

ที่ถูกรวมในข้อตกลงคือข้อกำหนดที่บริษัท Marshall Aerospace จะยังมอบการฝึกที่ทำให้ตุรกีสามารถจัดตั้งขีดความสามารถภายในประเทศของตนเองในระบบเครื่องบินลำเลียง C-130J
การพูดคุยที่สถานที่ของบริษัท ASFAT(Askeri Fabrika ve Tersane İşletme, Military Factory and Shipyard Management) ตุรกีรัฐวิสาหกิจการบริหารโรงงานและอู่ต่อเรือทางทหารของตุรกีที่นครหลวง Ankara เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2025

Mustafa İlbaş ผู้อำนวยการบริหาร ASFAT ตุรกีกล่าวเน้นย้ำกับ Janes และสื่อกลาโหมออื่นว่าการก่อสร้างของสิ่งอำนวยความสะดวกของเครื่องบินลำเลียง C-130J ซึ่งเขากล่าวว่าเป็นส่วนหนึ่งของหลากหลายความพยายามของบริษัทเพื่อมอบศูนย์ซ่อมบำรุง C-130 MRO แก่ลูกค้านานาชาติ 
"เรากำลังจะดำเนินการส่งโรงเก็บอากาศยาน(hangar) ใหม่สองหลัง เนื่องจากเราต้องการที่จะเพิ่มขีดความสามารถและความจุของเราเพื่อมอบศูนย์ซ่อมบำรุง MRO สำหรับ C-130J" İlbaş กล่าวครับ

วันจันทร์ที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2568

เดนมาร์กจะจัดหาเครื่องบินขับไล่ F-35A เพิ่ม 16เครื่องรวมเป็น 43เครื่อง

Denmark to acquire additional F-35As





With a follow-on buy of 16 F-35As now announced, Denmark will have a fleet of 43 aircraft by the time deliveries are completed. (Danish MoD/Lockheed Martin)

เดนมาร์กจะจัดหาเครื่องบินขับไล่ Lockheed Martin F-35A Lightning II Joint Strike Fighter(JSF) เพิ่มเติมตามที่ตนมองที่จะเสริมสร้างขีดความสามารถการป้องกันประเทศชาติของตน
รัฐมนตรีกลาโหมเดนมาร์ก Troels Lund Poulsen กล่าวเมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2025 ว่าเครื่องบินขับไล่ F-35A Lightning II เพิ่มเติมจำนวน 16เครื่องจะถูกจัดซื้อเพื่อเสริมต่อจำนวน 27เครื่องที่มีสัญญาจัดหาและกำลังถูกส่งมอบแล้วขณะนี้

"(เครื่องบิน)เหล่านี้เป็นการลงทุนที่จำเป็นในเวลาที่ยากลำบาก" รัฐมนตรีกลาโหมเดนมาร์ก Poulsen กล่าว ข่าวการจัดซื้อเครื่องบินขับไล่ F-35A เพิ่มเติมมีขึ้นตามมาราว 4ปี 6เดือน
หลังจากการส่งมอบเครื่องบินขับไล่ F-35A เครื่องแรกแก่กองทัพอากาศเดนมาร์ก(RDAF: Royal Danish Air Force, Flyvevåbnet) มีขึ้นในเดือนเมษายน 2021(https://aagth1.blogspot.com/2021/04/f-35a.html

โดยเครื่องบินขับไล่ F-35A เครื่องแรกของเดนมาร์กได้มีการส่งมอบทางกายภาพมายังฐานทัพอากาศ Skrydstrup(Flyvestation Skrydstrup) ในตอนใต้ของ Jutland ในเดือนกันยายน 2023(https://aagth1.blogspot.com/2023/09/f-35a.html)
เดนมาร์กได้ประกาศว่าตนได้เลือกเครื่องบินขับไล่ F-35A เพื่อทดแทนเครื่องบินขับไล่ Lockheed Martin F-16 Fighting Falcon ในเดือนพฤษภาคม 2016(https://aagth1.blogspot.com/2021/03/f-35a.html)

ก่อนหน้านี้เดนมาร์กได้ระบุว่าตนมุ่งเป้าที่จะจัดหาเครื่องบินขับไล่ F-35A Lightning II จำนวน 48เครื่องเพื่อทดแทนเครื่องบินขับไล่ F-16AM/BM Block 15 MLU(Mid-Life Upgrade) 
แต่จำนวนเครื่องได้ถูกลดลงเนื่องจากการตัดงบประมาณกลาโหม ด้วยคำสั่งจัดหาใหม่ที่คาดว่าจะมีขึ้นฝูงเครื่องบินขับไล่ F-35A ของกองทัพอากาศเดนมาร์กจะรวมเป็นจำนวน 43เครื่อง ซึ่งใกล้เคียงกับจำนวนเดิม

