Defense and Security 2017 exhibition in Bangkok Thailand on 6-9 November.(My Own Photo)
สำหรับงานแสดงอาวุธยุทโธปกรณ์นานาชาติ Defense and Security 2017 ที่ศูนย์จัดแสดงสินค้า Impact เมืองทองธานี กรุงเทพฯ ประเทศไทย ระหว่างวันที่ ๖-๙ พฤศจิกายนที่ผ่านมา
ผู้เขียนก็ได้มีรายงานพิเศษถึงข่าวคืบหน้าในโครงการพัฒนาและจัดหาอาวุธยุทโธปกรณ์ของกองทัพไทยและภาคอุตสาหกรรมความมั่นคงของไทยอีกเป็นจำนวนมากครับ
ทั้งกองทัพบกไทย(Royal Thai Army) ที่สั่งจัดหาเฮลิคอปเตอร์ใช้งานทั่วไป ฮ.ท.๑๗ Mil Mi-17V5 เพิ่ม ๒เครื่อง โดยรัสเซียเสนอเฮลิคอปเตอร์โจมตี Kamov Ka-52 และ Mil Mi-35M ให้(http://aagth1.blogspot.com/2017/11/mi-17-ka-52-mi-35m.html)
ตุรกีเสนอเฮลิคอปเตอร์โจมตี TAI T-129 ATAK ให้กองทัพบกไทยเพื่อทดแทน ฮ.จ.๑ AH-1F(http://aagth1.blogspot.com/2017/11/tai-t-129-atak.html)
ศูนย์อำนวยการสร้างอาวุธ ศูนย์การอุตสาหกรรมป้องกันประเทศและพลังงานทหาร ศอว.ศอพท. เปิดตัวเครื่องยิงลูกระเบิดอัตตาจรล้อยาง ATMM 120mm(http://aagth1.blogspot.com/2017/11/atmm-120mm.html)
ยูเครนยังคงเสนอยานเกราะล้อยาง BTR-4E 8x8 ให้กองทัพบกไทย และจะส่งมอบรถถังหลัก Oplot-T ให้ครบภายในปีหน้า(http://aagth1.blogspot.com/2017/11/btr-4e-oplot-t-2018.html)
NORINCO จีนให้ข้อมูลรถถังหลัก VT4 และยานเกราะล้อยาง VN1 8x8 ของกองทัพบกไทย(http://aagth1.blogspot.com/2017/11/norinco-vn1.html)
ระบบป้องกันภัยทางอากาศอาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่อากาศ MBDA VL MICA และปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานลากจูง Oerlikon GDF-007 35mm+Skyguard 3 จะส่งมอบให้กองทัพบกไทยได้ในปีหน้า(http://aagth1.blogspot.com/2017/11/vl-mica-skyguard-3-2018.html)
บริษัท CHAISERI ไทยเปิดตัวรถหุ้มเกราะล้อยาง First Win II 4x4 พร้อมยานเกราะล้อยาง Condor รุ่นปรับปรุงใหม่ของกองทัพบกมาเลเซีย และได้งานซ่อมยานยนต์ของกองทัพฟิลิปปินส์(http://aagth1.blogspot.com/2017/11/chaiseri-first-win-ii-condor-asean.html)
บริษัท NIMR Automotive สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ลงนามข้อตกลงกับ FTECH ไทย เสนอรถยนต์บรรทุกหุ้มเกราะเบา Ajban 440A และ Ajban LRSOV ให้กองทัพบกไทย(http://aagth1.blogspot.com/2017/11/nimr-ajban.html)
บริษัท MARSUN ไทยเปิดตัวแบบยานผิวน้ำไร้คนขับ USV ใหม่ และแบบเรือต่างๆที่ต่อให้กองทัเรือไทย(Royal Thai Navy) หน่วยงานความั่นคงไทย และส่งออกต่างประเทศ(http://aagth1.blogspot.com/2017/11/marsun-usv.html)
สถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ สทป. DTI เปิดตัวยานเกราะล้อยางลำเลียงพลสะเทินน้ำสะเทินบกต้นแบบ AAPC 8x8 สำหรับนาวิกโยธิน กองทัพเรือไทย(Royal Thai Marine Corps, Royal Thai Navy)(http://aagth1.blogspot.com/2017/11/dti-aapc_14.html)
CSOC(China Shipbuilding and Offshore International Company) จีนแสดงแบบจำลองเรือดำน้ำ S26T ของกองทัพเรือไทย และแบบเรือดำน้ำสำหรับส่งออกสามแบบใหม่(http://aagth1.blogspot.com/2017/11/csoc-s26t.html)
บริษัท TKMS เยอรมนีเสนอเรือคอร์เวต MEKO A-100 และ BAE Systems สหราชอาณาจักรเสนอเรือฟริเกต Type 31 แก่กองทัพเรือไทย(http://aagth1.blogspot.com/2017/11/tkms-meko-100-bae-systems-type-31.html)
บริษัท Thales และ บริษัท Leonardo ลงนามความร่วมมือการถ่ายทอด Technology ให้ DTI ไทย(http://aagth1.blogspot.com/2017/11/thales-leonardo-dti.html)
บริษัท Daewoo Shipbuilding & Marine Engineering(DSME) สาธารณรัฐเกาหลีเปิดเผยกำหนดการส่งมอบเรือฟริเกตสมรรถนะสูง ร.ล.ท่าจีน(ลำที่๓) ให้กองทัพเรือไทย(http://aagth1.blogspot.com/2017/11/dsme-hhi.html)
กองทัพอากาศไทย(Royal Thai Air Force) จัดหาระบบอากาศยานไร้นักบินทางยุทธวิธีขนาดกลาง U1 ๑๗เครื่องเข้าประการใน ฝูงบิน๔๐๔ กองบิน๔ ตาคลี(http://aagth1.blogspot.com/2017/11/defense-security-2017.html)
บริษัท Korea Aerospace Industries(KAI) สาธารณรัฐเกาหลีเปิดเผยกำหนดการส่งมอบเครื่องบินฝึกนักบินขับไล่ T-50TH Golden Eagle ให้กองทัพอากาศไทย(http://aagth1.blogspot.com/2017/11/kai-t-50th-2018-2019.html)
จะเห็นได้ว่าโครงการจัดหาและโครงการพัฒนาอาวุธต่างๆของกองทัพไทย กระทรวงกลาโหมและภาคอุตสาหกรรมป้องกันประเทศของไทยในปัจจุบันนั้น จะเน้นการถ่ายทอด Technology เพื่อเสริมสร้างการพัฒนาอุตสาหกรรมความมั่นคงที่ยั่งยืนของชาติไทยเรามากขึ้น
ทุกวันนี้มีน้อยประเทศมากประเทศใดที่จะออกแบบและผลิตอาวุธที่ทันสมัยได้ด้วยตนเองเดี่ยวๆทั้งหมด โดยเฉพาะประเทศกำลังพัฒนารายได้ปานกลางอย่างไทยเราต้องอาศัยความร่วมมือจากมิตรประเทศต่างในการวางรากฐานการพึ่งพาตนเองด้านความมั่นคงที่สมบูรณ์ในอนาคตครับ
First ASEAN Multilateral Naval Exercise of 9 South East Asia Naton include Royal Thai Navy FFG-421 HTMS Naresuan and FFG-422 HTMS Taksin, Royal Brunei Navy KDB Daruttaqwa, Royal Cambodian Navy KOH Kras, Indonesian Navy KRI Raden Eddy Martadinata, Royal Malaysian Navy KL Gagah Samudera and KD Lekiu, Myanmar Navy UMS King Kyan Sit Thar, Philippine Navy BRP Gregorio Del Pilar and BRP Tarlac, Republic of Singapore Navy RSS Steadfast RSS Independence RSS Valiant and Vietnam People's Navy HQ-012 Ly Thai To at Gulf of Thailand 21 November 2017
