วันอังคารที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564

อากาศยานไร้คนขับเพื่อการลาดตระเวนทางทะเลขึ้นลงทางดิ่งรุ่นใหม่ MARCUS-B กองทัพเรือไทยทดสอบบนเรือหลวงจักรีนฤเบศร












Naval Research & Development Office (NRDO), Royal Thai Navy (RTN) with Thailand companies SIAM DRY TECH COMPOSITE CO., LTD. Pims Technologies was demonstrated MARCUS-B (Maritime Aerial Reconnaissance Craft Unmanned System-B) Vertical Take-Off and Landing (VTOL) UAV (Unmanned Aerial Vehicle) take off and landing on CVH-911 HTMS Chakri Naruebet helicopter carrier.





MARCUS-B ทดสอบบิน ....อากาศยานไร้คนขับเพื่อการลาดตระเวนทางทะเลแบบที่ 2 MARCUS-B ผลงานของ สวพ.ทร. ขณะทดสอบบินขึ้น-ลง บน ร.ล. จักรีนฤเบศร  เมื่อวันที่ 17 พ.ย. 2564 …Cr. สวพ.ทร.

เผยโฉม UAV MARCUS B สร้างในประเทศ โดยคนไทย. เทียบเท่าของต่างประเทศ...ภาพที่เห็นอยู่นี้เป็นอากาศยานไร้คนขับเพื่อการลาดตระเวนทางทะเลที่ชื่อว่า MARCUS B ผลงานล่าสุดของ สำนักงานวิจัยและพัฒนาการทางทหารกองทัพเรือ (สวพ.ทร.) 
โดยร่วมงานกับบริษัท สยาม ดราย เทค จำกัด ในด้านการออกแบบและผลิตโครงสร้างอากาศยานไร้คนขับด้วยวัสดุ Pre-Impregnated หรือ Dry Carbon ที่มีความทนทานแต่มีน้ำหนักเบาพิเศษ และบริษัท พิมส์ เทคโนโลจิส จำกัด  
ในด้านการพัฒนาระบบโปรแกรมควบคุมการปฏิบัติการทางอากาศ หรือ TBACCS (Tactical-Based Aerial Command Control System) ซึ่งนับว่าเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลในการส่งเสริมให้มีการวิจัยและพัฒนาร่วมกับภาคเอกชนของประเทศไทย ผลักดันให้เกิดนวัตกรรมและการพัฒนา 
นายทหารโครงการคือ น.อ. ภาณุพงศ์ ขุมสิน ...MARCUS B พัฒนามาจาก MARCUS รุ่นแรก ที่ได้เปิดตัวครั้งแรกใน พิธีเปิดการฝึก ทร. 64 เมื่อ 12 มี.ค. 2564 โดยใช้เวลาพัฒนาเพียง 6 เดือนเท่านั้น 
...เป้าหมายของการพัฒนา  MARCUS นั้นต้องการตอบสนองต่อความต้องการและข้อจำกัดของการใช้งานทางทะเลเป็นการเฉพาะ โดยกำหนดให้เป็นอากาศยานไร้คนขับแบบปีกนิ่งขึ้นลงทางดิ่ง อาศัยข้อดีของการเป็นอากาศยานไร้คนขับแบบปีกนิ่งที่สามารถเดินทางได้รวดเร็ว 
มีระยะเวลาในการบินได้นาน เหมาะสมต่อการปฏิบัติการทางทะเลที่มีพื้นที่กว้าง แต่ในขณะเดียวกันก็มีข้อดีที่สามารถขึ้นลงในทางดิ่ง เช่นเดียวกับอากาศยานไร้คนขับแบบปีกหมุน จึงทำให้ MARCUS สามารถขึ้นลงได้จากแทบทุกสถานที่ 
มีความสะดวกในการใช้งานและการบำรุงรักษาจากข้อจำกัดที่จะต้องใช้กำลังพลในการปฏิบัติการให้น้อยที่สุด …MARCUS B มีขนาดใหญ่กว่าและน้ำหนักมากกว่า  MARCUS รุ่นแรก มีพื้นที่ปีกเพิ่มเป็น 3  เท่า แต่น้ำหนักขึ้นบินเพิ่มขึ้นเป็น 1.5 เท่า 
โดยมี ความยาวระหว่างปลายปีกซ้ายและขวา 4.3 เมตร  ความยาวระหว่างหัวเครื่องถึงท้ายเครื่อง  2.5 เมตร น้ำหนักขึ้นบินปกติ  45 กก. สามารถบรรทุกน้ำหนักได้กว่า  10 กก. มีแรงยก 40 กก. ที่ความเร็ว 37 นอต ระยะบินไกล 160-180 กม. 
ที่สำคัญคือ บรรทุกแบตเตอรี่ได้สูงสุด 60 Ah ทำให้สามารถบินได้นาน กว่า 2 ชม.  ซึ่งบินได้นานกว่า MARCUS รุ่นแรกถึง 2 เท่า ถึงแม้จะมีการจัดหาชิ้นส่วนจากต่างประเทศ แต่เน้นที่ต้องหาได้ง่าย ถูก ไม่ยึดติดกับ brand หรือประเทศผู้ผลิต 
ซึ่งตลาดจีนเป็นตลาดที่น่าสนใจมาก ดี ถูก มีการแข่งขันสูง มีตัวเลือกมาก ในอนาคตได้เตรียมพัฒนาถึงขั้นสามารถผลิตแผงวงจรควบคุมการบินและการสื่อสาร ที่สามารถผลิต ซื้อได้เองในประเทศด้วย 
....MARCUS B อยู่ระหว่างการทดสอบสมรรถนะขั้นสุดท้าย และจะเข้าสู่สายการผลิตในปีนี้ เพื่อให้กองทัพเรือได้ใช้งานต่อไป...MARCUS-B เหมาะสมต่อการขึ้นลงจากฝั่งหรือเรือใหญ่ เช่น ร.ล. จักรีนฤเบศร และ ร.ล. อ่างทอง เป็นต้น 
 ...การที่ สวพ.ทร. ออกแบบและสร้าง UAV ที่สามารถใช้งานได้จริง และตอบสนองความต้องการของกองทัพเรือ ย่อมแสดงให้เห็นภูมิปัญญาของคนไทย นอกจากนี้ยังมีราคาถูกกว่าการซื้อ UAV จากต่างประเทศ ที่มีขีดความสามารถและคุณลักษณะใกล้เคียงกัน ทำให้ประหยัดงบประมาณและพึ่งพาตนเองได้  ...สำหรับราคาของ  MARCUS B 1 ระบบอยู่ที่ประมาณ 12 ล้านบาทเท่านั้น ...ขอขอบคุณข้อมูลจาก สวพ.ทร.

