วันพฤหัสบดีที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568

Defense & Security 2025: DTI ไทยจะส่งมอบรถฐานยิงจรวดหลายลำกล้องอเนกประสงค์ D11A ชุดแรกเข้าประจำการในกองทัพบกไทย

Defense & Security 2025: Thailand's D11A passes army trials





Thailand's second D11A prototype is seen displayed at the Defense & Security show in Bangkok. (My Own Photos, Defense and Security, and Royal Thai Marine Corps)

สถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ สปท. DTI(Defence Technology Institute) ของไทยมีกำหนดที่จะส่งมอบรถฐานยิงจรวดหลายลำกล้องอเนกประสงค์ D11A ชุดแรกแก่กองทัพบกไทย(RTA: Royal Thai Army) สำหรับเข้าประจำการเพื่อวางกำลังปฏิบัติการ

เจ้าหน้าที่จาก DTI ไทยกล่าวกับ Janes ณ นิทรรศการแสดงยุทโธปกรณ์และเทคโนโลยีป้องกันประเทศ Defense & Security 2025 ที่ IMPACT เมืองทองธานี กรุงเทพฯ ประเทศไทย ระหว่างวันที่ ๑๐-๑๓ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๖๘(2025) ว่า
รถฐานยิงจรวดหลายลำกล้องอเนกประสงค์ D11A ชุดแรกที่จะถูกส่งมอบได้ผ่านการรับรองจากกองทัพบกไทยเพื่อทำการยิงจรวดพื้นสู่พื้นที่ระยะยิงได้ถึง 40km แล้ว(จรวดนำวิถี Accular ขนาด 122mm)

รถฐานยิงจรวดหลายลำกล้องอเนกประสงค์ D11A ชุดแรกจะถูกส่งมอบให้แก่กองทัพบกไทยภายหลังในเดือนพฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๖๘ ตามหลังการทดสอบและทดลองโดยผู้ใช้งานหลายชุดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งได้รับการดำเนินการโดย 
กองพันทหารปืนใหญ่ที่๗๑๑ กรมทหารปืนใหญ่ที่๗๑ ป.๗๑ พัน.๗๑๑(711th Artillery Battalion, 71st Artillery Regiment) กองพลทหารปืนใหญ่ พล.ป.(Artillery Division) ศูนย์การทหารปืนใหญ่ ศป.(Artillery Center) กองทัพบกไทย ณ ค่ายภูมิพล(Fort Bhumibhol) ในจังหวัดลพบุรี

พร้อมกันนั้น DTI ไทยกำลังพัฒนาและสร้างต้นแบบรถฐานยิงจรวดหลายลำกล้องอเนกประสงค์ D11A ระบบที่สอง ซึ่งได้ถูกจัดแสดง ณ นิทรรศการแสดงยุทโธปกรณ์และเทคโนโลยีป้องกันประเทศ Defense & Security 2025
และต้นแบบรถฐานยิงจรวดหลายลำกล้องอเนกประสงค์ D11A ระบบที่สองมีขีดความสามารถที่จะทำการยิงจรวดพื้นสู่พื้น(จรวดนำวิถี EXTRA ขนาด 306mm) ระยะยิง 150km และ(จรวดนำวิถี Predator Hawk ขนาด 370mm) ระยะยิง 300km

การทดสอบของต้นแบบรถฐานยิงจรวดหลายลำกล้องอเนกประสงค์ D11A ระบบที่สองนี้มีกำหนดจะมีขึ้นในปี พ.ศ.๒๕๖๙(2026) แม้ว่าอุปสรรคขัดขวางที่อาจเป็นไปได้คือการขาดสถานที่การทดสอบภายในไทยที่มีความจำเป็นต้องการพื้นที่เพื่อการทดสอบการยิงจรวดที่มีระยะไกลขึ้น 
เจ้าหน้าที่ DTI ไทยกล่าวว่าการทดสอบของต้นแบบรถฐานยิงจรวดหลายลำกล้องอเนกประสงค์ D11A ระบบที่สองอาจจะมีขึ้นนอกประเทศไทย แต่เขาปฏิเสธที่จะให้รายละเอียดเพิ่มเติม

เจ้าหน้าที่ DTI ไทยยืนยันว่ากองทัพบกไทยมีแผนที่จะจัดหารถฐานยิงจรวดหลายลำกล้องอเนกประสงค์ D11A ระยะที่๑ จำนวน ๖ระบบ โดยมีความเป็นไปได้การจัดซื้อจัดจ้างระยะต่อไปตามมาในปีถัดๆไป
ขณะที่ DTI ไทยกำลังมุ่งมั่นที่จะทำการสร้างต้นแบบรถฐานยิงจรวดหลายลำกล้องอเนกประสงค์ D11A ชุดแรก ๒ระบบ การผลิตของระบบที่จะมีเพิ่มเติมตามมาน่าจะดำเนินการโดยโรงงานการผลิตของกองทัพบกไทย

ความเห็นวิเคราะห์
ก่อนหน้างาน Defense & Security 2025 สถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ สปท. DTI ได้ลงวีดิทัศน์ประชาสัมพันธ์ในสื่อสังคม Online ทางการของตน(https://www.facebook.com/reel/1394919331983722/)
ซึ่งแสดงภาพสั้นๆของการทดสอบยิงจรวดนำวิถี Accular ขนาด 122mm จากต้นแบบรถฐานยิงจรวดหลายลำกล้องอเนกประสงค์ D11A ในไทยที่ระยะยิง 19km ซึ่งน่าจะเป็นที่สนามยิงปืนใหญ่เขาพุโลน ศูนย์การทหารปืนใหญ่ ศป. จังหวัดลพบุรี 

เจ้าหน้าที่ DTI ไทยกล่าวกับผู้เขียน(ผู้แปล) ว่าการดำเนินการทดสอบการยิงจรวดนำวิถีระยะยิงไกลมาที่ต่างประเทศมีความจำเป็นจากข้อจำกัดของสถานที่ในไทย เช่นเดียวกับจรวดหลายลำกล้องนำวิถีพื้นสู่พื้น DTI-1G ขนาด 302mm ที่เป็นผลงานก่อนหน้าของ DTI ไทย
ซึ่งได้ส่งมอบเข้าประจำการในกองร้อยจรวด(Rocket Artillery Battery), กองพันทหารปืนใหญ่ที่๗๑๑, กรมทหารปืนใหญ่ที่๗๑, กองพลทหารปืนใหญ่ กองทัพบกไทยไปแล้วในตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๕๕๙(2016) และมีการทดสอบยิงที่ Inner Mongolia จีนในปี พ.ศ.๒๕๖๗(2024)

