แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ Antonov แสดงบทความทั้งหมด
แสดงบทความที่มีป้ายกำกับ Antonov แสดงบทความทั้งหมด

วันพุธที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2565

ยูเครนรายงานเครื่องบินลำเลียง An-225 ถูกทำลายโดยรัสเซียแล้ว ตามที่มีการสูญเสียอากาศยานทั้งสองฝ่าย

Ukraine conflict: Ukraine reports An-225 destroyed as air losses mount for both sides



The An-225 was reported destroyed on 27 February. (Janes/Gareth Jennings)

ยูเครนรายงานการถูกทำลายของเครื่องบินลำเลียง Antonov An-225 Mriya เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2022 โดยรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศยูเครน Dmytro Kuleba กล่าวว่า
เครื่องบินที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกนี้ถูกทำลายในการโจมตีโดยรัสเซียต่อสนามบิน Hostomel(ยังรู้จักในชื่อท่าอากาศยานนานาชาติ Antonov) ทางตะวันตกเฉียงเหนือนอกนครหลวง Kyiv

Kuleba อ้างถึงเครื่องบินลำเลียงหกเครื่องยนต์ไอพ่นที่มีเครื่องเดียวในโลกที่เป็นอดีตไปแล้วในการเผยแพร่แถลงการณ์ในบัญชี Twitter ทางการของเขา โดยย้ำว่า "นี่เคยเป็นเครื่องบินที่ใหญ่ที่สุดในโลก An-225 'Mriya'(ความฝัน Dream ในภาษายูเครน)
รัสเซียอาจจะทำลาย 'Mriya' ของเรา แต่พวกเขาจะไม่มีทางสามารถความฝันของความแข็งแกร่ง, อิสระ และชาติยูโรปประชาธิปไตยของเราได้ เราจะมีชัยชนะ!"

Kyiv Post ยืนยันการถูกทำลายของเครื่องบินลำเลียง An-225 ในเวลาเกือบเดียวกันเน้นว่าเครื่องบิน "ถูกเผา" จากการโจมตีของรัสเซีย บริษัท Antonov ยูเครนเจ้าของเครื่องบินได้ระบุว่าตนไม่สามารถให้ความเห็นเกี่ยวกับสถานะของเครื่องบินจนกว่าที่ตนได้ดำเนินการตรวจสอบ
อย่างไรก็ตามไม่มีข่าวเพิ่มเติมตามมาอีก และภาพวีดิทัศน์จากกล้องแสดงถึงเครื่องบินที่กำลังลุกไหม้ภายในโรงเก็บอากาศยานที่ถูกสร้างสำหรับ An-225 โดยเฉพาะ เป็นที่ปรากฏว่าถ้อยแถลงภายหลังของการที่เครื่องบินถูกทำลายถูกต้อง

การถูกทำลายของเครื่องบินลำเลียง An-225 แสดงถึงการสูญเสียอากาศยานที่โดดเด่นสูงสุดในความขัดแย้งตั้งแต่ที่รัสเซียเปิดฉากการรุกรานครั้งใหม่ต่อยูเครนเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2022(https://aagth1.blogspot.com/2022/02/blog-post_27.html)
อย่างไรก็ตามสี่วันตั้งแต่การรบเริ่มต้นขึ้น การสูญเสียอากาศยานจำนวนมากเช่นเดียวกับการสูญเสียอื่นๆหลายๆอย่างได้ถูกรายงานจากทั้งสองฝ่าย แม้ว่าจะมีชิ้นส่วนต่างๆที่ค่อนข้างจะเล็กของสิ่งเหล่านี้ที่สามารถจะยืนยันได้โดยหลักฐานภาพวีดิทัศน์และ/หรือภาพถ่าย

สำหรับยูเครนการสูญเสียที่ได้รับการยืนยันแล้วจนถึงตอนนี้โดย Janes ประกอบด้วยเครื่องบินโจมตี Su-25(NATO กำหนดรหัส 'Frogfoot') 1เครื่อง, เครื่องบินขับไล่ Su-27(NATO กำหนดรหัส 'Flanker') 3เครื่อง และเครื่องบินขับไล่ MiG-29(NATO กำหนดรหัส 'Fulcrum') 6เครื่อง
เช่นเดียวกับเครื่องบินลำเลียง An-26(NATO กำหนดรหัส 'Curl') และเครื่องบินลำเลียง An-225(NATO กำหนดรหัส 'Cossack') สำหรับยูเครน(https://aagth1.blogspot.com/2016/09/blog-post_9.html)

สำหรับรัสเซียการสูญเสียอากาศยานที่ได้รับการยืนยันประกอบด้วยเฮลิคอปเตอร์โจมตี Kamov Ka-52(NATO กำหนดรหัส 'Hokum-B') 2เครื่อง และเฮลิคอปเตอร์โจมตี Mil Mi-24(NATO กำหนดรหัส 'Hind') 1เครื่อง
อย่างไรก็ตามสำหรับทั้งยูเครนและรัสเซียแทบจะแน่นอนว่าการสูญเสียที่แท้จริงสูงกว่านี้มาก ด้านยูเครนอ้างว่ามีเครื่องบินและเฮลิคอปเตอร์รัสเซียถูกยิงตกไปมากกว่า 29เครื่อง รวมถึงเครื่องบินลำเลียงหนัก IL-76(NATO กำหนดรหัส 'Candid') 2เครื่องครับ

วันพุธที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564

RUAG เยอรมนี-สวิตเซอร์แลนด์ได้รับสัญญาปรับปรุงเครื่องบินลาดตระเวนทางทะเล Do 228 กองทัพเรือไทย

RUAG International signs contract for the modernization of the Royal Thai Navy’s Dornier 228. 

RUAG MRO International is comprehensively modernizing Dornier 228 aircraft for the Royal Thai Navy.

Royal Thai Navy, Do-228-212, 1114, Hat Yai intl Arpt, Jan 8, 2014(https://www.facebook.com/Wuachonsowo/photos/a.384276041645355/5215866491819595/)



RUAG MRO International ศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานในท่าอากาศยาน Oberpfaffenhofen แคว้น Bavaria เยอรมนี ของบริษัท RUAG สวิตเซอร์แลนด์ กำลังทำการปรับปรุงความทันสมัยอย่างครอบคลุมสำหรับ
เครื่องบินลาดตระเวนทางทะเลแบบที่๑ บ.ลว.๑ Dornier Do 228 ฝูงบิน๑๐๑ กองบิน๑ กองการบินทหารเรือ กองเรือยุทธการ กองทัพเรือไทย(101 Naval Air Squadron, Naval Air Wing 1, Royal Thai Naval Air Division, RTN: Royal Thai Navy)
การปรับปรุงรวมถึงการติดตั้งห้องนักบินแบบ Glass Cockpit และอุปกรณ์ระบบภารกิจใหม่ เช่นเดียวกับการปรับปรุงความทันสมัยของระบบ Avionic(https://aagth1.blogspot.com/2020/12/do-228.html)

กองทัพเรือไทยใช้เครื่องบินลาดตระเวนทางทะเล บ.ลว.๑ Do 228 ของตนเพื่อตรวจการณ์เขตเศรษฐกิจจำเพาะ(EEZ: Exclusive Economic Zone) ที่เรียกว่า "เขต ๒๐๐ ไมล์ทะเล"
เครื่องบินลาดตระเวนทางทะเล บ.ลว.๑ Do 228 และลูกเรือดำเนินภารกิจข่าวกรอง, ตรวจการณ์, ลาดตระเวน(ISR: Intelligence, Surveillance and Reconnaissance)
ในน่านน้ำทะเลอาณาเขตของอ่าวไทยและทะเลอันดามัน เพื่อวัตถุประสงค์ในการตรวจการณ์พรมแดนทางทะเล และเพื่อต่อสู้การค้าและการทำประมงผิดกฎหมาย

โดยขั้นต้นขณะนี้ RUAG จะปรับปรุงความทันสมัยของ บ.ลว.๑ Do 228 จำนวน ๒เครื่องจากทั้งหมด ๗เครื่องที่กองทัพเรือไทยมีประจำการ นี่ยังรวมถึงการขนส่งเครื่องบินจากไทยมายังเยอรมนีและกลับไปยังไทย และให้บริการฝึกการใช้งานสำหรับอุปกรณ์ใหม่
สำหรับการปรับปรุง Do 228 ได้ถูกถอดประกอบจากสถานที่ในไทย จากนั้นเครื่องบินลำเลียงหนัก Antonov AN-124 ยูเครนได้ทำการบินขนส่งเครื่องบินมายัง Oberpfaffenhofen เยอรมนี ที่ซึ่งผู้เชี่ยวชาญของ RUAG MRO International ได้ดำเนินการตรวจสอบตัวเครื่องอย่างครอบคลุม
ในส่วนขั้นตอนนี้ผู้เชี่ยวชาญของ RUAG MRO International พวกเขาได้ลบการทำสีและเครื่องหมายต่างๆบนตัวเครื่องทั้งหมด และขจัดความเสียหายจากการผุกร่อนต่อโครงสร้างอากาศยานซึ่งมีอายุการใช้มาแล้ว ๒๕ปี

เครื่องบินลาดตระเวนทางทะเล บ.ลว.๑ Do 228 กองทัพเรือไทยจะได้รับการติดตั้งห้องนักบินแบบ glass cockpit และระบบ Avionic รุ่นใหม่ต่างๆ(COM, NAV) 
พื้นที่ภายใน, ห้องนักบิน และห้องบรรทุกของเครื่องยังจะได้รับซ่อมปรับปรุงใหม่ บ.ลว.๑ Do 228 จะได้รับอุปกรณ์ระบบภารกิจรุ่นใหม่ที่ทำให้ภารกิจสามารถดำเนินการได้อย่างมีประสิทธิผลและประสิทธิภาพมากขึ้น 
อุปกรณ์ใหม่ต่างๆเหล่านี้รวมถึง Radar ตรวจการณ์ 360degree, กล้องสร้างภาพความร้อน Infrared เช่นเดียวกับระบบจัดการภารกิจและการเชื่อมโยงเครือข่าย data link สำหรับส่งข้อมูลไปยังสถานีภาคพื้นดินและ/หรือเรือ

