วันอังคารที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2568

กองทัพอากาศไทยลงนามจัดหาเฮลิคอปเตอร์แบบที่๑๑ H225M (EC725) เพิ่มเติม ๒เครื่อง

Thailand orders additional Airbus H225M helicopters







The RTAF's new H225M order takes its fleet of the type to 16. (Airbus/Royal Thai Air Force)

ภารกิจไหนก็ทำได้ครบ! H225M เพิ่มความพร้อมของกองทัพอากาศ ทั้ง “แพทย์ฉุกเฉิน กู้ภัย ค้นหา และดับไฟป่า” เสริมศักยภาพการปฏิบัติภารกิจเพื่อประชาชนในทุกสถานการณ์
พล.อ.อ.พันธ์ภักดี  พัฒนกุล ผู้บัญชาการทหารอากาศ ได้ลงนามสัญญาจัดหาเฮลิคอปเตอร์ H225M เพิ่มเติมจำนวน 2 เครื่อง จาก Airbus Helicopters เพื่อเสริมกำลังที่มีอยู่แล้ว 
โดย H225M เป็นเฮลิคอปเตอร์อเนกประสงค์ที่พิสูจน์แล้วว่าสามารถรองรับภารกิจสำคัญได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นการแพทย์ฉุกเฉิน (Emergency Medical Service), ภารกิจค้นหาและช่วยชีวิต (Search and Rescue), การรับส่งบุคคลสำคัญ รวมถึงรองรับการติดตั้งอุปกรณ์กระเช้า (Bambi Bucket) เพื่อภารกิจการดับไฟป่า  และสถานการณ์ฉุกเฉินต่าง ๆ ของประเทศ
การเสริมกำลังครั้งนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของกองทัพอากาศไทย ที่จะพัฒนาศักยภาพอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความมั่นใจเชื่อมั่นและมั่นใจให้กับประชาชนทุกคน

บริษัท Airbus Helicopters ยุโรปได้ลงนามสัญญากับกองทัพอากาศไทย(RTAF: Royal Thai Air Force) ที่ส่งมอบเฮลิคอปเตอร์ลำเลียงขนาดกลาง H225M Caracal เพิ่มเติมจำนวน ๒เครื่อง
ซึ่งกำหนดแบบในประจำการกองทัพอากาศไทยเป็นเฮลิคอปเตอร์แบบที่๑๑ ฮ.๑๑ H225M (เดิม Eurocopter EC725) บริษัท Airbus Helicopters ประกาศเมื่อวันที่ ๒๖ กันยายน พ.ศ.๒๕๖๘(2025)

บริษัท Airbus Helicopters กล่าวว่าเฮลิคอปเตอร์ ฮ.๑๑ H225M ใหม่จำนวน ๒เครื่องจะเพิ่มขยายขีดความสามารถต่างๆของกองทัพอากาศไทยในการปฏิบัติการค้นหาและช่วยชีวิต(SAR: Search-and-Rescue) และการแพทย์ฉุกเฉิน(EMS: Emergency Medical Services)
คำสั่งซื้อใหม่นี้จะทำให้เฮลิคอปเตอร์แบบที่๑๑ ฮ.๑๑ H225M ที่ประจำการฝูงบิน๒๐๓ กองบิน๒ โคกกระเทียม ในจังหวัดลพบุรีตอนกลางของไทยเพิ่มรวมเป็นจำนวน ๑๔เครื่อง(https://aagth1.blogspot.com/2024/09/h225m-14.html)

ซึ่งกองทัพอากาศไทยได้สั่งจัดหาเฮลิคอปเตอร์แบบที่๑๑ ฮ.๑๑ EC725 ภายใต้โครงการจัดหาเฮลิคอปเตอร์ขนาดกลางสำหรับค้นหาและช่วยชีวิตในพื้นที่การรบ ระยะที่๑ จำนวน ๔เครื่องในปี พ.ศ.๒๕๕๕(2012) และได้รับมอบในปี พ.ศ.๒๕๕๘(2015),
ระยะที่๒ จำนวน ๒เครื่อง มีขึ้นในปี พ.ศ.๒๕๕๗(2014), ระยะที่๓ จำนวน ๒เครื่อง ในปี พ.ศ.๒๕๕๙(2016), และระยะที่๔ จำนวน ๔เครื่อง ในปี พ.ศ.๒๕๖๑(2018) ซึ่งได้รับมอบครบแล้วจำนวน ๑๒เครื่อง(https://aagth1.blogspot.com/2021/11/ec725.html)

บริษัท Airbus Helicopters กล่าวว่าเฮลิคอปเตอร์ ฮ.๑๑ H225M ที่วางกำลังในฝูงบิน๒๐๓ ตอนนี้ถูกใช้ปฏิบัติการในภารกิจต่างๆรวมถึงการค้นหาและช่วยชีวิตในพื้นที่การรบ(CSAR: Combat Search-and-Rescue), การค้นหาและช่วยชีวิตทั่วไป, และการลำเลียงขนส่งกำลังพล
อ้างอิงจากผู้บัญชาการทหารอากาศไทย พลอากาศเอก พันธ์ภักดี พัฒนกุล บริษัท Airbus Helicopters กล่าวว่า เฮลิคอปเตอร์ ฮ.๑๑ H225M ที่สั่งจัดหาใหม่ ๒เครื่องจะถุกกำหนดแบบสำหรับการปฏิบัติการค้นหาและช่วยชีวิต SAR และการแพทย์ฉุกเฉิน EMS โดยเฉพาะ

บริษัท Airbus Helicopters กล่าวว่างานการเสร็จสิ้นของเฮลิคอปเตอร์ ฮ.๑๑ H225M ใหม่ ๒เครื่องจะได้รับการดำเนินงานโดยหุ้นส่วนในไทยของตนบริษัทอุตสาหกรรมการบิน จำกัด(TAI: Thai Aviation Industries) ไทย(https://aagth1.blogspot.com/2021/02/airbus-helicopters-tai.html)
กองทัพอากาศไทยได้ร่างเค้าโครงความต้องการที่จะจัดหาเฮลิคอปเตอร์ขนาดกลางสำหรับการปฏิบัติการค้นหาและช่วยชีวิตและการแพทย์ฉุกเฉินเเพิ่มเติม ๒เครื่องในสมุดปกขาว RTAF White Paper 2025 ที่เผยแพร่ในเดือนมิถุนายน พ.ศ.๒๕๖๘(https://aagth1.blogspot.com/2025/06/rtaf-white-paper-2025.html)

