วันอังคารที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2566

กองทัพบกไทยกำลังจะรับมอบเครื่องบินลำเลียงขนาดกลาง บ.ล.๒๙๕ C295W ใหม่ ๑เครื่องเป็นเครื่องที่สาม


The Royal Thai Army (RTA)'s third Airbus C295W medium size transport aircraft (tail number 23221) was spotted at San Pablo, Seville, Spain on 21 October 2023. (copyright of Burmarrad (Mark) Camenzuli Thank you)




Royal Thai Army currently has two of C295W in serviced, the first (tail number 16150) and the second (tail number 16160) at 21st Aviation Battalion, Aviation Regiment, Army Aviation Center (AAC). (Royal Thai Army)

บัญชี copyright of Burmarrad (Mark) Camenzuli Thank you บน website ภาพถ่าย online Flickr ได้เผยแพร่ภาพล่าสุดของเครื่องบินลำเลียง บ.ล.๒๙๕ Airbus C295W เครื่องที่สามของกองทัพบกไทย(RTA: Royal Thai Army) เมื่อวันที่ ๒๑ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๖๖(2023)
ณ สนามบิน San Pablo ที่ Seville สเปน ที่ตั้งของโรงงานอากาศยานบริษัท Airbus Defence and Space ยุโรปสาขาสเปน แสดงถึงเครื่องบินลำเลียง บ.ล.๒๙๕ C295W ที่มีธงชาติไทยและหมายเลขบนแพนหางแนวตั้ง "23221" ทะเบียนสเปน 221 ในลวดลายพรางและตัวอักษรกองทัพบกไทย

กรมการขนส่งทหารบก ขส.ทบ.(Department of Army Transportation) กองทัพบกไทย เมื่อวันที่ ๑๐ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๕๖๔(2021) ได้ประกาศถึงแผนการจัดซื้อจัดจ้างและราคากลางสำหรับซื้อเครื่องบินลำเลียงขนาดกลางแบบที่๒ จำนวน ๑เครื่อง พร้อมชิ้นส่วนบริภัณฑ์ภาคพื้น
งบประมาณวงเงิน ๑,๓๔๘,๒๗๖,๔๕๒บาท หรือ 34,615,570 Euros($42,075,918) กับ บริษัท Airbus Defence and Space ราชอาณจักรสเปน ซึ่งคือเครื่องบินลำเลียงขนาดกลาง บ.ล.๒๙๕ C295W เครื่องที่สาม(https://aagth1.blogspot.com/2021/02/c295w.html)

ต่อมาบัญชี Facebook ทางการของบริษัท Airbus Defence ยุโรปได้ลงประกาศเมื่อวันที่ ๒๑ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๖๔ ว่ากระทรวงกลาโหมไทยได้ลงนามสัญญาจัดหาเครื่องบินลำเลียง Airbus C295 ของตนจำนวน ๑เครื่อง(https://aagth1.blogspot.com/2021/06/c295w.html)
เพิ่มเติมต่อ บ.ล.๒๙๕ C295W เครื่องแรกหมายเลข 16150 ที่เข้าประจำการในปี พ.ศ.๒๕๕๙(2016) วงเงินประมาณ ๑,๒๕๐,๐๐๐,๐๐๐บาท และเครื่องที่สองหมายเลข 16160 วงเงิน๑,๖๑๙,๙๙๙,๙๖๘.๘๘บาท(43,199,999.17 Euros) ที่ได้รับมอบในราวปี พ.ศ.๒๕๖๒-พ.ศ.๒๕๖๓(2019-2020)

เครื่องบินลำเลียงขนาดกลางแบบที่๒ หรือเครื่องบินลำเลียง บ.ล.๒๙๕ Airbus C295W ที่กองทัพบกไทยจัดหามาแล้ว ๒เครื่องปัจจุบันประจำการ ณ กองพันบินที่๒๑ กรมบิน ศูนย์การบินทหารบก ศบบ.(21st Aviation Battalion, Aviation Regiment, Army Aviation Center)
เป็นที่เข้าใจว่ากองทัพบกไทยมีความต้องการเครื่องบินลำเลียงขนาดกลางทั้งหมดรวม ๔เครื่อง ทำให้เมื่อได้รับมอบเครื่องบินลำเลียง บ.ล.๒๙๕ C295W เครื่องที่สามที่จะทำให้จำนวนเครื่องล่าสุดรวมเป็น ๓เครื่อง กองทัพบกไทยอาจจะมีการสั่งจัดหาเพิ่มเติมอีก ๑เครื่องถ้าได้รับงบประมาณเพียงพอ

กองทัพบกไทยได้ใช้เครื่องบินลำเลียง บ.ล.๒๙๕ C295W ในการสนับสนุนภารกิจต่างๆของตนเช่น การฝึกการส่งทางอากาศ โดดร่มสายตรึงประจำที่(static line) และโดดร่มกระตุกเอง(free fall) ของโรงเรียนสงครามพิเศษ(Special Warfare School) ศูนย์สงครามพิเศษ(Special Warfare Center)
รวมถึงการขนส่งสัมภาระทั้งอาหาร, เวชภัณฑ์ และสิ่งอุปกรณ์อื่นๆเพื่อสนับสนุนการช่วยเหลือประชาชนในการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและบรรเทาสาธารณภัย(HADR: Humanitarian Assistance and Disaster Relief) นับว่าเป็นอากาศยานแบบหนึ่งที่มีความคุ้มค่าในการใช้งานอย่างมาก

