Australia fast-tracks NSM Block 1A for RAN surface fleet
Australia wants to integrate Kongsberg's Naval Strike Missile Block 1A onto its Anzac-class frigates and Hobart-class destroyers from 2024. (Kongsberg Defence & Aerospace/Royal Australian Navy)
กระทรวงกลาโหมออสเตรเลียกำลังเร่งการจัดหาอาวุธปล่อยนำวิถีต่อต้านเรือผิวน้ำ Kongsberg Defence & Aerospace(KDA) Naval Strike Missile(NSM) Block 1A รุ่นใหม่ล่าสุดจากนอร์เวย์ เพื่อทดแทนอาวุธปล่อยนำวิถีต่อต้านเรือผิวน้ำ RGM-84 Harpoon Block II สหรัฐฯ
บนเรือฟริเกตชั้น Anzac(https://aagth1.blogspot.com/2021/09/austhai-2021.html) และเรือพิฆาตชั้น Hobart(https://aagth1.blogspot.com/2020/03/hobart.html) ของกองทัพเรือออสเตรเลีย(RAN: Royal Australian Navy)
การทดแทนอาวุธปล่อยนำวิถีต่อต้านเรือผิวน้ำ Harpoon เป็นส่วนหนึ่งของชุดการเร่งการเพิ่มขีดความสามารถอาวุธวงเงิน A$3.5 billion($2.61 billion) สำหรับกองทัพออสเตรเลีย(ADF: Australian Defence Force) ที่ประกาศโดยกระทรวงกลาโหมออสเตรเลียเมื่อวันที่ 5 เมษายน 2022
รวมถึงอาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่พื้นร่อนพิสัยไกล AGM-158B JASSM-ER(Joint Air-to-Surface Standoff Missile-Extended Range) และขีดความสามารถทุ่นระเบิดทางทะเลที่ไม่เปิดเผยเพื่อรักษาท่าเรือและการเข้าถึงทะเลของออสเตรเลีย
"โดยที่สภาพแวดล้อมทางยุทธศาสตร์ของออสเตรเลียได้มีความซับซ้อนและท้าทายมากขึ้น กองทัพออสเตรเลียของเราต้องสามารถที่จะหยุดยั้งกองกำลังข้าศึกที่มีศักยภาพและสิ่งอำนวยความสะดวกที่มีความเสี่ยงจากระยะที่ไกลอย่างมาก
ระบบอาวุธโจมตีระดับโลกเหล่านี้จะถูกติดตั้งให้กำลังรบของเราเพื่อการปกป้องการเข้าถึงทางทะเลที่ดีขึ้นของออสเตรเลีย และเมื่อมีความจำเป็นจะสนับสนุนปฏิบัติการผสมในภูมิภาคของเรา" Peter Dutton รัฐมนตรีกลาโหมออสเตรเลียกล่าว
กระทรวงกลาโหมออสเตรเลียกล่าวว่าอาวุธปล่อยนำวิถีต่อต้านเรือผิวน้ำ NSM Block 1A จะมีพิสัยโจมตีเป้าหมายทางทะเลมากกว่าเป็นสองเท่า(https://aagth1.blogspot.com/2021/08/nsm-nmesis.html)
ของกองเรือผิวน้ำของกองทัพเรือออสเตรเลียโดยอาวุธปล่อยนำวิถีต่อต้านเรือผิวน้ำ RGM-84 Harpoon Block II ซึ่งมีระยะยิงที่ไม่เป็นข้อมูลปกปิดที่ 124km(https://aagth1.blogspot.com/2020/05/boeing-harpoon-block-ii.html)
การเลือก NSM Block 1A เป็นแนวทางที่พึ่งประสงค์เพื่อทดแทน Harppon จะมอบภาคส่วนการโจมตีทางทะเลพิสัยไกลยุคอนาคตของโครงการ Project Sea 1300 ของกองทัพเรือออสเตรเลีย
จัดตั้งขึ้นภายใต้แผนโครงสร้างกำลังรบ(Force Structure Plan) 2020 เพื่อการพัฒนา, บริหารจัดการ และธรรมาภิบาลที่แข็งแกร่งของระบบอาวุธนำวิถีของกองทัพเรือออสเตรเลีย
โครงการ Sea 1300 สอดคล้องกับหลายกลุ่มสายขีดความสามารถทางการรบของกองทัพเรือออสเตรเลีย ที่จะได้รับงบประมาณภายใต้โครงการลงทุน 20ปีวงเงิน A$24 billion ที่ประกาศในเดือนมกราคม 2021
กำลังรบเรือผิวน้ำหลักของกองทัพเรือออสเตรเลียประกอบด้วยเรือพิฆาตชั้น Hobart จำนวน 3ลำที่เข้าประจำการในปี 2017-2020 และเรือฟริเกตชั้น Anzac จำนวน 8ลำที่เข้าประจำการในปี 1996-2006 ครับ
