วันพฤหัสบดีที่ 21 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

กองทัพอากาศฝรั่งเศสจะปรับปรุงครึ่งอายุเครื่องบินขับไล่ Mirage 2000D และ SAAB สวีเดนเสนอเครื่องบินขับไล่ Gripen ต่อกองทัพอากาศอินโดนีเซีย

Dassault contracted to conduct Mirage 2000D MLU
The French Air Force is to upgrade 55 of its Mirage 2000D all-weather combat aircraft to keep them in service through to 2030. Source: Frederic Lert
http://www.janes.com/article/62390/dassault-contracted-to-conduct-mirage-2000d-mlu

กองทัพอากาศฝรั่งเศสจะดำเนินการแผนปรับปรุงเครื่องบินขับไล่ Dassault Mirage 2000D ซึ่งได้รับการอนุมัติจากกระทรวงกลาโหมฝรั่งเศสเมื่อปลายปี 2015
สัญญาการปรับปรุงครึ่งอายุ(MLU: Mid Life Upgrade) ถูกประกาศโดยบริษัท Dassault ฝรั่งเศสเมื่อวันที่ 19 กรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งบริษัทจะเป็นผู้รับงานหลักในส่วนระบบ Avionic และระบบอาวุธ

ตามที่ Jane's ได้รายงานไปก่อนหน้านี้งานปรับปรุงเครื่องบินขับไล่ Mirage 2000D จะรวมถึงการจัดการ Radar และระบบ Avionic ที่มีปัญหาเสื่อมสภาพ
เช่นเดียวกับการเปลี่ยนอาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่อากาศพิสัยใกล้จาก MBDA R550 Magic 2 ที่ปลดประจำการแล้วให้สามารถใช้อาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่อากาศ MBDA MICA IR(InfraRed) ใหม่แทน และการติดตั้งกระเปาะปืนใหญ่อากาศสำหรับการโจมตีอากาศสู่พื้นและอากาศสู่อากาศ
นอกจากนั้นระบบอาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่พื้น Sagem AASM Hammer PGM(Precision Guided Munition) จะถูกนำบูรณาการเข้ากับเครื่อง และเครื่องยังถูกปรับปรุงให้ใช้กระเปาะชี้เป้า Laser แบบ Thales Talios เช่นเดียวกับที่ติดตั้งกับเครื่องบินขับไล่ Dassault Rafale
แต่ยังไม่มีการประกาศถึงความเป็นไปได้ที่จะนำกระเปาะข่าวกรอง Electronic แบบ Astec ที่เคยใช้กับเครื่องบินขับไล่ Dassault Mirage F1 ที่ปลดประจำการไปแล้วและถูกทดลองใช้กับ Mirage 2000D มาใช้ด้วยหรือไม่

Dassault ไม่ได้ประกาศวงเงินของสัญญาและระยะเวลาดำเนินงาน แต่ทาง Jane's เข้าใจว่า Mirage 2000D ที่ผ่านการปรับปรุง MLU เครื่องแรกจะเสร็จภายในปี 2019
เครื่องบินขับไล่ Mirage 2000D เข้าประจำการในกองทัพอากาศฝรั่งเศสตั้งแต่ปี 1993 จำนวน 63เครื่อง ซึ่งจะมี 55เครื่องที่จะได้รับการปรับปรุง MLU ซึ่งหลังการปรับปรุง Mirage 2000D จะยังคงประจำการต่อไปจนถึงปี 2030 ครับ

Saab submits Gripen bid for Indonesian fighter requirement
Indonesia has been offered the Gripen C fighter aircraft fitted with the latest MS20 capability upgrade, which is now operational on all Swedish jets and is the baseline standard for future Gripen exports. 
New capabilities in this version include the MBDA Meteor beyond-visual-range air-to-air missile and the Boeing GBU-39 Small-Diameter Bomb.) Source: Saab