เนื่องจากการปรับปรุงความทันสมัยของเครื่อง นักบิน, กำลังพลประจำเครื่อง และช่างอากาศยาน จำเป็นจะต้องได้รับการฝึกสำหรับการใช้งานอุปกรณ์ใหม่
ดังนั้น RUAG MRO International ยังจะดำเนินการฝึกอบรมให้กับกำลังพลประจำเครื่องและช่างอากาศยาน โดยส่วนหนึ่งในเยอรมนีและอีกส่วนที่สถานที่ในไทย 
ทีมนักบินของโรงงานอากาศยาน RUAG จะรับผิดชอบการทำการบินเครื่องบินลาดตระเวนทางทะเล บ.ลว.๑ Do 228 ที่ได้รับการปรับปรุงความทันสมัยแล้วจากเยอรมนีมายังสนามบินอู่ตะเภา(U-Tapao Royal Thai Navy Airfield) กองทัพเรือไทย

กองทัพเรือไทยนั้นพึ่งพาความเป็นไปได้ในความพร้อมสูงสุดของอากาศยานของตนที่จะทำให้สามารถดำเนินภารกิจหน้าที่ในการปกป้องอธิปไตยของไทยอย่างต่อเนื่องได้ "ดังนั้นเรากำลังทำทุกอย่างที่เราทำได้เพื่อทำให้การหยุดใช้งานเครื่องบินให้สั้นที่สุดเท่าที่เป็นไปได้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งภายใต้สถานการณ์ปัจจุบันที่เกิดจากการระบาดของ coronavirus Covid-19 นี่เป็นความท้าทาย สิ่งเหล่านี้เป็นความท้าทายที่เรายินดีที่จะรับเพราะความพึงพอใจของลูกค้าเราเป็นความสำคัญลำดับสูงสุดของเรา" 
Thomas Imke ผู้จัดการฝ่ายขาย RUAG MRO International อธิบายสรุป แม้ว่าการส่งทีม 5คนไปยังไทยเพื่อถอดชิ้นส่วนเครื่องจะเกี่ยวข้องกับความพยายามอย่างมาก เนื่องจากการลดเที่ยวบินเชื่อมต่อระหว่างประเทศและกฎระเบียบในการกักตัวกันการแพร่ระบาดของ Covid-19

RUAG สวิตเซอร์แลนด์ไม่ได้เปิดเผยมูลค่าของโครงการปรับปรุงความทันสมัย แต่กองบัญชาการระบบอากาศนาวี(NAVAIR: Naval Air Systems Command) กองทัพเรือสหรัฐฯ(USN: US Navy) ได้ประกาศเมื่อวันที่ ๒๒ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๖๓(2020) ว่า
บริษัท RUAG ได้รับการประกาศสัญญาวงเงิน $40.2 million ก่อนหน้าเดือนดังกล่าวเพื่อทำการปรับปรุงความทันสมัยของเครื่องบินลาดตระเวนทางทะเล บ.ลว.๑ Do 228 กองทัพเรือไทยทั้ง ๗เครื่อง 
โดยเน้นว่าจะถูกปรับปรุงเป็นมาตรฐาน Dornier 228 NG ใหม่ล่าสุด และเสริมว่าการปรับปรุงคาดว่าจะทำให้กองทัพเรือไทยจะสามารถประจำการ บ.ลว.๑ Do 228 ต่อไปได้อีกถึง ๑๕-๒๐ปีครับ 

วันพุธที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2562

กองทัพอากาศอินเดียนำเฮลิคอปเตอร์โจมตี AH-64E เข้าประจำการ

Indian Air Force commissions eight Apache attack helicopters












 The IAF commissioned its first batch of eight Boeing ‘AH-64E(I)’ Apache Guardian helicopters in a ceremony held at the Pathankot AFS on 3 September. Source: Boeing
https://www.janes.com/article/90809/indian-air-force-commissions-eight-apache-attack-helicopters




กองทัพอากาศอินเดีย(IAF: Indian Air Force) ได้ประจำการเฮลิคอปเตอร์โจมตี Boeing AH-64E(I) Apache Guardian ชุดแรกจำนวน 8เครื่องของตน
โดยพิธีประจำการจัดขึ้นเมื่อวันที่ 3 กันยายน 2019 ณ สถานีกองทัพอากาศ Pathankot AFS(Air Force Station) ทางตะวันตกเฉียงเหนือของอินเดียใกล้พรมแดนปากีสถาน

"ฮ.โจมตี Apache เหล่านี้จะปรับปรุงคลังอาวุธของกองทัพอากาศอินเดียที่ได้รวมเฮลิคอปเตอร์โจมตีรุ่นล่าสุดของโลก" พลอากาศเอก B S Dhanoa กล่าวขณะพิธีนำ ฮ.โจมตีสองเครื่องยนต์ใหม่เข้าประจำการในฝูงบินเฮลิคอปเตอร์125 'Gladiators' ของกองทัพอากาศอินเดีย
ชุดการดัดแปลง "มาตรฐานที่เข้มงวด" ตามความต้องการโดยกองทัพอินเดีย ฮ.โจมตี Apache จะถูกวางกำลังในหลายภารกิจ รวมถึงการกดดันระบบป้องกันของข้าศึก เช่นเดียวกับภารกิจการสนับสนุนอากาศสู่อากาศ พล.อ.อ.Dhanoa เสริม

เฮลิคอปเตอร์โจมตี AH-64E(I) Apache ชุดแรก 8เครื่องได้ถูกส่งมอบที่สถานีกองทัพอากาศ Hindon AFS นอกนครหลวง New Delhi ในปลายเดือนกรกฎาคม 2019 เป็นเวลาหลายสัปดาห์ก่อนกำหนดการ
โดยการขนส่งทางเครื่องบินลำเลียงหนักทางยุทธศาสตร์ Antonov An-124 'Condor ยูเครน จากนั้น ฮ.โจมตี AH-64E(I) ถูกประกอบ, ทำการบินทดสอบ และทำการบินไป Pathankot(https://aagth1.blogspot.com/2019/05/ah-64e_14.html)

เฮลิคอปเตอร์โจมตี Apache ทั้ง 8เครื่องที่เข้าประจำการล่าสุดนี้เป็นส่วนหนึ่งของการสั่งจัดหาวงเงิน $2.02 billion โดยกองทัพอากาศอินเดียในปี 2015 สำหรับ ฮ.โจมตี Aphace รวม 22เครื่อง
การส่งมอบ ฮ.โจมตี Apache อีก 14เครื่องมีกำหนดจะเสร็จสิ้นภายในปี 2020 ตามข้อมูลจากบริษัท Boeing สหรัฐฯ ซึ่ง ฮ.เครื่องแรกได้ทำการบินครั้งแรกเมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2018(https://aagth1.blogspot.com/2018/07/ah-64e-ch-47f.html)

ฮ.โจมตี Apache ทั้ง 22เครื่องของกองทัพอากาศอินเดียได้รับการปรับแต่งเป็นพิเศษเพื่อปฏิบัติการในภูมิประเทศภูเขา ฮ.โจมตี Apache จำนวน 10เครื่องจะปฏิบัติการ ณ Pathankot AFS
ขณะที่ฝูงบิน Apache ฝูงที่สองจำนวน 10เครื่องเท่ากัน จะถูกวางกำลังในทางตะวันออกเฉียงเหนืองของอินเดียใกล้พรมแดนที่เป็นพื้นที่พิพาทกับสาธารณรัฐประชาชนจีน ฮ.โจมตี Apache ที่เหลืออีก 2เครื่องถูกนำไปเป็นเครื่องสำรองในกรณีที่เกิดการสูญเสียจากอุบัติเหตุหรือจากการรบ

เจ้าหน้าที่กองทัพอากาศอินเดียกล่าวว่า เฮลิคอปเตอร์โจมตี Apache ในขั้นต้นจะถูกนำมาเสริมและต่อมาทดแทนเฮลิคอปเตอร์โจมตี Mil Mi-25 และเฮลิคอปเตอร์โจมตี Mil Mi-35(NATO กำหนดรหัส Hind) รัสเซียที่ได้รับการปรับปรุงแล้วราว 20เครื่องที่มีอายุการใช้งานมานาน
ซึ่งเฮลิคอปเตอร์โจมตี Mi-25/Mi-35 ชุดแรกนั้นถูกนำเข้าประจำการในกองทัพอากาศอินเดียเมื่อ 30กว่าปีก่อน ที่จะได้รับการปรับปรุงติดตั้งอาวุธปล่อยนำวิถีต่อสู้รถถัง 9M120 Ataka (NATO กำหนดรหัส AT-9 Spiral-2) รัสเซียครับ(https://aagth1.blogspot.com/2019/07/ataka-mi-35.html)

วันจันทร์ที่ 15 กรกฎาคม พ.ศ. 2562

ตุรกีเผยแพร่ภาพการส่งมอบระบบป้องกันภัยทางอากาศ S-400 รัสเซียชุดแรก

Turkish defense ministry posts photos of first batch of S-400 equipment



EPA-EFE/TURKISH DEFENCE MINISTRY HANDOUT
Activities to deliver S-400 systems to Turkey scheduled for Friday are over
https://tass.com/defense/1068369



กระทรวงกลาโหมตุรกีได้เผยแพร่ชุดภาพของการส่งมอบระบบป้องกันภัยทางอากาศอาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่อากาศ S-400 ที่สร้างโดยรัสเซียชุดแรกแก่ตุรกี
ชุดภาพได้แสดงถึงยานยนต์รถบรรทุกพ่วงและรถบรรทุกเคลื่อนย้ายอุปกรณ์และชุดบรรจุแท่นยิงประกอบระบบอาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่อากาศ S-400 รัสเซียหลายระบบ

