แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ Military Industry of Italy แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ Military Industry of Italy แสดงบทความทั้งหมด

วันพุธที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2568

เรือฟริเกตชั้น Brawijaya ลำแรก KRI Brawijaya เดินทางมาถึงอินโดนีเซียแล้ว

Indonesia's first Brawijaya-class frigate arrives home







KRI Brawijaya seen here while it was arriving its home at Tanjung Priok base in North Jakarta on 8 September. (Indonesian Navy)



เรือตรวจการณ์ไกลฝั่งอเนกประสงค์ PPA(Pattugliatore Polivalente d'Altura)/MPCS(Multipurpose Combat Ship) ลำแรกที่สร้างในอิตาลีของอินโดนีเซียได้เดินทางมาถึงอินโดนีเซียแล้ว
เรือฟริเกตชั้น Brawijaya ลำแรก เรือฟริเกต KRI Brawijaya หมายเลขเรือ 320 ซึ่งมีพิธีขึ้นระวางประจำการในเดือนกรกฎาคม 2025(https://aagth1.blogspot.com/2025/07/ppa-kri-brawijaya.html)

ได้รับการต้อนรับอย่างเป็นทางการโดยกองทัพเรืออินโดนีเซีย(Indonesian Navy, TNI-AL: Tentara Nasional Indonesia-Angkatan Laut) ณ ฐานทัพเรือ Tanjung Priok ใน North Jakarta เมื่อวันที่ 8 กันยายน 2025
เรือฟริเกต KRI Brawijaya (320) ได้มาถึงฐานทัพเรือ Tanjung Priok หลังจากเสร็จสิ้นการเดินเรือเป็นเวลา 44วันจากอิตาลีและเยือนท่าเรือต่างๆในห้าประเทศตลอดเส้นทางรวมถึงนครหลวง Colombo ศรีลังกา

พิธีต้อนรับเรือฟริเกต KRI Brawijaya นำโดยรัฐมนตรีกลาโหมอินโดนีเซีย Sjafrie Sjamsoeddin ร่วมกับผู้บัญาชาการกองทัพอินโดนีเซีย(Indonesian National Armed Forces, TNI: Tentara Nasional Indonesia) พลเอก Agus Subiyanto
"นี่เป็นเหตุการณ์ที่น่าภาคภูมิใจ แต่ยังเป็นความท้าทายสำหรับเราที่จะดำรงทักษะต่างๆและความพร้อมที่ถูกคาดหวังโดยประชาชนอินโดนีเซีย" รัฐมนตรีกลาโหมอินโดนีเซีย Sjamsoeddin กล่าวในการปราศรัยของเขาในพิธีต้อนรับเรือ

ซึ่งพิธีต้อนรับเรือฟริเกต KRI Brawijaya ได้มีการถ่ายทอดสดเมื่อวันที่ 8 กันยายน 2025 ผ่านหลากหลายช่องทางสื่อสังคม online บนผู้ให้บริการ streaming ของบัญชีทางการของรัฐและสื่ออินโดนีเซีย
รัฐมนตรีกลาโหมอินโดนีเซียยังได้อธิบายเรือฟริเกต KRI Brawijaya ในฐานะเรือรบที่จะมีบทบาททางยุทธศาสตร์ในการปกป้องทรัพยากรทางทะเลของอินโดนีเซีย โดยเฉพาะในการเผชิญหน้ากับความท้าทายในภูมิภาคที่เพิ่มสูงขึ้น

KRI Brawijaya เป็นหนึ่งในเรือตรวจการณ์ไกลฝั่งอเนกประสงค์ PPA ที่ได้ถูกจัดหาสำหรับกองทัพเรืออินโดนีเซียภายใต้สัญญาวงเงิน 1.18 billion Euros($1.39 billion) ที่ได้รับการประกาศให้กับบริษัท Fincantieri อิตาลีผู้สร้างเรือในเดือนมีนาคม 2024
ที่เดิมถูกกำหนดสำหรับกองทัพเรืออิตาลี(Italian Navy, Marina Militare) และเดิมควรจะเข้าประจำการในชื่อเรือตรวจการณ์ไกลฝั่ง P433 Marcantonio Colonna(https://aagth1.blogspot.com/2024/03/ppa.html

เรืออีกลำที่อยู่ในสัญญาซึ่งเดิมควรจะเข้าประจำการในกองทัพเรืออิตาลีในชื่อเรือตรวจการณ์ไกลฝั่ง P435 Ruggiero di Lauria ขณะนี้เป็นที่รู้จักในชื่อเรือฟริเกต KRI Prabu Siliwangi หมายเลขเรือ 321
เรือฟริเกตชั้น Brawijaya ลำที่สอง เรือฟริเกต KRI Prabu Siliwangi (321) กำลังได้รับการเตรียมการสำหรับการส่งมอบให้แก่กองทัพเรืออินโดนีเซีย(https://aagth1.blogspot.com/2025/02/ppa-2025.html)

