วันอาทิตย์ที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2568

กองทัพอากาศไทยและจีนเสร็จสิ้นการฝึกผสม Falcon Strike 2025




















The Royal Thai Air Force (RTAF) and People's Liberation Army Air Force (PLAAF) concluded the exercise FALCON STRIKE 2025 at Wing 23 RTAF base Udon Thani, Thailand from 15 to 25 September 2025, by opening ceremony on 18 September 2025 and closing ceremony on 25 September 2025. 
Royal Thai Air Force involved its Saab Gripen C/D of 701st Squadron, Wing 7 Surat Thani; Dornier Alpha Jet TH of 231st Squadron, Wing 23; and Airbus Helicopter H225M (EC725) of 203rd Squadron, Wing 2 Lopburi; with PLAAF Chengdu J-10C and J-10AS, People’s Liberation Army Navy Air Force (PLANAF) Shenyang J-11BGH and J-11BSH, PLAAF Xi'an JH-7A, Shaanxi KJ-500 airborne early warning (AEW), Shaanxi Y-9LG electronic intelligence (ELINT), Xi'an Y-20A transport aircraft, Mil Mi-171Ah helicopter, and for first time for PLAAF Xi'an HY-6U tanker aircraft, and Chengdu GJ-2 (Wing Loong II) Medium-Altitude Long-Endurance Unmanned Aerial Vehicle (MALE UAV). (Royal Thai Air Force)

กองบิน ๒๓ ให้การต้อนรับ คณะกองทัพอากาศสาธารณรัฐประชาชนจีน
เมื่อวันที่ ๑๖ กันยายน ๒๕๖๘  นาวาอากาศเอก นทัย เมืองมณี ผู้บังคับการกองบิน ๒๓ มอบหมายให้ นาวาอากาศเอก พิสิฐ เทพสุวรรณ รองผู้บังคับการกองบิน ๒๓ เป็นผู้แทนฯ ให้การต้อนรับ พลอากาศตรี หลู่ หงโจว ผู้บัญชาการฐานทัพอากาศคุนหมิง กองทัพอากาศสาธารณรัฐประชาชนจีน 
และปฏิบัติหน้าที่เป็นผู้อำนวยการกองอำนวยการฝึกผสม Falcon Strike 2025 ฝ่ายกองทัพอากาศสาธารณรัฐประชาชนจีน และคณะฯ ในโอกาสมาดำเนินการฝึกผสมระหว่างกองทัพอากาศไทยและกองทัพอากาศสาธารณรัฐประชาชนจีน (Falcon Strike 2025) ระหว่างวันที่ ๑๕ – ๒๕ กันยายน ๒๕๖๘ ณ กองบิน ๒๓ จังหวัดอุดรธานี 
โดยกองทัพอากาศสาธารณรัฐประชาชนจีน ได้ร่วมมือด้านการฝึกผสมกับกองทัพอากาศไทยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ซึ่งเป็นประโยชน์ในการพัฒนาขีดความสามารถในการปฏิบัติภารกิจของกองทัพอากาศทั้งสองชาติ นอกจากนี้ การฝึกผสม Falcon Strike 2025 ยังแสดงถึงมิตรภาพและความร่วมมือที่แน่นแฟ้นระหว่างกัน
ซึ่งการฝึกในครั้งนี้มีวัตถุประสงค์การฝึกเพื่อพัฒนาขีดความสามารถในการปฏิบัติการทางอากาศยุทธวิธี และเพื่อกระชับความสัมพันธ์อันดีระหว่างกองทัพอากาศไทยและกองทัพอากาศสาธารณรัฐประชาชนจีน รวมถึงเพื่อดำรงไว้ซึ่งสันติภาพและความมั่นคงในภูมิภาค สืบไป
Falcon Strike 2025 เสริมเขี้ยวเล็บกองทัพอากาศไทย–จีน กระชับมิตรภาพสู่ความมั่นคง
- ผู้รับผิดชอบ : น.ต.ทรงยศ รัตนจันทร์
- บรรณาธิการข่าว : ร.ต.ธรรมวัฒน์ รัตนวิจารณ์ 
- ภาพข่าว : จ.อ.อาทิตย์ โชตินิสากรณ์
- จัดทำข่าว : พ.อ.อ.กมล โสภา

