US Army's Boeing AH-64 Apache attack helicopters in exercise Cobra Gold
  2020.(https://www.facebook.com/AirlineWeek/posts/2624985747598846)
US Marine Corps's Bell AH-1Z Viper attack helicopters involve Amphibious
  Exercise during Cobra Gold 2020.(https://www.facebook.com/CobraGoldExercises)
Royal Thai Army's Bell AH-1F Cobra attack helicopters of 3rd Aviation
  Battalion, Aviation Regiment, Army Aviation Center conduct Live Firing in
  exercise Cobra Gold
  2020.(https://aagth1.blogspot.com/2020/03/calfex-cobra-gold-2020.html)
  1st Ammunition Depot, Ordnance Ammunition Depot Division, Ordnance Department,
  Royal Thai Army show data of anti-tank guided missiles that was procured or to
  be procured by RTA include US Lockheed Martin AGM-114 Hellfire for Boeing
  AH-6i Little Bird. 
  Royal Thai Army was suspended plan to request US Foreign Military Sale (FMS)
  for new attack helicopters procurement by long term defense budget cut due
  Covid-19 pandamic. 
  กองทัพบกไทย(RTA: Royal Thai Army) มีความต้องการจัดหาเฮลิคอปเตอร์โจมตีใหม่ราว
  ๖-๘เครื่องเพื่อทดแทนเฮลิคอปเตอร์โจมตี ฮ.จ.๑ Bell AH-1F Cobra จำนวน
  ๗เครื่องที่ประจำการใน กองพันบินที่๓ กรมบิน ศูนย์การบินทหารบก
  ซึ่งมีการเปิดเผยความต้องการมาตั้งแต่ช่วงปี พ.ศ.๒๕๖๑(2018)
  ตามที่อดีตรัฐมนตรีกลาโหมในขณะนั้นกล่าวถึงตัวเลือก ฮ.โจมตีหลายแบบ(https://aagth1.blogspot.com/2018/06/ah-1f.html,
  https://aagth1.blogspot.com/2017/09/blog-post_18.html)
  อย่างไรก็ตามมีเพียงโครงการจัดซื้อเฮลิคอปเตอร์ลาดตระเวนติดอาวุธ ฮ.ลว./อว.๖
  Boeing AH-6i Little Bird ๘เครื่อง ในรูปแบบการขาย Foreign Military Sale(FMS)
  งบประมาณผูกพันต่อเนื่องปี ๒๕๖๒-๒๕๖๗(2019-2024) วงเงิน
  ๔,๒๒๖,๐๐๐,๐๐๐บาท($138,103,567) ที่ได้รับการดำเนินการ(https://aagth1.blogspot.com/2019/09/ah-6i.html)
  เป็นโครงการที่สืบเนื่องจากการยกเลิกการจัดหา ฮ.ลาดตระเวนติดอาวุธ MD 530G จำนวน
  ๘เครื่องจากบริษัท MD Helicopters Inc.(MDHI) สหรัฐฯผ่านตัวแทนจัดจำหน่ายบริษัท
  Euro Intertrade Pte Ltd. สิงคโปร์(https://aagth1.blogspot.com/2019/07/md-helicopters-fms.html)
  ต่อมาในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๖๓(2020)
  มีการเปิดเผยถึงการประชุมแนวทางการดำเนินโครงการจัดหาเฮลิคอปเตอร์โจมตี ระยะที่๑
  และเดือนพฤษภาคม พ.ศ.๒๕๖๔(2021) มีการเปิดเผยเอกสารรายจ่ายการลงทุน
  รายการก่อหนี้ผูกผันงบประมาณใหม่ วงเงินรวมตั้งแต่ ๑พันล้านบาทขึ้นไป
  รวมถึงกองทัพบกไทยในรายการ ทบ.๑๔๒๑ คือ โครงการจัดซื้อเฮลิคอปเตอร์โจมตี ระยะที่๑
  งบประมาณผูกพันปี ๒๕๖๔-๒๕๖๖(2021-2023) เป็นการจัดซื้อแบบรัฐต่อรัฐ FMS
  ไทย-สหรัฐฯ วงเงินราว ๘,๔๕๒,๓๐๐,๐๐๐บาท($271,568,765)(ไม่แน่ใจในจำนวนวงเงินนัก