ตามข้อมูลจากบริษัท Airbus ยุโรป เครื่องบินลำเลียง C295 ที่มีสายการผลิตตั้งแต่ปี 1997 รวมถึงรุ่น C295W ที่ถูกเปิดตัวในปี 2013 มีคำสั่งซื้อจากประเทศต่างๆทั่วโลก ๓๖ประเทศแล้วถึง ๒๘๓เครื่อง ถูกส่งมอบแล้ว ๒๑๓เครื่อง และเข้าประจำการแล้ว ๒๑๑เครื่องในเดือนตุลาคม 2023
นอกจากภารกิจลำเลียงขนส่งทางอากาศแล้ว C295 ยังสามารถนำมาใช้เป็นเครื่องบินดับเพลิง(firefighting), เครื่องบินลาดตระเวนทางทะเล(maritime patrol) เครื่องบินแจ้งเตือนทางอากาศและควบคุม(airborne warning) และเครื่องบินโจมตีติดอาวุธ(gunship) เป็นต้นได้ด้วยครับ(https://aagth1.blogspot.com/2023/01/airbus-c295-mpa-2023.html)

วันจันทร์ที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2566

KAI เกาหลีใต้ปรับปรุงแนวคิดทีมอากาศยานไร้คนขับ MUM-T สำหรับเครื่องบินขับไล่ KF-21

ADEX 2023: KAI updates MUM-T concept for KF-21



KAI's two-tiered combat MUM-T concept involves a formation of four unmanned fighters paired with a single KAI KF-21 fighter aircraft with an additional three to four smaller air-launched effects (designated by KAI as Adaptable Aerial Platforms) providing additional support. (Janes)

ADEX 2023: KAI optimistic of Indonesia's ability to fulfil KF-21 cost-share agreement

Indonesia's delays in payments towards the joint development of the KAI KF-21 4.5-generation fighter programme has been of concern to the South Korean government. (DAPA/KAI)



หลังเปิดตัวโครงการเครื่องบินขับไล่ไร้คนขับ(หรือ 'คู่บินภักดี' loyal wingman) ในการสนับสนุนเครื่องบินขับไล่ KF-21 ในเดือนพฤษภาคม 2023(https://aagth1.blogspot.com/2023/07/kf-21-006.html)
เจ้าหน้าที่บริษัท Korea Aerospace Industries(KAI) สาธารณรัฐเกาหลีสองรายกล่าวกับ Janes ว่าบริษัทยังกำลังวางแนวคิดอากาศยานไร้คนขับปล่อยทางอากาศ Air-Launched Effect(ALE) ที่จะเชื่อมโยงกับเครื่องบินขับไล่ไร้คนขับ

ภายใต้การพัฒนาสองขั้นของระบบทีมมีคนบังคับ-ไร้คนขับ(MUM-T: Manned-Unmanned Teaming) ระบบ ALE ซึ่งเรียกว่า 'ระบบทางอากาศแบบปรับเปลี่ยนได้' Adaptable Aerial Platform(AAP) จะขึ้นตรงต่อเครื่องบินขับไล่ไร้คนขับที่ขนาดใหญ่กว่า
แนวคิดนี้ได้ถูกเปิดเผยระหว่างงานแสดงการบินและกลาโหมนานาชาติ International Aerospace & Defense Exhibition 2023 (ADEX 2023) ในนครหลวง Seoul ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 17-22 ตุลาคม 2023

บริษัท KAI สาธารณรัฐเกาหลีกล่าวกับ Janes ในเดือนพฤษภาคม 2023 ว่าการพัฒนาของคู่บินภักดี loyal wingman ได้เริ่มต้นในเดือนพฤษภาคม 2023 นั้น แต่ "แผนนั้นยังคงมีการประเมินการพัฒนาอยู่"
แนวคิดที่ได้รับการปรับปรุงแล้วขณะนี้ประกอบด้วยการจับคู่ อากาศยานไร้คนขับ loyal wingman จำนวน 4เครื่องกับเครื่องบินขับไล่ KF-21 จำนวน 1เครื่อง โดยระบบอากาศยานไร้คนขับ AAP จำนวน 3-4เครื่องจับคู่กับเครื่องบินขับไล่ไร้คนขับแต่ละเครื่อง

นี่จะเป็นการลดความเสี่ยงต่อเครื่องบินขับไล่แบบมีคนขับและเครื่องบินขับไล่ไร้คนขับ(loyal wingmen) ภายในรูปขบวนหมู่บินฝ่ายเดียวกัน "ตามที่เครื่องบินขับไล่ไร้คนขับจะยังเป็นระบบที่มีราคาแพง
เรามองที่ลดความเสี่ยงให้ต่ำที่สุดต่อระบบโดยการเพิ่ม AAP เพื่อจะดำเนินการปฏิบัติการเหนือพื้นที่การรบที่อันตรายโดยเฉพาะ" สองเจ้าหน้าที่บริษัท KAI ซึ่งเป็นสมาชิกของทีมโครงการ KF-21 กล่าว

"รูปขบวนของอากาศยานไร้คนขับ AAP จำนวน 3-4เครื่องต่อเครื่องบินขับไล่จะถูกใช้สำหรับภารกิจต่างๆอย่างเช่น การก่อกวนสัญญาณ(jamming), การเป็นเป้าลวง(decoying), การรวบรวมข่าวกรอง และการโจมตี
ระบบอากาศยานไร้คนขับ AAP จะถูกวางตำแหน่งนำหน้าเครื่องบินขับไล่ไร้คนขับเมื่อรูปขบวนหมู่บินกำลังปฏิบัติการในพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูง" สองเจ้าหน้าที่ KAI กล่าวเสริม