มีชุดภาพวีดิทัศน์เผยแพร่วนเวียนในสื่อสังคม Online ของไทยแสดงให้เห็นว่า กองทัพบกไทยได้ทำการยิงจริงของจรวดหลายลำกล้องนำวิถีพื้นสู่พื้น DTI-1G ของตนระหว่างการปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาในเดือนกรกฎาคม พ.ศ.๒๕๖๘
กองทัพบกไทยยังได้ตั้งโครงการจัดซื้อจรวดขนาด 302mm ชนิดระเบิด High Explosive จำนวน ๓๖นัด วงเงิน ๖๕๔,๘๔๐,๐๐๐บาท($20,173,446) จากจีน ซึ่งชัดเจนว่าเป็นจรวดสำหรับจรวดหลายลำกล้องนำวิถีพื้นสู่พื้น DTI-1G

โดยที่กองทัพบกไทยมีแผนจะจัดหา D11A จำนวน ๖ระบบซึ่งมีขนาดหน่วยเป็นหนึ่งกองร้อยจรวดหลายลำกล้อง(rocket artillery battery) DTI ไทยเสริมว่า D11A อาจจะเปิดสายการผลิตได้โดยศูนย์อำนวยการสร้างอาวุธ ศูนย์อุตสาหกรรมป้องกันประเทศและพลังงานทหาร ศอว.ศอพท.(WPC: Weapon Production Center, DIEC: Defence Industry and Energy Center) กระทรวงกลาโหมไทย
ซึ่งได้ทำการผลิตปืนใหญ่อัตตาจรล้อยาง M758 ATMG ขนาด 155mm ส่งมอบให้แก่กองทัพบกไทย และนาวิกโยธินไทย(RTMC: Royal Thai Marine Corps) รวมแล้วกว่า ๔๒ระบบแล้ว ซึ่งในงาน Defense & Security 2025 เจ้าหน้าที่นาวิกโยธินไทยยังได้แสดงความสนใจที่จะจัดหา D11A ที่จะเป็นระบบจรวดหลายลำกล้องแบบแรกของตนด้วยครับ

วันพุธที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568

Defense & Security 2025: Hanwha Ocean เกาหลีใต้เตรียมเสนอเรือฟริเกต Ocean-40F ใหม่แก่กองทัพเรือไทย

Defense & Security 2025: Hanwha Ocean prepares bid for new Thai frigate requirement





Hanwha Ocean displayed a model of its frigate proposal for the RTN at the Defense & Security 2025 show in Bangkok. (My Own Photos and Defense & Security)

บริษัท Hanwha Ocean สาธารณรัฐเกาหลีกำลังเตรียมการเข้าแข่งขันเพื่อให้ตรงความต้องการของกองทัพเรือไทย(RTN: Royal Thai Navy) ที่จะจัดหาเรือฟริเกตอเนกประสงค์ใหม่เพิ่มเติม
Hanwha Ocean สาธารณรัฐเกาหลีได้จัดแสดงแบบจำลองของเรือฟริเกตที่ตนกำลังเสนอสำหรับโครงการเรือฟริเกตสมรรถนะสูงใหม่ลำที่สองของกองทัพเรือไทย

ณ นิทรรศการแสดงยุทโธปกรณ์และเทคโนโลยีป้องกันประเทศ Defense & Security 2025 ที่ IMPACT เมืองทองธานี กรุงเทพฯ ประเทศไทย ระหว่างวันที่ ๑๐-๑๓ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๖๘(2025)
ซึ่งยังได้เห็นการเสนอระบบอาวุธต่างๆที่ถูกติดตั้งบนเรือฟริเกต(https://aagth1.blogspot.com/2025/07/frigate-4000-hanwha-ocean.html, https://aagth1.blogspot.com/2025/05/hanwha-ocean-frigate-4000.html)

Hyunrok Park ผู้จัดการทีมการตลาดสากลเรือรบของบริษัท Hanwha Ocean กล่าวกับ Janes ว่าแบบเรือใหม่ซึ่งบริษัทเรียกว่าเรือฟริเกต Ocean-40F ได้วาดภาพถึงเรือรบที่มีขนาดใหญ่กว่าและมีอำนาจการสังหารมากกว่าเรือฟริเกตชุดเรือหลวงภูมิพลอดุลยเดช
ซึ่ง Hanwha Ocean สาธารณรัฐเกาหลีได้ส่งมอบเรือฟริเกต ร.ล.ภูมิพลอดุลยเดช ให้แก่กองทัพเรือไทยในปี พ.ศ.๒๕๖๑(2018) ภายใต้โครงการเรือฟริเกตสมรรถนะสูง ระยะที่๑ ลำแรก

"การออกแบบใหม่นี้มีพื้นฐานจากเรือฟริเกตลำแรกที่ถูกส่งมอบให้แก่กองทัพเรือไทย แต่เรือฟริเกตใหม่นี้มีขนาดใหญ่กว่าและมีอำนาจการยิงสูงกว่าเปรียบเทียบกับเรือลำแรก(เรือหลวงภูมิพลอดุลยเดช)" Park กล่าว
เขาเสริมว่าแบบเรือฟริเกตใหม่เกิดขึ้นจากผลตอบรับในเรือฟริเกตลำแรก ซึ่ง "ถูกระบุชัดเจนว่ากองทัพเรือไทยต้องการเรือที่ขนาดใหญ่ขึ้นและมีขีดความสามารถมากขึ้นสำหรับโครงการเรือฟริเกตลำที่สองของตน"

ตามข้อมูลจาก Hanwha Ocean สาธารณรัฐเกาหลี แบบเรือฟริเกต Ocean-40F มีความยาวเรือที่ 124m และมีระวางขับน้ำที่ประมาณ 4,000 tonnes(https://aagth1.blogspot.com/2024/12/hanwha-ocean.html)
เรือฟริเกตเรือหลวงภูมิพลอดุลยเดชมีความยาวเรือที่ 123m และมีระวางขับน้ำที่ 3,750tonne และมีกำลังพลประจำเรือพื้นฐานที่ ๑๓๖นาย ขณะที่เรือฟริเกต Ocean-40F ใหม่จะมีกำลังประจำเรือมากกว่าที่ ๑๔๕นาย

ในแบบเรือฟริเกต Ocean-40F ใหม่ อำนาจการยิงได้เพิ่มขึ้นด้วยรวมระบบอาวุธหลายแบบของบริษัท MBDA ยุโรป รวมถึงอาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่พื้น Exocet MM40 Block 3C สองแท่นยิงสี่ท่อยิงรวม ๘นัด
แท่นยิงแนวดิ่ง(VLS: Vertical Launching System) 16-cell สำหรับอาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่อากาศ VL-MICA ๑๖นัด, ระบบป้องกันภัยทางอากาศ SIMBAD(Système Intégré de MISTRAL Bitube d'Auto-Défense) แท่นยิงอาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่อากาศพิสัยใกล้ Mistral

