แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ Military Industry of People's Republic of China แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ Military Industry of People's Republic of China แสดงบทความทั้งหมด

วันศุกร์ที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2568

จีนเปิดตัวขีปนาวุธข้ามทวีป DF-61 ICBM และยานใต้น้ำไร้คนขับขนาดใหญ่มาก AJX002 XLUUV

Chinese military parade highlights rapid progress towards modernisation
IMAGE: The DF-61 ICBM seen at China’s military parade on 3 September. Credit: Greg Baker/AFP via Getty Images 




IMAGE: China’s AJX002 XLUUV will likely be deployed for reconnaissance, minelaying, anti-submarine warfare, and potentially even strike missions. Credit: Janes 





ส่วนหนึ่งของรายงานพิเศษจาก Janes Equipment Intelligence ครอบคลุมเพียงสองระบบจากหลายๆระบบที่กองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน(PLA: People’s Liberation Army) จัดแสดงในพิธีสวนสนามวันชัยชนะสงครามโลกครั้งที่สองครบรอบ 80ปีของสาธารณรัฐประชาชนจีน
เมื่อวันที่ 3 กันยายน 2025 ณ นครหลวง Beijing รายงานเต็มรวมถึงการวิเคราะห์ระบบอาวุธต่างๆและวิทยาการที่หลากหลายตั้งแต่อาวุธปล่อยนำวิถียิงจากเรือดำน้ำ และระบบไร้คนขับต่างๆ จนถึงรถถังและยานเกราะต่างๆ, อาวุธคลื่น microwave และอาวุธพลังงาน Laser ต่างๆ

ขีปนาวุธข้ามทวีป DF-61 ICBM(Intercontinental Ballistic Missile) ปรากฎว่าจะเป็นระบบที่มาแทนที่ขีปนาวุธข้ามทวีป DF-41 ICBM รุ่นก่อนที่ถูกเปิดตัวในพิธีสวนสนามวันชัยชนะสงครามโลกครั้งที่สอง Victory Day 2019
เช่นเดียวกับขีปนาวุธข้ามทวีป DF-41 ขีปนาวุธข้ามทวีป DF-61 เป็นระบบอัตตาจรเคลื่อนที่บนถนนและทำการยิงจากรถฐานแท่นยิงแบบยกตั้งอัตตาจร(TEL: Transporter-Erector-Launcher) แบบ 16ล้อ ตั้งข้อสังเกตุว่ามีจุดประสงค์เพื่อความคล่องแคล่วการเคลื่อนที่และการอำพราง

จากขนาดของระบบขีปนาวุธข้ามทวีป DF-61 ICBM น่าจะติดตั้งหัวรบนิวเคลียร์ได้ถึง 12หัวรบ น่าจะเป็นในรูปแบบหัวรบนิวเคลียร์ย่อยแยกโจมตีหลายเป้าหมายอย่างอิสระ(MIRV: Multiple Independently targetable Re-entry Vehicle)
ขีดความสามารถนี้จะทำให้ขีปนาวุธข้ามทวีป DF-61 ICBM สามารถที่จะโจมตีได้หลายเป้าหมายทั่วทั้งระยะทางที่ห่างกันมาก เป็นการเพิ่มขยายคุณค่าการป้องปรามและความยืดหยุ่นทางยุทธศาสตร์

พิสัยยิงของขีปนาวุธข้ามทวีป DF-61 ถูกประเมินว่าจะอยู่ที่ราวประมาณ 18,000km ซึ่งทำให้มันเป็นหนึ่งในขีปนาวุธข้ามทวีป ICBM ที่มีระยะยิงไกลที่สุดในโลก มีขีดความสามารถในการโจมตีหลายเป้าหมายในภาคพื้นทวีปของสหรัฐฯ
ในทางยุทธศาสตร์ DF-61 มีความเหมาะสมเข้ากับความพยายามที่หลากหลายของจีนที่จะปรับปรุงความทันสมัยและกระจายความเสี่ยงคลังแสงอาวุธนิวเคลียร์ของตน และมอบขีดความสามารถการโจมตีที่สอง(second-strike) ที่แข็งแกร่งมากขึ้น และทางเลือกที่กว้างขึ้นตลอดขั้นบันไดการยกระดับทางนิวเคลียร์

ยานใต้น้ำไร้คนขับขนาดใหญ่มาก AJX002 XLUUV(Extra Large Unmanned Underwater Vehicle) ยังถูกเปิดตัวในพิธีสวนสนามวันชัยชนะสงครามโลกครั้งที่สอง Victory Day 2025
ยานใต้น้ำไร้คนขับขนาดใหญ่มาก AJX002 XLUUV มีความยาวประมาณ 18-20m และมีเส้นผ่าศูนย์กลางที่ 1-1.5m โดยมีรูปทรงคล้าย torpedo และระบบขับเคลื่อนแบบ pumpjet

ตัวถังของยานใต้น้ำไร้คนขับขนาดใหญ่มาก AJX002 XLUUV มีห่วงหิ้วสำหรับการยก บ่งชี้ว่ายานถูกออกแบบสำหรับการวางกำลังด้วย crane แขนยกภาคพื้นดินและเป็นไปได้ว่าใช้มีภารกรรมบรรทุกแบบ modular payload ตั้งข้อสังเกตุว่ามีความยืดหยุ่นการปฏิบัติการและง่ายต่อการบำรุงรักษา
ขณะที่รูปแบบภารกิจที่แท้จริงยังคงไม่ชัดเจน AJX002 XLUUV น่าจะถูกใช้วางกำลังโดยจีนสำหรับภารกิจหลากหลายแบบรวมถึงการลาดตระเวน, การวางทุ่นระเบิดทะเล, สงครามปราบเรือดำน้ำ(ASW: Anti-Submarine Warfare) และอาจจะเป็นไปได้ถึงภารกิจการโจมตี

การออกแบบของยานใต้น้ำไร้คนขับขนาดใหญ่มาก AJX002 XLUUV มีความคล้ายคลึงบางอย่างกับ Torpedo พลังงานนิวเคลียร์ Poseidon ของรัสเซีย แม้ว่ายังไม่มีการยืนยันที่บ่งชี้ว่า AJX002 ของจีนมีระบบขับเคลื่อนนิวเคลียร์เช่นเดียวกัน
ในทางยุทธศาสตร์ ยานใต้น้ำไร้คนขับขนาดใหญ่มาก AJX002 XLUUV เพิ่มชั้น layer ใหม่ของการจัดวางรูปแบบการป้องปรามทางทะเลของจีน โดยการวางกำลังระบบใต้น้ำอัตโนมัติที่มีขีดความสามารถการปฏิบัติภารกิจต่างๆในระยะเวลายาวนาน

จีนสามารถที่จะสร้างความยุ่งยากซับซ้อนแก่การวางแผนทางเรือของสหรัฐฯและชาติพันธมิตรต่างๆในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกได้ ยานใต้น้ำไร้คนขับขนาดใหญ่มาก XLUUV เหล่านี้สามารถปฏิบัติการอย่างตรวจจับได้ยาก stealth ในน่านน้ำที่มีการแข่งขันสูงต่างๆ
ด้วยการลดความเสี่ยงต่อกำลังพล, ดำเนินการปฏิบัติการตรวจการณ์ของเส้นทางขนส่งทางทะเลที่มีความสำคัญยิ่ง หรือเป็นภัยคุกคามต่อทรัพยากรทางเรือที่มีคุณค่าสูงต่างๆครับ

วันจันทร์ที่ 18 สิงหาคม พ.ศ. 2568

Navantia สเปนเป็นผู้ชนะโครงการปรับปรุงขีดความสามารถเรือตรวจการณ์ไกลฝั่งชุดเรือหลวงปัตตานี OPV ทั้ง ๒ลำ








The Royal Thai Navy's Pattani-class Offshore Patrol Vessel (OPV), OPV-511 HTMS Pattani and OPV-512 HTMS Naratiwat. (Royal Thai Navy)
Naval Acquisition Management Office (NAMO), Royal Thai Navy (RTN) issued announcement on winner of bidding for enhanced capabilities to its two Pattani-class OPVs with new Combat Management System (CMS) and related systems for 2,770,790,000 Baht ($85,362,765) on 21 July 2025, is Navantia S.A., S.M.E., a Spanish state-owned shipbuilding company. 