เฮลิคอปเตอร์ H225M(EC725) ขนาด 11tonne ติดตั้งระบบขับเคลื่อนเครื่องยนต์ turboshaft แบบ Safran Makila 2A สองเครื่อง สามารถบรรทุกบุคคลไปกับเครื่องได้ถึง ๒๘คน(https://aagth1.blogspot.com/2024/02/416-squadron-2024.html)
และโดยทั่วไปถูกใช้งานสำหรับภารกิจการค้นหาและช่วยชีวิตในพื้นที่การรบ CSAR, การปฏิบัติการทางเรือ, การส่งกลับทางสายแพทย์(medevac: medical evacuation), และการลำเลียงขนส่งทางทหาร(https://aagth1.blogspot.com/2023/05/balanceteak-torch-2023.html)

ตามข้อมูลจาก Airbus Helicopters ยุโรปมีเฮลิคอปเตอร์ H225 และรุ่นใช้งานทางทหารเฮลิคอปเตอร์ H225M จำนวนมากกว่า๓๖๐เครื่องในประจำการทั่วโลกและมีชั่วโมงบินรวมใกล้ถึง ๙๘๐,๐๐๐ชั่วโมงบินแล้ว ลูกค้าผู้ใช้งานทางทหารต่างๆรวมถึง

คูเวต(https://aagth1.blogspot.com/2020/02/h225m-airbus.html), มาเลเซีย(https://aagth1.blogspot.com/2020/02/h135.html), เม็กซิโก, เนเธอร์แลนด์(https://aagth1.blogspot.com/2023/06/h225m-aargm-er-f-35a.html), สิงคโปร์(https://aagth1.blogspot.com/2024/04/h225m-ch-47f.html), และไทย
เมื่อวันที่ ๒๕ กันยายน พ.ศ.๒๕๖๘ บริษัท Airbus ยุโรปยังได้ประกาศว่าตนได้ลงนามสัญญากับกองทัพอากาศไทยที่จะส่งมอบเครื่องบินลำเลียงและเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศ A330 MRTT+(MRTT Plus) รุ่นเพิ่มขยายขีดความสามารถของ A330 MRTT(Multi-Role Tanker Transport) ด้วย(https://aagth1.blogspot.com/2025/09/airbus-a330-mrtt.html)

ความเห็นวิเคราะห์
การสั่งจัดหาเฮลิคอปเตอร์แบบที่๑๑ ฮ.๑๑ H225M(EC725) เพิ่มเติม ๒เครื่องล่าสุดนี้มีขึ้นหลังจากกรมยุทธการทหารอากาศ(DO: Directorate of Operations) กองทัพอากาศไทย ได้เผยแพร่เอกสารใน Website ของตนเมื่อวันที่ ๒๔ กันยายน พ.ศ.๒๕๖๘(https://do.rtaf.mi.th/images/plan-procurement/68/24-9-68.pdf)
เรื่องประกาศผู้ชนะการเสนอราคาซื้อเฮลิคอปเตอร์ขนาดกลางรับ-ส่งบุคคลสำคัญ จำนวน ๒ เครื่อง พร้อมอุปกรณ์ อะไหล่ ระบบสนับสนุนการฝึก การฝึกอบรม และสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ ที่จำเป็น ว่าผู้ได้รับคัดเลือกได้แก่บริษัท Airbus Helicopters สาธารณรัฐฝรั่งเศส โดยเสนอราคาเป็นเงิน 87,208,066 Euros หรือเท่ากับ ๓,๒๘๒,๘๘๖,๕๙๘.๙๒บาท 

ตามที่โครงการจัดหาเฮลิคอปเตอร์ขนาดกลางสำหรับค้นหาและช่วยชีวิตในพื้นที่การรบ ระยะที่๕ วงเงิน ๑๐๘,๐๐๐,๐๐๐บาท($2,945,669) ที่ประกาศเมื่อวันที่ ๑๐ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๖๗(2024) เป็นโครงการจัดหาตระกร้าเฮลิคอปเตอร์(Helicopter Bucket) สำหรับเฮลิคอปเตอร์ ฮ.๑๑ EC725(H225M) ฝูงบิน๒๐๓ กองบิน๒ เพื่อภารกิจดับเพลิง
การประกาศผู้ชนะโครงการซื้อเฮลิคอปเตอร์ขนาดกลางรับ-ส่งบุคคลสำคัญนี้สอดคล้องกับการประกาศผู้ชนะซื้อเครื่องบินรับ-ส่ง บุคคลสำคัญทดแทนเครื่องบินลำเลียงแบบที่๑๙ บ.ล.๑๙ Airbus 340-500 คือเครื่องบินเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศและลำเลียง Airbus A330 MRTT+ ในวันเดียวกัน ซึ่งทั้งหมดเป็นการลดแบบและจัดหาอากาศยานที่ใช้งานได้หลากหลายภารกิจอย่างคุ้มค่ายิ่งของกองทัพอากาศไทยครับ

วันจันทร์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2568

หน่วยรบพิเศษกองทัพบกไทยเข้าร่วมการแข่งขันพลซุ่มยิงนานาชาติ K-ISC 2025 ที่เกาหลีใต้












Multinational sniper teams participating in the 2nd Korean International Sniper Competition (K-ISC) in September 2025.
The competition was hosted by the Republic of Korea Ministry of National Defense (MND), and this is the second time K-ISC was held. A total of 52 teams across 9 countries (South Korea, United States, Germany, Romania, Mongolia, Vietnam, UAE, Qatar, Uzbekistan, and Thailand) participated in this year's K-ISC. 
Some countries brought their own rifles while others used loaner South Korean rifles. (Korea Defense Blog/bemil.chosun.com)



