Minister: Pakistan Bought Chinese J-10 Jets To Counter India’s Rafales
China's the People's Liberation Army Air Force (PLAAF) J-10C fighter jet in a
training.
PLAAF's J-10C fighter jet was displayed at Airshow China 2021 in Zhuhai from
28 September to 3 October 2021.
เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2021 รัฐมนตรีมหาดไทยปากีสถาน Sheikh Rasheed Ahmed
ประกาศ ณ งานต่อสาธารณชนใน Rawalpindi ว่ากองทัพอากาศปากีสถาน(PAF: Pakistan Air
Force) จะทำการแสดงการบินผ่านโดยใช้เครื่องบินขับไล่ "JS-10" จำนวน
25เครื่องใหม่ที่จัดซื้อจากจีน
ในพิธีสวนสนามวันชาติปากีสถาน(Republic Day) ในวันที่ 23 มีนาคม 2022
เขาเสริมว่าเครื่องขับไล่ใหม่เหล่านี้จะตอบโต้เครื่องบินขับไล่ Dassault Rafale
กองทัพอากาศอินเดีย(IAF: Indian Air Force) 36เครื่องที่จัดหาจากฝรั่งเศส(https://aagth1.blogspot.com/2020/09/rafale.html)
Ahmed น่าจะกล่าวอ้างถึงเครื่องบินขับไล่ทางยุทธวิธีเครื่องยนต์เดี่ยว J-10
Vigorous Dragon ที่สร้างโดย Chengdu Aerospace Corporation(CAC) ในมณฑล Sichuan
ในเครือ Aviation Industry Corporation of China(AVIC)
กลุ่มรัฐวิสาหกิจผู้ผลิตอากาศยานของสาธารณรัฐประชาชนจีน
ได้รับการพัฒนาในช่วงปี 1980s-1990s เครื่องบินขับไล่ J-10
มีแนวคิดการออกแบบเป็นเครื่องบินขับไล่ขนาดเบาแต่สมรรถนะสูงเช่นเดียวกับเครื่องบินขับไล่
F-16 สหรัฐฯ และมีความร่วมที่มาด้วยกันจากโครงการเครื่องบินขับไล่ Lavi
อิสราเอลที่ยกเลิกไปเช่นเดียวกัน
ไม่มีการยืนยัน(หรือปฏิเสธ)อย่างเป็นทางการจากจีนหรือปากีสถานในการจัดซื้อเครื่องบินขับไล่
J-10 ตั้งแต่ที่รัฐมนตรีมหาดไทยปากีสถาน Ahmed แถลง
ซึ่งได้รับการรายงานเบื้องต้นโดยสื่อในภูมิภาคเอเชียใต้
จำนวนเครื่องที่สั่งจัดหาไม่เป็นที่ชัดเจนเช่นกัน
ขณะที่รัฐมนตรี Ahmed กล่าวถึง 25เครื่องในหนึ่งฝูงบินจะพร้อมในพิธีสวนสนามวันที่
23 มีนาคม 2022 แหล่งข้อมูลอื่นอ้างว่าจำนวนจัดหาที่แท้จริงอยู่ที่ทั้งหมด
36เครื่องในสองฝูงบิน(ฝูงบินละ 18เครื่อง)
ถ้าการกล่าวอ้างของรัฐมนตรี Ahmed ว่าเครื่องบินขับไล่ J-10
กองทัพอากาศปากีสถานจะทำการบินก่อนวันชาติปากีสถานในเดือนมีนาคม 2022เป็นความจริง
หมายความว่ารัฐบาลปากีสถานได้ทำการสั่งจัดหาเครื่องอย่างเป็นความลับมาก่อนหน้านั้นนานแล้ว
ตามที่การจัดหาอากาศยานโดยปกติจะเวลาหลายปีในการดำเนินการไม่ใช่แค่หลายเดือน
หลังจากนั้นแม้ว่าการเจรจาจะเสร็จสิ้นไปแล้ว
มันต้องใช้เวลาในการผลิตเครื่องบินและทำการฝึกนักบินที่จะปฏิบัติการกับเครื่องบินแบบใหม่ทั้งหมด
ปากีสถานซึ่งเป็นพันธมิตรกับจีนมายาวนานได้แสดงความสนใจในเครื่องบินขับไล่ J-10
เป็นครั้งแรกย้อนกลับไปได้ในปี 2006 แต่เลือกที่จะทำการผลิตเครื่องบินขับไล่เบา
JF-17 Thunder ร่วมกับจีนแทน
เครื่องบินขับไล่ JF-17 Block III
รุ่นล่าสุดซึ่งได้นำขีดความสามารถสงครามนอกระยะสายตา(BVR: Beyond-Visual-Range)
อย่างสำคัญ(https://aagth1.blogspot.com/2021/01/jf-17b-14.html)
อย่างไรก็ตามมีรายงานว่ารัฐบาลปากีสถานแสวงหาการจัดซื้อเครื่องบินขับไล่ J-10
ที่มีสมรรถนะสูงกว่า