เรื่อง ประกาศผู้ชนะการเสนอราคา ซื้อระบบการรบและระบบอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง สําหรับปรับปรุงขีดความสามารถ เรือตรวจการณ์ไกลฝั่ง ชุด ร.ล.ปัตตานี จํานวน ๒ ลํา โดยวิธีคัดเลือก
ตามที่ กองทัพเรือ ได้มีหนังสือเชิญชวนสําหรับ ซื้อระบบการรบและระบบอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง สําหรับปรับปรุงขีดความสามารถ เรือตรวจการณ์ไกลฝั่ง ชุด ร.ล.ปัตตานี จํานวน ๒ ลํา โดยวิธีคัดเลือก นั้น
อุปกรณ์เกี่ยวกับอาวุธปืนและอาวุธยุทธภัณฑ์ จํานวน ๑ ระบบ ผู้ได้รับการคัดเลือก ได้แก่ บริษัท Navantia S.A. S.M.E. โดยเสนอราคา เป็นเงินทั้งสิ้น ๒,๗๗๐,๗๙๐,๐๐๐.๐๐ บาท (สองพันเจ็ดร้อยเจ็ดสิบล้านเจ็ดแสนเก้าหมื่นบาทถ้วน) รวมภาษีมูลค่าเพิ่มและภาษีอื่น ค่าขนส่ง ค่าจดทะเบียน และค่าใช้จ่ายอื่นๆ ทั้งปวง
ประกาศ ณ วันที่ ๒๑ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๖๘

Website ทางการของกองทัพเรือไทย(RTN: Royal Thai Navy) ในส่วนการเผยแพร่โครงการจัดซื้อจัดจ้างของหน่วยงานได้ออกเอกสารเมื่อวันที่ ๒๑ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๖๘(2025) เรื่องการประกาศผู้ชนะการเสนอราคาโครงการซื้อระบบการรบและระบบอื่นๆที่เกี่ยวข้อง สําหรับปรับปรุงขีดความสามารถเรือตรวจการณ์ไกลฝั่งชุดเรือหลวงปัตตานี จํานวน ๒ลํา โดยวิธีคัดเลือก
เป็นวงเงิน ๒,๗๗๐,๗๙๐,๐๐๐บาท($85,362,765) สำหรับอุปกรณ์เกี่ยวกับอาวุธปืนและอาวุธยุทธภัณฑ์ จํานวน ๑ระบบ ผู้ได้รับการคัดเลือกคือ บริษัท Navantia S.A., S.M.E รัฐวิสาหกิจอุตสาหกรรมการสร้างเรือของสเปน เอกสารประกาศได้ถูกพบในช่วงต้นเดือนสิงหาคม พ.ศ.๒๕๖๘ ถูกระบุว่าถูกนำขึ้นสู่ระบบเมื่อวันที่ ๒๓ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๖๘

นี่เป็นความสำเร็จล่าสุดของบริษัท Navantia สเปนกับกองทัพเรือไทย ต่อจากที่ได้รับการประกาศว่าเป็นผู้ชนะในโครงการซื้อระบบอำนวยการรบ ระบบตรวจการณ์ ระบบควบคุมการยิง ระบบอาวุธ และระบบไยโร พร้อมอุปกรณ์สนับสนุนที่เกี่ยวข้องสำหรับโครงการเพิ่มขีดความสามารถระบบการรบสำหรับการปฏิบัติการทางเรือของเรือยกพลขึ้นบกอู่ลอย เรือหลวงช้าง(ลำที่๓)
โดยวิธีคัดเลือก วงเงิน ๙๐๙,๕๐๐,๐๐๐บาท($27,100,718)(https://aagth1.blogspot.com/2025/02/navantia-type-071et-lpd.html) ซึ่งกองทัพเรือไทยและบริษัท Navantia ได้มีการลงนามสัญญาซื้อขายอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ ๙ เมษายน พ.ศ.๒๕๖๘(https://aagth1.blogspot.com/2025/04/navantia-type-071et-lpd.html)

Navantia สเปนเป็นผู้ชนะเหนือ ๕บริษัทที่ถูกระบุในเอกสารโครงการที่ออกเมื่อวันที่ ๘ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๖๗ ที่กำหนดราคากลาง(ราคาอ้างอิง) จากแหล่งที่มาของราคากลาง(ราคาอ้างอิง) โดยใช้ราคาที่ได้มาจากการสืบราคาจากท้องตลาด จำนวน ๖บริษัท ดังนี้(https://aagth1.blogspot.com/2024/05/opv.html)
๑.บริษัท Leonardo S.p.A อิตาลี, ๒.บริษัท Thales Nedeland B.V. เนเธอร์แลนด์, ๓.บริษัท Navantia S.A. S.M.E. สเปน, ๔.บริษัท ASELSAN ELEKTRONIK SANAYI TICARET A.S. ตุรกี, ๕.บริษัท SAAB AB สวีเดน และ๖.บริษัท Elbit Naval Systems อิสราเอล

เป็นที่เข้าใจว่าระบบอำนวยการรบ(CMS: Combat Management System) ใหม่ที่จะได้รับการติดตั้งบนเรือตรวจการณ์ไกลฝั่งชุดเรือหลวงปัตตานีทั้ง ๒ลำคือ ร.ล.ปัตตานี และเรือหลวงนราธิวาส นั้นจะเป็นระบบอำนวยการรบ(CMS: Combat Management System) แบบ CATIZ และระบบควบคุมการยิง(FCS: Fire Control System) แบบ DORNA เช่นเดียวกับการปรับปรุงเรือยกพลขึ้นบกอู่ลอย รล.ช้าง(ลำที่๓)
โดยระบบอำนวยการรบ CATIZ CMS และระบบควบคุมการยิง DORNA FCS ของ Navantia สเปนจะถูกนำมาแทนที่ระบบอำนวยการรบ Atlas Elektronik COSYS และระบบควบคุมการยิง Rheinmetall TMX/EO เยอรมนีที่ เรือตรวจการณ์ไกลฝั่งชุด ร.ล.ปัตตานี ทั้งสองลำติดตั้งไว้อยู่เดิม

นี่ยังอาจจะรวมถึงแท่นยิงปืนเรือ Naval Remote Controlled Weapon Station(RCWS) แบบ SENTINEL 30 ขนาด 30mm จำนวน ๒แท่นยิง ของบริษัท EM&E Group สเปนเช่นเดียวกับที่จะติดตั้งบนเรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่งชุดเรือ ต.997 สองลำคือ เรือ ต.997 และเรือ ต.998 และเรือยกพลขึ้นบกอู่ลอย รล.ช้าง(ลำที่๓)(https://aagth1.blogspot.com/2025/02/em-sentinel-30-997.html)
ซึ่งจะแทนที่ปืนกล Denel Land Systems GI-2 ขนาด 20mm จำนวน ๒แท่นยิงแบบควบคุมด้วยมือ manual ที่ติดตั้งบนเรือตรวจการณ์ไกลฝั่งชุด ร.ล.ปัตตานี ทั้งสองลำไว้อยู่เดิม โดยระบบอาวุธอื่นๆที่มีบนเรืออยู่แล้วยังรวมถึงปืนเรือ Oto Melara 76/62 จำนวน ๑แท่นยิง แต่ยังไม่ชัดเช่นในขณะนี้ว่าการปรับปรุงขีดความสามารถจะรวมการติดตั้งอาวุธปล่อยนำวิถีต่อต้านเรือผิวน้ำ(ASM: Anti-Ship Missile) ด้วยหรือไม่

กองทัพเรือไทยได้สั่งจัดหาเรือตรวจการณ์ไกลฝั่งชุดเรือหลวงปัตตานี จำนวน ๒ลำซึ่งเป็นเรือประเภทเรือตรวจการณ์ไกลฝั่งแบบแรกของกองทัพเรือไทย สร้างโดยอู่เรือ Hudong-Zhonghua Shipbuilding Group(HZ) ในมหานคร Shanghai สาธารณรัฐประชาชนจีน ร.ล.ปัตตานี และ ร.ล.นราธิวาส ถูกวางกระดูกงูเรือในปี พ.ศ.๒๕๔๖(2003) และ พ.ศ.๒๕๔๗(2004) ตามลำดับ
ร.ล.ปัตตานี และ ร.ล.นราธิวาส ถูกขึ้นระวางประจำการใน กองเรือตรวจอ่าว กตอ.(PS: Patrol Squadron) กองเรือยุทธการ กร.(RTF: Royal Thai Fleet) เมื่อวันที่ ๗ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๔๘(2005) และเมื่อวันที่ ๑๖ เมษายน พ.ศ.๒๕๔๙(2006) ตามลำดับ โดยจีนได้ส่งมอบเรือเดินทางมาถึงไทยโดยที่ไม่ติดตั้งระบบการรบและอาวุธใดๆ ซึ่งกองทัพเรือไทยได้ทำการติดตั้งระบบจากตะวันตกต่างๆแก่เรือในไทย

เรือตรวจการณ์ไกลฝั่งชุดเรือหลวงปัตตานีมีระวางขับน้ำเต็มที่ประมาณ 1,400tonnes และมีความยาวเรือรวมที่ 95.5m ความกว้างเรือรวมที่ 11.6m และกินน้ำลึกที่ 3.3m ติดตั้งระบบขับเคลื่อนเครื่องยนต์ดีเซลแบบ MAN RUSTON 16 RK270 สองเครื่องขับเพลาใบจักรแบบปรับมุมได้ สามารถทำความเร็วได้สูงสุดที่ 25knots และมีระยะปฏิบัติการปกติที่ราว 3,500nmi ที่ความเร็วมัธยัสถ์ 15knots 
มีลานจอดและโรงเก็บอากาศยานรองรับเฮลิคอปเตอร์ขนาดเบาเช่น เฮลิคอปเตอร์ต่อต้านเรือผิวน้ำแบบที่๑ ฮ.ตผ.๑ Super Lynx 300, เฮลิคอปเตอร์ลำเลียงแบบที่๔ ฮ.ลล.๔ Sikorsky S-76B หรือ เฮลิคอปเตอร์ลำเลียงแบบที่๖ ฮ.ลล.๖ Airbus Helicopters H145M ขณะนี้ ร.ล.ปัตตานี และ ร.ล.นราธิวาส ถูกวางกำลังในอ่าวไทยในกองทัพเรือภาคที่๑ ทรภ.๑(1st NAC: First Naval Area Command) และกองทัพเรือภาคที่๒ ทรภ.๒(2nd NAC: Second Naval Area Command) ครับ