ท่ามกลางความกังลเกี่ยวกับความล่าช้าของอินโดนีเซียในการตรงต่อภาระผูกพันการแบ่งปันค่าใช้จ่ายของตนสำหรับโครงการเครื่องบินขับไล่ยุคที่ 4.5 KAI KF-21 Boromae(https://aagth1.blogspot.com/2023/10/dapa-kf-21.html)
เจ้าหน้าที่บริษัท KAI กล่าวในงานแสดงการบินและกลาโหมนานาชาติ ADEX 2023 ว่าการประชุมล่าสุดระหว่าเจ้าหน้าที่กลาโหมสาธารณรัฐเกาหลีและอินโดนีเซียได้ออกจากห้องในทางที่ดีแล้ว(https://aagth1.blogspot.com/2023/07/kf-21.html)

ตามข้อมูลจากเจ้าหน้าที่บริษัท KAI รัฐมนตรีกลาโหมอินโดนีเซีย Prabowo Subianto ได้ให้การรับประกันแก่ Eom Dong-hwan รัฐมนตรีสำนักงานโครงการจัดหากลาโหม(DAPA: Defense Acquisition Program Administration) สาธารณรัฐเกาหลีว่า
รัฐบาลอินโดนีเซียใน Jakarta จะเคารพข้อตกลงทางการเงินต่อโครงการ Janes ได้รายงานก่อนหน้านี้ว่า การประชุมระหว่าง Eom และ Subianto ได้มีขึ้นเมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2023 อย่างไรก็ตามกระทรวงกลาโหมอินโดนีเซียไม่ได้ให้รายละเอียดเฉพาะในสิ่งที่ตามมาของการประชุมนั้น

เจ้าหน้าที่ที่เป็นสมาชิกทีมพัฒนาเครื่องบินขับไล่ KAI KF-21 กล่าวกับ Janes ระหว่างานแสดง ADEX 2023 เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2023 ว่า อินโดนีเซียยังคงเป็นหนี้วงเงิน 1 trillion Korean Won($739 million) ต่อโครงการในฐานะส่วนหนึ่งของข้อตกลงการแบ่งปันค่าใช้จ่ายของตน
สาธารณรัฐเกาหลีมีไม่กี่ทางเลือกถ้าอินโดนีเซียไม่สามารถชำระการแบ่งปันค่าใช้จ่ายร้อยละ20 สำหรับการพัฒนาร่วมของเครื่องบินขับไล่ KF-21 ได้(https://aagth1.blogspot.com/2023/04/kf-21.html, https://aagth1.blogspot.com/2023/01/kf-21.html)

ในรูปแบบทางการเงินเดิมของข้อตกลงการแบ่งปันค่าใช้จ่าย รัฐบาลสาธารณรัฐเกาหลีครอบคลุมร้อยละ60 ของค่าใช้จ่ายการพัฒนา ภาระผูกผันทางการเงินของบริษัท KAI ต่อการพัฒนาร่วมอยู่ที่ร้อยละ20 
และค่าใช้จ่ายโครงการทั้งหมดอยู่ที่ 8.8 trillion Korean Won($6.73 billion) เจ้าหน้าที่ KAI กล่าวว่าการประเมินข้อตกลงการแบ่งปันค่าใช้จ่ายใหม่ขณะนี้มีความเป็นไปได้จากความล่าช้าในการชำระค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมของรัฐบาลอินโดนีเซียใน Jakarta

ภายใต้ข้อตกลงปัจจุบัน การมีส่วนร่วมการแบ่งปันค่าใช้จ่ายของอินโดนีเซียทำให้อินโดนีเซียเข้าถึงการพัฒนาร่วมกันสี่ด้านของวิศวกรรม, การผลิต และขั้นระยะการพัฒนาทางวิศวกรรมและการผลิต(EMD: Engineering and Manufacturing Development) ของโครงการ KF-21
แหล่งข่าวจาก PT Dirgantara Indonesia(PTDI) รัฐวิสาหกิจผู้ผลิตอากาศยานของอินโดนีเซียกล่าวกับ Janes ว่า "อินโดนีเซียยังคงมุ่งมั่นที่จะเดินหน้าการพัฒนาร่วมของ...โครงการ" และได้ชำระค่าใช้จ่ายไปร้อยละ21 ของส่วนแบ่งค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นของตนจนถึงเดือนมิถุนายน 2023 แล้วครับ

วันอาทิตย์ที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2566

กองทัพอากาศไทยทำพิธีปิดโครงการปรับปรุงขีดความสามารถเครื่องบินโจมตีและธุรการ บ.จธ.๒ AU-23A








Royal Thai Air Force (RTAF) held closing ceremony of modernized programme for Fairchild AU-23A Peacemaker armed gunship, counter-insurgency and utility transport aircraft of 501st Squadron, Wing 5 5 RTAF base in Prachuap Khiri Khan Province on 18 September 2023, Thai Aviation Industries (TAI) as primary contractor announced on its Facebook page on 17 October 2023. (Royal Thai Air Force/Thai Aviation Industries)

TAI  เข้าร่วมพิธีปิดโครงการปรับปรุงขีดความสามารถเครื่องบินโจมตีและธุรการแบบที่ 2 (AU-23A)
นาวาอากาศเอก วิถีชัย แสงโทโพธิ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท อุตสาหกรรมการบิน จำกัด เป็นผู้แทนเข้าร่วมพิธีปิดโครงการปรับปรุงขีดความสามารถเครื่องบินโจมตีและธุรการแบบที่ 2 (AU-23A) โดยมี พลอากาศโท ไวพจน์ เกิงฝาก รองเสนาธิการทหารอากาศ เป็นประธานในพิธี 
ในโอกาสนี้ นาวาอากาศเอก สิทธิรัตน์ พู่ทรงชัย ผู้บังคับการกองบิน 5 ให้การต้อนรับคณะฯ เนื่องในโอกาสเดินทางมาร่วมในพิธีปิดโครงการฯ โดยมีหัวหน้าหน่วยขึ้นตรง ข้าราชการ ลูกจ้าง และพนักงานราชการกองบิน 5 เข้าร่วมพิธี 
ณ โรงจอดอากาศยาน ฝูงบิน 501 กองบิน 5 ตำบลเกาะหลัก อำเภอเมืองประจวบคีรีขันธ์ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2566