ตามแถลงการณ์ของกองทัพเรืออินโดนีเซีย เรือฟริเกตชั้น Brawijaya มีความเร็วเรือสูงสุดที่ 32knots และรองรับกำลังพลประจำเรือที่ 171นาย และจะเป็นเรือรบผิวน้ำที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประจำการกองทัพเรืออินโดนีเซียปัจจุบัน
โดยกำหนดประเภทเรือเป็น 'เรือฟริเกต' อย่างไรก็ตาม KRI Brawijaya ถูกส่งมอบให้อินโดนีเซียโดยยังไม่ได้รับการติดตั้งอาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่พื้นต่อต้านเรือผิวน้ำและ Torpedo เบาปราบเรือดำน้ำครับ

วันจันทร์ที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2568

Navantia สเปนเป็นผู้ชนะโครงการปรับปรุงขีดความสามารถเรือตรวจการณ์ไกลฝั่งชุดเรือหลวงปัตตานี OPV ทั้ง ๒ลำ








The Royal Thai Navy's Pattani-class Offshore Patrol Vessel (OPV), OPV-511 HTMS Pattani and OPV-512 HTMS Naratiwat. (Royal Thai Navy)
Naval Acquisition Management Office (NAMO), Royal Thai Navy (RTN) issued announcement on winner of bidding for enhanced capabilities to its two Pattani-class OPVs with new Combat Management System (CMS) and related systems for 2,770,790,000 Baht ($85,362,765) on 21 July 2025, is Navantia S.A., S.M.E., a Spanish state-owned shipbuilding company. 

เรื่อง ประกาศผู้ชนะการเสนอราคา ซื้อระบบการรบและระบบอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง สําหรับปรับปรุงขีดความสามารถ เรือตรวจการณ์ไกลฝั่ง ชุด ร.ล.ปัตตานี จํานวน ๒ ลํา โดยวิธีคัดเลือก
ตามที่ กองทัพเรือ ได้มีหนังสือเชิญชวนสําหรับ ซื้อระบบการรบและระบบอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง สําหรับปรับปรุงขีดความสามารถ เรือตรวจการณ์ไกลฝั่ง ชุด ร.ล.ปัตตานี จํานวน ๒ ลํา โดยวิธีคัดเลือก นั้น
อุปกรณ์เกี่ยวกับอาวุธปืนและอาวุธยุทธภัณฑ์ จํานวน ๑ ระบบ ผู้ได้รับการคัดเลือก ได้แก่ บริษัท Navantia S.A. S.M.E. โดยเสนอราคา เป็นเงินทั้งสิ้น ๒,๗๗๐,๗๙๐,๐๐๐.๐๐ บาท (สองพันเจ็ดร้อยเจ็ดสิบล้านเจ็ดแสนเก้าหมื่นบาทถ้วน) รวมภาษีมูลค่าเพิ่มและภาษีอื่น ค่าขนส่ง ค่าจดทะเบียน และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ทั้งปวง
ประกาศ ณ วันที่ ๒๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๘

Website ทางการของกองทัพเรือไทย(RTN: Royal Thai Navy) ในส่วนการเผยแพร่โครงการจัดซื้อจัดจ้างของหน่วยงานได้ออกเอกสารเมื่อวันที่ ๒๑ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๖๘(2025) เรื่องการประกาศผู้ชนะการเสนอราคาโครงการซื้อระบบการรบและระบบอื่นๆที่เกี่ยวข้อง สําหรับปรับปรุงขีดความสามารถเรือตรวจการณ์ไกลฝั่งชุดเรือหลวงปัตตานี จํานวน ๒ลํา โดยวิธีคัดเลือก
เป็นวงเงิน ๒,๗๗๐,๗๙๐,๐๐๐บาท($85,362,765) สำหรับอุปกรณ์เกี่ยวกับอาวุธปืนและอาวุธยุทธภัณฑ์ จํานวน ๑ระบบ ผู้ได้รับการคัดเลือกคือ บริษัท Navantia S.A., S.M.E รัฐวิสาหกิจอุตสาหกรรมการสร้างเรือของสเปน เอกสารประกาศได้ถูกพบในช่วงต้นเดือนสิงหาคม พ.ศ.๒๕๖๘ ถูกระบุว่าถูกนำขึ้นสู่ระบบเมื่อวันที่ ๒๓ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๖๘

นี่เป็นความสำเร็จล่าสุดของบริษัท Navantia สเปนกับกองทัพเรือไทย ต่อจากที่ได้รับการประกาศว่าเป็นผู้ชนะในโครงการซื้อระบบอำนวยการรบ ระบบตรวจการณ์ ระบบควบคุมการยิง ระบบอาวุธ และระบบไยโร พร้อมอุปกรณ์สนับสนุนที่เกี่ยวข้องสำหรับโครงการเพิ่มขีดความสามารถระบบการรบสำหรับการปฏิบัติการทางเรือของเรือยกพลขึ้นบกอู่ลอย เรือหลวงช้าง(ลำที่๓)
โดยวิธีคัดเลือก วงเงิน ๙๐๙,๕๐๐,๐๐๐บาท($27,100,718)(https://aagth1.blogspot.com/2025/02/navantia-type-071et-lpd.html) ซึ่งกองทัพเรือไทยและบริษัท Navantia ได้มีการลงนามสัญญาซื้อขายอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ ๙ เมษายน พ.ศ.๒๕๖๘(https://aagth1.blogspot.com/2025/04/navantia-type-071et-lpd.html)

