แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ S-300 แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ S-300 แสดงบทความทั้งหมด

วันพุธที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2567

สโลวาเกียจะจัดหาระบบป้องกันภัยทางอากาศ Barak MX อิสราเอล

Slovakia spends EUR1.2 billion on Israeli air-defence systems and new trucks



A Barak MRAD interceptor being fired from the Barak MX launcher. (Israel Aerospace Industries)



รัฐบาลสโลวาเกียมีกำหนดที่จะลงนามข้อตกลงระหว่างรัฐบาลต่อรัฐบาลกับอิสราเอลภายในสิ้นเดือนตุลาคม 2024 นี้ สำหรับระบบป้องกันภัยทางอากาศภาคพื้นดิน(GBAD: Ground-Based Air Defence) จำนวน 6ระบบ สำนักข่าว TASR ของรัฐบาลสโลวาเกียรายงาน
ข้อตกลงวงเงิน 554 million Euros($614 million) สำหรับแท่นยิง, radar, อาวุธปล่อยนำวิถี และสิ่งอุกรณ์ที่เกี่ยวข้องตามการอนุมัติของรัฐบาลสโลวาเกีย โดยการส่งมอบระบบป้องกันภัยทางอากาศภาคพื้นดินคาดว่าจะเริ่มต้นในปี 2025 และเสร็จสิ้นภายในปี 2029

หลังจากมองหลายตัวเลือกจากหลายผู้ผลิต กระทรวงกลาโหมสโลวาเกียได้ชี้แจงการจัดซื้อจัดจ้างในเอกสารที่ยื่นต่อรัฐสภาสโลวาเกียที่เสนอสำหรับระบบป้องกันภัยทางอากาศจากอิสราเอลว่ามีความได้เปรียบมากที่สุดในแง่เศรษฐกิจ, ทางเทคนิค และกรอบระยะเวลา
รัฐมนตรีกลาโหมสโลวาเกีย Robert Kalinak กล่าวในเอกสารต่อรัฐสภาสโลวาเกียว่ากองทัพสโลวาเกีย(Slovak Armed Forces) ปัจจุบันมีระบบป้องกันภัยทางอากาศ 2K12 KUB ยุคอดีตสหภาพโซเวียตที่ขณะนี้ล้าสมัยแล้วที่มีความพร้อมสำหรับใช้งานระบบที่เพียงร้อยละ33

Kalinak เสริมว่าหากสโลวาเกียล้มเหลวที่จะจัดหาระบบใหม่ทดแทน KUB ได้ สโลวาเกียจะสูญเสียขีดความสามารถการยิงที่ยังคงมีอยู่ของระบบป้องกันภัยทางอากาศภาคพื้นดินพิสัยกลาง GBAD ของตนภายในปี 2027
โดยขีดความสามารถที่จะยิงทำลายขีปนาวุธทางยุทธวิธี(TBM: Tactical Ballistic Missile) และอากาศยานไร้คนขับ(UAV: Unmanned Aerial Vehicle) บางประเภทเหนือสโลวาเกียจะสูญเสียเร็วกว่านั้นมาก

ในเดือนเมษายน 2022 สโลวาเกียได้กลายเป็นประเทศแรกที่ได้บริจาคระบบป้องกันภัยทางอากาศ S-300PMU ยุคอดีตสหภาพโซเวียตเก่าของตน รวมถึงอาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่อากาศ 5V55R จำนวน 48นัด, แท่นยิง 4ระบบ, และ radar แก่ยูเครน
การตัดสินใจได้ถูกวิพากษ์วิจารณ์จากนักการเมืองสโลวาเกียบางรายสำหรับการลดระดับขีดความสามารถการป้องกันภัยทางอากาศของสโลวาเกีย(https://aagth1.blogspot.com/2023/03/mig-29-4.html)

เป็นที่เข้าใจว่าระบบที่สโลวาเกียเลือกจะจัดหาคือระบบป้องกันภัยทางอากาศ Barak MX ที่พัฒนาโดยบริษัท Israel Aerospace Industries(IAI) อิสราเอล ที่ถูกออกแบบมาสำหรับการป้องกันภัยทางอากาศพิสัยกลางและพิสัยไกล บูรณาการกับที่บัญชาการและควบคุม, radar 
และแท่นยิงหลายตัวเลือกผสมผสานสามารถใช้อาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่อากาศตัวทำลาย(Effector) ระยะกลางที่ 35km, ระยะไกลที่ 70km และระยะไกลเพิ่มขยายที่ถึง 150km ที่ความสูงถึง 98,424feet และขีดความสามารถการโจมตีครอบคลุม 360องศา

รัฐบาลสโลวาเกียยังได้อนุมัติการจัดซื้อจัดจ้างของรถยนต์บรรทุกทางทหารประเภท N3G(รถยนต์บรรทุกหนักวิบาก ตามการจัดประเภทโดยสมาคมผู้ผลิตยานยนต์แห่งยุโรป European Automobile Manufacturers Association)
จำนวน 1,300 คันในการร่วมจัดซื้อจัดจ้างกับสาธารณรัฐเช็ก ในข้อตกลงที่คาดว่าจะมีมูลค่าที่วงเงิน 703 million Euros โดยคาดว่าจะเป็นรถยนต์บรรทุกหนักทางทหารที่ผลิตโดยบริษัท Tatra สาธารณรัฐเช็กครับ

วันเสาร์ที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2561

รัสเซียส่งมอบระบบป้องกันภัยทางอากาศ S-300 ให้ซีเรีย

Russia announces Syrian S-300 delivery
A still from footage released to Russian TV channels on 3 October shows a transporter erector launcher from an S-300P-series SAM system being unloaded from an An-124-100 transport aircraft, purportedly in Syria. Source: Ruptly
https://www.janes.com/article/83576/russia-announces-syrian-s-300-delivery


รัสเซียประกาศเมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2018 ว่าตนได้ส่งมอบระบบป้องกันภัยทางอากาศอาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่อากาศพิสัยไกล S-300 (SAM: Surface-to-Air Missile)ให้กับซีเรียแล้ว
ความเคลื่อนไหวนี้ได้เป็นการทำให้เส้นแบ่งระหว่างระบบป้องกันทางอากาศของรัสเซียและระบบป้องกันภัยทางอากาศของซีเรียที่วางกำลังในประเทศนี้เลือนลางลง