รัฐมนตรีกลาโหมเดนมาร์ก Poulsen ไม่ได้เปิดเผยว่าเมื่อไรที่สัญญาน่าจะได้รับการลงนาม กองทัพอากาศเดนมาร์กมีเครื่องบินขับไล่ F-16AM/BM MLU อยู่ราวจำนวน 40เครื่องรวมถึงบางส่วนที่เก็บรักษาไว้ในคลัง
เครื่องบินขับไล่ F-16AM/BM MLU จำนวน 24เครื่องที่เคยประจำการในกองทัพอากาศเดนมาร์กกำลังถูกส่งมอบให้แก่อาร์เจนตินา(https://aagth1.blogspot.com/2025/03/f-16ambm-24.html)

กระทรวงการสงครามสหรัฐฯและบริษัท Lockheed Martin สหรัฐฯได้บรรลุข้อตกลงการผลิตเครื่องบินขับไล่ F-35 Lightning II ในสายการผลิต Lot 18 ถึง Lot 19 จำนวนรวมถึง 296เครื่อง
สำหรับกองทัพสหรัฐฯ, หุ้นส่วนนานาชาติ และลูกค้ารูปแบบการขาย Foreign Military Sales(FMS) ต่างๆที่ถูกแบ่งอย่างเท่ากันทั้งสอง lots ที่จะเริ่มต้นในปี 2026 ครับ(https://aagth1.blogspot.com/2025/10/lockheed-martin-f-35-300.html)

วันอาทิตย์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2568

Saab สวีเดนได้รับสัญญาสำหรับการศึกษาเพิ่มเติมการพัฒนาเครื่องบินขับไล่ยุคอนาคต KFS

Sweden contracts Saab for further KFS future fighter studies



Saab was preparing to deliver to the Swedish government concept options related to the country's plans to field a future fighter aircraft in the post-Gripen timeframe. (Saab)

An artist's rendering of a future fighter design concept that Saab is working on for Sweden's KFS/FCAS programme. (Saab via Gareth Jennings)

บริษัท Saab สวีเดนได้รับคำสั่งจากสำนักงานจัดหายุทโธปกรณ์กลาโหมสวีเดน(Defence Material Administration, FMV: Försvarets materielverk) สำหรับการเดินหน้าการศึกษาแนวคิดสำหรับระบบเครื่องบินขับไล่ยุคอนาคตต่างๆ
บริษัท Saab ได้ประกาศเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2025 ว่าตนได้รับการอนุมัติสัญญาวงเงินเพิ่มเติม 2.6 billion Swedish Krona($274 million) สำหรับการศึกษาระหว่างปี 2025-2027

"คำสั่งรวมถึงการศึกษาแนวคิดต่างๆของแนวทางแบบมีนักบินบังคับหรือไร้คนขับในมุมมองระบบของระบบ(system-of-systems perspective) และการพัฒนาทางวิทยาการและเครื่องบินต้นแบบสาธิต 
Saab จะเดินหน้าความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับ FMV, กองทัพสวีเดน(Swedish Armed Forces), สำนักงานวิจัยกลาโหมสวีเดน(Swedish Defence Research Agency), บริษัท GKN Aerospace สหราชอาณาจักร และหุ้นส่วนภาคอุตสาหกรรมอื่นๆ"

"คำสั่งเป็นการต่อเติมและเพิ่มขยายของสัญญาเดิมที่ลงนามในเดือนมีนาคม 2024" Saab สวีเดนกล่าว ข่าวของการประกาศสัญญานี้มีขึ้นตามมาเป็นเวลาราว 19เดือน
หลังจากสำนักงานจัดหายุทโธปกรณ์กลาโหมสวีเดน FMV ทำสัญญากับบริษัท Saab และบริษัท GKN สหราชอาณาจักรในเดือนมีนาคม 2024(https://aagth1.blogspot.com/2024/03/fmv-saab-gkn.html)