บริษัท SAAB สวีเดนได้ยื่นข้อเสนอต่อเจ้าหน้าที่อินโดนีเซียในการจัดส่งเครื่องบินขับไล่ JAS-39 Gripen เข้าแข่งขันในโครงการจัดหาเครื่องบินขับไล่ของกองทัพอากาศอินโดนีเซีย(TNI-AU) Peter Carlqvist หัวหน้าบริษัท Saab Indonesia ได้ยืนยันกับ Jane's โดยเขากล่าวว่า
ข้อเสนอนี้มีความยืดหยุ่นในรุ่นของเครื่อง Gripen ที่จะจัดหาให้กองทัพอากาศอินโดนีเซีย แต่บริษัทยังคงมุ่นมั่น "100%" ที่จะตอบสนองความต้องการมีส่วนร่วมของภาคอุตสาหกรรมท้องถิ่นของอินโดนีเซีย
ข้อเสนอนี้ได้ถูกส่งไปก่อนหน้าในปีนี้ โดยทางนาย Carlqvist กล่าวว่าบริษัทยังคงรอกระบวนการแข่งขันอย่างเป็นทางการให้เริ่มต้นขึ้น ซึ่งมีรายงานว่าอินโดนีเซียจะลงนามจัดหาเครื่องบินขับไล่ Su-35 จากรัสเซียขั้นต้น 8เครื่องภายในปีนี้ออกมาก่อนหน้านี้

กองทัพอากาศอินโดนีเซียมีความต้องการเป็นระยะเวลานานในการจัดหาเครื่องบินขับไล่ใหม่ทดแทนเครื่องบินขับไล่ Northrop F-5E Tiger II ที่เข้าประจำการมาตั้งแต่ปี 1980 
โดยโครงการมีความต้องการเครื่องบินขับไล่ขั้นต้น 16เครื่องวงเงินราว $1.5 billion แต่สามารถขยายเพิ่มได้ในอนาคต ซึ่งเป็นการตอบสนองกองทัพอากาศอินโดนีเซียต่อความขัดแย้งด้านอาณาเขตที่เพิ่มขึ้นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
นาย Carlqvist กล่าวว่า SAAB ได้เสนอเครื่องบินขับไล่ Gripen C/D รุ่นปัจจุบันให้อินโดนีเซีย แต่ก็ยังเปิดโอกาสในการเสนอเครื่องบินขับไล่ Gripen E รุ่นล่าสุดที่เพิ่งเปิดตัวไปที่โรงงานอากาศยานใน Linkoping สวีเดนเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมาตามที่เคยรายงานไปด้วย
โดย Gripen E มีขีดความสามารถเหนือกว่า Gripen C/D ทั้งความอยู่รอด, ระบบตรวจจับ, ระบบทั่วไป, การบรรทุก, การสื่อสาร, สมรรถนะ, พิสัยทำการ และระบบ Avionic

"SAAB ได้ยื่นข้อเสนองบประมาณสำหรับฝูงบินขับไล่ Gripen รุ่นล่าสุดหนึ่งฝูงบิน ตั้งแต่เราทราบว่าการส่งมอบที่รวดเร็วเป็นสิ่งสำคัญของกองทัพอากาศอินโดนนีเซีย Gripen C/D จึงเป็นรุ่นที่เราเสนอ แต่ถ้ามีการยอมรับระยะเวลาการส่งมอบให้ยาวนานขึ้น Gripen E ก็จะถูกเสนอ"
นาย Carlqvist ยังกล่าวอีกว่าหลักสำคัญของข้อเสนอคือกฎหมายอุตสาหกรรมความมั่นคงปี 2012 ของอินโดนีเซีย(ที่รู้จักในชื้อ 'กฎหมายหมายเลข16') ที่ต้องการให้ผู้รับสัญญาต่างประเทศเข้ามามีส่วนร่วมในอุตสาหกรรมท้องถิ่นของอินโดนีเซียอย่างเต็มที่
"กฎหมายหมายเลข16 จะเป็นศูนย์กลางโดยสมบูรณ์ของทุกสิ่งที่เราเสนอให้อินโดนีเซีย" นาย Carlqvist กล่าวครับ