วันอาทิตย์ที่ 17 สิงหาคม พ.ศ. 2568

ปากีสถานทำพิธีปล่อยเรือลงน้ำเรือดำน้ำชั้น Hangor ลำที่สาม PNS Mangro ที่จีน

Pakistan Navy’s third Hangor-class submarine launched in China



Pakistan Navy picture from the launching ceremony of the 3rd Hangor-class submarine



เมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2025 กองทัพเรือปากีสถาน(PN: Pakistan Navy) ได้ประกาศการทำพิธีปล่อยเรือลงน้ำของเรือดำน้ำชั้น Hangor ลำที่สาม เรือดำน้ำ PNS Mangro ที่เข้าประจำการในอนาคต
พิธีปล่อยเรือลงน้ำของเรือดำน้ำ PNS/M Mangro (Desig) ถูกจัดขึ้น ณ อู่เรือ Wuchang Shipbuilding Industry Group Company Ltd(WSIG) ใน Shuangliu นคร Wuhan สาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2025

รองหัวหน้าคณะเสนาธิการโครงการ-2 กองทัพเรือปากีสถาน พลเรือโท Abdul Samad ได้รับเกียรติเป็นประธานแขกผู้มีเกียรติที่ร่วมงาน ขณะกล่าวสุนทรพจน์ในพิธีเขาเน้นย้ำความสำคัญของความมั่นคงทางทะเลท่ามกลางพลวัตเชิงภูมิยุทธศาสตร์ในปัจจุบันของภูมิภาคเอเชียใต้
เขายืนยันอีกครั้งว่ากองทัพเรือปากีสถานยังคงมุ่งมั่นอย่างเต็มที่ที่จะปกป้องผลประโยชน์ของชาติขณะที่ส่งเสริมความมั่นคงและความร่วมมือสภาพแวดล้อมทางทะเล การอ้างอิงถึงเรือดำน้ำชั้น Hangor เขาเน้นย้ำว่าด้วยอาวุธอันล้ำยุคและระบบตรวจจับขั้นก้าวหน้าของเรือเหล่านี้จะเป็นเครื่องมือในการดำรงสมดุลอำนาจในภูมิภาคแลสร้างความมั่นใจความมีเสถียรภาพทางทะเล

ขอชื่นชมต่อการอุทิศการทำงานของ China Shipbuilding & Offshore International Company Ltd(CSOC) กิจการการค้าและส่งออกของ China State Shipbuilding Corporation(CSSC)  กลุ่มรัฐวิสาหกิจผู้สร้างเรือของสาธารณรัฐประชาชนจีน 
พลเรือโท Abdul Samad แสดงความพอใจต่อความคืบหน้าอย่างมั่นคงของโครงการ และได้แสดงความเห็นว่าโครงการเรือดำน้ำชั้น Hangor จะนำมาซึ่งมิติใหม่เพื่อสร้างความั่นใจต่อความเป็นหุ้นส่วนที่สืบเนื่องกันมายาวนานระหว่างปากีสถานและจีน

รัฐบาลปากีสถานได้ลงนามข้อตกลงกับ CSOC จีนที่จะจัดหาเรือดำน้ำชั้น Hangor จำนวน 8ลำ ภายใต้สัญญาเรือดำน้ำชั้น Hangor จำนวน 4ลำแรกกำลังได้รับการสร้างในจีน(https://aagth1.blogspot.com/2024/07/s26t-type-052d.html, https://aagth1.blogspot.com/2024/07/s26t.html)
ขณะที่เรือดำน้ำชั้น Hangor จำนวน 4ลำหลังจะถูกสร้างในปากีสถาน ณ อู่เรือ Karachi Shipyard & Engineering Works Ltd(KS&EW) ภายใต้การถ่ายทอดวิทยาการ(ToT: Transfer of Technology)(https://aagth1.blogspot.com/2024/02/hangor.html

พิธีปล่อยเรือลงน้ำของเรือดำน้ำชั้น Hangor ลำที่สาม เรือดำน้ำ PNS Mangro ได้เชิญเจ้าหน้าที่ระดับสูงต่างๆจากปากีสถานและจีนรวมถึงตัวแทนจากอู่เรือ Wuchang จีน และ CSOC จีน(https://aagth1.blogspot.com/2025/06/type-039a-3.html)
เรือดำน้ำชั้น Hangor กองทัพเรือปากีสถานเป็นรุ่นส่งออกของเรือดำน้ำชั้น Type 039B(NATO กำหนดรหัสชั้น Yuan) ที่ประจำการในกองทัพเรือปลดปล่อยประชาชนจีน(PLAN: People’s Liberation Army Navy) ปากีสถานยอมรับการจัดซื้อเรือดำน้ำ 8ลำจากจีนในเดือนเมษายน 2015 

ตามข้อตกลงเรือดำน้ำ 4ลำหลังจะถูกสร้างในอู่เรือ KS&EW ปากีสถาน ในเวลาเดียวกับที่เรือดำน้ำ 4ลำแรกจะถูกสร้างในจีน แผนเริ่มแรกจะมีการส่งมอบเรือดำน้ำชั้น Hangor จำนวน 8ลำระหว่างปี 2022-2028 หัวหน้าผู้อำนวยการของโครงการเปิดเผยในเดือนสิงหาคม 2016 ว่าเรือดำน้ำ 4ลำแรกจะถูกส่งมอบในช่วงปี 2022-2023 โดยเรือ 4ลำสุดท้ายจะส่งมอบตามมาในปี 2028 
แต่ดูเหมือนว่าโครงการจะดำเนินการล่าช้าไปสักเล็กน้อยตามที่เรือดำน้ำชั้น Hangor ลำแรก เรือดำน้ำ PNS Hangor ถูกปล่อยลงน้ำในเดือนเมษายน 2024(https://aagth1.blogspot.com/2024/04/hangor.html) และลำที่สอง เรือดำน้ำ PNS Shushuk ถูกปล่อยลงน้ำเมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2025(https://aagth1.blogspot.com/2025/03/hangor-pns-shushuk.html)

กองทัพเรือปากีสถานไม่ได้ให้รายละเอียดใดๆเกี่ยวกับระบบย่อยหรือระบบอาวุธเฉพาะของเรือดำน้ำชั้น Hangor ระบบขับเคลื่อนแบบไม่ใช้อากาศ(AIP: Air Independent Propulsion) แบบวัฏจักร Stirling ถูกใช้ในแบบเรือดำน้ำ S26T ของ CSOC จีน ซึ่งผู้เชี่ยวชาญหลายรายสันนิษฐานว่าเรือดำน้ำชั้น Hangor มีพื้นฐานมา 
แต่ทางการปากีสถานไม่ได้เปิดเผยต่อสาธารณะเกี่ยวกับระบบขับเคลื่อนของเรือดำน้ำชั้น Hangor ตามข้อมูลจาก blog ด้านความมั่นคงของปากีสถาน Quwa เรือดำน้ำชั้น Hangor มีความยาวเรือ 76m และมีระวางขับน้ำที่ 2800tons ทำให้เรือมีขนาดสั้นกว่าเล็กน้อย และมีระวางขับน้ำหนักกว่าแบบเรือดำน้ำ S26T เดิม(https://aagth1.blogspot.com/2025/08/chd620-s26t.html)

ปัจจุบันกองทัพเรือปากีสถานมีประจำการด้วยเรือดำน้ำโจมตีดีเซล-ไฟฟ้าชั้น Khalid(Agosta 90B) ทีมีระบบ AIP จำนวน 3ลำ(https://aagth1.blogspot.com/2023/01/khalid.html) และเรือดำน้ำโจมตีดีเซล-ไฟฟ้าชั้น Hashmat(Agosta 70) จำนวน 2ลำ เรือดำน้ำแบบ Agosta 90B 3ลำได้รับการปรับปรุงครึ่งอายุภายใต้สัญญาที่ลงนามในปี 2016 กับบริษัท STM ตุรกี
ในฐานะผู้รับสัญญาหลัก STM ได้ส่งมอบเรือลำแรกที่ได้รับการปรับปรุงแล้วเรือดำน้ำ S139 PNS Hamza ในปี 2020 ขอบเขตของการปรับปรุงความทันสมัยของเรือดำน้ำคือการเปลี่ยนระบบควบคุมการยิง(FCS: Fire Control System), ชุด Sonar, ระบบสงคราม electronic(EWS: Electronic Warfare System), Radar และระบบกล้องตาเรือ(นำร่องและโจมตี)