กองทัพอากาศไทย(RTAF: Royal Thai Air Force) ได้ทำพิธีปิดโครงการปรับปรุงขีดความสามารถเครื่องบินโจมตีและธุรการแบบที่๒ บ.จธ.๒ Fairchild AU-23A Peacemaker ณ โรงเก็บอากาศยานของ ฝูงบิน๕๐๑ กองบิน๕ จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เมื่อวันที่ ๑๘ กันยายน พ.ศ.๒๕๖๖(2023)
บริษัท อุตสาหกรรมการบิน จำกัด(TAI: Thai Aviation Industries) ไทยผู้รับสัญญาหลักได้ประกาศเหตุการณ์สำคัญให้หลังใน page Facebook ของตนเมื่อวันที่ ๑๗ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๖๖ ให้หลังจากที่กองบิน๕ ประกาศในสื่อสังคม Online ของตนเมื่อวันที่ ๑๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๖๖

กรมช่างอากาศ(Directorate of Aeronautical Engineering) กองทัพอากาศไทยประกาศถึงการบริการสนับสนุนโครงการปรับปรุงขีดความสามารถเครื่องบินโจมตีและธุรการ บ.จธ.๒ AU-23A จำนวน ๑๔เครื่อง วงเงิน ๖๐,๐๐๐,๐๐๐บาท($1,998,781) เมื่อวันที่ ๑๒ มกราคม พ.ศ.๒๕๖๔(2021)
ซึ่งดำเนินการโดยบริษัท TAI ไทย และบริษัท RV Connex ไทย พิธีปิดโครงการปรับปรุงขีดความสามารถ บ.จธ.๒ AU-23A เมื่อวันที่ ๑๘ กันยายน ๒๕๖๖ เป็นเครื่องหมายแสดงถึงว่าโครงการได้เสร็จสิ้นลงก่อนสิ้นสุดปีงบประมาณ พ.ศ.๒๕๖๖ ในวันที่ ๓๐ กันยายน พ.ศ.๒๕๖๖ ที่ผ่านมา

เครื่องบินโจมตีและธุรการ บ.จธ.๒ AU-23A จำนวน ๑๔เครื่องที่ผ่านการปรับปรุงขีดความสามารถได้รับการติดตั้งด้วยห้องนักบินจอแสดงผลสี ๔จอ ระบบตรวจสอบสภาพอากาศแบบ real -time และช่วยการบินขึ้นลงในเวลากลางคืน และระบบ Avionics ใหม่อื่นๆ 
การฝึกนักบินพร้อมรบ ระบบเครื่องจำลองการบิน Virtual reality(VR) Flight Simulator การสนับสนุนการบำรุงรักษาและความพร้อมของฝูงบิน๕๐๑ ยังคงมีอย่างต่อเนื่องในเดือนตุลาคม พ.ศ.๒๕๖๖ บ.จธ.๒ AU-23A ที่ปรับปรุงความสมัยแล้วจะประจำการไปต่อได้อีก ๑๕ปีหรือราวปี พ.ศ.๒๕๘๐(2037)

เครื่องบินโจมตีและธุรการแบบที่๒ บ.จธ.๒ Fairchild AU-23A Peacemaker ได้บรรจุเข้าประจำการในกองทัพอากาศไทย เมื่อวันที่ ๑๔ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๑๕(1972) ซึ่งกองทัพอากาศไทยเป็นผู้ใช้งานรายเดียวและรายสุดท้ายของโลกสำหรับเครื่องบินแบบนี้
ตลอดระยะเวลาเกือบ ๕๑ปีที่เข้าประจำการ บ.จธ.๒ AU-23A ได้ผ่านการปฏิบัติภารกิจทั่วไทยมาหลากหลายรูปแบบทั้งในยามสงครามและยามสงบ โดยโครงการปรับปรุงยังเป็นการสนับสนุนภาคอุตสาหกรรมการบินของไทยด้วยครับ(https://aagth1.blogspot.com/2022/11/au-23a.html)

วันเสาร์ที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2566

ฟิลิปปินส์จะจัดหาเครื่องบินลำเลียง C-130J-30 สหรัฐฯใหม่ 3เครื่อง

Philippines to procure three C-130J-30 transport aircraft





A Lockheed Martin C-130J-30 transport aircraft performs a tactical take-off from an unprepared runway. (Lockheed Martin Aeronautics)

กระทรวงกลาโหมฟิลิปปินส์ในนครหลวง Manila ได้ประกาศแผนที่จะจัดหาเครื่องบิรลำเลียงขนาดกลาง Lockheed Martin C-130J-30 Super Hercules จำนวน 3เครื่องสำหรับกองทัพอากาศฟิลิปปินส์(PAF: Philippine Air Force)
กระทรวงกลาโหมฟิลิปปินส์กล่าวเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2023 ว่าตนออกเอกสาร 'การแจ้งเพื่อดำเนินการ'(notice to proceed) ด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและประกาศโครงการแก่บริษัท Lockheed Martin สหรัฐฯ

เอกสารแจ้งกล่าวว่าส่งมอบเครื่องบินลำเลียง C-130J-30 Super Hercules สามเครื่องมีกำหนดในเดือนกรกฎาคม 2026, เดือนตุลาคม 2026 และเดือนมกราคม 2027 ตามลำดับ
เครื่องบินลำเลียง C-130J-30 ใหม่จะเสริมฝูงบินเครื่องบินลำเลียง C-130 หลายรุ่นที่กองทัพอากาศฟิลิปปินส์มีประจำการอยู่(https://aagth1.blogspot.com/2021/02/29b-s-70i.html, https://aagth1.blogspot.com/2021/02/c-130h.html)

