วันศุกร์ที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2566

กองทัพเรือไทยทำพิธีปล่อยเรือลงน้ำเรืออู่ยกพลขึ้นบก Type 071E LPD เรือหลวงช้างอย่างเป็นทางการที่จีน








Royal Thai Navy (RTN) held the official launching ceremony of its Type 071E Landing Platform Dock (LPD) project "LPD-792 HTMS Chang(III)" at Hudong-Zhonghua Shipbuilding Group(HZ) shipyard in Shanghai, China on 4 January 2023. (Royal Thai Navy)

สวัสดีปีใหม่ พ.ศ.๒๕๖๖
ขออาราธนาคุณพระรัตนตรัย จงอวยชัยให้ทุกท่านมีสุขขี สุขสวัสดิ์ปลอดภัย สุขภาพแข็งแรงตลอดปี ๒๕๖๖

พิธีปล่อยเรือลงน้ำ เรือยกพลขึ้นบกขนาดใหญ่ เรือหลวงช้าง

เมื่อวันที่ 4 มกราคม 2566) เวลา 13.19 น. (ตามเวลาท้องถิ่น สาธารณรัฐประชาชนจีน) พลเรือเอก เถลิงศักดิ์ ศิริสวัสดิ์  รองผู้บัญชาการทหารเรือ เป็นผู้แทนผู้บัญชาการทหารเรือ เป็นประธานในพิธีปล่อยเรือยกพลขึ้นบก (LPD : Landing Platform Dock) เรือหลวงช้าง (ลำที่ 3) ลำใหม่ลงน้ำ 
โดยมี นางอรัญญา ศิริสวัสดิ์ ภริยา เป็นสุภาพสตรีผู้ประกอบพิธีปล่อยเรือ ณ ท่าเรือหมายเลข 5 อู่ต่อเรือ บริษัท หู้ดง - จงหัวชิปบิลดิง เมืองเซี่ยงไฮ้ สาธารณรัฐประชาชนจีน

กองทัพเรือ ได้จัดหาเรือยกพลขึ้นบกลำใหม่ เข้าประจำการ ในกองเรือยกพลขึ้นบกและยุทธบริการ กองเรือยุทธการ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อทดแทนเรือยกพลขึ้นบกลำเก่า (เรือหลวงช้างลำที่ 2) ตามยุทธศาสตร์กองทัพเรือระยะ 20 ปี พ.ศ.2560 - 2579 
ซึ่งกำหนดความต้องการ เรืออเนกประสงค์ยกพลขึ้นบกขนาดใหญ่ไว้ จำนวน 4 ลำ และใช้ปฏิบัติงานร่วมกับเรือ อากาศนาวี หน่วยกำลังต่อสู้อากาศยานและรักษาฝั่ง หน่วยกำลังนาวิกโยธิน และหน่วยสงครามพิเศษทางเรือ ตั้งแต่ในภาวะปกติ โดยมีขีดความสามารถปฏิบัติการรบ 3 มิติ ได้แก่ 
การปฏิบัติการยุทธ์สะเทินน้ำสะเทินบก การขนส่งลำเลียงและเป็นเรือบัญชาการ และการสนับสนุนการปฏิบัติการเรือดำน้ำ การค้นหาและกู้ภัยทางทะเล รวมทั้งสนับสนุนการช่วยเหลือและกู้ภัยเรือดำน้ำ 
และการช่วยเหลือและบรรเทาสาธารณภัย การอพยพประชาชน สนับสนุนการป้องกันและต่อต้านการก่อการร้ายในทะเลและท่าเรือ

ปัจจุบันกองทัพเรือ มีจำนวนเรืออเนกประสงค์ยกพลขึ้นบกขนาดใหญ่ ไม่เพียงพอตามยุทธศาสตร์ที่วางไว้ จึงมีความจำเป็นที่จะต้องจัดหาเพิ่มเติม เพื่อให้มีขีดความสามารถสูงสุด ตามระเบียบของ กองทัพเรือ ได้กำหนดหลักเกณฑ์การตั้งชื่อเรือรบ ตามประเภทของเรือ 
โดยในส่วนของเรือยกพลขึ้นบก กำหนดให้ตั้งชื่อตามเกาะต่าง ๆในประเทศไทย โดยเรือยกพลขึ้นบกลำใหม่นี้ ได้รับพระราชทานชื่อจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่า  “เรือหลวงช้าง” (เกาะช้าง จังหวัดตราด) 
มีคุณลักษณะที่สำคัญคือยาว 213 เมตร กว้าง 28 เมตร กินน้ำลึก 17.4 เมตร ระวางขับน้ำสูงสุด 20,003 ตัน ความเร็วสูงสุดที่ระวางขับน้ำสูงสุด 25 นอต มีระยะปฏิบัติการไม่น้อยกว่า 10,000 ไมล์ทะเล 
โดยตัวเรือมีความคงทนทะเลจนถึงสภาวะทะเลระดับ 9 (Sea State 9) และสามารถบรรทุกกำลังรบยกพลขึ้นบกได้ 600 นาย