"เราได้เสร็จสิ้นการส่งมอบระบบ S-300 แล้ว มันรวม 49หน่วยของสิ่งอุปกรณ์ที่ได้รวมถึง radar, รถที่บังคับการ, และชุดยิง 4แท่นยิง งานได้เสร็จสิ้นเมื่อวันก่อน เราได้เสร็จสิ้นการส่งมอบทุกระบบแก่ซีเรียแล้ว"
รัฐมนตรีกลาโหมรัสเซีย Sergei Shoigu กล่าวระหว่างเข้าร่วมการประชุมสภาความมั่นคงรัสเซีย(Russian Security Council) กับประธานาธิบดีรัสเซีย Vladimir Putin

แหล่งข้อมูลเปิดที่ติดตามเครื่องส่งสัญญาณ(transponder) ADS-B ของอากาศยานได้แสดงข้อมูลว่า กองทัพอากาศรัสเซีย(Russian Aerospace Forces) ได้ปฏิบัติการขนส่งทางอากาศครั้งใหญ่ที่ฐานทัพอากาศ Humaymim ทางตะวันออกของซีเรียช่วงวันที่ 18 กันยายน-3 ตุลาคม 2018
โดยมีการทำการบินของเครื่องบินลำเลียงรัสเซียจำนวนมากที่รวมเครื่องบินลำเลียงหนักทางยุทธศาสตร์ไอพ่น IL-76 20เที่ยวบิน, เครื่องบินโดยสารไอพ่น IL-62 2เที่ยวบิน, เครื่องบินโดยสารไอพ่น Tu-154 6เที่ยวบิน และเครื่องบินลำเลียงหนักทางยุทธศาสตร์ไอพ่น An-124 17เที่ยวบิน

การที่รัสเซียส่งมอบระบบ S-300 แก่ซีเรียเห็นได้ชัดว่าเพื่อเป็นการป้องกันไม่เกิดเหตุการณ์ซ้ำกับวันที่ 17 กันยายน 2018 ที่ระบบอาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่อากาศ S-200 ซีเรียยิงเครื่องตรวจการณ์ลาตระเวนข่าวกรอง IL-20M รัสเซียตกเหนือทะเล Mediterranean ซึ่งนักบินและลูกเรือทั้งหมดเสียชีวิต
รัสเซียกล่าวหาว่าเครื่องบินขับไล่ F-16 กองทัพอากาศอิสราเอล(Israeli Air Force) ใช้ IL-20M รัสเซียเป็นที่กำบังระหว่างทำการโจมตีทางอากาศในซีเรีย ข้ออ้างดังกล่าวของรัสเซียได้ถูกปฏิเสธโดยกองทัพอิสราเอล(IDF: Israel Defense Forces)

ตามข้อมูลจากรัฐมนตรีกลาโหมรัสเซีย Shoigu ระบบสงคราม Electronic ใหม่ยังได้รับการวางกำลังในอิสราเอล "ผลที่ตามมาปัจจุบันเราควบคุมพื้นที่ส่วนใกล้ถึง 50km และพื้นที่ส่วนไกลตามทิศทางหลักจากที่ซึ่ง(อิสราเอล)เข้ามาภายในพื้นที่ดินแดนของซีเรียได้รับการควบคุมถึง 200km" เขากล่าว เห็นได้ภาพวิดีทัศน์ที่ปรากฎในสื่อโทรทัศน์รัสเซียว่า ชุดแท่นยิงอัตตาจร 4นัดของระบบอาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่อากาศ S-300PM(NATO กำหนดรหัส SA-10E Grumble) กำลังถูกลำเลียงออกจากเครื่องบินลำเลียงหนักทางยุทธศาสตร์ An-124-100 รัสเซียที่สนามบินในซีเรีย

แม้ว่าระบบป้องกันภัยทางอากาศ S-300 เหล่านี้เป็นสินทรัพย์ของกองทัพรัฐบาลซีเรีย(Syrian Arab Armed Forces) อย่างเป็นที่ชัดเจน แต่ระบบดังกล่าวจะถูกใช้ปฏิบัติงานโดยกำลังพลของรัสเซียไปก่อนอย่างน้อยจนกว่าที่กำลังพลของซีเรียจะได้รับการฝึกเสร็จ
ทั้งนี้นอกจากเครื่องบินขับไล่ F-16I Sufa กองทัพอากาศอิสราเอลยังได้นำเครื่องบินขับไล่ยุคที่5 Lockheed Martin F-35A Lightning II 'Adir' ซึ่งมีคุณสมบัติตรวจจับยาก(Stealth) โจมตีทางอากาศในซีเรียเป็นครั้งแรกมาแล้วครับ(http://aagth1.blogspot.com/2018/05/f-35a.html)

วันจันทร์ที่ 2 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

ประธานาธิบดีสหรัฐฯ Trump รับประกันว่าจะส่งมอบเครื่องบินขับไล่ F-35A ให้ตุรกี

Trump guarantees F-35 deliveries to Ankara, says Turkish minister
Turkey’s foreign minister Mevlut Cavusoglu says in a TV interview that US president Donald Trump personally promised to ensure the delivery of the Lockheed Martin F-35A to his country.
https://www.flightglobal.com/news/articles/trump-guarantees-f-35-deliveries-to-ankara-says-tur-449849/

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศตุรกี Mevlut Cavusoglu กล่าวในการให้สัมภาษณ์ทางสถานีโทรทัศน์ NTV ตุรกีเมื่อ 29 มิถุนายนที่ผ่านมาว่า
ประธานาธิบดีสหรัฐฯ Donald Trump ให้สัญญาเป็นการส่วนตัวเพื่อสร้างความมั่นใจว่า สหรัฐฯจะส่งมอบเครื่องบินขับไล่ยุคที่5 Lockheed Martin F-35A Lightning II Joint Strike Fighter(JSF) ให้แก่กองทัพอากาศตุรกี(Turkish Air Force) แน่
ฝ่ายที่คัดค้านจากทั้งสมาชิกวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎร สภา Congress สหรัฐฯ และเจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ได้ทำให้การผลักดันการส่งมอบเครื่องบินขับไล่ F-35A แก่ตุรกีตกอยู่ในความเสี่ยง