ASEAN NAVY:Stronger Together Forever
https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=1894782197215955&id=944648738895977
Royal Thai Air Force Gripen C/D Fighter and SAAB 340 ERIEYE Airborne Early Warning and Control Fly Over Royal Thai Navy CVH-911 HTMS Chakri Naruebet and US Navy DDG-91 USS Pinckney the Arleigh Burke-class destroyer
during The 50th Anniversary of ASEAN's International Fleet Review 2017 at Pattaya, Chonburi Thailand 20 November 2017
https://www.facebook.com/RTAFpage/posts/1846585032037745
INTERNATIONALl FLEET REVIEW 2017 parade
https://www.facebook.com/944648738895977/videos/1891520210875487/
INTERNATIONALl FLEET REVIEW 2017 ภาพรวมบรรยากาศพิธีสวนสนามทางเรือนานาชาติฉลอง 50 ปีอาเซียน
https://www.facebook.com/944648738895977/videos/1892793810748127/
พิธีสวนสนามทางเรือนานาชาติฉลอง ๕๐ปี ASEAN ซึ่งกองทัพเรือไทยเป็นเจ้าภาพโดยมีเรือของกองทัพเรือไทย ๔๐ลำ และเรือของกองทัพเรือชาติ ASEAN และมิตรประเทศร่วมงานอีกรวม ๒๕ลำ
โดยมีอากาศยานของกองการบินทหารเรือ และกองทัพอากาศไทยร่วมบินแสดง เมื่อปลายเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมานั้น เป็นการแสดงถึงความร่วมมือกันกองทัพไทยและชาติ ASEAN มิตรประเทศครั้งยิ่งใหญ่อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน
โดยกลุ่มชาติ ASEAN ทุกประเทศนั้นส่วนใหญ่จะเรือรบชั้นนำของกองทัพเรือตนเองที่หลายลำก็เป็นเรือใหม่ที่ต่อในประเทศตนที่เพิ่งเข้าประจำการได้ไม่นาน เช่น เรือฟริเกต KRI Raden Eddy Martadinata(331) กองทัพเรืออินโดนีเซีย RSS Independence(15) กองทัพเรือสิงคโปร์ และ F12 UMS Kyansittha(พระเจ้าจานสิตา) กองทัพเรือพม่า
รวมถึงเรือที่ทันสมัยของกองทัพเรือชาติมหาอำนาจเช่น DDG-91 USS Pinckney กองทัพเรือสหรัฐฯ, DDG-151 Zhengzhou กองทัพเรือปลดปล่อยประชาชนจีน โดยกองทัพเรือไทยได้นำเรือสนับสนุนการต่อต้านทุ่นระเบิด ร.ล.ถลาง เป็นเรือประธานพร้อมเรือตรวจการณ์ปืน ร.ล.แหลมสิงห์
เป็นเรือติดตาม ซึ่งทั้งสองลำเป็นเรือที่ต่อในไทย
รวมถึงการฝึกพหุภาคีกองทัพเรือ ASEAN ภาคทะเลครั้งแรกที่มีเรือรวม ๑๔ลำ อากาศยาน ๒เครื่อง และเฮลิคอปเตอร์ประจำเรือ ๕เครื่อง จากชาติ ASEAN ๙ชาติ(ยกเว้น ลาว)
