วันอาทิตย์ที่ 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564

ประวัติศาสตร์เรือดำน้ำแห่งราชนาวี บทที่๑ โดยกองทัพเรือไทย

History of Royal Thai Navy's Submarine - Chapter 1 by Thai Submarines























ประวัติศาสตร์เรือดำน้ำแห่งราชนาวี บทที่ 1
การป้องกันประเทศด้วย “กำลังทางเรือ” แบบตะวันตกเริ่มเห็นความจำเป็นและเห็นภาพที่ชัดขึ้น นับเนื่องจากการรับมือกับภัยของการล่าอาณานิคมในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 จนถึงแนวคิดในการใช้ “เรือดำน้ำ” ในรัชสมัยต่อมา  
แนวคิดที่ปรากฏจากเจ้านายพระองค์สำคัญหลายพระองค์ที่เกี่ยวข้องกับกิจการทหารเรือไทย ตลอดจนบุคคลสำคัญในอดีตที่มีส่วนเกี่ยวข้องในแนวคิดของการมีเรือดำน้ำไว้ประจำการในราชนาวีสยาม ซึ่งได้มีการรวบรวมไว้ดังในบทแรกนี้...เชิญติดตามอ่านได้เลยครับในบทแรกนี้

Facebook Page "เรือดำน้ำไทย Thai Submarines" ที่ถูกสร้างขึ้นเมื่อวันที่ ๑๒ กุมาพันธ์ พ.ศ.๒๕๖๔ เป็นช่องทางประชาสัมพันธ์(PR: Public Relation) ล่าสุดของกองทัพเรือไทย(RTN: Royal Thai Navy) ในการสนับสนุนโครงการจัดหาเรือดำน้ำของตนมีถูกผู้ไม่หวังดีต่อชาติต่อต้านมาตลอดเวลา
ปัจจุบันกองทัพเรือไทยกำลังอยู่ระหว่างการจัดหาเรือดำน้ำแบบ S26T ระยะที่๑ จำนวน ๑ลำจากสาธารณรัฐประชาชนจีน วงเงิน ๑๓,๕๐๐,๐๐๐บาท($410 million) ที่ที่ทำพิธีวางกระดูกงูเรือเมื่อวันที่ ๕ กันยายน พ.ศ.๒๕๖๒(2019)(https://aagth1.blogspot.com/2019/09/s26t.html)

อย่างไรก็สำหรับสำหรับการจัดหาเรือดำน้ำ S26T ระยะที่๒ และระยะที่๓ ลำที่๒ และลำที่๓ อีก ๒ลำวงเงินประมาณ ๒๒,๕๐๐,๐๐๐บาท($688,284,000) ได้ถูกสภาผู้แทนราษฎรที่ลงมติออกเสียงให้ชะลอโครงการในปีงบประมาณ พ.ศ.๒๕๖๔(2021)
การตัดลดงบประมาณกลาโหมที่มีผลจาการแพร่ระบาดของ coronavirus Covid-19 ยังทำให้การพิจารณางบประมาณประจำปี พ.ศ.๒๕๖๕(2022) โครงการจัดหาเรือดำน้ำ S26T ของกองทัพเรือไทยจะถูกชะลอต่อไปอย่างเนื่องด้วย(https://aagth1.blogspot.com/2020/07/covid-19.html)

กองทัพเรือไทยถูกกลุ่มเคลื่อนไหวรณรงค์ต่อต้านการมีเรือดำน้ำทุกรูปแบบที่มีมีความแข็งแกร่งอย่างมากในการโฆษณาชวนด้วยข้อมูลเท็จและหยาบคายให้ประชาชนหลงเชื่อว่า "ไทยมีทะเลเล็กนิดเดียวและไม่มีสงครามกับใคร จึงไม่จำเป็นต้องมีเรือดำน้ำ-เรือรบ ไม่จำเป็นต้องมีทหารเรือ-กองทัพเรือ"
การเรียกร้องให้มีการสอบสวนคดีทุจริตเกี่ยวกับโครงการจัดหาเรือดำน้ำของกองทัพเรือไทยที่ถูกผู้ไม่หวังดีอ้างว่าเพื่อเป็นการคืนภาษีจากประชาชน ๓๖,๐๐๐,๐๐๐บาท ถ้าประสบผลสำเร็จจะทำให้กองทัพเรือไทยอ่อนแอลงอย่างมากเมื่อจะไม่ได้รับมอบเรือดำน้ำลำแรกในปี พ.ศ.๒๕๖๖(2023) ครับ