สมาชิกสภา Congress และเจ้าหน้าที่รัฐบาลสหรัฐฯได้อธิบายว่าการที่ตุรกีได้ตัดสินใจจัดหาระบบป้องกันภัยทางอากาศ Almaz-Antey S-400 Triumf รัสเซีย(http://aagth1.blogspot.com/2017/10/s-400.html, http://aagth1.blogspot.com/2017/12/s-400.html)
รวมถึงการที่รัฐบาลของประธานาธิบดีตุรกี Recep Tayyip Erdogan มีพฤติกรรมที่ไม่คำนึงถึงหลักนิติธรรม, ลดเสรีภาพส่วนบุคคล, รวบอำนาจ และตัดสินใจยุทธศาสตร์ทางทหารที่ผลักดันตุรกีและชาติตะวันออกกลางที่ออกจากแนวทางผลประโยชน์ของสหรัฐฯ
แต่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ Trump กล่าวกับรัฐบาลตุรกีว่าจะทำทุกขั้นตอนที่จำเป็นเพื่อสร้างความมั่นใจให้ชาติพันธมิตรสามชิก NATO นี้ให้ได้รับมอบ F-35A ตามจำนวนที่สั่งจัดหาจากบริษัท Lockheed Martin สหรัฐฯ ตามที่รัฐมนตรีต่างประเทศตุรกีให้สัมภาษณ์ต่อสถานีโทรทัศน์ NTV

สภาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ(National Security Council) ยืนยันว่าประธานาธิบดีสหรัฐฯ Trump ได้พูดคุยกับประธานาธิบดีตุรกี Erdogan จริง แต่ปฏิเสธที่จะให้ข้อมูลยืนยันหรือปฏิเสธว่า F-35A เป็นส่วนหนึ่งของการสนทนา
"ประธานาธิบดี Trump ได้พูดคุยกับประธานาธิบดี Erdogan เมื่อวันที่ 26 มิถุนายนเพื่อแสดงความยินดีที่เขาได้ชนะการเลือกตั้งอีกสมัย และเพื่อยืนยันความสัมพันธ์อันแข็งแกร่งระหว่างสหรัฐฯและตุรกีในฐานะสมาชิก NATO และหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์
ทั้งสองผู้นำได้หารือร่วมกันในการแก้ไขปัญหาด้านความสัมพันธ์ทวิภาคีและเพื่อเพิ่มความร่วมมือในแบ่งปันการจัดการความท้าทายทางยุทธศาสตร์ร่วมกัน" สภาความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯกล่าว

ในด้านกลาโหมที่ตุรกีตัดสินใจจัดหาระบบป้องกันภัยทางอากาศ S-400 จากรัสเซีย รัฐมนตรีต่างประเทศตุรกี Cavusoglu ชี้ให้เห็นในการให้สัมภาษณ์ทางโทรทัศน์ว่า ตามข้อเท็จจริงแล้วชาติสมาชิก NATO คือกรีซเองก็ได้จัดหาระบบป้องกันภัยทางอากาศ S-300 รัสเซียมาก่อนแล้ว
อย่างไรก็ตาม S-400 ป็นระบบอาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่อากาศที่ก้าวหน้าที่สุดในตลาดส่งออกอาวุธ ซึ่งทาง Rosoboronexport หน่วยงานด้านจัดการส่งออกยุทโธปกรณ์รัสเซียกล่าวว่า S-400 สามารถต่อต้านเครื่องบินที่มีคุณสมบัติตรวจจับได้ยาก Stealth ได้ถึงระยะ 150km(81nmi)
นักวิเคราะห์ทางทหารได้แสดงความกังวลว่า S-400 จะสามารถหาช่องโหว่ในการโจมตี F-35 ได้ถ้าทั้งสองระบบถูกใช้งานโดยประเทศเดียวกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งตุรกีซึ่งเริ่มมีนโยบายทางต่างประเทศของตนที่ออกห่างจากสหรัฐฯมากขึ้นในหลายปีมานี้

บริษัท Lockheed Martin สหรัฐฯได้ทำพิธีเปิดตัวเครื่องบินขับไล่ F-35A เครื่องแรกของกองทัพอากาศตุรกีอย่างเป็นทางการ ที่โรงงานอากาศยานของ Lockheed Martin ที่ Fort Worth มลรัฐ Texas สหรัฐฯ เมื่อวันที่ 21 มิถุนายนที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตามคาดว่าตุรกีจะยังไม่รับมอบเครื่องบินขับไล่ F-35A เพื่อทำการบินปฏิบัติการในน่านฟ้าของตนจนกว่าจะถึงปี 2020 ตามที่นักบินของกองทัพอากาศตุรกีจะเริ่มทำการฝึกบินกับเครื่องบินใหม่นี้ที่ฐานทัพอากาศ Luke มลรัฐ Arizona ในสิ้นเดือนมิถุนายนนี้
ขณะที่ช่างอากาศยานของกองทัพอากาศตุรกีได้เริ่มทำการฝึกกับเครื่องบินขับไล่ F-35 ที่ฐานทัพอากาศ Eglin มลรัฐ Florida แล้วครับ(http://aagth1.blogspot.com/2018/06/lockheed-martin-f-35a.html)

วันอาทิตย์ที่ 31 ธันวาคม พ.ศ. 2560

สหรัฐฯยังคงโน้มน้าวตุรกีไม่ให้จัดหาระบบป้องกันภัยทางอากาศ S-400 รัสเซีย

US keeps persuading Turkey not to buy Russian missile systems — Pentagon
"We have an open dialogue on this issue," a US Department of Defense spokesperson said
Vitaly Nevar/TASS
http://tass.com/defense/983752