Navantia สเปนเป็นผู้ชนะเหนือ ๕บริษัทที่ถูกระบุในเอกสารโครงการที่ออกเมื่อวันที่ ๘ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๖๗ ที่กำหนดราคากลาง(ราคาอ้างอิง) จากแหล่งที่มาของราคากลาง(ราคาอ้างอิง) โดยใช้ราคาที่ได้มาจากการสืบราคาจากท้องตลาด จำนวน ๖บริษัท ดังนี้(https://aagth1.blogspot.com/2024/05/opv.html)
๑.บริษัท Leonardo S.p.A อิตาลี, ๒.บริษัท Thales Nedeland B.V. เนเธอร์แลนด์, ๓.บริษัท Navantia S.A. S.M.E. สเปน, ๔.บริษัท ASELSAN ELEKTRONIK SANAYI TICARET A.S. ตุรกี, ๕.บริษัท SAAB AB สวีเดน และ๖.บริษัท Elbit Naval Systems อิสราเอล

เป็นที่เข้าใจว่าระบบอำนวยการรบ(CMS: Combat Management System) ใหม่ที่จะได้รับการติดตั้งบนเรือตรวจการณ์ไกลฝั่งชุดเรือหลวงปัตตานีทั้ง ๒ลำคือ ร.ล.ปัตตานี และเรือหลวงนราธิวาส นั้นจะเป็นระบบอำนวยการรบ(CMS: Combat Management System) แบบ CATIZ และระบบควบคุมการยิง(FCS: Fire Control System) แบบ DORNA เช่นเดียวกับการปรับปรุงเรือยกพลขึ้นบกอู่ลอย รล.ช้าง(ลำที่๓)
โดยระบบอำนวยการรบ CATIZ CMS และระบบควบคุมการยิง DORNA FCS ของ Navantia สเปนจะถูกนำมาแทนที่ระบบอำนวยการรบ Atlas Elektronik COSYS และระบบควบคุมการยิง Rheinmetall TMX/EO เยอรมนีที่ เรือตรวจการณ์ไกลฝั่งชุด ร.ล.ปัตตานี ทั้งสองลำติดตั้งไว้อยู่เดิม

นี่ยังอาจจะรวมถึงแท่นยิงปืนเรือ Naval Remote Controlled Weapon Station(RCWS) แบบ SENTINEL 30 ขนาด 30mm จำนวน ๒แท่นยิง ของบริษัท EM&E Group สเปนเช่นเดียวกับที่จะติดตั้งบนเรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่งชุดเรือ ต.997 สองลำคือ เรือ ต.997 และเรือ ต.998 และเรือยกพลขึ้นบกอู่ลอย รล.ช้าง(ลำที่๓)(https://aagth1.blogspot.com/2025/02/em-sentinel-30-997.html)
ซึ่งจะแทนที่ปืนกล Denel Land Systems GI-2 ขนาด 20mm จำนวน ๒แท่นยิงแบบควบคุมด้วยมือ manual ที่ติดตั้งบนเรือตรวจการณ์ไกลฝั่งชุด ร.ล.ปัตตานี ทั้งสองลำไว้อยู่เดิม โดยระบบอาวุธอื่นๆที่มีบนเรืออยู่แล้วยังรวมถึงปืนเรือ Oto Melara 76/62 จำนวน ๑แท่นยิง แต่ยังไม่ชัดเช่นในขณะนี้ว่าการปรับปรุงขีดความสามารถจะรวมการติดตั้งอาวุธปล่อยนำวิถีต่อต้านเรือผิวน้ำ(ASM: Anti-Ship Missile) ด้วยหรือไม่

กองทัพเรือไทยได้สั่งจัดหาเรือตรวจการณ์ไกลฝั่งชุดเรือหลวงปัตตานี จำนวน ๒ลำซึ่งเป็นเรือประเภทเรือตรวจการณ์ไกลฝั่งแบบแรกของกองทัพเรือไทย สร้างโดยอู่เรือ Hudong-Zhonghua Shipbuilding Group(HZ) ในมหานคร Shanghai สาธารณรัฐประชาชนจีน ร.ล.ปัตตานี และ ร.ล.นราธิวาส ถูกวางกระดูกงูเรือในปี พ.ศ.๒๕๔๖(2003) และ พ.ศ.๒๕๔๗(2004) ตามลำดับ
ร.ล.ปัตตานี และ ร.ล.นราธิวาส ถูกขึ้นระวางประจำการใน กองเรือตรวจอ่าว กตอ.(PS: Patrol Squadron) กองเรือยุทธการ กร.(RTF: Royal Thai Fleet) เมื่อวันที่ ๗ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๔๘(2005) และเมื่อวันที่ ๑๖ เมษายน พ.ศ.๒๕๔๙(2006) ตามลำดับ โดยจีนได้ส่งมอบเรือเดินทางมาถึงไทยโดยที่ไม่ติดตั้งระบบการรบและอาวุธใดๆ ซึ่งกองทัพเรือไทยได้ทำการติดตั้งระบบจากตะวันตกต่างๆแก่เรือในไทย

