The FTI may look somewhat similar to this computer rendering. (Image source: Thales video on the new Sea Fire 500 AESA radar)
http://www.navyrecognition.com/index.php?option=com_content&task=view&id=3226
Navy Recognition ได้รับข้อมูลจากงานจัดแสดงอาวุธหลายๆงานในช่วงครึ่งปีหลังนี้ว่า DCNS ฝรั่งเศสมีการพูดคุยกับ Oto Melara อิตาลี, Bofors สวีเดน และ BAE Systems สหราชอาณาจักร
ในการเสนอแบบปืนใหญ่เรือของตนสำหรับติดตั้งบนโครงการเรือฟริเกต FTI ของกองทัพเรือฝรั่งเศส ซึ่งเป็นแบบเรือฟริเกตเอนกประสงค์ขนาด 4,000tons
ที่ออกแบบให้ใช้ระบบทันสมัยเช่นติดตั้ง Phased Array Radar และอื่นๆ ตามความต้องการของกองทัพเรือฝรั่งเศสและส่งออกให้ลูกค้าต่างประเทศ
Oto Melara 127/64 LW naval gun system onboard Italian Navy FREMM Frigate
Picture: Oto Melara
Oto Melara ได้เสนอปืนใหญ่เรือแบบ Oto Melara 127/64 LW ซึ่งเป็นปืนที่มีขนาดใหญ่กว่าปืน Oto Melara 76/62 ที่ติดตั้งบนเรือฟริเกตแบบ FREMM ที่ประจำการในกองทัพเรือฝรั่งเศสปัจจุบัน
โดยทาง Oto Melara เชื่อว่าปืนใหญ่เรือขนาด 127mm ของตนนั้นเป็นตัวเรือที่ยอดเยี่ยมสำหรับเรือฟริเกต FTI ที่ DCNS จะสร้างส่งออกต่างประเทศ
Oto Melara 127/64 LW เป็นปืนใหญ่เรือขนาดกลางที่มีขีเความสามารถในการยิงทำลายเป้าหมายผิวน้ำ เป้หมายทางอากาศ และยิงสนับสนุนชายฝั่ง ด้วยอัตราการยิงสูง
ซึ่งปืนถูกออกแบบมาสำหรับยิงกระสุนนำวิถีตระกูล VULCANO ขนาด 127mm แบบ Ballistic Extended Range (BER) และ Guided Long Range (GLR) พร้อมหัวชนวนหลายรูปแบบ และระบบตรวจจับนำวิถี ที่มีระยะยิงไกลถึง 100km
ปัจจุบันปืนใหญ่เรือ Oto Melara 127/64 LW ได้ถูกเลือกติดตั้งในเรือหลายชั้นเช่น เรือฟริเกต F125 กองทัพเรือเยอรมนี, เรือฟริเกต MEKO A200 กองทัพเรือแอลจีเรีย และเรือฟริเกตชั้น Shivalik และเรือพิฆาตชั้น Delhi กองทัพเรืออินเดีย
57mm MK110 Naval Gun System on BAE Systems booth at Sea Air Space 2015
Bofors ได้เสนอปืนใหญ่เรือ Bofors 57mm Mk3 สำหรับเรือฟริเกต FTI ของกองทัพเรือฝรั่งเศสและเรือรุ่นส่งออก
ซึ่งปืนใหญ่เรือ Bofors 57mm นี่มีระยะยิงสั้นกว่าปืนขนาด 76mm และ 127mm แต่ก็มีอัตราการยิงที่สูงมากคือ 4นัดต่อวินาที และรองรับกระสุน Smart 3P สำหรับการต่อต้านเป้าหมายทุกรูปแบบทั้งผิวน้ำ อากาศ และบนฝั่ง
ปัจจุบันปืนใหญ่เรือ Bofors 57mm Mk3 ได้ถูกเลือกติดตั้งกับเรือของหลายประเทศ เช่น กองทัพเรือสวีเดน, หน่วยยามฝั่งสหรัฐฯ, กองทัพเรือแคนาดา, กองทัพเรือฟินแลนด์ และกองทัพเรือแม็กซิโก
โดยแบบเรือของ DCNS ฝรั่งเศสเองคือแบบเรือฟริเกต Gowind สำหรับกองทัพเรือมาเลเซียก็เลือกติดตั้งปืนใหญ่เรือ Bofors 57mm Mk3
The BAE Systems Mk45 Mod 4 main gun is being fitted on all new-built (or upgraded) US Navy destroyers and cruisers
BAE Systems ได้เสนอปืนใหญ่เรือ Mk45 Mod4 ขนาด 127mm/62cal เป็นระบบที่มีขนาดหนักที่สุดในตัวเลือก แต่ทาง BAE System กล่าวว่าปืนนี้มีขนาดเพียงพอรองรับที่จะติดตั้งบนเรือขนาดเล็กเช่นเรือฟริเกต FTI ที่มีระวางขับน้ำ 4,000tons ได้
ปืนใหญ่เรือ Mk45 ถูกออแบบสำหรับการยิงเป้าหมายได้ทั้งผิวน้ำและทางอากาศ ซึ่งปืนรุ่น Mod4 ที่มีขนาดลำกล้องยาว 62caliber นั้นได้เพิ่มระยะยิงโจมตีต่อเป้าหมายชายฝั่งได้ไกลขึ้น
ปัจจุบันปืนใหญ่เรือ Mk45 ได้ถูกติดตั้งบนเรือรบในกองทัพเรือมากกว่า 10ประเทศทั่วโลกรวมถึงกองทัพเรือสหรัฐฯ และกองกำลังป้องกันตนเองทางทะเลญี่ปุ่น(JMSDF) และยังถูกเลือกเป็นปืนเรือหลักของเรือฟริเกต Type 26 กองทัพเรือสหราชอาณาจักร ในอนาคตด้วย
ทาง DCNS กล่าวว่าขณะนี้ยังไม่ได้มีการเลือกแบบปืนใหญ่เรือสำหรับเรือฟริเกต FTI ที่จะสร้างขึ้นในอนาคต การที่บริษัทที่เป็นหุ้นส่วนด้านอุตสาหกรรมมานำเสนอผลิตภัณฑ์ของตนกับบริษัทก็ถือเป็นเรื่องปกติทางธุรกิจ
โครงการเรือฟริเกต FTI ยังอยู่ในขั้น "ศึกษาการลดความเสี่ยง" ดังนั้นจึงยังเร็วเกินไปที่จะมีการคาดการณ์สิ่งอุปกรณ์ที่จะมีการจัดหาในขณะนี้ต่อ DGA(หน่วยงานด้านจัดหาอาวุธด้านความมั่นคงฝรั่งเศส) และกองทัพเรือฝรั่งเศส
รัฐมนตรีกลาโหมฝรั่งเศส นาย Jean-Yves Le Drian ได้ประกาศเริ่มโครงการเรือฟริเกต FTI เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา
ตามกฏหมายการวางแผนกองทัพฝรั่งเศส กองทัพเรือฝรั่งเศสจะได้รับมอบเรือฟริเกต FREMM 8ลำ ในอนาคต จากแผนเดิมที่เคยตั้งไว้ที่ 11ลำ
โดยเรือฟริเกตแบบ FTI(Fregate de Taille Intermediaire) หรือเรือฟริเกตขนาดกลางจะเริ่มส่งมอบให้กองทัพเรือฝรั่งเศสได้ในปี 2023 โดยมีความต้องการทั้งหมด 5ลำ ครับ