แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ Military Industry of Russia แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ Military Industry of Russia แสดงบทความทั้งหมด

วันศุกร์ที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2568

รัสเซียเสนอรถรบทหารราบ BMP-3 รุ่นปรับปรุงใหม่แก่ประเทศต่างๆในเอเชีย-แปซิฟิก

Special Report: Russia offers upgraded BMP-3 to Asia-Pacific countries





The upgraded BMP-3 IFV is seen displayed at VIDEX 2024 in Hanoi, Vietnam. (Linh Pham/AFP via Getty Images, Rosoboronexport)

รัสเซียกำลังเสนอรถรบทหารราบ BMP-3 IFV(Infantry Fighting Vehicle) รุ่นปรับปรุงใหม่ของตนที่ผลิตโดย High Precision Systems รัฐวิสาหกิจผู้ผลิตยุทโธปกรณ์ทางทหาร
ในเครือ Rostec กลุ่มรัฐวิสาหกิจอุตสาหกรรมความมั่นคงรัสเซีย เพื่อส่งออกแก่ลูกค้าต่างๆในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก(https://aagth1.blogspot.com/2019/05/30mm-57mm.html)

โฆษกของ Rosoboronexport หน่วยงานด้านการส่งออกอาวุธยุทโธปกรณ์ของรัสเซียซึ่งยังอยู่ในเครือ Rostec รัสเซียเช่นกันได้กล่าวกับ Janes ล่าสุดว่า
รถรุ่นปรับปรุงและรถรุ่นใหม่ในตระกูลรถรบทหารราบ BMP-3 IFV กำลังมุ่งเป้าไปที่การสนับสนุนความพยายามในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกที่จะปรับปรุงความทันสมัยกองกำลังยานเกราะ

ตามข้อมูลจากโฆษก Rosoboronexport รัสเซีย พื้นฐานรถรบทหารราบ BMP-3 IFV ได้รับการเพิ่มขยายหลายๆอย่าง รวมถึงการบูรณาการของชุดคำสั่ง firmware ที่ทำให้รถสามารถปฏิบัติการอย่างอัตโนมัติได้
โฆษก Rosoboronexport รัสเซียกล่าวว่ารถรบทหารราบ BMP-3 IFV ได้ถูกดัดแปลงภายหลัง "โดยการคำนึงประสบการณ์ในการนำมาใช้ในการรบ"

รถรบทหารราบ BMP-3 IFV รุ่นปรับปรุงใหม่ได้ถูกนำมาจัดแสดงในงานแสดง Vietnam International Defence Expo(VIDEX) 2024 ที่จัดขึ้นในนครหลวง Hanoi ระหว่างวันที่ 19-22 ธันวาคม 2024
ในเอเชีย-แปซิฟิกรถรบทหารราบ BMP-3 IFV ได้ถูกนำเข้าประจำการแล้วโดยอินโดนีเซีย(https://aagth1.blogspot.com/2019/04/bt-3f-bmp-3f-pandur-ii.html) และสาธารณรัฐเกาหลี(https://aagth1.blogspot.com/2015/04/bmp-3-t-80u.html

ขณะที่กองทัพบกประชาชนเวียดนาม(VPA: Vietnam People's Army) มีประจำการด้วยกองกำลังรถรบทหารราบ BMP-1 IFV และรถรบทหารราบ BMP-2 IFV ผสมกันจำนวนหลายร้อยคัน
ที่ถูกจัดหามาตั้งแต่ปลายปี 1970s(https://aagth1.blogspot.com/2025/09/80-hanoi.html), กองทัพบกกัมพูชา(Royal Cambodian Army) ยังมีประจำการด้วยรถรบทหารราบ BMP-1 IFV รุ่นเก่ากว่า 

ตามข้อมูลจาก Janes World Navies นาวิกโยธินอินโดนีเซีย(Indonesian Marine Corps, KORMAR: Korps Marinir) มีประจำการด้วยรถรบทหารราบ BMP-3F IFV จำนวน 54คันซึ่งเป็นรุ่นสะเทินน้ำสะเทินบกของ BMP-3 
ที่ถูกจัดหาจากรัสเซียในสองระยะในปี 2008 และปี 2012 นาวิกโยธินอินโดนีเซียยังมีประจำการด้วยรถเกราะลำเลียงพลสะเทินน้ำสะเทินบก BT-3F APC(Armoured Personnel Carrier) จำนวน 54คัน ซึ่งมีพื้นฐานจาก BMP-3

ตามข้อมูลจาก Janes World Armies กองทัพบกสาธารณรัฐเกาหลี(RoKA: Republic of Korea Army) มีประจำการด้วยรถรบทหารราบ BMP-3 IFV จำนวน 70คันตั้งแต่ปี 1996
เช่นเดียวกับรถถังหลัก T-80U จำนวน 33คัน และรถถังหลักที่บังคับการ T-80UK จำนวน 2คันที่จัดหาจากรัสเซียเช่นกันที่ถูกใช้ในการฝึกเป็นหน่วยข้าศึกสมมุติ(aggressor) ครับ

วันพฤหัสบดีที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2568

เวียดนามแสดงอาวุธยุทโธปกรณ์ใหม่ในพิธีสวนสนามวันชาติครบรอบ 80ปีที่ Hanoi

Special Report: Vietnam displays new military equipment in Hanoi parade







VPA T-90S, T-62M, T-55M3 and T-54/55 tanks, XCB-01 and BMP-2 IFVs, and XTC-02 APCs displayed during Vietnam's military parade in Hanoi on 2 September to mark the country's 80th National Day. (Nhac Nguyen/AFP via Getty Images)