กระทรวงกลาโหมตุรกีประกาศเมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม 2019 ว่าอุปกรณ์ประกอบที่เกี่ยวข้องชุดแรกของ S-400 ได้ถูกส่งมอบมายังฐานทัพอากาศ Murted ใกล้นครหลวง Ankara โดยเครื่องบินลำเลียงหนักทางยุทธศาสตร์ An-124-100 และ IL-76TD ภายใต้ข้อตกลง
กิจกรรมเพื่อส่งมอบระบบป้องกันภัยทางอากาศ S-400 แก่ตุรกีที่มีกำหนดในวันที่ 12 กรกฎาคมได้เสร็จสิ้นแล้ว รัฐมนตรีกลาโหมตุรกี Hulusi Akar กล่าว

"ตามแผนเครื่องบิน(รัสเซีย)เครื่องที่สามได้ลงจอด กิจกรรมกำหนดการสำหรับวันนี้ได้เสร็จสิ้นแล้ว กระบวนการจะดำเนินต่อไปในหลายวันที่จะถึงข้างหน้า" สำนักข่าว Anadolu อ้างคำพูดของ Akar
รัฐมนตรีกลาโหมตุรกีย้ำว่า "คู่ขนานกับการส่งมอบ S-400 งานเพื่อการฝึกกำลังพลเพื่อติดตั้งและปฏิบัติงานระบบเหล่านี้จะดำเนินการต่อในตุรกีและรัสเซีย"

รัฐมนตรีกลาโหมตุรกี Akar เสริมอีกว่ารัฐบาลตุรกี "เดินหน้าที่จะมองไปยังความเป็นไปได้ที่จะจัดซื้อระบบป้องกันภัยทางอากาศอาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่อากาศ Raytheon Patriot สหรัฐฯ"(https://aagth1.blogspot.com/2018/09/s-400-f-35a.html)
ตามข้อมูลจากทบวงอุตสาหกรรมกลาโหมตุรกี(SSM, Undersecretariat of Defence Industries) ส่วนประกอบที่เหลือของระบบ S-400 รัสเซียจะถูกส่งมอบให้ตุรกีในอนาคตอันใกล้

มีรายงานแรกระบุว่าการเจรจาระหว่างรัสเซียและตุรกีเกี่ยวกับการส่งมอบระบบป้องกันภัยทางอากาศอาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่อากาศ S-400 มีขึ้นเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2016 ในเดือนกันยายน 2017 รัสเซียยืนยันว่าสัญญาที่เกี่ยวข้องได้รับการลงนาม
ในเดือนธันวาคม 2017 ผู้อำนวยการบริหาร Rostec กลุ่มอุตสาหกรรมความมั่นคงรัสเซีย Sergei Chemezov ย้ำว่าสัญญามีวงเงินที่ $2.5 billion รัฐมนตรีกลาโหมตุรกี Hulusi Akar กล่าวก่อนหน้านั้นว่าการวางกำลังระบบอาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่อากาศ S-400 จะเริ่มต้นได้ในเดือนตุลาคม 2019

สหรัฐฯได้สร้างความพยายามที่จะนำตุรกีออกจากการจัดหาระบบอาวุธปล่อยนำวิถี S-400 รัสเซีย ก่อนหน้านี้รัฐบาลสหรัฐฯได้เตือนว่าตนอาจจะระงับการส่งมอบเครื่องบินขับไล่ Lockheed Martin F-35A Lightning II Joint Strike Fighter(JSF) ที่ตุรกีสั่งจัดซื้อแล้วถ้าตุรกียังคงเดินหน้าจัดหา S-400
เพื่อโน้มน้าวให้ตุรกียกเลิกการจัดหาระบบป้องกันภัยทางอากาศ S-400 รัสเซีย สหรัฐฯได้เสนอระบบป้องกันภัยทางอากาศ  Patriot ของตน(https://aagth1.blogspot.com/2019/04/f-35a.html)

S-400 Triumf เป็นระบบอาวุธปล่อยนำวิถีต่อสู้อากาศยานพิสัยไกลรุ่นล่าสุดของรัสเซียที่ถูกนำเข้าประจำการในกองทัพรัสเซียในปี 2007
ถูกออกแบบเพื่อทำลายอากาศยาน, อาวุธปล่อยนำวิถีร่อน และขีปนาวุธ รวมถึงอาวุธปล่อยนำวิถีพิสัยกลาง และเป้าหมายภาคพื้นดิน สามารถยิงถูกเป้าหมายทางอากาศได้ในระยะถึง 400km ทีเพดานบินถึง 30km ครับ

วันพฤหัสบดีที่ 2 พฤษภาคม พ.ศ. 2562

Antonov ยูเครนระงับโครงการเครื่องบินลำเลียง An-132D และจะยุบ UkrOboronProm

Antonov stalls An-132D programme






Progress on the Antonov An-132, seen here at the Paris Air Show in 2017, has stalled. Source: IHS Markit/Patrick Allen
https://www.janes.com/article/88169/antonov-stalls-an-132d-programme



Ukraine considers scrapping UkrOboronProm
The Ukrainian parliament is considering legislation that would dismantle state-owned defence industrial company UkrOboronProm.
https://www.janes.com/article/88167/ukraine-considers-scrapping-ukroboronprom

การพัฒนาของเครื่องบินลำเลียงสองเครื่องยนต์ใบพัด Turboprop แบบ Antonov An-132D ได้ถูกระงับลงตามการแตกหักระหว่างคู่พัฒนาของยูเครนและซาอุดีอาระเบีย
ในการให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว Unian ยูเครน Alexander Donets ประธานบริษัท Antonov ยูเครนเปิดเผยว่า ความร่วมมือกับซาอุดีอาระเบียเกี่ยวกับการพัฒฯาและการผลิตของเครื่องบินลำเลียงใบพัด An-132D ได้ถูกระงับลงแล้ว

ตามข้อมูลจาก Donets บริษัท Antonov ยูเครนได้บรรลุสัญญาขั้นต้นกับ สถาบันเพื่อวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี King Abdulaziz City(KACST: King Abdulaziz City for Science and Technology) ซาอุดีอาระเบีย
สำหรับเครื่องบินต้นแบบสาธิต และได้รับการอนุมัติเพื่อดำเนินการก่อสร้างโรงงานประกอบอากาศยานใน Taif ร่วมกันกับบริษัท Taqnia Aeronautics  ซาอุดีอาระเบีย

อย่างไรก็ตามการเปลี่ยนแปลงในหุ้นส่วนโครงการได้เกิดขึ้นในซาอุดีอาระเบียนำไปสู่การระงับโครงการ Donets เสริมว่าลูกค้าทางทหารยังได้เปลี่ยนความต้องการสำหรับเครื่องบิน จึงนำไปสู่การโอนเอียงความชอบไปยังเครื่องบินลำเลียงแบอื่นเพื่อเติมเต็มการจัดหา
กองทัพอากาศซาอุดีอาระเบีย(RSAF: Royal Saudi Air Force) ก่อนหน้านี้มีความต้องการเครื่องบินลำเลียง An-132D จำนวน 6เครื่อง โดย 4เครื่องเป็นรูปแบบเครื่องบินค้นหากู้ภัย และ 2เครื่องเป็นรูปแบบเครื่องบินสงคราม Electronic(EW: Electronic Warfare)

โดย Antonov ยูเครนหวังสำหรับการจัดหาเครื่องบินลำเลียง An-132 เพิ่มเติมสำหรับรูปแบบอื่น เช่น เครื่องบินลำเลียงทางทหาร และเครื่องบินโจมตี Gunship
แม้จะประสบความล้มเหลว Donets กล่าวว่าบริษัทกำลังทำงานเพื่อเข้าแข่งขันในโครงการจัดหาเครื่องบินลำเลียงใหม่ของกองทัพอากาศอินเดีย(IAF: Indian Air Force)

ซึ่งกองทัพอากาศอินเดียมีเครื่องบินลำเลียงใบพัด Antonov An-32 (NATO กำหนดรหัส Cline) รุ่นก่อนที่จะพัฒนามาเป็น An-132 ประจำการอยู่แล้ว การปรับปรุงหลักของฝูงเครื่องบินลำเลียง An-32 กองทัพอากาศอินเดียได้เริ่มขึ้นในปี 2009
แต่ประสบความล่าช้าจากการที่รัสเซียผนวก Crimea และสนับสนุนกลุ่มติดอาวุธนิยมรัสเซียในภาค Donbass ทำสงครามกับกองกำลังความมั่นคงยูเครนตั้งแต่ปี 2014 และมีผลกระทบกับห่วงโซ่อุปทานชิ้นส่วนประกอบเครื่อง

Antonov ยูเครนได้ทำพิธีเปิดตัวเครื่องบินลำเลียง Antonov An-132D จากโรงงานอากาศยานของ Antonov ในยูเครนเมื่อวันที่ 20 ธันวาคม 2016(https://aagth1.blogspot.com/2016/12/antonov-132d.html)
และทำการบินครั้งแรกเมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2017(https://aagth1.blogspot.com/2017/04/antonov-132.html) โดย  An-132 เป็นการปรับปรุงใหม่ที่มีพื้นฐานจาก An-32 ด้วยโดยการติดตั้งระบบตะวันตกเป็นจำนวนมาก เช่น เครื่องยนต์ Turboprop Pratt & Whitney Canada PW150A

นอกจากนี้รัฐสภายูเครนกำลังพิจารณาทางนิติบัญญัติที่จะยุบเลิก UkrOboronProm รัฐวิสาหกิจกลุ่มอุตสาหกรรมความมั่นคงยูเครน ในแถลงการณ์ที่เผยแพร่โดยรองเลขาธิการสภาความมั่นคงและความปลอดภัยแห่งชาติยูเครน(NSDC: National Security and Defense Council) Serhiy Kryvonos
กล่าวว่าองค์กรในรูปแบบปัจจุบันจะถูกยุบ โดยบางบริษัที่มีอยู่ในเครือจะเข้าสู่การชำระบัญชี(เลิกกิจการ) และบริษัทอื่นในเครือจะถูกนำเข้าไปภายใต้การแบ่งอำนาจใหม่ภายใต้โครงสร้างการบริหารส่วนกลางของประเทศ

