วันจันทร์ที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2560

พิธีปล่อยเรือลงน้ำเรือฟริเกตสมรรถนะสูง ร.ล.ท่าจีน ที่เกาหลีใต้

Royal Thai Navy's new Frigate FFG-471 HTMS Tachin launching ceremony at Daewoo Shipbuilding & Marine Engineering(DSME) Okpo-Dong shipyard, Geoje, South Gyeongsang, Busan, Republic of Korea, 23 January 2017




กองทัพเรือจัดพิธีปล่อยเรือฟริเกตสมรรถนะสูงต่อจากบริษัท DSME ประเทศสาธารณรัฐเกาหลีลงน้ำ

วันนี้(23 มกราคม 2560) เวลา 15.39 น. พลเรือเอก ณะ อารีนิจ ผู้บัญชาการทหารเรือ เป็นประธานในพิธีปล่อยเรือฯ พร้อมด้วยนางปรานี อารีนิจ ภริยาเป็นสุภาพสตรีผู้ประกอบพิธีปล่อยเรือลงน้ำ 
โดยมีพลเรือเอก รังสฤษดิ์ สัตยานุกูล ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพเรือ ในฐานะประธานกรรมการบริหารโครงการจัดหาเรือฟริเกต และRDMl.Park Young-Sik Commander, Naval Education&Training Group 1(Flag Escort to the C-in-C, RTN) ให้การต้อนรับ 
และมีพลเรือตรีกฤษฎาภรณ์ พันธุมโพธิ ผู้อำนวยการสำนักงานจัดหายุทโธปกรณ์กองทัพเรือ นาวาเอกไพฑูรย์ ชีชะนะ ผู้ช่วยฑูตฝ่ายทหารเรือไทย/โตเกียว พร้อมภริยา,
Cdr.Kim, Young Sik Asia-Pacific Desk, Foreign Policy Division,ROKN HQs Ens.Kim, Hyunmin Foreign Policy Division, ROKN HQs (Translator) และผู้แทนบริษัท DSME ร่วมพิธีฯ ณ อู่ต่อเรือบริษัท DSME เมืองปูซาน ประเทศสาธารณรัฐเกาหลี

สำหรับเรือฟริเกตสมรรถนะสูง หรือเรือหลวงท่าจีน(ลำใหม่) ต่อโดยบริษัท DSME.(DAEWOO Shipbuilding & Marine Engineering CO., LTD.) ประเทศ สาธารณรัฐเกาหลี โดยการสร้างเรือดำเนินการ ณ อู่ต่อเรือของบริษัท DSME สาธารณรัฐเกาหลี 
เป็นเรือฟริเกตที่จัดหาจะมีขีดความสามารถในการปฏิบัติการรบได้ 3 มิติ คือ การปฏิบัติการสงครามใต้น้ำ การปฏิบัติการสงครามต่อต้านภัยทางอากาศ และการปฏิบัติสงครามผิวน้ำ 
โดยสามารถปฏิบัติงานร่วมกับ เฮลิคอปเตอร์กองทัพเรือ ในการรับ-ส่ง เฮลิคอปเตอร์ และนำ เฮลิคอปเตอร์เข้าเก็บในโรงเก็บเฮลิคอปเตอร์ได้ 
นอกจากนั้น ยังได้เพิ่มขีดความสามารถของระบบตรวจการณ์ และระบบอาวุธในการปฏิบัติการสงครามใต้น้ำ และการป้องกันภัยทางอากาศให้มีประสิทธิภาพสูง 
อีกทั้งระบบอาวุธและระบบอำนวยการรบ ได้รับการออกแบบให้มีขีดความสามารถในการเชื่อมต่อข้อมูลทางยุทธวิธี ที่สามารถใช้งานร่วมกับระบบการรบของเรือฟริเกต ชุด เรือหลวงนเรศวร และ เรือหลวงจักรีนฤเบศร ได้ 
เป็นผลทำให้การปฏิบัติการรบร่วมในลักษณะกองเรือ (Battle Group) รวมทั้งการปฏิบัติการรบร่วมกับอากาศยานของกองทัพอากาศ ได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล 
ประกอบกับข้อเสนอการถ่ายทอดเทคโนโลยีที่บริษัทฯ เสนอ จะทำให้เพิ่มขีดความสามารถให้อู่เรือไทยและบุคคลากรทั้ง ทร. และภาคเอกชนให้มีความรู้ความชำนาญ รองรับการถ่ายทอดองค์ความรู้ในการใช้เทคโนโลยี การพัฒนาเทคโนโลยี รวมถึงการบำรุงรักษา 
ซึ่งจะเป็นการส่งเสริมอุตสาหกรรมการต่อเรือรบในประเทศได้