รัฐบาลสหรัฐฯยังคงพยายามโน้มน้าวตุรกีไม่ให้จัดหาระบบป้องกันภัยทางอากาศอาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่อากาศ S-400 Triumf(NATO กำหนดรหัส SA-21 Growler) จากรัสเซีย
ตามที่ Johnny Michael โฆษกกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯหรือ Pentagon กล่าวกับ TASS ในการแสดงความเห็นต่อข้อตกลงระหว่างตุรกี-รัสเซียในการจัดหาระบบ S-400 เมื่อเร็วๆนี้

"เราได้ถ่ายทอดความกังวลของเราไปยังทางการตุรกีเกี่ยวกับการจัดซื้อ S-400 ระบบอาวุธปล่อยนำวิถีป้องกันภัยทางอากาศที่เข้ากันได้กับ NATO ยังคงเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในการป้องกันตุรกีจากภัยคุกคามทุกระยะอย่างเต็มรูปแบบในภูมิภาคของตน
เราได้เปิดการประชุมหารือเกี่ยวกับประเด็นนี้ และได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการคงรักษาความเข้ากันได้กับ NATO ในโครงการจัดระบบทางความมั่นคงหลักใดๆก็ตาม" โฆษกของ Pentagon สหรัฐฯกล่าว

โฆษกกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯยังได้กล่าวต่อไปว่า ตุรกีและรัสเซียมี "ความเข็มแข็งและนัยสำคัญ" ทางด้านความสัมพันธ์การค้าทางความมั่นคงและการขายทางการทหาร
"ตุรกียังคงเดินหาแสวงหาระบบป้องกันอาวุธปล่อยนำวิถีจากพันธมิตร NATO รวมถึงระบบอาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่อากาศ Patriot ของสหรัฐฯ สำหรับขยายความจำเป็นด้านการป้องกันภัยทางอากาศในระยะยาว สหรัฐฯมุ่งมั่นที่เร่งการส่งมอบการจัดซื้อยุทโธปกรณ์ให้ตุรกีเมื่อเป็นไปได้" เขากล่าว

ก่อนหน้านี้ไม่กี่วันรัสเซียและตุรกีได้ลงนานข้อตกลงการกู้ยืมเงินสำหรับการจัดซื้อระบบ S-400 จากรัสเซียของตุรกี สถานีโทรทัศน์ Haberturk TV รายงานเมื่อวันที่ 29 ธันวาคมที่ผ่านมา ตามหนังสือพิมพ์ Hurriyet daily ว่า
รัฐบาลตุรกีจะจ่ายวงเงินส่วนหนึ่งจากทั้งหมดจากงบประมาณของตนเอง และการทำสัญญากู้ยืมกับรัสเซียสำหรับวงเงินส่วนที่เหลือ โดยเฉพาะวงเงินกู้ยืมนั้นจะเป็นสกุลเงิน Ruble

เมื่อ 12 กันยายน 2017 ประธานาธิบดีตุรกี Recep Tayyip Erdogan กล่าวว่ารัฐบาลตุรกีลงนามสัญญาจัดหาระบบ S-400 กับรัฐบาลรัสเซีย โดยมีการจ่ายวงเงินล่วงหน้าไปแล้ว
ต่อมา 2 พฤศจิกายน 2017 Sergei Chemezov ผู้อำนวยการทั่วไปของ Rostec กลุ่มอุตสาหกรรมความมั่นคงรัสเซีย กล่าวกับ TASS ว่าสัญญาการขายระบบ S-400 ให้ตุรกีมีวงเงินเกิน $2.5 billion คาดว่าการส่งมอบระบบให้ตุรกีจะเริ่มขึ้นในอีก 2ปีหรือราวเดือนมีนาคมปี 2020

S-400 Triumf เป็นระบบอาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่อากาศพิสัยไกลซึ่งเข้าประจำการในกองทัพรัสเซียเมื่อปี 2007 โดยถูกออกแบบมาเพื่อทำลายอากาศยาน, อาวุธปล่อยนำวิถีร่อน และขีปนาวุธ รวมถึงอาวุธปล่อยนำวิถีพิสัยกลาง และเป้าหมายภาคพื้นดิน
S-400 สามารถโจมตีเป้าหมายหลายเป้าหมายได้พร้อมกันในระยะยิงไกลถึง 400km และที่เพดานยิงสูงถึง 30km

ทั้งนี้นอกจากตุรกีแล้ว คาดว่ารัสเซียจะได้รับการลงนามสัญญาจัดหาระบบ S-400 จากอินเดียในเร็วๆนี้ หลังจากที่มีเบลารุสเป็นลูกค้าส่งออกรายแรก และจีนที่สั่งจัดหา S-400 จำนวน 6ระบบ และซาอุดิอาระเบียที่กำลังเจรจาจะจัดหา(http://aagth1.blogspot.com/2017/10/thaad-s-400.html)
สำหรับกลุ่ม NATO แล้ว กรีซเป็นประเทศแรกได้มีการจัดหาระบบป้องกันภัยทางอากาศอาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่อากาศ S-300PMU1 จากรัสเซียเมื่อปี 1999 โดยทำการยิงจริงครั้งแรกในการฝึก White Eagle 2013 ครับ

วันเสาร์ที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2559

อินเดียจะลงนามจัดหาระบบป้องกันภัยทางอากาศ S-400 Triumf อิหร่านรับมอบ S-300 ครบ และตุรกีสนใจจัดซื้อระบบป้องกันภัยทางอากาศจากรัสเซีย

Russia, India to sign deal on S-400 Triumf air defense systems delivery
Marina Lystseva/ITAR-TASS
The agreement will be signed on Saturday, October 15
http://tass.com/defense/906326

นาย Yuri Ushakov ผู้ช่วยประธานาธิบดีรัสเซียได้กล่าวเมื่อวันที่ 13 ตุลาคมที่ผ่านมาว่า อินเดียจะมีการลงนามกับรัสเซียในสัญญาจัดหาระบบอาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่อากาศพิสัยไกลแบบ S-400 Triumf ในวันที่ 15 ตุลาคมนี้
"ตามผลการเจรจาระหว่างประธานาธิบดีรัสเซีย Vladimir Putin ของเรา และนายกรัฐมนตรีอินเดีย Narendra Modi จะมีการลงนามข้อตกลงการจัดหาระบบอาวุธปล่อยนำวิถีป้องกันภัยทางอากาศ S-400 Triumf
เช่นเดียวกันกับเอกสารอื่นบางส่วน ซึ่งส่วนของเอกสารจะถูกลงนามหลังประตูที่ปิด" นาย Ushakov ผู้ช่วยประธานาธิบดีปฏิเสธที่จะให้ความเห็นในรายละเอียดข้อตกลง โดยมีการตั้งข้อสังเกตุว่าเอกสารแรกอาจจะมีการลงนามไปก่อนแล้ว