ฎีกาหมายเลข 10248 ได้ถูกขึ้นทะเบียนโดยสภาสูงสุดยูเครน Verkhovna Rada เมื่อวันที่ 24 เมษายน 2019 และร่างเค้าโครงหลายเหตุผลสำหรับการเสนอการปฏิรูป ซึ่งรวมถึงการยุบสินทรัพย์ที่เป็นเจ้าของและดำเนินการโดย UkrOboronProm
เพื่อความจำเป็นที่จะลดความเสี่ยงของการทุจริจและเพิ่มความโปร่งใสในกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง และปัญหาความสามารถในการชำระหนี้ และการล้มละลายในบริษัทย่อยครับ

วันเสาร์ที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2561

รัสเซียส่งมอบระบบป้องกันภัยทางอากาศ S-300 ให้ซีเรีย

Russia announces Syrian S-300 delivery
A still from footage released to Russian TV channels on 3 October shows a transporter erector launcher from an S-300P-series SAM system being unloaded from an An-124-100 transport aircraft, purportedly in Syria. Source: Ruptly
https://www.janes.com/article/83576/russia-announces-syrian-s-300-delivery


รัสเซียประกาศเมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2018 ว่าตนได้ส่งมอบระบบป้องกันภัยทางอากาศอาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่อากาศพิสัยไกล S-300 (SAM: Surface-to-Air Missile)ให้กับซีเรียแล้ว
ความเคลื่อนไหวนี้ได้เป็นการทำให้เส้นแบ่งระหว่างระบบป้องกันทางอากาศของรัสเซียและระบบป้องกันภัยทางอากาศของซีเรียที่วางกำลังในประเทศนี้เลือนลางลง

"เราได้เสร็จสิ้นการส่งมอบระบบ S-300 แล้ว มันรวม 49หน่วยของสิ่งอุปกรณ์ที่ได้รวมถึง radar, รถที่บังคับการ, และชุดยิง 4แท่นยิง งานได้เสร็จสิ้นเมื่อวันก่อน เราได้เสร็จสิ้นการส่งมอบทุกระบบแก่ซีเรียแล้ว"
รัฐมนตรีกลาโหมรัสเซีย Sergei Shoigu กล่าวระหว่างเข้าร่วมการประชุมสภาความมั่นคงรัสเซีย(Russian Security Council) กับประธานาธิบดีรัสเซีย Vladimir Putin

แหล่งข้อมูลเปิดที่ติดตามเครื่องส่งสัญญาณ(transponder) ADS-B ของอากาศยานได้แสดงข้อมูลว่า กองทัพอากาศรัสเซีย(Russian Aerospace Forces) ได้ปฏิบัติการขนส่งทางอากาศครั้งใหญ่ที่ฐานทัพอากาศ Humaymim ทางตะวันออกของซีเรียช่วงวันที่ 18 กันยายน-3 ตุลาคม 2018
โดยมีการทำการบินของเครื่องบินลำเลียงรัสเซียจำนวนมากที่รวมเครื่องบินลำเลียงหนักทางยุทธศาสตร์ไอพ่น IL-76 20เที่ยวบิน, เครื่องบินโดยสารไอพ่น IL-62 2เที่ยวบิน, เครื่องบินโดยสารไอพ่น Tu-154 6เที่ยวบิน และเครื่องบินลำเลียงหนักทางยุทธศาสตร์ไอพ่น An-124 17เที่ยวบิน

การที่รัสเซียส่งมอบระบบ S-300 แก่ซีเรียเห็นได้ชัดว่าเพื่อเป็นการป้องกันไม่เกิดเหตุการณ์ซ้ำกับวันที่ 17 กันยายน 2018 ที่ระบบอาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่อากาศ S-200 ซีเรียยิงเครื่องตรวจการณ์ลาตระเวนข่าวกรอง IL-20M รัสเซียตกเหนือทะเล Mediterranean ซึ่งนักบินและลูกเรือทั้งหมดเสียชีวิต
รัสเซียกล่าวหาว่าเครื่องบินขับไล่ F-16 กองทัพอากาศอิสราเอล(Israeli Air Force) ใช้ IL-20M รัสเซียเป็นที่กำบังระหว่างทำการโจมตีทางอากาศในซีเรีย ข้ออ้างดังกล่าวของรัสเซียได้ถูกปฏิเสธโดยกองทัพอิสราเอล(IDF: Israel Defense Forces)

ตามข้อมูลจากรัฐมนตรีกลาโหมรัสเซีย Shoigu ระบบสงคราม Electronic ใหม่ยังได้รับการวางกำลังในอิสราเอล "ผลที่ตามมาปัจจุบันเราควบคุมพื้นที่ส่วนใกล้ถึง 50km และพื้นที่ส่วนไกลตามทิศทางหลักจากที่ซึ่ง(อิสราเอล)เข้ามาภายในพื้นที่ดินแดนของซีเรียได้รับการควบคุมถึง 200km" เขากล่าว เห็นได้ภาพวิดีทัศน์ที่ปรากฎในสื่อโทรทัศน์รัสเซียว่า ชุดแท่นยิงอัตตาจร 4นัดของระบบอาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่อากาศ S-300PM(NATO กำหนดรหัส SA-10E Grumble) กำลังถูกลำเลียงออกจากเครื่องบินลำเลียงหนักทางยุทธศาสตร์ An-124-100 รัสเซียที่สนามบินในซีเรีย

แม้ว่าระบบป้องกันภัยทางอากาศ S-300 เหล่านี้เป็นสินทรัพย์ของกองทัพรัฐบาลซีเรีย(Syrian Arab Armed Forces) อย่างเป็นที่ชัดเจน แต่ระบบดังกล่าวจะถูกใช้ปฏิบัติงานโดยกำลังพลของรัสเซียไปก่อนอย่างน้อยจนกว่าที่กำลังพลของซีเรียจะได้รับการฝึกเสร็จ
ทั้งนี้นอกจากเครื่องบินขับไล่ F-16I Sufa กองทัพอากาศอิสราเอลยังได้นำเครื่องบินขับไล่ยุคที่5 Lockheed Martin F-35A Lightning II 'Adir' ซึ่งมีคุณสมบัติตรวจจับยาก(Stealth) โจมตีทางอากาศในซีเรียเป็นครั้งแรกมาแล้วครับ(http://aagth1.blogspot.com/2018/05/f-35a.html)

วันอาทิตย์ที่ 6 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

ยูเครนและตุรกีจะร่วมโครงการสร้างเครื่องบินลำเลียงทางยุทธศาสตร์ An-188

Ukraine and Turkey to jointly work on An-188 airlifter project



An-188 airlifter scale model unveiled at Eurasia 2018 airshow(Credit: Antonov)
http://www.airrecognition.com/index.php/archive-world-worldwide-news-air-force-aviation-aerospace-air-military-defence-industry/global-defense-security-news/global-news-2018/may/4256-ukraine-and-turkey-to-jointly-work-on-an-188-airlifter-project.html

ยูเครนและตุรกีได้เห็นชอบในข้อตกลงร่วมกันเพื่อดำเนินการผลิตเครื่องบินลำเลียงหนักทางยุทธศาสตร์สี่เครื่องยนต์ไอพ่น Antonov An-188 ใหม่ ตามที่ UkrOboronProm รัฐวิสาหกิจด้านการจัดการอุตสาหกรรมความมั่นคงของรัฐบาลยูเครนแถลงเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคมที่ผ่านมา
ข้อตกลงความร่วมมือดังกล่าวได้รับการบรรลุผลระหว่างงานแสดงการบินและอาวุธยุทโธปกรณ์ Eurasia 2018 ที่จัดขึ้นที่ Antalya ทางตอนใต้ของตุรกีระหว่างวันที่ 25-29 เมษายนที่ผ่านมา

"อากาศยานใหม่จะนำให้โครงการร่วมระหว่างยูเครน-ตุรกีสู่รายชื่อของผู้นำระดับโลก ตามผลการเจรจากับตัวแทนของตุรกีที่นำโดย Dr.Ismail Demir จากทบวงอุตสาหกรรมป้องกันประเทศตุรกี(Undersecretariat for Defense Industries: SSM)
ได้มีการตัดสินในที่จะเดินหน้าสู่การปฏิบัติงานจริงของโครงการในอนาคตอันใกล้" Pavlo Bukin ผู้อำนวยการทั่วไปของ UkrOboronProm ยูเครนกล่าว

เครื่องบินลำเลียงหนัก An-188 ซึ่งกำลังได้รับการพัฒนาโดย Antonov รัฐวิสาหกิจด้านอุตสาหกรรมอากาศยานยูเครน โดยมีพื้นฐานพัฒนาจากเครื่องบินลำเลียงหนักยุทธศาสตร์สี่เครื่องยนต์ใบพัด Antonov An-70
An-188 ยูเครน-ตุรกีจะได้รับการติดตั้งส่วนประกอบต่างๆบนเครื่องจากผู้ผลิตในประเทศตะวันตก และจะตรงตามความต้องการมาตรฐาน NATO(North Atlantic Treaty Organization) ซึ่งตุรกีเป็นชาติสมาชิก

เครื่องบินลำเลียง An-188 สามารถบรรทุกสัมภาระในตัวเครื่องได้หนักถึง 50tons โดยมีขีดความสามารถในการบบรทุกยุทโธปกรณ์ทางทหารได้ทุกประเภท หรืออุปกรณ์ก่อสร้าง,
หรือเฮลิคอปเตอร์ หรือทหารได้ 300นาย เช่นเดียวกับสิ่งของบรรเทาทุกข์ในภารกิจช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและบรรเทาภัยพิบัติทางธรรมชาติ ตามการแถลง

เครื่องบินลำเลียง An-188 สามารถที่จะปฏิบัติการบินขึ้นและลงจอดได้จากสนามบินที่ทางวิ่งไม่ได้รับการเตรียมการพร้อม โดยใช้ทางวิ่งระยะสั้นที่ยาวเพียง 600m ถึง 800m ได้
ยังไม่มีข้อมูลชัดเจนในขณะนี้ว่าเครื่องต้นแบบเครื่องแรกของ An-188 จะสร้างเสร็จออกจากโรงงานอากาศยานได้เมื่อไร แต่คาดว่าน่าจะใช้ระยะเวลาดำเนินการราว 4ปี ถึง 4ปี 6เดือน

