แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ Military Industry of Brazil แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ Military Industry of Brazil แสดงบทความทั้งหมด

วันพุธที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2568

เครื่องบินโจมตีเบาใบพัด A-29N Super Tucano บราซิลเครื่องแรกจาก 12เครื่องเดินทางมาถึงโปรตุเกสแล้ว

First Super Tucanos transferred to Portugal





Three of the first of 12 A-29N Super Tucanos for Portugal begins its ferry flight from Brazil on 25 August, arrived to Portugal on 31 August. (Embraer)



เครื่องบินโจมตีเบาและฝึกเครื่องยนต์ใบพัด Embraer A-29N Super Tucano ชุดแรกจากทั้งหมด 12เครื่องสำหรับกองทัพอากาศโปรตุเกส(Portuguese Air Force, FAP: Força Aérea Portuguesa)
ได้ทำการบินเดินทางจากโรงงานอากาศยานของบริษัท Embraer บราซิลเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2025 และมาถึงโปรตุเกสเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2025 แล้ว(https://aagth1.blogspot.com/2025/05/29n-super-tucano-12-2025.html)

ชุดภาพถ่ายที่ได้รับการเผยแพร่แสดงถึงเครื่องบินโจมตีเบาและฝึก A-29N Super Tucano อย่างน้อย 3เครื่องจาก 12เครื่องที่ได้รับการสั่งจัดหาโดยกองทัพอากาศโปรตุเกสเริ่มต้นทำการบินเดินทางเป็นระยะทางราว 8,000km
จากโรงงานอากาศยาน Gavião Peixoto ของ Embraer บราซิลไปยังสถานที่ของบริษัท OGMA โปรตุเกสบริษัทย่อยเครือบริษัท Embraer ใน Alverca do Ribatejo, นครหลวง Lisbon โปรตุเกส

"วันนี้เครื่องบินโจมตีเบาและฝึก A-29N ชุดแรกของกองทัพอากาศโปรตุเกสบินขึ้นออกจากโรงงานของเราใน Gavião Peixoto บราซิล ไปยัง OGMA โปรตุเกสโปรตุเกสแล้ว ที่ซึ่งเครื่องบินจะได้รับการติดตั้งอุปกรณ์ที่จำเป็น
เพื่อจะปฏิบัติการในความสอดคล้องกับความต้องการการปฏิบัติการต่างๆของ NATO เครื่องบินฝึกขั้นก้าวหน้าและโจมตีเบาชุดแรกเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของสัญญาสำหรับ 12เครื่องที่จะประจำการในกองทัพอากาศโปรตุเกส" Embraer กล่าว

ในเดือนธันวาคม 2024 โปรตุเกสได้ลูกค้ารายแรกของเครื่องบินโจมตีเบาและฝึกใบพัด A-29 Super Tucano รุ่นมาตรฐาน NATO(https://aagth1.blogspot.com/2024/12/29n-super-tucano-12.html)
การลงนามข้อตกลงวงเงินประมาณ 200 million Euros($226.9 million) สำหรับเครื่องบินโจมตีเบาและฝึก A-29N Super Tucano จำนวน 12เครื่อง, เครื่องจำลองการบิน flight simulator, และการสนับสนุน

ด้วยการส่วนมอบที่กำลังได้รับการดำเนินการในตอนนี้ เครื่องบินโจมตีเบาและฝึกใบพัด A-29 Super Tucano ทั้งหมด 12เครื่องจะเข้าประจำการในกองทัพอากาศโปรตุเกส "ในสองถึงสามปี" ตามข้อมูลจากเจ้าหน้าที่บริษัท Embraer
กองทัพอากาศโปรตุเกสมีจุดประสงค์ที่จะใช้เครื่องบินโจมตีเบาและฝึกใบพัด A-29 เพื่อเติมเต็มภารกิจการสนับสนุนทางอากาศใกล้ชิดสำหับการปฏิบัติการผสมในสสถานการณ์ภัยคุกคามต่ำในแอฟริกา เช่นเดียวกับสำหรับการฝึก

เครื่องบินโจมตีเบาใบพัด A-29N Super Tucano ได้รวมการปรับปรุงระยะและเวลาการปฏิบัติการ เช่นเดียวกับระบบตรวจการณ์ electro-optical, การมอบขีดความสามารถการใช้กระเปาะจรวดอากาศสู่พื้น และอาวุธความแม่นยำสูง,
ปืนกลอากาศ M3P ขนาด 12.7x99 mm สองกระบอกถูกติดตั้งเป็นมาตรฐานในตัวเครื่อง และชุดระบบป้องกันตนเอง อุปกรณ์สื่อสารต่างๆและระบบนำร่องมาตรฐาน NATO ที่จะได้รับการติดตั้งอย่างเช่น

วิทยุความถี่ VHF/UHF(Very-High-Frequency/Ultra-High-Frequency), ระบบสื่อสารดาวเทียม(SATCOM: Satellite Communication), ระบบช่วยการสนับสนุนทางอากาศใกล้ชิด digital(DACAS: Digitally Aided Close Air Support), ระบบข้อความทางยุทธวิธี VMF(Variable Message Format),
เครือข่าย Link 16 datalink, ระบบ video downlink ที่เข้ากันได้กับวิทยาการตัวรับวีดิทัศน์ควบคุมระยะไกล ROVER(Remote Operated Video Enhanced Receiver), อุปกรณ์ส่งสัญญาณระบบพิสูจน์ฝ่าย(IFF: Identification Friend-or-Foe) Mod 5 และระบบดาวเทียม GPS ทางทหารครับ

วันพุธที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2568

บราซิลทำพิธีปล่อยเรือฟริเกตชั้น Tamandaré ลำที่สองลงน้ำ F201 Jerônimo de Albuquerque

Brazilian Navy frigate programme launches second ship





Tamandaré-class frigate Jerônimo de Albuquerque was launched at tkMS Estaleiro Brasil Sul on 8 August. (Brazilian Navy)



