แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ Bell แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ Bell แสดงบทความทั้งหมด

วันศุกร์ที่ 8 สิงหาคม พ.ศ. 2568

ปากีสถานนำเฮลิคอปเตอร์โจมตี Z-10ME จีนเครื่องแรกเข้าประจำการ

Pakistan inducts first Z-10ME helicopter into service





The Changhe Z-10ME attack helicopter can be armed with a variety of air-launched munitions. The Pakistan Army has inducted its first Z-10ME attack helicopter. (Directorate of the Inter-Services Public Relations)



กองทัพบกปากีสถาน(PA: Pakistan Army) ได้นำเฮลิคอปเตอร์โจมตี Changhe Z-10ME จีนเครื่องแรกของตนเข้าประจำการแล้ว(https://aagth1.blogspot.com/2024/08/z-10.html
เพื่อเสริมกำลัง "การตอบสนองสนามรบบูรณาการ" ของตน กรมการประชาสัมพันธ์ระหว่างเหล่าทัพ(ISPR: Directorate of the Inter-Services Public Relations) กองทัพปากีสถาน(Pakistan Armed Forces) ได้ประกาศ

เฮลิคอปเตอร์โจมตี Z-10ME ได้ถูกนำเข้าประจำการในกองทัพบกปากีสถานระหว่างการเยือนของผู้บัญชาการกองทัพบกปากีสถาน(COAS: Chief of Army Staff) จอมพล Syed Asim Munir
ณ ค่าย Multan Garrison ทางตอนกลางของปากีสถาน กรมการประชาสัมพันธ์ระหว่างเหล่าทัพ ISPR กองทัพปากีสถานกล่าวเมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2025(https://aagth1.blogspot.com/2024/02/z-10me.html)

ค่าย Multan เป็นที่ตั้งของกองพลน้อยยานเกราะและกองพันบินเฮลิคอปเตอร์โจมตีหลายหน่วยของกองทัพบกปากีสถาน ตามข้อมูลจากกรมการประชาสัมพันธ์ระหว่างเหล่าทัพ ISPR กองทัพปากีสถาน
สื่อของปากีสถาน และฝ่ายประชาสัมพันธ์ของกองทัพปากีสถาน เฮลิคอปเตอร์โจมตี Z-10ME จะปรับปรุงความทันสมัยของกองการบินกองทัพบกปากีสถาน(AVN: Pakistan Army Corps of Aviation)

ขณะที่เพิ่มขยายขีดความสามารถของกองทัพบกปากีสถานที่จะดำเนินการตอบโต้แบบบูรณาการในสนามรบ เฮลิคอปเตอร์โจมตี Z-10ME จะเสริมกำลังกองทัพบกปากีสถานด้วย(https://aagth1.blogspot.com/2020/08/z-10.html)
"ขีดความสามารถที่จะส่งมอบการทำลายอย่างเด็ดขาดต่อศัตรูที่มีศักยภาพต่างๆ...Z-10ME เป็นระบบเฮลิคอปเตอร์โจมตีทุกาลอากาศ(ที่)สามารถปฏิบัติการโจมตีได้อย่างแม่นยำทั้งกลางวันและกลางคืน" ISPR กล่าวเสริม

ISPR ไม่ได้ระบุว่ามีเฮลิคอปเตอร์โจมตี Z-10ME จำนวนกี่เครื่องในชุดแรกที่ถูกนำเข้าประจำการในกองการบินกองทัพบกปากีสถาน ภาพวีดิทัศน์ที่เผยแพร่โดย ISPR ปากีสถานในสื่อสังคม online ทางการของตน
ปรากฏภาพแสดงถึงเฮลิคอปเตอร์โจมตี Z-10ME หนึ่งเครื่องที่มีหมายเลขแพนหาง 786-301 อยู่ในพิธีเข้าประจำการ ISPR ปากีสถานได้ตั้งข้อสังเกตว่ามี ฮ.โจมตี Z-10ME มากกว่า 1เครื่องที่ถูกนำเข้าประจำการ