แบบเรือฟริเกต Ocean-40F ใหม่ยังจะได้รับการติดตั้งระบบทางเรือต่างๆจากบริษัท Cohort สหราชอาณาจักร รวมถึงระบบ Sonar แบบ ELAC, แท่นยิง torpedo เบาปราบเรือดำน้ำ SEA Torpedo Launcher System(TLS), ระบบตรวจการณ์, ระบบชี้เป้าหมาย, ระบบควบคุมการยิง และระบบสื่อสาร 
ขณะที่เรือฟริเกตลำแรก(ร.ล.ภูมิพลอดุลยเดช) ติดตั้งระบบอำนวยการรบ(CMS: Combat Management System) แบบ Saab 9LV สวีเดน เรือฟริเกต Ocean-40F ได้เลือกระบบอำนวยการรบ SETIS ของบริษัท Naval Group ฝรั่งเศสในการบูรณาการระบบต่างๆเหล่านี้

ความเห็นวิเคราะห์
กองทัพเรือไทยได้รับการอนุมัติงบประมาณราว ๑,๗๕๐,๐๐๐,๐๐๐บาท($53,796,496) ในปีงบประมาณ พ.ศ.๒๕๖๙(2026) สำหรับโครงการจัดหาเรือฟริเกตสมรรถนะสูงใหม่ จำนวน ๑ ลำ
ซึ่งกองทัพเรือเรือไทยได้ยืนยันความต้องการของตนมาแล้วหลายครั้งว่าต้องการจัดหาเรือฟริเกตใหม่ขั้นต้น จำนวน ๒ลำ และจะมีการต่อเรือในไทยภายใต้ข้อตกลงการถ่ายทอดวิทยาการแก่อุตสาหกรรมต่อเรือของไทย

อย่างไรก็ตามในการสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมของผู้เขียน(ผู้แปล) ตัวแทนบริษัท Hanwha Ocean ได้ปฏิเสธที่จะให้ความเห็นเกี่ยวกับข้อเสนอระบบอาวุธและระบบการรบต่างๆที่แตกต่างจากที่ติดตั้งกับเรือหลวงภูมิพลอดุลยเดชที่กองทัพเรือไทยขึ้ระวางประจำการแล้ว
รวมถึงปฏิเสธที่จะให้ความเห็นเรื่องเครื่องจักรใหญ่ดีเซล MTU 16 V 1163 M94 ของ ร.ล.ภูมิพลอดุลยเดช ที่มีรายงานเกิดขัดข้องจากการออกแบบของเรือ โดยได้มีการตั้งโครงการจัดซื้อเครื่องยนต์ใหม่มาเปลี่ยนแล้วสองเครื่อง

และยังปฏิเสธที่ให้ความเห็นเรื่องการแข่งขันกันเองกับบริษัท HD Hyundai Heavy Industries(HHI) สาธารณรัฐเกาหลี และบริษัท SK Oceanplant สาธารณรัฐเกาหลี ที่ต่างแสดงความสนใจจะเข้าแข่งขันในโครงการเรือฟริเกตใหม่ของกองทัพเรือไทยเช่นกัน
ซึ่งสำนักงานโครงการจัดหากลาโหม(DAPA: Defense Acquisition Program Administration) สาธารณรัฐเกาหลีมองว่าการแข่งขันกันเองของอู่เรือทำให้เสียโอกาสในการแข่งขันการส่งออกทั่วโลกครับ(https://aagth1.blogspot.com/2025/02/hanwha-ocean-hyundai-hd-hhi.html)

วันอังคารที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568

Defense & Security 2025: การส่งมอบเรือดำน้ำ S26T จีนแก่กองทัพเรือไทยเป็นไปตามกำหนดที่วางไว้

Defense & Security 2025: China on track with Thai submarine delivery


The People's Liberation Army Navy (PLAN) Type 039C submarine. (China military)


A model of the S26T diesel-electric submarine that Thailand ordered in 2017 is seen displayed at Defense & Security 2025 in Bangkok. (DEFENSE INFO, Janes/Jon Grevatt)

China State Shipbuilding Corporation(CSSC) กลุ่มรัฐวิสาหกิจผู้สร้างเรือของจีนได้ยืนยันเป็นไปตามกำหนดการที่วางไว้ที่จะส่งมอบเรือดำน้ำโจมตีดีเซล-ไฟฟ้า(SSK) S26T ของกองทัพเรือไทย(RTN: Royal Thai Navy) ที่ถูกสั่งจัดหาภายในสามปี
เจ้าหน้าที่จาก CSSC จีนกล่าวกับ Janes เมื่อวันที่ ๑๐ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๖๘(2025) ณ พิธีเปิดงานนิทรรศการแสดงยุทโธปกรณ์และเทคโนโลยีป้องกันประเทศ Defense & Security 2025 ที่ IMPACT เมืองทองธานี กรุงเทพฯ ประเทศไทย ว่า

ตามเวลาหลายปีของความล่าช้าต่อตัวเลือกเครื่องยนต์ของเรือดำน้ำ โครงการเรือดำน้ำ S26T ของกองทัพเรือไทยกำลังถูกเร่งการดำเนินการให้เร็วขึ้นด้วยการส่งมอบที่คาดว่าจะมีขึ้นภายในสิ้นปี พ.ศ.๒๕๗๑(2028)
"เครื่องยนต์ใหม่ได้รับการอนุมัติอย่างเต็มรูปแบบโดยฝ่ายไทยและกำลังได้รับการติดตั้งเข้ากับเรือดำน้ำใหม่ตามที่ถูกประกาศภายใต้ข้อตกลงล่าสุดของเรา" เจ้าหน้าที่จาก CSSC จีนกล่าว

เขาเสริมว่า CSSC จีนได้จัดการหารือกับกองทัพเรือไทยเกี่ยวกับการส่งมอบเรือดำน้ำ S26T เพิ่มเติมระยะที่๒ และระยะที่๓ สำหรับลำที่สองและลำที่สาม แต่ฝ่ายไทยตัดสินใจเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวว่า
การสั่งจัดหาเพิ่มตามมาน่าจะมีขึ้นให้หลังการส่งมอบเรือดำน้ำ S26T ลำแรก "ผมคิดว่า(กองทัพเรือไทย)ต้องการจะรอและเห็นสมรรถนะของเรือดำน้ำลำแรกก่อน" เจ้าหน้าที่จาก CSSC จีนกล่าว

ในเดือนกันยายน พ.ศ.๒๕๖๘ กองทัพเรือไทยและ China Shipbuilding & Offshore International Co Ltd(CSOC) กิจการการค้าและส่งออกของ CSSC จีน(https://aagth1.blogspot.com/2025/10/blog-post.html)
ได้ลงนามข้อตกลงจ้างสร้างเรือดำน้ำ S26T ฉบับแก้ไขเพิ่มเติมที่เเป็นการขยายยะเวลาการส่งมอบเรือดำน้ำ S26T ระยะที่๑ ลำแรกสำหรับกองทัพเรือไทยไปอีกราว ๔๐เดือน