กองทัพอากาศไทย-จีน จัดการฝึก HADR ภายใต้การฝึกผสม FALCON STRIKE 2025
เมื่อวันที่ 17 กันยายน 2568 พลอากาศตรี สิทธิพล  ป้อมตรี ในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการฝึกผสม FALCON STRIKE 2025 ฝ่ายกองทัพอากาศ และพลอากาศตรี หลู่ หงโจว ในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการ ฝึกผสม FALCON STRIKE 2025 ฝ่ายกองทัพอากาศแห่งกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน 
ได้ร่วมอำนวยการการฝึก HADR (ความร่วมมือด้านการให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและการบรรเทาสาธารณภัย : Humanitarian Assistance and Disaster Relief) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการฝึกผสม FALCON STRIKE 2025 ณ กองบิน 6 ดอนเมือง
โดยมีการจำลองสถานการณ์การช่วยเหลือ และลำเลียงผู้ป่วยจากเหตุการณ์แผ่นดินไหว และมีกำลังพลเข้าร่วมการฝึกจากสถาบันเวชศาสตร์การบินกองทัพอากาศ และศูนย์ปฏิบัติการแพทย์ทหารอากาศ กรมแพทย์ทหารอากาศ ตลอดจนกำลังพลจากกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน 
ยังได้เข้าร่วมการฝึก ณ กองบิน 6 ดอนเมือง เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์ซึ่งกันและกัน ซึ่งล้วนเป็นบทบาทสำคัญในการดูแลพี่น้องประชาชนในยามวิกฤตอีกด้วย

กองทัพอากาศไทย-จีน เปิดการฝึกผสม FALCON STRIKE 2025 ณ กองบิน 23 จังหวัดอุดรธานี
เมื่อวันที่ 18 กันยายน 2568 พลอากาศตรี สิทธิพล  ป้อมตรี ในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการฝึกผสม FALCON STRIKE 2025 ฝ่ายกองทัพอากาศไทย และพลอากาศตรี หลู่ หงโจว ในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการฝึกผสม FALCON STRIKE 2025 ฝ่ายกองทัพอากาศแห่งกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน เป็นประธานในพิธีเปิดการฝึกผสม FALCON STRIKE 2025 ณ กองบิน 23 จังหวัดอุดรธานี
การฝึกครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ พัฒนาขีดความสามารถในการปฏิบัติการทางอากาศยุทธวิธีและปฏิบัติการทางอากาศผสม แลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้านการบินระหว่างกองทัพอากาศ ทั้งสองประเทศ กระชับความสัมพันธ์และความเข้าใจอันดี และส่งเสริมความมั่นคงในระดับภูมิภาค 
นอกจากนี้ ยังมีการกำหนดให้มีการฝึก และสนับสนุนภารกิจการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม การค้นหาและช่วยเหลือผู้ประสบภัย และการบรรเทาสาธารณภัย ซึ่งล้วนเป็นบทบาทสำคัญในการดูแลพี่น้องประชาชนในยามวิกฤต เพื่อให้สามารถปกป้องอธิปไตย ความมั่นคง และความปลอดภัยของประเทศชาติและประชาชน ได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

Rare images – Joint training between Thai and Chinese Airforce Special Forces during Falcon Strike 2025
The exercise focused on HADR (Humanitarian Assistance and Disaster Relief) and CSAR (Combat Search and Rescue), including battlefield casualty care and critical mission support.
Both sides exchanged experiences and enhanced interoperability to improve their ability to operate together in high-stakes situations.
It is not often we get to see operators from both nations working side by side in missions that emphasize humanitarian goals and saving lives
ภาพหาชมยาก – การฝึกร่วมระหว่างหน่วยรบพิเศษกองทัพอากาศไทยและจีน ในการฝึก Falcon Strike 2025
หัวข้อการฝึกเน้นด้าน HADR (Humanitarian Assistance and Disaster Relief) และ CSAR (Combat Search and Rescue)
รวมถึงการช่วยเหลือผู้บาดเจ็บในสนามรบและสถานการณ์วิกฤต เพื่อแลกเปลี่ยนประสบการณ์และเพิ่มขีดความสามารถในการปฏิบัติการร่วมกัน
ไม่บ่อยนักที่จะได้เห็นการทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่ของทั้งสองฝ่ายในภารกิจที่มุ่งเน้น “มนุษยธรรมและการช่วยชีวิต”