S-400 Triumf เป็นระบบอาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่อากาศพิสัยไกลที่ก้าวหน้าที่สุดซึ่งประจำการในกองทัพรัสเซียตั้งแต่ปี 2007
โดยระบบป้องกันภัยทางอากาศ S-400 สามารถทำลายเป้าหมายอากาศยานและอาวุธปล่อยนำวิถีร่อนได้ในระยะ 400km และทำลายเป้าหมายขีปนาวุธที่ความเร็ว 4.8km/s ได้ในระยะ 60km
จีนเป็นประเทศแรกที่รัสเซียส่งออกระบบ S-400 เพื่อเข้าประจำการในกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน ซึ่งจีนและรัสเซียได้ลงนามสัญญาจัดหาไปเมื่อฤดูใบไม้ผลิปี 2015 โดยมีรายงานว่าเป็นวงเงินประมาณ $3 billion

นอกจากนี้รัสเซียยังมีแผนที่ลงนามข้อตกลงความร่วมมือในการสร้างเรือฟริเกตแบบ Project 11356 ให้กับกองทัพเรืออินเดีย และจัดตั้งความร่วมมือในการผลิตเฮลิคอปเตอร์ Kamov Ka-226T ในอินเดีย
รวมถึงความร่วมมือด้านความมั่นคงอื่นๆ เช่นความร่วมมือในการต่อต้านการก่อการร้าย เศรษฐกิจการค้า และพลังงาน เช่น การพัฒนาโรงงานไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างอินเดียและรัสเซียที่สถาปนาการทูตครบรอบ 70ปี
แต่ทั้งนี้ทางรัสเซียก็กังวลที่อินเดียแสดงความไม่พอใจในกรณีที่ กองทัพรัสเซียและกองทัพปากีสถานได้จัดการซ้อมรบร่วมระหว่างกันเป็นครั้งแรกในชื่อ Friendship 2016 ระหว่างวันที่ 26 กันยายน ถึง 10 ตุลาคมที่ผ่านมาที่เขตทหารภาคใต้ของรัสเซียครับ

Russia completes supplies of S-300 air defense systems to Iran
Dmitriy Rogulin/ITAR-TASS
The contract for selling S-300 to Iran was concluded back in 2007 and resumed in 2015
http://tass.com/defense/906269

จากการตอบคำถามต่อสื่อของเจ้าหน้าที่ความร่วมมือด้านเทคนิคทางทหารสหพันธรัฐรัสเซีย รัสเซียได้เสร็จสิ้นการส่งมอบระบบป้องกันภัยทางอากาศ S-300 ทั้งหมดให้อิหร่านแล้ว "ใช่มันผ่านการจัดส่งครบแล้ว" เจ้าหน้าที่กล่าว
เมื่อปลายเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา รัฐมนตรีกลาโหมอิหร่าน Hossein Dehghan กล่าวว่ารัฐบาล Tehran หวังว่าระบบ S-300 จะถูกจัดส่งมาครบภายในหนึ่งเดือน
สัญญาการจัดซื้อระบบป้องกันภัยทางอากาศ S-300 ระหว่างรัสเซียกับอิหร่านได้เริ่มขึ้นในปี 2007 แต่ถูกระงับในปี 2010 เมื่อรัสเซียปฏิบัติตามมติการคว่ำบาตการขายอาวุธให้อิหร่านของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ
และเริ่มต้นใหม่ในฤดูใบไม้ผลิปี 2015 เมื่อประธานาธิบดีรัสเซีย Vladimir Putin ยกเลิกการห้ามขาย S-300 ให้อิหร่าน โดยสัญญามีผลเมื่อเดือนพฤศจิกายน ปี 2015

S-300 เป็นตระกูลระบบอาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่อากาศพิสัยไกลที่พัฒนาโดย NPO Almaz รัสเซีย ซึ่งมีรุ่นพื้นฐานดั้งเดิมรุ่นแรกคือ S-300P
โดยมีรายงานว่าอิหร่านจัดหาระบบป้องกันภัยทางอากาศ S-300 ทั้งหมดจำนวน 4กองพัน แต่ไม่มีการยืนยันระบบที่อิหร่านจัดหาเป็นรุ่น S-300PM1 หรือ S-300PMU2
ระบบ S-300 ถูกพัฒนาเพื่อใช้เป็นระบบป้องกันอากาศยานและอาวุธปล่อยนำวิถีร่อนสำหรับกองกำลังป้องกันภัยทางอากาศโซเวียต โดยรุ่นต่อมาถูกพัฒนาให้สมารถยิงสกัดกั้นขีปนาวุธได้
S-300 ถูกนำเข้าประจำการในอดีตสหภาพโซเวียตในปี 1979 เพื่อเป็นระบบป้องกันภัยทางอากาศในพื้นที่โรงานอุตสาหกรรมและภาคการบริหารขนาดใหญ่, ฐานทัพ และควบคุมห้วงอากาศต่อต้านการถูกโจมตีจากอากาศยานข้าศึกครับ

Turkey 'positive' about puchasing Russian air defense systems — official
Dmitriy Rogulin/ITAR-TASS
Erdogan's representative explained that Turkey might be prepared to sign an agreement with the country that proves capable of meeting its demand for air defense systems
http://tass.com/world/906490