กองทัพเรือได้แต่งตั้งคณะกรรมการฯ ขึ้นมาดำเนินการ โดยได้เชิญชวนอู่เรือของประเทศต่าง ๆ ในเอเชีย ยุโรป และอเมริกา จำนวน 13 ราย ซึ่งรวมถึงอู่เรือจากสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี และราชอาณาจักรเนเธอร์แลนด์ด้วย 
เพื่อเปิดกว้างให้มีการแข่งขันให้กองทัพเรือ ได้รับประโยชน์สูงสุด โดยมีผู้เสนอแบบเรือ 5 ราย ได้แก่ อู่เรือจากสาธารณรัฐอิตาลี ราชอาณาจักรสเปน สาธารณรัฐเกาหลี (2 ราย) และสาธารณรัฐประชาชนจีน 
หลังจากนั้นได้ดำเนินการคัดเลือกแบบตามแนวทางการจัดหายุทโธปกรณ์หลักของกองทัพเรือ 
โดยผลการพิจารณาปรากฏว่า แบบเรือของบริษัท Daewoo Shipbuilding & Marine Engineering Co., Ltd. (DSME) สาธารณรัฐเกาหลี สามารถตอบสนองภารกิจของกองทัพเรือได้ดีที่สุด 
และเป็นแบบเรือที่ตรงตามความต้องการของกองทัพเรือมากที่สุด จึงได้รับการคัดเลือก แบบเรือฟริเกตที่ได้รับการคัดเลือก เป็นแบบที่พัฒนามาจากเรือพิฆาตชั้น Kwanggaeto Class Destroyer (KDX-I) ซึ่งเรือฟริเกตที่กองทัพเรือจัดหา 
มีการออกแบบและสร้างเรือ โดยใช้มาตรฐานทางทหารของสหรัฐฯ และกองทัพเรือเกาหลี อีกทั้งได้รับการรับรองเป็นแบบที่ได้รับรองจากสถาบันจัดชั้นเรือซึ่งเป็นสมาชิกของ IACS (International Association of Classifications Society) 

โดยแบบเรือดังกล่าว มีระวางขับน้ำสูงสุด 3,700 ตัน ความเร็วสูงสุดต่อเนื่อง 30 นอต ระยะปฏิบัติการประมาณ 4,000 ไมล์ทะเล กำลังพล 136 นาย ลักษณะของเรือออกแบบโดยใช้ Stealth Technology และลดการแพร่คลื่นแม่เหล็กตัวเรือ รวมทั้งลดการแพร่เสียงใต้น้ำ 
ติดตั้งระบบอำนวยการรบและระบบอาวุธจากยุโรปและอเมริกา ซึ่งสามารถปฏิบัติการรบได้ทั้ง 3 มิติ รวมทั้งป้องกันตัวเองในระยะประชิด ตามมาตรฐานยุโรป สหรัฐฯ และกองทัพเรือที่มีใช้งานและกำลังจัดหา
การสร้างเรือ จะดำเนินการ ณ อู่ต่อเรือของบริษัท DSME สาธารณรัฐเกาหลี ในระหว่างปี 2556 – 2561 โดยมีค่าจ้างสร้างเรือรวมทั้งสิ้นประมาณ 14,997 ล้านบาท 
ซึ่งเป็นราคารวมภาษีมูลค่าเพิ่ม อะไหล่เครื่องมือ เอกสาร ส่วนสนับสนุน การทดสอบทดลอง การฝึกอบรม การถ่ายทอดเทคโนโลยี และอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งเป็นงบประมาณผูกพันระยะเวลา 6 ปี

คุณลักษณะและขีดความสามารถโดยสังเขปของเรือฟริเกตสมรรถนะสูง

ภารกิจ
ภารกิจในยามสงคราม กิจหลักป้องกันอธิปไตยเหนืออาณาเขตทางทะเลของไทย กิจรองุ้มกันกระบวนเรือลำเลียง
ภารกิจในยามสงบ รักษาความมั่นคงและความปลอดภัยของเส้นทางคมนาคมทางทะเล พิทักษ์รักษาสิทธิอธิปไตยทางทะเล ค้นหาและช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางทะเล ช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและบรรเทาภัยพิบัติ และรักษากฎหมายตามกฎหมายให้อำนาจทหารเรือ