เรือตรวจการณ์ไกลฝั่งชุดเรือหลวงปัตตานีมีระวางขับน้ำเต็มที่ประมาณ 1,400tonnes และมีความยาวเรือรวมที่ 95.5m ความกว้างเรือรวมที่ 11.6m และกินน้ำลึกที่ 3.3m ติดตั้งระบบขับเคลื่อนเครื่องยนต์ดีเซลแบบ MAN RUSTON 16 RK270 สองเครื่องขับเพลาใบจักรแบบปรับมุมได้ สามารถทำความเร็วได้สูงสุดที่ 25knots และมีระยะปฏิบัติการปกติที่ราว 3,500nmi ที่ความเร็วมัธยัสถ์ 15knots 
มีลานจอดและโรงเก็บอากาศยานรองรับเฮลิคอปเตอร์ขนาดเบาเช่น เฮลิคอปเตอร์ต่อต้านเรือผิวน้ำแบบที่๑ ฮ.ตผ.๑ Super Lynx 300, เฮลิคอปเตอร์ลำเลียงแบบที่๔ ฮ.ลล.๔ Sikorsky S-76B หรือ เฮลิคอปเตอร์ลำเลียงแบบที่๖ ฮ.ลล.๖ Airbus Helicopters H145M ขณะนี้ ร.ล.ปัตตานี และ ร.ล.นราธิวาส ถูกวางกำลังในอ่าวไทยในกองทัพเรือภาคที่๑ ทรภ.๑(1st NAC: First Naval Area Command) และกองทัพเรือภาคที่๒ ทรภ.๒(2nd NAC: Second Naval Area Command) ครับ

วันเสาร์ที่ 16 สิงหาคม พ.ศ. 2568

เรือดำน้ำ Scorpène มาเลเซียฝึกยิง torpedo ติดหัวรบจริงครั้งแรก

Update: Malaysia fires live torpedo from Scorpène submarine for the first time







One of the two submarines in the Royal Malaysian Navy Scorpène-class submarine, KD Tun Razak , carried out the class' first live firing of a torpedo in July 2025. (Royal Malaysian Navy)





กองทัพเรือมาเลเซีย(RMN: Royal Malaysian Navy, TLDM: Tentera Laut DiRaja Malaysia) ได้ทำการฝึกยิงด้วยกระสุนจริงในการยิง Torpedo ติดหัวรบจริงจากเรือดำน้ำโจมตีดีเซล-ไฟฟ้า(SSK) ชั้น Perdana Menteri(Scorpène) เป็นครั้งแรก
หลังจากที่เรือดำน้ำ Scorpène ทั้ง 2ลำ เรือดำน้ำ KD Tunku Abdul Rahman และเรือดำน้ำ KD Tun Abdul Razak เข้าประจำการในกองทัพเรือมาเลเซียมาแล้ว 16ปี(https://aagth1.blogspot.com/2025/07/scorpene-evolved-2.html)

ในการตอบสนองต่อการร้องขอการชี้แจงต่างๆจาก Janes ตัวแทนจากกองทัพเรือมาเลเซียยืนยันเมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2025 ว่าการฝึกการยิงด้วยกระสุนจริงครั้งแรกของ Torpedo จากเรือดำน้ำ Scorpène
มีขึ้นระหว่างการฝึกทางทะเลรหัส Taming Sari 23/25 ของกองทัพเรือมาเลเซีย ที่มีขึ้นระหว่างวันที่ 8-31 กรกฎาคม 2025(https://aagth1.blogspot.com/2021/08/exocet-scorpene-kasturi-lekiu.html)

ในแถลงการณ์ที่เผยแพร่เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2025 เพื่อเป็นเครื่องหมายถึงการเสร็จสิ้นความสำเร็จของการฝึก Taming Sari 23/25 ที่มีขึ้นนอกชายฝั่งฐานทัพเรือ Kota Kinabalu ในรัฐ Sabah
กองทัพเรือมาเลเซียกล่าวว่าเรือดำน้ำ KD Tun Abdul Razak ได้ทำการยิง Torpedo หนักแบบ Black Shark ที่อยู่ใน "รูปแบบสำหรับการรบในสงคราม" เป็นครั้งแรก

ก่อนหน้าการฝึกยิงด้วยกระสุนจริงเมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2025 กองทัพเรือมาเลเซียได้ทำการยิง torpedo แบบ Black Shark จากเรือดำน้ำ Scorpène ในรูปแบบอื่นๆ
รวมถึงการฝึกทางทะเลในปี 2014 ที่ torpedo แบบ Black Shark ได้ถูกยิงออกจากท่อยิง torpedo ขนาด 533mm หนึ่งใน 6ท่อยิงของเรือดำน้ำ Scorpène โดยปราศจากการติดตั้งหัวรบจริง

นอกเหนือจากการยิง torpedo แบบ Black Shark ติดหัวรบจริงเป็นครั้งแรกแล้ว เรือดำน้ำ KD Tunku Abdul Rahman เรือพี่สาวของเรือดำน้ำ KD Tun Abdul Razak
ยังได้ทำการยิงอาวุธปล่อยนำวิถีประสานงานกับเรือคอร์เวตชั้น Kasturi ลำที่สอง เรือคอร์เวต FSG26 KD Lekir และเรือฟริเกตชั้น Lekiu ลำแรก เรือฟริเกต FFG30 KD Lekiu ด้วย