กระทรวงกลาโหมสาธารณรัฐเกาหลีได้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันพลซุ่มยิงนานาชาติเกาหลีครั้งที่๒(2nd K-ISC: Korean International Sniper Competition) ในเดือนกันยายน พ.ศ.๒๕๖๘(2025) โดยมีส่วนรวมจากกำลังพลกว่า ๑๔๙นายจาก ๕๒ทีม โดยมี ๑๕ทีมจาก ๙ประเทศที่เข้าร่วมทั้ง สหรัฐฯ, เยอรมนี, มองโกเลีย, กาตาร์, โรมาเนีย, ไทย, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, อุซเบกิสถาน, และเวียดนาม
โดยทีมพลซุ่มยิงต่างๆของสาธารณรัฐเกาหลีเจ้าภาพจัดจากหน่วยรบพิเศษและหน่วยปฏิบัติการพิเศษของกองทัพบกสาธารณรัฐเกาหลี(RoKA: Republic of Korea Army), กองทัพเรือสาธารณรัฐเกาหลี(RoKN: Republic of Korea Navy), นาวิกโยธินสาธารณรัฐเกาหลี(ROKMC: Republic of Korea Marine Corps), กองทัพอากาศสาธารณรัฐเกาหลี(RoKAF: Republic of Korea Air Force),
สำนักงานตำรวจแห่งชาติสาธารณรัฐเกาหลี(KNPA: Korean National Police Agency),และหน่วยยามฝั่งสาธารณรัฐเกาหลี(KCG: Korea Coast Guard) ซึ่งใช้อาวุธปืนที่ผลิตในประเทศเป็นหลักในการแข่งรวมถึงปืนซุ่มยิง K14 ขนาด 7.62x51mm ปืนเล็กยาวจู่โจม K2C1 ขนาด 5.56x45mm และปืนพกกึ่งอัตโนมัติ K5 ขนาด 9x19mm ที่ผลิตโดยบริษัท SNT Motiv สาธารณรัฐเกาหลีเป็นต้น

ขณะที่ทีมจากต่างประเทศบางทีมจะนำอาวุธในประจำการของตนเองเข้าร่วมการแข่งเช่นกองทัพบกสหรัฐฯ(US Army) ที่นำปืนซุ่มยิง M110A1 CSASS/SDMR(Compact Semi Automatic Sniper System/Squad Designated Marksman Rifle) ขนาด 7.62x51mm และปืนซุ่มยิง M2010 ESR(Enhanced Sniper Rifle) เป็นต้น ทีมจากประเทศอื่นได้ใช้ปืนซุ่มยิง K14 ของกองทัพสาธารณรัฐเกาหลี(Republic of Korea Armed Forces) ในการแข่งขัน 
รวมถึงทีมพลซุ่มยิงของกองทัพบกไทย(RTA: Royal Thai Army) จากกรมรบพิเศษที่๓ รพศ.๓(3rd Special Operations Regiment) กองพลรบพิเศษที่๑ พล.รพศ.๑(1st Special Forces Division) หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ(SWCOM: Special Warfare Command) ที่เป็นหน่วยรบหนึ่งของไทยมีขีดความสามารถและประสบการณ์รบจริงสูงมาก(https://aagth1.blogspot.com/2025/09/mod-challenge-2025.html)
การแข่งขันพลซุ่มยิงนานาชาติเกาหลี 2nd K-ISC ในปี 2025 นี้มีสถานีการแข่งที่หลากหลากตั้งแต่การยิงในสนามฝึกภายในอาคาร การยิงในสนามยิงกลางแจ้งโดยย้ายที่ตั้งและจากที่กำบังจำกัดทัศนวิสัย และการยิงเป้าที่กำลังเคลื่อนที่ที่ติดกับ drone ในป่าเป็นต้น แม้ว่าผลการแข่งขันทีมที่ชนะส่วนใหญ่จะเป็นทีมของสาธารณรัฐเกาหลีเจ้าภาพ แต่กองทัพบกไทยก็ได้รับประสบการณ์และมิตรภาพในการแข่งร่วมกับเจ้าภาพและนานาประเทศครับ

วันอาทิตย์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2568

กองทัพอากาศไทยและจีนเสร็จสิ้นการฝึกผสม Falcon Strike 2025




















The Royal Thai Air Force (RTAF) and People's Liberation Army Air Force (PLAAF) concluded the exercise FALCON STRIKE 2025 at Wing 23 RTAF base Udon Thani, Thailand from 15 to 25 September 2025, by opening ceremony on 18 September 2025 and closing ceremony on 25 September 2025. 
Royal Thai Air Force involved its Saab Gripen C/D of 701st Squadron, Wing 7 Surat Thani; Dornier Alpha Jet TH of 231st Squadron, Wing 23; and Airbus Helicopter H225M (EC725) of 203rd Squadron, Wing 2 Lopburi; with PLAAF Chengdu J-10C and J-10AS, People’s Liberation Army Navy Air Force (PLANAF) Shenyang J-11BGH and J-11BSH, PLAAF Xi'an JH-7A, Shaanxi KJ-500 airborne early warning (AEW), Shaanxi Y-9LG electronic intelligence (ELINT), Xi'an Y-20A transport aircraft, Mil Mi-171Ah helicopter, and for first time for PLAAF Xi'an HY-6U tanker aircraft, and Chengdu GJ-2 (Wing Loong II) Medium-Altitude Long-Endurance Unmanned Aerial Vehicle (MALE UAV). (Royal Thai Air Force)