  เนื่องจากเอกสารไม่ชัดเจน)
  การระบุการจัดซื้อในรูปแบบ FMS
  ที่เป็นความช่วยเหลือทางทหารของรัฐบาลสหรัฐฯต่อมิตรประเทศ
  ทำให้เป็นที่ชัดเจนว่าแบบตัวเลือกเฮลิคอปเตอร์โจมตีใหม่ของกองทัพบกไทยจะมีเพียงสองรุ่นเท่านั้นคือ
    เฮลิคอปเตอร์โจมตี Boeing AH-64E Apache และเฮลิคอปเตอร์โจมตี Bell AH-1Z
    Viper
  โดยความต้องการทดแทน ฮ.จ.๑ AH-1F ระยะที่๑
  น่าจะมีจำนวนเพียงครึ่งหนึ่งของทั้งหมดคือราว
  ๓-๔เครื่องเมื่อเทียบกับโครงการจัดหา ฮ.จากสหรัฐฯผ่านรูปแบบ FMS ก่อนหน้า เช่น
  เฮลิคอปเตอร์ใช้งานทั่วไป ฮ.ท.๗๒ Airbus Helicopters UH-72A Lakota จำนวน
  ๖เครื่อง(ปัจจุบันเหลือ ๔เครื่อง)
  การจัดหายุทโธปกรณ์จากสหรัฐฯในรูปแบบ FMS
  มักจะมีการประกาศความเป็นไปได้ในการขายอย่างเป็นทางการโดยสำนักงานความร่วมมือความมั่นคงกลาโหมสหรัฐฯ(DSCA:
  Defense Security Cooperation Agency) ซึ่งจำเป็นจะต้องได้รับความเห็นชอบจากสภา
  Congress สหรัฐฯ
  ทั้งนี้การอนุมัติความเป็นไปได้การขายของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯจะรวมข้อเสนอที่มีระบบเกี่ยวข้องทุกอย่างทำให้มีวงเงินโครงการรวมสูงกว่าที่จะจัดซื้อจริง
  เช่นโครงการ ฮ.ลว./อว.๖ AH-6i นั้น
  DSCA ประกาศที่วงเงิน $400 million แต่กองทัพบกไทยจัดซื้อจริงที่เพียง $138
    million
  แต่นั้นก็ทำให้เห็นถึงภาพรวมของระบบอาวุธอุปกรณ์ที่จะจัดหามากับโครงการ เช่น
  อาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่พื้น Lockheed Martin AGM-114 Hellfire สำหรับ
  ฮ.ลว./อว.๖ AH-6i ซึ่งสามารถติดตั้งใช้ได้กับทั้ง ฮ.โจมตี AH-64E Apache และ
  ฮ.โจมตี AH-1Z Viper
  อีกทั้งการจัดซื้อในรูปแบบ FMS โดยมากจะเป็นระบบที่ยังมีสายการผลิตในปัจจุบัน
  ขณะที่การจัดซื้อในรูปแบบยุทโธปกรณ์ส่วนเกินที่ปลดประจำการจากกองทัพสหรัฐฯแล้วและถูกเก็บสำรองสงครามไว้นั้นมักจะเป็นความช่วยเหลือในรูปแบบ
  Excess Defense Articles(EDA)
  เปรียบเทียบระหว่างเฮลิคอปเตอร์โจมตี AH-64 และเฮลิคอปเตอร์โจมตี AH-1Z แล้ว
  Apache
  ดูจะเป็นเฮลิคอปเตอร์โจมตีที่ประสบความสำเร็จในการส่งออกโดยมีฐานผู้ใช้งานนอกจากประเทศผู้ผลิตคือกองทัพสหรัฐฯ(US
  Army) เป็นจำนวนมาก ซึ่งเป็นการรับประกันถึงความพร้อมของระบบ
  เฉพาะในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก ผู้ใช้งานเฮลิคอปเตอร์โจมตี Apache
  ที่เป็นมิตรประเทศใกล้กับไทยนั้นรวมถึง สิงคโปร์, อินโดนีเซีย, ญี่ปุ่น,
  สาธารณรัฐเกาหลี, ไต้หวัน และล่าสุดออสเตรเลียในอนาคต(https://aagth1.blogspot.com/2021/06/ah-64e-apache.html)
  ขณะที่เฮลิคอปเตอร์โจมตี AH-1Z Viper นอกจากนาวิกโยธินสหรัฐฯ(USMC: US Marine
  Corps) ผู้ใช้งานหลัก(https://aagth1.blogspot.com/2021/05/ah-1z.html) กลับประสบความสำเร็จในการส่งออกน้อยกว่ามาก
  คือมีผู้ใช้ที่สั่งจัดหาไปแล้วเพียงสองรายเท่านั้นคือ