เวียดนามได้จัดแสดงอาวุธยุทโธปกรณ์ทางทหารใหม่ที่พัฒนาภายในประเทศหลากหลายแบบ ณ พิธีสวนสนามครบรอบ 80ปีวันชาติเวียดนามที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 2 กันยายน 2025 ในนครหลวง Hanoi
ระบบต่างๆเหล่านี้ซึ่งทั้งหมดน่าจะถูกนำเข้าประจำการในกองทัพประชาชนเวียดนาม(Vietnam People's Armed Forces, LLVTNDVN: Lực lượng Vũ trang nhân dân Việt Nam) รวมถึง

รถเกราะลำเลียงพลล้อยาง XTC-02 4x4 APC(Armoured Personnel Carrier), รถรบทหารราบสายพาน XCB-01 IFV(Infantry Fighting Vehicle), ระบบอาวุธปล่อยนำวิถีป้องกันชายฝั่ง VCS-01 Truong Son 
และอาวุธนำวิถีร่อนทางยุทธวิธี(loitering munition) แบบ VU-C2 การจัดแสดงระบบอาวุธต่างที่พัฒนาในเวียดนามเหล่านี้สอดคล้องอย่างใกล้ชิดกับการตั้งเป้าของเวียดนามที่ร่างเค้าโครงในสมุดปกขาวกลาโหม 2019 ของตน

สมุดปกขาวกลาโหม 2019 ของเวียดนามมีวัตถุประสงค์เพื่อที่จะปรับปรุงความทันสมัยของกองทัพประชาชนเวียดนาม และลดการพึ่งพาแหล่งจัดหาอาวุธยุทโธปกรณ์รายต่างๆจากต่างประเทศ
ผู้ผลิตและจัดส่งอาวุธยุทโธปกรณ์ทางทหารดั้งเดิมของเวียดนามคือรัสเซีย(https://aagth1.blogspot.com/2020/06/blog-post.html, https://aagth1.blogspot.com/2019/01/t-90s.html)

ในงานสวนสนามกองทัพบกประชาชนเวียดนาม(VPA: Vietnam People's Army, Quân đội nhân dân Việt Nam) ได้เปิดตัวรถเกราะลำเลียงพลล้อยาง XTC-02 4x4 APC ของตน
ที่ถูกพัฒนาและสร้างโดยกรมการอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ(GDDI: General Department of Defence Industry, TCCNQP: Tổng cục Công nghiệp Quốc phòng) ของกระทรวงกลาโหมเวียดนาม

Vietnam.vn ฝ่ายข้อมูลสารสนเทศของรัฐบาลสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนามกล่าวว่า รถเกราะลำเลียงพลล้อยาง XTC-02 มีความยาว 7.2m กว้าง 2.7m และสูง 2.2m 
ติดตั้งอาวุธปืนกลหนักต่อสู้อากาศยานขนาด 12.7mm และปืนกลขนาด 7.62mm มีความเร็วสูงสุดบนพื้นดินที่ 95 km/h, ในน้ำที่ 12km/h และมีระยะปฏิบัติการที่ 800km Vietnam.vn เวียดนามกล่าว

รถรบทหารราบสายพาน XCB-01 IFV ถูกเปิดตัวในงานแสดง Vietnam International Defence Expo(VIDEX) 2024 ที่จัดขึ้นในนครหลวง Hanoi ระหว่างวันที่ 19-22 ธันวาคม 2024 สร้างโดยโรงงาน Z189 ของ GDDI เวียดนาม
และมีพื้นฐานจากรถรบทหารราบสายพาน BMP-1 IFV ยุคอดีตสหภาพโซเวียด ติดตั้งปืนใหญ่ลำกล้องเรียบขนาด 73mm พร้อมระบบบรรจุกระสุนกึ่งอัตโนมัติ ปืนกลร่วมแกน PKT 7.62mm, แท่นยิงอาวุธปล่อยนำวิถีต่อสู้รถถัง B72, และปืนกลหนักต่อสู้อากาศยาน 12.7mm ครับ

วันอาทิตย์ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2568

อินเดียอนุมัติการจัดหาเครื่องบินขับไล่ Tejas Mk 1A เพิ่ม 97เครื่อง

India approves additional Tejas fighter procurement





The Tejas Mk 1A LCA is an improved version of the baseline Tejas Mk 1. (HAL)



กรรมาธิการความมั่นคงคณะรัฐมนตรีอินเดีย(CCS: Cabinet Committee on Security) ของรัฐบาลอินเดียได้อนุมัติข้อเสนอที่จะจัดหาเครื่องบินขับไล่ Tejas Mk 1A LCA(Light Combat Aircraft) เพิ่มเติมจำนวน 97เครื่อง
ที่ผลิตโดย Hindustan Aeronautics Limited(HAL) รัฐวิสาหกิจผู้ผลิตอากาศยานของอินเดียสำหรับกองทัพอากาศอินเดีย(IAF: Indian Air Force)(https://aagth1.blogspot.com/2025/02/hal-tejas-mk-1a-2025.html)

กรรมาธิการความมั่นคงคณะรัฐมนตรีอินเดีย CCS ได้อนุมัติข้อเสนอซึ่งถูกยื่นเรื่องโดยกระทรวงกลาโหมอินเดียและครอบคลุมสิ่งอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องสำหรับกองทัพอากาศอินเดียเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2025
HAL อินเดียกล่าวในการยื่นเอกสารต่อตลาดหลักทรัพย์(NSE: National Stock Exchange) ของอินเดียเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2025(https://aagth1.blogspot.com/2024/03/tejas.html)