ตามข้อมูลจาก ISPR ปากีสถาน จอมพล Munir "ได้เป็นสักขีพยานในการรับชมการสาธิตอำนาจการยิงโดยเฮลิคอปเตอร์โจมตี Z-10ME ที่นำเข้าประจำการใหม่" ณ สนามฝึกการใช้อาวุธ Muzaffargarh(MFFR: Muzaffargarh Field Firing Ranges)
อย่างไรก็ตามวีดิทัศน์การสาธิตอำนาจการยิงของ ISPR แสดงถึงเฮลิคอปเตอร์โจมตี Z-10ME เครื่องเดียวในการปฏิบัติการ ซึ่งที่วีดิทัศน์อื่นๆของการสาธิตซึ่งปรากฎในสื่อสังคม online แสดงเพียง ฮ.โจมตี Z-10ME หมายเลข 786-301 ในการปฏิบัติการเหนือสนามฝึก MFFR เท่านั้น

กองทัพบกปากีสถานมีความจำเป็นที่จะต้องแทนที่เฮลิคอปเตอร์โจมตี Bell AH-1 Cobra จำนวน 32เครื่องของตนที่มีอายุการใช้งานมานานเกือบ 40ปี ซึ่งเดิมตั้งใจจะทดแทนด้วยเฮลิคอปเตอร์โจมตี Bell AH-1Z Viper จำนวน 12เครื่องที่สั่งจัดหาจากสหรัฐในปี 2016
อย่างไรก็ตามแม้ว่าจะถูกสร้างเสร็จครบแล้วแต่รัฐบาลสหรัฐฯได้ปฏิเสธที่จะส่งมอบเฮลิคอปเตอร์โจมตี AH-1Z ทั้ง 12เครื่องเหล่านี้แก่ปากีสถาน ซึ่งเป็นที่เข้าใจกันว่านี่เป็นผลจากความตึงเครียดด้านความสัมพันธ์ระหว่างปากีสถาน-สหรัฐฯ

เช่นเดียวกับที่ปากีสถานได้ลงนามสัญญาจัดหาเฮลิคอปเตอร์โจมตี Turkish Aerospace T129 ATAK จำนวน 30เครื่องจากตุรกี ที่ไม่สามารถดำเนินต่อไปได้เนื่องจากสหรัฐฯระงับการส่งออกเครื่องยนต์ Turboshaft แบบ LHTEC T800 แก่ตุรกีที่เป็นระบบขับเคลื่อนของเฮลิคอปเตอร์โจมตี T129 
จากผลจากความสัมพันธ์ที่ตึงเครียดระหว่างตุรกี-สหรัฐฯ(https://aagth1.blogspot.com/2022/03/t129b-atak.html, https://aagth1.blogspot.com/2021/05/t129b-2021.html, https://aagth1.blogspot.com/2021/05/t129b-atak.html)

โดยที่มีปากีสถานเป็นลูกค้าส่งออกรายแรกที่ได้ถูกยืนยันแล้ว Aviation Industry Corporation of China(AVIC) กลุ่มรัฐวิสาหกิจอุตสาหกรรมการบินของสาธารณรัฐประชาชนจีนกำลังทำการตลาดของเฮลิคอปเตอร์โจมตี Z-10ME รุ่นส่งออกของตน
ที่มีการเปิดตัวนอกประเทศเป็นครั้งแรก ณ งานแสดงการบินนานาชาติ Singapore Airshow 2024 ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 20-25 กุมภาพันธ์ 2024 ที่สิงคโปร์ครับ(https://aagth1.blogspot.com/2020/02/z-10-t129-ah-1z.html)

วันอาทิตย์ที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2568

กองทัพบกสหรัฐฯประกาศ กองพลส่งทางอากาศที่101 จะเป็นหน่วยแรกที่ใช้อากาศยานใบพัดกระดก Bell V-280 Valor

US Army announces 101st Airborne Division as first Bell V-280 FLRAA operating unit





The Bell V-280 demonstrator in flight. The US Army's 101st Combat Aviation Brigade, based at Fort Campbell, Kentucky, will be the type's first operating unit. (Bell)



กองพลส่งทางอากาศที่101(101st Airborne Division) กองทัพบกสหรรัฐฯ(US Army) ที่มีที่ตั้ง ณ ค่าย Fort Campbell มลรัฐฯ Kentucky ถูกระบุว่าจะกลายเป็นหน่วยแรกที่จะใช้งานอากาศยานใบพัดกระดก Bell V-280 Valor 
โครงการอากาศยานจู่โจมระยะไกลอนาคต(FLRAA: Future Long-Range Assault Aircraft) เมื่อเข้าประจำการในปี 2030(https://aagth1.blogspot.com/2024/08/bell-v-280-valor.html)