เรือดำน้ำชั้น Hangor ทั้ง 8ลำจะสร้างความแข็งแกร่งอย่างมีนัยสำคัญแก่กองทัพเรือปากีสถาน ปากีสถานน่าจะที่จะเพิ่มขีดความสามารถต่อต้านการเข้าถึง/ปฏิเสธการใช้พื้นที่(A2/AD: Anti-Access/Area Denial) ในภูมิภาคหลังโครงการเสร็จสมบูรณ์
ตามที่ยังไม่มีการยืนยันเป็นทางการว่าเรือมีระบบอาวุธอะไรบ้าง เป็นที่ชัดเจนว่าปากีสถานจะได้รับขีดความสามารถการโจมตีทางลึกถ้าเรือดำน้ำชั้น Hangor ได้รับการติดตั้งอาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่พื้นร่อนยิงจากเรือดำน้ำ Babur-3 (SLCM: Submarine-Launched Cruise Missile) ครับ

วันจันทร์ที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2568

คณะรัฐมนตรีไทยอนุมัติการแก้ไขสัญญาเครื่องยนต์ขับเครื่องกำเนิดไฟฟ้า CHD620 สำหรับเรือดำน้ำ S26T กองทัพเรือไทย
















Thailand's Cabinet approved to amend government-to-government (G-to-G) contract on CHD620V16H6 diesel generator engine for Royal Thai Navy (RTN) S26T Submarine programme on 5 August 2025.
The presentation video realesed on RTN's official social media account also seen new photos of testing Chinese Henan Diesel Engine Co., Ltd (HND) CHD620V16H6 diesel generator engine for 8 of Pakistan Navy (PN) Hangor-class and one RTN S26T Submarine. (Royal Thai Navy)



กองทัพเรือ เดินหน้าโครงการจัดหาเรือดำน้ำเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงและรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลของประเทศ
กองทัพเรือ ขอขอบคุณคณะรัฐมนตรีที่ได้มีมติเห็นชอบ ให้แก้ไขข้อตกลงฯเปลี่ยนเครื่องยนต์ขับเครื่องกำเนิดไฟฟ้าและขยายระยะเวลาการส่งมอบเรือดำน้ำ ซึ่งทำให้กองทัพเรือสามารถเดินหน้าโครงการจัดหาเรือดำน้ำได้ และจะทำให้กองทัพเรือมีขีดความสามารถของกำลังทางเรือที่ครบสมบูรณ์ทั้งมิติผิวน้ำ มิติเหนือน้ำ และมิติใต้น้ำ 
รวมทั้งจะเป็นการเสริมสร้างขีดความสามารถด้านความมั่นคงและรักษาผลประโยชน์ทางทะเลของประเทศเพิ่มมากขึ้นด้วย ทั้งนี้การดำเนินการแก้ไขข้อตกลงฯ เป็นไปด้วยความรอบคอบ โปร่งใส ภายใต้กรอบกฎหมายโดยผ่านการพิจารณาจากหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องตามขั้นตอน จนสามารถเสนอขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรี
กองทัพเรือขอยืนยันว่า นโยบายควบคุมการส่งออกอาวุธยุทโธปกรณ์ (Embargo Policy)ของสหภาพยุโรป ที่ได้ประกาศนั้นเกิดขึ้น ในปี พ.ศ.2562 ซึ่งเกิดขึ้นภายหลังจากการลงนามในข้อตกลงจ้างสร้างเรือดำน้ำ ซึ่งมีผลเมื่อปี 2560 ดังนั้น จึงมีความจำเป็นต้องแก้ไขข้อตกลงฯ และการแก้ไขข้อตกลงฯ ครั้งนี้ ยังได้รับการสนับสนุนเพิ่มเติมต่าง ๆ 
ได้แก่ การขยายระยะเวลาการรับประกันและอะไหล่ การฝึกอบรมกำลังพล และสนับสนุนอาวุธยุทโธปกรณ์ รวมถึงการสนับสนุนเครื่องฝึกจำลองควบคุมเรือดำน้ำ (Simulator) เพื่อเป็นการเสริมสร้างประสิทธิภาพและความพร้อมของเรือดำน้ำอย่างยั่งยืน รวมทั้งประหยัดค่าใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงเรือดำน้ำในอนาคต
​สำหรับเครื่องยนต์ขับเครื่องกำเนิดไฟฟ้าที่จะใช้กับเรือดำน้ำ ได้รับการตรวจทดสอบทดลองคุณภาพแล้ว มีขีดสมรรถนะและความปลอดภัยเทียบเท่าหรือดีกว่ารุ่นเดิม และได้รับการรับรองจากสถาบันจัดชั้นเรือระดับโลก คือ Lloyd’s Register สหราชอาณาจักร รวมทั้งได้มีการใช้งานจริงในเรือดำน้ำของประเทศคู่สัญญารายอื่นซึ่งเป็นแบบเดียวกับที่กองทัพเรือจัดหา  
ขอให้พี่น้องประชาชนจงเชื่อมั่นว่า กองทัพเรือพร้อมที่จะใช้งานอาวุธ ยุทโธปกรณ์ ให้คุ้มค่ามากที่สุด เพื่อปกป้องเอกราช อธิปไตยและผลประโยชน์ของชาติทางทะเล รวมทั้งช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในทุกสถานการณ์

การประชุมคณะรัฐมนตรีไทยที่มีขึ้นทุกวันอังคารของสัปดาห์เมื่อวันที่ ๕ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๖๘(2025) ได้มีการเห็นชอบการอนุมัติโครงการทางกลาโหมหลายโครงการ ในส่วนของกองทัพเรือไทย(RTN: Royal Thai Navy) รวมถึงการอนุมัติงบประมาณวงเงินราว ๑๗,๕๐๐,๐๐๐,๐๐๐บาท($533,617,930) สำหรับโครงการจัดหาเรือฟริเกตใหม่ระยะที่๑ จำนวน ๑ลำจาก ๒ลำที่จะสร้างในไทยในปีงบประมาณ พ.ศ.๒๕๖๙(2026)
และการเห็นชอบการแก้ไขสัญญาแบบรัฐบาลต่อรัฐบาล(G-to-G: government-to-government) สำหรับโครงการเรือดำน้ำ S26T จีน หลังจากที่กระทรวงกลาโหมไทยได้ให้ความเห็นชอบในการแก้ไขสัญญาก่อนหน้าในปลายเดือนมิถุนายน พ.ศ.๒๕๖๘ ก่อนจะมีการปรับคณะรัฐมนตรีใหม่ในเดือนกรกฎาคม พ.ศ.๒๕๖๘ ซึ่งเป็นความคืบหน้าที่สำคัญของโครงการที่ล่าช้าและยืดเยื้อมายาวนาน

กองทัพเรือไทยได้เผยแพร่วีดิทัศน์ประชาสัมพันธ์การชี้แจงรายละเอียดการแก้ไขสัญญาแบบรัฐต่อรัฐเพื่อเดินหน้าโครงการจัดหาเรือดำน้ำ S26T จีนตามมาทางช่องทางสื่อสังคม online ของตน โดยสาระสำคัญคือการแก้ไขข้อตกลงในการเปลี่ยนไปใช้เครื่องยนต์ขับเครื่องกำเนิดไฟฟ้า CHD620V16H6 ที่พัฒนาโดยบริษัท Henan Diesel Engine Co., Ltd(HND) ผู้พัฒนาผลิตเครื่องยนต์ดีเซลสำหรับใช้งานทางเรือของจีน
ทดแทนเครื่องยนต์ขับเครื่องกำเนิดไฟฟ้า MTU 16V396SE84-GB31L สำหรับเรือดำน้ำจากเยอรมนี ซึ่งเยอรมนีได้ปฏิเสธที่จะส่งออกให้จีนตามการเพิ่มความเข้มงวดมาตรการคว่ำบาตรทางทหารต่อจีนของสหภาพยุโรป(EU: European Union) ในปี พ.ศ.๒๕๖๒(2019) และบริษัท MTU เยอรมนีได้ปิดสายการผลิตเครื่องยนต์ตระกูล MTU 396 ในปี พ.ศ.๒๕๖๓(2020)(https://aagth1.blogspot.com/2023/08/chd620v16h6.html

วีดิทัศน์ยังได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติมใหม่ๆเกี่ยวกับความคืบหน้าของโครงการจัดหาเรือดำน้ำ S26T ระยะที่๑ หนึ่งลำแรกที่ลงนามสัญญาเมื่อวันที่ ๕ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๖๐(2017) และทำพิธีวางกระดูกงูเรือลำแรกเมื่อวันที่ ๕ กันยายน พ.ศ.๒๕๖๒(2019)(https://aagth1.blogspot.com/2019/09/s26t.html) ณ อู่เรือ Wuchang Shipbuilding Industry Group Company Ltd(WSIG) ในนคร Wuhan สาธารณรัฐประชาชนจีน
ว่าขณะนี้เรือดำน้ำ S26T สำหรับกองทัพเรือไทยมีสถานะการสร้างตัวเรือล่าสุดอยู่ที่ร้อยละ๖๔ ซึ่งจนถึงขณะนี้ได้มีการชำระเงินไปแล้วประมาณ ๗,๗๒๔,๑๔๐,๕๒๒บาท($238,915,622) หรือร้อยละ๖๓ เหลือที่ต้องชำระอีก ๕,๕๔๐,๘๕๙,๔๗๘บาท($171,384,490) หรือร้อยละ๓๗ การแก้ไขสัญญายังจะยืดระยะเวลาการส่งมอบเรือออกไปอีก ๑,๒๑๗วัน ซึ่งในทางปฏิบัติอาจจะสามารถร่นระยะเวลาในสั้นกว่านี้ได้