ขีดความสามารถ
ขีดความสามารถทั่วไป โดยสามารถนำเรือ/เดินเรือแบบรวมการที่ทันสมัย ระบบขับเคลื่อนที่ควบคุมง่าย รวดเร็ว ทนทาน ง่าย และประหยัด ความทนทะเลได้ถึงสภาวะทะเลระดับ 6 ขึ้นไป 
โครงสร้างเรือแข็งแรง มีโอกาสอยู่รอดสูงในสภาพแวดล้อมของการสู้รบและการปนเปื้อนทางนิวเคลียร์/เคมี/ชีวะ
ขีดความสามารถด้านการควบคุมบังคับบัญชาและการตรวจการณ์ ด้วยระบบอำนวยการรบและระบบตรวจการณ์ที่ทันสมัยและขีดความสามารถสูง รวมทั้งสามารถเชื่อมโยงข้อมูลและสื่อสารกับเรือ อากาศยาน และหน่วยบนฝั่ง 
ตลอดจนสามารถตรวจการณ์ครอบคลุมทุกมิติและทั้งกลางวันและกลางคืน
ขีดความสามารถการรบ โดยสามารถปฏิบัติการรบได้ ๓ มิติ โดยให้ความสำคัญในการการปฏิบัติการสงครามใต้น้ำเป็นลำดับแรก โดยสามารถตรวจจับเป้าหมายระยะไกลด้วยโซนาร์ลากท้ายและโซนาร์ติดใต้ท้องเรือ 
แล้วต่อตีเรือดำน้ำได้ที่ระยะไกลด้วย Vertical Launch Anti-Submarine Rocket หรือตอร์ปิโด และลำดับที่สอง การปฏิบัติการสงครามต่อต้านภัยทางอากาศ โดยใช้เรดาร์ตรวจการณ์ 3 มิติระยะไกล และระยะปานกลางในการค้นหา ตรวจจับ และติดตามเป้าข้าศึก 
รวมทั้งแลกเปลี่ยนและประสานการปฎิบัติกับเรือและอากาศยานที่ร่วมปฏิบัติการ แล้วโจมตีเป้าหมายด้วยอาวุธปล่อยนำวิถีฯ แบบ ESSM และอาวุธปืนของเรือ ส่วนการป้องกันทางอากาศระยะไกล 
หรือพื้นที่ชั้นนอกของกองเรือ (Battle Group) จะใช้การปฏิบัติการร่วมกับอากาศยานของกองทัพอากาศในการค้นหา ตรวจจับและโจมตี และการปฏิบัติการสงครามผิวน้ำ โดยสามารถโจมตีเป้าหมายได้ที่ระยะไกล 
โดยปฏิบัติร่วมกับเรือและอากาศยานในการพิสูจน์ทราบเป้า ส่งมอบเป้าและให้ใช้อาวุธจากระยะพ้นขอบฟ้า รวมทั้งโจมตีเป้าพื้นน้ำและใต้น้ำด้วยเฮลิคอปเตอร์ประจำเรือ
ขีดความสามารถในการป้องกันตนเอง ด้วยอาวุธปล่อยนำวิถีฯ ปืนใหญ่เรือและปืนรองต่อสู้อากาศยาน ระบบอาวุธป้องกันระยะประชิด (CIWS) ระบบลวงทางอิเล็กทรอนิกส์ ระบบควบคุมความเสียหายแบบรวมการที่สั่งการได้จากศูนย์กลางหรือแยกสั่งการ 
มีระบบควบคุมการแพร่สัญญาณออกจากตัวเรือ
ขีดความสามารถในการทำสงครามอิเล็กทรอนิกส์ โดยสามารตรวจจับ ดักรับ วิเคราะห์ และก่อกวนสัญญาณแม่เหล็กไฟฟ้าของเป้าหมายได้
ขีดความสามารถในการปฏิบัติการรบร่วม โดยผ่านระบบเชื่อมโยงข้อมูลทางยุทธวิธี ให้สามารถปฏิบัติการรบร่วมในลักษณะกองเรือ (Battle Group) ได้แก่ ร.ล.จักรีนฤเบศร เรือฟริเกต ชุด เรือหลวงนเรศวร เรือคอร์เวต ชุด เเรือหลวงรัตนโกสินทร์ ได้อย่างมีประสิทธิภาพและประสิทธิผล 
รวมทั้งการปฏิบัติการรบร่วมกับ เครื่องบินกองทัพอากาศ ตามบทบาทหน้าที่ที่จะได้รับมอบหมาย ซึ่งเรือฟริเกตสมรรถนะสูง จะทำหน้าที่ควบคุมการปราบเรือดำน้ำเป็นหลัก
เรือฟริเกตสมรรถนะสูง ได้รับการออกแบบตัวเรือและโครงสร้างรองรับการปรับปรุงให้สามารถยิงอาวุธปล่อยนำวิถีพื้น-สู่-อากาศ แบบ SM2 รวมทั้งได้มีแผนเตรียมการรองรับไว้แล้ว โดยบริษัทผู้ผลิตระบบประกอบที่เกี่ยวข้องได้แก่ 
แท่นยิงแท่นยิงอาวุธปล่อยฯ แนวตั้ง ระบบอำนวยการรบ เรดาร์ควบคุมการยิงและ เรดาร์ชี้เป้า (Illuminator) สามารถปรับปรุงรองรับการยิงอาวุธปล่อยฯ ดังกล่าวได้ เมื่อกองทัพเรือต้องการและสถานการณ์ด้านงบประมาณเอื้ออำนวย