การอนุมัติสำหรับการจัดหาเครื่องบินขับไล่ Tejas Mk 1A จำนวน 97เครื่องเป็นการเพิ่มเติมต่อเครื่องบินขับไล่ Tejas Mk 1A จำนวน 73เครื่องและเครื่องบินขับไล่ Tejas Trainer รุ่นฝึกสองที่นั่งจำนวน 10เครื่อง
ที่ได้มีการลงนามสัญญาจัดหาโดยกองทัพอากาศอินเดียในปี 2021(https://aagth1.blogspot.com/2022/02/tejas.html, https://aagth1.blogspot.com/2021/04/tejas-python-5.html)

การอนุมัติสำหรับเครื่องบินขับไล่เครื่องยนต์ไอพ่นเดี่ยว Tejas Mk 1A ชุดใหม่มีขึ้นตามมาเป็นเวลามากกว่าหนึ่งปีหลังจากกระทรวงกลาโหมอินเดียได้ออกผู้เข้าเสนอต่อ HAL สำหรับข้อเสนอการจัดซื้อจัดจ้าง
ในปี 2024 มูลค่าของการจัดซื้อจัดจ้างที่ถูกเสนออยู่ที่วงเงินประมาณ 650 billion Indian Rupee($7.42 billion) HAL อินเดียไม่ได้ตอบสนองต่อการตั้งคำถามจาก Janes ในเวลาที่บทความนี้เผยแพร่

Janes ได้รายงานเป็นครั้งแรกถึงความสนใจของกองทัพอากาศอินเดียที่จะจัดหาเครื่องบินขับไล่ Tejas Mk 1A เพิ่มเติมในเดือนสิงหาคม 2023(https://aagth1.blogspot.com/2023/05/tejas-mk2.html)
การจัดหาเป็นส่วนหนึ่งของแผนโดยกระทรวงกลาโหมอินเดียที่สร้างความแข็งกำลังรบของกองทัพอากาศอินเดียขึ้นมาใหม่ด้วยระบบเครื่องบินขับไล่ที่พัฒนาเองภายในอินเดีย

ความแข็งแกร่งด้านกำลังรบของกองทัพอากาศอินเดียได้ลดลงในช่วงหลายปีที่ผ่านมาล่าสุด และคาดว่าจะลดลงมากขึ้นอีกในเดือนกันยายน 2025 เมื่อจะมีการปลดประจำการอย่างเป็นทางการของเครื่องบินขับไล่ Mikoyan-Gurevich MiG-21 Bison
การปลดประจำการของฝูงบินเครื่องบินขับไล่ MiG-21 Bison จะลดความแข็งแกร่งของจำนวนฝูงบินเครื่องบินรบของกองทัพอากาศอินเดียลงจาก 31ฝูงบินเหลือเป็น 29ฝูงบิน ตามข้อมูลจาก Janes Military Intelligence ครับ

วันอังคารที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2568

อินเดียลงนามข้อตกลงที่จะสร้างจรวดหลายลำกล้องอัตตาจร PULS อิสราเอลในประเทศ

Indian firm signs PULS agreement with Elbit Systems





An Elbit Systems PULS is seen mounted on a Russian Kamaz truck at ADEX 2022 in Azerbaijan. (Elbit Systems/Defence Turkey Magazine)



บริษัท Nibe Limited อินเดียได้ลงนามข้อตกลงกับบริษัท Elbit Systems อิสราเอลเพื่อที่จะสร้างระบบจรวดหลายลำกล้องอัตตาจรล้อยาง PULS(Precise and Universal Launching System) MRL(Multiple Rocket Launcher) ในอินเดีย

ในการยื่นเอกสารต่อตลาดหลักทรัพย์(NSE: National Stock Exchange) ของอินเดียเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2025 บริษัท Nibe กล่าวว่าข้อตกลงของตนกับ Elbit อิสราเอลจะทำให้สามารถทำได้ทั้ง
การผลิตและส่งมอบระบบจรวดหลายลำกล้องอัตตาจรล้อยาง PULS MRL แก่กองทัพอินเดียถ้าระบบได้ถูกเลือกสำหรับการจัดซื้อจัดจ้าง(https://aagth1.blogspot.com/2023/11/defense-security-2023-dti-d11a.html)

ข้อตกลงใหม่ยังรวมถึงการถ่ายทอดวิทยาการระบบจรวดหลายลำกล้องอัตตาจรล้อยาง PULS แก่ Nibe อินเดีย ถ้ามีการจัดหาบริษัท Nibe กล่าวว่าจรวดหลายลำกล้อง PULS
จะเป็นเครื่องจรวดหลายลำกล้องอเนกประสงค์แบบแรกที่จะถูกประจำการโดยกองทัพอินเดีย((https://aagth1.blogspot.com/2023/08/atmos-puls.html, https://aagth1.blogspot.com/2022/09/dti-d11a.html)

ตามข้อมูลจาก Janes Land Warfare Platforms: Artillery & Air Defence ระบบจรวดหลายลำกล้องอัตตาจร PULS สามารถที่จะติดตั้งบนรถแคร่ฐานรถยนต์บรรทุกแบบ 6x6 หรือ 8x8 ได้
และมีขีดความสามารถที่จะทำการยิงจรวดพื้นสู่พื้นนำวิถีและไม่นำวิถีที่มีขนาดลำกล้องแตกต่างกันได้ โดยมีระยะยิงหวังผลที่ระหว่าง 40km และ 300km(https://aagth1.blogspot.com/2022/09/defense-security-2022-dti-d11a.html)

ระบบจรวดหลายลำกล้อง PULS เป็นระบบทุกกาลอากาศหลายขนาดลำกล้องสำหรับการปฏิบัติการแบบยิงและเคลื่อนย้ายที่ตั้ง(shoot-and-scoot) มีคุณสมบัติแท่ยิงมีพลังงานขับเคลื่อนควบคุมด้วย remote ติดตั้งที่ด้านท้ายรถ
เมื่อวางตัวในตำแหน่งเตรียมยิง ระบบ hydraulic จะทำงานเป็ระบบรักษาการทรงตัวและยึดตัวรถแคร่ฐานลงกับพื้นดินทั้งด้านข้างและด้านท้ายเพื่อให้ความมีสเถียรภาพระบบการยิงมากขึ้น