รองหัวหน้าคณะเสนาธิการกองทัพบกสหรัฐฯ พลเอก James Mingus ประกาศเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2025 ณ งานสัมมนาแหล่งสมาคมการบินกองทัพบกแห่งอเมริกา Army Aviation Association of America 2025(AAAA 2025) ใน Nashville มลรัฐ Tennessee
อากาศยานใบพัดกระดก V-280 Valor มีจุดประสงค์ที่จะเสริมและทยอยทดแทนเฮลิคอปเตอร์ใช้งานทั่วไป Sikorsky UH-60 Black Hawk ในฐานะเฮลิคอปเตอร์ใช้งานทั่วไปหลักของกองทัพบกสหรัฐฯ

หน่วยบินที่เป็นหน่วยขึ้นตรงของกองพลส่งทางอากาศที่101 คือกองพลน้อยบินรบที่101(101st CAB: 101st Combat Aviation Brigade) ซึ่งประจำการเฮลิคอปเตอร์ UH-60 และเฮลิคอปเตอร์ HH-60 หลากหลายรุ่นจำนวน 53เครื่อง
แม้ว่าหน่วยรองใดที่จะได้รับมอบอากาศยานใบพัดกระดก V-280 เครื่องแรกยังไม่ได้รับการตัดสินใจ ตัวเลือกที่เป็นไปได้มากที่สุดน่าจะคือกองพันบินที่5(5th Battalion) และกองพันบินที่6(6th Battalion) กองพลส่งทางอากาศที่101 กล่าวกับ Janes เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2025

การตัดสินใจที่จะประจำการอากาศยานใบพัดกระดก V-280 แก่กองพลน้อยบินรบที่101 เป็นหน่วยแรก "อยู่บนพื้นฐานภาวะการณ์ภารกิจ(mission profile) และความต้องการทางยุทธบริเวณต่างๆของพวกเขา
กองพลน้อยบินรบที่101 ทำการบินเข้าสู่สภาพแวดล้อมที่มีการแย่งชิงต่างๆในโลกจริง, ตลอดทั้งภูมิประเทศที่หลากหลาย, บ่อยครั้งที่ปราศจากความสะดวกสบายของโครงสร้างพื้นฐานสนับสนุนประจำที่" พลเอก Mingus กล่าว

"พวกเขาต้องการความเร็ว, ระยะเวลาปฏิบัติการที่ยาวนาน และความน่าเชื่อถือ ข้อมูลเชิงลึกการปฏิบัติงานตั้งแต่การวางกำลังแรกจะจัดเป็นแบบแผนหลักนิยมขั้นต้น, รูปแบบการดำรงสภาพต่างๆ และแนวคิดการดำเนินกลยุทธ์" พลเอก Mingus กล่าวต่อ
กองพลน้อยบินรบที่101 มีความเชี่ยวชาญในการจู่โจมทางอากาศส่งกำลังเข้าพื้นที่อย่างรวดเร็วจากระยะไกล หน่วยได้มีส่วนร่วมใน wargame และการฝึก digital หลายครั้งเพื่อทดสอบศักยภาพทางยุทธวิธีของ V-280 

กองพลส่งทางอากาศที่101 กล่าวกับ Janes แม้ว่าอากาศยานใบพัดกระดก V-280 เครื่องต้นแบบจะยังไม่มาเยือนถึงหน่วยสำหรับการประเมินค่าการรับมอบก็ตาม บริษัท Bell สหรัฐฯมีกำหนดที่จะสร้างเครื่องต้นแบบจำนวน 6เครื่องสำหรับการทดสอบ 
โดยเครื่องต้นแบบเครื่องแรกมีกำหนดจะทำการบินในปี 2026 เครื่องบินในสายการผลิตระดับต่ำขั้นต้น(LRIP: Low-Rate Initial Production) มีกำหนดสำหรับสายการผลิตในปี 2028 และการนำเครื่องบินเข้าประจำการคาดว่าจะมีขึ้นในปี 2030 ครับ

วันพุธที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2568

กองทัพบกไทยฝึกดำเนินกลยุทธ์ด้วยกระสุนจริง CALFEX หน่วยกรมทหารราบเฉพาะกิจ กองพลทหารราบที่๑๑




























Royal Thai Army (RTA) conducted Combined Arms Live-Fire Exercise (CALFEX) for combined task force infrantry regiment of 11th Infantry Division, 1st Army Area at RTA tactical training Artillery Center in Baan Deelang, Phatthana Nikhom District in Lopburi Province, Thailand on 21 April 2025. (Sompong Nondhasa)