โดยไทยส่ง ร.ล.นเรศวร และ ร.ล.ตากสิน พร้อมเฮลิคอปเตอร์ประจำเรือ ๑เครื่อง และเครื่องบินตรวจการณ์ผิวน้ำ ๑เครื่องเข้าร่วมฝึก พร้อมกำลังพลที่เข้าร่วม ๓๐๐นาย
ในหัวข้อ "การปกป้องคุ้มครองและรักษาสิ่งแวดล้อมทางทะเล" ผลของการฝึกในครั้งนี้จะทำให้กองทัพเรือ ASAEN สามารถปฏิบัติร่วมกันในการปกป้องทรัพยากรและความสงบสุขของภูมิภาคร่วมกัน
ซึ่งเป็นครั้งแรกที่มีการฝึกทางเรือขนาดใหญ่ระดับนี้ นับเป็นความร่วมมือทางทหารระหว่างกันครั้งสำคัญของภูมิภาคนี้ในการสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างชาติ ASAEN และเป็นที่สนใจของสื่อต่างประเทศเป็นอย่างมากครับ
Royal Thai Navy Officer of Audit Committee Inspection Director and Submarine Procurement Office before go to People's Republic of China
คณะกรรมการตรวจการจ้าง ผู้ควบคุมงาน และ เจ้าหน้าที่ประจำสำนักงานสำหรับโครงการจัดหาเรือดำน้ำ เข้ารับโอวาทจากรองผู้บัญชาการทหารเรือ ก่อนเดินทางไปปฏิบัติราชการ ที่ สาธารณรัฐประชาชนจีน
วันนี้ ( 10 พฤศจิกายน 2560) พลเรือเอก ลือชัย รุดดิษฐ์ รองผู้บัญชาการทหารเรือ ในฐานะ ประธานกรรมการบริหารโครงการจัดหาเรือดำน้ำ ได้ให้การต้อนรับ คณะกรรมการตรวจการจ้าง ผู้ควบคุมงาน และ เจ้าหน้าที่ประจำสำนักงานสำหรับโครงการจัดหาเรือดำน้ำ
ที่จะเดินทางไปปฏิบัติราชการ ที่ สาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งขอเข้าพบเพื่อรับโอวาทสำหรับใช้เป็นแนวทางในการปฏิบัติงาน ณ ห้องรับรอง อาคารส่วนบัญชาการกองทัพเรือ พื้นที่วังนันทอุทยาน เขตบางกอกน้อย กรุงเทพมหานคร
ในการนี้ รองผู้บัญชาการทหารเรือ ได้ให้โอวาทแก่คณะ ความว่า
“ การเดินทางไปปฏิบัติหน้าที่เสมือนเป็นการไปออกรบ กรรมการตรวจการจ้าง เปรียบเสมือน “ผู้อาสาศึก” ที่จะนำความสำเร็จมาสู่โครงการ ซึ่งต้องใช้ความรู้ความสามารถ ความสามัคคี ทำงานเป็นทีมปรึกษาหารือเสมือนพี่น้อง และให้ยึดถือประโยชน์และความสำเร็จของกองทัพเรือ เป็นที่มั่น
ดังพระราโชวาทของสมเด็จพระสังฆราชฯ ความว่า "สัพเพสัง สังฆภูตานัง สามัคคี วุฑฒิสาธิกา" ซึ่งแปลความว่า "ความพร้อมเพรียงแห่งชน ผู้อยู่ร่วมกันเป็นหมู่ ยังความเจริญวัฒนาถาวรให้สำเร็จ"
และให้ยึดถือหลักในการทำงานร่วมกัน ดังคำกล่าวของนายกรัฐมนตรี สาธารณรัฐประชาชนจีน “แสวงจุดร่วม สงวนจุดต่าง” เพื่อความสำเร็จของงานในภาพรวมเป็นสำคัญ
https://www.facebook.com/prthainavy/posts/1707880779263271
การเดินทางไปปฏิบัติราชการที่สาธารณรัฐประชาชนของคณะนายทหารเรือสำหรับโครงการจัดหาเรือดำน้ำแบบ S26T นั้นก็เป็นก้าวหลักสำคัญของการเริ่มต้นการมีเรือดำน้ำเข้าประการในกองทัพเรือไทยอีกครั้ง