ทั้งเรือคอร์เวต KD Lekir และเรือฟริเกต KD Lekiu แต่ละลำได้ทำการยิงอาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่พื้นต่อต้านเรือผิวน้ำ MBDA Exocet MM40(https://aagth1.blogspot.com/2025/01/nsm-lekiu.html)
ขณะที่เรือดำน้ำ KD Tunku Abdul Rahman ทำการยิงอาวุธปล่อยนำวิถีต้านเรือผิวน้ำยิงจากท่อยิง torpedo ใต้น้ำ Exocet SM39 ระหว่างการฝึก Taming Sari 23/25 ที่มีขึ้นในทะเลจีนใต้

"ความสำเร็จของการยิงอาวุธต่างๆเหล่านี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่ากองทัพเรือมาเลเซียมีความจริงจังในแง่ขีดความสามารถต่างๆและความมุ่งมั่นของเราในการปกป้องอธิปไตยและบูรณภาพของพื้นที่ทางทะเลของมาเลเซีย" 
กองทัพเรือมาเลเซียกล่าวในแถลงการณ์เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม 2025 มาเลเซียได้สั่งจัดหาเรือดำน้ำ Scorpène จำนวน 2ลำจากฝรั่งเศสในปี 2002 และได้รับมอบขึ้นระวางประจำการในปี 2009 ครับ 

วันจันทร์ที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2568

โปรตุเกสมองที่จะเข้าร่วมโครงการเครื่องบินขับไล่ยุคที่หกทั้ง FCAS/SCAF หรือ GCAP

Portugal eyes joining sixth-generation fighter programme







Portugal is looking to join either FCAS/SCAF or GCAP (pictured) as an observer country. (Dassault Aviation/Airbus, BAE Systems)

โปรตุเกสกำลังจะเข้าร่วมหนึ่งในสองโครงการ 'เครื่องบินขับไล่ยุคที่หก' ของยุโรปที่กำลังแข่งขันกันในฐานะผู้สังเกตการณ์ รัฐมนตรีกลาโหมโปรตุเกส João Nuno Lacerda Teixeira de Melo กล่าวเมื่อเร็วๆนี้
รัฐมนตรีกลาโหมโปรตุเกส Melo กล่าวในเดือนกรกฎาคม 2025 ว่าโปรตุเกสจะมองที่จะเข้าร่วมโครงการเครื่องบินขับไล่ยุคที่หกของยุโรปโครงการใดโครงการหนึ่งในสองโครงการ

ทั้งโครงการระบบการรบทางอากาศอนาคต FCAS/SCAF(Future Combat Air System/Système de Combat Aérien du Futur) กับฝรั่งเศส, เยอรมนี ,และสเปน
(https://aagth1.blogspot.com/2025/06/airbus-fcasscaf-dassault.html) และเบลเยียมในฐานะผู้สังเกตการณ์(https://aagth1.blogspot.com/2025/07/fcasscaf.html)

หรือโครงการการรบทางอากาศทั่วโลก(GCAP: Global Combat Air Programme) กับอิตาลี, ญี่ปุ่น, และสหราชอาณาจักร(https://aagth1.blogspot.com/2025/07/gcap-2027-2030-2035.html
รัฐมนตรีกลาโหมโปรตุเกส Melo ไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติม เว้นแต่กล่าวว่าการตัดสินใจที่จะเข้าร่วมโครงการใดโดยเฉพาะยังไม่ได้มีขึ้น(https://aagth1.blogspot.com/2025/07/gcap-2027-2030-2035.html)

ความเคลื่อนไหวนี้เป็นส่วนหนึ่งของหลากหลายแผนโดยกองทัพอากาศโปรตุเกส(Portuguese Air Force, FAP: Força Aérea Portuguesa) ที่จะทดแทนฝูงเครื่องบินขับไล่ Lockheed Martin F-16AM/BM Fighting Falcon ของตน
ซึ่งในขั้นต้นจะมองการจัดหา 'เครื่องบินขับไล่ยุคที่ห้า' ในฐานะส่วนหนึ่งของแผนการเปลี่ยนแปลงโครงการกำลังทางอากาศ(Airpower Transformation Plan 2024-2030) ที่รู้จักในชื่อแผน Força Aérea 5.3

โดยที่ฝูงเครื่องบินขับไล่ F-16AM/BM กองทัพอากาศโปรตุเกสขณะนี้ได้รับการการปรับปรุงมาตรฐานโครงการการบินปฏิบัติการ OFP(Operational Flight Program) S3.25 แล้ว
'เครื่องบินขับไล่ยุคที่ห้า' ที่จะมีตามมาน่าจะเป็นเครื่องบินขับไล่ Lockheed Martin F-35A Lightning II สหรัฐฯ(https://aagth1.blogspot.com/2023/12/f-35a-f-16ambm.html)