พิธีปิดการฝึกผสม FALCON STRIKE 2025 ณ กองบิน 23 จังหวัดอุดรธานี
เมื่อวันที่ 25 กันยายน 2568 พลอากาศตรี สิทธิพล  ป้อมตรี ในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการฝึกผสม FALCON STRIKE 2025 ฝ่ายกองทัพอากาศไทย และพลอากาศตรี หลู่ หงโจว ในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการฝึกผสม FALCON STRIKE 2025 ฝ่ายกองทัพอากาศแห่งกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน เป็นประธานในพิธีปิดการฝึกผสม FALCON STRIKE 2025 ณ กองบิน 23 จังหวัดอุดรธานี
โดย พลอากาศตรี สิทธิพล ป้อมตรี ได้กล่าวว่า "ในนามของกองทัพอากาศไทย ผมขอขอบคุณทุกท่านจากใจจริง สำหรับความทุ่มเท การทำงานเป็นทีม และความพยายามของทุกท่าน ที่ทำให้การฝึกครั้งนี้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี 
การฝึกผสม FALCON STRIKE ในปีนี้มีความสำคัญอย่างยิ่ง ไม่เพียงแต่จะช่วยเพิ่มความพร้อมในการปฏิบัติการของเราเท่านั้น แต่ยังช่วยเสริมสร้างสายสัมพันธ์แห่งมิตรภาพผ่านกิจกรรมต่างๆ ประสบการณ์ร่วมกันเหล่านี้ทำให้เรามีความใกล้ชิดกันมากขึ้น สร้างความไว้วางใจ สร้างมิตรภาพ และความเข้าใจซึ่งกันและกัน "
จากนั้น พลอากาศตรี หลู่ หง โจว ยังได้กล่าวถึงความไว้วางใจและมิตรภาพอันลึกซึ้งระหว่างกองทัพอากาศทั้งสองประเทศ ความเป็นพี่น้องกันที่หล่อหลอมขึ้นจากการฝึกนี้ ได้สร้างรากฐานที่มั่นคงสำหรับการเติบโตอย่างต่อเนื่องของความสัมพันธ์ทางอากาศ และเป็นแรงผลักดันอันทรงพลังสู่ความร่วมมือที่เป็นรูปธรรมและลึกซึ้งยิ่งขึ้นในอนาคต
พลอากาศตรี หลู่ หง โจว ยังกล่าวอีกว่า "แม้ว่าการฝึกครั้งนี้จะสิ้นสุดลงแล้ว แต่ภารกิจของเราในการดำรงไว้ซึ่งสันติภาพและการพัฒนาร่วมกันจะไม่มีวันสิ้นสุด ขอให้เรารักษาความสำเร็จของการฝึกร่วมกันครั้งนี้ไว้ พัฒนาให้เป็นขีดความสามารถที่นำไปใช้ได้จริงในการรักษาความมั่นคงและเสถียรภาพในภูมิภาคต่อไป!

กองทัพอากาศไทย(RTAF: Royal Thai Air Force) และกองทัพอากาศปลดปล่อยประชาชนจีน(PLAAF: People's Liberation Army Air Force) ได้เสร็จสิ้นการฝึกผสมทางอากาศ FALCON STRIKE 2025 ระหว่างวันที่ ๑๕-๒๕ กันยายน พ.ศ.๒๕๖๘(2025) โดยมีมีพิธีเปิดเมื่อวันที่ ๑๘ กันยายน พ.ศ.๒๕๖๘ และพิธีปิดเมื่อวันที่ ๒๕ กันยายน พ.ศ.๒๕๖๘ ณ กองบิน๒๓ อุดรธานี ประเทศไทย
การฝึกผสม FALCON STRIKE 2025 เป็นการฝึกครั้งที่แปดแล้ว นับตั้งแต่การฝึกครั้งแรก FALCON STRIKE 2015, ครั้งที่สอง FALCON STRIKE 2017, ครั้งที่สาม FALCON STRIKE 2018, ครั้งที่สี่ FALCON STRIKE 2019, ครั้งที่ห้า FALCON STRIKE 2022(https://aagth1.blogspot.com/2022/09/blog-post.html) และครั้งที่หก FALCON STRIKE 2023(https://aagth1.blogspot.com/2023/07/falcon-strike-2023.html), และครั้งที่เจ็ด FALCON STRIKE 2024(https://aagth1.blogspot.com/2024/08/falcon-strike-2024.html)