นาย Ibrahim Kalyn โฆษกประธานาธิบดีตุรกีให้ข้อมูลต่อสื่อเมื่อวันที่ 14 ตุลาคมที่ผ่านมาว่า ตุรกีและรัสเซียกำลังหารือเพื่อสร้างแนวทางความร่วมมือในกรอบเทคนิคทางทหารร่วมกัน
โดยความร่วมมือทั้งสองประเทศนี้มีขึ้นจากการเยือน Istanbul ของประธานธิบดีรัสเซีย นาย Vladimir Putin และประธานาธิบดีตุรกี Recep Tayyip Erdogan เมื่อวันที่ 10 ตุลาคมที่ผ่านมา
"การเจรจาที่ Istanbul ได้สร้างความสำเร็จของข้อตกลงในการพัฒนาความร่วมมือกับรัสเซียด้านอุตสาหกรรมความมั่นคง หน่วยงานที่เกี่ยวกำลังทำรายละเอียดอยู่ ภาคส่วนอุตสาหกรรมความมั่นคงของตุรกีกำลังพูดคุยกับคู่ค้ารัสเซียเกี่ยวกับแนวทางความร่วมมือ" นาย Kalyn กล่าว
โฆษกประธานาธิบดีตุรกีได้ถูกซักถามถึงความเป็นไปได้ที่ตรุกีจะจัดซื้่อระบบป้องกันภัยทางอากาศพิสัยไกลจากรัสเซีย "ตามหลักการเรามีความเห็นเชิงบวกในเรื่องนี้" เขาตอบ
นาย Kalyn เสริมว่า เมื่อมีความมั่นคงของชาติเป็นเดิมพันตุรกีควรจะเตรียมตัวในโต๊ะเจรจาที่จะมาถึง และลงนามข้อตกลงกับประเทศที่สามารถพิสูจน์ความสามารถที่ตรงความต้องการสำหรับระบบป้องกันภัยทางอากาศ

ก่อนหน้านี้ในเดือนกันยายนปี 2013 ตุรกีได้เลือกข้อเสนอในการจัดหาระบบอาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่อากาศพิสัยไกลแบบ FD-2000 จาก China Precision Machinery Export-Import Corp(CPMEIC) สาธารณรัฐประชาชนจีน
ซึ่ง FD-2000 เป็นรุ่นส่งออกของอาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่อากาศ HQ-9(มีพื้นฐานจาก S-300 รัสเซีย) ที่ประจำการในกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน พร้อมการถ่ายทอดเทคโนโลยีการผลิตในตุรกีจากจีน
แต่จากการที่ NATO กังวลว่าการจัดหาระบบป้องกันภัยทางอากาศจากจีนของตุรกี จะทำให้จีนสามารถเข้าถึงข้อมูลสำคัญของระบบป้องกันภัยทางอากาศ NATO ได้ ทำให้ตุรกีต้องกลับมาพิจารณาถึงตัวเลือกระบบที่มีความเข้ากันได้อยู่แล้วจากผู้แข่งขันอีกสองรายคือ
Patriot จากบริษัท Raytheon และ Lockheed Martin สหรัฐฯ และ Eurosam SAMP/T จาก MBDA ฝรั่งเศสและ Thales Group ยุโรป ซึ่งพัฒนามาจากอาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่อากาศ Aster 30 ที่ใช้กับเรือผิวน้ำ
มีข้อมูลว่ารัสเซียได้เสนอระบบอาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่อากาศ S-300VM หรือ Antey-2500 จากบริษัท Almaz-Antey รัสเซีย โดยทางตุรกีต้องการการถ่ายทอดเทคโนโลยีสำหรับการผลิตร่วมในประเทศตนครับ

Russia may consider delivering air defense systems to Turkey
Grigory Sysoyev/TASS
The Kremlin spokesman confirmed that "various air defense systems were mentioned" during the negotiations
http://tass.com/politics/906527

ด้านโฆษกประธานาธิบดีรัสเซีย นาย Dmitry Peskov ก็ได้แถลงยืนยันเมื่อวันที่ 14 ตุลาคมที่ผ่านเช่นกันว่า รัฐบาลรัสเซียอาจจะพิจารณาส่งมอบระบบป้องกันภัยทางอากาศให้ตรุกี
"ที่จริงแล้วหัวข้อที่เกี่ยวข้องกับความร่วมมือทางทหารและทางเทคนิคนั้นอยู่ในวาระการประชุมติดต่อระหว่างประธานาธิบดี Putin และประธานาธิบดี Erdogan โดยมีระบบป้องกันภัยทางอากาศหลายแบบได้ถูกกล่าวถึง
ถ้าทางตุรกีแสดงถึงความต้องการรัสเซียก็อาจจะพิจารณาความเป็นไปได้ในการส่งมอบระบบแก่ตุรกีโดยมีการปรับเปลี่ยนในหลายอย่างสำหรับพวกเขา แต่นี่เป็นปัญหาในเชิงพาณิชย์อย่างเดียวที่เป็นพื้นที่อ่อนไหวมากของความร่วมมือ" นาย Peskov กล่าว

ก่อนหน้านี้โฆษกรัฐบาล Kremlin ได้กล่าวว่าประธานาธิบดี Putin และประธานาธิบดี Erdogan ไม่ได้มีการหารือร่วมกันในหัวข้อการสร้างระบบป้องกันภัยทางอากาศร่วมกัน
ซึ่งผู้นำรัสเซียได้กล่าวต่อสื่อหลังการประชุมเมื่อวันที่ 10 ตุลาคมที่ผ่านมาว่ารัสเซียพร้อมที่จะเดินหน้าการพูดคุยกับตุรกีในกรอบความร่วมมือทางทหารและเทคนิคที่เต็มไปด้วยโครงการสำคัญที่มีความสนใจร่วมกัน
โดยประธานาธิบดี Putin กล่าวว่าข้อเสนอสำหรับทั้งสองฝ่ายกำลังอยู่ระหว่างการเริ่มการศึกษาและทั้งหมดยังอยู่ในช่วงตั้งต้นการดำเนินการครับ

วันพฤหัสบดีที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

อิหร่านจะได้รับมอบระบบป้องกันภัยทางอากาศ S-300 จากรัสเซียในเดือนมีนาคม 2016

Iran to get Russian S-300 air defense systems by March 2016 — Iranian defense minister
ITAR-TASS/Marina Lystseva
http://tass.ru/en/defense/835437