เรือลำที่สองของโครงการเรือฟริเกตชั้น Tamandaré(PFCT: Programa Fragatas Classe Tamandaré) ของกองทัพเรือบราซิล(Brazilian Navy, Marinha do Brasil) เรือฟริเกต F201 Jerônimo de Albuquerque
ได้ถูกทำพิธีปล่อยเรือลงน้ำอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2025 ณ อู่เรือบริษัท tkMS Estaleiro Brasil Sul(tkEBS) บราซิล-เยอรมนี กรมการจัดหายุทโธปกรณ์กองทัพเรือบราซิล(General Directorate of Navy Materiel) กล่าวกับ Janes

เรือฟริเกตชั้น Tamandaré ลำที่สอง เรือฟริเกต F201 Jerônimo de Albuquerque จะเข้าสู่การดำเนินการติดตั้งสิ่งอุปกรณ์ขั้นสุดท้าย, กิจกรรมการบูรณาการ, การทดลองเรือหน้าท่า 
และการทดลองเรือในทะเลตามมาต่อไป ก่อนกำหนดการส่งมอบให้แก่กองบัญชาการกองกำลังเรือผิวน้ำ(Surface Force Command) กองทัพเรือบราซิลในเดือนมกราคม 2027

เรือฟริเกตชั้น Tamandaré ลำแรก เรือฟริเกต F200 Tamandaré มีกำหนดจะเริ่มต้นการทดลองในทะเลเร็วๆนี้ก่อนมุ่งสู่การขึ้นระวางประจำการตามแผนในเดือนธันวาคม 2025(https://aagth1.blogspot.com/2024/08/tamandare-f200-tamandare.html)
อู่เรือ tkMS Estaleiro Brasil Sul ยังกำลังสร้างเรือฟริเกตชั้น Tamandaré อีกสองลำ ลำที่สามเรือฟริเกต F202 Cunha Moreira และลำที่สี่เรือฟริเกต F203 Mariz e Barros ที่จะขึ้นวางประจำการในกองทัพเรือบราซิลในเดือนกุมภาพันธ์ 2028 และเดือนกุมภาพันธ์ 2029 ตามลำดับ

เรือฟริเกตชั้น Tamandaré จำนวน 4ลำที่มีพื้นฐานจากแบบเรือฟริเกต MEKO A-100 ได้รับการลงนามสัญญาในเดือนมีนาคม 2020 โดย EMGEPRON(Empresa Gerencial de Projetos Navais) รัฐวิสาหกิจของรัฐบาลบราซิลแก่กิจการร่วมค้า Águas Azuis 
ในฐานะส่วนหนึ่งของ 'โครงการทางยุทธศาสตร์ปรับปรุงความทันสมัยกำลังทางเรือ'(Strategic Program Naval Power Modernization) ของกองทัพเรือบราซิล(https://aagth1.blogspot.com/2020/03/tamandare-embraer-atech-tkms.html

กรมการบริหารจัดการโครงการกองทัพเรือบราซิล(Directorate of Navy Programs Management) กล่าวกับ Janes ว่าการสั่งจัดหาเรือฟริเกตชั้น Tamandaré เพิ่มเติมอีก 4ลำอาจจะมีขึ้นภายหลังขึ้นอยู่กับความพร้อมด้านงบประมาณ
เรือฟริเกตชั้น Tamandaré มีความยาวตัวเรือที่ 107.2m และมีระวางขับน้ำที่ 3,455 tonnes เรือติดตั้งด้วยดาดฟ้าบินและโรงเก็บอากาศยานท้ายเรือสำหรับเฮลิคอปเตอร์และอากาศไร้คนขับ(UAV: Unmanned Aerial Vehicle),

เรือฟริเกตชั้น Tamandaré มีพื้นที่รองรับการติดตั้งตู้บรรทุกภารกิจ(mission container), อุปกรณ์สงคราม electronic(EW: Electronic Warfare), ระบบการบัญชาการและควบคุมและนำร่อง และระบบอาวุธอีกหลากหลายแบบ ได้รับการออกแบบสำหรับภารกิจต่างๆ
รวมถึงสงครามปราบเรือดำน้ำ(ASW: Anti-Submarine Warfare), สงครามป้องกันภัยทางอากาศ, การรบต่อต้านเรือผิวน้ำ, การค้นหาและกู้ภัย, การตรวจการณ์ และลาดตระเวนในเขตเศรษฐกิจจำเพาะ(EEZ: Exclusive Economic Zone) 'Amazônia Azul' ขนาด 5.7ล้านตารางกิโลเมตรของบราซิลครับ

วันเสาร์ที่ 5 กรกฎาคม พ.ศ. 2568

ปารากวัยรับมอบเครื่องบินโจมตีเบาใบพัด A-29 Super Tucano บราซิล 4เครื่องแรกจาก 6เครื่อง

Paraguay accepts first four Embraer A-29 Super Tucanos from 2024 order





A new Embraer A-29 Super Tucano arrives in Asunción, Paraguay. The four deliveries, with two more expected, will reinvigorate the FAPʼs combat fleet. (Paraguayan Air Force/Embraer)

กองทัพอากาศปารากวัย(Paraguayan Air Force, FAP: Fuerza Aérea Paraguaya) ได้รับมอบเครื่องบินโจมตีเบาและฝึกใบพัด Embraer A-29 Super Tucano บราซิลจำนวน 4เครื่องแรกจาก 6เครื่องเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2025
รัฐบาลปารากวัยได้ประกาศการจัดหาเครื่องบินโจมตีเบาและฝึกใบพัด A-29 Super Tucano จำนวน 6เครื่องในเดือนกรกฎาคม 2024 โดยมีจุดประสงค์ที่จะปรับปรุงฝูงเครื่องบินรบของกองทัพอากาศปารากวัยใหม่

ในการประกาศการมาถึงของเครื่องบินโจมตีเบาและฝึกใบพัด A-29 Super Tucano ที่นครหลวง Asunción กองทัพอากาศปารากวัยกล่าวว่าเครื่องบินจะถูกใช้สำหรับการตรวจการณ์ทางอากาศ, ขัดขวางอากาศยานต้องสงสัย และการฝึกนักบิน