ภาพประกอบในวีดิทัศน์ยังได้แสดงให้เห็นถึงการตรวจทดสอบทดลองคุณภาพของเครื่องยนต์ขับเครื่องกำเนิดไฟฟ้า CHD620V16H6 ที่จีนเป็นเวลามากกว่า ๖,๐๐๐ชั่วโมงภายใต้มาตรฐานทางทหารแห่งชาติ(National Military Standard) หรือมาตรฐาน GJB(Guo-jia Jun-yong) ของจีน และได้รับการรับรองจากสถาบันจัดชั้นเรือ Lloyd’s Register สหราชอาณาจักรในปี 2020-2025 
เรือดำน้ำ S26T ของไทยจะติดตั้งเครื่องยนต์ CHD620 จำนวน ๓เครื่องในแต่ละลำเช่นเดียวกับเรือดำน้ำชั้น Hangor ทั้ง ๘ลำของกองทัพเรือปากีสถาน(PN: Pakistan Navy) ที่ ๔ลำแรกต่อในจีน และ ๔ลำหลังที่อู่เรือ Karachi ในปากีสถานและมีการทดสอบเครื่องยนต์เพิ่มเป็นเวลา ๑,๑๐๐ชั่วโมงหรือ ๕ปีรวมใช้เครื่องยนต์ ๒๔เครื่อง โดยติดตั้งเครื่องยนต์ในเรือดำน้ำไปแล้ว ๓ลำ(https://aagth1.blogspot.com/2025/03/hangor-pns-shushuk.html)

วีดิทัศน์ยังกล่าวว่ากองทัพเรือไทยได้รับข้อเสนอจาก China Shipbuilding & Offshore International Company(CSOC) กิจการการค้าและส่งออกของ China State Shipbuilding Corporation(CSSC)  กลุ่มรัฐวิสาหกิจผู้สร้างเรือจีน และกระทรวงกลาโหมจีนในการให้ความช่วยเหลือเพิ่มเติมในกรอบวงเงินรวมประมาณ ๘๐๐,๐๐๐,๐๐๐บาท($24,744,824) เพื่อชดเชยความล่าช้าที่รวมถึง
๑.การขยายระยะเวลาการรับประกันเครื่อง อะไหล่ และการสนับสนุนด้านเจ้าหน้าที่ซ่อมบำรุงจาก ๒ปีเป็น ๘ปี พร้อมการฝึกอบรมด้านการซ่อมบำรุงเป็นวงเงินราว ๗๕,๐๐๐,๐๐๐บาท($2,319,827) ๒.การมอบยุทโธปกรณ์ที่กองทัพเรือไทยต้องจัดหาในอนาคตรวมวงเงินราว ๑๒๕,๐๐๐,๐๐๐บาท($3,866,379) ๓.สนับสนุนเครื่องฝึกจำลองการควบคุมเรือดำน้ำ(simulator) พร้อมยุทโธปกรณ์อื่นๆรวมวงเงินราว ๖๐๐,๐๐๐,๐๐๐บาท($18,558,618)

กองทัพเรือไทยไม่ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับระบบอาวุธยุทโธปกรณ์ที่จะได้รับการจัดหาผ่านข้อเสนอความช่วยเหลือนี้ แต่มีการพูดคุยในสื่อสังคม online ของจีนว่าน่าจะรวมถึง Torpedo หนักขนาด 533mm ยิงจากเรือดำน้ำรุ่นส่งออกแบบ ET-39 หรือ ET-40 หรือรุ่นส่งออกของ Torpedo หนักแบบ Yu-10 แบบล่าสุดของกองทัพเรือปลดปล่อยประชาชนจีน(PLAN: People's Liberation Army Navy) ที่เข้าประจำการในปี 2015
โดยเพิ่งจะมีการทดสอบยิงจริงของ torpedo แบบ Yu-10 จากเรือดำน้ำชั้น Type 039B(NATO กำหนดรหัสชั้น Yuan) ที่เป็นพื้นฐานของเรือดำน้ำ S26T ไทยและเรือดำน้ำชั้น Hangor ปากีสถานเมื่อวันที่ ๑๙ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๖๘ แต่ข้อมูลอีกด้านเชื่อว่าจะเป็น torpedo หนักแบบ ET38 ซึ่งเป็นรุ่นส่งออกที่มีพื้นฐานจาก torpedo หนักแบบ Yu-6 รุ่นเก่ากว่า ในจำนวนอย่างน้อยมากกว่า ๔นัด

โดย Torpedo หนักรุ่นส่งออกที่จะยิงจากเรือดำน้ำเหล่ามีคุณสมบัติเบื้องต้นนำวิถีผ่านเส้นลวด(wire guided), เสียงเชิงรับและเชิงรุก และพลิ้วคลื่น(wake homing) ทำความเร็วได้มากกว่า 50knots และมีระยะยิงไม่น้อยกว่า 50km ซึ่งสามารถโจมตีได้เป้าหมายเรือผิวน้ำและเรือดำน้ำที่กำลังเคลื่อนที่ ระบบอาวุธอื่นๆยังน่าจะรวมถึงทุ่นระเบิดทะเลแบบ Smart Sea Mine ที่ปล่อยจากท่อยิง torpedo ของเรือดำน้ำ
และอาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่พื้นยิงจากท่อยิง torpedo ของเรือดำน้ำขณะดำใต้น้ำแบบ CM-708UNB จำนวนมากกว่า ๖นัด ที่เป็นรุ่นส่งออกของอาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่พื้นต่อต้านเรือผิวน้ำตระกูล YJ-82/YJ-83 ซึ่งมีระยะยิงไกลถึง 290km และโจมตีได้ทั้งเป้าหมายเรือผิวน้ำและเป้านิ่งบนชายฝั่ง อย่างไรก็ตามมีข้อสังเกตว่าวงเงินที่ระบุในข้างต้นน้อยเกินไปที่จะจัดหา Torpedo และอาวุธปล่อยนำวิถีได้ในจำนวนที่กล่าวมานี้ครับ

วันศุกร์ที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2568

ปากีสถานนำเฮลิคอปเตอร์โจมตี Z-10ME จีนเครื่องแรกเข้าประจำการ

Pakistan inducts first Z-10ME helicopter into service





The Changhe Z-10ME attack helicopter can be armed with a variety of air-launched munitions. The Pakistan Army has inducted its first Z-10ME attack helicopter. (Directorate of the Inter-Services Public Relations)



กองทัพบกปากีสถาน(PA: Pakistan Army) ได้นำเฮลิคอปเตอร์โจมตี Changhe Z-10ME จีนเครื่องแรกของตนเข้าประจำการแล้ว(https://aagth1.blogspot.com/2024/08/z-10.html
เพื่อเสริมกำลัง "การตอบสนองสนามรบบูรณาการ" ของตน กรมการประชาสัมพันธ์ระหว่างเหล่าทัพ(ISPR: Directorate of the Inter-Services Public Relations) กองทัพปากีสถาน(Pakistan Armed Forces) ได้ประกาศ

เฮลิคอปเตอร์โจมตี Z-10ME ได้ถูกนำเข้าประจำการในกองทัพบกปากีสถานระหว่างการเยือนของผู้บัญชาการกองทัพบกปากีสถาน(COAS: Chief of Army Staff) จอมพล Syed Asim Munir
ณ ค่าย Multan Garrison ทางตอนกลางของปากีสถาน กรมการประชาสัมพันธ์ระหว่างเหล่าทัพ ISPR กองทัพปากีสถานกล่าวเมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2025(https://aagth1.blogspot.com/2024/02/z-10me.html)

ค่าย Multan เป็นที่ตั้งของกองพลน้อยยานเกราะและกองพันบินเฮลิคอปเตอร์โจมตีหลายหน่วยของกองทัพบกปากีสถาน ตามข้อมูลจากกรมการประชาสัมพันธ์ระหว่างเหล่าทัพ ISPR กองทัพปากีสถาน
สื่อของปากีสถาน และฝ่ายประชาสัมพันธ์ของกองทัพปากีสถาน เฮลิคอปเตอร์โจมตี Z-10ME จะปรับปรุงความทันสมัยของกองการบินกองทัพบกปากีสถาน(AVN: Pakistan Army Corps of Aviation)

ขณะที่เพิ่มขยายขีดความสามารถของกองทัพบกปากีสถานที่จะดำเนินการตอบโต้แบบบูรณาการในสนามรบ เฮลิคอปเตอร์โจมตี Z-10ME จะเสริมกำลังกองทัพบกปากีสถานด้วย(https://aagth1.blogspot.com/2020/08/z-10.html)
"ขีดความสามารถที่จะส่งมอบการทำลายอย่างเด็ดขาดต่อศัตรูที่มีศักยภาพต่างๆ...Z-10ME เป็นระบบเฮลิคอปเตอร์โจมตีทุกาลอากาศ(ที่)สามารถปฏิบัติการโจมตีได้อย่างแม่นยำทั้งกลางวันและกลางคืน" ISPR กล่าวเสริม