รัฐมนตรีกลาโหมอิหร่าน พลจัตวา Hossein Dehghan ได้กล่าวให้ข้อมูลต่อสื่อเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายนว่า
อิหร่านจะได้รับมอบระบบอาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่อากาศ S-300 จากรัสเซียภายในเดือนมีนาคมปี 2016

ที่ผ่านมาในปี 2007 รัสเซียและอิหร่านได้เคยลงนามข้อตกลงในการจัดหาระบบอาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่อากาศ S-300PMU-1 จำนวน 5กองพันแก่กองทัพอิหร่าน
แต่ในช่วงฤดูใบไม่ร่วงปี 2010 อดีตประธานาธิบดีรัสเซีย นาย Dmitry Medvedev ได้สั่งระงับการส่งมอบระบบดังกล่าวแก่อิหร่าน
ทำให้สัญญามูลค่ามากกว่า $800 million เป็นโมฆะและเงินที่รัสเซียได้รับล่วงหน้าถูกส่งคืนกลับให้อิหร่าน
อีกทั้งอิหร่านยังได้ยื่นฟ้องรัสเซียต่อศาลอนุญาโตตุลาการแห่ง Geneva ให้รัสเซียชดใช้ค่าเสียหายจากสัญญาวงเงินกว่า $4 billion ด้วย
อย่างไรก็ตามล่าสุดเมื่อฤดูใบไม้ผลิปี 2015 ประธานาธิบดีรัสเซีย นาย Vladimir Putin ได้ยกเลิกคำสั่งระงับการจัดหาระบบ S-300 ให้อิหร่านแล้ว

ยังไม่มีข้อมูลยืนยันอย่างเป็นทางการในขณะนี้ว่าระบบ S-300 ที่อิหร่านจะจัดหาไม่ใช่รุ่น S-300PMU-1 ที่ถูกยกเลิกไปแล้ว
แต่อาจจะเป็นรุ่น S-300VM ที่ผลิตเป็นพิเศษสำหรับส่งออกให้อิหร่านโดยเฉพาะหรือไม่ครับ

วันศุกร์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2557

อียิปต์ลงนามสัญญาจัดหา S-300VM จากรัสเซีย


http://www.dni.ru/economy/2014/9/24/281572.html

มีรายงานว่า Rosoboronexport องค์กรส่งออกอาวุธของรัสเซียได้ลงนามสัญญากับอียิปต์ในการส่งออกอาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่อากาศ S-300VM
โดยสัญญามีมูลค่าราวครึ่งพันล้านเหรียญ($500 million?) ซึ่งการผลิตระบบได้เริ่มตั้งแต่วัน 11 กันยายนที่ผ่านมาที่โรงงาน Kirov ใน St. Petersburg
ซึ่งตัวฐานยิงอัตตาจรของระบบคาดว่าจะถูกทำสีพรางเป็นสีทะเลทราย แต่อย่างไรก็ตามทาง Rosoboronexport ปฏิเสธที่จะให้ข้อมูลต่อสื่อมากกว่านี้


http://www.armyrecognition.com/russia_russian_missile_system_vehicle_uk/s-300vm_antey-2500_sa-23_gladiator_giant_technical_data_sheet_specifications_pictures_video.html

S-300VM หรือ Antey-2500 ซึ่ง NATO กำหนดรหัสว่า SA-23 Gladiator\Giant เป็นระบบอาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่อากาศพิสัยไกล มีระยะยิง 200km
สามารถทำลายเป้าหมายได้ตั้งแต่อากาศยานปีกตรึง อากาศยานปีกหมุน กระสุนนำวิถีความแม่นยำสูง อาวุธปล่อยนำวิถีร่อน ขีปนาวุธพิสัยใกล้และพิสัยกลาง
ภายใต้ภาวะการต่อต้านทางระบบElectronic (ECM) อย่างรุนแรงครับ

วันพฤหัสบดีที่ 14 สิงหาคม พ.ศ. 2557

รัสเซียจะทำลาย S-300 ที่เดิมผลิตเพื่อส่งออกให้ซีเรีย

Russia to Destroy S-300 Weapons Systems Meant for Export to Syria

http://en.ria.ru/russia/20140811/191908683/Russia-to-Destroy-S-300-Weapons-Systems-Meant-for-Export-to.html

Konstantin Biryulin ผู้อำนวยการองค์การความร่วมมือด้านการบริหาร Technic ทางทหารสหพันธรัฐรัสเซีย ได้ออกมาเปิดเผยต่อสื่อว่า
ระบบอาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่อากาศพิสัยไกลแบบ S-300 ที่รัฐบาลซีเรียจัดหาก่อนการคว่ำบาตเมื่อเกิดสงครามกลางเมืองมารวม3ปีจะถูกทำลายลง
โดยให้เหตุผลว่าการตัดสินใจนี้เป็นการกระทำในระดับความเป็นผู้นำทางการเมืองของประเทศ
เมื่อสอบถามว่าเป็นไปได้หรือไม่ที่รัสเซียจะขายระบบนี้ให้ประเทศอื่นแทนนาย Biryulin ตอบว่าก็เป็นไปได้แต่ไม่มากนัก

รัสเซียเป็นประเทศผู้ส่งออกอาวุธรายใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสองของโลกรองจากสหรัฐฯ
ซึ่งปัจจุบันรัสเซียกำลังเผชิญหน้ากับมาตรการคว่ำบาตทางการค้าจากสหรัฐฯและสหภาพยุโรปจากการแทรกแซงปัญหาภายในยูเครน
จึงมีคำถามตามมาว่าสำหรับซีเรียซึ่งประธานนาธิบดีในตระกูล Al Assad มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับรัสเซียทางด้านยุทธศาสตร์ทางทหารมานาน
ทำไมรัสเซียถึงตัดสินใจที่จะทำลาย S-300 ที่ซีเรียต้องการในการป้องกันน่านฟ้าแทนที่จะส่งมอบหรือขายให้ประเทศอื่นครับ

วันศุกร์ที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

ยูเครนจะซ่อมปรับปรุง S-300PS เข้าประจำการใหม่


Ukroboronservice to Repair Air Defense Missile S-300PS of Ukraine Armed Forces
(Source: Ukroboronservice; issued May 27, 2014)

Ukroboronservice, being incorporated with Ukroboronprom State Concern, together with Command of Air Forces of Armed Forces of Ukraine signed the acceptance certificate of air-defense system S-300PS after an intermediate repair on life extension by 5 years.