จรวดหลายลำกล้องอัตตาจร PULS เป็นระบบแบบ modular ซึ่งรองรับกระเปาะจรวดพื้นสู่พื้นขนาด 122mm, ขนาด 160mm, หรือขนาด 306mm ซึ่งจำนวนท่อยิงในแต่ละกระเปาะขึ้นอยู่กับชนิดของจรวด 
Nibe อินเดียไม่ได้ตอบสนองต่อการร้องขอคำถามจาก Janes ในเวลาที่บทความนี้เผยแพร่ ปัจจุบันกองทัพบกอินเดีย(IA: Indian Army) มีประจำการด้วยระบบจรวดหลายลำกล้องหลายหลายแบบรวมถึงจรวดหลายลำกล้องอัตตาจร Pinaka ที่พัฒนาในอินเดียครับ

วันเสาร์ที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2568

รัสเซียทำพิธีขึ้นระวางประจำการเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ติดขีปนาวุธชั้น Borei-A ลำที่ห้า K-555 Knyaz Pozharskiy

With Putin’s blessing: Russia commissions fifth Borei-A SSBN



President Putin took part in a flag-raising ceremony on the SSBN Knyaz Pozharskiy. (Credit: kremlin.ru)

เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม 2025 ณ อู่เรือ Sevmash Shipyard ใน Severodvinsk ทางตอนเหนือของรัสเซีย ธงนาวีของกองทัพเรือรัสเซีย(RFN: Russian Federation Navy, VMF: Voyenno-Morskoy Flot)
ได้ถูกชักขึ้นบนเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ติดขีปนาวุธ(SSBN) ชั้น Project 955A Borei-A ลำที่ห้า เรือดำน้ำ K-555 Knyaz Pozharskiy พิธีขึ้นระวางประจำการได้มีขึ้นโดยการปรากฏตนของประธานาธิบดีสหพันธรัฐรัสเซีย Vladimir Putin

ในหลายปีที่ผ่านมาประธานาธิบดีรัสเซีย Putin ได้มีส่วนร่วมในพิธีวางกระดูกงูเรือ, พิธีปล่อยเรือลงน้ำ, หรือพิธีชักธงขึ้นระวางประจำการบนเรือหรือเรือดำน้ำของกองทัพเรือรัสเซีย แต่ส่วนใหญ่บ่อยครั้งที่จะปรากฎตนแบบ "เสมือนจริง" ผ่านวีดิทัศน์ video link
เวลานี้ประธานาธิบดีรัสเซีย Putin ได้ "เยี่ยมชมการทำงาน" เป็นการส่วนตัวต่ออู่ต่อเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์แห่งเดียวสำหรับกองทัพเรือรัสเซีย อู่เรือ Sevmash ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของ United Shipbuilding Corporation(USC) กลุ่มรัฐวิสาหกิจอุตสาหกรรมการสร้างเรือของรัสเซีย

เรือดำน้ำ K-555 Knyaz Pozharskiy ได้รับการตั้งชื่อเรือตามเจ้าชาย Knyaz Dmitry Pozharskyi ผู้ซึ่งมีชื่อเสียงในฐานะผู้นำการลุกฮือต่อต้านที่ขับไล่กองทัพโปแลนด์-ลิทัวเนียออกจากรัสเซียระหว่างสงครามโปแลนด์-รัสเซียปี 1609-1618
สำหรับชาวรัสเซียมันได้กลายเป็นสัญลักษณ์ประจำชาติและการเฉลิมฉลองในโอกาสครบรอบชัยชนะเหนือสมรภูมิ Moscow(ที่ถูกยึดครองโดยชาวโปล) ในปี 1612 ที่ล่าสุดได้กลายเป็นการฉลองวันหยุดประจำชาติของรัสเซีย

เรือดำน้ำ K-555 Knyaz Pozharskiy เป็นเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ติดขีปนาวุธชั้น project 955A(09952) Borei-A SSBN ลำที่ห้าที่เป็นรุ่นปรับปรุงของเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ติดขีปนาวุธชั้น Project 955 Borei บนพื้นฐานที่เรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ติดขีปนาวุธชั้นYuriy Dolgorukiy สามลำแรกถูกสร้างขึ้น
พิธีวางกระดูกงูเรือได้มีขึ้นเมื่อวันที่ 23 ธันวาคม 2016 และพิธีเปิดตัวเรือมีขึ้นเมื่อวันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2024 เรือดำน้ำ K-555 Knyaz Pozharskiy ถูกปล่อยลงนามตามมาโดยเร็ว หลังจากการทดลองเรือหน้าท่าระยะสั้นเรือดำน้ำได้ถูกส่งไปทดลองเรือในทะเลครั้งแรกในเดือนกรกฎาคม 2024

ตามการลองเรือล่าสุดของเรือดำน้ำที่ใช้เวลาหนึ่งปีซึ่งไม่ใช่เวลาที่ยาวนานสำหรับเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ติดขีปนาวุธ SSBN เรือดำน้ำ K-555 Knyaz Pozharskiy ได้เข้าประจำการในกองเรือทะเลเหนือ(Northern Fleet)
และอยู่ในสังกัดกองพลเรือดำน้ำที่31(31st Submarine Division) ที่มีฐานที่ตั้งใน Gadzhiyevo ในฐานะเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ติดขีปนาวุธชั้น Borei/Borei-A ลำที่สามในกองเรือทะเลเหนือนี้(https://aagth1.blogspot.com/2025/07/admiral-kuznetsov.html)