กองบิน ๒๓ ให้การต้อนรับ คณะกองทัพอากาศสาธารณรัฐประชาชนจีน
เมื่อวันที่ ๑๖ กันยายน ๒๕๖๘  นาวาอากาศเอก นทัย เมืองมณี ผู้บังคับการกองบิน ๒๓ มอบหมายให้ นาวาอากาศเอก พิสิฐ เทพสุวรรณ รองผู้บังคับการกองบิน ๒๓ เป็นผู้แทนฯ ให้การต้อนรับ พลอากาศตรี หลู่ หงโจว ผู้บัญชาการฐานทัพอากาศคุนหมิง กองทัพอากาศสาธารณรัฐประชาชนจีน 
และปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้อำนวยการกองอำนวยการฝึกผสม Falcon Strike 2025 ฝ่ายกองทัพอากาศสาธารณรัฐประชาชนจีน และคณะฯ ในโอกาสมาดำเนินการฝึกผสมระหว่างกองทัพอากาศไทยและกองทัพอากาศสาธารณรัฐประชาชนจีน (Falcon Strike 2025) ระหว่างวันที่ ๑๕ – ๒๕ กันยายน ๒๕๖๘ ณ กองบิน ๒๓ จังหวัดอุดรธานี 
โดยกองทัพอากาศสาธารณรัฐประชาชนจีน ได้ร่วมมือด้านการฝึกผสมกับกองทัพอากาศไทยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ซึ่งเป็นประโยชน์ในการพัฒนาขีดความสามารถในการปฏิบัติภารกิจของกองทัพอากาศทั้งสองชาติ นอกจากนี้ การฝึกผสม Falcon Strike 2025 ยังแสดงถึงมิตรภาพและความร่วมมือที่แน่นแฟ้นระหว่างกัน
ซึ่งการฝึกในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์การฝึกเพื่อพัฒนาขีดความสามารถในการปฏิบัติการทางอากาศยุทธวิธี และเพื่อกระชับความสัมพันธ์อันดีระหว่างกองทัพอากาศไทยและกองทัพอากาศสาธารณรัฐประชาชนจีน รวมถึงเพื่อดำรงไว้ซึ่งสันติภาพและความมั่นคงในภูมิภาค สืบไป
Falcon Strike 2025 เสริมเขี้ยวเล็บกองทัพอากาศไทย–จีน กระชับมิตรภาพสู่ความมั่นคง
- ผู้รับผิดชอบ : น.ต.ทรงยศ รัตนจันทร์
- บรรณาธิการข่าว : ร.ต.ธรรมวัฒน์ รัตนวิจารณ์ 
- ภาพข่าว : จ.อ.อาทิตย์ โชตินิสากรณ์
- จัดทำข่าว : พ.อ.อ.กมล โสภา

กองทัพอากาศไทย-จีน จัดการฝึก HADR ภายใต้การฝึกผสม FALCON STRIKE 2025
เมื่อวันที่ 17 กันยายน 2568 พลอากาศตรี สิทธิพล  ป้อมตรี ในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการฝึกผสม FALCON STRIKE 2025 ฝ่ายกองทัพอากาศ และพลอากาศตรี หลู่ หงโจว ในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการ ฝึกผสม FALCON STRIKE 2025 ฝ่ายกองทัพอากาศแห่งกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน 
ได้ร่วมอำนวยการการฝึก HADR (ความร่วมมือด้านการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและการบรรเทาสาธารณภัย : Humanitarian Assistance and Disaster Relief) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการฝึกผสม FALCON STRIKE 2025 ณ กองบิน 6 ดอนเมือง
โดยมีการจำลองสถานการณ์การช่วยเหลือ และลำเลียงผู้ป่วยจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว และมีกำลังพลเข้าร่วมการฝึกจากสถาบันเวชศาสตร์การบินกองทัพอากาศ และศูนย์ปฏิบัติการแพทย์ทหารอากาศ กรมแพทย์ทหารอากาศ ตลอดจนกำลังพลจากกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน 
ยังได้เข้าร่วมการฝึก ณ กองบิน 6 ดอนเมือง เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์ซึ่งกันและกัน ซึ่งล้วนเป็นบทบาทสำคัญในการดูแลพี่น้องประชาชนในยามวิกฤตอีกด้วย

กองทัพอากาศไทย-จีน เปิดการฝึกผสม FALCON STRIKE 2025 ณ กองบิน 23 จังหวัดอุดรธานี
เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2568 พลอากาศตรี สิทธิพล  ป้อมตรี ในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการฝึกผสม FALCON STRIKE 2025 ฝ่ายกองทัพอากาศไทย และพลอากาศตรี หลู่ หงโจว ในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการฝึกผสม FALCON STRIKE 2025 ฝ่ายกองทัพอากาศแห่งกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน เป็นประธานในพิธีเปิดการฝึกผสม FALCON STRIKE 2025 ณ กองบิน 23 จังหวัดอุดรธานี
การฝึกครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ พัฒนาขีดความสามารถในการปฏิบัติการทางอากาศยุทธวิธีและปฏิบัติการทางอากาศผสม แลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้านการบินระหว่างกองทัพอากาศ ทั้งสองประเทศ กระชับความสัมพันธ์และความเข้าใจอันดี และส่งเสริมความมั่นคงในระดับภูมิภาค 
นอกจากนี้ ยังมีการกำหนดให้มีการฝึก และสนับสนุนภารกิจการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม การค้นหาและช่วยเหลือผู้ประสบภัย และการบรรเทาสาธารณภัย ซึ่งล้วนเป็นบทบาทสำคัญในการดูแลพี่น้องประชาชนในยามวิกฤต เพื่อให้สามารถปกป้องอธิปไตย ความมั่นคง และความปลอดภัยของประเทศชาติและประชาชน ได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

Rare images – Joint training between Thai and Chinese Airforce Special Forces during Falcon Strike 2025
The exercise focused on HADR (Humanitarian Assistance and Disaster Relief) and CSAR (Combat Search and Rescue), including battlefield casualty care and critical mission support.
Both sides exchanged experiences and enhanced interoperability to improve their ability to operate together in high-stakes situations.
It is not often we get to see operators from both nations working side by side in missions that emphasize humanitarian goals and saving lives
ภาพหาชมยาก – การฝึกร่วมระหว่างหน่วยรบพิเศษกองทัพอากาศไทยและจีน ในการฝึก Falcon Strike 2025
หัวข้อการฝึกเน้นด้าน HADR (Humanitarian Assistance and Disaster Relief) และ CSAR (Combat Search and Rescue)
รวมถึงการช่วยเหลือผู้บาดเจ็บในสนามรบและสถานการณ์วิกฤต เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์และเพิ่มขีดความสามารถในการปฏิบัติการร่วมกัน
ไม่บ่อยนักที่จะได้เห็นการทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่ของทั้งสองฝ่ายในภารกิจที่มุ่งเน้น “มนุษยธรรมและการช่วยชีวิต”