เช่นเดียวกับการเพิ่มความคุ้นเคยกับเครื่องในการเยือนและการฝึกร่วมกับกองทัพอากาศปลดปล่อยประชาชนจีน(PLAAF:
People's Liberation Army Air Force)
ปากีสถานน่าจะจัดหาเฉพาะเครื่องบินขับไล่ J-10C
รุ่นล่าสุดที่ติดตั้งเครื่องยนต์ไอพ่น turbofan แบบ WS-10B หรือ WS-10C
ที่จีนสร้างมากกว่าเครื่องยนต์ไอพ่น AL-31F รัสเซียที่ใช้ในเครื่องบินขับไล่
J-10A และ J-10B รุ่นก่อนเพื่อลดความยุ่งยากทางการเมืองในการจัดซื้อ
เครื่องบินขับไล่ J-10C จีนยังมีคุณสมบัติติดตั้ง AESA(Active Electronically
Scanned Array) radar ขั้นก้าวหน้า
และสามารถใช้อาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่อากาศพิสัยไกล PL-15 ได้(https://aagth1.blogspot.com/2019/11/j-10c.html)
ตามที่กองทัพอากาศทั่วโลกได้เพิ่มความชื่นชอบในเครื่องบินขับไล่ขนาดหนักพิสัยไกล
เครื่องบินขับไล่เบาพิสัยสั้นที่ราคาถูกกว่าที่ดึงดูดหลายประเทศเช่นปากีสถานและคู่แข่งของตนอินเดีย
ที่มีความเป็นไปได้ในการเผชิญหน้าการรบทางอากาศใกล้พรมแดนของพวกตน
ตัวอย่างเช่นในปี 2019 เครื่องบินขับไล่จากอินเดียและปากีสถานถูกยิงตก
โดยอินเดียอ้างการสังหารได้ 1เครื่อง และปากีสถานอ้างการสังหารได้ 2เครื่อง
อย่างไรก็ตามการยืนยันจากภาพถ่ายมีเพียงซากเครื่องบินขับไล่ MiG-21 อินเดีย
1เครื่องที่ตก(นักบินดีดตัวได้)
เช่นเดียวกับเศษชิ้นส่วนของอาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่อากาศพิสัยกลาง AIM-120C
AMRAAM(Advanced Medium-Range Air-to-Air Missile)
ที่น่าจะทำการยิงจากเครื่องบินขับไล่ F-16 ปากีสถานเครื่องหนึ่ง
กองทัพอากาศปากีสถานจัดหาเครื่องบินขับไล่ F-16A/B ฝูงบินแรกของตนในปี 1980s
และต่อมามาพวกมันได้ทำการยิงเครื่องบินขับไล่ของอดีตสหภาพโซเวียตและอัฟกานิสถานตก
5-10เครื่องในพรมแดนอัฟกานิสถาน-ปากีสถาน
ในระหว่างปี 2000s กองทัพอากาศปากีสถานได้รับมอบเครื่องบินขับไล่ F-16C/D
ที่มีขีดความสามารถเพิ่มขึ้นด้วย
อย่างไรก็ตามปากีสถานมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับจีนมากขึ้นในช่วงทศวรรษล่าสุด
และการสนับสนุนเบื้องหลังกลุ่ม Taliban ในอัฟกานิสถานมายาวนาน
นี่จึงนำไปสู่ความเสื่อมถอยของความสัมพันธ์ของปากีสถานกับสหรัฐฯ
ซึ่งสหรัฐฯได้เพิ่มความสัมพันธ์กับอินเดียมากขึ้น ในบริบทนี้
แม้ว่าการขายเครื่องบินขับไล่ F-16 เพิ่มเติม
8เครื่องจะได้รับการอนุมัติในเดือนเมษายน 2021
แต่กองทัพอากาศปากีสถานไม่สามารถจะมั่นใจได้ว่าตนจะยังคงเข้าถึงเครื่องบินขับไล่
F-16 และชิ้นส่วนอะไหล่, การปรับปรุง และอาวุธต่างๆจากสหรัฐฯได้อยู่
สถานะความสัมพันธ์ที่แย่ลงระหว่างสหรัฐฯ-ปากีสถานจูงใจให้ปากีสถานกลับมาสนใจเครื่องบินขับไล่จีนใหม่
ซึ่งปากีสถานได้เริ่มต้นการจัดหาเครื่องบินรบจากจีนในปี 1960s
ตั้งแต่เครื่องบินขับไล่ F-6 เครื่องบินโจมตี A-5C และเครื่องบินขับไล่ F-7P/PG
ทั้งหมดเป็นรุ่นส่งออกที่จีนสร้างโดยมีพื้นฐานจากเครื่องบินขับไล่ MiG-19
และเครื่องบินขับไล่ MiG-21 รัสเซีย
ถ้าเครื่องบินขับไล่ J-10 ถูกส่งมอบให้ปากีสถาน
พวกมันน่าจะถูกนำมาทดแทนเครื่องบินขับไล่ Mirage III ROSE จำนวน
87เครื่องของกองทัพอากาศปากีสถานเป็นหน่วยแรก
