CH-53K awarded Milestone C production and deployment decision
The USMC has a programme of record for 200 CH-53K helicopters, with initial operating capability set for 2019 and full operating capability for 2029. (Sikorsky)
http://www.janes.com/article/69314/ch-53k-awarded-milestone-c-production-and-deployment-decision
บริษัท Sikorsky สหรัฐฯประกาศเมื่อวันที่ 5 เมษายนว่า กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯได้ตัดสินใจแน่ชัดให้เฮลิคอปเตอร์ลำเลียงหนัก Sikorsky CH-53K King Stallion เริ่มเข้าสู่ขั้นสายการผลิต
การตัดสินใจในหลักขั้น Milestone C นั้นจะทำให้โครงการผ่านจากขั้นการพัฒนาวิศวกรรมและการผลิต(EMD: Engineering and Manufacturing Development) เข้าสู่ขั้นสายการผลิตและวางกำลัง(PD: Production and Deployment)
ที่เกิดขึ้นจากการประสบความสำเร็จในการเสร็จสิ้นการตรวจสอบพิจารณาโดยคณะกรรมการจัดซื้อจัดจ้างกลาโหม(DAB: Defense Acquisition Board)
ตามการแถลงของ Sikorsky ตลอดการสาธิตความพร้อมของผู้รับสัญญาหลัก โครงการยังได้แสดงอย่างเดียวกับการผู้รับสัญญารายอื่น ด้วยชุดการพิจารณาที่มีการจัดทำอย่างต่อเนื่องตลอดปี 2016
โครงการทดสอบการบินที่ได้มีขึ้นแล้วราว 400ชั่วโมงบิน และการประเมินความพร้อมปฏิบัติการขั้นต้นโดยนาวิกโยธินสหรัฐฯ(USMC: US Marine Corps) ในเดือนตุลาคม 2016 ได้พิสูจน์ถึงความเข้ากันได้ของระบบต่อความพึ่งพอใจของลูกค้า
CH-53K จะสามารถบรรทุกได้หนักมากกว่า CH-53E รุ่นก่อนได้สามเท่า ขณะที่รักษาแบบแผนเครื่องหลักไว้(ห้องบรรทุกหลักกว้างกว่าประมาณ 30cm) โดยมีห้องบรรทุกภายในกว้าง 2.74m สูง 1.98m และยาว 9.14m
ซึ่งสามารถบรรทุกสัมภาระได้หลายรูปแบบตั้งแต่รถยนต์บรรทุก HMMWV ได้ 3คันบรรทุกภายในเครื่องและบรรทุกสัมภาระภายนอกเครื่องอย่างอิสระได้พร้อมกัน
ระบบตัวยึดแผนรองสัมภาระ Pallet ที่เข้ากันได้กับระบบรางของกองทัพอากาศสหรัฐฯเป็นการลดทั้งความพยายามและเวลาที่ต้องการในการบรรทุกขึ้นและลงเครื่องของแผ่นรองสัมภาระ
CH-53K มีน้ำหนักเครื่องสูงสุดพร้อมการบรรทุกภายในที่ 33.565tons และเมื่อใช้สายยึดสัมภาระภายนอกที่ 39.916tons เมื่อเทียบกับ CH-53E ที่ 31.638tons และที่ 33.339tons
การปรับปรุงอื่นๆยังรวมถึงห้องนักบิน Glass Cockpit ระบบควบคุมการบิน Fly by Wire การปรับปรุงระบบใบพัดด้วยปลายแบบแหลมยกเฉียงเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพกำลังยกและความเร็ว หัวใบพัดแบบหุ้มยางต้องการการบำรุงรักษาต่ำ ระบบรางยึดสัมภาระ ปรับปรุงการยึดสัมภาระภายนอก และการปรับปรุงความอยู่รอด
บันทึกโครงการของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯสำหรับ CH-53K 200เครื่อง ซึ่งมี 6เครื่องแรกภายใต้สัญญาและมีกำหนดส่งมอบเครื่องให้นาวิกโยธินสหรัฐฯในปี 2018 ครับ
Sikorsky welcomes CH-53K Milestone C decision as means of turning tables on Boeing in Germany
A model of the Sikorsky CH-53K King Stallion helicopter in German colours at the Berlin Airshow in 2016.