ข้อตกลงฉบับแก้ไขเพิ่มเติมยังได้ยืนยันว่าเรือดำน้ำ S26T จะใช้ระบบขับเคลื่อนเครื่องยนต์ดีเซลขับเครื่องกำเนิดไฟฟ้า CHD620V16H6 ของจีน(https://aagth1.blogspot.com/2025/08/chd620-s26t.html)
แทนเครื่องยนต์ดีเซลขับเครื่องกำเนิดไฟฟ้า MTU 396 ของเยอรมนี ซึ่งเคยเป็นตัวเลือกเครื่องยนต์ที่จะได้รับการติดตั้งเมื่อไทยลงนามสัญญาจัดหาเรือดำน้ำ S26T เดิมในปี พ.ศ.๒๕๖๐(2017)

อย่างไรก็ตามเยอรมนีได้ปฏิเสธการส่งออกเครื่องยนต์ขับเครื่องกำเนิดไฟฟ้า MTU 16V396SE84-GB31L แก่จีนเพื่อติดตั้งเข้ากับเรือดำน้ำ S26T ของกองทัพเรือไทย(https://aagth1.blogspot.com/2019/09/s26t.html)
โดยอ้างถึงข้อห้ามการส่งออก และบริษัท MTU เยอรมนีได้ปิดสายการผลิตเครื่องยนต์ตระกูล MTU 396 ในปี พ.ศ.๒๕๖๓(2020)(https://aagth1.blogspot.com/2023/08/chd620v16h6.html)  

ความเห็นวิเคราะห์
เรือดำน้ำ S26T ลำแรกของกองทัพเรือไทยกำลังถูกสร้างที่ ณ อู่เรือ Wuchang Shipbuilding Industry Group Company Ltd(WSIG) ในนคร Wuhan สาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งถูกระบุว่าสร้างเสร็จไปแล้วมากกว่าร้อยละ๖๔
อู่เรือ Wuchang ยังสร้างเรือดำน้ำชั้น Hangor ของกองทัพเรือปากีสถาน(PN: Pakistan Navy) 4ลำแรกจาก 8ลำ ซึ่งติดตั้งเครื่องยนต์ขับเครื่องกำเนิดไฟฟ้า CHD620 สามเครื่องในแต่ละลำเช่นเดียวกัน

จนถึงขณะนี้มีเรือดำน้ำชั้น Hangor ที่สร้างเสร็จปล่อยลงน้ำแล้ว 3ลำจาก 4ลำคือ ลำแรก เรือดำน้ำ PNS Hangor ในเดือนเมษายน 2024(https://aagth1.blogspot.com/2024/04/hangor.html) และลำที่สอง เรือดำน้ำ PNS Shushuk เมื่อวันที่ 13 มีนาคม 2025(https://aagth1.blogspot.com/2025/03/hangor-pns-shushuk.html)
และลำที่สาม เรือดำน้ำ PNS Mangro เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2025(https://aagth1.blogspot.com/2025/08/hangor-pns-mangro.html) โดยมีกำหนดจะส่งมอบเรือลำแรกภายในปี 2026 ด้วยความเร็วในการต่อเช่นนี้ทำให้เป็นไปได้ว่าเรือดำน้ำ S26T สำหรับกองทัพเรือไทยอาจจะสร้างตัวเรือเสร็จปล่อยลงน้ำได้เร็วกว่าที่คาดไว้ได้ครับ

วันจันทร์ที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568

อากาศยานรบไร้คนขับ Anduril YFQ-44A CCA ทำการบินครั้งแรก

Anduril's YFQ-44A CCA makes first flight




Anduril's YFQ-44A demonstrator makes its first flight in late October 2025. (Anduril)



อากาศยานรบทำงานร่วมกัน(CCA: Collaborative Combat Aircraft) อากาศยานรบไร้คนขับ YFQ-44A ของบริษัท Anduril สหรัฐฯได้ทำการบินครั้งแรกของตน เป็นการเริ่มต้นขั้นระยะการบินทดสอบ
บริษัท Anduril ประกาศเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2025 เหตุการสำคัญมีขึ้นตามมา 556วันให้หลังการพัฒนาเริ่มต้นขึ้น Jason Levin รองประธานอาวุโสฝ่ายวิศวรกรรมการครองอากาศและโจมตีของ Anduril สหรัฐฯกล่าวในแถลงการณ์

การพัฒนาที่รวดเร็วของอากาศยานรบทำงานร่วมกัน YFQ-44A CCA สามารถทำให้เกิดขึ้นได้โดย "การมุ่งเน้นอย่างเข้มงวด" ในกำหนดการ, ความร่วมมือการทำงานอย่างใกล้ชิดกับลูกค้า, 
รวมถึงการมอบการเข้าถึง computer ช่วยออกแบบ(CAD: Computer-Aided Design) ทางวัสดุของ Anduril และการออกแบบตัวอากาศยานที่เรียบง่าย โฆษกบริษัท Anduril กล่าวกับ Janes เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2025

การบินแบบกึ่งอัตโนมัติ ซึ่งโฆษกบริษัท Anduril กล่าวว่าหมายถึงว่ามันไม่มีมนุษย์ที่เป็นเจ้าหน้าปฏิบัติงาน "ทำการบินอากาศยานหลังจอภาพด้วยคันบังคับ(stick) และคันเร่ง(throttle)"
เจ้าหน้าปฏิบัติงานที่กำกับการควบคุมการบิน, ทำการส่งอากาศยานรบไร้คนขับ YFQ-44A CCA ขึ้นบินด้วยการกดปุ่ม ตามข้อมูลจากโฆษกบริษัท Anduril "อากาศยานดำเนินการปฏิบัติตามเส้นทางการบินและทำการบินลงจอดด้วยตัวของมันเอง" 

โฆษกบริษัท Anduril  กล่าว Levin เน้นย้ำว่า YFQ-44A CCA ไม่ได้ถูกออกแบบให้บังคับด้วยนักบินจากระยะไกล "การทดสอบการเคลื่อนที่บนทางวิ่งและการบินทดสอบทั้งหมดของเราได้รับการดำเนินการและจะดำเนินเป็นแบบกึ่งอัตโนมัติ" เขากล่าว 
อากาศยานรบไร้คนขับ YFQ-44A CCA "ได้ปฏิบัติการตามแผนภารกิจที่วางไว้ด้วยตัวของมันเอง จัดการการควบคุมการบินและปรับแต่งคันเร่งโดยเป็นอิสระจากคำสั่งของมนุษย์ และกลับมาลงจอดด้วยการกดที่ปุ่ม" 

ขณะที่ทำการติดตามโดย "เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน 'ในวงรอบการทำงาน'(on the loop) แต่ไม่ได้อยู่ในตัวมัน" Levin กล่าวในแถลงการณ์ "โดยการบูรณาการระบบอัตโนมัติเข้าสู่การทดสอบการบินช่วงแรกสุดสำหรับ YFQ-44A 
เรากำลังเผชิญกับความท้าทายที่ยากที่สุดที่วิทยาการนี้ได้เสนอเป็นครั้งแรก เขากล่าวโดยเสริมว่านี่สามารถเร่งการเรียนรู้ให้เร็วขึ้นได้เพื่อการส่งมอบขีดความสามารถที่เร็วขึ้น