ISPR ไม่ได้ระบุว่ามีเฮลิคอปเตอร์โจมตี Z-10ME จำนวนกี่เครื่องในชุดแรกที่ถูกนำเข้าประจำการในกองการบินกองทัพบกปากีสถาน ภาพวีดิทัศน์ที่เผยแพร่โดย ISPR ปากีสถานในสื่อสังคม online ทางการของตน
ปรากฏภาพแสดงถึงเฮลิคอปเตอร์โจมตี Z-10ME หนึ่งเครื่องที่มีหมายเลขแพนหาง 786-301 อยู่ในพิธีเข้าประจำการ ISPR ปากีสถานได้ตั้งข้อสังเกตว่ามี ฮ.โจมตี Z-10ME มากกว่า 1เครื่องที่ถูกนำเข้าประจำการ

ตามข้อมูลจาก ISPR ปากีสถาน จอมพล Munir "ได้เป็นสักขีพยานในการรับชมการสาธิตอำนาจการยิงโดยเฮลิคอปเตอร์โจมตี Z-10ME ที่นำเข้าประจำการใหม่" ณ สนามฝึกการใช้อาวุธ Muzaffargarh(MFFR: Muzaffargarh Field Firing Ranges)
อย่างไรก็ตามวีดิทัศน์การสาธิตอำนาจการยิงของ ISPR แสดงถึงเฮลิคอปเตอร์โจมตี Z-10ME เครื่องเดียวในการปฏิบัติการ ซึ่งที่วีดิทัศน์อื่นๆของการสาธิตซึ่งปรากฎในสื่อสังคม online แสดงเพียง ฮ.โจมตี Z-10ME หมายเลข 786-301 ในการปฏิบัติการเหนือสนามฝึก MFFR เท่านั้น

กองทัพบกปากีสถานมีความจำเป็นที่จะต้องแทนที่เฮลิคอปเตอร์โจมตี Bell AH-1 Cobra จำนวน 32เครื่องของตนที่มีอายุการใช้งานมานานเกือบ 40ปี ซึ่งเดิมตั้งใจจะทดแทนด้วยเฮลิคอปเตอร์โจมตี Bell AH-1Z Viper จำนวน 12เครื่องที่สั่งจัดหาจากสหรัฐในปี 2016
อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะถูกสร้างเสร็จครบแล้วแต่รัฐบาลสหรัฐฯได้ปฏิเสธที่จะส่งมอบเฮลิคอปเตอร์โจมตี AH-1Z ทั้ง 12เครื่องเหล่านี้แก่ปากีสถาน ซึ่งเป็นที่เข้าใจกันว่านี่เป็นผลจากความตึงเครียดด้านความสัมพันธ์ระหว่างปากีสถาน-สหรัฐฯ

เช่นเดียวกับที่ปากีสถานได้ลงนามสัญญาจัดหาเฮลิคอปเตอร์โจมตี Turkish Aerospace T129 ATAK จำนวน 30เครื่องจากตุรกี ที่ไม่สามารถดำเนินต่อไปได้เนื่องจากสหรัฐฯระงับการส่งออกเครื่องยนต์ Turboshaft แบบ LHTEC T800 แก่ตุรกีที่เป็นระบบขับเคลื่อนของเฮลิคอปเตอร์โจมตี T129 
จากผลจากความสัมพันธ์ที่ตึงเครียดระหว่างตุรกี-สหรัฐฯ(https://aagth1.blogspot.com/2022/03/t129b-atak.html, https://aagth1.blogspot.com/2021/05/t129b-2021.html, https://aagth1.blogspot.com/2021/05/t129b-atak.html)

โดยที่มีปากีสถานเป็นลูกค้าส่งออกรายแรกที่ได้ถูกยืนยันแล้ว Aviation Industry Corporation of China(AVIC) กลุ่มรัฐวิสาหกิจอุตสาหกรรมการบินของสาธารณรัฐประชาชนจีนกำลังทำการตลาดของเฮลิคอปเตอร์โจมตี Z-10ME รุ่นส่งออกของตน
ที่มีการเปิดตัวนอกประเทศเป็นครั้งแรก ณ งานแสดงการบินนานาชาติ Singapore Airshow 2024 ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 20-25 กุมภาพันธ์ 2024 ที่สิงคโปร์ครับ(https://aagth1.blogspot.com/2020/02/z-10-t129-ah-1z.html)

วันพฤหัสบดีที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2568

ภาพเปิดเผยความคืบหน้าการปฏิบัติการบนดาดฟ้าบินเรือบรรทุกเครื่องบินลำที่สามของจีน CV-18 Fujian

China progresses flight deck operations on third aircraft carrier





Satellite imagery showing CV 18 Fujian at Jiangnan Changxingdao Shipyard in Shanghai. Markings on the deck are indicative of fixed-wing aircraft activity during sea trials. (Map data: Google, © 2025 CNES/Airbus/© 2025 Janes)

จีนได้เริ่มต้นการปฏิบัติการต่างๆบนดาดฟ้าบินของเรือบรรทุกเครื่องบินลำที่สามของกองทัพเรือปลดปล่อยประชาชนจีน(PLAN: People's Liberation Army Navy) เรือบรรทุกเครื่องบินชั้น Type 003 เรือบรรทุกเครื่องบิน CV-18 Fujian ก่อนหน้าการนำเข้าประจำการที่คาดการณ์ไว้
ชุดภาพถ่ายดาวเทียมที่บันทึกได้ในช่วงระหว่างเดือนเมษายน-พฤษภาคม 2025 บ่งชี้ว่าการปรากฏถึงรอยลื่นไถล(skid marks) ต่างๆในพื้นที่รับอากาศยานกลับลงบนเรือของส่วนดาดฟ้าบินมุมเฉียงของเรือบรรทุกเครื่องบิน CV-18 Fujian

รอยลื่นไถลต่างๆเหล่านี้ได้ปรากฏโดยชัดเจนเฉพาะในพื้นที่ส่วนนี้ที่ซึ่งชุดสายลวดเกี่ยวตะขอ(cross-deck pendants) บนเรือบรรทุกเครื่องบินจะถูกทำงานระหว่าการปฏิบัติรับอากาศยานปีกนิ่งกลับลงเรือ
นี่ตั้งข้อสังเกตว่ากองการบินกองทัพเรือปลดปล่อยประชาชนจีน(PLANAF: People’s Liberation Army Navy Air Force) ได้ดำเนินการทดสอบการรับรองการปฏิบัติบนเรือบรรทุกเครื่องบินจากเรือบรรทุกเครื่องบิน CV-18 Fujian

ระหว่างที่เรือบรรทุกเครื่องบิน CV-18 Fujian ทำการทดลองเรือในทะเลครั้งที่8 ล่าสุดของตนระหว่างเดือนเมษายนถึงเดือนพฤษภาคม 2025 ที่ผ่านมา(https://aagth1.blogspot.com/2024/05/cv-18-fujian.html)
การรับรองคุณสมบัติน่าจะดำเนินการปฏิบัติโดยรุ่นต่างๆของเครื่องบินขับไล่พหุภารกิจประจำเรือบรรทุกเครื่องบิน Shenyang Aircraft Corporation(SAC) J-15(https://aagth1.blogspot.com/2024/11/j-15d.html)

เครื่องบินขับไล่ประจำเรือบรรทุกเครื่องบินตระกูล J-15 ได้ถูกนำมาวางกำลังบนเรือบรรทุกเครื่องบินสองลำที่เข้าประจำการในกองทัพเรือปลดปล่อยประชาชนจีนก่อนหน้าแล้วคือ(https://aagth1.blogspot.com/2023/04/wargames.html)
เรือบรรทุกเครื่องบินชั้น Type 001 เรือบรรทุกเครื่องบิน CV-16 Liaoning(https://aagth1.blogspot.com/2022/05/cv-16-liaoning-100.html) และเรือบรรทุกเครื่องบินชั้น Type 002 เรือบรรทุกเครื่องบิน CV-17 Shandong(https://aagth1.blogspot.com/2022/12/pentagon.html)

นอกเหนือจากรอยลื่นไถลต่างๆ ชุดภาพถ่ายดาวเทียมยังได้บ่งชี้การปรากฏของรอยไหม้(scorch marks) บนแผ่นป้องกันความร้อนจากเครื่องยนต์ไอพ่น(jet blast deflector) สำหรับรางดีดส่งอากาศยานขึ้นบิน(catapult) ตำแหน่งที่ 2 ด้วย
รอยไหม้ต่างๆเหล่านี้ตั้งข้อสังเกตว่าได้มีการนำรางดีด catapult แม่เหล็กไฟฟ้า(EMALS: Electro-Magnetic Aircraft Launch System) บนเรือบรรทุกเครื่องบิน CV-18 Fujian อย่างน้อยหนึ่งระบบมาใช้ส่งอากาศยานปีกนิ่งขึ้นบิน

อย่างไรก็ตามรอยไหม้นี้ไม่ถูกพบเห็นบนแผ่นป้องกันความร้อนจากเครื่องยนต์ไอพ่นอื่นอีกสองตัวบนเรือ นี่จึงตั้งข้อสังเกตุว่าการปฏิบัติการส่งอากาศยานของกองการบินกองทัพเรือปลดปล่อยประชาชนจีนขึ้นบินขณะนี้ถูกจำกัดที่ตำแหน่งราง catapult 2 เท่านั้น
ชุดภาพยังเห็นดาดฟ้าบินบนเรือที่มีแบบจำลองขนาดเท่าของจริง mock-up ของอากาศยานหลากหลายแบบ(https://aagth1.blogspot.com/2024/11/j-35a.html) และการทำเครื่องหมายตำแหน่งต่างๆ ซึ่งตั้งข้อสังเกตว่ากองทัพเรือปลดปล่อยประชาชนจีนกำลังเดินหน้าปรับแต่งขั้นตอนการปฏิบัติงานบนดาดฟ้าก่อนหน้าการนำเรือเข้าประจำการ