  บาห์เรน(https://aagth1.blogspot.com/2021/04/bell-ah-1z.html) และสาธารณรัฐเช็ก(https://aagth1.blogspot.com/2020/09/ah-1z-uh-1y.html) ส่วนปากีสถานยังไม่ส่งมอบเนื่องจากความขัดแย้งทางการทูตกับสหรัฐฯ(https://aagth1.blogspot.com/2020/02/z-10-t129-ah-1z.html)
  AH-1Z
  มักจะถูกระบุโดยสื่อทางทหารในไทยหลายแห่งว่าเป็นผู้ชนะในโครงการจัดหาเฮลิคอปเตอร์โจมตีใหม่ทดแทน
  ฮ.จ.๑ AH-1F
  แต่ทว่าผู้เขียนยังไม่เห็นชัดเจนว่าระหว่าง ฮ.จ.๖๔ AH-64E Apache กับ ฮ.จ.๑
    AH-1Z Viper กองทัพบกได้ตัดสินใจเลือกไปแล้วว่าจะจัดหา ฮ.โจมตีใหม่แบบใด
  ในข้อเท็จจริงด้านคุณสมบัติทางเทคนิค AH-1Z มีความแตกต่างจาก AH-1F
  แทบจะเกือบทั้งหมด นอกจากปืนใหญ่อากาศสามลำกล้องหมุน M197 ขนาด 20mm
  และการรองรับระบบอาวุธพื้นฐานเช่นกระเปาะ LAU-61 ความจุ
  ๑๙นัดสำหรับจรวดอากาศสู่พื้น Hydra 70 ขนาด 2.75" แล้ว
  AH-1Z ไม่มีอะไรเหมือน AH-1F Cobra เลยทั้งเครื่องยนต์ไอพ่น Turboshaft แบบ
  General Electric T700-GE-401C สองเครื่อง ระบบ Avionic และห้องนักบินแบบ Glass
  cockpit พร้อมหมวกนักบินติดจอแสดงผล Thales Top Owl
  ทำให้นักบินและช่างอากาศยานต้องเรียนรู้ใหม่เกือบหมดอยู่ดี
  ด้าน AH-64E นั้นเป็นเฮลิคอปเตอร์ที่ออกแบบมาสำหรับกองทัพบกโดยตรง
  ซึ่งหลายประเทศที่ใช้ ฮ.ตระกูล Cobra เดิมส่วนใหญ่จะเลือก Apache ทดแทน
  อีกทั้งราคาเครื่องเฉพาะเครื่องเปล่ารวมเครื่องยนต์ไม่รวมอุปกรณ์และอาวุธระหว่าง
  AH-64E และ AH-1Z ก็ไม่ต่างกันมากแบบมีนัยสำคัญด้วย
  (ผู้เขียนก็อยากจะทราบเหมือนกันว่ามีเอกสารหรือหลักฐานใดๆยืนยันแล้วหรือยังว่ากองทัพบกไทยได้เลือกแบบผู้ชนะโครงการเฮลิคอปเตอร์โจมตีใหม่แล้ว?)
  ไทยได้มีการตัดลดงบประมาณกระทรวงกลาโหมลงอย่างต่อเนื่องติดต่อกันเป็นครั้งที่สามโดยเป็นผลจากการระบาดของ
  Covid-19(https://aagth1.blogspot.com/2021/05/covid-19.html)
  รวมถึงประเด็นการโจมตีความน่าเชื่อถือของกองทัพโดยผู้ไม่หวังดีต่อชาติและสื่อไร้จรรยาบรรณ
  ในส่วนของกองทัพบกไทยที่ได้รับผลกระทบจากการตัดงบประมาณกลาโหมประจำปี
  พ.ศ.๒๕๖๕(2022) ลงอีกปี ทำให้โครงการจัดซื้อเฮลิคอปเตอร์โจมตี ระยะที่๑ จำนวน
  ๓-๔เครื่องด้วยวิธี FMS วงเงินราว ๘,๔๕๒,๓๐๐,๐๐๐บาท($$271,568,765)
  ยังคงถูกเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด
  มีรายงานจากบางสื่อระบุว่าโครงการ ฮ.โจมตี
  อาจจะถูกเปลี่ยนไปเป็นการจัดซื้อเฮลิคอปเตอร์ใช้งานทั่วไป ฮ.ท.๖๐ Sikorsky UH-60M
  Blackhawk เพิ่มเติมราว ๓เครื่อง จากที่มี UH-60L ๙เครื่อง, UH-60M ๓เครื่อง และ
  UH-60A ๓เครื่อง รวมแล้ว ๑๕เครื่อง ประจำการใน กองพันบินที่๙ ศบบ.
  ส่วนตัวผู้เขียนมองว่าเป็นไปได้อีกทางที่น่าจะยังไม่มีการจัดหา
  ฮ.ทางยุทธวิธีใหม่ใดๆตอนนี้ ขณะที่ ฮ.จ.๑ AH-1F
  จำเป็นที่จะต้องถูกปลดประจำการไปเนื่องจากอายุการใช้งานเช่นเดียวกับเฮลิคอปเตอร์ใช้งานทั่วไป
  ฮ.ท.๑ Bell UH-1H ครับ(https://aagth1.blogspot.com/2020/10/uh-1h.html)
