การบินครั้งแรกมีการวางแผนไว้ตลอดจะเป็นแบบกึ่งอัตโนมัติ โฆษกบริษัท Anduril กล่าวเสริมว่านี่ทำให้เกิดขึ้นได้โดย "การทดสอบและการรับรองของชุดคำสั่งที่มีสมรรถนะและความน่าเชื่อถือ"
YFQ-44A ของ Anduril กำลังแข่งขันกับอากาศยานรบไร้คนขับ General Atomics Aeronautical Systems(GA-ASI) YFQ-42A สำหรับความต้องการของกองทัพอากาศสหรัฐฯ(USAF: US Air Force) ครับ(https://aagth1.blogspot.com/2025/05/f-47.html)

วันอาทิตย์ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568

จีนทำพิธีขึ้นระวางประจำการเรือบรรทุกเครื่องบินลำที่สาม CV-18 Fujian

China commissions Fujian aircraft carrier





China's third aircraft carrier, Fujian has commissioned in a ceremony on 5 November 2025. (China Military Bugle)







จีนได้ทำพิธีขึ้นระวางประจำการเรือบรรทุกเครื่องบินลำที่สามของตน เรือบรรทุกเครื่องบินชั้น Type 003 เรือบรรทุกเครื่องบิน CV-18 Fujian เป็นเรือบรรทุกเครื่องบินที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในประจำการกองทัพเรือปลดปล่อยประชาชนจีน(PLAN: People's Liberation Army Navy)
และเรือบรรทุกเครื่องบิน CV-18 Fujian ยังเป็นเรือบรรทุกเครื่องบินลำแรกของจีนที่ติดตั้งระบบส่งอากาศยานขึ้นบินรางดีด catapult แม่เหล็กไฟฟ้า(EMALS: Electro-Magnetic Aircraft Launch System)

เรือบรรทุกเครื่องบิน CV-18 Fujian ถูกทำพิธีขึ้นระวางประจำการ ณ อู่เรือของฐานทัพเรือ Sanya ในเกาะ Hainan เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2025 โดยกระทรวงกลาโหมจีนประกาศถึงการทำพิธีอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2025
เรือบรรทุกเครื่องบิน CV-18 Fujian ซึ่งถูกทำพิธีวางกระดูงูเรือในปี 2016 และถูกทำพิธีปล่อยเรือลงน้ำในปี 2022(https://aagth1.blogspot.com/2022/06/type-003-cv-18-fujian.html)

ได้รับการดำเนินการทดลองเรือในทะเลอย่างน้อย 9ครั้งตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2024(https://aagth1.blogspot.com/2025/07/cv-18-fujian.html, https://aagth1.blogspot.com/2024/05/cv-18-fujian.html
การติดตั้งรางดีดส่งอากาศยานแม่เหล็กไฟฟ้า EMALS ทำให้เรือบรรทุกเครื่องบิน CV-18 Fujian สามารถที่จะปฏิบัติการอากาศยานใช้งานทางเรือแบบใหม่ได้หลายหลายแบบรวมถึงเครื่องบินควบคุมและแจ้งเตือนทางอากาศ Xi'an KJ-600 'Sea Plate' AEW&C(Airborne Early Warning and Control)

Janes ได้ประเมินก่อนหน้านี้ว่ากองบินของเรือบรรทุกเครื่องบิน CV-18 Fujian จะประกอบด้วยอากาศยานปีกนิ่งจำนวน 40เครื่อง นอกเหนือจากเฮลิคอปเตอร์ ระหว่างพิธีขึ้นระวางประจำการ อากาศยานสี่แบบได้ถูกจอดแสดงบนดาดฟ้าบินของเรือ
รวมถึงเครื่องบินขับไล่ยุคที่ห้าประจำเรือบรรทุกเครื่องบิน Shenyang J-35 ซึ่งยังไม่ได้รับการกำหนดแบบในประจำการทางเรืออย่างเป็นทางการ(https://aagth1.blogspot.com/2024/11/j-35a.html), เครื่องบินขับไล่ยุคที่สี่ประจำเรือบรรทุกเครื่องบิน Shenyang J-15T, 

เครื่องบินควบคุมและแจ้งเตือนทางอากาศ KJ-600, และเฮลิคอปเตอร์ใช้งานทางทะเลประจำเรือขนาดกลาง Hongdu Z-20J(https://aagth1.blogspot.com/2024/05/z-20.html)
เครื่องบินขับไล่ J-35, เครื่องบินขับไล่ J-15T และเครื่องบินควบคุมและแจ้งเตือนทางอากาศ KJ-600 ได้ดำเนินการปฏิบัติการบินครั้งแรกของพวกตนจากเรือบรรทุกเครื่องบิน CV-18 Fujian ในช่วงต้นปี 2025(https://aagth1.blogspot.com/2025/09/cv-18-fujian.html)

การปรากฎของอากาศยานสี่แบบ ณ พิธีขึ้นระวางประจำการบ่งชี้ว่ากองบินเรือบรรทุกเครื่องบิน Fujian จะประกอบด้วยอากาศยานแบบต่างๆเหล่านี้เป็นหลัก โดยเป็นไปได้ว่าน่าจะเพิ่มเติมด้วย
เครื่องบินโจมตีสงคราม electronic(EW: Electronic Warfare) ประจำเรือบรรทุกเครื่องบินแบบ Shenyang J-15DT ด้วย(https://aagth1.blogspot.com/2024/11/j-15d.html)

มีความเป็นไปได้ว่า CV-18 Fujian ที่เป็นเรือบรรทุกเครื่องบินแบบ CATOBAR(Catapult-Assisted Take-Off But Arrested Recovery) แบบแรกของจีนที่เข้าประจำการต่อจากเรือบรรทุกเครื่องบินแบบ STOBAR(Short Take-Off But Arrested Recovery) สองลำแรก
คือเรือบรรทุกเครื่องบิน CV-16 Liaoning และเรือบรรทุกเครื่องบิน CV-17 Shandong จะเป็นเรือบรรทุกเครื่องบินแบบสุดท้ายของจีนที่ใช้ระบบขับเคลื่อนตามแบบ โดยเรือบรรทุกเครื่องบินชั้น Type 004 ใหม่ที่เป็นแบบ CATOBAR อาจจะใช้ระบบขับเคลื่อนพลังงานนิวเคลียร์ครับ

วันเสาร์ที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568

ความท้าทายในการซ่อมบำรุงอาจจะเร่งการปลดประจำการเครื่องบินโจมตี AV-8B Harrier II Plus กองทัพเรืออิตาลีให้เร็วขึ้น

IFC 2025: ‘Challenge' of maintaining Italian Navy Harrier II+ fleet may hasten its retirement







While the Harrier II+ (pictured) is due to remain in Italian Navy service until 2030, it may have to bring this date forward as the type becomes increasingly challenging to support. (MMI)