"การเพิ่มเติมต่อฝูงบินของเรานี้แสดงถึงการจัดหากลาโหมที่สำคัญที่สุดในรอบ 38ปีที่ผ่านมา การส่งมอบ A-29 แก่ปารากวัยเป็นรุ่นที่ทันสมัยที่สุดของเครื่องบินแบบนี้ในโลก" ผู้บัญชาการกองทัพอากาศปารากวัย พลอากาศเอก Júlio Fullaondo Céspedes กล่าว
เครื่องบินโจมตีเบาและฝึกใบพัด A-29 Super Tucano ทำการบินมาถึง ณ ฐานทัพอากาศ Silvio Pettirossi ที่ซึ่งเครื่องบินจะถูกนำเข้าประการกับกองพลน้อยบินที่1(1st Aerial Brigade) กองทัพอากาศปารากวัย

การจัดหาเครื่องบินโจมตีเบาและฝึกใบพัด A-29 Super Tucano จำนวน 6เครื่องของปารากวัยมีมูลค่าที่วงเงินประมาณ $100 million ที่ได้รับการสนับสนุนทุนผ่านสินเชื่อเงินกู้จากธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งชาติของบราซิล Banco Nacional de Desenvolvimento Econômico e Social
บริษัท Embraer บราซิลผู้ผลิตเครื่องบินปฏิเสธที่จะให้ความเห็นเกี่ยวกับการส่งมอบเเครื่องบินโจมตีเบาและฝึกใบพัด A-29 แก่ปารากวัย กองทัพอากาศปารากวัยไม่ได้ตอบสนองต่อการขอความเห็นของ Janes ณ เวลาที่บทความนี้เผยแพร่

ตามข้อมูลจาก Janes World Air Forces กองทัพอากาศปารากวัยมีประจำการด้วยเครื่องบินฝึกใบพัด EMB-312 Tucano จำนวน 6เครื่องซึ่งเข้าประจำการมาตั้งแต่ปี 1987 ที่ผลิตโดย Embraer บราซิลเช่นกัน
กองทัพอากาศปารากวัยยังมีประจำการด้วยเครื่องบินฝึกใบพัด T-35 Pillán จำนวน 9เครื่องที่ผลิตโดยบริษัท ENAER ชิลี ซึ่งได้รับการปรับปรุงความทันสมัยตั้งแต่ปี 2022 โดยเป็นส่วนหนึ่งของการปรับปรุงความทันสมัยของกองทัพปารากวัย

เครื่องบินฝึกและโจมตีเบาใบพัดสองที่นั่งเรียงกัน A-29 Super Tucano ติดตั้งเครื่องยนต์ใบพัด turboprop แบบ Pratt & Whitney PT6A-68A กำลัง 969 kW(1,300 shp) สามารถบรรทุกภารกรรมบรรทุกได้ถึง 1,550 kg(3,417lbs) ได้รับการติดตั้งด้วยปืนกลอากาศ FN Herstal M3W ขนาด 12.7mm และอ้างว่ามีระยะเวลาปฏิบัติการบินนานถึง 7ชั่วโมง
ชาติในอเมริกากลางและอเมริกาใต้ที่จัดหา A-29 Super Tucano ไปใช้งานนอกจากบราซิลประเทศผู้ผลิตคือ ชิลี, โคลอมเบีย, สาธารณรัฐโดมินิกัน, เอกวาดอร์, ฮอนดูรัส, ปารากวัย และอุรุกวัยครับ(https://aagth1.blogspot.com/2025/05/29n-super-tucano-12-2025.html)

วันศุกร์ที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2568

ลิทัวเนียเลือกจัดหาเครื่องบินลำเลียง C-390 Millennium บราซิล 3เครื่อง

Paris Air Show 2025: Lithuania selects Millennium airlifter to become latest European customer





The Millennium was showcased at the Paris Air Show, during which Lithuania announced that it has selected the type. (Janes/Gareth Jennings, Embraer)







ลิทัวเนียได้กลายเป็นลูกค้าในยุโรปรายล่าสุดของเครื่องบินลำเลียงและเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศ Embraer KC-390 Millennium โดยบริษัท Embraer บราซิลได้ประกาศการเลือกแบบ
ณ งานแสดงการบินนานาชาติ Paris Air Show 2025 ที่มีขึ้น ณ ท่าอากาศยาน Paris-Le Bourget ในนครหลวง Paris ฝรั่งเศส ระหว่างวันที่ 16-22 มิถุนายน 2025

ตามที่ถูกประกาศเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2025 การคัดเลือกได้มีขึ้นโดยลิทัวเนียประเทศในกลุ่ม Baltic ก่อนหน้าการลงนามสัญญาที่วางแผนไว้สำหรับเครื่องบินลำเลียง C-390 Millennium จำนวน 3เครื่อง
ตามที่ถูกระบุการกำหนดแบบเป็น C-390 ในการประกาศ ลิทัวเนียจะได้ได้รับมอบเครื่องในฐานะเครื่องบินลำเลียงและไม่ได้ถูกจัดเตรียมสำหรับใช้เป็นเครื่องบินเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศตามที่กรณีนี้จะถูกกำหนดแบบเป็น KC-390

"เราได้ศึกษาอย่างระมัดระวังของเครื่องบินลำเลียงทางทหารหลากหลายแบบที่มีพร้อมขายในตลาด และการประเมินของเราได้แสดงชัดเจนว่าเครื่องบินลำเลียง C-390 Millennium เป็นระบบที่เหมาะสมที่สุดที่ตรงความต้องการการปฏิบัติการทางทหารต่างๆของชาติเรา" 
Loreta Maskaliovienė รองรัฐมนตรีกลาโหมลิทัวเนียกล่าว โดยเสริมว่าสัญญาจะบรรลุผลเสร็จสิ้น "ในหลายเดือนข้างหน้าที่จะมาถึง" ในการเลือกเครื่องบินลำเลียง C-390 Millennium ลิทัวเนียจะกลายเป็นประเทศยุโรปชาติล่าสุดที่จะมีประจำการด้วยเครื่องบินแบบนี้ต่อจาก