โฆษกกระทรวงกลาโหมฟิลิปปินส์ Arsenio Andolong กล่าวว่า "พื้นที่บรรทุกสัมภาระเพิ่มเติมของเครื่องบินลำเลียง C-130J-30 ที่ควบคู่ไปความน่าเชื่อถือของเครื่องบินลำเลียง C-130 ที่เรามีในฝูงบินปัจจุบันจะมอบความยืดหยุ่นการปฏิบัติอย่างมหาศาลแก่กองทัพอากาศเรา
คุณสมบัติต่างเหล่านี้มอบอำนาจแก่กองทัพอากาศฟิลิปปินส์ของเราที่จะตรงความต้องการภารกิจทางยุทธวิธีต่างๆของกองทัพฟิลิปปินส์(AFP: Armed Forces of the Philippines) อย่างมีประสิทธิมากขึ้น" เขาเสริม

มูลค่าของวงเงินสัญญาไม่ได้ถููกเปิดเผย แต่สำนักข่าว Philippine News Agency(PNA) ทางการของรัฐบาลฟิลิปปินส์ระบุว่าอยู่ที่วงเงินราว 22.2 billion Philippine Peso($390 million)
บริษัท Lockheed Martin ยืนยันข้อตกลงเมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2023 กล่าวว่าสัญญาจะดำเนินการผ่านกลไกการจัดซื้อรูปแบบการขายเชิงพาณิชย์โดยตรง Direct Commercial Sale(DCS) ของสหรัฐฯ

ณ เวลาที่บทความนี้เผยแพร่ กองทัพอากาศฟิลิปปินส์ไม่ได้ตอบสนองต่อการร้องของการตอบคำถามจาก Janes เกี่ยวกับการจัดซื้อจัดจ้างเครื่องบินลำเลียง C-130J-30 ในตอนนี้
ฟิลิปปินส์จะเป็นลูกค้าส่งออกล่าสุดในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกสำหรับเครื่องบินลำเลียง C-130J-30 ต่อจากอินโดนีเซียที่สั่งจัดหาจำนวน 5เครื่องซึ่งกำลังอยู่ระหว่างการส่งมอบ(https://aagth1.blogspot.com/2023/03/c-130j-30.html)

ตามข้อมูลจาก Janes World Air Forces กองทัพอากาศฟิลิปปินส์มีประจำการด้วยเครื่องบินลำเลียง C-130 Hecules รวม 4เครื่องประกอบด้วยเครื่องบินลำเลียง C-130T จำนวน 2เครื่อง, เครื่องบินลำเลียง C-130B จำนวน 1เครื่อง และ C-130H จำนวน 1เครื่อง
C-130B และ C-130T นั้นคาดว่าจะถูกปลดประจำการลงจากอายุการใช้งาน โดยกองทัพอากาศฟิลิปปินส์ได้รับมอบเครื่องบินลำเลียง C-130H มือสองจำนวน 2เครื่อง และกำลังสั่งจัดหา C-130H มือสองจากสหรัฐฯเพิ่มอีก 4เครื่องครับ

วันศุกร์ที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2566

ญี่ปุ่นทำพิธีปล่อยเรือดำน้ำชั้น Taigei ลำที่สี่ลงน้ำ SS-516 Raigei

Japan Launches Fourth Taigei-Class Submarine for JMSDF 















Launch of Taigei-class submarine SS-516 Raigei. Picture by Japan Maritime Self-Defense Force and local photographer.



อู่เรือบริษัท Kawasaki Heavy Industries(KHI) ญี่ปุ่นได้ทำพิธีปล่อยเรือลงน้ำของเรือดำน้ำโจมตีดีเซล-ไฟฟ้า(SSK)ชั้น Taigei ลำที่สี่ เรือดำน้ำ SS-516 JS Raigei สำหรับกองกำลังป้องกันตนเองทางทะเลญี่ปุ่น(JMSDF: Japan Maritime Self-Defense Force)
เรือดำน้ำชั้น Taigei ลำที่สี่ เรือดำน้ำ SS-516 Raigei ระวางขับน้ำ 3,000tonne ได้ถูกปล่อยลงสู่น้ำเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2023 ในพิธีที่จัดขึ้น ณ อู่เรือของบริษัท KHI ญี่ปุ่นในเมือง Kobe และจะใช้เครื่องยนต์ดีเซล Kawasaki 12V 25/31 รุ่นใหม่ที่ให้กำลังขับสูงเป็นครั้งแรก

เรือดำน้ำ SS-516 JS Raigei ซึ่งมีราคาในการสร้างเรือที่ 70.2 billion yen($470 million) คาดว่าจะเข้าประจำการในกองกำลังป้องกันตนเองทางทะเลญี่ปุ่นได้ในเดือนมีนาคม 2025
"Raigei"(らいげい, 雷鯨) มีความหมายว่า 'วาฬสายฟ้า'(thunder whale) ในภาษาญี่ปุ่น เรือดำน้ำชั้น Taigei ทั้งหมดได้นำคำว่า "Gei"(鯨, วาฬ, whale) ในภาษาญี่ปุ่นมาตั้งเป็นชื่อเรือ โดยตัวคำว่า "Taigei"(たいげい, 大鯨) มีความหมายว่า 'วาฬใหญ่'(big whale) 
เช่นเดียวกับเรือดำน้ำชั้น Oyashio ที่ใช้คำว่า "Shio"(潮, กระแสน้ำ, tide) และเรือดำน้ำชั้น Soryu ที่ใช้คำว่า "Ryu"(龍, มังกร, dragon) มาใช้ประกอบในตั้งเป็นชื่อเรือที่เข้าประจำการในกองกำลังป้องกันตนเองทางทะเลญี่ปุ่นก่อนหน้า