เพื่อมอบหลักพื้นฐานสำหรับการตัดสินใจเครื่องบินขับไล่ยุคอนาคตที่มีพื้นฐานจากการศึกษา, การพัฒนาวิทยาการ, และการเตรียมการสำหรับเครื่องบินต้นแบบสาธิตต่างๆแก่ FMV สวีเดน(https://aagth1.blogspot.com/2025/08/2030.html)
โดยระยะที่1 Phase 1 ของโครงการมุ่งเน้นที่การสำรวจแนวคิด, ระยะที่2 Phase 2 ของโครงการมุ่งเน้นที่การพัฒนาวิทยาการและเครื่องบินสาธิต ที่จะดำเนินการไปจนถึงปี 2030 และการพัฒนาเพิ่มเติมตามมาตั้งแต่ปี 2031

Janes และสื่อกลาโหมอื่นๆได้รับการบอกในเดือนพฤษภาคม 2024 ว่า บริษัท Saab กำลังเตรียมการที่จะส่งมอบตัวเลือกแนวคิดต่างๆแก่รัฐบาลสวีเดนที่เกี่ยวข้องกับแผนของกองทัพอากาศสวีเดน(SwAF: Swedish Air Force, Svenska flygvapnet)
ที่จะวางกำลังประจำการเครื่องบินขับไล่ยุคอนาคตในกรอบระยะเวลาหลังยุคสมัยเครื่องบินขับไล่ JAS 39 Gripen(https://aagth1.blogspot.com/2025/06/saab-helsing-project-beyond-ai-gripen-e.html)

Peter Nilsson หัวหน้าภาคธุรกิจโครงการขั้นก้าวหน้าแผนกใหม่ของบริษัท Saab กล่าวว่าความพยายามนี้เป็นที่รู้จักในชื่อโครงการ KFS ซึ่งไม่ได้มีการให้การถ่ายอักษรในการแปลจากภาษาสวีเดนโดยตรงแต่น่าจะย่อมาจากคำว่า 
Konceptet Framtidens Stridsflyg(Future Combat Aircraft Concept) หรือ "แนวคิดเครื่องบินรบยุคอนาคต" ในแผนภาพบรรยายสรุปของ Saab ยังได้อ้างอิงถึงโครงการนี้ว่าระบบการรบทางอากาศยุคอนาคต(FCAS: Future Combat Air System) ครับ

วันเสาร์ที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2568

อินโดนีเซียมองเงินกู้ต่างประเทศสำหรับจัดหาเครื่องบินขับไล่ J-10 เรือเร็วโจมตี Type 22 และอาวุธปล่อยนำวิถีต่อต้านเรือผิวน้ำ CM-302 จีน

Indonesia seeks foreign loans for J-10 fighters, naval systems



J-10 fighter jet during flight performance at the aviation open-day activities of the Chinese People's Liberation Army Air Force (PLAAF) and the Changchun Air Show 2025 on 19 September. (Yue Shuhua/VCG via Getty Images)

People's Liberation Army Navy (PLAN) Houbei class (Type 22) fast attack craft. (China Military)

Model of China Aerospace Science and Industry Corporation (CASIC) CM-302, export variant of China's YJ-12 ramjet-powered coastal anti-ship missile. (CASIC)

กระทรวงการคลังอินโดนีเซียได้อนุมัติแผนสำหรับอินโดนีเซียที่จะจัดสรรงบประะมาณการจัดหาระบบอาวุธยุทโธปกรณ์กลาโหมหลักสามแบบจากจีนผ่านเงินกู้จากต่างประเทศ
และรัฐบาลอินโดนีเซียในนครหลวง Jakarta ได้เริ่มต้นการแสวงหาผู้ให้เงินกู้เชิงรุกอย่างจริงจังเพื่อสนับสนุนการริเริ่มโครงการเหล่านี้(https://aagth1.blogspot.com/2025/09/giuseppe-garibaldi.html)

สามระบบดังกล่าวคือเครื่องบินขับไล่พหุภารกิจ J-10B จำนวน 42เครื่อง(https://aagth1.blogspot.com/2025/09/falcon-strike-2025.html), เรือเร็วโจมตีติดอาวุธปล่อยนำวิถีชั้น Type 22 Houbei FAC(fast attack craft)
และรุ่นส่งออกของอาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่พื้นต่อต้านเรือผิวน้ำ(ASM: Anti-Ship Missile) รักษาฝั่งเครื่องยนต์ ramjet แบบ YJ-12 ที่รู้จักในชื่ออาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่พื้นต่อต้านเรือผิวน้ำรักษาฝั่ง CM-302