บริษัท Embraer ได้รับสัญญาการผลิตสำหรับเครื่องบินลำเลียงและเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศ KC/C-390 Millennium จำนวน 17เครื่องของตนสำหรับลูกค้าต่างๆของชาติยุโรปและ/หรือ NATO ด้วยสองสัญญาที่ลงนามในงาน Paris Air Show 2025
ข้อตกลงที่ได้รับการประกาศสำหรับโปรตุเกสเมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2025 และสำหรับเนเธอร์แลนด์เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2025 รวมถึงด้วยเลือกสำหรับ KC/C-390 Millennium จำนวน 10 และ 7เครื่องตามลำดับที่สามารถจะจัดหาโดยกลุ่มชาติพันธมิตรในพื้นฐานข้อตกลงรัฐบาลต่อรัฐบาล

ตามการอธิบายโดย Embraer บราซิล รูปแบบการจัดซื้อจัดจ้างซึ่งได้ถูกนำมาใช้แล้วสำหรับการจัดซื้อผสมผสานกันของออสเตรียและเนเธอร์แลนด์ได้จองสายการผลิตไปจนถึงราวปี 2035(https://aagth1.blogspot.com/2025/04/embraer-c-390.html)
ข้อตกลงของโปรตุเกสที่ประกาศเมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2025 ยังครอบคลุมการจัดหาเครื่องบินลำเลียงและเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศ KC-390 เพิ่มเติม 1เครื่องจากที่สั่งจัดหาแล้ว 5เครื่องรวมเป็นจำนวน 6เครื่อง

ขณะที่ข้อตกลงของเนเธอร์แลนด์ที่ประกาศเมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2025 รวมการจัดหาส่วน modular การส่งกลับทางสายแพทย์ทางอากาศ(aeromedical evacuation) ติดตั้งแบบ roll-on/roll-off สำหรับเครื่องบินลำเลียง C-390 จำนวน 9เครื่อง
กำหนดแบบเป็น C-390 ในบทบาทเครื่องบินลำเลียง และ KC-390 ในบทบาทเครื่องบินลำเลียงและเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศ เครื่องบินลำเลียง Millennium สามารถบรรทุกภารกรรมได้มากกว่าเครื่องบินลำเลียง C-130 ที่ความเร็วสูงกว่าและระยะทางที่ไกลมากกว่า

เครื่องบินลำเลียง C-390 Millennium มีพื้นที่ห้องบรรทุกภายในตัวเครื่องขนาดความจุ 170m³(รวมประตูท้ายเครื่อง ramp) และมีน้ำหนักภารกรรมบรรทุกสูงสุดที่ 23tonnes(หรือน้ำหนักภารกรรมบรรทุกที่รวบรวมที่จุดศูนย์ถ่วงของเครื่องที่สูงสุด 26tonnes) คุณลักษณะสมมรถนะที่เผยแพร่โดยบริษัท Embraer 
เครื่องบินลำเลียง C-390 มีความเร็วเดินทางสูงสุดที่ 470knots(870km/h) เพดานบินสูงสุดที่ 36,000feet และพิสัยการบินไกลที่ 1,380nmi(2,556kkm)(ด้วยน้ำหนักบรรทุก 23tonnes) หรือบินเดินทางด้วยถังเชื้อเพลิงภายในตัวเครื่องที่ 4,640nmi ระยะทำการบินสามารถเพิ่มขยายได้ด้วยการเติมเชื้อพลิงทางอากาศครับ

วันศุกร์ที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2568

โปรตุเกสจะได้รับเครื่องบินโจมตีเบาใบพัด A-29N Super Tucano บราซิลเครื่องแรกจาก 12เครื่องในปี 2025

Portugal to receive first Super Tucano aircraft




An artist's impression of an Embraer A-29 Super Tucano in Portugal markings. The European NATO country has ordered 12 such aircraft for training and light strike duties. (Embraer)

กองทัพอากาศโปรตุเกส(Portuguese Air Force, FAP: Força Aérea Portuguesa) จะได้รับมอบเครื่องบินโจมตีเบาเครื่องยนต์ใบพัด A-29N Super Tucano ชุดแรกในปี 2025 นี้
ผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติงาน(COO: Chief Operating Officer) บริษัท Embraer Defense & Security บราซิล Walter Pinto Junior กล่าวกับ Janes ในปลายเดือนเมษายน 2025 ที่ผ่านมา

สายการผลิตของเครื่องบินโจมตีเบาใบพัด A-29N Super Tucano จำนวนหลายเครื่องสำหรับกองทัพอากาศโปรตุเกสกำลังอยู่ในการดำเนินการ Pinto Junior กล่าว
โดยปราศจากการให้รายละเอียดจำนวนเครื่องที่แน่ชัดเนื่องจากข้อตกลงการไม่เปิดเผยข้อมูลฝูงบินเครื่องบินโจมตีเบาใบพัด A-29N จะถูกส่งมอบในสองถึงสามปี เจ้าหน้าที่บริษัท Embraer เสริม

โปรตุเกสได้ลงนามสัญญาจัดหาเครื่องบินฝึกและโจมตีเบาเครื่องยนต์ใบพัด turboprop แบบ Embraer A-29N Super Tucano จำนวน 12เครื่องเมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2024 
เป็นมูลค่าที่วงเงินประมาณ 200 million Euros($226.9 million) โดยเป็นลูกค้าเปิดตัวรายแรกสำหรับเครื่องบินรุ่นมาตรฐาน NATO(https://aagth1.blogspot.com/2024/12/29n-super-tucano-12.html)

นอกเหนือจากเครื่องบินโจมตีเบาใบพัด A-29N จำนวน 12เครื่อง สัญญากับรัฐบาลโปรตุเกสในนครหลวง Lisbon ครอบคลุมการจัดซื่อเครื่องจำลองการบิน flight simulator และชุดการสนับสนุนการส่งกำลังบำรุง
กองทัพอากาศโปรตุเกสกล่าวว่าเครื่องบินโจมตีเบา Super Tucano จะเติมเต็มภารกิจสนับสนุนทางอากาศใกล้ชิดสำหรับการปฏิบัติการผสม สร้างความมั่นใจการป้องกันแบบติดอาวุธสำหรับกำลังรบภาคพื้นดินในสถานการณ์ภัยคุกคามต่ำในแอฟริกา