ตามข้อมูลจากกองกำลังป้องกันตนเองทางทะเลญี่ปุ่น เรือดำน้ำ SS-516 Raigei ใหม่มีกำลังพลประจำเรือประมาณ 70นาย มีความยาวเรือรวมที่ 84m, ความกว้าง 9.1m กินน้ำลึก 10.4m และมีระวางขับน้ำปกติที่ราว 3,000tonnes
เรือดำน้ำชั้น Taigei มีขนาดใหญ่กว่าเรือดำน้ำโจมตีดีเซล-ไฟฟ้า(SSK)ชั้น Soryu รุ่นก่อนหน้าซึ่งมีระวางขับน้ำปกติที่ 2,950tonnes เล็กน้อย(https://aagth1.blogspot.com/2021/03/soryu-12-ss-512-toryu.html)
เรือดำน้ำชั้น Taigei เป็นเรือดำน้ำชั้นแรกของญี่ปุ่นที่มีคุณสมบัติพื้นที่ห้องภายในเรือสำหรับทหารที่เป็นสุภาพสตรี เช่น พื้นที่พักอาศัยที่รองรับทหารเรือหญิง 6คน ตามข้อมูลจากกองกำลังป้องกันตนเองทางทะเลญี่ปุ่น

จนถึงเรือดำน้ำชั้น Taigei ลำที่สาม เรือดำน้ำ SS-515 JS Jingei เครื่องยนต์ดีเซลกำเนิดพลังงานไฟฟ้า Kawasaki 12V 25/25SB สองเครื่องได้ถูกใช้เป็นเครื่องยนต์หลัก แต่เรือดำน้ำ JS Raigei จะใช้เครื่องยนต์ดีเซลกำเนิดพลังงานไฟฟ้า Kawasaki 12V 25/31 ใหม่ที่มีกำลังขับสูงเป็นครั้งแรก
เครื่องยนต์ดีเซลใหม่เหล่านี้มีความเข้ากันได้กับระบบท่อรับอากาศเข้า snorkel แบบใหม่ด้วยการเพิ่มขยายการกำเนิดพลังงานไฟฟ้าที่มีประสิทธิภาพ ยังไม่เป็นที่ชัดเจนว่าระบบเครื่องยนต์ใหม่นี้จะเพิ่มกำลังขับเพลาใบจักร mortor ไฟฟ้าของเรือหรือไม่
โดยเครื่องยนต์ดีเซลกำเนิดพลังงานไฟฟ้า Kawasaki 12V 25/25SB ที่ใช้ในเรือดำน้ำชั้น Taigei ปัจจุบันสามารถสร้างพลังงานให้ mortor ไฟฟ้าขับเพลาใบจักรได้ที่ 6,000hp เช่นเดียวกับทำความเร็วขณะดำใต้น้ำได้สูงสุดที่ 20knots

กองกำลังป้องกันตนเองทางทะเลญี่ปุ่นกล่าวว่าเรือดำน้ำชั้น Taigei ติดตั้งด้วยแหล่งกักเก็บพลังงาน battery แบบ Lithium-ion แทนที่ battey แบบตะกั่ว-กรด lead-acid เดิมเช่นเดียวกับเรือดำน้ำชั้น Soryu สองลำสุดท้ายเรือดำน้ำ SS-511 JS Oryu และเรือดำน้ำ SS-512 JS Toryu
บริษัท GS Yuasa ญี่ปุ่นใน Kyoto ผู้พัฒนาและผลิตระบบ battery ได้ส่งมอบ lithium-ion battery แก่เรือดำน้ำใหม่เหล่านี้ จนถึงตอนนี้ญี่ปุ่นเป็นประเทศเดียวที่เป็นที่ทราบว่าได้ติดตั้ง lithium-ion battery ในเรือดำน้ำโจมตีดีเซล-ไฟฟ้า SSK ของตน
สาธารณรัฐเกาหลีถูกคาดว่าจะเป็นประเทศต่อไปที่จะใช้ lithium-ion battery ดังกล่าวกับเรือดำน้ำชั้น Dosan Ahn Chang-ho รุ่น KSS-III Batch II ของตน(https://aagth1.blogspot.com/2023/09/hanwha-ocean-kss-iii.html)

เรือดำน้ำชั้น Taigei ยังได้รับการติดตั้งด้วยระบบอำนวยการรบ(CMS: Combat Management System) แบบใหม่ที่ผสมผสานระบบตรวจจับบูรณาการขั้นก้าวหน้า, ระบบควบคุมและบัญชาการ และระบบการโจมตีด้วยอาวุธ กระทรวงกลาโหมญี่ปุ่นกล่าว
นอกจากนี้เรือดำน้ำชั้น Taigei ยังนำระบบท่อ snorkel แบบเพิ่มขยายความสามารถเพื่อลดการแพร่สัญญาณ และระบบ sonar รุ่นใหม่ที่มีพื้นฐานจากวิทยาการ fiber-optic array เพื่อเพิ่มขยายขีดความสามรรถการตรวจจับ

เรือดำน้ำชั้น Taigei ติดตั้งระบบมาตรการต่อต้าน torpedo แบบเดียวกับที่ใช้งานในเรือดำน้ำชั้น soryu สี่ลำสุดท้าย เป็นที่คาดว่าเรือดำน้ำชั้น Taigei จะใช้ torpedo หนักแบบ Type 18 รุ่นใหม่ล่าสุดของญี่ปุ่นที่มาแทนที่ torpedo หนัก Type 89
torpedo แบบ Type 18 ใหม่จะมีคุณสมบัติที่เพิ่มขึ้นหลายด้านรวมถึงระบบขับเคลื่อน การจับเป้าหมาย และการประมวลผล เรือดำน้ำชั้น Taigei ยังสามารถใช้งานอาวุธปล่อยนำวิถีต่อต้านเรือผิวน้ำ Boeing UGM-84L Harpoon Block II ต่อเป้าหมายผิวน้ำได้ด้วย
อาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่พื้นต่อต้านเรือผิวน้ำยิงจากเรือดำน้ำใต้น้ำ UGM-84L Harpoon Block II มีระยะยิงที่ 248km เพียงพอที่จะมอบขีดความสามารถ "การโจมตีตอบโต้"(counterattack) แก่ญี่ปุ่น