ตามแผนเดิมนั้น An-188 จะใช้เครื่องยนต์ไอพ่นจาก Motor Sich ของยูเครนเอง คือเครื่องยนต์ไอพ่น Turbofan แบบ D-436-148FM(ที่ใช้กับเครื่องบินลำเลียงขนาดกลางสองเครื่องยนต์ไอพ่น Antonov An-178) แต่ได้มีการเปลี่ยนไปจะติดตั้งเครื่องยนต์ของตะวันตกแทน
คือเครื่องยนต์ไอพ่น Turbofan แบบ CFM International CFM56 ฝรั่งเศส-สหรัฐฯ(หรือในชื่อ F108 ที่ติดในเครื่องบินเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศ Boeing KC-135 Stratotanker กองทัพอากาศสหรัฐฯ และเครื่องตรวจการณ์ทางทะเล Boeing P-8 Poseidon กองทัพเรือสหรัฐฯ) ครับ

วันพุธที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2561

รัสเซียจะสร้างเรือฟริเกตชั้น Project 11356 และเสนอเครื่องบินลำเลียงเบา IL-112V แก่อินเดีย

Russia to sign contract with India on building Project 11356 frigates — source
The first two frigates will be built at Russia’s Yantar Shipyard on the Baltic coast and the other two at an Indian shipyard, according to the source
http://tass.com/defense/1000239

Russia offers Il-112V to India
An artist's impression of the Il-112V that Russia is offering to India. (Ilyushin)
http://www.janes.com/article/79221/russia-offers-il-112v-to-india


Ilyushin IL-112V in Production at Voronezh Aircraft Factory.

รัสเซียและอินเดียได้กำหนดจะลงนามสัญญาการจัดสร้างเรือฟริเกตชั้น Project 11356 จำนวน 4ลำภายใต้ "ข้อกำหนด 2+2" เดือนมิถุนายน 2018 นี้ ตามที่แหล่งข่าวในแวดวงการทูตและการทหารกล่าวกับ TASS เมื่อวันที่ 17 เมษายนที่ผ่านมา
"ในเดือนมิถุนายน ชุดสัญญาคาดว่าจะได้รับการลงนามกับอินเดียในการสน้างเรือฟริเกต Project 11356 จำนวน 4ลำ" แหล่งข่าวกล่าว

โดยแหล่งข่าวเสริมว่าเอกสารกำหนดข้อตกลงการสร้างเรือฟริเกต "ภายใต้สูตร 2+2" นั้น เรือสองลำแรกจะสร้างที่อู่เรือ Yantar ในฝั่งทะเล Baltic รัสเซีย และอีกสองลำหลังจากที่อู่เรือของอินเดีย
อย่างไรก็ตามกองบริการสหพันธรัฐเพื่อความร่วมมือด้านทหารและเทคนิค และ Rosoboronexport หน่วยงานจัดการด้านการส่งออกอาวุธของรัฐบาลรัสเซียได้ปฏิเสธที่จะให้ความเห็นเกี่ยวกับข้อมูลนี้ต่อ TASS

ตามที่แหล่งข่าวได้เน้นว่าตัวเรือของเรือฟริเกตชั้น Project 11356 ได้มีการสร้างอยู่แล้วที่อู่เรือ Yantar จะไม่ถูกนำมาใช้ในสัญญาจัดหากับอินเดีย และ"เรือรบที่สั่งจัดหาจะเป็นเรือที่สร้างใหม่หมดทั้งลำ"
แหล่งไม่ได้ให้รายละเอียดว่ากรอบระยะเวลานานเท่าใดที่คาดว่าสัญญาจะเสร็จสิ้น และยังปฏิเสธที่จะระบุถึงว่าระบบขับเคลื่อนแบบแบบใดจะถูกติดตั้งกับเรือฟริเกตของอินเดีย

ซึ่งระบบขับเคลื่อนของเรือฟริเกตชั้น Project 11356 อินเดียเป็นได้ทั้งเครื่องยนต์ที่พัฒนาโดย Saturn รัสเซีย หรือินเดียจะสั้่งจัดหาเครื่องยนต์จาก Zorya-Mashproekt ยูเครน
(เครื่องยนต์ยูเครนนั้นเดิมที่จะใช้กับเรือชั้นนี้ แต่ผลจากการที่รัสเซียผนวก Crimea และแทรกแซงสงครามใน Donbass ยูเครนตั้งแต่ปี 2014 ทำให้รัสเซีย-ยูเครนตัดความสัมพันธ์ทางทหารระหว่างกัน ส่งผลให้รัสเซียต้องพัฒนาเครื่องยนต์เองเพื่อใช้กับเรือ)

โดยอินเดียจะสร้างเรือฟริเกตชั้น Project 11356 ของตนที่อู่เรือ Goa Shipyard Limited(GSL) ซึ่งได้ร่วมงานแสดงอาวุธยุทโธปกรณ์ DefExpo India 2018 ที่ Chennai อินเดียระหว่างวันที่ 11-14 เมษายนที่ผ่านมา(
สื่อโฆษณา GSL อินเดียได้ระบุว่าการเริ่มก่อสร้างเรือฟริเกตนั้นคาดว่าจะเริ่มได้ในช่วงกลางปี 2020 โดยก่อนหน้านี้รัสเซียได้เคยสร้างเรือฟริเกตชั้น Talwar(Project 11356) จำนวน 6ลำแก่กองทัพเรืออินเดีย(Indian Navy) มาแล้ว

การเจรจาสัญญาระหว่างรัสเซีย-อินเดียสำหรับการจัดหาเรือฟริเกตชั้น Project 11356 กำลังดำเนินการอยู่ Viktor Kladov ผู้อำนวยการด้านความร่วมมือนานาชาติและนโยบายภูมิภาคของ ROSTEC กลุ่มรัฐวิสาหกิจอุตสาหกรรมความมั่นคงรัสเซียกล่าวก่อนหน้าว่า
สัญญาที่วางแผนไว้จะดำเนิภายใต้สูตร 2+2 ซึ่งเรือฟริเกตสองลำแรกจะสร้างในรัสเซียและส่งมอบแก่อินเดียเมื่อสร้างเสร็จพร้อม ขณะที่เรือฟริเกตอีกสองลำจะสร้างในอู่เรือของอินเดียอู่หนึ่ง(http://aagth1.blogspot.com/2017/07/project-20385-project-11356.html)

เรือฟริเกตชั้น Project 11356 ที่เข้าประจำการในกองทัพเรือรัสเซีย(Russian Navy)แล้วก่อนหน้า 3ลำคือ Admiral Grigorovich, Admiral Essen และ Admiral Makarov ที่ประจำการในกองเรือทะเล(Black Sea Fleet) นั้น
ยังมีตัวเรืออีก 3ลำคือ Admiral Butakov, Admiral Istomin และ Admiral Kornilov ที่ถูกคาดการณ์ก่อนหน้าว่าจะถูกสร้างต่อให้เสร็จสำหรับขายให้อินเดีย(http://aagth1.blogspot.com/2016/03/project-11356-3.html)

อย่างไรก็ตามรองผู้บัญชากการกองทัพเรือรัสเซีย พลเรือโท Viktor Bursuk ได้กล่าภายหลังว่าเรือฟริเกตชั้น Project 11356 3ลำหลังเหล่านี้จะถูกสร้างตามความต้องการเพื่อกองทัพเรือรัสเซีย
ทั้งนี้เรือฟริเกตชั้น Project 11356 มีระวางขับน้ำประมาณ 4,000tons ทำความเร็วได้สูงสุด 30knots และมีระยะเวลาปฏิบัติการนาน 30วัน

รัสเซียเสนอเครื่องบินลำเลียงเบาทางยุทธวิธีสองเครื่องยนต์ใบพัด Ilyushin IL-112V แก่กองทัพอากาศอินเดีย(Indian Air Force) เพื่อเติมเต็มความต้องการโครงการจัดหาเครื่องบินลำเลียงขนาดกลาง MTA(Medium Transport Aircraft)
Ilyushin รัสเซียได้กล่าวเมื่อวันที่ 12 เมษายนที่ผ่านมาว่า ข้อเสนอได้รับการร่างขึ้นโดยรัสเซียสำหรับการขายเครื่องบินลำเลียง IL-112V แก่อินเดียเพื่อทดแทนฝูงเครื่องบินลำเลียง Avro 748M ที่มีอายุการใช้งานมานาน

ทางอินเดียยังไม่มีการให้ความเห็นใดๆอย่างทางการต่อข้อเสนอของรัสเซียในขณะนี้ โดยโครงการจัดหาเครื่องบินลำเลียงใหม่ MTA นี้เป็นคนละโครงการกับโครงการพัฒนาเครื่องบินลำเลียงทางยุทธวิธีสองเครื่องยนต์ไอพ่น IL-214 MTA(Multirole Transport Aircraft) ที่มีชื่อย่อเดียวกัน
โดยโครงการเครื่องบินลำเลียง Multirole Transport Aircraft ที่เริ่มมาตั้งแต่ปี 2013 นั้น Ilyushin รัสเซียได้ยุติความร่วมมือกับ Hindustan Aeronautics Limited(HAL) อินเดียในปี 2016 ซึ่งรัสเซียจะดำเนินการพัฒนาเครื่องบินลำเลียงไอพ่น IL-214 ต่อด้วยตนเอง(http://aagth1.blogspot.com/2016/01/su-35s-il-214-il-76md-90.html)

ในเดือนพฤษภาคม 2015 กลุ่มอุตสาหกรรมร่วม Tata-Airbus อินเดีย-ยุโรปได้ถูกเลือกเพื่อการจัดหาเครื่องบินลำเลียงทางยุทธวิธีขนาดกลางสองเครื่องยนต์ใบพัด Airbus C295 จำนวน 56เครื่องเพื่อทดแทน Avro 748M แต่ยังไม่มีการลงนามสัญญาจริง
ในเดือนมีนาคม 2017 Jane's ได้รายงานว่ากระทรวงกลาโหมอินเดียกำลังเตรียมการเริ่มต้นการเจรจาสำหรับการจัดหา 'ในระยะเวลาอันสั้น' เพื่อที่จะมีการลงนามสัญญาได้ภายในปีงบประมาณ 2018