แม้ว่าโดยทั่วไปไม่ได้กำหนดชั้นในฐานะ 'เครื่องบินขับไล่ยุคที่ห้า'(เดิมในแง่ทางการตลาด, แต่สิ่งหนึ่งที่จะได้รับการยอมรับตามมาว่าเป็นการแสดงถึงขีดความสามารถต่างๆของการตรวจจับได้ยาก stealth, การหลอมรวมข้อมูล และคุณลักษณะที่ก้าวหน้าอื่นๆ) 
เครื่องบินขับไล่ Dassault Rafale ฝรั่งเศส, เครื่องบินขับไล่ Eurofighter Typhoon ยุโรป, และเครื่องบินขับไล่ Saab Gripen E สวีเดน ทั้งหมดยังได้ถูกนำเสนอในฐานะแนวทางที่เป็นไปได้หลังปลดประจำการเครื่องบินขับไล่ F-16 สำหรับกองทัพอากาศโปรตุเกสครับ

วันอาทิตย์ที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2568

ตุรกีลงนาม MOU กับอังกฤษสำหรับการจัดหาเครื่องบินขับไล่ Eurofighter Typhoon

Türkiye signs MOU with UK for procurement of Eurofighters





The MOU signing between UK Secretary of State for Defence John Healey (left) and Turkish Minister of National Defense Yaşar Güler for the procurement of Eurofighter Typhoon combat aircraft at IDEF 2025. (BAE Systems)

ตุรกีและสหราชอาณาจักรได่ลงนามบันทึกความเข้าใจ(MOU: Memorandum of Understanding) ที่เกี่ยวข้องกับการจัดซื้อจัดจ้างเครื่องบินขับไล่ Eurofighter Typhoon
บันทึกความเข้าใจ MOU ถูกลงนามเมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2025 โดยรัฐมนตรีกลาโหมสหราชอาณาจักร John Healey และรัฐมนตรีกลาโหมตุรกี Yaşar Güler

ณ งานแสดงอุตสาหกรรมป้องกันประเทศนานาชาติ International Defence Industry Fair(IDEF) 2025 ในมหานคร Istanbul ระหว่างวันที่ 22-27 กรกฎาคม 2025
บันทึกความเข้าใจ MOU มีผลให้การอนุมัติการจัดซื้อจัดจ้างที่ถูกประกาศมานานสำหรับกองทัพอากาศตุรกี(TurAF: Turkish Air Force, THK: Türk Hava Kuvvetleri) ก่อนหน้าไปสู่การลงนามสัญญาได้

"BAE Systems รู้สึกยินดีต่อการลงนาม MOU ระหว่างสาธารณรัฐทูร์เคียและรัฐบาลสหราชอาณาจักรเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการจัดซื้อเครื่องบินขับไล่ Eurofighter Typhoon"
บริษัท BAE Systems สหราชอาณาจักรผู้นำการเป็นผู้รับสัญญาภาคอุตสาหกรรมสำหรับสหราชอาณาจักรในโครงการเครื่องบินขับไล่ Eurofighter กล่าว(https://aagth1.blogspot.com/2025/07/eurofighter-typhoon-warton.html)

บริษัท BAE Systems เสริมว่า "ข้อตกลงได้ถูกลงนามในวันนี้โดยรัฐมนตรีกลาโหมตุรกี Yaşar Güler และรัฐมนตรีกลาโหมสหราชอาณาจักร John Healey ณ งาน IDEF 2025 ใน Istanbul"
ขณะที่บันทึกความเข้าใจ MOU ไม่ได้เปิดเผยจำนวนเครื่องบินที่เป็นไปได้ กลุ่มกิจการค้าร่วม Eurofighter ได้กล่าวก่อนหน้านี้ว่าตุรกีกำลังมองที่จะจัดหาเครื่องบินขับไล่ Eurofighter Typhoon จำนวน 40เครื่อง

ด้วย MOU ที่ได้รับการลงนามล่าสุดนี้ สัญญาการจัดหาเครื่องบินขับไล่ Eurofighter Typhoon สำหรับกองทัพอากาศตุรกีคาดว่าจะถูกลงนามในเร็วๆนี้(https://aagth1.blogspot.com/2022/09/eurofighter-typhoon-f-16.html)
กลุ่มกิจการค้าร่วม Eurofighter ยุโรป กล่าวกับJanes และสื่อกลาโหมอื่นๆ ณ งานแสดงการบินนานาชาติ Paris Air Show 2025 ที่มีขึ้นระหว่างวันที่ 16-22 มิถุนายน 2025 ว่า(https://aagth1.blogspot.com/2025/06/eurofighter-typhoon.html)

เครื่องบินขับไล่ Eurofighter Typhoon จะถูกเพิ่มอัตราการผลิตของเพื่อให้รองรับคำสั่งซื้อใหม่ต่างๆที่ขณะที่กำลังมีมาจนถึงการขายในอนาคต ที่คาดว่าจะมีขึ้นในการปะทุของ "ความบ้าคลั่งอย่างที่สุด"(total madness) ของสถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์ปัจจุบัน
เครื่องบินขับไล่ Eurofighter Typhoon มีโรงงานอากาศยานการผลิตและประกอบคือของบริษัท Airbus Defence and Space(DS) ยุโรปที่ Manching เยอรมนี, บริษัท Leonardo อิตาลีที่ Caselle ในอิตาลี, บริษัท Airbus DS ที่ Getafe ในสเปน และบริษัท BAE Systems ใน Warton สหราชอาณาจักรครับ