เรือดำน้ำชั้น Taigei ลำแรกเรือดำน้ำ SS-513 Taigei เข้าประจำการในเดือนมีนาคม 2022(https://aagth1.blogspot.com/2022/03/taigei-ss-513-taigei.html
เรือดำน้ำชั้น Taigei ลำที่สอง เรือดำน้ำ SS-514 JS Hakugei เข้าประจำการในเดือนมีนาคม 2023(https://aagth1.blogspot.com/2023/03/taigei-ss-514-hakugei.html)
เรือดำน้ำชั้น Taigei ลำที่สาม เรือดำน้ำ SS-515 JS Jingei ถูกปล่อยลงน้ำในเดือนตุลาคม 2022(https://aagth1.blogspot.com/2022/10/taigei-ss-515-jingei.html) คาดว่าจะเข้าประจำการในเดือนมีนาคม 2024 ครับ

วันพฤหัสบดีที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2566

กองทัพเรือเนเธอร์แลนด์ปลดประจำการเรือดำน้ำชั้น Walrus ลำแรก S802 HNLMS Walrus

Dutch navy retires first Walrus submarine




HNLMS Walrus was formally decommissioned on 12 October after 31 years of service. (Dutch MoD)

กองทัพเรือเนเธอร์แลนด์(RNLN: Royal Netherlands Navy, Koninklijke Marine) ได้ปลดระวางประจำการเรือดำน้ำโจมตีดีเซล-ไฟฟ้า(SSK) ชั้น Walrus ลำแรกของตนแล้ว(https://aagth1.blogspot.com/2022/04/walrus.html)
เรือดำน้ำ S802 HNLMS Walrus เรือลำแรกของเรือดำน้ำชั้น Walrus จำนวน 4ลำที่ประจำการโดยกองทัพเรือเนเธอร์แลนด์ ได้ถูกปลดประจำการอย่างเป็นทางการระหว่างพิธีที่จัดขึ้นใน Den Helder เนเธอร์แลนด์เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2023

การประกาศเหตุการณ์สำคัญในวันเดียวกัน 12 ตุลาคม 2023 กระทรวงกลาโหมเนเธอร์แลนด์กล่าว่าพิธีปลดประจำการเป็นเครื่องหมายถึง "ทั้งจุดสิ้นสุดของยุคสมัยและการเริ่มต้นของบทใหม่" 
ตามที่กองทัพเรือเนเธอร์แลนด์กำลังเดินหน้าแผนของตนที่จะจัดหาเรือดำน้ำใหม่จำนวน 4ลำสำหนับทดแทนเรือดำน้ำชั้น Walrus ที่เข้าประจำการในช่วงระหว่างปี 1990-1994

ในต้นปี 2024 กระทรวงกลาโหมเนเธอร์แลนด์กำลังวางแผนที่จะประกาศว่าอู่เรือรายใดจะเป็นผู้สร้างเรือดำน้ำใหม่ที่จะแทนที่เรือดำน้ำชั้น Walrus(https://aagth1.blogspot.com/2023/07/saab-c718.html)
ขณะเดียวกันเรือดำน้ำ S802 HNLMS Walrus จะถูกใช้ในฐานแหล่งชิ้นส่วนอะไหล่เพื่อคงการปฏิบัติการของเรือที่เหลือสามลำคือ เรือดำน้ำ S803 HNLMS Zeeleeuw, เรือดำน้ำ S808 HNLMS Dolfijn และเรือดำน้ำ S810 HNLMS Bruinvis

"การปลดประจำการเรือดำน้ำ HNLMS Walrus จะช่วยกองทัพเรือเนเธอร์แลนด์ที่จะมุ่งความสนใจในอนาคตไม่กี่ปีข้างหน้าที่จะมาถึง และอำนวยความสะดวกการบำรุงรักษาสิ่งอุปกรณ์ของเรือที่จะประจำการอยู่" 
นาวาเอก Jeroen van Zanten ผู้บัญชาการกองเรือดำน้ำกองทัพเรือเนเธอร์แลนด์กล่าว(https://aagth1.blogspot.com/2021/11/walrus.html, https://aagth1.blogspot.com/2021/06/2028.html)

ในระยะยาวเรือดำน้ำชั้น Walrus ลำที่สองที่จะยังถูกปลดประจำการตามที่จะถูกใช้สำหรับเป็นอะไหล่เช่นกัน แม้ว่ากำหนดวันปลดประจำการจะยังไม่ถูกตัดสินใจก็ตาม กระทรวงกลาโหมเนเธอร์แลนด์กล่าว
กองทัพเรือเนเธอร์แลนด์จะเดินหน้าที่จะปฏิบัติการเรือดำน้ำชั้น Walrus สองลำเพื่อเป็นสะพานเชื่อมช่องว่างจนกว่าที่เรือดำน้ำใหม่ทดแทนจะถูกนำเข้าประจำการในกองทัพเรือเนเธอร์แลนด์