การออกแบบของเรือดำน้ำชั้น Borei-A SSBN เหล่านี้ได้รับการอธิบายอย่างเป็นทางการในฐานะ "เรือดำน้ำลาดตระเวนติดอาวุธปล่อยนำวิถีเพื่อวัตถุประสงค์ทางยุทธศาสตร์" ได้ถูกพัฒนาโดยสำนักออกแบบ Rubin Marine Technology Design Bureau ในมหานคร St. Petersburg
เรือดำน้ำชั้น Borei-A SSBN มีความยาวตัวเรือที่ 170m โดยมีระวางขับน้ำขณะดำใต้น้ำที่ราว 24,000tons ระบบขับเคลื่อนนิวเคลียร์ด้วยเตาปฏิกรณ์ OK-650V กำลัง 170MW กังหันไอน้ำที่ขับเคลื่อนระบบให้แรงผลักดัน pump-jet thruster ที่ถูกใช้เป็นครั้งแรกในเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ของรัสเซีย

อีกระบบที่โดดเด่นคือระบบ sonar แบบ MGK-600B Irtysh-Amfora-Borei ซึ่งใช้แผงสายอากาศตรวจจับแบบแนบลำตัว conformal antenna ติดตั้งที่ส่วนหัวของเรือดำน้ำ เรือดำน้ำชั้น Borei-A SSBN มีกำลังพลประจำเรือที่ประมาณ 107นาย
อาวุธตามหลักการคือระบบขีปนาวุธ D-30 Bulava พร้อมขีปนาวุธข้ามทวีป(ICBM: Intercontinental Ballistic Missile) 3M30 16นัด นอกจากนี้เรือดำน้ำติดตั้งด้วยท่อยิง torpedo หนัก 533mm หกท่อยิง และระบบแท่นยิง Shlangbaum หกท่อยิงเช่นกันสำหรับปล่อยระบบมาตรการต่อต้าน Torpedo(TCM: Torpedo Countermeasures System)

เรือดำน้ำ K-555 Knyaz Pozharskiy เป็นเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ลำที่142 ที่สร้างโดยอู่เรือ Sevmash เรือดำน้ำชั้น Borei-A SSBN เพิ่มเติมอีก 2ลำที่ได้รับการสั่งจัดหาในเดือนกรกฎาคม 2020 ขณะนี้กำลังถูกสร้างที่อู่เรือนี้ด้วยโดยได้รับการตั้งชื่อว่าเรือดำน้ำ Dmitry Donskoy และเรือดำน้ำ Knyaz Potemkin ที่ถูกทำพิธีวางกระดูกงูเรือในวันเดียวกันเมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2021 
เรือดำน้ำชั้น Borei และ Borei-A จะเป็นเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ติดขีปนาวุธ SSBN หลักที่สำคัญของกองทัพเรือรัสเซียที่จะทดแทนเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ติดขีปนาวุธชั้น Project 667BDRM Dolphin ครับ

วันอาทิตย์ที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2568

รัสเซียอาจจะละทิ้งการซ่อมเรือบรรทุกเครื่องบิน Admiral Kuznetsov

Russia may abandon refit of Admiral Kuznetsov



The Russian aircraft carrier, Admiral Kuznetsov, is seen in a photograph released by the Russian Ministry of Defence on 24 January 2017. (Russian Ministry of Defence)




Admiral Kuznetsov aircraft carrier at Murmansk, Kola Peninsula. (Massimo Frantarelli)

ตามรายงานโดยหนังสือพิมพ์รัสเซีย Izvestia งานที่กำลังดำเนินอยู่เกี่ยวกับการซ่อมปรับปรุงคืนสภาพใหม่(refurbishment) และการปรับปรุงความทันสมัยของเรือบรรทุกเครื่องบิน Admiral Kuznetsov ของกองทัพเรือรัสเซีย(RFN: Russian Federation Navy) ได้ถูกระงับมาระยะหนึ่งแล้ว
ตัวแทนจากกองทัพเรือรัสเซียและ United Shipbuilding Corporation(USC) กลุ่มรัฐวิสาหกิจอุตสาหกรรมการสร้างเรือของรัสเซียจะตัดสินใจในเร็วๆนี้ว่าการเดินหน้าทำงานต่อมีความคุ้มค่าพอหรือไม่

ตั้งแต่ที่กลับจากการวางกำลังปฏิบัติการครั้งสุดท้ายของตนในเดือนกุมภาพันธ์ 2017 เรือบรรทุกเครื่องบิน Admiral Kuznetsov ได้ถูกจอดที่คาบสมุทร Kola Peninsula ในรัสเซีย(https://aagth1.blogspot.com/2020/02/blog-post_24.html)
ครั้งแรกที่อู่ซ่อมเรือหมายเลข28(No 82 Ship Repair Yard) ของ USC รัสเซียใกล้ Roslyakovo และจากนั้นที่โรงงานซ่อมเรือ35(35th Ship Repair Plant) ที่ Rosta(https://aagth1.blogspot.com/2017/02/admiral-kuznetsov.html) และล่าสุดในปี 2025 ที่ท่าเรือใน Murmansk

งบประมาณระยะแรกเป็นวงเงินประมาณ $800 million ได้รับการจัดสรรเพื่อซ่อมทำใหญ่(overhaul) ระบบตรวจจับต่างๆ, ระบบอาวุธป้องกันตัว, และระบบภารกิจต่างๆของเรือบรรทุกเครื่องบิน Admiral Kuznetsov
อย่างไรก็ตามในเดือนตุลาคม 2017 รายงานต่างๆบ่งชี้ว่างบประมาณส่วนนี้ได้ถูกลดลงเหลือเพียงครึ่งหนึ่ง และการซ่อมบำรุงเล็ก(refit) นั้นได้ถูกเปลี่ยนไปให้ความสำคัญกับการปรับปรุงใหม่(renovating) ของสิ่งอำนวยความสะดวกและแหล่งกำเนิดพลังงานของเรือแทน