พิธีปิดการฝึกผสม FALCON STRIKE 2025 ณ กองบิน 23 จังหวัดอุดรธานี
เมื่อวันที่ 25 กันยายน 2568 พลอากาศตรี สิทธิพล  ป้อมตรี ในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการฝึกผสม FALCON STRIKE 2025 ฝ่ายกองทัพอากาศไทย และพลอากาศตรี หลู่ หงโจว ในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการฝึกผสม FALCON STRIKE 2025 ฝ่ายกองทัพอากาศแห่งกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน เป็นประธานในพิธีปิดการฝึกผสม FALCON STRIKE 2025 ณ กองบิน 23 จังหวัดอุดรธานี
โดย พลอากาศตรี สิทธิพล ป้อมตรี ได้กล่าวว่า "ในนามของกองทัพอากาศไทย ผมขอขอบคุณทุกท่านจากใจจริง สำหรับความทุ่มเท การทำงานเป็นทีม และความพยายามของทุกท่าน ที่ทำให้การฝึกครั้งนี้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี 
การฝึกผสม FALCON STRIKE ในปีนี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง ไม่เพียงแต่จะช่วยเพิ่มความพร้อมในการปฏิบัติการของเราเท่านั้น แต่ยังช่วยเสริมสร้างสายสัมพันธ์แห่งมิตรภาพผ่านกิจกรรมต่างๆ ประสบการณ์ร่วมกันเหล่านี้ทำให้เรามีความใกล้ชิดกันมากขึ้น สร้างความไว้วางใจ สร้างมิตรภาพ และความเข้าใจซึ่งกันและกัน "
จากนั้น พลอากาศตรี หลู่ หง โจว ยังได้กล่าวถึงความไว้วางใจและมิตรภาพอันลึกซึ้งระหว่างกองทัพอากาศทั้งสองประเทศ ความเป็นพี่น้องกันที่หล่อหลอมขึ้นจากการฝึกนี้ ได้สร้างรากฐานที่มั่นคงสำหรับการเติบโตอย่างต่อเนื่องของความสัมพันธ์ทางอากาศ และเป็นแรงผลักดันอันทรงพลังสู่ความร่วมมือที่เป็นรูปธรรมและลึกซึ้งยิ่งขึ้นในอนาคต
พลอากาศตรี หลู่ หง โจว ยังกล่าวอีกว่า "แม้ว่าการฝึกครั้งนี้จะสิ้นสุดลงแล้ว แต่ภารกิจของเราในการดำรงไว้ซึ่งสันติภาพและการพัฒนาร่วมกันจะไม่มีวันสิ้นสุด ขอให้เรารักษาความสำเร็จของการฝึกร่วมกันครั้งนี้ไว้ พัฒนาให้เป็นขีดความสามารถที่นำไปใช้ได้จริงในการรักษาความมั่นคงและเสถียรภาพในภูมิภาคต่อไป!

กองทัพอากาศไทย(RTAF: Royal Thai Air Force) และกองทัพอากาศปลดปล่อยประชาชนจีน(PLAAF: People's Liberation Army Air Force) ได้เสร็จสิ้นการฝึกผสมทางอากาศ FALCON STRIKE 2025 ระหว่างวันที่ ๑๕-๒๕ กันยายน พ.ศ.๒๕๖๘(2025) โดยมีมีพิธีเปิดเมื่อวันที่ ๑๘ กันยายน พ.ศ.๒๕๖๘ และพิธีปิดเมื่อวันที่ ๒๕ กันยายน พ.ศ.๒๕๖๘ ณ กองบิน๒๓ อุดรธานี ประเทศไทย
การฝึกผสม FALCON STRIKE 2025 เป็นการฝึกครั้งที่แปดแล้ว นับตั้งแต่การฝึกครั้งแรก FALCON STRIKE 2015, ครั้งที่สอง FALCON STRIKE 2017, ครั้งที่สาม FALCON STRIKE 2018, ครั้งที่สี่ FALCON STRIKE 2019, ครั้งที่ห้า FALCON STRIKE 2022(https://aagth1.blogspot.com/2022/09/blog-post.html) และครั้งที่หก FALCON STRIKE 2023(https://aagth1.blogspot.com/2023/07/falcon-strike-2023.html), และครั้งที่เจ็ด FALCON STRIKE 2024(https://aagth1.blogspot.com/2024/08/falcon-strike-2024.html)

โดยมีเจ้าหน้าที่จากกองทัพอินโดนีเซีย(Indonesian National Armed Forces, TNI: Tentara Nasional Indonesia) เป็นผู้สังเกตการณ์ อากาศยานของกองทัพอากาศไทยที่ร่วมการฝึกรวมถึงเครื่อบินขับไล่แบบที่๒๐/ก บ.ข.๒๐/ก Saab Gripen C/D ฝูงบิน๗๐๑ กองบิน๗ สุราษฎร์ธานี, เครื่องบินโจมตีแบบที่๗ บ.จ.๗ Dornier Alpha Jet TH ฝูงบิน๒๓๑ กองบิน ๒๓, และเฮลิคอปเตอร์แบบที่๑๑ ฮ.๑๑ EC725(Airbus Helicopter H225M) ฝูงบิน๒๐๓ กองบิน๒ โคกกระเทียม 
จนถึงชุดค้นหาและช่วยชีวิต PJ Commando กรมปฏิบัติการพิเศษ(Special Operations Regiment) หน่วยบัญชาการอากาศโยธิน(SFC: Security Force Command) ที่ฝึกร่วมกับหน่วยรบพิเศษ(Special Forces) ของกองทัพอากาศปลดปล่อยประชาชนจีนในการฝึกด้านการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและบรรเทาสาธารณภัย(HADR: Humanitarian Assistance and Disaster Relief) และการกู้ภัยในพื้นที่การรบ(CSAR: Combat Search-and-Rescue)