โดยมีเจ้าหน้าที่จากกองทัพอินโดนีเซีย(Indonesian National Armed Forces, TNI: Tentara Nasional Indonesia) เป็นผู้สังเกตการณ์ อากาศยานของกองทัพอากาศไทยที่ร่วมการฝึกรวมถึงเครื่อบินขับไล่แบบที่๒๐/ก บ.ข.๒๐/ก Saab Gripen C/D ฝูงบิน๗๐๑ กองบิน๗ สุราษฎร์ธานี, เครื่องบินโจมตีแบบที่๗ บ.จ.๗ Dornier Alpha Jet TH ฝูงบิน๒๓๑ กองบิน ๒๓, และเฮลิคอปเตอร์แบบที่๑๑ ฮ.๑๑ EC725(Airbus Helicopter H225M) ฝูงบิน๒๐๓ กองบิน๒ โคกกระเทียม 
จนถึงชุดค้นหาและช่วยชีวิต PJ Commando กรมปฏิบัติการพิเศษ(Special Operations Regiment) หน่วยบัญชาการอากาศโยธิน(SFC: Security Force Command) ที่ฝึกร่วมกับหน่วยรบพิเศษ(Special Forces) ของกองทัพอากาศปลดปล่อยประชาชนจีนในการฝึกด้านการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและบรรเทาสาธารณภัย(HADR: Humanitarian Assistance and Disaster Relief) และการกู้ภัยในพื้นที่การรบ(CSAR: Combat Search-and-Rescue)

อากาศยานของฝ่ายจีนเป็นครั้งแรกที่พบว่าได้นำเครื่องบินเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศ Xi'an HY-6U ซึ่งมีพื้นฐานจากเครื่องบินทิ้งระเบิดทางยุทธศาสตร์ตระกูล H-6 และอากาศยานไร้คนขับ Chengdu GJ-2 ซึ่งเป็นการกำหนดแบบในประจำการกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน(PLA: People's Liberation Army) ของอากาศยานไร้คนขับเพดานบินปานกลางระยะทำการนาน(MALE UAV: Medium-Altitude Long-Endurance Unmanned Aerial Vehicle) แบบ Wing Loong II
ยังเป็นครั้งที่สองที่พบว่าเครื่องบินตรวจการณ์สงคราม electronic(EW: Electronic Warfare) แบบ Shaanxi Y-9LG เข้าร่วมการฝึกในไทย(https://aagth1.blogspot.com/2024/09/y-9lg.html) รวมกับอากาศยานแบบอื่นที่เข้าร่วมการฝึก FALCON STRIKE มาหลายครั้งแล้วก่อนหน้าทั้งเครื่องบินขับไล่ Chengdu J-10C รุ่นที่นั่งเดี่ยวและเครื่องบินขับไล่ J-10AS รุ่นสองที่นั่งของกองทัพอากาศปลดปล่อยประชาชนจีน

เครื่องบินขับไล่ Shenyang J-11BGH รุ่นที่นั่งเดี่ยวและเครื่องบินขับไล่ J-11BSH รุ่นสองที่นั่งของกองการบินกองทัพเรือปลดปล่อยประชาชนจีน(PLANAF: People’s Liberation Army Navy Air Force),  เครื่องบินขับไล่ทิ้งระเบิด Xian JH-7AII, เครื่องบินควบคุมและแจ้งเตือนทางอากาศ Shaanxi KJ-500, เครื่องบินลำเลียง Xian Y-20A และเฮลิคอปเตอร์ Mil Mi-171Sh ของกองทัพอากาศปลดปล่อยประชาชนจีน
การฝึก Falcon Strike 2025 กับกองทัพอากาศปลดปล่อยประชาชนจีนมีขึ้นหลังจากเสร็จสิ้นการฝึกผสมทางอากาศ THAI BOOMERANG 2025 กับกองทัพอากาศออสเตรเลีย(RAAF: Royal Australian Air Force) ระหว่างวันที่ ๘-๑๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๖๘ ณ กองบิน๑ โคราช(https://aagth1.blogspot.com/2025/09/thai-boomerang-2025.html) แสดงให้เห็นว่ากองทัพอากาศไทยได้จัดการฝึกร่วมกับกองทัพอากาศสองชาติอย่างต่อเนื่องในภาคอีสานของไทยครับ