เครื่องบินโจมตีเบาใบพัด A-29N Super Tucano ได้รวมการปรับปรุงระยะและเวลาการปฏิบัติการ เช่นเดียวกับระบบตรวจการณ์ electro-optical, การมอบขีดความสามารถการใช้กระเปาะจรวดอากาศสู่พื้น และอาวุธความแม่นยำสูง,
ปืนกลอากาศ M3P ขนาด 12.7x99 mm สองกระบอกถูกติดตั้งเป็นมาตรฐานในตัวเครื่อง และชุดระบบป้องกันตนเอง อุปกรณ์สื่อสารต่างๆและระบบนำร่องมาตรฐาน NATO ที่จะได้รับการติดตั้งอย่างเช่น

วิทยุความถี่ VHF/UHF(Very-High-Frequency/Ultra-High-Frequency), ระบบสื่อสารดาวเทียม(SATCOM: Satellite Communication), ระบบช่วยการสนับสนุนทางอากาศใกล้ชิด digital(DACAS: Digitally Aided Close Air Support), ระบบข้อความทางยุทธวิธี VMF(Variable Message Format),
เครือข่าย Link 16 datalink, ระบบ video downlink ที่เข้ากันได้กับวิทยาการตัวรับวีดิทัศน์ควบคุมระยะไกล ROVER(Remote Operated Video Enhanced Receiver), อุปกรณ์ส่งสัญญาณระบบพิสูจน์ฝ่าย(IFF: Identification Friend-or-Foe) Mod 5 และระบบดาวเทียม GPS ทางทหารครับ

วันเสาร์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2568

Saab สวีเดนตั้งเป้าได้รับสัญญาจัดหาเครื่องบินขับไล่ Gripen E/F กับไทยและโคลอมเบียในปี 2025 นี้

Saab targets Gripen E/F contracts with Thailand and Colombia this year



Saab has already supplied operational Gripen Es to the Brazilian air force. Source: Brazilian air force

บริษัท Saab สวีเดนหวังที่จะบรรลุผลเสร็จสิ้นการได้รับสัญญาในปี 2025 นี้แก่ลูกค้าสองรายของตนสำหรับเครื่องบินขับไล่ JAS 39 Gripen E/F ตามข้อมูลจากผู้อำนวยการบริหาร Saab สวีเดน Micael Johansson
โดยที่เครื่องบินขับไล่ที่นั่งเดี่ยว F-39E Gripen E ได้ประจำการในบราซิลแล้ว(https://aagth1.blogspot.com/2024/11/gripen-ef-9.html) และใกล้จะเข้าประจำการในสวีเดนบ้านเกิด(https://aagth1.blogspot.com/2025/04/saab-gripen.html)

บริษัท Saab ผู้ผลิตเครื่องบินขับไล่ Gripen E/F กำลังมองที่จะบรรลุการข้อตกลงที่รอคอยกับโคลอมเบีย(https://aagth1.blogspot.com/2025/04/gripen-ef-kfir.html) และไทย

"ปีที่แล้ว(2024) เราได้รับเลือกเพื่อจะเจรจาสัญญากับไทย เรากำลังอยู่ในกระบวนการของการทำสิ่งที่นั้นตามที่เราพูด และหวังว่าจะบรรลุผลเสร็จสิ้นนั้นโดยเร็ว ความคาดหวังของผมคือเราจะบรรลุผลสัญญานี้ในปีนี้(2025)
Johansson กล่าวระหว่างการแถลงการประชุมผลประกอบการไตรมาสแรกของปี 2025 ของบริษัท Saab เมื่อวันที่ ๒๕ เมษายน พ.ศ.๒๕๖๘(2025)(https://aagth1.blogspot.com/2024/10/saab-gripen-ef.html)

"ในเดือนมีนาคม 2025 เราได้รับเลือกที่จะเจรจาสัญญากับโคลอมเบียและหวังว่าเราสามารถเร่งเรื่องนั้นได้ในหลายเดือนข้างหน้า" Johansson เสริม อ้างอิงจากรายงานล่าสุดของสื่อโคลอมเบียเกี่ยวกับข้อตกลงที่คาดไว้กับรัฐบาลโคลอมเบียในนครหลวง Bogota
เขากล่าวว่าข้อเสนอของ Saab สวีเดนได้รับสนับสนุนข้อเสนอทางการเงินโดยบริษัทสินเชื่อส่งออกสวีเดน(Swedish Export Credit Corporation, SEK: Svensk Exportkredit) และสำนักงานสินเชื่อส่งออกสวีเดน(Swedish Export Credit Agency, EKN: Exportkreditnämnden)

"โคลอมเบียสามารถใช้แบบแผนทางการเงินเพื่อเลื่อนการชำระค่าใช้จ่ายลงเล็กน้อยในอนาคต...แต่เราในฐานะบริษัท เราจะได้รับการชำระค่าใช้จ่ายเมื่อเราส่งมอบ(เครื่องบินขับไล่ Gripen E/F) แก่โคลอมเบียตามแผนนั้น
เรากำลังทำงานอย่างหนักในทั้งสองการรณรงค์(กับไทยและโคลอมเบีย) และนี่เป็นหนึ่งในเป้าหมายประจำปีนี้ของเครื่องบินขับไล่ Gripen ที่เรามี" Johansson เน้นย้ำ

เป็นที่คาดว่ารัฐบาลไทยในกรุงเทพฯจะจัดหาเครื่องบินขับไล่แบบที่ ๒๐ข/ค บ.ข.๒๐ข/ค Saab JAS 39 Gripen E/F สำหรับกองทัพอากาศไทย(RTAF: Royal Thai Air Force) จำนวน ๑๒เครื่อง ที่จะเข้าประจำการ ณ ฝูงบิน๑๐๒ กองบิน๑ โคราช
โดยกองทัพอากาศมีประจำการด้วยครื่องบินขับไล่ บ.ข.๒๐/ก Gripen C/D จำนวน ๑๑เครื่อง ประจำการ ณ ฝูงบิน๗๐๑ กองบิน๗ สุราษฎร์ธานี แล้ว(แบ่งเป็นเครื่องบินขับไล่ที่นั่งเดี่ยว บ.ข.๒๐ Gripen C จำนวน ๗เครื่อง และเครื่องบินขับไล่สองที่นั่ง บ.ข.๒๐ก Gripen D จำนวน ๔เครื่อง)