Stryker ,ปืนใหญ่ ATMG ,รถถัง M 48A5 ซ้อมรบระดับกรมทหารราบเฉพาะกิจ ...ทบ. นำคณะ รมว.กห. ชมการฝึกดำเนินกลยุทธ์ด้วยกระสุนจริง ของกรมทหารราบเฉพาะกิจ เตรียมกำลังกองทัพพร้อมรองรับภารกิจในอนาคต 
...วันที่ 21 เมษายน 2568 พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก พร้อมคณะผู้บังคับบัญชาของกองทัพบก ให้การต้อนรับ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในโอกาสเดินทางมาตรวจเยี่ยมการฝึกและตรวจสอบเป็นหน่วยกรมทหารราบเฉพาะกิจ ของกองพลทหารราบที่ 11 ณ สนามฝึกทางยุทธวิธี ศูนย์การทหารปืนใหญ่ อ.พัฒนานิคม จ.ลพบุรี

ในโอกาสนี้ ผู้บัญชาการทหารบกได้นำคณะฯ เยี่ยมชมนิทรรศการแสดงอาวุธและยุทโธปกรณ์ที่ประจำการในหน่วยและนำมาใช้ประกอบการฝึก ประกอบด้วย อาวุธยิงสนับสนุน, อาวุธประจำกายและอาวุธประจำหน่วย, นวัตกรรมทางทหาร รวมทั้งยานยนต์รบและรถถัง อาทิ รถยานเกราะล้อยาง Stryker และรถถัง M 48A5 
ก่อนจะเข้ารับฟังการบรรยายสรุปภาพรวมการฝึก พร้อมชมการสาธิตการฝึกดำเนินกลยุทธ์ด้วยกระสุนจริง หรือ Combined Arms Live Fire Exercise (CALFEX) ซึ่งเป็นไฮไลต์สำคัญของการฝึกครั้งนี้ โดยมุ่งเสริมสร้างขีดความสามารถของกำลังพล และหน่วยประกอบกำลังระดับกรมทหารราบในสถานการณ์จำลองการรบตามแบบ (Conventional Warfare) 

สำหรับหน่วยรับการฝึกกรมทหารราบเฉพาะกิจ จัดกำลังจากกรมทหารราบที่ 112 กองพลทหารราบที่ 11 เป็นหน่วยดำเนินกลยุทธ์หลัก และหน่วยต่างๆ ตามระบบปฏิบัติการในสนามรบ ประกอบด้วย กองร้อยทหารม้าลาดตระเวนที่ 1, กองพันทหารม้าที่ 4, กองพันทหารช่างที่ 1, กองพันเสนารักษ์ที่ 1, กองทหารพลาธิการที่ 1, กองพันทหารปืนใหญ่ที่ 11 กรมทหารปืนใหญ่ที่ 1 รักษาพระองค์,
กองร้อยทหารสารวัตรสนามที่ 3 กองพันทหารสารวัตรที่ 12, กองร้อยลาดตระเวนระยะไกลที่ 1, หน่วยบัญชาการป้องกันภัยทางอากาศ, หน่วยข่าวกรองทางทหาร, กองพลทหารปืนใหญ่, ศูนย์การบินทหารบก และกรมวิทยาศาสตร์ทหารบก รวมจำนวนกำลังพลกว่า 5,000 นาย 

โดยแบ่งการฝึกเป็น 2 ช่วง ได้แก่ ช่วงการฝึกในภาคที่ตั้ง ระหว่างเดือน ม.ค. - ก.พ.68 ณ พื้นที่ของกองพลทหารราบที่ 11 และช่วงการฝึกภาคสนาม ณ สนามยิงปืนบ้านดีลัง จ.ลพบุรี ระหว่างวันที่ 15 - 22 เม.ย.68 
ซึ่งการจัดการฝึกในลักษณะนี้ เป็นไปตามนโยบายของผู้บัญชาการทหารบก ในการพัฒนาศักยภาพ และเตรียมความพร้อมด้านกำลังรบของกองทัพบก ให้สามารถรองรับภารกิจด้านความมั่นคงต่างๆ ในอนาคตได้อย่างมีประสิทธิภาพ ...Photo Sompong Nondhasa