ในการต่อเรือชุดนี้กองทัพเรือได้รับการถ่ายทอดเทคโนโลยีการต่อเรือ เพื่อเสริมสร้างขีดความสามารถของการต่อเรือภายในประเทศ โดยกองทัพเรือจะทำการต่อเรือฟริเกตสมรรถณะสูงเองอีก 1 ลำ ตามแนวทางพระราชดำริพระบามสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช 
โดยที่ผ่านมาบริษัท DSME. จำกัด และ บริษัท ไฮเทค เอเจ โฮลดิ้ง จำกัด (บริษัทผู้แทนในระเทศไทยของบริษัท DSME จำกัด) ได้มีการจัดทำบันทึกความเข้าใจร่วมกัน (MOU) กับกองทัพเรือ และบริษัท อู่กรุงเทพ จำกัด บริษัท 
ในด้านความร่วมมือการพัฒนาขีดความสามารถในการซ่อม สร้าง และดัดแปลงเรือ ของกรมอู่ทหารเรือให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เมื่อ 30 กันยายน 2559 ณ ห้องรับรองกองบัญชาการกองทัพเรือ พระราชวังเดิม
https://www.facebook.com/prthainavy/posts/1408382035879815
https://www.facebook.com/prthainavy

https://www.facebook.com/prthainavy/posts/1407188075999211
https://www.facebook.com/prthainavy/








เตรียมทำพิธีปล่อยเรือลงน้ำ

ร.ล.ท่าจีน (เรือฟริเกตสมรรถนะสูง) ลำใหม่ล่าสุดของ ทร. ไทบ กำลังเคลื่อนย้ายเพื่อเตรียมนำมาประกอบพิธีปล่อยเรือลงน้ำในวันจันทร์ที่ 23 ม.ค.60 นี้ โดยมี พล.ร.อ.ณะ อารีนิจ ผบ.ทร. เป็นประธานในพิธี

เรือลำดังกล่าว ต่อโดยบริษัท DSME ประเทศ สาธารณรัฐเกาหลี (เกาหลีใต้) ซึ่งคาดว่าจะเข้าประจำการในปี 2561

กองทัพเรือ ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาทั้งองค์วัตถุ องค์บุคคล และ องค์ยุทธวิธี อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้กองทัพเรือมีความพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับภัยคุกคามทุกรูปแบบ 
เราจะเป็นเครื่องมือที่จะยืนยันได้ถึงเสรีภาพในการใช้ทะเล ของประเทศไทยอันเป็นที่รักยิ่งนี้ ด้วยความพยายามที่จะเป็นเลิศให้สมกับ motto ของ ผบ.ทร. ที่ว่า "To Become The Best"

By Admin ต้นปืน561
https://www.facebook.com/NavyForLifePage/posts/1231109940260231
https://www.facebook.com/NavyForLifePage/

จากชุดภาพข้างต้นจะเห็นได้ว่าระบบอาวุธและอุปกรณ์บางระบบของเรือฟริเกตสมรรถนะสูง ร.ล.ท่าจีน(ลำที่๓) ซึ่งเป็นเรือผิวลำแรกของกองทัพเรือไทยที่สร้างจากสาธารณรัฐเกาหลีนั้นได้รับการติดตั้งแล้ว
เช่น ปืนใหญ่เรือ OTO Melara 76/62 ทรง Stealth, ระบบป้องกันระยะประชิดปืนใหญ่กลหกลำกล้องหมุน Phalanx 20mm CIWS, Radar นำร่องเดินเรือ และระบบสื่อสารผ่านดาวเทียม SATCOM เป็นต้น
โดยหลังจากพิธีปล่อยเรือลงน้ำ ร.ล.ท่าจีน จะมีการดำเนินการก่อสร้างต่อโดยการติดตั้งระบบอาวุธและอุปกรณ์ที่เหลือจนครับ(เห็นได้จากระดับท้องเรือที่จมน้ำว่าเรือยังไม่ได้ติดตั้งระบบหลายๆอย่างที่มีน้ำหนักถึงระดับระวางขับน้ำปกติ)