เรือดำน้ำ S802 HNLMS Walrus ซึ่งเข้าประจำการในปี 1992 ถูกปลดประจำการหลังประจำการมาเป็นเวลา 31ปี ผู้เข้าแข่งขันสามรายจากชาติยุโรปที่มีรายชื่อในโครงการเรือดำน้ำใหม่ทดแทนเรือดำน้ำชั้น Walrus ประกอบด้วย
บริษัท Naval Group ฝรั่งเศสเสนอเรือดำน้ำ Barracuda รุ่นดีเซล-ไฟฟ้า, ทีมบริษัท Saab Kockums สวีเดน-บริษัท Damen เนเธอร์แลนด์เสนอเรือดำน้ำ C718 ที่มีพื้นฐานจากเรือดำน้ำชั้น A26 และบริษัท Thyssenkrupp Marine Systems(TKMS) เยอรมนีเสนอเรือดำน้ำชั้น Type 212CD ครับ

วันพุธที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2566

สาธารณรัฐเช็กเลือกจัดหาเครื่องบินลำเลียง KC-390 บราซิล

Czech Republic selects KC-390 tanker-transport aircraft







An artist's impression of the KC-390 in Czech national livery. (Embraer)

สาธารณรัฐเช็กได้เลือกเครื่องบินลำเลียง Embraer KC-390 Millennium สำหรับความต้องการเครื่องบินลำเลียงขนาดกลางปีกตรึงและเครื่องบินเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศในอนาคตของตน
กระทรวงกลาโหมสาธารณรัฐเช็กและบริษัท Embraer บราซิลผู้ผลิตได้ประกาศการเลือกเมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2023 กล่าวว่าการเจรจาสำหรับเครื่องบินลำเลียงและเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศ KC-390 จำนวน 2เครื่องจะเริ่มต้นขึ้นแล้วตอนนี้

"สาธารณรัฐเช็กตั้งใจที่จะจัดหา KC-390 สองเครื่องที่จะเพิ่มขีดความสามารถการลำเลียงทางอากาศของตนอย่างมีนัยสำคัญ ทำให้กองทัพสาธารณรัฐเช็กสามารถจะปฏิบัติภารกิจต่างๆเช่น 
การขนส่งทางอากาศ, ปฏิบัติการจู่โจมทางอากาศ, การส่งกำลังบำรุงทางอากาศ, การส่งกลับทางสายแพทย์, การช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม, การเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศ และการดับเพลิงด้วยเครื่องบินเหล่านี้" บริษัท Embraer กล่าว

"การเจรจาได้เริ่มต้นขึ้นแล้วด้วยวัตถุประสงค์ของการคาดหวังการลงนามสัญญาจัดหาสำหรับเครื่องบินลำเลียง KC-390 สองเครื่องและการสนับสนุนที่เกี่ยวข้อง ซึ่งรวมถึงแนวทางการฝึกที่สมบูรณ์
สำหรับ นักบิน, เจ้าหน้าที่ควบคุมการบรรทุก loadmaster และช่างอากาศยาน อะไหล่ต่างๆ และแผนการนำเข้าสู่การประจำการปฏิบัติการที่แข็งแกร่งด้วยการมีบุคคลากรของ Embraer ประจำสาธารณรัฐเช็กสำหรับช่วยระยะเวลาแรก" Embraer เสริม

ในเวลาเดียวกับการประกาศ บริษัท Aero Vodochody สาธารณรัฐเช็กกล่าวว่าตนได้ลงนามบันทึกความเข้าใจ(MOU: memorandum of understanding) กับ Embraer บราซิลที่จะมีความร่วมมืออย่างลึกซึ้งในฐานะหุ้นส่วนหลักของโครงการแห่งชาตินี้
"Aero ได้มีความร่วมมือกับ Embraer ผู้ผลิตที่มีชื่อเสียงของบราซิลตั้งแต่ปี 2011 มีการผลิตชิ้นส่วนสำคัญของเครื่องบินลำเลียง C-390 รวมถึงขอบปีก wing leading edge ที่สมบูรณ์, ประตู, ประตู ramp ห้องสัมภาระท้ายเครื่อง และส่วนที่สองของโครงสร้างลำตัวท้ายของ C-390" Aero Vodochody กล่าว

ข้อตกลงการมีส่วนร่วมทางอุตสาหกรรมล่าสุดรวมถึงเหนือสิ่งอื่นใดคือการเพิ่มขึ้นความเป็นไปได้ในการแบ่งปันการผลิตของ Aero สาธารณรัฐเช็กในโครงการ KC-390, การเพิ่มขึ้นของมูลค่าของความร่วมมือที่มีอยู่กับ Embraer บราซิล
และความร่วมมือในการเติมเต็มความต้องการเฉพาะด้านต่างๆของกระทรวงกลาโหมสาธารณรัฐเช็กในความสัมพันธ์ต่อการจัดซื้อจัดจ้างเครื่องบินลำเลียงและเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศ KC-390 ของสาธารณรัฐเช็ก

การเลือกของสาธารณรัฐเช็กมีขึ้นให้หลังเกือบหนึ่งเดือนจากที่ออสเตรียได้เลือกเครื่องบินลำเลียง KC-390 บราซิลสำหรับความต้องการเครื่องบินลำเลียงขนาดกลางปีกตรึงในอนาคตของตนในเดือนกันยายน 2023(https://aagth1.blogspot.com/2023/09/kc-390-c-130k.html)
สาธารณรัฐเช็กจะเข้าร่วมชาติยุโรปที่ได้สั่งจัดหาหรือเลือกที่จะจัดหาเครื่องบินลำเลียง KC-390 ไปแล้วก่อนหน้าคือโปรตุเกส จำนวน 5เครื่อง, ฮังการี จำนวน 2เครื่อง, เนเธอร์แลนด์ จำนวน 5เครื่อง และออสเตรีย จำนวน 4เครื่อง รวมการส่งออกที่เป็นไปได้ล่าสุดถึง 18เครื่องครับ