กองทัพภาคที่๑ ทภ.๑(1st Army Area) กองทัพบกไทย(RTA: Royal Thai Army) ได้จัดการฝึกและตรวจสอบเป็นหน่วยกรมทหารราบเฉพาะกิจ กรม ร.ฉก. ของกองพลทหารราบที่๑๑ พล.ร.๑๑(11th Infantry Division) ในส่วนการฝึกภาคสนาม ณ สนามฝึกทางยุทธวิธี บ้านดีลัง ศูนย์การทหารปืนใหญ่ อำเภอพัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี ระหว่างวันที่ ๑๕-๒๒ เมษายน พ.ศ.๒๕๖๘(2025)
การฝึกดำเนินกลยุทธ์ด้วยกระสุนจริง(CALFEX: Combined Arms Live Fire Exercise) เมื่อวันที่ ๒๑ เมษายน พ.ศ.๒๕๖๘ ที่ได้เชิญ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีไทยและรัฐมนตรีกลาโหมไทย และสื่อมวลชนร่วมรับชมการสาธิต ณ สนามฝึกยิงปืนใหญ่บ้านดีลัง จังหวัดลพบุรี ได้เห็นการนำอาวุธยุทโธปกรณ์หลากหลายแบบเข้าร่วมการฝึก

โดยหน่วยดำเนินกลยุทธ์หลักจัดกำลังจาก กรมทหารราบที่๑๑๒ ร.๑๑๒(112th Infantry Regiment) กองพลทหารราบที่๑๑ ซึ่งเป็นหน่วยที่ประจำการด้วยยานเกราะล้อยาง Stryker RTA ICV 8x8 ที่เข้าร่วมหลายการฝึกมาก่อนหน้าในปีนี้(https://aagth1.blogspot.com/2025/03/hanuman-guardian-2025.html, https://aagth1.blogspot.com/2025/03/calfex-cobra-gold-2025.html) กำลังรบหน่วยอื่นๆยังรวมถึง 
กองร้อยเครื่องยิงลูกระเบิดหนัก ร้อย.ค.หนัก กรมทหารราบที่๑๑๒ ร.๑๑๒ ที่ใช้เครื่องยิงลูกระเบิดอัตตาจรล้อยาง M361 ATMM 120mm และปืนใหญ่อัตตาจรล้อยาง M758 ATMG 155mm ของ กองพันทหารปืนใหญ่ที่๗๒๑ กรมทหารปืนใหญ่ที่๗๒ ป.๗๒ พัน.๗๒๑ กองพลทหารปืนใหญ่ พล.ป.(721st Artillery Battalion, 72nd Artillery Regiment, Artillery Division) ที่ทั้งหมดสร้างในไทยเข้าประจำการเป็นจำนวนมากแล้ว(https://aagth1.blogspot.com/2023/12/m361-atmm-120mm.html, https://aagth1.blogspot.com/2023/11/defense-security-2023-m758-atmg-155mm.html)

กองพลที่๑ รักษาพระองค์(1st Division King's Guard) รวมถึง รถยนต์บรรทุก รยบ.HMMWV และรถถังเบาแบบ๒๑ ถ.เบา.๒๑ Scorpion กองร้อยทหารม้าลาดตระเวนที่๑ ร้อย.ม.ลว.๑(1st Reconnaissance Carvalry Company), รถถังหลัก M48A5 กองพันทหารม้าที่๔ ม.พัน.๔(4th Tank Carvalry Squadron) ซึ่งเปลี่ยนจากรถถังเบา M41A3 ที่ปลดประจำการไปแล้ว(https://aagth1.blogspot.com/2021/12/m41a3-v-150.html)
ปืนใหญ่เบากระสุนวิถีโค้งแบบลากจูง LG1 Mk III 105mm กองพันทหารปืนใหญ่ที่๑๑(11th Artillery Battalion), กรมทหารปืนใหญ่ที่๑ รักษาพระองค์(1st Artillery Regiment)(https://aagth1.blogspot.com/2023/09/lg1-mk3-105mm.html),หน่วยบัญชาการป้องกันภัยทางอากาศ นปอ.(Army Air Defense Command) รงมถึง อาวุธปล่อยนำวิถีต่อสู้อากาศยานระดับต่ำ Starstreak และปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานอัตตาจร M163 VADS กองพันทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานที่๕ กรมทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานที่๑ ปตอ.๑ พัน.๕(5th Anti-Aircraft Artillery Battalion, 1st Anti-Aircraft Artillery Regiment)