อนึ่ง ตามระเบียบของ กองทัพเรือ ได้กำหนดหลักเกณฑ์การตั้งชื่อเรือรบตามประเภทของเรือต่าง ๆ ไว้ดังนี้
- เรือพิฆาต ตั้งตามชื่อตัวบุคคล บรรดาศักดิ์ หรือสกุล ของผู้ประกอบคุณประโยชน์ไว้แก่ชาติ เช่น เรือหลวงนเรศวร เรือหลวงตากสิน
- เรือฟริเกต ตั้งตามชื่อแม่น้ำสายสำคัญ เช่น เรือหลวงเจ้าพระยา เรือหลวงบางปะกง
- เรือคอร์เวต ตั้งตามชื่อเมืองหลวง และเมืองสำคัญในประวัติศาสตร์ เช่น เรือหลวงสุโขทัย เรือหลวงรัตนโกสินทร์
- เรือเร็วโจมตี (อาวุธนำวิถี) ตั้งตามชื่อเรือรบในทะเล สมัยโบราณที่มีความเหมาะสมกับหน้าที่ของเรือนั้น ๆ เช่น เรือหลวงอุดมเดช เรือหลวงปราบปรปักษ์
- เรือเร็วโจมตี (ปืน,ตอร์ปิโด) ตั้งตามชื่อจังหวัดชายทะเล เช่น เรือหลวงปัตตานี เรือหลวงนราธิวาส
- เรือดำน้ำ ตั้งตามชื่อผู้อิทธิฤทธิ์ในวรรณคดีในด้านการดำน้ำ เช่น เรือหลวงมัจฉานุ
- เรือทุ่นระเบิด ตั้งตามชื่อสมรภูมิรบที่สำคัญในประวัติศาสตร์ เช่น เรือหลวงบางระจัน เรือหลวงลาดหญ้า
- เรือยกพลขึ้นบก เรือลากจูง เรือส่งกำลังบำรุง เรือน้ำมัน ตั้งตามชื่อเกาะ เช่น เรือหลวงอ่างทอง (เรือยกพลขึ้นบก) เรือหลวงมาตรา (เรือน้ำมัน) เรือหลวงสิมิลัน (เรือส่งกำลังบำรุง)
- เรือตรวจการณ์ (ปืน) ตั้งชื่อตามอำเภอชายทะเล เช่น เรือหลวงหัวหิน เรือหลวงศรีราชา
- เรือตรวจการณ์ (ปราบเรือดำน้ำ) ตั้งชื่อตามเรือรบในลำน้ำ สมัยโบราณที่มีความเหมาะสมกับหน้าที่ของเรือนั้น ๆ เช่น เรือหลวงทยานชล เรือหลวงคำรณสินธุ์
- เรือสำรวจ ตั้งชื่อตามดาวที่สำคัญ เช่น เรือหลวงจันทร เรือหลวงศุกร์
- เรือหน้าที่พิเศษ ตั้งชื่อด้วยถ้อยคำที่มีความหมายและเหมาะกับหน้าที่ของเรือนั้น เช่น เรือหลวงจักรีนฤเบศร
- เรือขนาดเล็ก (เล็กกว่า 200 ตัน) ตั้งชื่อด้วยอักษรย่อตามชนิดและหน้าที่ของเรือนั้นมีหมายเลขต่อท้าย  เช่น เรือ ต.991

พิธีปล่อยเรือลงน้ำของเรือยกพลขึ้นบกขนาดใหญ่ เรือหลวงช้าง(ลำที่๓) ที่อู่เรือ Hudong-Zhonghua Shipbuilding Group(HZ) ใกล้มหานคร Shanghai ในเครือ China State Shipbuilding Corporation Limited(CSSC) รัฐวิสาหกิจอุตสาหกรรมการสร้างเรือของสาธารณรัฐประชาชนจีน
เมื่อวันที่ ๔ มกราคม พ.ศ.๒๕๖๖(2023) เป็นเครื่องหมายแสดงถึงเหตุการณ์สำคัญว่า กองทัพเรือไทย(RTN: Royal Thai Navy) ได้ถือว่าพิธีนี้เป็นการปล่อยเรือลงน้ำและตั้งชื่อเรืออย่างเป็นทางการจริง โดยคาดว่ามีกำหนดส่งมอบเรือในราวเดือนเมษายน ๒๕๖๖ นี้

กองทัพเรือไทยได้ลงนามสัญญาจัดหาสำหรับเรืออู่ยกพลขึ้นบกชั้น Type 071E LPD(Landing Platform Dock) กับจีนเมื่อวันที่ ๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๖๒(2019) เป็นวงเงินราว ๖,๑๐๐,๐๐๐,๐๐๐บาท($200 million)(https://aagth1.blogspot.com/2019/09/type-071e-lpd.html)
เรืออู่ยกพลขึ้นบก Type 071E เป็นแบบเรือรุ่นส่งออกที่มีพื้นฐานจากเรืออู่ยกพลขึ้นบกชั้น Type 071 ที่ประจำการกองทัพเรือปลดปล่อยประชาชนจีน(PLAN: People's Liberation Army Navy) โดยมีกองทัพเรือไทยเป็นลูกค้าส่งออกรายแรก ซึ่งมีคุณลักษณะแตกต่างจากเรือที่จีนใช้เองบางจุด