ในกรอบข้อเสนอล่าสุดของรัสเซีย IL-112V ได้ถูกเลือกโดยกระทรวงกลาโหมรัสเซียตั้งแต่ปี 2003  เพื่อทดแทนเครื่องบินลำเลียง Antonov An-26(NATO กำหนดรหัส Curl) ที่ประจำการมาตั้งแต่สมัยอดีตสหภาพโซเวีย
โดยจะมีการสร้างเครื่องบินลำเลียง IL-112V มากกว่า 100เครื่องเพื่อเข้าประจำการในกองทัพอากาศรัสเซีย(Russian Aerospace Force)

อย่างไรก็ตามรัสเซียได้เคยระงับโครงการพัฒนาเครื่องบินลำเลียง IL-112V เพราะเหตุผลด้าน 'ข้อบกพร่องในการออกแบบ' และ 'ขาดความน่าสนใจ' โดยกระทรวงกลาโหมรัสเซียได้ระงับงบประมาณโครงการ IL-112V ในเดือนพฤษภาคม 2010
ซึ่งกระทรวงกลาโหมรัสเซียในขณะนั้นได้เลือกที่จะจัดหาเครื่องบินลำเลียงเบา Antonov An-140T ยูเครนซึ่งเป็นรุ่นลำเลียงทางยุทธวิธีของเครื่องบินโดยสายสองเครื่องยนต์ใบพัด An-140 ยูเครน

แต่ทว่าผลจากการตัดความสัมพันธ์ทางทหารระหว่างรัสเซียและยูเครน หลังจากที่รัสเซียเข้าผนวก Crimea และสนับสนุนกลุ่มติดอาวุธทำสงครามต่อกองกำลังความมั่นคงยูเครนในภาค Donbass ตั้งแต่ปี 2014 เป็นต้นมา
ทำให้รัสเซียยกเลิกการจัดหาเครื่องบินลำเลียง An-140 ทุกรุ่นเพิ่มเติม และกระทรวงกลาโหมรัสเซียได้กลับมาให้งบประมาณโครงการเครื่องบินลำเลียง IL-112V อีกครั้งในปี 2014

ในปี 2017 ที่ผ่านมามีรายงานว่ามีการลงนามสัญญาจัดหาแล้วก่อนสิ้นปี 2017 แต่ตามข้อมูลจาก Jane’s All the World’s Aircraft: Development & Production นั้นยังไม่มีการลงนามสัญญาจัดหาและวันที่ประกาศสัญญาแต่อย่างใด
ทั้งนี้เครื่องบินลำเลียง IL-112V เครื่องต้นแบบชุดแรกกำลังถูกสร้างที่โรงงานอากาศยาน Voronezh ที่ตั้งอยู่ทางใต้ของ Moscow 400km และมีกำหนดการทำการบินครั้งแรกภายในปี 2018 นี้(http://aagth1.blogspot.com/2017/06/ilyushin-il-112v-2018.html)

IL-112V เป็นเครื่องบินลำเลียงสองเครื่องยนต์ใบพัดทางยุทธวิธีขนาดเบาซึ่งมีน้ำหนักบรรทุกสูงสุด 5tons ทำความเร็วเดินทางได้ที่ 550km/h มีพิสัยทำการ 1,200km สามารถทำการบินได้จากสนามบินที่ไม่มีการเตรียมการทั้งแบบทางวิ่งปูคอนกรีตและดินอัด
IL-112 มีแผนที่จะสร้างสองรุ่นคือ IL-112T รุ่นพลเรือน และ IL-112V รุ่นใช้งานทางทหาร มีรายงานก่อนหน้าว่ากระทรวงกลาโหมรัสเซียต้องการสั่งจัดหา IL-112 จำนวน 62เครื่องครับ

วันอังคารที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2560

เครื่องบินลำเลียง Antonov An-132 ยูเครนทำการบินครั้งแรก

Antonov's An-132 makes maiden flight
The An-132 flew for nearly two hours on its maiden sortie on 31 March. Following a flight test campaign, it will be flown to Saudi Arabia. Source: Antonov
http://www.janes.com/article/69216/antonov-s-an-132-makes-maiden-flight



วันที่ 31 มีนาคมที่ผ่านมา Antonov ยูเครนได้ทำการบินครั้งแรกของเครื่องบินลำเลียงและภารกิจพิเศษ An-132 จากโรงงานอากาศยาน Kyiv Svyatoshin ในยูเครน
เครื่องบินลำเลียงสองเครื่องยนต์ใบพัด Turboprop ต้นแบบสาธิต An-132D ทำการบินเป็นเวลา 1ชั่วโมง 50นาที ก่อนมีการต้อนรับเป็นการส่วนตัวโดยประธานาธิบดียูเครน นาย Petro Poroshenko ในเที่ยวบินกลับ

ซาอุดิอาระเบียได้ลงนามสัญญาเป็นลูกค้ารายแรกของเครื่องบินลำเลียง An-132 ซึ่งนอกจากเจ้าหน้าที่ทดสอบการบินส่วนใหญ่ที่เป็นชาวยูเครนแล้วยังมีนักบินทดสอบจากบริษัท Taqnia Aeronautics ซาอุดิอาระเบียร่วมการบินครั้งแรก รวมถึงแขกผู้มีเกียรตินานาประเทศร่วมชมด้วย
ตามข้อมูลหัวหน้าโครงการยูเครน นาย Alexander Kotsyuba Antonivtsi การบินเที่ยวแรกของเครื่องต้นแบบสาธิตจะเป็นไปตามโครงการทดสอบการบินในยูเครนก่อนที่เครื่องจะบินไปซาอุดิอาระเบียในช่วงเวลาที่ยังไม่เปิดเผย

เครื่องบินลำเลียง An-132 ที่เปิดตัวครั้งแรกในปี 2015 เป็นการปรับปรุงใหม่ครั้งสำคัญที่มีพื้นฐานจากเครื่องบินลำเลียง An-32(NATO กำหนดรหัส Cline) ยุคอดีตสหภาพโซเวียตโดยการติดตั้งระบบตะวันตกเป็นจำนวนมาก เช่น เครื่องยนต์ Turboprop Pratt & Whitney Canada PW150A
เมื่อการพัฒนาเสร็จสิ้นเครื่องจะเป็นสายการผลิตร่วมกันทั้งยูเครนและซาอุดิอาระเบีย ซึ่งภายหลังคาดว่าจะมีการผลิตได้ถึง 80เครื่อง (แม้ว่ากองทัพอากาศซาอุดิอาระเบีย(Royal Saudi Air Force)จะมีสัญญาจัดซื้อขณะนี้เพียง 6เครื่องเท่านั้น แบ่งเป็นเครื่องบินค้นหากู้ภัย 4เครื่อง และเครื่องบินสงคราม Electronic 2เครื่อง)

โดยเครื่องในสายการผลิตเครื่องแรกคาดว่าจะส่งมอบให้กองทัพอากาศซาอุดิอาระเบียได้ในราวปี 2018 รวมทั้งการติดตั้งระบบกับเครื่องรุ่นลำเลียงทางยุทธวิธีและภารกิจพิเศษของกองทัพอากาศซาอุดิอาระเบีย
ที่ An-132 ได้รับการเพิ่มขีดความสามารถจากด้านอุตสาหกรรมการบินกลาโหมของซาอุดิอาระเบียเพิ่มเติม ซึ่งเป็นข้อตกลงที่เกี่ยวข้องกับความร่วมมือภายในประเทศที่กว้างขวางระหว่าง Taqnia Aeronautics และสถาบันเพื่อวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี King Abdulaziz City ครับ

วันพุธที่ 22 มีนาคม พ.ศ. 2560

ยูเครนมองหาแนวทางการเพิ่มตลาดอาวุธยุทโธปกรณ์ตนเองต่อไทยและมาเลเซีย

LIMA 2017: Ukraine looks to boost presence in Thailand and Malaysian
Ukrspecexport and Thailand are moving closer toward establishing a facility to build and support vehicles such as the BTR-3E1. Source: Ukrspecexport
http://www.janes.com/article/68878/lima-2017-ukraine-looks-to-boost-presence-in-thailand-and-malaysian

Ukroboronprom รัฐวิสาหกิจด้านอุตสาหกรรมความมั่นคงของยูเครนกำลังมองหาแนวทางที่จะเพิ่มการแสดงตนในตลาดอาวุธยุทโธปกรณ์ความั่คงของไทยและมาเลเซีย
ตามข้อผูกพันระดับรัฐบบาเพื่อสนับสนุนการเติบโตของตัวแทนภาคอุตสาหกรรมความั่นคงของทั้งสองประเทศในกลุ่มเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ยูเครนและมาเลเซียได้เสนอการตั้งคณะกรรมาธิการร่วมด้านความร่วมมือเทคนิคทางทหารเมื่อปลายปี 2016
Pavlo Bukin ผู้อำนวยการบริหารของ Ukrspecexport หน่วงงานจัดการนำเข้าส่งออกอาวุธยุทโธปกรณ์ของยูเครนยืนยันกับ Jane's ในงาน LIMA 2017(Langkawi International Maritime and Aerospace) ที่มาเลเซียวันที่ 21 มีนาคม

แม้ว่าคณะกรรมการร่วมดังกล่าวจะยังไม่ได้จัดตั้งอย่างเป็นทางการ ที่ประชุมดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่ออำนวยความสะดวกในความร่วมมือภาคอุตสาหกรรมของทั้งสองประเทศ
โดยมีพื้นฐานในการขายอาวุธยุทโธปกรณ์ความมั่นคงให้มาเลเซียพร้อมการถ่ายทอดเทคโนโลยีและความเป็นไปได้ในการผลิตในประเทศ โครงการที่เป็นไปได้นั้นรวมถึงการที่ยูเครนเสนอขายเครื่องบินตรวจการณ์พหุภารกิจและลาดตระเวนทางทะเลที่มีพื้นฐานจากเครื่องบินโดยสาร Antonov An-148