เอกสารต่างๆที่ถูกมอบให้แก่ Janes รวมถึงจดหมายจากกระทรวงการคลังอินโดนีเซียถึงกระทรวงกลาโหมอินโดนีเซีย โดยแหล่งข่าวที่ใกล้ชิดกับเรื่องนี้บ่งชี้ว่าปริมาณหน่วยสินเชื่อเงินกู้รวมที่วงเงิน $3.1 billion 
ได้รับการเห็นชอบเป็นการเฉพาะสำหรับสามโครงการเหล่านี้คือเครื่องบินขับไล่ J-10B, เรือเร็วโจมตีติดอาวุธปล่อยนำวิถีชั้น Type 22 Houbei และอาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่พื้นต่อต้านเรือผิวน้ำรักษาฝั่ง CM-302

สำหรับเครื่องบินขับไล่ Chengdu J-10 รุ่นที่จะจัดหาคือเครื่องบินขับไล่ J-10B กระทรวงกลาโหมอินโดนีเซียได้ผ่านความเห็นชอบที่จะได้รับงบประมาณวงเงินถึง $1.6 billion จากแหล่งสินเชื่อเงินกู้ต่างประเทศ
และการจัดสรรงบประมาณสามารถมอบให้ได้มาจากทั้งหน่วยงานสินเชื่อส่งออกต่างประเทศต่างๆ, ผู้ให้กู้สินเชื่อทวิภาคีต่างๆ, หรือสถาบันการเงินผู้ให้กู้สินเชื่อเอกชนต่างๆ

Janes เข้าใจว่าอินโดนีเซียกำลังวางแผนที่จะจัดหาเครื่องบินขับไล่ J-10B มือสองที่อยู่ในประจำการในกองทัพอากาศปลดปล่อยประชาชนจีน(PLAAF: People's Liberation Army Air Force) สำหรับโครงการนี้
สำหรับแผนที่จะจัดหาอาวุธปล่อยนำวิถีต่อต้านเรือผิวน้ำ CM-302 กระทรวงกลาโหมอินโดนีเซียได้ผ่านความเห็นชอบที่จะได้รับงบประมาณวงเงินถึง $1 billion จากแหล่งสินเชื่อเงินกู้ต่างประเทศ

และรัฐบาลอินโดนีเซียในนครหลวง Jakarta ได้วางแผนที่จะจัดหาอาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่พื้น CM-302 ในรุ่นฐานยิงบนบกแบบเคลื่อนที่สำหรับเป็นอาวุธรักษาฝั่ง(https://aagth1.blogspot.com/2017/02/s26-aip-trimaran.html)
เช่นเดียวกันแหล่งที่มาของงบประมาณสามารถได้รับการจัดสรรมาจากทั้งหน่วยงานสินเชื่อส่งออกต่างประเทศต่างๆ, ผู้ให้กู้สินเชื่อทวิภาคีต่างๆ, หรือสถาบันการเงินผู้ให้กู้สินเชื่อเอกชนต่างๆ

กองทัพอากาศอินโดนีเซีย(Indonesian Air Force, TNI-AU: Tentara Nasional Indonesia-Angkatan Udara) ปัจจุบันยังไม่มีเครื่องบินรบที่สร้างโดยจีนในประจำการ(https://aagth1.blogspot.com/2025/07/kaan-48.html)
การจัดหาเครื่องบินขับไล่ J-10B ในรูปแบบเครื่องบินมือสองน่าจะทำให้สามารถรับมอบได้อย่างรวดเร็ว "J-10 จะบินใน Jakarta เร็วๆนี้" รัฐมนตรีกลาโหมอินโดนีเซีย Sjafrie Sjamsoeddin กล่าวกับสื่อเมื่อวันที่ 15 ตุลาคม 2025 ครับ

วันศุกร์ที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2568

Saab และ FMV สวีเดนเจรจาสัญญาเรือดำน้ำชั้น A26 Blekinge ที่มีปัญหาใหม่เป็นครั้งที่สอง

Saab, FMV renegotiate troubled A26 submarine contract for second time




Sweden's new A26 Blekinge-class submarines will cost more and be delivered later under a contract amendment signed by Saab and FMV. (Saab)