เรือยกพลขึ้นบกขนาดใหญ่ ร.ล.ช้าง(ลำที่๓) ถูกพบภาพว่าถูกนำออกจากอู่แห้งของอู่เรือ Hudong-Zhonghua เมื่อวันที่ ๒๓ ธันวาคม พ.ศ.๒๕๖๔(2021) พร้อมกับเรือฟริเกตชั้น Type 054A ลำที่๓๔ ของจีน และเรือฟริเกตชั้น Tughril(Type 054AP) ลำที่สี่และลำสุดท้ายของกองทัพเรือปากีสถาน
ซึ่งจากแผ่นป้ายชื่อที่ท้ายเรือที่ปรากฏในภาพเป็นที่ชัดเจนว่าชื่อเรือคือ "เรือหลวงช้าง" ซึ่งตั้งชื่อตามเกาะช้างตามหลักเกณฑ์การตั้งชื่อเรือประเภทเรือยกพลขึ้นบก โดยเป็นเรือลำที่สามที่ได้รับการตั้งชื่อนี้(https://aagth1.blogspot.com/2021/12/type-071e-lpd.html)

ร.ล.ช้าง Type 071E LPD ได้รับการดำเนินงานติดตั้งอุปกรณ์(fitting) ตลอดปี พ.ศ.๒๕๖๕(2022) ที่ท่าเทียบเรือใกล้อู่เรือ HZ และจีนประกาศความสำเร็จในการทดลองเรือในทะเลครั้งแรกในเดือนธันวาคม พ.ศ.๒๕๖๕(https://aagth1.blogspot.com/2022/12/type-071e-lpd.html)
ร.ล.ช้าง(ลำที่๓) ได้รับการทำสีหมายเลขหัวเรือเป็น "792" โดยเป็นหมายเลขที่ต่อจากเรือยกพลขึ้นบกขนาดใหญ่ เรือหลวงอ่างทอง(ลำที่๓) ที่เป็นเรืออู่ยกพลขึ้นบก LPD ลำแรกของกองทัพเรือไทย ทำให้แม้ว่าจะเป็นเรือคนละชุด(class)กัน แต่กองทัพเรือจัดเป็นเรือชุดเดียวกันตามขีดความสามารถ

ตามยุทธศาสตร์กองทัพเรือระยะ ๒๐ปี พ.ศ.๒๕๖๐-๒๕๗๙(2017-2036) กองทัพเรือไทยมีความต้องการเรือยกพลขึ้นบกขนาดใหญ่ใหม่ทดแทนเรือยกพลขึ้นบกขนาดใหญ่ชุดเรือหลวงอ่างทอง(ลำที่๒) ๕ลำ ที่เป็นเรือ Landing Ship Tank(LST) ที่เคยประจำการกองทัพเรือสหรัฐฯ(USN US Navy) 
โดยที่ เรือ ยพญ.ชุด ร.ล.อ่างทอง(ลำที่๒) ทั้ง ๕ลำได้ถูกปลดประจำการหมดแล้ว ได้ทดแทนด้วยเรืออเนกประสงค์ยกพลขึ้นบกขนาดใหญ่ LPD สองลำคือ ร.ล.อ่างทอง(ลำที่๓)(LPD-791 HTMS Angthong) และ ร.ล.ช้าง(ลำที่๓) จากความต้องการรวม ๔ลำ ซึ่งอีก ๒ลำจะขึ้นอยู่กับอนาคต

ชุดภาพการทดลองเรือในทะเลที่จีนทำให้เห็นว่า ร.ล.ช้าง(ลำที่๓)ได้รับการติดตั้งระบบพื้นฐานทั้งเครื่องจักรใหญ่ เครื่องไฟฟ้า และอู่ลอยสมบูรณ์แล้ว แต่ยังไม่มีระบบอำนวยการรบและอาวุธเช่นปืนเรือ OTO Melara 76/62 เหมือน ร.ล.อ่างทอง(ลำที่๓) คาดว่าจะได้รับการติดตั้งเมื่อเรือกลับมาถึงไทย
โดยอาจจะเป็นปืนที่ถอดจากเรือที่ปลดประจำการแล้วที่เก็บในคลังของสรรพาวุธทหารเรือ สพ.ทร. ซึ่งกองทัพเรือไทยมีประสบการณ์การติดตั้งระบบตะวันตกกับเรือที่สร้างจากจีนในประเทศมาตั้งแต่เรือฟริเกตชุดเรือหลวงนเรศวร ๒ลำ และเรือตรวจการณ์ไกลฝั่งชุดเรือหลวงปัตตานี ๒ลำแล้วครับ