The next air-defense system S-300PS, the repairing of which is currently being finalized at Ukroboronservice, will have been transferred to a unit of Air Forces of Armed Forces of Ukraine by the end of June with the extension of life service by 7 years.

In the beginning of July the transfer of another air-defense system ‘Buk-M1’ is expected. During the repair of the next ‘Buk-M1’ air-defense system it is envisaged that Ukroboronservice’s specialists will for the first time mount on it a modern Ukrainian radar station, developed at State Enterprise Scientific and Production Complex ‘Iskra’, instead of Russian one.

“Under the conditions of stable financing, Ukroboronprom’s companies are able in sufficiently close perspective to upgrade air defense system of Ukraine qualitatively,” Yuriy Tereshchenko, Ukroboronprom’s Temporary Acting Director General said.

He emphasized that actions towards the strengthening the sky space of the country is the important direction of Concern’s activity.

http://www.defense-aerospace.com/article-view/release/154236/upgraded-s_300ps-air_defense-missiles-for-ukraine.html

Ukroboronservice หน่วยงานจัดหายุทโธปกรณ์ของยูเครน ร่วมกับ Ukroboronprom หน่วยงานด้านอุตสาหกรรมความมั่นคง และกองบัญชาการกองทัพอากาศยูเครน
มีการลงนามข้อตกลงที่จะปรับปรุงระบบอาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่อากาศแบบ S-300PS เป็นการซ่อมขั้นระยะเพื่อยืดอายุการใช้งานอีกราว 5-7ปี
โดยระบบที่ทำการซ่อมปรับปรุงแล้วจะถูกส่งให้ Ukroboronservice ตรวจสอบในขั้นตอนสุดท้าย ก่อนจะส่งมอบให้หน่วยในกองทัพอากาศยูเครนภายในเดือนมิถุนายน
ยุทโธปกรณ์ที่จะทำการซ่อมปรับปรุงอีกระบบที่เริ่มส่งมอบในเดือนกรกฎาคมคืออาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่อากาศ Buk-M1
ซึ่งจะทำการติดตั้งระบบ Radar แบบใหม่ที่พัฒนาโดย "Iskra" ของยูเครนเองแทนระบบของรัสเซียเดิม


สถานการณ์ปัจจุบันในภาคตะวันออกของยูเครนตามนโยบายที่จะไม่เจรจากับผู้ก่อการร้ายของว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ นาย Petro Poroshenko
กองกำลังความมั่นคงของยูเครนไปรุกพื้นที่ในเขต Donetsk ปะทะกับกลุ่มติดอาวุธแบ่งแยกดินแดนนิยมรัสเซียอย่างหนักจนมีผู้เสียชีวิตมากกว่า 50คนแล้ว
ล่าสุดที่เมือง Sloviansk กลุ่มแบ่งแยกดินแดนนิยมรัสเซียได้ยิง ฮ.ลำเลียงกองทัพอากาศยูเครนตกมีผู้เสียชีวิต 14นาย ซึ่งรวมถึงนายพลระดับสูงของหน่วยพิทักษ์รัฐด้วย
ยูเครนจึงมีความจำเป็นที่จะต้องปรับปรุงยุทโธปกรณ์ที่มีอย่างเร่งด่วนเพื่อรับมือกับความเป็นไปได้ที่รัสเซียจะส่งกำลังทหารเข้าแทรกแซงโดยตรงครับ

วันอาทิตย์ที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557

รัสเซียส่งมอบระบบป้องกันภัยทางอากาศแก่คาซัคสถานแบบให้เปล่า



ASTANA, January 31 (RIA Novosti) – Russia is set to supply fellow former Soviet nation Kazakhstan with S-300 air defense systems free-of-charge, a top Russian military official said Friday.

Deputy Defense Minister Anatoly Antonov, who was part of a military delegation traveling to the Central Asian state, said five battalions of S-300PS systems would be supplied from the arsenals of the Russian army.

Delivery of the systems will improve protection of Kazakhstan’s airspace as well as strengthen the air defense network of the Moscow-led Collective Security Treaty Organization military alliance, Antonov said.

The S-300PS (SA-10 Grumble) model was introduced to Soviet armed forces in 1985. It features 5V55R missiles with an engagement range of up to 90 kilometers (56 miles) and designed to lock in on a target after launch using an active detection system that steers

the missile directly at the target. An S-300 battalion comprises up to six mobile launchers, according to estimates by military experts.

Kazakhstan reportedly has several S-300 systems deployed, mainly around the capital, Astana.

Moscow signed an agreement to set up an integrated regional air defense network with Kazakhstan last year. Russia has such a network with Belarus, while a similar deal with Armenia has been in the works for some time.

http://en.ria.ru/military_news/20140131/187085953/Russia-to-Give-Kazakhstan-Air-Defense-Systems-Free-of-Charge.html

รองรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมรัสเซีย Anatoly Antonov ได้กล่าวต่อสื่อระหว่างการเยือนประเทศฬนแถบเอเชียกลางว่า
รัสเซียได้ส่งมอบระบบป้องกันภัยทางอากาศ S-300PS 5กองพันจากคลังแสดงกองทัพรัสเซียให้คาซัคสถานแบบให้เปล่า
เพื่อเป็นการกระชัดความสัมพันธ์ด้านความมั่นคงของทั้งสองประเทศ และเพิ่มขีดความสามารถในการป้องกันภัยทางอากาศ

S-300PS (SA-10 Grumble) เข้าประจำการในกองทัพโซเวียตเมื่อปี 1985 มีระยะยิง 90km หนึ่งกองพันจะมี 6แท่นยิงอัตตาจร
คาซัคสถานเองก็มีระบบ S-300 ประจำการอยู๋จำนวนหนึ่ง ซึ่งรัสเซียตั้งใจจะวางเครือข่ายป้องกันภัยทางอากาศที่ประเทศเบลารุสและอาเมเนียด้วยครับ