สำนักงานจัดหายุทโธปกรณ์กลาโหมสวีเดน(Defence Material Administration, FMV: Försvarets materielverk) และบริษัท Saab สวีเดนได้ถูกบังคับให้ปรับพื้นฐานสัญญาใหม่
สำหรับโครงการเรือดำน้ำชั้น A26 Blekinge เป็นครั้งที่สอง ตามผลลัพธ์ของกำหนดการที่ล่าช้าเพิ่มเติมและค่าใช้จ่ายที่เพิ่มสูงขึ้น(https://aagth1.blogspot.com/2025/08/2030.html)

ภายใต้เงื่อนไขที่ถูกปรับแก้ใหม่ที่ถูกประกาศเมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2025 การส่งมอบเรือดำน้ำชั้น A26 สองลำคือเรือดำน้ำ HMS Blekinge และเรือดำน้ำ HMS Skåne ได้ถูกเลื่อนออกไปเป็นต้นปี 2030s
และงบประมาณเพิ่มเติมวงเงิน  9.6 billion Swedish Krona($1 billion) ได้รับการอัดฉีดเข้าไปในโครงการเรือดำน้ำชั้น A26 Blekinge(https://aagth1.blogspot.com/2021/09/saab-a26.html)

การแก้ไขสัญญา ซึ่งรวมถึงข้อกำหนดรองต่างๆจะปรับปรุงการรักษาความปลอดภัยของการจัดส่งในภาคส่วนเรือดำน้ำ ทำให้มูลค่ารวมของสัญญาเพิ่มขึ้นเป็น 25 billion Swedish Krona($2.62 billion)
ได้รับการสร้างภาคธุรกิจ Kockums ของ Saab สวีเดน โครงการเรือดำน้ำชั้น A26 มีวัตถุประสงค์ที่จะประจำการเรือดำน้ำยุคอนาคตที่ติดตั้งระบบขับเคลื่อนแบบไม่ใช้อากาศ(AIP: Air Independent Propulsion) ใหม่จำนวน 2ลำ

ที่จะเข้าประจำการในกองทัพเรือสวีเดน(RSwN: Royal Swedish Navy, Svenska marinen) ควบคู่ไปกับเรือดำน้ำชั้น A19 Gotland จำนวน 3ลำซึ่งติดตั้งระบบ AIP ที่ได้รับการปรับปรุง
เรือดำน้ำชั้น A26 ติดตั้งระบบการรบและระบบตรวจจับที่สำคัญที่มีคุณสมบัติร่วมกันเรือดำน้ำชั้น A19 ที่ได้รับการปรับปรุงความทันสมัย(https://aagth1.blogspot.com/2025/02/saab-gotland-hswms-halland-mlu.html)

แต่เรือดำน้ำชั้น A26 ได้รับการออกแบบให้มีขนาดที่ใหญ่กว่ามอบระยะเวลาการปฏิบัติการที่เพิ่มขยายขึ้น และคุณลักษณะการแพร่สัญญาณร่องรอยอันเป็นเอกลักษณ์ต่างๆ
และมีการนำช่องปล่อยพหุภารกิจ(multimission portal) ที่ติดตั้งในส่วนหัวเรือมาใช้ สำหรับการวางกำลังของนักประดาน้ำและยานใต้น้ำไร้คนขับ(UUV: Unmanned Underwater Vehicle) ต่างๆ

สำนักงานจัดหายุทโธปกรณ์กลาโหมสวีเดน FMV ได้ทำสัญญาวงเงิน 7.6 billion Swedish Krona($920 million) กับบริษัท Saab สำหรับการออกแบบและสร้างเรือดำน้ำชั้น A26 จำนวน 2ลำ
การส่งมอบของเรือดำน้ำ HMS Blekinge และเรือดำน้ำ HMS Skåne แก่กองทัพเรือสวีเดนเดิมวางแผนว่าเป็นปี 2024 และ 2025 ตามลำดับ(https://aagth1.blogspot.com/2025/10/fmv.html)

FMV และ Saab สวีเดนได้เจรจาการแก้ไขสัญญาใหม่ครั้งแรกในปี 2021 ซึ่งเลื่อนกำหนดการส่งมอบเป็นปี 2027 และ 2028 ตามลำดับ และวงเงินเพิ่มเติม 5.2 billion Swedish Krona($600 million) ถูกอัดฉีดเข้าไปในโครงการ
การแก้ไขสัญญาครั้งที่สองล่าสุดจะทำให้กำหนดการส่งมอบเรือดำน้ำ HMS Blekinge และเรือดำน้ำ HMS Skåne แก่กองทัพเรือสวีเดนถูกเลื่อนออกไปอีกเป็นปี 2031 และ 2033 ตามลำดับครับ

วันพฤหัสบดีที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2568

ญี่ปุ่นทำพิธีปล่อยเรือดำน้ำชั้น Taigei ลำที่หกลงน้ำ SS-518 Sougei

Japan Launches Sixth Taigei-Class Submarine for JMSDF



JS Sogei, the sixth Taigei-class submarine, entered the water on October 14 in a ceremony held at KHI’s shipyard in Kobe City. Picture by Japan Maritime Self-Defense Force.