กรมบิน(Aviation Regiment), ศูนย์การบินทหารบก ศบบ.(AAC: Army Aviation Center) รวมถึง เฮลิคอปเตอร์โจมตี ฮ.จ.๑ AH-1F Cobra กองพันบินที่๓(3rd Aviation Battalion), เฮลิคอปเตอร์ลาดตระเวนติดอาวุธ ฮ.ลว./อว.๕๕๐ AS550 C3 Fennec(Airbus Helicopters H125M) กองพันบินที่๑(1st Aviation Battalion), เฮลิคอปเตอร์ใช้งานทั่วไป ฮ.ท.๖๐ UH-60L/M Black Hawk กองพันบินที่๙(9th Aviation Battalion) 
และเฮลิคอปเตอร์ใช้งานทั่วไป ฮ.ท.๗๒ UH-72A Lakota กองพันบินที่๔๑(41st Aviation Battalion), รถยนต์บรรทุก รยบ.๕๑ พยาบาล กองพันเสนารักษ์ที่๑ พัน.สร.๑(1st Medical Battalion), กองร้อยลาดตระเวนระยะไกลที่๑ ร้อย.ลว.ไกล.๑(1st Long Range Reconnaissance Patrol Company) พล.๑ รอ. เป็นต้น และหน่วยสนับสนุนอื่นๆรวมจำนวนกำลังพลกว่า ๕,๐๐๐นายอย่างบูรณาการครับ

วันศุกร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568

Boeing สหรัฐฯจะปิดสายการผลิตเฮลิคอปเตอร์ลาดตระเวนติดอาวุธ AH-6i หลังเสร็จสิ้นการส่งมอบให้กองทัพบกไทย

IMH 2025: Boeing to cease AH-6i production



An AH-6i for Thailand, seen during flight testing near its Mesa production facility in Arizona, the AH-6i is to shortly be discontinued. (Boeing)


Thailand's acquisition of eight AH-6i Little Bird light attack helicopters will allow the service to replace its obsolete AH-1IF Cobra helicopters. (Royal Thai Army)

บริษัท Boeing สหรัฐฯจะปิดสายการผลิตเฮลิคอปเตอร์ลาดตระเวนติดอาวุธ ฮ.ลว./อว.๖ AH-6i Little Bird ของตนเมื่อคำสั่งซื้อสำหรับลูกค้ารายล่าสุดของเฮลิคอปเตอร์รุ่นนี้คือไทยได้เสร็จสิ้นลง
ผู้อำนายการอาวุโสฝ่ายการพัฒนาธุรกิจสำหรับระบบขึ้นลงทางดิ่งของ Boeing สหรัฐฯ Mark Ballew กล่าวกับ Janes และสื่อกลาโหมอื่นๆเมื่อวันที่ ๒๖ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๖๘(2025) ว่า

สายการผลิตของเฮลิคอปเตอร์โจมตีเบาและลาดตระเวน AH-6i Little Bird ของบริษัท Boeing ในโรงงานอากาศยาน Mesa มลรัฐ Arizona จะถูกปิดตัวลงเร็วๆนี้ตามที่เฮลิคอปเตอร์ ๘เครื่องที่ถูกสั่งจัดหาสำหรับกองทัพบกไทย(RTA: Royal Thai Army) ได้ถูกสร้างแล้ว
"เราจะยุติการผลิตของเฮลิคอปเตอร์โจมตีเบาและลาดตระเวน AH-6i เมื่อเราได้ส่งมอบให้แก่ประเทศไทยตามคำสั่งที่ได้รับแล้ว "ตอนนี้เว้นแต่ว่าจะมีประเทศอื่นที่เข้ามาโดยทันทีและพูดว่า 'เฮ้เราต้องการเฮลิคอปเตอร์ AH-6i วันนี้' มันจะยุติลง" 

Ballew กล่าว ณ งานสัมมนาเฮลิคอปเตอร์ทางทหารนานาชาติ IQPC International Military Helicopter(IMH) 2025 ที่จัดขึ้นในกรุง London สหราชอาณาจักร ระหว่างวันที่ ๒๕-๒๗ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๖๘(2025)
Ballew ไม่ได้ขยายความว่าทำไมการตัดสินใจได้มีขึ้น ณ เวลานี้ แต่โดยมีเพียงกองกำลังรักษาดินแดนซาอุดีอาระเบีย(Saudi Arabian National Guard) และกองทัพบกไทย(https://aagth1.blogspot.com/2024/10/boeing-ah-6i.html)