อากาศยานของฝ่ายจีนเป็นครั้งแรกที่พบว่าได้นำเครื่องบินเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศ Xi'an HY-6U ซึ่งมีพื้นฐานจากเครื่องบินทิ้งระเบิดทางยุทธศาสตร์ตระกูล H-6 และอากาศยานไร้คนขับ Chengdu GJ-2 ซึ่งเป็นการกำหนดแบบในประจำการกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน(PLA: People's Liberation Army) ของอากาศยานไร้คนขับเพดานบินปานกลางระยะทำการนาน(MALE UAV: Medium-Altitude Long-Endurance Unmanned Aerial Vehicle) แบบ Wing Loong II
ยังเป็นครั้งที่สองที่พบว่าเครื่องบินตรวจการณ์สงคราม electronic(EW: Electronic Warfare) แบบ Shaanxi Y-9LG เข้าร่วมการฝึกในไทย(https://aagth1.blogspot.com/2024/09/y-9lg.html) รวมกับอากาศยานแบบอื่นที่เข้าร่วมการฝึก FALCON STRIKE มาหลายครั้งแล้วก่อนหน้าทั้งเครื่องบินขับไล่ Chengdu J-10C รุ่นที่นั่งเดี่ยวและเครื่องบินขับไล่ J-10AS รุ่นสองที่นั่งของกองทัพอากาศปลดปล่อยประชาชนจีน

เครื่องบินขับไล่ Shenyang J-11BGH รุ่นที่นั่งเดี่ยวและเครื่องบินขับไล่ J-11BSH รุ่นสองที่นั่งของกองการบินกองทัพเรือปลดปล่อยประชาชนจีน(PLANAF: People’s Liberation Army Navy Air Force), เครื่องบินขับไล่ทิ้งระเบิด Xian JH-7AII, เครื่องบินควบคุมและแจ้งเตือนทางอากาศ Shaanxi KJ-500, เครื่องบินลำเลียง Xian Y-20A และเฮลิคอปเตอร์ Mil Mi-171Sh ของกองทัพอากาศปลดปล่อยประชาชนจีน
การฝึก Falcon Strike 2025 กับกองทัพอากาศปลดปล่อยประชาชนจีนมีขึ้นหลังจากเสร็จสิ้นการฝึกผสมทางอากาศ THAI BOOMERANG 2025 กับกองทัพอากาศออสเตรเลีย(RAAF: Royal Australian Air Force) ระหว่างวันที่ ๘-๑๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๖๘ ณ กองบิน๑ โคราช(https://aagth1.blogspot.com/2025/09/thai-boomerang-2025.html) แสดงให้เห็นว่ากองทัพอากาศไทยได้จัดการฝึกร่วมกับกองทัพอากาศสองชาติอย่างต่อเนื่องในภาคอีสานของไทยครับ

วันเสาร์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2568

กองทัพอากาศไทยลงนามจัดหาเครื่องบินลำเลียงและเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศ Airbus A330 MRTT+ เป็นลูกค้าเปิดตัวรายแรกของรุ่นล่าสุด

Thailand signs deal to become Airbus MRTT+ launch customer





An artist's impression of the Airbus MRTT+ in service with the Royal Thai Air Force. (Airbus)



กองทัพอากาศไทย(RTAF: Royal Thai Air Force) ได้ลงนามสัญญากับบริษัท Airbus ยุโรปเพื่อจะจัดหาเครื่องบินลำเลียงและเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศ A330 MRTT+(Multi Role Tanker Transport Plus) รุ่นเพิ่มขยายขีดความสามารถของบริษัท
ข้อตกลงได้วางตำแหน่งไทยในฐานะลูกค้าเปิดตัวของเครื่องบินลำเลียงและเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศ Airbus A330 MRTT Plus รุ่นใหม่ซึ่งเปิดตัวในปี พ.ศ.๒๕๖๗(2024) และยังมอบขีดความสามารถการเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศแก่กองทัพอากาศไทยเป็นครั้งแรก

บริษัท Airbus กล่าวเมื่อวันที่ ๒๕ กันยายน พ.ศ.๒๕๖๘(2025) ว่าสัญญาของตนกับกองทัพอากาศไทยมีเนื้อหาการขายเครื่องบินลำเลียงและเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศ Airbus A330 MRTT+ จำนวน ๑เครื่อง(https://aagth1.blogspot.com/2025/03/airbus-a330-mrtt.html)
ซึ่งมีพื้นฐานจากเครื่องบินโดยสาร Airbus A330-800neo และติดตั้งเครื่องยนต์ไอพ่น turbofan แบบ Rolls-Royce Trent 7000 สองเครื่อง, ติดตั้งทั้งระบบเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศแบบ boom และแบบ hose-and-drogue, ห้องโดยสารรับ-ส่งบุคคลสำคัญมาก(VVIP: Very Very Important Person), และชุดการส่งกลับทางสายแพทย์(medevac: medical evacuation kit)

บริษัท Airbus กล่าวว่าเครื่องบินโดยสาร A330-800neo มีกำหนดที่จะเข้ารับการเปลี่ยนแบบทางทหารที่ศูนย์ A330 MRTT ของตนใน Getafe สเปนในปี พ.ศ.๒๕๖๙(2026) โดยจะมีการส่งมอบให้กองทัพอากาศไทยในปี พ.ศ.๒๕๗๒(2029)
มูลค่าของสัญญาไม่เป็นที่เปิดเผย แต่มีรายงานในโครงการซื้อเครื่องบินรับ-ส่งบุคคลสำคัญทดแทนเครื่องบินลำเลียงแบบที่๑๙ บ.ล.๑๙ Airbus A340-500 ว่าอยู่ที่ราว ๑๒,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐บาท($372 million)(aagth1.blogspot.com/2025/06/rtaf-white-paper-2025.html)

โฆษกกองทัพอากาศไทยกล่าวกับ Janes ว่า กองทัพอากาศไทยวางแผนขั้นต้นที่จะประจำการเครื่องบินลำเลียงและเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศ Airbus A330 MRTT+ ในกองบิน๖ ที่มีที่ตั้ง ณ ฐานทัพอากาศดอนเมืองในกรุงเทพฯ โฆษกกองทัพอากาศไทยยังกล่าวว่า
กองทัพอากาศไทยมีแผนที่จะจัดหาเครื่องบินเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศ(AAR: Air-to-Air Refuelling) เพิ่มเติมด้วย "เราได้ร่างแผนที่จะมีเครื่องบินเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศใช้งานเพิ่มมากขึ้น" โฆษกกองทัพอากาศไทยกล่าว แม้ว่าเขาจะบ่งชี้ว่าการจัดซื้อเครื่องบินเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศจะยังไม่มีการเริ่มตั้งโครงการขึ้นในเร็วๆนี้ 