การเสร็จสิ้นงานซ่อมบำรุงเล็กนี้เดิมมีกำหนดในปี 2021 แต่แทบจะทันทีที่เริ่มต้นงานก็ประสบปัญหาต่างๆมากมาย(https://aagth1.blogspot.com/2020/05/admiral-kuznetsov-2022.html)
การขาดแคลนอู่แห้ง(graving dock) ที่มีขนาดเพียงพอจะรองรับ USC รัสเซียถูกบังคับให้ใช้งานอู่ลอย PD-50 ซึ่งเป็นอู่แห้งลอยแบบเดียวที่สามารถรองรับเรือบรรทุกเครื่องบิน Admiral Kuznetsov ได้

ต่อมาในเดือนตุลาคม 2018 อู่ลอย PD-50 ได้จมลงขณะที่เรือบรรทุกเครื่องบิน Admiral Kuznetsov อยู่ภายในอู่ลอย(https://aagth1.blogspot.com/2018/10/admiral-kuznetsov.html
และขณะที่ตัวเรือบรรทุกเครื่องบิน Admiral Kuznetsov ถูกรักษาไว้ได้แต่เรือก็ได้รับความเสียหายบางส่วนจากการที่ดาดฟ้าเรือถูกแขนยก crane ของอู่ลอยถล่มลงมาใส่(https://aagth1.blogspot.com/2018/11/admiral-kuznetsov.html)

หายนะได้เกิดขึ้นกับเรือบรรทุกเครื่องบิน Admiral Kuznetsov อีกครั้งในเดือนธันวาคม 2019 เมื่อเกิดไฟไหม้ขึ้นบนเรือ นำไปสู่การเสียชีวิตของคนงานอย่างน้อย 2ราย(https://aagth1.blogspot.com/2019/12/admiral-kuznetsov.html) จนถึงตอนนี้กำหนดการส่งมอบเรือได้ถูกเลื่อนออกไปเรื่อยๆ
กองทัพเรือรัสเซียกำลังประสบปัญหาความล่าช้าต่อทั้งการซ่อมและสร้างเรือขนาดใหญ่จากข้อจำกัดของอู่ต่อเรือที่ส่วนใหญ่จะเป็นอู่เรือสำหรับเรือขนาดเล็ก รวมถึงการขาดแคลนงบประมาณที่มีผลจากสงครามกับยูเครนที่ยืดเยื้อตั้งแต่ปี 2022 ครับ

วันศุกร์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2568

กองทัพอากาศไทยและมาเลเซียเสร็จสิ้นการฝึกผสม Air Thamal 2025
























Royal Thai Air Foce (RTAF) and Royal Malaysian Air Force (RMAF) concluded the exercise AIR THAMAL 33/2025 at Wing 1 Korat RTAF Base in Nakhon Ratchasima Province, Thailand on 30 June to 10 July 2025.
33rd iteration of the bilateral exercise AIR THAMAL participated with RMAF Sukhoi Su-30MKM of No.12 Squadron, and Boeing F/A-18D Hornet of No.18 Squadron which deployed at Wing 1 Korat in Thailland for first time
and RTAF Saab Gripen C/D Saab Gripen C/D of 701st Squadron, Wing 7 Surat Thani; Lockheed Matin F-16A/B Block 15 OCU/ADF of 103rd Squdron, Wing 1 Korat; and Northrop F-5E/F TH Super Tigris of 211st Squadron, Wing 21 Ubon Ratchathani. (Royal Thai Air Foce and Royal Malaysian Air Force)



RMAF ATTACKS IN KORAT AIRSPACE IN AIR EXERCISE THAMAL 33/2025

RMAF SHOWS SUSTAINABLE READINESS IN AIR THAMAL EXERCISE 33/25

The AIR THAMAL 33/2025 Joint Exercise
From 1–9 July 2025, the Royal Thai Air Force (RTAF) and the Royal Malaysian Air Force (RMAF) are conducting a joint exercise to strengthen tactical air cooperation and mutual capabilities.
Thailand has deployed F-16, F-5, and Gripen Malaysia has deployed Su-30MKM and F/A-18D
This is the 33rd iteration of the exercise, codenamed AIR THAMAL 33/2025,held from 30 June – 10 July 2025 at Wing 1 Korat in a Field Training Exercise (FTX) format.
Training activities include: Work-Up Training (WUT), Mini-LFE (small-scale Large Force Employment), DBFM, DACM, TI, DACT, OCA/DCA (Offensive and Defensive Counter-Air operations)
This exercise aims to build mutual understanding in joint air operations and enhance readiness for regional security and peacekeeping missions.

ผสานความร่วมมือ ไทย - มาเลเซีย อันแข็งแกร่งเหนือท้องนภา "Air Thamal 33"
ภาพบรรยากาศการฝึกของกองทัพอากาศไทย และมาเลเซีย ในการฝึกผสมทางอากาศ Air Thamal 33 ณ ฐานบินกองบิน 1 โคราช ด้วยอากาศยานขับไล่ สมรรถนะสูง Gripen F-16 F5-TH F-18 SU-30MKM ในห้วงสัปดาห์แรกของการฝึก 
ซึ่งการฝึกครั้งนี้จะเป็นการเสริมสร้างขีดความสามารถในการปฏิบัติการร่วม และกระชับความพันธ์ที่ดีของมิตรประเทศในภูมิภาค
Cr ภาพโดย : Tentera Udara Diraja Malaysia  & Noppasin Poompo 