ซึ่งจากประสบการณ์การจัดหาและใช้งานเรือผิวน้ำที่จัดหามาจากจีนของกองทัพเรือไทยที่ผ่านมา คณะกรรมการตรวจการจ้าง ผู้ควบคุมงาน และเจ้าหน้าที่ประจำสำนักงานโครงการจัดหาของกองทัพเรือไทยจะต้องทำงานเป็นเวลานานและเข้มงวดอย่างมาก
เพื่อที่จะให้มั่นใจได้ว่าทางจีนจะส่งมอบเรือดำน้ำที่มีคุณสมบัติและสมรรถนะเป็นที่น่าพอใจแก่ไทย และมีการถ่ายทอด Technology ความร่วมมือในการซ่อมบำรุงและวิทยาการด้านต่างๆที่เป็นประโยชน์กับไทยให้มากที่สุด
อย่างไรก็ตามระยะเวลา ๖ปีนั้นถือว่านานพอสมควร ซึ่งยังมีความเป็นไปได้อยู่ว่าโครงการจัดหาเรือดำน้ำอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงไปได้อีกในอนาคต โดยจนถึงขณะนี้ยังมีความพยายามจากกลุ่มที่ต้องการจะยกเลิกโครงการจัดหาเรือดำน้ำที่เคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่องอยู่ครับ
Royal Thai Navy OPV-552 HTMS Trang second Krabi class Offshore Patrol Vessel under construction at Mahidol Adulyadej Naval Dockyard Sattahip Chonburi, 28 November 2017
ใน 28 พ.ย.60 ฝ่ายสร้าง โดย อู่ราชนาวีมหิดลฯ นำชิ้นส่วน Block ของเรือตรวจการณ์ไกลฝั่งลำที่ 2 (ร.ล.ตรัง) ลงสู่อู่แห้ง ของอู่ราชนาวีมหิดลฯ เพื่อนำดำเนินการต่อเรือในส่วนต่อๆ ไป
หลังจากที่ได้ดำเนินการ ตัดและเชื่อมแผ่นเหล็กต่างๆ รวมถึงประกอบ แผ่นโลหะ เป็น Block ย่อยๆ ตามแบบที่ออกแบบไว้
อนึ่งการต่อเรือในปัจจุบันได้พัฒนาไปอย่างมาก ในเรื่องของเทคนิค โดยในปัจจุบันไม่มีการวางกระดูกงูเช่นในอดีตอีกต่อไป แต่ใช้วิธีการต่อเป็น Block ตามภาพ
https://www.facebook.com/NavyForLifePage/posts/1528873927150496
สำหรับความคืบหน้าการก่อสร้างโครงการเรือตรวจการณ์ไกลฝั่งชุด ร.ล.กระบี่ ลำที่๒ คือ ร.ล.ตรัง ที่อู่ราชนาวีมหิดลฯ นั้น เมื่อวันที่ ๒๘ พฤศจิกายน ที่ผ่านมาก็มีการเริ่มประกอบชิ้นส่วน Block ตัวเรือในอู่แห้งแล้ว
จากประสบการณ์ในการสร้าง ร.ล.กระบี่เป็นลำแรก และการพัฒนาวิถีการก่อสร้างเรือใหม่คือการให้เอกชนรับสร้างชิ้นส่วนต่างแล้วนำมาประกอบที่อู่ตามที่ได้รายงานไป(http://aagth1.blogspot.com/2017/09/blog-post_28.html)
ทำให้การก่อสร้างเรือของ ร.ล.ตรัง จะมีความรวดเร็วมากขึ้นโดยคาดว่าจะมีกำหนดการเข้าปรพการในในช่วงปลายปี พ.ศ.๒๕๖๑(2018) หรือต้นปี พ.ศ.๒๕๖๒(2019)
ทั้งนี้เนื่องจากสิทธิบัตรแบบเรือ BAE Systems 90m OPV ที่บริษัทอู่บางกอก(Bangkok Dock) จัดซื้อมาจะหมดอายุลง กองทัพเรือร่วมกับภาคเอกชนจะมีการเสนอและพิจารณาแบบเรือตรวจการณ์ไกลฝั่งอาจรวมถึงเรือคอร์เวตใหม่ที่มีความต้องการสร้างเพิ่มอีก ๒ลำ ตามที่รายงานไปครับ