วันศุกร์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2568

Fincantieri อิตาลีวางข้อเสนอการเปลี่ยนแบบเรือบรรทุกเครื่องบิน Giuseppe Garibaldi เป็นเรือบรรทุกเฮลิคอปเตอร์สำหรับอินโดนีเซีย

Fincantieri lays out proposal to convert Giuseppe Garibaldi into helicopter carrier for Indonesia





Giuseppe Garibaldi (C 551) in Italy. (Italian Navy)

บริษัท Fincantieri อิตาลีผู้สร้างเรือได้วางรายละเอียดข้อเสนอที่จะเปลี่ยนแบบเรือบรรทุกเครื่องบิน C551 ITS Giuseppe Garibaldi ให้เป็นเรือบรรทุกเฮลิคอปเตอร์และอากาศยานไร้คนขับ(UAV: Unmanned Aerial Vehicle) จู่โจม
ที่สามารถตรงความต้องการต่างๆของกองทัพเรืออินโดนีเซีย(Indonesian Navy, TNI-AL: Tentara Nasional Indonesia-Angkatan Laut) ได้(https://aagth1.blogspot.com/2025/03/c551-its-giuseppe-garibaldi.html)

ข้อเสนอซึ่งครอบคลุมสี่ภาคส่วนหลักของงานได้วางเค้าโครงในหลายชุดของการนำเสนอหลายครั้งตลอดสองวันระหว่างวันที่ 15-16 กรกฎาคม 2025 ในนครหลวง Jakatar แหล่งข่าวหลายรายที่ใกล้ชิดกับเรื่องนี้ได้ยืนยันกับ Janes
รายชื่อผู้เข้าร่วมประชุมที่ยังถูกมอบให้กับ Janes บ่งชี้ว่า Marco Guerriero อดีตผู้บังคับการ(CO: Commanding Officer) และNicola Tria อดีตต้นกล(Chief Engineering Officer) ของเรือบรรทุกเครื่องบิน Giuseppe Garibaldi

ทั้งสองนายเป็นส่วนหนึ่งของคณะตัวแทนที่ถูกส่งมาโดย Fincantieri อิตาลีตลอดระยะเวลาสองวัน คณะตัวแทนนี้รวมถึงตัวแทนอาวุโสอีก 7คนจากบริษัทผู้สร้างเรือที่รวมถึงหัวหน้าฝ่ายโครงการซ่อมบำรุงเล็ก(Refit)เรือ Corrado Canepa
เรือบรรทุกเครื่องบิน ITS Giuseppe Garibaldi ความยาวเรือ 180m ได้ถูกขึ้นระวางประจำการโดยกองทัพเรืออิตาลี(Italian Navy, Marina Militare) ในปี 1985 และถูกกำหนดให้จัดเป็นเรือสำรองสงคราม(ปลดประจำการ)ในเดือนตุลาคม 2024

ขณะที่ประจำการในกองทัพเรืออิตาลีเรือบรรทุกเครื่องบิน ITS Giuseppe Garibaldi วางกำลังด้วยเครื่องบินโจมตีบินขึ้นระยะสั้นและลงจอดทางดิ่ง(STOVL: Short Take-Off and Vertical Landing) แบบ Boeing AV-8B Harrier II
(ที่จะถูกแทนที่ด้วยเครื่องบินขับไล่ Lockheed Martin F-35B Lightning II Joint Strike Fighters(JSF)) ในการเพิ่มเติมต่อเฮลิคอปเตอร์ใช้งานทางทะเลหลากหลายแบบผสมกัน(https://aagth1.blogspot.com/2024/07/av-8b-harrier-ii-plus.html)

ในการนำเสนอที่มีขึ้นในนครหลวง Jakatar บริษัท Fincantieri เสนอการให้ความสำคัญสี่ภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับงานการซ่อมบำรุงเล็กที่จะดำเนินการกับเรือบรรทุกเครื่องบิน Giuseppe Garibaldi ในกรณีที่อินโดนีเซียเห็นชอบที่จะจัดหาเรือ 
เอกสารคัดลอกของการนำเสนอได้ถูกมอบให้กับ Janes แล้ว สี่ภาคส่วนที่มุ่งเน้นคือการปรับปรุงขีดความสามารถของเรือบรรทุกเครื่องบิน Giuseppe Garibaldi ให้รองรับการปฏิบัติการหลากหลายรูปแบบ

ตั้งแต่การปฏิบัติการด้วยเฮลิคอปเตอร์, อากาศยานปีกนิ่งเช่นอากาศยานรบไร้คนขับ Bayraktar TB3(UCAV: Unmanned Combat Aerial Vehicle) ตุรกี(https://aagth1.blogspot.com/2024/11/bayraktar-tb3-ucav-tcg-anadolu.html),การปฏิบัติการยกพลขึ้นบก 
และการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและบรรเทาสาธารณภัย(HADR: Humanitarian Assistance and Disaster Relief) และทางการแพทย์ โดยเรืออยู่ในสภาพที่ดีและสามารถประจำการต่อไปได้อีก 15-20ปีเมื่อส่งมอบให้หลังการปรับปรุงเรือตามความต้องการของอินโดนีเซียครับ