วันเสาร์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2568

กองทัพอากาศไทยลงนามจัดหาเครื่องบินลำเลียงและเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศ Airbus A330 MRTT+ เป็นลูกค้าเปิดตัวรายแรกของรุ่นล่าสุด

Thailand signs deal to become Airbus MRTT+ launch customer





An artist's impression of the Airbus MRTT+ in service with the Royal Thai Air Force. (Airbus)



กองทัพอากาศไทย(RTAF: Royal Thai Air Force) ได้ลงนามสัญญากับบริษัท Airbus ยุโรปเพื่อจะจัดหาเครื่องบินลำเลียงและเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศ A330 MRTT+(Multi Role Tanker Transport Plus) รุ่นเพิ่มขยายขีดความสามารถของบริษัท
ข้อตกลงได้วางตำแหน่งไทยในฐานะลูกค้าเปิดตัวของเครื่องบินลำเลียงและเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศ Airbus A330 MRTT Plus รุ่นใหม่ซึ่งเปิดตัวในปี พ.ศ.๒๕๖๗(2024) และยังมอบขีดความสามารถการเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศแก่กองทัพอากาศไทยเป็นครั้งแรก

บริษัท Airbus กล่าวเมื่อวันที่ ๒๕ กันยายน พ.ศ.๒๕๖๘(2025) ว่าสัญญาของตนกับกองทัพอากาศไทยมีเนื้อหาการขายเครื่องบินลำเลียงและเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศ Airbus A330 MRTT+ จำนวน ๑เครื่อง(https://aagth1.blogspot.com/2025/03/airbus-a330-mrtt.html)
ซึ่งมีพื้นฐานจากเครื่องบินโดยสาร Airbus A330-800neo และติดตั้งเครื่องยนต์ไอพ่น turbofan แบบ Rolls-Royce Trent 7000 สองเครื่อง, ติดตั้งทั้งระบบเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศแบบ boom และแบบ hose-and-drogue, ห้องโดยสารรับ-ส่งบุคคลสำคัญมาก(VVIP: Very Very Important Person), และชุดการส่งกลับทางสายแพทย์(medevac: medical evacuation kit)

บริษัท Airbus กล่าวว่าเครื่องบินโดยสาร A330-800neo มีกำหนดที่จะเข้ารับการเปลี่ยนแบบทางทหารที่ศูนย์ A330 MRTT ของตนใน Getafe สเปนในปี พ.ศ.๒๕๖๙(2026) โดยจะมีการส่งมอบให้กองทัพอากาศไทยในปี พ.ศ.๒๕๗๒(2029)
มูลค่าของสัญญาไม่เป็นที่เปิดเผย แต่มีรายงานในโครงการซื้อเครื่องบินรับ-ส่งบุคคลสำคัญทดแทนเครื่องบินลำเลียงแบบที่๑๙ บ.ล.๑๙ Airbus A340-500 ว่าอยู่ที่ราว ๑๒,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐บาท($372 million)(aagth1.blogspot.com/2025/06/rtaf-white-paper-2025.html)

โฆษกกองทัพอากาศไทยกล่าวกับ Janes ว่า กองทัพอากาศไทยวางแผนขั้นต้นที่จะประจำการเครื่องบินลำเลียงและเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศ Airbus A330 MRTT+ ในกองบิน๖ ที่มีที่ตั้ง ณ ฐานทัพอากาศดอนเมืองในกรุงเทพฯ โฆษกกองทัพอากาศไทยยังกล่าวว่า
กองทัพอากาศไทยมีแผนที่จะจัดหาเครื่องบินเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศ(AAR: Air-to-Air Refuelling) เพิ่มเติมด้วย "เราได้ร่างแผนที่จะมีเครื่องบินเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศใช้งานเพิ่มมากขึ้น" โฆษกกองทัพอากาศไทยกล่าว แม้ว่าเขาจะบ่งชี้ว่าการจัดซื้อเครื่องบินเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศจะยังไม่มีการเริ่มตั้งโครงการขึ้นในเร็วๆนี้ 

