วันอังคารที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564

กองทัพเรืออินเดียรับมอบเรือพิฆาตชั้น P15B ลำแรก D66 INS Visakhapatnam

MDL Delivers “Visakhapatnam” – First P15B Destroyer to Indian Navy 



The future INS Visakhapatnam during sea trials. Indian Navy picture.



อู่เรือบริษัท Mazagon Dock Shipbuilders Limited(MDL) อินเดียส่งมอบเรือพิฆาตติดอาวุธปล่อยนำวิถีชั้น P15B(Project 15B) ลำแรกแก่กองทัพเรืออินเดีย(IN: Indian Navy) เมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2021 ในนคร Mumbai
เรือพิฆาต D66 INS Visakhapatnam เป็นเรือลำแรกของเรือพิฆาตติดอาวุธปล่อยนำวิถีชั้น Visakhapatnam จากทั้งหมด 4ลำที่ได้รับการสั่งจัดหาสำหรับกองทัพเรืออินเดีย

เรือพิฆาต INS Visakhapatnam ลำแรกของชั้นวางกระดูกงูเรือในเดือนตุลาคม 2013 และปล่อยลงน้ำเมื่อเดือนเมษายน 2015 ตามด้วยลำที่สองเรือพิฆาต D67 INS Mormugao ซึ่งถูกปล่อยลงน้ำในเดือนกันยายน 2016
ลำที่สามเรือพิฆาต D68 INS Imphal ถูกปล่อยลงน้ำในเดือนเมษายน 2019 และลำที่สี่และลำสุดท้ายเรือพิฆาต D69 INS Porbandar คาดว่าจะถูกปล่อยเรือลงน้ำได้ในปี 2022

เรือพิฆาตชั้น Visakhapatnam ทั้ง 4ลำถูกสร้างที่อู่เรือ MDL อินเดีย โดยเรือพิฆาต D66 INS Visakhapatnam มีกำหนดจะเข้าประจำการในเดือนธันวาคม 2021
"การนำเรือพิฆาตเข้าประจำการจะไม่เพียงแต่เพิ่มขยายความพร้อมรบของกองทัพเรืออินเดีย แต่จะยังเป็นก้าวย่างหลักสำคัญมุ่งไปสู่นโยบาย Aatmanirbhar Bharat ของเรา" กองทัพเรืออินเดียกล่าวในแถลงการณ์

นโยบาย Aatmanirbhar Bharat เป็นวิสัยทัศน์ของนายกรัฐมนตรีอินเดีย Narendra Modi ในการทำให้อินเดียเป็นชาติที่พึ่งพาตนเอง
เรือพิฆาตชั้น Project 15B/Visakhapatnam เป็นแบบเรือพิฆาตล่าสุดที่กำลังถูกสร้างสำหรับกองทัพเรืออินเดีย ได้รับการออกแบบภายในประเทศโดยกองออกแบบเรือ(DND: Directorate of Naval Design) กองทัพเรืออินเดียในนครหลวง New Delhi

เรือพิฆาตชั้น Visakhapatnam มีความยาวเรือ 163m กว้าง 17.4 กินน้ำลึก 6.5m และมีระวางขับน้ำ 7,300tonnes ติดตั้งระบบขับเคลื่อนเครื่องยนต์ gas turbine สี่เครื่องสามารถทำความเร็วได้เกิน 30knots
ตามข้อมูลจากกองทัพเรืออินเดีย เรือพิฆาตชั้น P15B ได้นำแนวคิดการออกแบบใหม่มาใช้เพื่อเพิ่มความอยู่รอด, ความคงทนในทะเล, การตรวจจับได้ยาก Stealth และความคล่องแคล่วการเคลื่อนที่

การเพิ่มขยายคุณสมบัติ stealth ได้รับการบรรลุผลผ่านรูปทรงตัวเรือและการติดตั้งดาดฟ้าล่องหนจาก radar ซึ่งทำให้เรือยกที่จะถูกตรวจจับ 
การออกแบบรอบพื้นที่ดาดฟ้าเรือที่ปรากฎเป็นการเปลี่ยนแปลงการออกแบบหลักเปรียบเทียบกับเรือพิฆาตชั้น Kolkata(Project 15A/P15A) ทั้ง 3ลำที่ประจำการก่อนหน้า เรือพิฆาตชั้น P15B สามารถบรรทุกเฮลิคอปเตอร์พหุภารกิจไปเรือได้ 2เครื่อง

เรือพิฆาตชั้น Visakhapatnam ติดตั้งระบบตรวจจับและระบบอาวุธหลายแบบที่ออกแบบมาใช้กับเรือพิฆาตชั้น Kolkata รวมถึง AESA(Active Electronically Scanned Array) radar หลายรูปแบบการทำงานแบบ IAI EL/M-2248 MF-STAR ย่านความถี่ S-band อิสราเอล,
radar ตรวจการณ์อากาศแบบ Thales LW-08 ย่านความถี่ D-band ยุโรป, sonar หัวเรือแบบ Bharat Electronics Limited(BEL) HUMSA-NG อินเดีย ได้ถูกติดตั้งในเรือพิฆาตทั้งสองชั้น

เช่นเดียวกับเรือพิฆาตชั้น Kolkata เรือพิฆาตชั้น Visakhapatnam ติดตั้งอาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่อากาศ Barak 8 ในท่อยิงแนวดิ่ง(VLS: Vertical Launch System) 32นัด(https://aagth1.blogspot.com/2015/11/barak-8.html) และอาวุธปล่อยนำวิถีร่อนพื้นสู่พื้นต่อต้านเรือผิวน้ำโจมตีภาคพื้นดิน BrahMos จำนวน 16นัด(https://aagth1.blogspot.com/2019/08/brahmos.html)
ขณะที่ขั้นต้นเรือพิฆาตชั้น Visakhapatnam มีแผนจะติดปืนเรือ BAE Systems Mark 45 Mod 4 ขนาด 127mm สหรัฐฯ แต่สุดท้ายได้ติดปืนเรือ Leonardo OTO Melara 76mm เช่นเดียวกับเรือพิฆาตชั้น Kolkata ครับ