วันพฤหัสบดีที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2568

กองทัพบกอิตาลีรับมอบรถถังหลัก Ariete C2 รุ่นปรับปรุงใหม่คันแรก

Update: Italian Army receives first upgraded Ariete C2 MBT







The Italian Army received its first upgraded Ariete C2 MBT at its Cecchignola base on 18 July. (IDV)
https://www.janes.com/osint-insights/defence-news/land/update-italian-army-receives-first-upgraded-ariete-c2-mbt



กองทัพบกอิตาลี(Italian Army, EI: Esercito Italiano) ได้รับมอบรถถังหลัก Ariete C2(command-and-control) MBT(Main Battle Tank) ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ ณ ฐานทัพ Cecchignola เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2025
คณะเสนาธิการกองทัพบกอิตาลี(Army General Staff) และกิจการค้าร่วม Iveco-Oto Melara Consortium(CIO) อิตาลีประกาศภายหลังในวันเดียวกัน(https://aagth1.blogspot.com/2024/07/leonardo-rheinmetall.html)

โครงการเพื่อปรับปรุงรถถังหลัก Ariete MBT จำนวน 90คัน ยังรวมการสนับสนุนการส่งกำลังบำรุง 10ปีสำหรับรถถังหลัก การปรับปรุงได้รวมการเพิ่มพูนในความคล่องแคล่วการเคลื่อนที่, อำนาจการสังหาร และระบบบัญชาการและควบคุม C2
ปริมาตรกระบอกสูบเครื่องยนต์(engine displacement) ของรถถังหลัก Ariete C2, ได้ถูกเพิ่มขึ้น ระบบหัวฉีด common rail injection ควบคุมด้วยไฟฟ้าได้รับการติดตั้ง, และระบบ supercharger ที่ได้รับการปรับปรุง

กำลังขับเครื่องยนต์ได้ถูกเพิ่มขึ้นร้อยละ20 เป็น 1,500hp โดยเป็นสิ่งที่ CIO อิตาลีและกองทัพบกอิตาลีอธิบายว่าเป็น การเพิ่ม "อย่างมีนัยสำคัญ" ในแรงบิดที่ความเร็วรอบต่อนาที(rpm: revolutions per minute) ต่ำ
ทำให้รถถังสามารถทำการดำเนินกลยุทธ์หมุน, ออกตัว และติดเครื่องยนต์ใหม่ได้ น้ำหนักที่เพิ่มของรถถังและกำลังและแรงบิดของเครื่องยนต์ที่เพิ่มขึ้นจำเป็นที่จะต้องมีการปรับปรุงที่สำคัญต่อเครื่องเปลี่ยนความเร็ว(gearbox) และชุดเฟืองท้าย(final drive)

ระบบห้ามล้อ(braking system) เดิมได้ถูกแทนที่ด้วยระบบใหม่ที่ก้าวหน้ากว่าและมีประสิทธิภาพมากกว่าที่ยังแก้ไขปัญหาความล้าสมัยต่างๆที่เกี่ยวข้องกับห่วงโซ่อุปทานจากนอกประเทศ ตามข้อมูลจาก CIO อิตาลี
สายพานของรถถังหลัก Ariete C1 MBT รุ่นก่อนหน้าที่มีความกว้าง 614mm ได้ถูกแทนที่ด้วยสายพานใหม่ที่กว้างกว่าที่ 635mm ในรถถังหลัก Ariete C2 รุ่นปรับปรุงใหม่ เพื่อเพิ่มความคล่องแคล่วการเคลื่อนที่และลดการสั่นสะเทือนต่อพลประจำรถ

การติดตั้งป้อมปืนใหม่มอบความสามารถในการทำงานร่วมกัน, ความแม่นยำ และความปลอดภัยที่มากยิ่งขึ้น ทำให้รถถังหลัก Ariete C2 อยู่ในระดับเดียวกับรถถังหลักยุคล่าสุด(https://aagth1.blogspot.com/2022/06/rheinmetall-kf51-panther-130mm.html)
ระบบผ่อนแรงการบังคับเลี้ยวแบบ hydraulic servo เดิมได้ถูกแทนที่ด้วยระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าที่มีความน่าเชื่อถือและสมรรถนะสูงกว่า และระบบควบคุมการยิง(FCS: Fire-Control System) เดิมได้ถูกแทนที่ด้วยระบบ digital ใหม่

ที่เป็นการนำประสบการณ์จากรถยิงสนับสนุน(FSV: Fire-Support Vehicle) ยานเกราะล้อยางติดปืนใหญ่รถถัง Centauro II 8x8 มาใช้(https://aagth1.blogspot.com/2024/07/centauro-ii-28.html) ด้วยการบูรณาการระบบกล้องเล็ง digital optronic แบบรักษาการทรงตัวติดตั้งด้วยกล้องโทรทัศน์และ infrared รุ่นล่าสุด
ตามข้อมูลจาก Janes Land Warfare Platforms: Armoured Fighting Vehicles กองทัพบกอิตาลีปัจจุบันมีประจำการด้วยรถถังหลัก C1 Ariete จำนวนราว 200คันที่ถูกนำเข้าประจำการตั้งแต่ปี 1990s โดยมีอิตาลีเป็นผู้ใช้งานเพียงรายเดียวครับ