ซึ่งเครื่องบินขับไล่ Mirage III ROSE
ปากีสถานยังคงค่อนข้างเก่าแม้ว่าจะบูรณาการระบบ avionic สมัยใหม่,
ระบบนำร่องดาวเทียม และ radar แบบ Grifo อิตาลีก็ตาม Mirage III
ถูกวางกำลังในฝูงบินที่7(No.7 Squadron "Bandits") ณ ฐานทัพอากาศ Masroor ใกล้
Karachi
เช่นเดียวกับฝูงบินฝึกที่22(No.22 Training Squadron) และฝูงบิน Sky Bolts ณ
โรงเรียนผู้บังคับการรบ(CCS: Combat Commander’s School) ใน Punjab
รัฐมนตรี Ahmed
และผู้ให้ความเห็นปากีสถานรายอื่นได้แสดงความเห็นคาดการณ์การจัดหาเครื่องบินขับไล่
J-10 ในฐานะ "การตอบโต้" ต่อเครื่องบินขับไล่ Rafale ที่กำลังถูกส่งมอบให้อินเดีย
เครื่องบินขับไล่ J-10C ดูปรากฎว่าจะมีขีดความสามารถเหมือนเครื่องบินขับไล่ F-16
ด้วยระบบตรวจจับและอาวุธที่จะเพิ่มพูนขีดความสามารถสงครามทางอากาศของกองทัพอากาศปากีสถาน
แม้ว่าเครื่องบินขับไล่ J-10 ของจีนมีความสูญเสียจากอุบัติเหตุจำนวนหนึ่ง
ที่อาจจะเกี่ยวข้องกับระบบ computer
ที่ออกแบบเพื่อรักษาเสถียรภาพทางอากาศพลศาสตร์ที่ไม่เสถียรของโครงสร้างอากาศยาน
นี่ยังเป็นความจริงที่เหมือนกับงานทางวิศวกรรมของ F-16 เมื่อหลายปีก่อน
อย่างไรก็ตามเครื่องบินขับไล่ J-10 ไม่ได้มีสมรรถนะเหนือกว่าเครื่องบินขับไล่
Rafale ซึ่งมีอัตราส่วนแรงขับต่อน้ำหนักเหนือกว่า และน่าจะเสริมด้วย AESA radar
และระบบสงคราม electronic(EW: Electronic Wafare) jammer
ป้องกันตนเองที่มีขีดความสามารถสูงกว่า
ผู้วิพากษ์วิจารณ์บางรายจึงกล่าวถากถางว่าการซื้อ J-10
เป็นเพราะรัฐบาลปากีสถานไม่มีความสามารถจะแสวงหาตัวเลือกอื่นได้
และนักการเมืองปากีสถานอย่างน้อยหนึ่งรายได้วิจารณ์การซื้อ J-10
โดยแย้งว่าปากีสถานควรจะลงทุนในการพัฒนาเครื่องบินขับไล่ของตนเอง
ถึงกระนั้นเครื่องบินขับไล่ J-10C จะมีขีดความสามารถมากกว่าเครื่องบินขับไล่
JF-17 และน่าจะมีความเป็นไปได้ที่จะติดอาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่อากาศ PL-15
จีนที่มีระยะยิงไกลกว่าอาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่อากาศ AIM-120C
ที่ใช้กับเครื่องบินขับไล่ F-16 ของกองทัพอากาศปากีสถาน
อาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่อากาศ PL-15 ซึ่งนำวิถีด้วยส่วนค้นหา AESA radar
คาดว่าจะมีระยะยิงที่ระหว่าง 200-300km(108-162nmi)
แม้ว่าอาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่อากาศ PL-15E รุ่นส่งออกจะจำกัดระะยะยิงที่
145km(78nmi)
มากกว่านั้น AESA radar ของ J-10(แม้ว่าจะไม่ทราบคุณลักษณะ)
อาจจะให้การหยั่งรู้สถานการณ์ที่แหลมคมเมื่อต่อกรกับเครื่องบินขับไล่อินเดียที่ไม่มี
AESA radar นอกเหนือจาก Rafale
การยืนยันการจัดซื้อเครื่องบินขับไล่ J-10 ควรจะมีตามมาในต้นปี 2022
ถ้าการแถลงของรัฐมนตรี Ahmed ถูกต้อง
ถ้าเป็นจริงมันจะเป็นเครื่องหมายถึงอีกหลักก้าวย่างในการโอบอุ้มปากีสถานของรัฐบาลจีนในฐานะผู้อุปถัมภ์
ก้าวใหญ่สำหรับภาคอุตสาหกรรมการบินของจีนซึ่งเคยล้มเหลวที่จะส่งออกเครื่องบินขับไล่ขั้นก้าวหน้าที่มากกว่า
และประวัติศาสตร์บทใหม่ในการแข่งขันด้านการบินทางทหารระหว่างอินเดียและปากีสถานครับ