วันศุกร์ที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2568

Lockheed Martin สหรัฐฯได้รับสัญญาสำหรับการผลิตเครื่องบินขับไล่ F-35 รวมเกือบ 300เครื่อง

US DoD, Lockheed Martin finalise contract for nearly 300 F-35s







The F-35 production line at Fort Worth in Texas will be turning out Lot 18 jets from 2026, with Lot 19 to follow under a finalised production agreement announced on 29 September. (Lockheed Martin)



กระทรวงการสงครามสหรัฐฯและบริษัท Lockheed Martin สหรัฐฯได้บรรลุข้อตกลงการผลิตที่ครอบคลุมเครื่องบินขับไล่ F-35 Lightning II Joint Strike Fighter(JSF) จำนวนเกือบ 300เครื่องสำหรับลูกค้าต่างๆในสหรัฐฯและนานาชาติ
ข้อตกลงของสายการผลิต Lot 18 ถึง Lot 19 ครอบคลุมเครื่องบินขับไล่ F-35 จำนวน 296เครื่องสำหรับกองทัพสหรัฐฯ, หุ้นส่วนนานาชาติ และลูกค้ารูปแบบการขาย Foreign Military Sales(FMS) ต่างๆที่ถูกแบ่งอย่างเท่ากันทั้งสอง lots

การส่งมอบเครื่องบินขับไล่ F-35 ในสายการผลิต Lot 18-19 จะเริ่มต้นในปี 2026 ด้วยข้อตกลงการขยายสายการผลิตที่ประกาศเมื่อวันที่ 29 กันยายน 2025 สัญญาวงเงิน $12.5 billion สำหรับ Lot 18 ถูกประกาศโดยกระทรวงการสงครามสหรัฐฯในวันเดียวกัน
มีขึ้นบนพื้นฐานสัญญาที่ไม่กำหนดชัดเจนที่ประกาศในเดือนธันวาคม 2024 การประกาศสัญญานี้ครอบคลุมเครื่องบินขับไล่ F-35 จำนวน 148เครื่องประกอบด้วยเครื่องบินขับไล่ F-35A จำนวน 40เครื่องสำหรับกองทัพอากาศสหรัฐฯ(USAF: US Air Force),

เครื่องบินขับไล่ F-35B จำนวน 12เครื่อง และเครื่องบินขับไล่ F-35C จำนวน 8เครื่องสำหรับนาวิกโยธินสหรัฐฯ(USMC: US Marine Corps), เครื่องบินขับไล่ F-35C จำนวน 9เครื่องสำหรับกองทัพเรือสหรัฐฯ(US Navy),
เครื่องบินขับไล่ F-35A จำนวน 13เครื่อง และเครื่องบินขับไล่ F-35B จำนวน 2เครื่องสำหรับหุ้นส่วนโครงการความร่วมมือต่างๆที่ไม่เปิดเผย และเครื่องบินขับไล่ F-35A จำนวน 52เครื่อง และเครื่องบินขับไล่ F-35B จำนวน 12เครื่องสำหรับลูกค้า FMS ต่างๆที่ไม่เปิดเผย

สัญญาแยกต่างหากวงเงิน $2.8 billion ถูกประกาศแก่บริษัท Pratt & Whitney สหรัฐฯในเดือนสิงหาคม 2025 สำหรับเครื่องยนต์ไอพ่น turbofan แบบ F-135 รุ่นต่างๆในสายการผลิต Lot 18 จำนวน 141เครื่อง มูลค่าวงเงินและจำนวนเครื่องบินในสายการผลิต Lot 19 ยังไม่รับการเปิดเผย 
หุ้นส่วนโครงการความร่วมมือต่างๆประกอบด้วยออสเตรเลีย(https://aagth1.blogspot.com/2024/12/f-35a-72.html), แคนาดา(https://aagth1.blogspot.com/2023/01/f-35a.html), เดนมาร์ก(https://aagth1.blogspot.com/2023/09/f-35a.html), 

ขณะที่ลูกค้า FMS ต่างๆคือ เบลเยียม(https://aagth1.blogspot.com/2025/07/f-35a-11.html, https://aagth1.blogspot.com/2025/05/f-35a-34.html), สาธารณรัฐเช็ก(https://aagth1.blogspot.com/2024/01/f-35a-24.html), ฟินแลนด์(https://aagth1.blogspot.com/2024/10/f-35a-64.html), 

สาธารณรัฐเกาหลี(https://aagth1.blogspot.com/2023/12/f-35a.html), สวิตเซอร์แลนด์(https://aagth1.blogspot.com/2022/09/f-35a-36.html) และโรมาเนีย(https://aagth1.blogspot.com/2024/11/f-35a-32.html)

แยกออกไปต่างห่าง อิสราเอล(https://aagth1.blogspot.com/2021/12/lockheed-martin-f-35.html) และสิงคโปร์(https://aagth1.blogspot.com/2024/03/f-35a-8-f-35b-12.html) มีส่วนร่วมในรูปแบบ Security Cooperative Participant(SCP)
จนถึงปัจจุบันมีเครื่องบินขับไล่ F-35 ในทุกรุ่นจำนวนมากกว่า 1,230เครื่องที่ถูกส่งมอบแล้วในหลากหลายโครงการ โดยทำการบินรวมกันมากกว่า 1 ล้านชั่วโมงบินแล้วครับ(https://aagth1.blogspot.com/2025/03/f-35-1.html)