ในแง่ของการลงนามข้อตกลงชดเชย(offset) ต่างๆในข้อตกลง Airbus A330 MRTT+ ใหม่ โฆษกกองทัพอากาศไทยกล่าวว่า ลำดับความสำคัญของกองทัพอากาศไทยคือเพื่อให้มั่นใจว่าภาคอุตสาหกรรมของไทยจะสามารถซ่อมบำรุงและดำรงสภาพเครื่องบินได้อย่างมีประสิทธิภาพ
อย่างไรก็ตามเขายังกล่าวว่า "การเจรจาต่างๆเพิ่มเติม" เกี่ยวกับการชดเชย offset ต่างๆได้ถูกวางแผนขึ้นแล้วระหว่างกองทัพอากาศไทยและบริษัท Airbus(https://aagth1.blogspot.com/2025/06/nordic-airbus-a330-mrtt.html, https://aagth1.blogspot.com/2025/04/airbus-a330-mrtt-3.html, https://aagth1.blogspot.com/2025/03/airbus-a330-mrtt-nato.html)

โฆษกของบริษัท Airbus กล่าวกับ Janes ว่าควบคู่ไปกับคำสั่งจัดหานี้ Airbus จะเสริมความแข็งแกร่งเพิ่มเติมในความร่วมมือกับบริษัทอุตสาหกรรมการบิน จำกัด(TAI: Thai Aviation Industries) ไทย ที่ทั้งสองได้มีการลงนามบันทึกความเข้าใจ(MOU: Memorandum of Understanding) ฉบับเพิ่มขยาย
ที่จะรวมการสนับสนุนการซ่อมบำรุงสำหรับเครื่องบินลำเลียงและเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศ A330 MRTT+ ของกองทัพอากาศไทย ข้อตกลง MOU นี้เพิ่มขยายจากความร่วมมือที่มีอยู่สำหรับการดำรงสภาพเครื่องบินลำเลียง C295 ในไทย(https://aagth1.blogspot.com/2024/08/c295.html)

ความเห็นวิเคราะห์
การลงนามสัญญาจัดซื้อมีขึ้นหนึ่งวันหลังจาก กรมยุทธการทหารอากาศ(DO: Directorate of Operations) กองทัพอากาศไทย ได้เผยแพร่เอกสารใน Website ของตนเมื่อวันที่ ๒๔ กันยายน พ.ศ.๒๕๖๘ เรื่องประกาศผู้ชนะการเสนอราคาซื้อเครื่องบินรับ-ส่ง บุคคลสำคัญ ทดแทนเครื่องบินลำเลียงแบบที่ ๑๙ (บ.ล.๑๙) จำนวน ๑ เครื่อง พร้อมอุปกรณ์ อะไหล่ การฝึกอบรม และสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ ที่จำเป็น
ว่าผู้ได้รับคัดเลือกได้แก่บริษัท Airbus Defence and Space ราชอาณาจักรสเปน โดยเสนอราคาเป็นเงิน 201,143,983 Euros(๗,๖๕๔,๕๙๔,๖๑๖.๒๖บาท) และ $136,167,260(๔,๔๘๖,๓๒๙,๙๔๘.๖๗บาท) รวมเป็นราคาสุทธิที่ ๑๒,๑๔๐,๙๒๔,๕๖๔.๙๓บาท(322,554,013.38 Euros หรือ $376,620,464.29)(https://do.rtaf.mi.th/images/plan-procurement/68/24-9-681.pdf)

เครื่องบินลำเลียงและเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศ Airbus A330 MRTT+ ซึ่งมีกองทัพอากาศไทยเป็นลูกค้าเปิดตัวรายแรกสำหรับรุ่นใหม่ล่าสุดในฐานะเครื่องบินเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศแบบแรกของตน ถูกจัดหาภายใต้โครงการเครื่องบินรับ-ส่ง บุคคลสำคัญทดแทนเครื่องบินลำเลียงแบบที่๑๙ บ.ล.๑๙ Airbus 340-500 ในปีงบประมาณ พ.ศ.๒๕๖๘ ในส่วนของสำนักนายกรัฐมนตรี(Office of the Prime Minister) ไทย
ซึ่งเป็นอากาศยานที่ทำภารกิจได้อย่างหลากหลายทั้งการเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศที่รองรับทั้งระบบ boom ที่ใช้กับเครื่องบินขับไล่แบบที่๑๙ บ.ข.๑๙/ก F-16A/B และระบบ Probe-and-drogue ที่ใช้กับเครื่องบินขับไล่แบบที่๒๐/ก/ข/ค บ.ข.๒๐/ก/ข/ค Gripen C/D/E/F, การอพยพผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการรบออกจากพื้นที่ขัดแย้ง(NEO: Non-Combatant Evacuation Operation), การส่งกลับทางสายแพทย์, และการขนส่งสัมภาระ

ตามที่กองทัพอากาศไทยยังไม่เคยมีเครื่องบินลำเลียง Airbus A330 รุ่นใดในประจำการมาก่อน เป็นที่เข้าใจว่าเฉพาะในภารกิจรับ-ส่งบุคคลสำคัญทดแทน บ.ล.๑๙ Airbus 340-500 ที่ประจำการ ณ ฝูงบิน๖๐๒ กองบิน๖ ดอนเมือง ที่จะมีการกำหนดแบบ Airbus A330-800neo เป็น "เครื่องบินลำเลียงแบบที่ ๒๐ บ.ล.๒๐" โดยในปี พ.ศ.๒๕๕๒(2009) กองทัพอากาศไทยได้กำหนดแบบตัวย่อของ เครื่องบินเติมเชื้อเพลิง เป็น "บ.ช."
Airbus A330 MRTT+ ที่จะประจำการ ณ ฝูงบิน๖๐๒ กองบิน๖ ในอนาคตจึงอาจจะถูกกำหนดแบบในประจำการได้ทั้ง "เครื่องบินเติมเชื้อเพลิงแบบที่ ๑ บ.ช.๑" หรือ "เครื่องบินเติมเชื้อเพลิงและลำเลียงแบบที่ ๒๐ บ.ชล.๒๐" อย่างใดอย่างหนึ่ง ตามที่ปัจจุบันมีผู้ใช้งานและสั่งจัดหา A330 MRTT ไปแล้ว ๑๑รายจำนวนกว่า ๘๕เครื่องทั่วโลก นี่จึงนับเป็นการจัดหาอากาศยานที่คุ้มค่าเป็นอย่างยิ่งของกองทัพอากาศไทยครับ