The CH-53K will go up against the Boeing CH-47F Block 2 Chinook Extended Range for Germany's upcoming heavy-lift helicopter requirement. Source: IHS Markit/Gareth Jennings
http://www.janes.com/article/69308/sikorsky-welcomes-ch-53k-milestone-c-decision-as-means-of-turning-tables-on-boeing-in-germany
การที่ Sikorsky ได้รับการตอบรับจากรัฐบาลสหรัฐฯในการตัดสินใจอนุมัติสายการผลิตของเฮลิคอปเตอร์ลำเลียงหนัก Sikorsky CH-53K King Stallion นั้นหมายถึงจุดเปลี่ยนแบบพลิกฝ่ามือของเฮลิคอปเตอร์ที่ยังคงอยู่ในขั้นการพัฒนานี้
ขณะที่คู่แข่งขันที่เสนอตนในโครงการจัดหาของเยอรมนีคือเฮลิคอปเตอร์ลำเลียงหนัก Boeing CH-47F Block 2 Chinook นั้นได้รับการวางกำลังเข้าประจำการและได้รับการพิสูจน์การใช้งานแล้ว
จากที่ Jane's ได้พูดคุยกับ Frank Crisafulli หัวหน้าฝ่ายพัฒนาธุรกิจของเฮลิคอปเตอร์ลำเลียงหนักที่ Sikorsky ในวันก่อนการตัดสินใจในหลักขั้น Milestone C คือ 5 เมษายน กล่าวว่า
การตัดสินใจอนุมัติสายการผลิตหมายถึงว่า CH-53K จะเป็นไปได้ค่อนข้างมากกว่า CH-47F Block 2 ต่อความพร้อมและแนวทางที่สมบูรณ์กว่า
สำหรับโครงการจัดหาเฮลิคอปเตอร์ลำเลียงหนัก Schweren Transporthubschrauber(STH) ของเยอรมนีเพื่อทดแทน ฮ.ลำเลียงหนัก CH-53G ที่มีอายุการใช้งานมานาน
"การตัดสินใจสายการผลิต Milestone C...เป็นข้อได้เปรียบใหญ่ในการตอบโต้ข้อกล่าวหาที่ว่า CH-53K ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ ขณะที่ CH-47F Block 2 นั้นเสร็จสมบูรณ์แล้ว มันเป็นการพลิกผันที่แท้จริงในหัวเรื่องนี้
ขณะที่ CH-47F Block 2 ยังกำลังรอการตัดสินใจการพัฒนามัน CH-53K จึงเป็นเฮลิคอปเตอร์ลำเลียงหนักในสายการผลิตที่แท้จริงซึ่งกำลังทำการบินและมีอยู่ในตลาดตอนนี้" นาย Crisafulli กล่าว
คาดว่าเยอรมนีจะออกเอกสารขอข้อเสนอ(RFP: Request for Proposal) อย่างเป็นทางการสำหรับการจัดหา ฮ.ลำเลียงหนักใหม่ 41เครื่อง(โดยมีทางเลือกที่จะเพิ่มเป็น 60เครื่อง) ในปี 2018 โดยระบบที่ถูกเลือกจะเข้าประจำการในกองทัพเยอรมนี(Bundeswehr) ในราวปี 2023
CH-53K และ CH-47F Block 2 Extended Range(ER) เป็นเฮลิคอปเตอร์ลำเลียงหนักเพียงสองแบบที่เข้าแข่งขันในโครงการความต้องการจัดหาวงเงิน 4 billion Euros($4.3 billion)
CH-53K และ CH-47F Block 2 ต่างเป็นเฮลิคอปเตอร์ที่มีพื้นฐานพัฒนามาจากรุ่นดังเดิมที่เข้าประจำการมาตั้งแต่ปี 1966 และ 1962 ตามลำดับ
อย่างไรก็ตามขณะที่ ฮ.CH-47 รุ่นล่าสุดของ Boeing นั้นเป็นการปรับปรุงและทำให้ทันสมัยอย่างต่อเนื่องตลอดช่วงระยะเวลาปฏิบัติการของมัน แต่ ฮ.CH-53K ของ Sikorsky มีแกนหลักเป็นเครื่องใหม่ที่ใช้วิทยาการและระบบรุ่นใหม่ล่าสุด
"ผมเคยอยู่ในอิรัก(ในฐานะนักบิน ฮ.ลำเลียงหนัก CH-53E นาวิกโยธินสหรัฐฯ) และผมรัก CH-47 มันเป็นเฮลิคอปเตอร์ที่ยอดเยี่ยม" Crisafulli กล่าวครับ