กองทัพเรืออิตาลี(Italian Navy, MMI: Marina Militare Italiana) อาจมองการปลดประจำการก่อนกำหนดของฝูงบินเครื่องบินโจมตี McDonnell Douglas AV-8B Harrier II+(Harrier II Plus) ของตน
ตามที่ความท้าทายของการสนับสนุนเครื่องบินโจมตี AV-8B Harrier II Plus เหล่านี้ในช่วงหลายปีสุดท้ายนั้นได้มีขึ้นมากเกินไป(https://aagth1.blogspot.com/2024/07/av-8b-harrier-ii-plus.html)

การพูดคุย ณ งานสัมมนาเครื่องบินขับไล่นานาชาติ IQPC International Fighter Conference 2025 (IFC 2025) ที่นครหลวง Rome อิตาลีระหว่างวันที่ 4-6 พฤศจิกายน 2025 ที่ผ่านมา
เจ้าหน้าที่ที่พูดคุยภายใต้กฏ Chatham House Rule ที่ไม่มีการเปิดเผยตัวตนกล่าวถึงความตั้งใจในปัจจุบันที่จะทำการบินเครื่องบินโจมตี AV-8B Harrier II+ ไปจนถึงกำหนดการปลดประจำการที่วางแผนไว้ในปี 2030 ว่า

อาจจะไม่สามารถบรรลุผลได้ตามที่อิตาลีได้กลายเป็นเพียงหนึ่งในสองผู้ใช้งานรายสุดท้ายของเครื่องบินโจมตีตระกูล AV-8B Harrier II(https://aagth1.blogspot.com/2025/08/f-35b-f-35a.html)
"(กองทัพเรืออิตาลี)ยังหวังที่จะเดินหน้าต่อกับเครื่องบินโจมตี AV-8B โดยหวังที่จะให้ไปถึงปี 2030 แต่นั่นเป็นความท้าทายอย่างแท้จริง กำหนดปลดประจำการที่เป็นไปได้จริงมากกว่าควรจะเป็นปี 2028"

"ตั้งแต่นาวิกโยธินสหรัฐฯ(USMC: US Marine Corps) จะยุติการทำการบิน(เครื่องบินโจมตี AV-8B Harrier II+ ของตน) ในเดือนมิถุนายน 2026(https://aagth1.blogspot.com/2020/01/f-35c.html)
ดังนั้นจะเหลือเพียงอิตาลีและสเปน(https://aagth1.blogspot.com/2022/10/ef-18-hornet-av-8b-harrier-ii.html) ที่ยังคงเป็นผู้ใช้งานเครื่องบินโจมตี AV-8B" เจ้าหน้าที่ที่ไม่เผยตนกล่าว

โดยรวมกองทัพเรืออิตาลีได้รับมอบเครื่องบินโจมตีที่นั่งเดี่ยว AV-8B Harrier II Plus จำนวน 16เครื่องตั้งแต่ปี 1994-1997 ซึ่งยังคงมีเครื่องบินโจมตี Harrier II+ จำนวน 14เครื่องในประจำการ
ตามข้อมูลจาก Janes World Navies เครื่องบินโจมตี Harrier II+ ของกองทัพเรืออิตาลีเป็นเครื่องบินรบพหุภารกิจและสามารถปฏิบัติการสงครามต่อต้านเรือผิวน้ำ(ASuW: Anti-Surface Warfare), ลาดตระเวน, โจมตีภาคพื้นดิน, และป้องกันภัยทางอากาศได้

เครื่องบินโจมตี AV-8B Harrier II Plus สามารถติดตั้งอาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่อากาศพิสัยใกล้ RTX AIM‐9L Sidewinder และอาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่อากาศพิสัยกลาง RTX AIM‐120B AMRAAM(Advanced Medium‐Range Air‐to‐Air Missile) สำหรับการป้องกันภัยทางอากาศ
สำหรับภารกิจโจมตีเครื่องบินโจมตี Harrier II+ สามารถติดตั้งอาวุธได้หนักถึง 5,000kg ภายใต้ 9ตำบลอาวุธ รวมถึงอาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่พื้น AGM‐65F Maverick, อาวุธนำวิถีความแม่นยำสูง(โดยใช้กระเปาะชี้เป้าหมาย AN/AAQ‐28 Litening II ในการกำหนดเป้าหมาย), จรวดอากาศสู่พื้นขนาด 70mm, และระเบิดอากาศอเนกประสงค์ต่างๆ

เครื่องบินโจมตีบินขึ้นระยะสั้นและลงจอดทางดิ่ง(STOVL: Short Take-Off and Vertical Landing) AV-8B Harrier II Plus ได้ถูกนำมาวางกำลังบนเรือบรรทุกเครื่องบินของกองทัพเรืออิตาลี(https://aagth1.blogspot.com/2024/12/l9890-trieste.html
ที่จะถูกแทนที่ด้วยเครื่องบินขับไล่ Lockheed Martin F-35B Lightning II Joint Strike Fighters(JSF) จำนวน 30เครื่อง แบ่งเป็นของกองทัพอากาศอิตาลี(Italian Air Force, AMI: Aeronautica Militare Italiana) จำนวน 15เครื่อง และกองทัพเรืออิตาลีจำนวน 15เครื่องครับ(https://aagth1.blogspot.com/2024/09/f-35-eurofighter-typhoon.html)

วันศุกร์ที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568

Saab เผยตัวอย่างแนวคิดเครื่องบินขับไล่ยุคอนาคต KFS สำหรับกองทัพอากาศสวีเดน

IFC 2025: Saab teases future fighter concepts for Sweden

Saab showcased its KFS future fighter concepts for Sweden at the IQPC IFC 2025 event in Rome. (Saab via Janes/Gareth Jennings)




the concepts airframes might potentially replace the Saab Gripen E in Swedish Air Force service. (Saab/Swedish Armed Forces)

บริษัท Saab สวีเดนได้เปิดเผยตัวอย่างของการออกแบบจำนวนหนึ่งสำหรับความพยายามแนวคิดเครื่องบินขับไล่ยุคอนาคต KFS(Konceptet Framtidens Stridsflyg, Future Combat Aircraft Concept) ของสวีเดน
ที่ถูกจัดแสดงในป้ายจัดแสดงของบริษัท Saab ณ งานสัมมนาเครื่องบินขับไล่นานาชาติ IQPC International Fighter Conference 2025 (IFC 2025) ที่จัดขึ้นในนครหลวง Rome อิตาลีระหว่างวันที่ 4-6 พฤศจิกายน 2025

ภาพวาดแนวคิดเครื่องบินขับไล่ยุคอนาคต KFS แสดงถึงโครงสร้างอากาศยาน(airframe) หลายรูปแบบทั้งแบบมีนักบินบังคับและแบบไร้คนขับ(https://aagth1.blogspot.com/2025/10/saab-kfs.html)
ที่อาจจะเป็นไปได้ในการทดแทนเครื่องบินขับไล่ Saab JAS 39 Gripen E ในประจำการกองทัพอากาศสวีเดน(SwAF: Swedish Air Force, Svenska flygvapnet) ในอนาคต(https://aagth1.blogspot.com/2025/10/gripen-e-60.html)