อู่เรือบริษัท Kawasaki Heavy Industries(KHI) ญี่ปุ่นได้ทำพิธีปล่อยเรือลงน้ำของเรือดำน้ำโจมตีดีเซล-ไฟฟ้า(SSK)ชั้น Taigei ลำที่หก เรือดำน้ำ SS-518 JS Sougei(そうげい) สำหรับกองกำลังป้องกันตนเองทางทะเลญี่ปุ่น(JMSDF: Japan Maritime Self-Defense Force)
เรือดำน้ำชั้น Taigei ลำที่หก เรือดำน้ำ SS-518 Sougei ระวางขับน้ำ 3,000tonne ได้ถูกปล่อยลงสู่น้ำเมื่อวันที่ 14 ตุลาคม 2025 ในพิธีที่จัดขึ้นโดยอู่เรือบริษัท KHI ญี่ปุ่นในนคร Kobe และจะใช้เครื่องยนต์ดีเซล Kawasaki 12V 25/31 รุ่นใหม่ที่ให้กำลังขับสูง
ตามเรือดำน้ำชั้น Taigei ลำที่สี่ เรือดำน้ำ SS-516 JS Raigei(https://aagth1.blogspot.com/2023/10/taigei-ss-516-raigei.html) และเรือดำน้ำชั้น Taigei ลำที่ห้า เรือดำน้ำ SS-517 JS Chogei

เรือดำน้ำ SS-518 Sougei ซึ่งมีราคาในการสร้างเรือที่ราว 73.6 billion yen($484 million) คาดว่าจะขึ้นระวางประจำการในกองกำลังป้องกันตนเองทางทะเลญี่ปุ่นในเดือนมีนาคม 2027 "Soegei" (そうげい, 蒼鯨)ในภาษาญี่ปุ่นแปลว่า "วาฬสีน้ำเงิน"(blue whale) 
นี่เป็นครั้งแรกที่กองกำลังป้องกันตนเองทางทะเลญี่ปุ่นมีเรือชื่อนี้และอดีตกองทัพเรือจักรวรรดิญี่ปุ่น(IJN: Imperial Japanese Navy) ไม่เคยมีเรือที่ได้รับการตั้งชื่อนี้ เรือดำน้ำชั้น Taigei ทั้งหมดได้นำคำว่า "Gei"(鯨, วาฬ, whale) ในภาษาญี่ปุ่นมาตั้งเป็นชื่อเรือ 
โดยตัวคำว่า "Taigei"(たいげい, 大鯨) มีความหมายว่า 'วาฬใหญ่'(big whale) เช่นเดียวกับเรือดำน้ำชั้น Oyashio ที่ใช้คำว่า "Shio"(潮, กระแสน้ำ, tide) และเรือดำน้ำชั้น Soryu ที่ใช้คำว่า "Ryu"(龍, มังกร, dragon) มาใช้ประกอบในตั้งเป็นชื่อเรือดำน้ำที่เข้าประจำการในกองกำลังป้องกันตนเองทางทะเลญี่ปุ่นก่อนหน้า

ตามข้อมูลจากกองกำลังป้องกันตนเองทางทะเลญี่ปุ่น เรือดำน้ำ SS-518 Sougei ใหม่มีกำลังพลประจำเรือประมาณ 70นาย มีความยาวเรือรวมที่ 84m, ความกว้าง 9.1m กินน้ำลึก 10.4m และมีระวางขับน้ำปกติที่ราว 3,000tonnes 
มีขนาดใหญ่กว่าเรือดำน้ำโจมตีดีเซล-ไฟฟ้า(SSK)ชั้น Soryu รุ่นก่อนหน้าซึ่งมีระวางขับน้ำปกติที่ 2,950tonnes เล็กน้อย(https://aagth1.blogspot.com/2021/03/soryu-12-ss-512-toryu.html
เรือดำน้ำชั้น Taigei มีคุณสมบัติพื้นที่ห้องภายในเรือสำหรับทหารที่เป็นสุภาพสตรี เช่น พื้นที่พักอาศัยที่รองรับทหารเรือหญิง 6คน ตามข้อมูลจากกองกำลังป้องกันตนเองทางทะเลญี่ปุ่น เป็นเรือดำน้ำชั้นแรกของญี่ปุ่นที่มีคุณลักษณะเช่นนี้