Bukin กล่าวเสริมว่าคณะกรรมการนี้ได้รับการสนับสนุนโดยรัฐบาลอย่างเป็นทางการในระดับสูง
"เมื่อประธานาธิบดียูเครน(Petro Poroshenko) ได้เยือนมาเลเซีย(ในเดือนสิงหาคม 2016) เราได้หารือถึงโอกาสในความร่วมมือร่วมกันหลายระบบ เรากำลังดำเนินการหารืออยู่แต่เรายังไม่มีสัญญาใดๆตอนนี้ การแข่งขันที่นี่รุนแรงมาก" เขากล่าว

สำหรับไทย นาย Bukin ยืนยันว่า Ukrspecexport ได้เข้าใกล้การบรรลุข้อตกลงกับกองทัพบกไทย(RTA: Royal Thai Army) ในการจัดตั้งโรงงานในไทยเพื่อสร้างและสนับสนุนยานเกราะล้อยางลำเลียงพล BTR-3E1 8x8 APC(Armoured Personnel Carrier)
โรงงานดังกล่าวจะสร้างรถหุ้มเกราะล้อยางที่ตรงความต้องการของกองทัพบกไทยและส่งออกให้ลูกค้าในภูมิภาค อีกทั้งยังสนับสนุนรถเกราะล้อยาง BTR-3E1 ที่มีประจำการในกองทัพบกไทยอยู่แล้ว

กองทัพบกไทยไดสั่งจัดหายานเกราะล้อยาง BTR-3E1 ชุดแรกในปี พ.ศ.๒๕๕๑(2008) และชุดที่สองปี พ.ศ.๒๕๕๔(2011) รวมมากกว่า ๒๒๐คัน นาย Bukin ยืนยันว่าการส่งมอบรถทั้งหมดเสร็จสิ้นไปตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๕๙(2016) แล้ว
และขณะนี้ทาง Ukrspecexport กำลังเข้าขันเพื่อให้ได้รับสัญญาจัดหายานเกราะล้อยาง BTR-4 8x8 APC กับกองทัพบกไทยตามโครงการจัดหายานเกราะล้อยางใหม่อยู่

เพิ่มเติมจากนี้ Ukrspecexport ยังมองเห็นโอกาสในการเพิ่มการขายอาวุธยุทโธปกรณ์กับไทยอีกคือรถถังหลัก BM Oplot ชุดใหม่เพิ่มเติม
ทั้งนี้กองทัพบกไทยได้สั่งจัดหารถถังหลัก Oplot-T ในปี พ.ศ.๒๕๕๔(2011) จำนวน ๔๙คัน แต่ปัจจุบันในปี พ.ศ.๒๕๕๙(2016) ยูเครนเพิ่งส่งมอบรถให้ไทยได้เพียง ๒๐คันครับ

วันพฤหัสบดีที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2559

Antonov ยูเครนเปิดตัวเครื่องบินลำเลียงสาธิต An-132D

Antonov rolls out An-132 demonstrator 
Antonov rolled out the new An-132D multipurpose turboprop transport on 20 December in Kiev, Ukraine, as the Saudia Arabia-backed project prepares to enter the flight test phase.
https://www.flightglobal.com/news/articles/antonov-rolls-out-an-132-demonstrator-432607/


(spotters.net.ua)


วันที่ 20 ธันวาคมที่ผ่านมาที่ Kiev บริษัท Antonov ยูเครนได้ทำพิธีเปิดตัวเครื่องบินลำเลียงใบพัดเอนกประสงค์ An-132D ใหม่ซึ่งมีซาอุดิอาระเบียเป็นผู้สนับสนุนโครงการ โดยจะมีการเตรียมการทดสอบการบินในปี 2017
โครงการพัฒนาเครื่องบินลำเลียง Antonov An-132D ใช้ระยะเวลาดำเนินการราว 2ปี ตั้งแต่เริ่มต้นโครงการ โดยพัฒนาจากเครื่อบินลำเลียง An-32 ที่ออกแบบมาแล้ว 40ปีด้วยการปรับปรุงใช้ระบบอุปกรณ์ของตะวันตกที่ทันสมัย
เช่น ระบบ Avionic จาก Honeywell สหรัฐฯ, เครื่องยนต์ใบพัด Turboprop Pratt & Whitney Canada PW150A แคนาดา, ใบพัดของ Messier Bugatti Dowty ฝรั่งเศส(ปัจจุบันคือ Safran Landing Systems), ระบบบริหารจัดการทางอากาศและระบบดำรงชีพ(life support systems) Liebherr เยอรมนี และระบบแหล่งพลังงานเสริม(Auxiliary Power Units)จาก Hamilton Sundstrand สหรัฐฯ(ปัจจุบันถูกรวมใน UTC Aerospace Systems)

การประกอบ An-132D เครื่องต้นแบบสาธิตเครื่องแรกได้ดำเนินการที่โรงงานอากาศยานของ Antonov ในยูเครน แต่สายผลิตจำนวนมากของเครื่องจะดำเนินการที่กรุง Riyadh ซาอุดิอาระเบีย
โดยการมีส่วนร่วมของบริษัท Taqnia Aeronautics และศูนย์เทคโนโลยีการบินแห่งชาติ KACST(King Abdulaziz City for Science and Technology) ซาอุดิอาระเบียที่ถือครองหุ้นร้อยละ50 ของทรัพย์สินทางปัญญาในการลงทุนออกแบบเครื่องบินลำเลียง An-132
ซึ่งโครงการนี้จะเป็นการพัฒนาภาคส่วนอุตสาหกรมอากาศยานของซาอุดิอาระเบียเป็นอย่างมาก ตั้งแต่การผลิตชิ้นส่วนอากาศยานจนถึงประกอบสร้างอากาศยานเองภายในประเทศ โดยซาอุดิอาระเบียจะเริ่มได้รับมอบ An-132 ในราวปี 2018
มีรายงานว่าในปี 2015 กองทัพอากาศซาอุดิอาระเบียจะจัดหา An-132D จำนวน 2เครื่องเพื่อดัดแปลงเป็นเครื่องสงครามอิเล็กทรอนิคทางอากาศ(Airborne Electronic Warfare) และ 4เครื่องสำหรับใช้ในภารกิจค้นหาและกู้ภัย(Search and Rescue)

เครื่องบินลำเลียง An-132 ถูกออกแบบให้สามารถบรรทุกสัมภาระได้หนักถึง 8tons ที่เพดานบินถึง 28,000ft. โดยติดตั้งชุดอุปกรณ์ที่ทันสมัยล่าสุดและมีการปรับปรุงให้ทันสมัยหลายรายการ
โครงการนี้เป็นการช่วยให้บริษัท Antonov สามารถอยู่รอดได้หลังจากที่ยูเครนและรัสเซียตัดความสัมพันธ์ทางทหารหลังที่รัสเซียผนวก Crimea และแทรกแซงสนับสนุนกลุ่มติดอาวุธในภาค Donbass ยูเครน ทำให้ Antonov เสียรัสเซียที่เดิมลูกค้ารายหลักไป
ในพิธีเปิดตัวเครื่องบินลำเลียง An-132D ที่ Kiev นี้ ประธานาธิบดียูเครน นาย Petro Poroshenko และเจ้าชาย Turki Saud Mohammed Al Saud แห่งซาอุดิอาระเบียได้เป็นแขกร่วมงานพิธีด้วยครับ

วันศุกร์ที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2559

รัสเซียอาจจะพัฒนาแนวคิดเครื่องบินลำเลียงหนักใหม่แบบเดียวกับ An-124 ยูเครนในอีกสองปีหน้า

Russia may develop concept aircraft similar to Ukraine’s An-124 in next two years
An-124 aircraft
Russian Defence Ministry's Press and Information Department/TASS
At present, Russian operators have difficulties maintaining the airworthiness of An-124-100 Ruslan aircraft
http://tass.com/defense/901569

นาย Andrei Boginsky รองรัฐมนตรีกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้ารัสเซียได้ให้ข้อมูลกับผู้สื่อข่าวในงานจัดแสดง Gidroaviasalon ว่ารัสเซียอาจจะพัฒนาแนวคิดเครื่องบินลำเลียงหนักทางยุทธศาสตร์ที่มีรูปแบบเดียวกับเครื่องบินลำเลียง Antonov An-124 ยูเครนในอีกสองปีข้างหน้า
"ยังไม่มีการกำหนดเวลาที่แน่ชัดว่าโครงการควรจะพร้อมเมื่อไร การทำงานขั้นต้นได้ดำเนินไปกับกระทรวงกลาโหมเพราะว่าพวกเขาจะเป็นลูกค้าของเครื่องนี้ งานตอนนี้ยังอยู่ในขั้นต้น แนวคิดกำลังถูกพัฒนาอยู่ ผมคิดว่ามันต้องใช้เวลาสักสองปี"
รัฐมนตรี Boginsky กล่าวโดยเขาเสริมว่าสำนักออกแบบ Ilyushin รัสเซียได้กำลังออกแบบแนวคิดของเครื่องบินลำเลียงหนักทางยุทธศาสตร์ใหม่อยู่ตอนนี้

ปัจจุบันรัสเซียมีความยุ่งยากในการบำรุงรักษาความสมควรเดินอากาศ(คือความสมบูรณ์พร้อมของอากาศยานที่จะทำการบินในอากาศได้อย่างปลอดภัย)ของเครื่องบินลำเลียงหนักทางยุทธศาสตร์ An-124-100 Ruslan
โดยในเดือนกันยายน 2015 บริษัท Antonov ยูเครนผู้ผลิตเครื่องได้ออกจากกลุ่มทุนร่วมระหว่าง United Aircraft Corporation(UAC)รัสเซียและ Antonov จากคำสั่งของรัฐบาลยูเครน
ซึ่งเป็นผลมาจากการตัดความสัมพันธ์ทางทหารระหว่างรัสเซียและยูเครน หลังรัสเซียผนวก Crimea ในปี 2014 และแทรกแซงสนับสนุนกลุ่มติดอาวุธนิยมรัสเซียทำสงครามกับกองกำลังความมั่นคงรัฐบาลยูเครนในภาค Donbass ทางตะวันออกของยูเครน