ตามป้ายจัดแสดงซึ่งแสดงเพียงส่วนหน้าของโครงสร้างลำตัว(fuselage)  Saab สวีเดนได้กำลังดำเนินงานเกี่ยวกับการออกแบบทางแนวความคิด 6แบบ ที่ประกอบด้วยอากาศยานแบบมีนักบินบังคับ 3แบบ และอากาศยานแบบไร้คนขับ 3แบบ
อากาศยานแบบมีนักบินบังคับจะเป็นเครื่องบินรบที่นั่งเดี่ยว โดยทุกแบบแผนอากาศยานจะมีคุณลักษณะถูกตรวจพบได้ต่ำ 'stealth' ที่มีคุณลักษณะเฉพาะต่างๆในระดับที่แตกต่างๆกัน(https://aagth1.blogspot.com/2025/06/saab-helsing-project-beyond-ai-gripen-e.html)

สำนักงานจัดหายุทโธปกรณ์กลาโหมสวีเดน(Defence Material Administration, FMV: Försvarets materielverk) ได้ทำสัญญากับบริษัท Saab และบริษัท GKN สหราชอาณาจักรในเดือนมีนาคม 2024
เพื่อมอบหลักพื้นฐานสำหรับการตัดสินใจเครื่องบินขับไล่ยุคอนาคตที่มีพื้นฐานจากการศึกษา, การพัฒนาวิทยาการ, และการเตรียมการสำหรับเครื่องบินต้นแบบสาธิตต่างๆแก่ FMV สวีเดน(https://aagth1.blogspot.com/2024/03/fmv-saab-gkn.html)

โดยระยะที่1 Phase 1 ของโครงการมุ่งเน้นที่การสำรวจแนวคิด, โดยระยะที่2 Phase 2 ของโครงการมุ่งเน้นที่การพัฒนาวิทยาการและเครื่องบินสาธิต การพัฒนาแนวคิดกำลังมีขึ้นภายใต้สี่ silo หลัก การบริหารจัดการและการวางแผน, การพัฒนาแนวคิด, การพัฒนาวิทยาการ และเครื่องบินต้นแบบสาธิตทำการบิน 
การขับเคลื่อนขีดความสามารถหลักจะรวมถึง ความเป็นเอกเทศ(autonomy), ปัญญาประดิษฐ์(AI: Artificial Intelligence), การถูกตรวจพบได้ต่ำที่แข็งแกร่ง, ห้องเก็บอาวุธภายในลำตัว, และการสร้างต้นแบบที่รวดเร็ว เช่นเดียวกับระบบขับเคลื่อนยุคอนาคต, พลังงาน และการหล่อเย็น

เครื่องบินขับไล่ยุคอนาคตอาจจะเป็นแบบมีนักบิน และ/หรือไร้คนขับหรือทั้งสองแบบและจะปฏิบัติการในฐานะส่วนหนึ่งของระบบของระบบ(system-of-systems)ที่หลากหลายที่จะรวมถึงระบบเสริมแบบไร้คนขับและทรัพยากรอื่นๆ
Saab สวีเดนกล่าวว่าอาจจะมีการออกแบบเครื่องบินสาธิตทำการบินได้มากกว่าหนึ่งแบบ การศึกษาต่างๆในปัจจุบันจะดำเนินการไปถึงปี 2030 โดยการพัฒนาเพิ่มเติมจะมีตามมาตั้งแต่ปี 2031 ครับ(https://aagth1.blogspot.com/2025/08/2030.html)

วันพฤหัสบดีที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568

รัสเซียทำพิธีปล่อยเรือลงน้ำเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ Khabarovsk ใหม่ที่ออกแบบสำหรับระบบไร้คนขับต่างๆ

Russia launches submarine Khabarovsk made for robotic systems





Russia's new submarine Khabarovsk , which the Russian MoD said was designed to carry what it called robotic underwater systems, seen at its launch on 1 November 2025. (Russian MoD)



กระทรวงกลาโหมรัสเซียประกาศเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2025 ถึงพิธีปล่อยเรือลงน้ำของเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ Khabarovsk สำหรับกองทัพเรือรัสเซีย(RFN: Russian Federation Navy, VMF: Voyenno-Morskoy Flot)
โดยพิธีปล่อยเรือลงน้ำได้มีขึ้นที่อู่เรือ Sevmash ใน Severodvinsk ในตอนเหนือของแคว้น Arkhangelsk ในวันเดียวกัน(https://aagth1.blogspot.com/2025/08/borei-k-555-knyaz-pozharskiy.html)

ออกแบบโดยสำนักออกแบบกลางด้านวิศวรกรรมทางทะเล Rubin(Rubin Central Design Bureau for Marine Engineering) เรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ Khabarovsk มี
"จุดประสงค์ที่จะดำเนินภารกิจต่างๆสำหรับกองทัพเรือรัสเซียโดยการใช้ระบบอาวุธใต้น้ำสมัยใหม่รวมถึงระบบหุ่นยนต์ต่างๆหลากหลายรูปแบบ" กระทรวงกลาโหมรัสเซียกล่าว

เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2025 ประธานาธิบดีรัสเซีย Vladimir Putin ได้ประกาศว่าการพัฒนา torpedo ระบบขับเคลื่อนพลังงานนิวเคลียร์แบบ 2M39 Poseidon('Kanyon') ได้ประสบความสำเร็จในการทดสอบการแยกตัวจากเรือดำน้ำที่บรรทุก
เรือดำน้ำ Khabarovsk ถูกอธิบายในฐานะ "เรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ติดอาวุธปล่อยนำวิถีหนัก" รัฐมนตรีกลาโหมสหพันธรัฐรัสเซีย Andrey Belousov เสริมว่าเรือดำน้ำยังคงต้องเข้าสู่การทดลองเรือในทะเลตามวงรอบ

เรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ Khabarovsk ถูกวางกระดูกงูเรือครั้งแรกในเดือนกรกฎาคม 2014 และมีรายงานว่ามีพื้นฐานการออกแบบจากเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ติดขีปนาวุธชั้น Dolgorukiy
ความลับอย่างมากมายได้ปกคลุมการพัฒนาและการสร้างของเรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ Khabarovsk โดยมีเพียงส่วนท้ายเรือเท่านั้นที่ได้ถูกแสดงในชุดภาพที่เผยแพร่โดยกระทรวงกลาโหมรัสเซีย

อย่างไรก็ตามภาพถ่ายจากดาวเทียมทางพาณิชย์ได้จับภาพในระยะสั้นหลังจากที่เรือดำน้ำ Khabarovsk ถูกเปิดตัวออกมาเปิดเผยว่า เรือดำน้ำมีความยาวตัวเรือที่ประมาณ 136m และมีการออกแบบตัวเรือตามแบบ แม้ว่าส่วนหัวเรือจะถูกคลุมปิดด้วยผ้าใบกันน้ำ(tarpaulin) ก็ตาม
นอกเหนือจากรัฐมนตรีกลาโหมรัสเซีย Belousov พิธีปล่อยเรือลงน้ำได้เชิญ พลเรือเอก Alexander Moiseyev ผู้บัญชาการกองทัพเรือรัสเซีย, Andrey Puchkov ผู้อำนวยการ United Shipbuilding Corporation(USC) กลุ่มรัฐวิสาหกิจอุตสาหกรรมการสร้างเรือของรัสเซีย,