โคลอมเบียไม่ได้ระบุว่าจะมีเครื่องบินขับไล่ Gripen E/F จำนวนกี่เครื่องที่ตนจะจัดซื้อ แต่กองทัพอากาศโคลอมเบีย(Colombian Air Force, FAC: Fuerza Aérea Colombiana) ได้ร่างเค้าโครงก่อนหน้านี้ว่า
มีความต้องการสำหรับเครื่องบินขับไล่ใหม่จำนวน 16-24เครื่อง เพื่อทดแทนฝูงเครื่องบินขับไล่ Israeli Aircraft Industries(IAI) Kfir อิสราเอล ที่ปัจจุบันกองทัพอากาศโคลอมเบียมีประจำการด้วยเครื่องบินขับไล่ Kfir C10 จำนวน 16เครื่อง

Johansson กล่าวว่าการประสบความสำเร็จการบรรลุผลข้อตกลงกับชาติต่างๆจะเป็นการแสดงถึง "ก้าวใหญ่ในการได้รับลูกค้าจำนวนมากขึ้นของเครื่องบินขับไล่ Gripen E ซึ่งเป็นเครื่องบินขับไล่ที่ยอดเยี่ยมด้วยค่าใช้จ่ายตลอดอายุการใช้งานที่ประหยัดและสมรรถนะที่สูง" 
โอกาสการขายในระยะใกล้อื่นๆอีกยังมีอยู่ในประเทศอื่นๆในภูมิภาค Latin America "เรากำลังทำการรณรงค์เพื่อจะได้ข้อเสนอที่ดีที่สุดในเปรูเช่นเดียวกัน เราได้มอบข้อเสนอแก่พวกเขาและพวกเขากำลังประเมินตามที่เราพูด ผมคิดว่าเราน่าจะได้รับโอกาสที่ดี"

"เรากำลังรักษาการยึดถือการรณรงค์นั้นว่ามีความสำคัญอย่างมากต่อเรา แน่นอนมันช่วยเราทั้งในบราซิลและการเจรจาในโคลอมเบีย ดังนั้นเราจึงสร้างศูนย์กลางและรากฐานที่ดีใน Latin America เราหวังว่าเราจะประสบความสำเร็จ เรากำลังเสนอสิ่งที่ดีที่สุดที่เรามี" Johansson เสริม 
จนถึงตอนนี้ Saab สวีเดนได้รับสัญญาที่จะส่งมอบเครื่องบินขับไล่ที่นั่งเดียว F-39E Gripen E จำนวน 28เครื่อง และเครื่องบินขับไล่สองที่นั่ง F-39F Gripen F จำนวน 8เครื่อง รวม 36เครื่องแก่บราซิล และเครื่องบินขับไล่ที่นั่งเดียว JAS 39E Gripen E จำนวน 60เครื่องแก่สวีเดนครับ

วันศุกร์ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2568

Embraer บราซิลเจรจาการพัฒนาโมร็อกโกตามที่ตนมองจะขายเครื่องบินลำเลียง C-390 ให้

Embraer develops Morocco links as it looks to secure KC/C-390 sale





Embraer, which has ambitions to sell its KC/C-390 Millennium tanker-transport aircraft to Morocco, has sent a delegation to the country as part of a wider effort to foster closer defence aerospace ties. (Brazilian Air Force)

บริษัท Embraer บราซิลได้ส่ง "ตัวแทนระดับสูง" ไปยังโมร็อกโกเพื่อประเมินห่วงโซ่อุปทานด้านการบินของโมร็อกโกก่อนหน้าความร่วมมือทวิภาคีในอนาคต บริษัท Embraer กล่าวเมื่อวันที่ 24 เมษายน 2025
การเยือนมีขึ้นตามการลงนามบันทึกความเข้าใจ(MOU: Memorandum of Understanding) ระหว่างรัฐบาลโมร็อกโกประเทศในแอฟริกาเหนือและ Embraer บราซิลเพื่อจะสำรวจความเป็นไปได้ในโครงการร่วมต่างๆ

และมีขึ้นตามมาหลายเดือนหลังจาก Embraer บราซิลได้เปิดเผยในเดือนเดียวกันว่าโมร็อกโกได้ถูกเชิญเข้าร่วมการสัมมานาผู้ใช้เครื่องบินลำเลียงและเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศ KC/C-390 Millennium(https://aagth1.blogspot.com/2024/11/embraer-c-390.html)
"Embraer มองเห็นโอกาสอย่างมีนัยสำคัญสำหรับความร่วมมือด้านธุรกิจและอุตสาหกรรมตามที่ทั้งบราซิลและราชอาณาจักโมร็อกโกแบ่งปันความุ่งมั่นที่แข็งแกร่งที่จะขึ้นอยู่กับการทำงานร่วมกันและการลงทุน"

"โอกาสต่างๆเหล่านั้นครอบคลุมทั่วทั้งการบินพาณิชย์, การป้องกันประเทศ, และการเคลื่อนที่ทางอากาศในเขตชุมชน ความร่วมมือสามารถจะยังรวมถึงโครงการการฝึก,
ขีดความสามารถการซ่อมบำรุง, ซ่อมแก้ และซ่อมทำใหญ่(MRO: Maintenance, Repair and Overhaul) และพื้นที่เพิ่มเติมต่างๆสำหรับความร่วมมือที่เป็นไปได้ เช่น การวิจัยและวิทยาการ" บริษัท Embraer กล่าว