CV-18 Fujian เป็นเรือบรรทุกเครื่องบินลำที่สามและลำที่สองที่จีนสร้างในประเทศทั้งหมด(https://aagth1.blogspot.com/2022/06/type-003-cv-18-fujian.html)  และเป็นลำแรกที่ใช้ใช้แบบแผนรูปแบบการปฏิบัติการอากาศยานแบบ CATOBAR(Catapult-Assisted Take-Off But Arrested Recovery)
เรือบรรทุกเครื่องบินสองลำแรกของจีน เรือบรรทุกเครื่องบิน CV-16 Liaoning และเรือบรรทุกเครื่องบิน CV-17 Shandong แต่ละลำถูกสร้างโดยติดตั้งทางวิ่งขึ้น ski-jump และมีแบบแผนในรูปแบบการปฏิบัติการอากาศยานแบบ STOBAR(Short Take-Off But Arrested Recovery)

เรือบรรทุกเครื่องบิน CV-18 Fujian มีความยาวเรือรวมที่ประมาณ 320m และดาดฟ้าบินของเรือมีความกว้างที่ประมาณ 80m ในจุดที่กว้างที่สุด ได้รับการติดตั้งรางดีด catapult ระบบแม่แหล็กไฟฟ้าสามตำแหน่ง และสายลวดเกี่ยวหยุดอากาศยานสี่เส้นติดตั้งในตำแหน่งทางวิ่งแนวเฉียง
เครื่องบินขับไล่พหุภารกิจประจำเรือบรรทุกเครื่องบิน J-15T เป็นรุ่นที่ถูกติดตั้งฐานล้อลงจอดหน้าด้วยก้านยึด(launch bar) กับรางดีด catapult สำหรับการปฏิบัติการบนเรือบรรทุกเครื่องบินแบบ CATOBAR เช่นเรือบรรทุกเครื่องบิน CV-18 Fujian โดยตรงครับ

วันจันทร์ที่ 7 กรกฎาคม พ.ศ. 2568

รายละเอียดแบบเรือฟริเกต Frigate 4000 สำหรับกองทัพเรือไทย โดย Hanwha Ocean เกาหลีใต้

New Destroyers and Export Frigates by Hanwha Ocean at MADEX 2025


Hanwha Ocean 4,000-ton export frigate at MADEX 2025.
Mistral SIMBAD-RC as CIWS.


Hanwha Ocean 4500-ton frigate at MADEX 2025.
CIWS, 20mm RCWS, UAV Antenna and (Torpedo Acoustic Counter Measure) TACM above the hangar.


Hanwha Ocean's Future destroyer.


Hanwha Ocean's 8,200-ton destroyer.
The destroyer design features a large mission bay for UAVs and USVs, as well as conformal anti-ship missile launcher that flush with the superstructure when not in firing position.



บริษัท Hanwha Ocean สาธารณรัฐเกาหลีผู้สร้างเรือได้จัดแสดงแบบเรือพิฆาตใหม่และแบบเรือฟริเกตสำหรับส่งออกใหม่ต่างๆ ณ นิทรรศการทางเรือนานาชาติ MADEX 2025 ที่ศูนย์จัดแสดง BEXCO Exhibition Center ในมหานคร Busan สาธารณรัฐเกาหลี ระหว่างวันที่ 28-31 พฤษภาคม 2025 ที่ผ่านมา
ในงาน MADEX 2025 บริษัท Hanwha Ocean ได้จัดแสดงแนวคิดแบบเรือผิวน้ำแบบเรือผิวน้ำล่าสุดต่างๆของตนเพื่อเน้นย้ำความแข็งแกร่งของกลุ่มบริษัท Hanwha Group สาธารณรัฐเกาหลีในฐานะผู้มอบแนวทางแก้ไขปัญหาความมั่นคงทางทะเลแบบเบ็ดเสร็จ บนพื้นฐานขีดความสามารถบูรณาการต่างๆในการสร้างเรือ, ระบบตรวจจับ และระบบขับเคลื่อน

โดยผสมผสานความเชี่ยวชาญการสร้างเรือที่ได้รับการพิสูจน์แล้วของ Hanwha Ocean สาธารณรัฐเกาหลีด้วยระบบตรวจจับขั้นก้าวหน้าต่างๆจากบริษัท Hanwha Systems สาธารณรัฐเกาหลี และระบบขับเคลื่อนและพลังงานจากบริษัท Hanwha Aerospace สาธารณรัฐเกาหลี
แบบเรือผิวน้ำใหม่ต่างๆเป็นตัวอย่างขีดความสามารถของกลุ่มบริษัท Hanwha Group ที่จะส่งมอบระบบที่ได้รับการปรับแต่และมีความเข้ากันได้ในการทำงานร่วมกันให้เหมาะสมสำหรับความต้องการต่างๆของผู้ใช้งานทั่วโลก(https://aagth1.blogspot.com/2025/06/hanwha-ocean-ghost-commander-ii.html)

"เรือพิฆาตอนาคต"(Future Destroyer) ของบริษัท Hanwha Ocean ที่เปิดตัวเป็นครั้งแรกในงาน MADEX 2025 เป็นแบบเรือที่ได้รับการ "การปรับแต่งสำหรับคุณลักษณะตรวจจับได้ยาก stealth อย่างสูงสุด และการปฏิบัติการระบบไร้คนขับต่างๆ" 
เรือพิฆาตอนาคต Hanwha Ocean Future Destroyer มีความยาวเรือที่ 180m ระวางขับน้ำเต็มที่ที่ 8,200tons ติดตั้งปืนรางแม่เหล็กไฟฟ้า Railgun ขนาด 5" แท่นยิงแนวดิ่ง VLS(Vertical Launching System) 88ท่อยิง, ระบบป้องกันระยะประชิด CIWS(Close-in Weapon System) แบบ Laser, ระบบตรวจจับแบบแนบไปกับลำตัวเรือ(เรียบเสมอกับดาดฟ้ายก)

แนวคิดแบบเรือเรือพิฆาตอนาคตนี้มีคุณลักษณะการเป็นเรือแม่สำหรับระบบไร้คนขับต่างๆอย่างมาก ตามที่เรือสามารถวางกำลังอากาศยานไร้คนขับ(UAV: Unmanned Aerial Vehicle), ยานใต้น้ำไร้คนขับ(UUV: Unmanned Underwater Vehicle) และยานผิวน้ำไร้คนขับ(USV: Unmanned Surface Vehicle) ต่างๆ
เช่นเดียวกับอาวุธนำวิถีร่อนทางยุทธวิธี(Loitering Munition) ขีดความสามารถทีมมีคนบังคับ-ไร้คนขับ(MUM-T: Manned-Unmanned Teaming) ต่างๆของแบบเรือมีความก้าวหน้าอย่างมากและยกประโยชน์จากองค์ความรู้ของบริษัท Hanwha Systems ในด้านนี้มาใช้

ในช่วงเวลานั้น บริษัท Hanwha Ocean ได้เปิดแบบจำลองแนวคิด 3แบบเรือควบคุมไปหนึ่งแบบเรือยุคอนาคต การจัดแสดงนำโดยแบบเรือพิฆาต Hanwha Ocean Destroyer 8000 ขนาดระวางขับน้ำ 8,200tons ความยาวเรือ 156.3m ความกว้างเรือ 18.8m และกินน้ำลึก 9.9m
เรือพิฆาต Ocean 8000 สามารถทำความเร็วได้ถึง 29knots และนำระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าบูรณาการเต็มรูปแบบ(IFEP: Integrated Full Electric Propulsion) มาใช้ มอบการเพิ่มขยายการตรวจจับได้ยาก stealth ผ่านการแพร่สัญญาณเสียที่ต่ำ

เรือพิฆาต Ocean 8000 มีคุณลักษณะการออกแบบให้มีหัวเรือกลับด้านและดาดฟ้ายกแบบปิดคลุมเต็มรูปแบบเพื่อลดภาคตัดขวาง radar(RCS: Radar Cross Section) รวมถึงแท่นยิงอาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่พื้น(SSM: Surface-to-Surface Missile) ที่ยกขึ้นเข้าออกในตัวเรือได้ และระบบที่ได้รับการบูรณาการอื่นๆ
เรือตืดตั้งเสาเรือบูรณาการของบริษัท Hanwha Systems ที่เดิมได้รับการพัฒนาสำหรับโครงการเรือพิฆาต KDDX และสายอากาศสื่อสารดาวเทียมวงโคจรต่ำ(LEO: Low-Earth Orbit satellite) ทำให้มีการสื่อสารหลายย่านความถี่สำหรับการบัญชาการและควบคุมอย่างมีประสิทธิภาพ