First Two Women Combat Ready Pilots of 601st Squadron Wing6 Royal Thai Air Force
นาวาอากาศเอก พรเดชน์ คงปั้น ผู้บังคับการกองบิน ๖ เป็นประธานในพิธีมอบประกาศนียบัตร นักบินพร้อมรบ และประดับเครื่องหมายครูการบิน และนักบิน ๑ ฝูงบิน ๖๐๑ กองบิน ๖ ณ ฝูงบิน ๖๐๑ กองบิน ๖ เมื่อวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๐
https://www.facebook.com/media/set/?set=a.1722893284430004.1073742459.838645852854756
https://www.facebook.com/WING6page/
สำหรับนักบินหญิงสองท่านแรกของกองทัพอากาศไทยก็ได้รับประกาศนียบัตรนักบินพร้อมรบ ประจำ ฝูงบิน๖๐๑ กองบิน๖ เมื่อวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๖๐ ที่ผ่านมา
ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการมีนักบินพร้อมรบที่เป็นสุภาพสตรีปฏิบัติการในฝูงเครื่องบินลำเลียงของกองทัพอากาศไทย เช่น บ.ล.๘ C-130H ที่ประจำการในฝูงบิน๖๐๑ ครับ
(ในช่วงหลังปลายเดือนตุลาคมเป็นต้นมาจะเห็นได้ว่ามีการปลุกระดมจากบรรดาสื่อมวลชนที่ไร้จรรยาบรรณในวิชาชีพกับกลุ่มผู้ไม่หวังดีต่อชาติบ้านเมือนในการนำประเด็นต่างๆมาใช้ในการโจมตีทำลายภาพลักษณ์ความน่าเชื่อถือของกระทรวงกลาโหมและกองทัพไทยอย่างต่อเนื่อง
จะเห็นได้ว่ากลุ่มที่เคลื่อนไหวเหล่านี้ จริงๆไม่ได้หวังดีที่จะให้กองทัพและกลาโหมเป็นองค์กรที่สะอาดและโปร่งใสหรอก แต่มีเจตนาแฝงเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ โดยมีความพยายามบ่อนทำลายประเทศของเราเพื่อให้เปลี่ยนให้เป็นแบบที่พวกตนต้องการมานานเสียมากกว่า
ซึ่งคงจะต้องกล่าวกันตรงๆว่า แนวคิดการล้มล้างระบอบการปกครองหรือแบ่งแยกราชอาณาจักรไทยเพื่อจัดตั้งเป็นประเทศใหม่ยังคงมีความเคลื่อนไหวอยู่ ดังนั้นพวกนี้จะใช้ทุกวิถีทางเพื่อต้องการจะหวังผลให้ยุบเลิกกองทัพจะได้เข้ามายึดครองประเทศหรือแบ่งแยกแผ่นดินได้ง่ายขึ้น
แต่เราจะไม่กล่าวถึงเรื่องพวกนี้ในเชิงลึกครับ เพราะขัดเจตนาของ Blog ที่ต้องการจะให้เป็นแหล่งความรู้ทางวิชาการ ซึ่งไม่เหมือนชุมชนทางทหารบางที่ที่มีกฎห้ามคุยเรื่องการเมืองแต่ถ้าใช้วิธีว่าแบบอ้อมๆดูหมิ่นใส่ร้ายถึงสถาบันหลักของชาติผู้ดูแลก็ทำเป็นไม่สนปล่อยผ่านได้
โดยทุกวันนี้ก็มี Page Facebook และ Youtube Channel ของผู้ที่ตั้งตนเองขึ้นมาเป็นศาสตราจารย์เก๊ ดอกเตอร์เก๊ ทหาร-ตำรวจเก๊ และศาลเตี้ย เพื่อแต่งเรื่องต่างๆที่ไร้ความน่าเชื่อถือเยอะมากขึ้น เห็นจะมีเรื่องจริงอย่างเดียวคือเลขบัญชีธนาคารให้คนหลงไปบริจาคเงินเข้ากระเป๋าตนเองครับ)