ในเดือนตุลาคม 2024 แผ่นภาพนำเสนอของบริษัท Embraer ได้ถูกเผยแพร่ในสื่อสังคม online แสดงถึงว่าโมร็อกโกเป็นหนึ่งใน 10ชาติของการสัมมานาผู้ใช้เครื่องบินลำเลียงและเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศ KC/C-390
เช่นเดียวกับลูกค้าที่เป็นที่ทราบแล้วคือ ออสเตรีย(https://aagth1.blogspot.com/2025/02/embraer-c-390-millennium.html), บราซิล, สาธารณรัฐเช็ก(https://aagth1.blogspot.com/2024/10/c-390-millennium-2.html), 

และสาธารณรัฐเกาหลี(https://aagth1.blogspot.com/2023/12/kc-390.html) slide ยังได้แสดงชิลี, โมร็อกโก และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์(UAE: United Arab Emirates) ในฐานะสามลูกค้าที่ไม่เปิดเผยก่อนหน้าหรือลูกค้าในอนาคตที่เป็นไปได้(https://aagth1.blogspot.com/2024/12/c-390-2.html)

แม้ว่าชิลีได้ลงนามจดหมายแสดงความจำนง(LOI: Letter of Intent) ที่จะจัดหาเครื่องบินลำเลียงและเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศ KC/C-390 ไปก่อนหน้า(https://aagth1.blogspot.com/2024/10/embraer-c-390.html)
ตั้งแต่การประชุมนี้ สวีเดนได้ประกาศความตั้งใจของตนที่จะจัดหาเครื่องบินลำเลียงและเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศ KC/C-390(https://aagth1.blogspot.com/2024/11/c-390-millennium-c-130h.html

ในการตอบสนองการขอข้อมูลเกี่ยวกับมีส่วนร่วมที่เป็นไปได้ของโมร็อกโกในโครงการ KC/C-390 บริษัท Embraer กล่าวกับ Janes ว่า กองทัพอากาศโมร็อกโก(RMAF: Royal Moroccan Air Force) 
กำลังมองที่จะปรับปรุงขีดความสามารถเครื่องบินลำเลียงและเครื่องบินเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศต่างๆของตน โดยวางตำแหน่งเครื่องบินลำเลียงและเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศ KC/C-390 ในฐานะตัวเลือกชั้นนำของตนครับ

วันอาทิตย์ที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2568

โคลอมเบียเลือกเครื่องบินขับไล่ Gripen E/F สวีเดนเพื่อทดแทน Kfir อิสราเอล

Colombia selects Saab Gripen to replace IAI Kfirs



Colombia has signed a LoI with Sweden to purchase the Saab JAS 39E/F Gripen. (Saab) 




Colombia's Kfir C10s are all but obsolete. Replacing them with new aircraft has taken a decade in fits and starts. (USAF)

โคลอมเบียได้ลงนามจดหมายแสดงความจำนง(LOI: Letter of Intent) กับสวีเดนเพื่อจัดซื้อเครื่องบินขับไล่ Saab JAS 39E/F Gripen ตาม post บนสื่อสังคม online โดยประธานาธิบดีโคลอมเบีย Gustavo Petro เมื่อวันที่ 2 เมษายน 2025
เครื่องบินขับไล่ Gripen E/F สวีเดนมีจุดประสงค์ที่จะทดแทนฝูงเครื่องบินขับไล่ Israeli Aircraft Industries(IAI) Kfir อิสราเอลของกองทัพอากาศโคลอมเบีย(Colombian Air Force, FAC: Fuerza Aérea Colombiana) ที่จะกลายเป็นเครื่องบินขับไล่ทิ้งระเบิดหลักของประเทศ 

โคลอมเบียกำลังมองที่จะจัดหาเครื่องบินขับไล่ Gripen E/F จำนวน 16-24 เครื่องโดยสัญญาน่าจะมีมูลค่าที่วงเงินราวอย่างน้อย 2 billion Euros($2.2 billion) แหล่งข่าวที่มีความรู้ในการเลือกแบบกล่าวกับ Janes
การเจรจาระหว่างรัฐบาลโคลอมเบียและบริษัท Saab สวีเดนซึ่งจะกำหนดราคาของฝูงเครื่องบินและอาวุธจะบรรลุผล "ในหลายเดือนข้างหน้าที่จะมาถึง" Micael Johansson ผู้อำนวยการบริหารของ Saab กล่าวกับสื่อเมื่อวันที่ 3 เมษายน 2025

เจ้าหน้าที่กองทัพอากาศโคลอมเบียกล่าวว่าเครื่องบินขับไล่ Gripen E/F จะทดแทน "ขีดความสามารถต่างๆบางส่วนที่เรายังไม่ได้สูญเสียแต่กำลังถดถอยลง"(https://aagth1.blogspot.com/2023/06/saab-gripen.html)
กองทัพอากาศโคลอมเบียมีประจำการด้วยเครื่องบินขับไล่ Kfir C10 จำนวน 16เครื่อง ตามฐานข้อมูลจาก Janes World Air Forces((https://aagth1.blogspot.com/2019/06/iai-kfir-ng.html)

กองทัพอากาศโคลอมเบียได้เริ่มต้นที่จะมองหาการทดแทนสำหรับเครื่องบินขับไล่ Kfir ที่ใกล้จะหมดอายุการใช้งานมาเป็นเวลาเกินกว่าทศวรรษมาแล้ว และในกระบวนการคัดเลือกได้มีการประเมินค่าเครื่องบินขับไล่หลายแบบรวมถึง
เครื่องบินขับไล่ Dassault Rafale ฝรั่งเศส(https://aagth1.blogspot.com/2025/01/rafale-80.html), เครื่องบินขับไล่ Eurofighter Typhoon ยุโรป(https://aagth1.blogspot.com/2025/04/eurofighter-typhoon-tranche-1.html),

เครื่องบินขับไล่ MiG-35 รัสเซีย(https://aagth1.blogspot.com/2021/08/kh-59mkm.html, https://aagth1.blogspot.com/2021/05/mig-35.html), และเครื่องบินขับไล่ Lockheed Martin F-16 สหรัฐฯ