วันศุกร์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2568

สเปนอนุมัติแผนการจัดหาเครื่องบินฝึกไอพ่น Hürjet ตุรกี 45เครื่อง

Spain approves multibillion-euro aircraft procurement plan





A full-scale mock-up of the TAI Hürjet in Spanish markings was presented at FEINDEF 2025 in Madrid. Spain is to acquire up to 45 such aircraft as part of a wider modernisation programme, the financing for which has been approved. (Janes/Tristan Sauer)

รัฐบาลสเปนได้อนุมัติแผนการจัดสรรงบประมาณระยะเวลา 5ปีที่เร่งเครื่องการปรับปรุงความทันสมัยของฝูงบินอากาศยานปีกนิ่งและอากาศยานปีกหมุนทางทหาร การร่างพระราชกฤษฎีกา(royal decree) วงเงิน 3.68 billion Euros ($4.33 billion)
ในการประกาศสัญญากับบริษัท Airbus ยุโรปในฐานะผู้รับสัญญาหลักตลอดทั้ง 6 โครงการหลักตั้งแต่ปี 2025 ถึงปี 2030 ได้ถูกเผยแพร่ในราชกิจจานุเบกษา(state gazette)ของราชอาณาจักรสเปนเมื่อวันที่ 24 กันยายน 2025

"พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้กำหนดหลักเกณฑ์สำหรับการให้สัญญาโดยตรงแก่บริษัท Airbus Defence and Space ยุโรปสาขาสเปน และบริษัท Airbus Helicopters Spain ยุโรปสาขาสเปน
สำหรับการพัฒนาทางด้านอุตสาหกรรมของ 6 โครงการการปรับปรุงความทันสมัยพิเศษในภาคส่วนด้านการบินและการป้องกันประเทศ" เอกสารประกาศพระราชกฤษฎีกากล่าว โดยเสริมว่า

"มาตรการนี้ตอบสนองต่อแผนการพัฒนาด้านอุตสาหกรรมและวิทยาการเพื่อความมั่นคงและกลาโหม 2025(Industrial and Technological Plan for Security and Defence) ของสเปน
มุ่งเป้าไปที่การปรับปรุงความทันสมัยของเหล่าทัพต่างๆ, เสริมความแข็งแกร่งของอธิปไตยทางด้านภาคอุตสาหกรรมและวิทยาการ และสร้างการว่าจ้างงานและการสร้างนวัตกรรม" เอกสารพระราชกฤษฎีกาเสริม

ตามข้อมูลจากเอกสาร บริษัท Airbus Defence and Space ยุโรปสาขาสเปนจะได้รับงบประมาณวงเงิน 1.04 billion Euros สำหรับโครงการระบบการฝึกบินขั้นก้าวหน้าบูรณาการ(ITS-C: Integrated Advanced Flight Training System)
เพื่อที่จะจัดหาเครื่องบินฝึกไอพ่นขั้นก้าวหน้า Turkish Aerospace(TA) Hürjet ตุรกี(https://aagth1.blogspot.com/2025/05/airbus-turkish-aerospace-hurjet.html, https://aagth1.blogspot.com/2024/12/mou-hurjet.html),

และวงเงิน 520 million Euros สำหรับโครงการวิทยาการการฝึกการเคลื่อนที่ทางอากาศ(ITS-T: Air Mobility Training Technologies) ที่เกี่ยวข้องกับเครื่องลำเลียงทางยุทธวิธี C295(https://aagth1.blogspot.com/2024/01/c295mw.html),
บริษัท Airbus Helicopters Spain ยุโรป-สเปนจะได้รับงบประมาณวงเงิน 1 billion Euros สำหรับโครงการการเคลื่อนที่ทางอากาศเฮลิคอปเตอร์ NHIndustries NH90 ระยะที่3(https://aagth1.blogspot.com/2024/10/nhi-nh90.html),

วงเงิน 100 million Euros สำหรับโครงการเฮลิคอปเตอร์ฝึกและสนับสนุน H135 ระยะที่2(https://aagth1.blogspot.com/2023/10/h135.html), วงเงิน 920 million Euros สำหรับโครงการเฮลิคอปเตอร์ขนาดบาอเนกประสงค์สำหรับการฝึก(HELIPO: Multi-purpose Light Helicopter for Training) 
และวงเงิน 100 million Euros สำหรับโครงการเฮลิคอปเตอร์อเนกประสงค์(HACES: Multi-purpose Helicopter) เพื่อที่จะจัดซื้่อเฮลิคอปเตอร์ H175(https://aagth1.blogspot.com/2019/06/airbus-helicopters-tai.html)

สเปนมองที่จะจัดหาเครื่องบินฝึกไอพ่นขั้นก้าวหน้า Hürjet จำนวนถึง 45เครื่องเพื่อทดแทนเครื่องบินฝึกไอพ่น Northrop F-5M(/EF-5M) ของกองทัพอากาศและอวกาศสเปน(Spanish Air and Space Force, EdAE: Ejército del Aire y del Espacio)
ตามข้อมูลจาก Janes World Air Forces กองทัพอากาศและอวกาศสเปนปัจจุบันมีประจำการด้วยเครื่องบินขับไล่สองที่นั่ง EF-5BM จำนวน 19เครื่องที่ประจำการมาตั้งแต่ปี 1970s ซึ่งถูกใช้ในฐานะเครื่องบินฝึกนักบินขับไล่ที่มีอายุการใช้งานมานานและล้าสมัยครับ