จนถึงเรือดำน้ำชั้น Taigei ลำที่สาม เรือดำน้ำ SS-515 JS Jingei(https://aagth1.blogspot.com/2024/03/taigei-ss-515-jingei.html) เครื่องยนต์ดีเซล  Kawasaki 12V 25/25SB สองเครื่องได้ถูกใช้เป็นเครื่องยนต์หลักของเรือดำน้ำชั้น Taigei 
แต่เรือดำน้ำ SS-516 Raigei ได้เริ่มต้นที่จะใช้เครื่องยนต์ดีเซล Kawasaki 12V 25/31 ใหม่ที่มีกำลังขับสูงเป็นครั้งแรก เครื่องยนต์ดีเซลใหม่เหล่านี้มีความเข้ากันได้กับระบบท่อรับอากาศเข้า snorkel แบบใหม่ด้วยการเพิ่มขยายการกำเนิดพลังงานไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพ 
โดยเครื่องยนต์ดีเซลกำเนิดพลังงานไฟฟ้า Kawasaki 12V 25/25SB ที่ใช้ในเรือดำน้ำชั้น Taigei ปัจจุบันสามารถสร้างพลังงานให้ mortor ไฟฟ้าขับเพลาใบจักรได้ที่ 6,000hp มีทำความเร็วขณะดำใต้น้ำได้สูงสุดที่ 20knots

กองกำลังป้องกันตนเองทางทะเลญี่ปุ่นกล่าวว่าเรือดำน้ำชั้น Taigei ติดตั้งด้วยแหล่งกักเก็บพลังงาน battery แบบ Lithium-ion แทนที่ battey แบบตะกั่ว-กรด lead-acid เดิมเช่นเดียวกับเรือดำน้ำชั้น Soryu สองลำสุดท้ายเรือดำน้ำ SS-511 JS Oryu และเรือดำน้ำ SS-512 JS Toryu 
บริษัท GS Yuasa ญี่ปุ่นใน Kyoto ผู้พัฒนาและผลิตระบบ battery ได้ส่งมอบ lithium-ion battery แก่เรือดำน้ำใหม่เหล่านี้ จนถึงตอนนี้ญี่ปุ่นเป็นประเทศเดียวที่เป็นที่ทราบว่าได้ติดตั้ง lithium-ion battery ในเรือดำน้ำโจมตีดีเซล-ไฟฟ้า SSK ของตน 
สาธารณรัฐเกาหลีถูกคาดว่าจะเป็นประเทศต่อไปที่จะใช้ lithium-ion battery ดังกล่าวกับเรือดำน้ำชั้น KSS-III Batch II ระวางขับน้ำ 3,600ton จำนวน 3ลำ ซึ่งเรือดำน้ำเหล่ามีกำหนดจะเข้าประจำการในปี 2027(https://aagth1.blogspot.com/2025/04/hanwha-ocean-orka.html)

เรือดำน้ำชั้น Taigei ยังติดตั้งด้วยระบบอำนวยการรบ(CMS: Combat Management System) แบบใหม่ที่ผสมผสานระบบตรวจจับบูรณาการขั้นก้าวหน้า, ระบบควบคุมและบัญชาการ และระบบการโจมตีด้วยอาวุธ กระทรวงกลาโหมญี่ปุ่นกล่าว นอกจากนี้ยังนำระบบท่อ snorkel แบบเพิ่มขยายเพื่อลดการแพร่สัญญาณ
และระบบ sonar รุ่นใหม่ที่มีพื้นฐานจากวิทยาการ fiber-optic array เพื่อเพิ่มขยายขีดความสามารถการตรวจจับ เรือดำน้ำชั้น Taigei ติดตั้งด้วยชุดระบบ sonar คุณลักษณะสมรรถนะสูงแบบ ZQQ-8 ซึ่งมีขีดความสามารถที่เพิ่มขึ้นจากชุด sonar แบบ ZQQ-7 ที่ติดตั้งในเรือดำน้ำชั้น Soryu
เรือดำน้ำชั้น Taigei ติดตั้งระบบมาตรการต่อต้าน torpedo แบบเดียวกับที่ใช้งานในเรือดำน้ำชั้น soryu สี่ลำสุดท้าย เป็นที่คาดว่าเรือดำน้ำชั้น Taigei จะใช้ torpedo หนักแบบ Type 18 รุ่นใหม่ล่าสุดของญี่ปุ่นที่มาแทนที่ torpedo หนัก Type 89 torpedo แบบ Type 18 ใหม่จะมีคุณสมบัติที่เพิ่มขึ้นหลายด้านรวมถึงระบบขับเคลื่อน การจับเป้าหมาย และการประมวลผล  
เรือดำน้ำชั้น Taigei ยังสามารถที่จะวางกำลังอาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่พื้นต่อต้านเรือผิวน้ำยิงจากเรือดำน้ำใต้น้ำ Boeing UGM-84L Harpoon Block II เพื่อต่อต้านเป้าหมายผิวน้ำ อาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่พื้น Harpoon Block II มีระยะยิงที่ 248km เพียงพอที่จะมอบขีดความสามารถ "การโจมตีโต้กลับ" แก่ญี่ปุ่น