"การศึกษานี้ได้รับการศึกษามาเป็นเวลาหลายทศวรรษ...เราขอขอบคุณประเทศต่างๆที่ได้แสดงความสนใจในการนำเสนอข้อเสนอต่างๆที่แตกต่างกัน" รัฐมนตรีกลาโหมโคลอมเบีย Pedro Sánchez กล่าวต่อสื่อเมื่อวันที่ 3 เมษายน 2025
กองทัพอากาศโคลอมเบียน่าจะประจำการเครื่องบินขับไล่ Gripen E/F เป็นเวลาอย่างน้อย 35ปี Sánchez กล่าวต่อ ซึ่งมีส่วนต่อการตัดสินใจที่จะจัดซื้อเครื่องขับไล่สร้างใหม่เทียบกับเครื่องบินขับไล่ที่ผ่านการใช้งานมาแล้ว

โดยมีบราซิลเป็นผู้ใช้งานส่งออกปัจจุบัน(https://aagth1.blogspot.com/2024/11/gripen-ef-9.html) โคลอมเบียมีกำหนดที่จะเป็นผู้ใช้งานส่งออกรายล่าสุดสำหรับเครื่องบินขับไล่ Gripen E/F ในการทดแทนเครื่องบินขับไล่ Kfir ที่เครื่องแรกเข้าประจำการตั้งแต่ปี 1989-1990
ขณะที่กองทัพอากาศไทย(RTAF: Royal Thai Air Force) ได้เลือกที่จะจัดหาเครื่องบินขับไล่แบบที่๒๐ข/ค บ.ข.๒๐ข/ค Gripen E/F จำนวน ๑๒เครื่องครับ(https://aagth1.blogspot.com/2025/03/gripen-ef.html, https://aagth1.blogspot.com/2025/02/tai-saab-gripen-ef.html, https://aagth1.blogspot.com/2025/01/gripen-ef.html)

วันพุธที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568

Embraer บราซิลเริ่มการสร้างเครื่องบินลำเลียง C-390 Millennium สำหรับออสเตรีย

Embraer begins Millennium build for Austria





An artist's impression of the KC/C-390 Millennium in Austrian markings. On 14 February Embraer announced the commencement of manufacture of the first aircraft for the European customer. (Embraer)

บริษัท Embraer บราซิลได้เริ่มต้นการสร้างเครื่องบินลำเลียง KC/C-390 Millennium เครื่องแรกสำหรับออสเตรีย ณ โรงงานอากาศยาน Gavião Peixoto ของตนในบราซิล ประกาศเหตุการณ์สำคัญเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2025 
เจ็ดเดือนหลังจากที่ออสเตรียและเนเธอร์แลนด์ลงนามจัดซื้อจัดจ้างร่วมของเครื่องบินลำเลียง C-390 Millennium จำนวน 9เครื่อง ณ งานแสดงการบินนานาชาติ Farnborough International Airshow 2024 ในเดือนกรกฎาคม 2024

ภายใต้ข้อตกลงกองทัพอากาศออสเตรีย(Austrian Air Force, Österreichische Luftstreitkräfte) จะประจำการเครื่องบินลำเลียง C-390 Millennium จำนวน 4เครื่อง(https://aagth1.blogspot.com/2024/07/c-390-9.html)
และกองทัพอากาศเนเธอร์แลนด์(RNLAF: Royal Netherlands Air Force, Koninklijke Luchtmacht) จะวางกำลังประจำการด้วยเครื่องบินลำเลียง C-390 Millennium จำนวน 5เครื่อง

เมื่อการส่งมอบดำเนินการขึ้นตั้งแต่ปี 2027 กองทัพอากาศออสเตรียจะนำเครื่องบินลำเลียง C-390 ทดแทนเครื่องบินลำเลียง Lockheed Martin C-130K Hercules จำนวน 3เครื่องที่เดิมเป็นของสหราชอาณาจักร(https://aagth1.blogspot.com/2023/09/kc-390-c-130k.html
โดยกองทัพอากาศเนเธอร์แลนด์เครื่องบินลำเลียง C-390 จะทดแทนลำเลียง C-130H จำนวน 4เครื่องที่มีอายุการใช้งานมานาน(https://aagth1.blogspot.com/2022/06/c-390-millennium-c-130h-hercules.html) การส่งมอบมีกำหนดจะดำเนินการในปี 2027

กำหนดแบบเป็น C-390 ในบทบาทเครื่องบินลำเลียง และ KC-390 ในบทบาทเครื่องบินลำเลียงและเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศ เครื่องบินลำเลียง Millennium สามารถบรรทุกภารกรรมได้มากกว่าเครื่องบินลำเลียง C-130 ที่ความเร็วสูงกว่าและระยะทางที่ไกลมากกว่า
เครื่องบินลำเลียง C-390 Millennium มีพื้นที่ห้องบรรทุกภายในตัวเครื่องขนาดความจุ 170m³(รวมประตูท้ายเครื่อง ramp) และมีน้ำหนักภารกรรมบรรทุกสูงสุดที่ 23tonnes(หรือน้ำหนักภารกรรมบรรทุกที่รวบรวมที่จุดศูนย์ถ่วงของเครื่องที่สูงสุด 26tonnes) 

คุณลักษณะสมมรถนะที่เผยแพร่โดยบริษัท Embraer เครื่องบินลำเลียง C-390 มีความเร็วเดินทางสูงสุดที่ 470knots(870km/h) เพดานบินสูงสุดที่ 36,000feet และพิสัยการบินไกลที่ 1,380nmi(2,556kkm)(ด้วยน้ำหนักบรรทุก 23tonnes) 
หรือบินเดินทางด้วยถังเชื้อเพลิงภายในตัวเครื่องที่ 4,640nmi ระยะทำการบินสามารถเพิ่มขยายได้ด้วยการเติมเชื้อพลิงทางอากาศ(https://aagth1.blogspot.com/2024/12/c-390-2.html

เครื่องบินลำเลียง C-390 Millennium ได้รับการสั่งจัดหาจากชาติยุโรปแล้วหลายประเทศรวมถึง สาธารณรัฐเช็ก(https://aagth1.blogspot.com/2024/10/c-390-millennium-2.html), ฮังการี(https://aagth1.blogspot.com/2024/04/kc-390.html, https://aagth1.blogspot.com/2024/02/kc-390.html),