ถูกออกแบบด้วยในความคิดการปฏิบัติการต่างๆในอนาคต รวมถึงห้องภารกิจที่สามารถวางกำลังอากาศยานไร้คนขับ UAV และยานผิวน้ำไร้คนขับ USV ได้ ระบบอาวุธประกอบด้วยปืนเรือขนาด 5inch ที่หัวเรือ, ระบบป้องกันระยะประชิด CIWS-II ที่ท้ายเรือ(https://aagth1.blogspot.com/2020/06/ciws.html)
และเป็นไปได้ที่จะบูรณาการด้วยอาวุธพลังงานตรง(DEW: Directed Energy Weapon) ที่สามารถใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วยระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า IFEP แท่นยิงแนวดิ่ง VLS ต่างๆรวมถึงแท่นยิงแนวดิ่งแบบ KVLS-I 32ท่อยิง และแท่นยิงแนวดิ่งแบบ KVLS-II 16ท่อยิง

ขณะที่ถูกพัฒนาสำหรับตาลดในประเทศกองทัพเรือสาธารณรัฐเกาหลี(RoKN: Republic of Korea Navy) เรือพิฆาต Ocean 8000 บูรณาการด้วยวิทยาการหลักต่างๆจากสามกิจการป้องกันประเทศหลักของ Hanwha Group วางตำแหน่งของตนในฐานะผู้เข้าแข่งขันที่แข็งแกร่งสำหรับตลาดส่งออกนานาชาติในอนาคต
แบบเรือต่อไปคือเรือฟริเกตสำหรับส่งออกเป็นหลักที่มีพื้นฐานจากเรือฟริเกตชั้น Chungnam(FFX Batch-III) ของกองทัพเรือสาธารณรัฐเกาหลี(https://aagth1.blogspot.com/2025/01/ffx-batch-iv.html) เรือฟริเกต Hanwha Ocean Frigate 4500

แบบเรือฟริเกต Frigate 4500 มีระวางขับน้ำเต็มที่ที่ประมาณ 4,500tons ความยาวเรือ 130m ความกว้างเรือ 16m และกินน้ำลึก 7.6m ติดตั้งระบบขับเคลื่อนเครื่องยนต์ดีเซล-ไฟฟ้าและ gas turbine รูปแบบ CODLOG(Combined Diesel-Electric or Gas) และสามารถทำความเร็วได้สูงสุดที่ 29knots
ระบบตรวจจับหลักรวมถึง AESA(Active Electronically Scanned Array) Multi-Function Radar(MFR) และระบบ sonar TASS(Towed Array Sonar System) สายอากาศ UAV อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะถูกติดตั้งที่ท้ายเรือเพื่อสนับสนุนการปฏิบังานของระบบไร้คนขับต่างๆ

ภายในตัวเรือศูนย์บัญชาการสงครามอสมมาตร(asymmetric warfare) ได้รับการติดตั้งซึ่งนำพลังของระบบปัญญาประดิษฐ์(AI: Artificial Intelligence) มาใช้ในการตรวจการณ์ 360-degree แบบเวลาจริงเพื่อตรวจจับภัยคุกคามแบบอสมมาตรต่างๆ เช่น เรือขนาดเล็กหรือ UAV 
radar แบบ MFR ที่เพิ่มขยายสมรถนะผสมผสานระบบก่อกวน Jammer ที่ถูกติดตั้งบนเรือเพื่อจัดตั้งขีดความสามารถระบบต่อต้านอากาศยานไร้คนขับ(C-UAS: Counter-Unmanned Aerial System) ที่แข็งแกร่ง

เรือฟริเกต Frigate 4500 ติดตั้งอาวุธที่ปรากฎว่าเป็นปืนเรือ Leonardo 76mm, แท่นยิงปืนกล remote (RCWS: Remote-Controlled Weapon Station) ขนาด 20mm, ระบบป้องกันระยะประชิด CIWS, แท่นยิงอาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่พื้น SSM, แท่นยิงแนวดิ่ง VLS 16ท่อยิง, และระบบต่อต้าน torpedo ทางเสียง(TACM: Torpedo Acoustic Counter Measure)
นำประโยชน์จากขีดความสามารถการตรวจจับระยะไกลของ radar แบบ MFR มาใช้ เรือฟริเกต Frigate 4500 มีขีดความสามารถในการต่อต้านภัยคุคามจากขีปนาวุธ, อากาศยาน และเรือผิวน้ำ เรือยังบูรณาการด้วย UAV และ USV จัดตั้งเป็นระบบ MUM-T ที่ได้รับการปรับแต่งสำหรับการปฏิบัติการทางทะเลสมัยใหม่ต่างๆ

แบบจำลองสุดท้ายคือแบบเรือฟริเกต Frigate 4000 ที่มีพื้นฐานจากเรือฟริเกตชุดเรือหลวงภูมิพลอดุลยเดชของของกองทัพเรือไทย(RTN: Royal Thai Navy) ซึ่งบริษัท Hanwha Ocean ได้สร้างส่งออกให้ไทยก่อนหน้า(https://aagth1.blogspot.com/2025/05/hanwha-ocean-frigate-4000.html)
ตามข้อมูลจริงของแบบจำลองที่ถูกจัดแสดง เรือฟริเกต Frigate 4000 มีระวางขับน้ำเต็มที่ที่ 3,700tons, มีความยาวตัวเรือที่ 124m, กว้างที่ 14m และกินน้ำลึกที่ 8m ติดตั้งระบบขับเคลื่อนเครื่องยนต์ดีเซลและ gas turbine รูปแบบ CODAG(Combined Diesel and Gas) เช่นเดียวกับ ร.ล.ภูมิพลอดุลยเดชของกองทัพเรือไทย และทำความเร็วได้สูงสุดที่ 27knots

บริษัท Hanwha Ocean ส่งเสริมการประชาสัมพันธ์แบบเรือฟริเกต Frigate 4000 นี้ในฐานะระบบคุณภาพสูง, ส่งมอบได้รวดเร็ว, และได้รับการพิสูจน์สมรรถนะแล้ว โดยยกประโยชน์จากประสบการณ์การใช้ปฏิบัติงานต่างๆของกองทัพเรือไทยมาใช้(https://aagth1.blogspot.com/2025/04/rtaf2025.html)
เพื่อที่จะให้สามารถปรับตัวได้อย่างรวดเร็วในสภาวะสนามรบที่วิวัฒนาการไป เรือฟริเกต Frigate 4000 มีการนำการออกแบบแบบ modular มาใช้ที่สนับสนุนการปรับปรุงในอนาคต การติดอาวุธเพิ่มเติม และการปรับเปลี่ยนรูปแบบของระบบใหม่อย่างยืดหยุ่น

การวางตำแหน่งในเรือฟริเกต Frigate 4000 เสนอพื้นที่ภายในที่เพียงพอและปรับแต่งได้เพื่อรองรับความต้องการภารกิจที่หลากหลายและการเพิ่มขยายขีดความสามารถในอนาคต นอกเหนือจากนี้ Hanwha Ocean ได้ออกแบบระบบเรือที่จะสนับสนุนระบบอาวุธและระบบตรวจจับของต่างประเทศที่หลากหลาย 
ทำให้มีรูปแบบที่เหมาะสมเหมาะสมบนพื้นฐานความต้องการและข้อจำกัดด้านงบประมาณของลูกค้า โดยระบบอาวุธที่ได้รับการติดตั้งบนเรือยังรวมถึงแท่นยิง SIMBAD สำหรับอาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่อากาศพิสัยใกล้ MBDA Mistral ในฐานะระบบป้องกันระยะประชิด CIWS(https://aagth1.blogspot.com/2025/05/mistral-brp-jose-rizal.html)

ความเห็นวิเคราะห์: 
กองทัพเรือไทยมีความต้องการเรือฟริเกตสมรรถนะสูงใหม่จำนวน ๔ลำที่จะสร้างในไทย อย่างไรก็ตามสถานการณ์ในรัฐสภาไทยหลังการปรับคณะรัฐมนตรีใหม่ที่เกิดความไม่มีเสถียรภาพในรัฐบาล นอกจากในสิ้นเดือนมิถุนายน พ.ศ.๒๕๖๘(2025) ที่กระทรวงกลาโหมไทยได้เห็นชอบการแก้ไขสัญญาเรือดำน้ำ S26T ที่ยอมรับเครื่องยนต์ดีเซลกำเนิดพลังงานไฟฟ้า CHD620 จีนแทน MTU 396 เยอรมนีที่ไม่ส่งออกให้จีน
ซึ่งยังคงเป็นประเด็นที่ต้องผ่านความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีและรัฐสภาไทยตามลำดับตามที่เป็นข้อตกลงแบบรัฐบาลต่อรัฐบาล(G-to-G: government-to-government) แล้ว การอนุมัติงบประมาณปี พ.ศ.๒๕๖๙(2026) สำหรับโครงการจัดหาเรือฟริเกตระยะที่๑ เป็นวงเงินราว ๑,๗๕๐,๐๐๐,๐๐๐บาท($53,796,496) เพียง ๑ลำเท่านั้น ขณะที่กองทัพเรือไทยชี้แจงว่าต้องการต่อเรือฟริเกตใหม่ ๒ลำในประเทศอย่างต่อเนื่องครับ