และ Mikhail Budnichenko ผู้อำนวยการบริษัทร่วมหุ้น(JSC: Joint-Stock Company) PO Sevmash รัสเซีย รัฐมนตรีกลาโหมรัสเซีย Belousov ยังได้ตรวจสอบความคืบหน้าการซ่อมแก้และการปรับปรุงความทันสมัย
ของสิ่งที่กระทรวงกลาโหมรัสเซียอธิบายว่าเป็น "เรือดำน้ำพลังงานนิวเคลียร์ติดอาวุธปล่อยนำวิถีทางยุทธศาสตร์และอเนกประสงค์" ณ ศูนย์ซ่อมแก้เรือ Zvezdochka ครับ(https://aagth1.blogspot.com/2020/02/blog-post_24.html)

วันพุธที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568

ญี่ปุ่นและนิวซีแลนด์เริ่มการเจรจาความเป็นไปได้ในการจัดหาเรือฟริเกตชั้น Mogami รุ่นปรับปรุง

Indo Pacific 2025: Japan, New Zealand begin talks on potential frigates acquisition





The JMSDF's second Mogami-class frigate JS Kumano seen here. New Zealand is in talks for a possible acquisition of an improved variant of the ship. (Japan Maritime Self-Defense Force)

ญี่ปุ่นและนิวซีแลนด์ได้เริ่มต้นการเจรจาระดับรัฐบาลต่อรัฐบาลเกี่ยวกับเรือฟริเกตชั้น Mogami รุ่นปรับปรุง และจะเติมเต็มความต้องการของกองทัพเรือนิวซีแลนด์(RNZN: Royal New Zealand Navy) ได้อย่างไร
ตัวแทนจากบริษัท Mitsubishi Heavy Industries(MHI) ญี่ปุ่นที่พูดคุยกับ Janes ณ นิทรรศการทางทะเลนานาชาติอินโดแปซิฟิก Indo Pacific International Maritime Exposition 2025 เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2025 ในมหานคร Sydney ออสเตรเลีย

บริษัท MHI ญี่ปุ่นยืนยันว่าการเจรจามีศูนย์กลางที่ขีดความสามารถต่างๆและความเป็นไปได้ในการจัดซื้อจัดจ้างของเรือฟริเกตชั้น Mogami รุ่นปรับปรุง(https://aagth1.blogspot.com/2025/08/mogami.html)
การยืนยันของการหารือระหว่างรัฐบาลต่อรัฐบาลมีขึ้นตามหลังแถลงการณ์ที่ออกโดยกระทรวงกลาโหมญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2025 ในแถลงการณ์ซึ่งถูกออกเผยแพร่ให้หลังจากการเข้าพบกันระหว่าง

รัฐมนตรีกลาโหมญี่ปุ่น Shinjiro Koizumi และคู่เจรจาของเขารัฐมนตรีกลาโหมนิวซีแลนด์ Judith Collins ในมาเลเซียระหว่างการประชุมรัฐมนตรีกลาโหม ASEAN(Association of Southeast Asian Nations) 
และรัฐมนตรีกลาโหมประเทศคู่เจรจา ADMM-Plus(ASEAN Defence Ministers' Meeting Plus) ครั้งที่12 กระทรวงกลาโหมญี่ปุ่นกล่าวว่ารัฐบาลญี่ปุ่นในกรุง Tokyo ได้ตระหนักถึง

"ความตั้งใจของนิวซีแลนด์ที่จะทดแทนเรือฟริเกตของกองทัพเรือนิวซีแลนด์ของตนและเห็นชอบที่จะยังคงการสื่อสารอย่างใกล้ชิดต่อไปข้างหน้า" ขณะเดียวกันในการตอบสนองต่อคำถามต่างๆจาก Janes
โฆษกจากกองทัพนิวซีแลนด์(NZDF: New Zealand Defence Force) ชี้แจ้งว่าขณะที่ยังได้มีการหารือระหว่างผู้บัญชาการกองทัพเรือนิวซีแลนด์ พลเรือตรี Garin Golding และรัฐมนตรีกลาโหมญี่ปุ่น Koizumi เกี่ยวกับเรือฟริเกตชั้น Mogami

ท่ามกลางหัวข้ออื่นๆ ยังไม่มีการตัดสินใจใดๆเกิดขึ้น "ตามร่างเค้าโครงในแผนขีดความสามารถกลาโหม 2025(DCP: Defence Capability Plan) ของนิวซีแลนด์กองเรือส่วนใหญ่ของกองทัพเรือนิวซีแลนด์จะเข้าสู่การสิ้นสุดอายุการใช้งานภายในกลางปี 2030s
ซึ่งนั้นเป็นเหตุผลว่าทำไมโครงการปรับปรุงกำลังกองเรือทางทะเลใหม่จึงได้ถูกจัดตั้งขึ้น" โฆษกกองทัพนิวซีแลนด์กล่าวในการตอบคำถามที่ถูกเผยแพร่ก่อนหน้านิทรรศการทางทะเลนานาชาติ Indo Pacific 2025 ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 4-6 พฤศจิกายน 2025

ตามข้อมูลจาก Janes World Navies กองทัพเรือนิวซีแลนด์เป็นกองทัพเรือขนาดเล็กมีเรือแบบต่างๆรวมกันเพียง 8ลำเท่านั้น(https://aagth1.blogspot.com/2024/10/a09-hmnzs-manawanui.html)
เรือรบหลักในประจำการคือเรือฟริเกตชั้น Anzac จำนวน 2ลำคือเรือฟริเกต F77 HMNZS Te Kaha และเรือฟริเกต F111 HMNZS Te Mana ที่เข้าประจำการในปี 1997 และปี 1999 ตามลำดับ(https://aagth1.blogspot.com/2025/05/sh-2gi-super-seasprite.html)

เรือฟริเกตชั้น Anzac ที่ประจำการในกองทัพเรือออสเตรเลีย(RAN: Royal Australian Navy) ตั้งแต่ปี 1990s(https://aagth1.blogspot.com/2024/05/anzac-ffh150-hmas-anzac.html) ที่นิวซีแลนด์จัดหาร่วมกันนั้น
จะถูกทดแทนด้วยเรือฟริเกตอเนกประสงค์ใหม่จำนวน 11ลำ(https://aagth1.blogspot.com/2024/02/hunter-6.html) ซึ่งออสเตรเลียได้เลือกเรือฟริเกตชั้น Mogami รุ่นปรับปรุงของ MHI ญี่ปุ่นเป็นผู้ชนะโครงการในเดือนสิงหาคม 2025 ครับ