บรรยากาศการฝึกผสม AIR THAMAL 33/2025 ระหว่างวันที่ 1–9 กรกฎาคม 2568 กองทัพอากาศไทยและกองทัพอากาศมาเลเซีย ได้ร่วมฝึกผสมเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งและความร่วมมือด้านยุทธวิธีอากาศ  ไทยส่ง F-16, F-5 และ Gripen  มาเลเซียส่ง Su-30MKM และ F/A-18D การฝึกครั้งนี้เป็นครั้งที่ 33 ภายใต้รหัส AIR THAMAL 33/2025 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 30 มิ.ย. – 10 ก.ค. 2568 ณ กองบิน 1 ในรูปแบบ Field Training Exercise (FTX)
เนื้อหาการฝึกประกอบด้วย 
Work-Up Training (WUT) 
Mini-LFE (การบินประกอบกำลังขนาดเล็ก) 
DBFM, DACM, TI, DACT 
OCA/DCA (ตอบโต้ทางอากาศรุก–รับ) 
การฝึกนี้มุ่งสร้างความเข้าใจในการปฏิบัติการทางอากาศร่วม และเตรียมพร้อมต่อภารกิจด้านความมั่นคงและสันติภาพในภูมิภาค

ฝีมือการบินที่เข้มแข็ง และน่าเกรงขามเหนือแผ่นฟ้าร่วมกันระหว่าง ไทย - มาเลเซีย ในการฝึกผสม Air Thamal 33
ภาพบรรยากาศการฝึกที่เข้มข้นในช่วงสัปดาห์สุดท้าย และภาพแห่งความประทับใจของความร่วมมือกันระหว่างกองทัพอากาศไทย - มาเลเซีย ในการฝึกผสม Air Thamal ครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของกำลังทางอากาศที่มีความพร้อมในการปฏิบัติการปกป้องรักษาน่านฟ้า และความสัมพันธ์ระหว่างมิตรประเทศที่มีให้กันมาอย่างยาวนาน
CR ภาพโดย : Noppasin Poompo

พิธีปิดการฝึกผสม AIR THAMAL 33/2025 ณ กองบิน 1 จังหวัดนครราชสีมา
วันพฤหัสบดีที่ 10 กรกฎาคม 2568 พลอากาศเอก พันธ์ภักดี  พัฒนกุล ผู้บัญชาการทหารอากาศ และ General Dato' Sri Haji Muhamad Norazlan Bin Aris ผู้บัญชาการทหารอากาศมาเลเซีย ร่วมเป็นประธานในพิธีปิดการฝึกผสม AIR THAMAL 33/2025 ณ กองบิน 1 จังหวัดนครราชสีมา
ในการนี้ พลอากาศเอก พันธ์ภักดี  พัฒนกุล ผู้บัญชาการทหารอากาศ ได้กล่าวโดยสรุปในพิธีความว่า “การฝึกในปีนี้มีความพิเศษอย่างยิ่ง เนื่องจากมีการนำอากาศยานหลายแบบเข้าร่วมการฝึกฯ และเป็นครั้งแรกที่เครื่องบินขับไล่ แบบ Su-30MKM จากกองทัพอากาศมาเลเซียได้เดินทางมาฝึกในประเทศไทย 
ซึ่งถือเป็นโอกาสสำคัญในการเพิ่มพูนทักษะการปฏิบัติการร่วมกันของกำลังพลทั้งสองประเทศ รวมทั้งการฝึกในครั้งนี้ได้ขยายขนาดมากขึ้นกว่าที่ผ่านมา โดยมีฝูงบินเข้าร่วมมากถึง 5 ฝูงบิน แสดงถึงความตั้งใจร่วมกันของทั้งสองกองทัพอากาศ ในการยกระดับการฝึกให้มีประสิทธิภาพและความหลากหลายยิ่งขึ้น" 
รวมทั้งได้กล่าวแสดงความชื่นชมต่อความสำเร็จของการฝึกและขอบคุณกำลังพลทุกนายที่เข้าร่วมการฝึกในครั้งนี้
การฝึกผสม AIR THAMAL 33/2025 จัดขึ้นระหว่างวันที่ 30 มิถุนายน - 10 กรกฎาคม 2568 ณ กองบิน 1 จังหวัดนครราชสีมา มีนาวาอากาศเอก เจริญ  วัฒนศรีมงคล รองผู้อำนวยการสำนักนโยบายและแผนกรมยุทธการทหารอากาศ เป็นผู้อำนวยการกองอำนวยการฝึกผสม ฯ กองทัพอากาศ และ Colonel Hasfa Nyzam Bin Abdul Hamid เป็นผู้อำนวยการกองอำนวยการฝึกผสม ฯ กองทัพอากาศมาเลเซีย 
โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาขีดความสามารถในการปฏิบัติการทางอากาศผสมของกองทัพอากาศทั้งสองประเทศให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น รวมทั้งเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับขั้นตอน และวิธีการปฏิบัติการทางอากาศร่วมกันของกำลังพล 
ตลอดจนเพื่อเพิ่มพูนและกระชับความสัมพันธ์อันดีระหว่างกำลังพลทุกระดับของกองทัพอากาศทั้งสองประเทศให้มีความแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น นำไปสู่ความร่วมมือที่เข้มแข็งในการดูแลประชาชน และความมั่นคงในภูมิภาคต่อไป 
สำหรับอากาศยานที่เข้าร่วมการฝึกผสม ฯ จากกองทัพอากาศและกองทัพอากาศมาเลเซีย ได้แก่ เครื่องบินขับไล่แบบ F-16 A/B/ADF, Gripen C/D, F-5 E/F, Su-30MKM และ F/A-18D 
การฝึกผสม ฯ ประกอบด้วยการฝึกเตรียมความพร้อม (Work-Up Training : WUT) การฝึกบินประกอบกำลังทางอากาศขนาดเล็ก (Mini Large Force Employment : Mini-LFE) มีภารกิจเฉพาะในการฝึก ได้แก่ 
การบินขับไล่ขั้นมูลฐาน (Dissimilar Basic Fighter Maneuver : DBFM) การบินรบในอากาศ (Dissimilar Air Combat Maneuver : DACM) การบินสกัดกั้นทางยุทธวิธี (Tactical Intercept : TI) การบินยุทธวิธีการรบในอากาศ (Dissimilar Air Combat Training : DACT) รวมถึงการบินตอบโต้ทางอากาศเชิงรุกและเชิงรับ (Offensive Counter-Air : OCA, Defensive Counter-Air : DCA)
นอกจากนี้ กองทัพอากาศยังได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานภาคพลเรือน ได้แก่ บริษัท วิทยุการบินแห่งประเทศไทย จำกัด (บวท.) และสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) ในการร่วมวางแผนและบริหารจัดการห้วงอากาศเพื่อให้เกิดประโยขน์ต่อการฝึกโดยไม่ส่งผลกระทบต่อภาคส่วนอื่นๆ ของประเทศไทย
การฝึกผสม AIR THAMAL 33/2025 นับเป็นอีกก้าวสำคัญของความร่วมมือด้านความมั่นคงในภูมิภาค ซึ่งนอกจากจะยกระดับขีดความสามารถทางทหารแล้ว ยังส่งเสริมมิตรภาพที่มั่นคงและยั่งยืนระหว่างกองทัพอากาศและกองทัพอากาศมาเลเซียอีกด้วย