เรือฟริเกต เรือหลวงท่าจีน ลำใหม่นี้นับเรือลำที่๓ ของราชนาวีไทยแล้วที่ได้รับพระราชทานนามนี้ โดย ร.ล.ท่าจีน(ลำที่๑) นั้นเป็นเรือสลุปชุดเดียวกับ ร.ล.แม่กลอง ซึ่งต่อที่อู่ต่อเรือ Uraga ญี่ปุ่นที่เข้าประจำการเมื่อปี พ.ศ.๒๕๘๐(1937)
ในช่วงสงครามโลกครั้งที่๒ ร.ล.ท่าจีน(ลำที่๑) ถูกเครื่องบินฝ่ายสัมพันธมิตโจมตีทางอากาศจนท้องเรือทะลุ ต่อมาสำรวจตรวจสอบสภาพเรือแล้วว่าไม่สามารถจะซ่อมแซมเพื่อนำกลับเข้าประจำการได้จึงต้องปลดประจำการไป

ต่อมาเมื่อวันที่ ๒๐ ตุลาคม ๒๔๙๔(1951) กองทัพเรือไทยได้รับมอบ ร.ล.ท่าจีน(ลำที่๒) ซึ่งเดิมคือเรือฟริเกตตรวจการณ์ชั้น Tacoma PF-36 USS Glendale กองทัพเรือสหรัฐฯ ซึ่งรับมอบพร้อมกับ ร.ล.ประแส(ลำที่๒) คือ PF-47 USS Gallup ที่ฐานทัพเรือ Yokosuka
ซึ่งสหรัฐฯส่งมอบเรือเป็นการช่วยเหลือทางทหารแก่กองทัพเรือไทยที้่สูญเสีย ร.ล.ประแส(ลำที่๑) ที่เดิมเป็นเรือคอร์เวตชั้น Flower กองทัพเรืออังกฤษชื่อ HMS Betony ซึ่งรับมอบพร้อม ร.ล.บางประกง(ลำที่๑) ที่เดิมคือ HMS Burnet เมื่อ ๑๕ พฤษภาคม พ.ศ.๒๔๙๐(1947)

ในราชการสงครามเกาหลีกองทัพเรือไทยได้สูญเสีย ร.ล.ประแส(ลำที่๑) ในเดือนมกราคม พ.ศ.๒๔๙๔(1951) จากการเกยตื้นและถูกข้าศึกล้อมระดมยิงใส่ระหว่างภารกิจยิงสนับสนุนชายฝั่งในพายุหิมะ จนต้องมีคำสั่งสละเรือใหญ่และให้เรือพิฆาตสหรัฐฯยิงทำลายเรือทิ้งเพื่อไม่ให้ตกในมือข้าศึก
ร.ล.ท่าจีน(ลำที่๒) และ ร.ล.ประแส(ลำที่๒) นั้นได้ประจำการมาจนปลดประจำการวันที่ ๒๒ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๔๓(2000) ปัจจุบัน ร.ล.ท่าจีน นำไปจัดแสดงเป็นเรือพิพิธภัณฑ์ที่โรงเรียนเตรียมทหาร และ ร.ล.ประแส ที่ปากน้ำประแส จังหวัดระยอง

โครงการจัดหาเรือฟริเกตสมรรถนะสูงระยะที่๒ กองทัพเรือมีแผนที่จะดำเนินการสร้างในไทยโดยกรมอู่ทหารเรือที่ได้รับการถ่ายทอด Technology และการปรับปรุงอู่ราชนาวีมหิดลอดุยเดช จากบริษัท DSME เกาหลีใต้
ซึ่งอยู่ในระหว่างการวางแผนการปรับปรุงอู่ต่อเรือโดยการจัดหาและติดตั้งเครื่องมือก่อสร้างใหม่ เช่น เครนที่รับน้ำหนักชิ้นส่วนได้มากขึ้น รวมถึงการเตรียมขออนุมัติงบประมาณก่อสร้างถ้ามีโอกาสอำนวย
ส่วนตัวคิดว่าคงน่าจะได้รับพระราชทานนามชื่อเรือว่า 'เรือหลวงแม่กลอง' เป็น ร.ล.แม่กลอง ลำที่๒ คู่กับ ร.ล.ท่าจีนลำใหม่ หรือชื่อเรือ 'เรือหลวงประแส' เพื่อเป็นเกียรติกับ ร.ล.ประแส(ลำที่๑) ที่สูญเสียไปในสงครามเกาหลีครับ