ที่จัดหาเฮลิคอปเตอร์โจมตีเบาและลาดตระเวน AH-6i Little Bird ไปรวมทั้งหมด ๓๒เครื่อง ดูเหมือนว่าบริษัท Boeing จะได้ตัดสินใจแล้วว่า(https://aagth1.blogspot.com/2024/06/ah-6i.html)
ตลาดสำหรับคำสั่งซื้อเพิ่มเติมที่ยั่งยืนสำหรับเฮลิคอปเตอร์โจมตีเบาและลาดตระเวน AH-6i Little Bird ไม่มีอยู่อีกต่อไป(https://aagth1.blogspot.com/2024/01/ah-6i-apkws.html, https://aagth1.blogspot.com/2023/06/korean-air-ah-6i.html

เปิดตัวในปี พ.ศ.๒๕๕๒(2009) ตามรอบโครงการเฮลิคอปเตอร์ลาดตระเวนติดอาวุธ ARH(Armed Reconnaissance Helicopter) ที่ถูกยกเลิกไปของกองทัพบกสหรัฐฯ(US Army)
ฮ.ลว./อว.๖ AH-6i ได้รับการออกแบบโดย Boeing ให้ตรงตามความต้องการของประเทศเหล่านี้ที่ไม่สามารถจะจัดซื้อหรือไม่ต้องการขีดความสามารถของเฮลิคอปเตอร์โจมตีแท้เช่นเฮลิคอปเตอร์โจมตี AH-64 Apache ของบริษัทได้(https://aagth1.blogspot.com/2024/08/ah-64e-apache-36.html)

ในโฉมหน้าของเครื่องในฐานะเฮลิคอปเตอร์โจมตีเบา/หนัก, รักษาความปลอดภัยและคุ้มกัน, ส่งกำลังพลเข้าพื้นที่(troop insertion), ลาดตระเวน และค้นหาและกู้ภัยในพื้นที่การรบ(CSAR: Combat Search-and-Rescue)
ฮ.ลว./อว.๖ AH-6i ได้รับการติดตั้งด้วยระบบตรวจจับกล้อง Electro-Optic/Infrared(EO/IR) และถูกปรับแต่งให้สามารถติดอาวุธอากาศสู่พื้นนำวิถีและไม่นำวิถีได้หลายแบบ รวมถึงอาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่พื้นความแม่นยำสูง Lockheed Martin AGM-114 Hellfire

กองทัพบกไทยได้สั่งจัดหาเฮลิคอปเตอร์ลาดตระเวนติดอาวุธ ฮ.ลว./อว.๖ AH-6i จำนวน ๘เครื่องภายในสัญญามูลค่าวงเงินราว $103.8 million(ประมาณ ๓,๓๔๒,๕๘๙,๐๑๔บาท) ซึ่งคาดว่าจะได้รับมอบครบทั้งหมดภายในปี พ.ศ.๒๕๖๘ นี้(https://aagth1.blogspot.com/2022/02/ah-6i.html)
ภายใต้โครงการรูปแบบการขาย Foreign Military Sales(FMS) โดยกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯได้อนุมัติการขายให้ไทยในเดือนกันยายน พ.ศ.๒๕๖๒(2019)(https://aagth1.blogspot.com/2019/09/ah-6i.html)

สำนักงานความร่วมมือความมั่นคงกลาโหมสหรัฐฯ(DSCA: Defense Security Cooperation Agency) กล่าวว่าเฮลิคอปเตอร์ลาดตระเวนติดอาวุธ ฮ.ลว./อว.๖ AH-6i จะทำให้กองทัพบกไทยสามารถปลดประจำการเฮลิคอปเตอร์โจมตี ฮ.จ.๑ Bell AH-1F Cobra ที่มีอายุการใช้งานมานานของตนได้
เฮลิคอปเตอร์โจมตี ฮ.จ.๑ AH-1F Cobra ถูกสั่งจัดหาโดยกองทัพบกไทยตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๓๓(1990) โดยปัจจุบันมีประจำการ ณ กองพันบินที่๓(3rd Aviation Battalion), กรมบิน(Aviation Regiment), ศูนย์การบินทหารบก ศบบ.(AAC: Army Aviation Center) จำนวน ๗เครื่องครับ

วันเสาร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568

ภาพเปิดเผยเฮลิคอปเตอร์โจมตี AH-1Z นาวิกโยธินสหรัฐฯติดอาวุธปล่อยนำวิถี LRPF ใหม่ที่ไม่เคยเห็นมาก่อน