บริษัท Antonov จึงไม่ได้ให้บริการบำรุงรักษาเครื่องบินลำเลียง An-124-100 Ruslan ในรัสเซีย โดย Antonov มีแผนที่จะประกาศว่าเครื่องดังกล่าวไม่ปลอดภัยที่จะทำการบินถ้ารัสเซียปฏิเสธที่ใช้บริการซ่อมบำรุงพวกมันในสถานที่ของบริษัท Antonov
ซึ่งปัจจุบันบริษัทสายการบิน Volga-Dnepr รัสเซีย และกองทัพอากาศรัสเซีย(Aerospace Force) เป็นผู้ใช้งานหลักของเครื่องบินลำเลียง An-124 Ruslan ในรัสเซีย
ขณะที่สายการบิน Antonov Airlines ยูเครนเป็นผู้ใช้งานหลักของเครื่องบินลำเลียง An-124 ซึ่งเป็นเครื่องบินลำเลียงที่บรรทุกได้หนักที่สุดในโลกอันดับสองรองจาก Antonov An-225 Mriya ยูเครนที่ให้บริการขนส่งสินค้าทั่วโลกอยู่ตอนนี้ครับ

วันอังคารที่ 12 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

เครื่องบินลำเลียง An-178 ยูเครนเข้าร่วมการจัดแสดงในงาน Farnborough 2016

Farnborough 2016: An-178 makes Farnborough debut
The An-178 made its first Farnborough appearance in 2016, as the company looks to increase international customers for the aircraft. Source: IHS/Charles Forrester
http://www.janes.com/article/62137/farnborough-2016-an-178-makes-farnborough-debut


เครื่องบินลำเลียงขนาดกลางสองเครื่องยนต์ไอพ่น Antonov An-178 ได้เปิดตัวเป็นครั้งแรกในงานแสดงอากาศยานนานาชาติ Farnborough 2016 ที่ Hampshire สหราชอาณาจักร
โดยทาง Antonov ยูเครนหวังที่จะเป็นการประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์เครื่องบินลำเลียงของตนสู่ตลาดนานาประเทศเพิ่มมากยิ่งขึ้น
ซึ่งเครื่องบินลำเลียง An-178 ยูเครนได้เปิดตัวในงานแสดงอากาศยานของตะวันตกครั้งแรกในงาน Paris Air Show 2015 ที่ฝรั่งเศส และล่าสุดในงาน ILA 2016 ที่ Berlin เยอรมนีเมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา

จากการเปิดเผยครั้งแรกเมื่อปี 2010 เครื่องบินลำเลียง An-178 พัฒนามาจากเครื่องบินโดยสาร Antonov An-158 โดยพัฒนาเพิ่มส่วนประตูท้ายเครื่อง(rear loading ramp)สำหรับการเปิดปิดเพื่อบรรทุกสัมภาระ
ตามข้อมูลของ Jane's All The World's Aircraft: Development & Production ห้องบรรทุกของ An-178 มีความยาว 16.65m เมื่อรวมประตูท้าย และยาว 12.85m เมื่อไม่รวมประตูท้าย กว้าง 2.745m และสูง 2.75m
ห้องบรรทุกมีขนาดพื้นที่ 40ตารางเมตร และมีปริมาตร 125ลูกบาศก์เมตร(รวมประตูท้ายเครื่อง) ตัวเครื่องมีปีกกว้าง 28.84m ลำตัวยาว 32.95m และสูง 10.14m
สมรรถนะเมื่อบรรทุกหนักสุด 18tons มีพิสัยการบินไกลสุด 1,000km ความเร็วเดินทาง 445knots และต้องการทางวิ่งยาว 2,500m สำหรับการบินขึ้นลง

An-178 มีลูกค้ารายแรกคือสายการบิน Silkway อาเซอร์ไบจานสำหรับใช้เป็นเครื่องบินลำเลียงสินค้า รัฐบาลอาเซอร์ไบจานได้รายงานว่าได้จ่ายเงินล่วงหน้าสำหรับการจัดซื้อ 2เครื่องเมื่อเดือนกรกฎาคม คาดว่าการส่งมอบเริ่มในปี 2018 โดยมีจำนวนการจัดหาเพิ่มเติมรวม 8เครื่อง
ทั้งนี้เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมารัฐบาลอาเซอร์ไบจานได้ประการว่าตั้งใจที่จะมีการดำเนินงานประกอบ An-178 บางส่วนภายในประเทศ
ลูกค้าอีกรายคือซาอุดิอาระเบียซึ่งได้ลงนามบันทึกความเข้าใจกับ Antonov ในการจัดหา An-178 จำนวน 30เครื่อง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างซาอุดิอาระเบียและยูเครน
นอกจากนี้ Antonov ยูเครนและ Taqnia ซาอุดิอาระเบียได้ได้ร่วมือกันพัฒนาเครื่องบินลำเลียงขนาดกลางสองเครื่องยนต์ใบพัด An-132D ซึ่งพัฒนามาจากเครื่องบินลำเลียง An-32 (NATO กำหนดรหัส Curl)
โดยเครื่องบินลำเลียง An-132D มีการนำระบบของตะวันตกมาติดตั้งหลายอย่างทั้งเครื่องยนต์ของ Pratt & Whitney ระบบ Avionic และใบพัดครับ

วันเสาร์ที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2559

จีนนำเครื่องบินลำเลียง Y-20 เข้าประจำการอย่างเป็นทางการ

Chinese air force inducts Y-20 transport aircraft into service






The Y-20 has a maximum take-off weight of 200 tonnes and is designed to carry cargo and people over long distances, according to the Chinese air force.
The Chinese air force officially inducted the Y-20 heavy strategic transport aircraft into service on 6 July.Source: Xinhua
http://www.janes.com/article/62064/chinese-air-force-inducts-y-20-transport-aircraft-into-service
https://www.facebook.com/XinhuaNewsAgency/posts/1321082037919237

กองทัพอากาศปลดปล่อยประชาชนจีน(PLAAF: People's Liberation Army Air Force) ได้ประกาศอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคที่ผ่านมาว่า
เครื่องบินลำเลียงหนักทางยุทธศาสตร์ Y-20 ที่ออกแบบผลิตโดย Xian Aircraft Corporation(XAC) ถูกนำเข้าประจำการในกองทัพอากาศปลดปล่อยประชาชนจีนอย่างเป็นทางการแล้ว
"การเข้าประจำการของ Y-20 เป็นนับเป็นหลักสำคัญของกองทัพอากาศในการเพิ่มขีดความสามารถการวางแผนทางยุทธศาสตร์" Shen Jinke โฆษกกองทัพอากาศปลดปล่อยประชาชนกล่าวต่อสำนักข่าว Xinhua
โดยกล่าวเพิ่มอีกว่ากองทัพอากาศปลดปล่อยประชาชนจำเป็นต้องมีเครื่องบินลำเลียงจำนวนมากกว่าและดีกว่านี้เพื่อเติมเต็มภารกิจทางทหารทั้งการรักษาความมั่นคงของชาติ, การกู้ภัยภายในและนอกประเทศ และงานบรรเทาสาธารณภัย

Y-20 เป็นอากาศยานที่ออกแบบและพัฒนาภายในจีน โดยเครื่องต้นแบบบินขึ้นครั้งแรกเมื่อเดือนมกราคม ปี2013  และเปิดตัวต่อสาธารณชนครั้งแรกในงานแสดงอาวุธยุทโธปกรณ์ China International Aviation and Aerospace ครั้งที่10 เมื่อเดือนพฤศจิกายน ปี2014
การนำเครื่องเข้าประจำการอย่างเป็นทางการมีขึ้นเพียงไม่กี่สัปดาห์หลังจากที่มีรายงานอ้างว่ากองทัพอากาศปลดปล่อยประชาชนได้รับมอบ Y-20 เครื่องแรกจากจำนวนที่จะจัดหามากกว่า 1,000เครื่องเมื่อเดือนที่แล้ว
โดยสื่อสังคม Online จีนได้รายงานภาพการส่งมอบ Y-20 หมายเลข 11051 และ 11052 ที่ฐานทัพอากาศ Chengdu-Qionglai เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน แต่ไม่มีการยืนยันอย่างเป็นทางการในขณะนั้น
ต่อมาไม่กี่วันสื่อของรัฐบาลจีนได้ออกข่าวว่ากองทัพอากาศปลดปล่อยประชาชนจีนต้องการเครื่องบินลำเลียงหนัก Y-20 มากกว่า 1,000เครื่อง เพื่อรองรับความต้องการเครื่องบินลำเลียงทางยุทธศาสตร์ที่เพิ่มขึ้น โดยแผนในปี 2014 มีความต้องการเริ่มต้นที่มากกว่า 400เครื่อง

สำนักข่าว Xinhua รายงานข้อมูลว่า เครื่องบินลำเลียงหนักทางยุทธศาสตร์เครื่องยนต์ไอพ่นสี่เครื่อง Y-20 มีน้ำหนักบินขึ้นสูงสุด 200tons และถูกออกแบบมาเพื่อบรรทุกสัมภาระและบุคคลเป็นระยะทางไกลในสภาพอากาศเลวร้าย
ขณะนี้ยังไม่มีการเปิดเผยคุณสมบัติของเครื่องอย่างเป็นทางการ แต่สื่อทางการจีนให้ข้อมูลว่า Y-20 บรรทุกได้หนัก 66tons ถ้าบรรทุกหนัก 51tons จะมีพิสัยการบินไกล 5,200km
ยังไม่ปรากฎภาพข้อมูลยืนยันว่าเครื่องบินลำเลียง Y-20 มีขีดความสามารถในการเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศได้หรือไม่ ณ ขณะนี้
เป็นที่ทราบว่าวิศวกรอากาศยานรัสเซียและยูเครนของบริษัท Antonov มีส่วนช่วยในการออกแบบเครื่องบินลำเลียง Y-20 โดยมีข้อสังเกตว่า Y-20 มีรูปร่างคล้ายเครื่องบินลำเลียงหนักสี่เครื่องยนต์ใบพัด Turboprop แบบ Antonov An-70 ยูเครนครับ