เชิญพบกับ MARCUS-B ได้ ในงาน มหกรรมงานวิจัยแห่งชาติ 2564 Thailand Research Expo 2021 บูธหมายเลข BL5, Centara Grand ชั้น 22 22-26 พ.ย.64 

อากาศยานไร้คนขับเพื่อการลาดตระเวนทางทะเลแบบที่๒ MARCUS-B โดยสำนักงานวิจัยและพัฒนาการทางทหารกองทัพเรือ สวพ.ทร. ร่วมกับเอกชนไทยคือ บริษัท SDT Composites ผู้ออกแบบและผลิตโครงสร้างอากาศ และบริษัท Pims Technologies ผู้พัฒนาระบบควบคุมการบินและการสื่อสาร เป็นอากาศยานไร้คนขับแบบขึ้นลงทางดิ่งแบบล่าสุดของกองทัพเรือไทย ที่พัฒนาต่อมาจากรุ่นแรก MARCUS ที่มีการทดสอบไปแล้ว(https://aagth1.blogspot.com/2021/02/marcus.html) ซึ่งเป็นการออกแบบพัฒนาและสร้างภายในประเทศไทยด้วยตนเองทั้งหมด
การสาธิตการปฏิบัติการลงจอดบนเรือบรรทุกเฮลิคอปเตอร์ เรือหลวงจักรีนฤเบศร ไปในวีดิทัศน์ที่ปรากฏเมื่อวันที่ ๑๗ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๖๔(2021) ถือเป็นความคืบหน้าการพัฒนาให้ตรงความต้องการผู้ใช้งานมากขึ้น และยังแสดงถึงแนวคิดใหม่ในการใช้ VTOL UAV กับเรือบรรทุกเฮลิคอปเตอร์

แม้ว่าจะมีการเสนอแนวคิดการใช้อากาศยานไร้คนขับ UAV กับ ร.ล.จักรีนฤเบศรบ่อยๆ ซึ่งได้มีการชี้แจงถึงรูปแบบข้อจำกัดของระบบอากาศยานที่สามารถใช้งานบนเรือบรรทุกเฮลิคอปเตอร์ได้หรือไม่ได้มาบ้างแล้วก่อนหน้านี้(https://aagth1.blogspot.com/2019/01/ski-jump-uav.html
เช่นคงไม่ถึงกับแนวคิดของตุรกีที่มองจะใช้อากาศยานรบไร้คนขับ(UCAV: Unmanned Combat Aerial Vehicle) เครื่องยนต์ไอพ่นบนเรืออู่ยกพลขึ้นบกบรรทุกเฮลิคอปเตอร์ชั้น Anadolu ของตนเพื่อทดแทนที่ไม่สามารถจัดหาเครื่องบินขับไล่ Lockheed Martin F-35B Lightning II จากสหรัฐฯได้
ซึ่งก็ไม่แน่ใจว่าตุรกีจะทำได้จริงอย่างที่วาดภาพไว้หรือไม่(https://aagth1.blogspot.com/2021/07/baykar-makina-mius-ucav.html) สำหรับ MARCUS-B UAV ของไทยเองแม้ว่าจะขนาดไม่ใหญ่พอที่จะติดอาวุธหรืออุปกรณ์อะไรได้มากเท่าเฮลิคอปเตอร์ แต่ก็เป็นแนวทางพัฒนาที่เหมาะสมครับ