US Navy releases first known public photograph of Long Range Precision Fires munition





A US Marine Corps AH-1Z with a Long Range Precision Fires munition mounted to the outer weapons station of both stub wings. Little is publicly known about the munition, which is likely capable of performing both kinetic and non-kinetic roles. (NAVAIR)

กองบัญชาการระบบอากาศนาวี(NAVAIR: Naval Air Systems Command) กองทัพเรือสหรัฐฯ(USN: US Navy) ได้เผยแพร่ภาพถ่ายของอาวุธแบบใหม่ที่เคยพบเห็นมาก่อน
ถูกติดตั้งกับเฮลิคอปเตอร์โจมตี Bell AH-1Z นาวิกโยธินสหรัฐฯ(USMC: US Marine Corps) อาวุธปล่อยนำวิถีความแม่นยำสูงพิสัยไกล L3Harris Long Range Precision Fires(LRPF) เมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2025

แม้ว่าการมีอยู่ของอาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่พื้น LRPF ที่ยังถูกเรียกว่าอาวุธปล่อยนำวิถีโจมตีพิสัยไกล Long Range Attack Missile หรืออาวุธปล่อยนำวิถีโจมตีความแม่นยำสูง Precision Attack Strike Missile
ได้เป็นที่รับทราบต่อทางสาธารณะ ภาพถ่ายล่าสุดนี้เป็นเครื่องหมายที่แสดงให้เห็นถึงว่าอาวุธปล่อยนำวิถี LRPF ได้ถูกพบเห็นและเผยแพร่ต่อสาธารณะ(https://aagth1.blogspot.com/2024/08/ah-1z-viper-12.html)

ภาพและข้อมูลที่เผยแพร่โดยกองบัญชาการระบบอากาศนาวีกองทัพเรือสหรัฐฯ NAVAIR อธิบายว่าการทดสอบยิงของอาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่พื้น LRPF มีการดำเนินการขึ้นในเดือนพฤศจิกายน 2024
ณ สถานีทดสอบอาวุธ Yuma Proving Ground มลรัฐ Arizona ซึ่ง "เกินเกณฑ์ข้อกำหนดขั้นต่ำที่วางไว้ที่เกี่ยวข้องกับ ตำแหน่ง, การนำร่อง, และระยะเวลา"(https://aagth1.blogspot.com/2024/02/ah-1z-al-kobra-z.html)

การยิงอาวุธปล่อยนำวิถี LRPF ถูกอธิบายเพิ่มเติมว่าดำเนินการผ่านระบบอุปกรณ์ Marine Air-Ground Tablet ซึ่งมีประสิทธิภาพที่ทำให้เหล่านาวิกโยธินสหรัฐฯในแนวหน้าสามารถสั่งการโจมตีทางอากาศแบบ digital ได้
สื่อประชาสัมพันธ์ที่เผยแพร่าจากบริษัท L3Harris สหรัฐฯเมื่อวันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2025 กล่าวว่าการทดสอบเป็นเครื่องหมายถึง "การประสบความสำเร็จครั้งแรกในการโจมตีเป้าหมายจากระบบ(อากาศยานขึ้นลงทางดิ่ง)ที่ระยะที่ไม่สามารถสัมผัสได้ก่อนหน้า"

อาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่พื้น LRPF ได้รับการพัฒนาภายใต้โครงการที่นำโดยทีมการพัฒนาขั้นก้าวหน้าการบินทางทะเลโพ้นทะเล(Expeditionary Maritime Aviation-Advanced Development Team)
ของสำนักงานภายใต้รัฐมนตรีกลาโหมด้านการวิจัยและวิศวกรรม(OUSD-R&E: Office of the Under Secretary of Defense for Research and Engineering) ของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ

โดยมีวัตถุประสงค์ที่จะ "ประเมินค่าประสิทธิภาพต่อราคา, ผลกระทบต่างๆที่แตกต่างกันในระยะไกลในสภาพแวดล้อมโพ้นทะเลและทางทะเล" NAVAIR กล่าวกับ Janes เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2025
"โครงการ(อาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่พื้น LRPF) มีแผนที่จะเสร็จสิ้นในปี 2025 โดยความต้องการต่างๆในอนาคตและแผนต่างๆกำลังอยู่ภายใต้การพัฒนา" NAVAIR เสริมครับ(https://aagth1.blogspot.com/2024/01/ah-1z.html)