กองทัพอากาศไทย(RTAF: Royal Thai Air Foce) และกองทัพอากาศมาเลเซีย(RMAF: Royal Malaysian Air Force, TUDM: Tentera Udara Diraja Malaysia) ได้เสร็จสิ้นการฝึกผสมทางอากาศรหัส AIR THAMAL 33/2025 ณ กองบิน๑ โคราช ในจังหวัดนครราชสีมา ประเทศไทย ระหว่างวันที่ ๓๐ มิถุนายน ถึง วันที่ ๑๐ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๖๘(2025) โดยเป็นการฝึกครั้งที่๓๓ ระหว่างกองทัพอากาศทั้งสองชาติ
การฝึกผสม AIR THAMAL 2025  ซึ่งมีพิธีเปิดเมื่อวันที่ ๑ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๖๘ และพิธีปิดวันที่ ๑๐ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๖๘ ณ กองบิน๑ โคราช มีขึ้นให้หลังจากการฝึกผสมทางอากาศรหัส ELANG THAINESIA XX/2025 ระหว่างกองทัพอากาศไทย และกองทัพอากาศอินโดนีเซีย(Indonesian Air Force, TNI-AU: Tentara Nasional Indonesia-Angkatan Udara) ระหว่างวันที่ ๙-๑๙ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๖๘ ที่ผ่านมา

เช่นเดียวกับการฝึกผสมทางอากาศ ELANG THAINESIA 2025 ที่กองบิน๑ เช่นกันที่กองทัพอากาศอินโดนีเซียได้นำอากาศยานของตนกลับเข้าร่วมการฝึกในไทยหลังจากว่างเว้นมาหลายปี(https://aagth1.blogspot.com/2025/06/elang-thainesia-2025.html) การฝึกผสมทางอากาศ AIR THAMAL 2025 ครั้งล่าสุดนี้กองทัพอากาศมาเลเซียก็ได้กลับมานำอากาศยานเข้าร่วมการฝึกหลังจากว่างเว้นมาหลายปีเช่นกัน
โดยเป็นครั้งแรกที่กองทัพอากาศมาเลเซียนำเครื่องบินขับไล่ Sukhoi Su-30MKM ฝูงบินที่๑๒(No.12 Squadron)(https://aagth1.blogspot.com/2019/11/blog-post_29.html, https://aagth1.blogspot.com/2019/09/su-30mkm.html) และเครื่องบินขับไล่ Boeing F/A-18D Hornet ฝูงบินที่๑๘(No.18 Squadron)(https://aagth1.blogspot.com/2024/10/fa-18cd.html, https://aagth1.blogspot.com/2024/05/sniper-atp.html)มาวางกำลังฝึกที่กองบิน๑ ในไทยพร้อมกัน

ขณะที่กองทัพอากาศไทยได้นำเครื่องบินขับไล่แบบที่๒๐/ก บ.ข.๒๐/ก Saab Gripen C/D ฝูงบิน๗๐๑ กองบิน๗ สุราษฎร์ธานี, เครื่องบินขับไล่แบบที่๑๙/ก บ.ข.๑๙/ก Lockheed Matin F-16A/B Block 15 OCU/ADF ฝูงบิน๑๐๓ กองบิน๑ โคราช, และเครื่องบินขับไล่แบบที่๑๘ข/ค บ.ข.๑๘ข/ค Northrop F-5E/F TH Super Tigris ฝูงบิน๒๑๑ กองบิน๒๑ อุบลราชธานี เป็นต้นเข้าร่วมการฝึก
อากาศยานอื่นที่ร่วมสนับสนุนการฝึกยังประกอบด้วยเฮลิคอปเตอร์แบบที่๑๑ ฮ.๑๑ EC725(Airbus Helicopters H225M) ฝูงบิน๒๐๓ กองบิน๒ โคกกระเทียม กองทัพอากาศไทย และเครื่องบินลำเลียง Lockheed Matin C-130H Hercules และเครื่องบินลำเลียง Airbus A400M Atlas กองทัพอากาศมาเลเซีย นับเป็นการยกระดับใหม่ของการฝึกที่มีมายาวนานของกองทัพอากาศไทยและมิตรประเทศในภูมิภาคอย่างต่อเนื่องครับ