เรือดำน้ำชั้น Taigei ลำแรกเรือดำน้ำ SS-513 Taigei เข้าประจำการในเดือนมีนาคม 2022(https://aagth1.blogspot.com/2022/03/taigei-ss-513-taigei.html) เรือดำน้ำชั้น Taigei ลำที่สอง เรือดำน้ำ SS-514 JS Hakugei เข้าประจำการในเดือนมีนาคม 2023(https://aagth1.blogspot.com/2023/03/taigei-ss-514-hakugei.html
เรือดำน้ำชั้น Taigei ลำที่สาม เรือดำน้ำ SS-515 JS Jingei เข้าประจำการในเดือนมีนาคม 2024(https://aagth1.blogspot.com/2024/03/taigei-ss-515-jingei.html) เรือดำน้ำชั้น Taigei ลำที่สี่ เรือดำน้ำ SS-516 JS Raigei เข้าประจำการในเดือนมีนาคม 2025(https://aagth1.blogspot.com/2025/03/taigei-ss-516-raigei.html)
เรือดำน้ำชั้น Taigei ลำที่ห้า เรือดำน้ำ SS-517 JS Chogei ถูกปล่อยลงน้ำในเดือนตุลาคม 2024(https://aagth1.blogspot.com/2024/10/taigei-ss-517-chogei.html) และปัจจุบันกำลังอยู่ในการดำเนินงานติดตั้งสิ่งอุปกรณ์และการทดสอบที่หลากหลายในการเตรียมการสำหรับการเข้าประจำการในเดือนมีนาคม 2026

เรือบรรทุกเครื่องบินลำที่สามของกองทัพเรือปลดปล่อยประชาชนจีน(PLAN: People's Liberation Army Navy)  เรือบรรทุกเครื่องบินชั้น Type 003 เรือบรรทุกเครื่องบิน CV-18 Fujian คาดว่าจะเข้าประจำการภายในปี 2025 นี้(https://aagth1.blogspot.com/2025/09/cv-18-fujian.html)
จัดตั้งกองเรือเฉพาะกิจที่มีเรือบรรทุกเครื่องบินสามลำ เรือบรรทุกเครื่องบินลำแรก เรือบรรทุกเครื่องบิน CV-16 Liaoning และเรือบรรทุกเครื่องบินลำที่าสอง เรือบรรทุกเครื่องบิน CV-17 Shandong ทุกวันนี้เรือรบของกองทัพเรือปลดปล่อยประชาชนจีนได้เดินเรือบ่อยครั้งผ่านส่วนที่เรียกว่าหมู่เกาะแรก(first island chain) ระหว่างเกาะ Kyushu ของญี่ปุ่นและฟิลิปปินส์
ซึ่งประกอบด้วยหมู่เกาะทางตะวันตกเฉียงใต้ของญี่ปุ่นเป็นหลัก และน่าจะเป็นไปได้อย่างมากดที่สุดที่จะเดินเรือบ่อยครั้งขึ้นในมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตกโดยรอบญี่ปุ่น กองเรือดำน้ำของญี่ปุ่นในฐานะ "นินจาทะเล" เป็นที่คาดว่าจะตรวจสอบการกระทำต่างๆที่แสดงออกอย่างมั่นใจเหล่านี้ของกองทัพเรือปลดปล่อยประชาชนจีนครับ