ในแง่ของการลงนามข้อตกลงชดเชย(offset) ต่างๆในข้อตกลง Airbus A330 MRTT+ ใหม่ โฆษกกองทัพอากาศไทยกล่าวว่า ลำดับความสำคัญของกองทัพอากาศไทยคือเพื่อให้มั่นใจว่าภาคอุตสาหกรรมของไทยจะสามารถซ่อมบำรุงและดำรงสภาพเครื่องบินได้อย่างมีประสิทธิภาพ
อย่างไรก็ตามเขายังกล่าวว่า "การเจรจาต่างๆเพิ่มเติม" เกี่ยวกับการชดเชย offset ต่างๆได้ถูกวางแผนขึ้นแล้วระหว่างกองทัพอากาศไทยและบริษัท Airbus(https://aagth1.blogspot.com/2025/06/nordic-airbus-a330-mrtt.html, https://aagth1.blogspot.com/2025/04/airbus-a330-mrtt-3.html, https://aagth1.blogspot.com/2025/03/airbus-a330-mrtt-nato.html)

โฆษกของบริษัท Airbus กล่าวกับ Janes ว่าควบคู่ไปกับคำสั่งจัดหานี้ Airbus จะเสริมความแข็งแกร่งเพิ่มเติมในความร่วมมือกับบริษัทอุตสาหกรรมการบิน จำกัด(TAI: Thai Aviation Industries) ไทย ที่ทั้งสองได้มีการลงนามบันทึกความเข้าใจ(MOU: Memorandum of Understanding) ฉบับเพิ่มขยาย
ที่จะรวมการสนับสนุนการซ่อมบำรุงสำหรับเครื่องบินลำเลียงและเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศ A330 MRTT+ ของกองทัพอากาศไทย ข้อตกลง MOU นี้เพิ่มขยายจากความร่วมมือที่มีอยู่สำหรับการดำรงสภาพเครื่องบินลำเลียง C295 ในไทย(https://aagth1.blogspot.com/2024/08/c295.html)

ความเห็นวิเคราะห์
การลงนามสัญญาจัดซื้อมีขึ้นหนึ่งวันหลังจาก กรมยุทธการทหารอากาศ(DO: Directorate of Operations) กองทัพอากาศไทย ได้เผยแพร่เอกสารใน Website ของตนเมื่อวันที่ ๒๔ กันยายน พ.ศ.๒๕๖๘ เรื่องประกาศผู้ชนะการเสนอราคาซื้อเครื่องบินรับ-ส่ง บุคคลสำคัญ ทดแทนเครื่องบินลำเลียงแบบที่ ๑๙ (บ.ล.๑๙) จำนวน ๑ เครื่อง พร้อมอุปกรณ์ อะไหล่ การฝึกอบรม และสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ ที่จำเป็น
ว่าผู้ได้รับคัดเลือกได้แก่บริษัท Airbus Defence and Space ราชอาณาจักรสเปน โดยเสนอราคาเป็นเงิน 201,143,983 Euros(๗,๖๕๔,๕๙๔,๖๑๖.๒๖บาท) และ $136,167,260(๔,๔๘๖,๓๒๙,๙๔๘.๖๗บาท) รวมเป็นราคาสุทธิที่ ๑๒,๑๔๐,๙๒๔,๕๖๔.๙๓บาท(322,554,013.38 Euros หรือ $376,620,464.29)(https://do.rtaf.mi.th/images/plan-procurement/68/24-9-681.pdf)

เครื่องบินลำเลียงและเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศ Airbus A330 MRTT+ ซึ่งมีกองทัพอากาศไทยเป็นลูกค้าเปิดตัวรายแรกสำหรับรุ่นใหม่ล่าสุดในฐานะเครื่องบินเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศแบบแรกของตน ถูกจัดหาภายใต้โครงการเครื่องบินรับ-ส่ง บุคคลสำคัญทดแทนเครื่องบินลำเลียงแบบที่๑๙ บ.ล.๑๙ Airbus 340-500 ในปีงบประมาณ พ.ศ.๒๕๖๘ ในส่วนของสำนักนายกรัฐมนตรี(Office of the Prime Minister) ไทย
ซึ่งเป็นอากาศยานที่ทำภารกิจได้อย่างหลากหลายทั้งการเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศที่รองรับทั้งระบบ boom ที่ใช้กับเครื่องบินขับไล่แบบที่๑๙ บ.ข.๑๙/ก F-16A/B และระบบ Probe-and-drogue ที่ใช้กับเครื่องบินขับไล่แบบที่๒๐/ก/ข/ค บ.ข.๒๐/ก/ข/ค Gripen C/D/E/F, การอพยพผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องกับการรบออกจากพื้นที่ขัดแย้ง(NEO: Non-Combatant Evacuation Operation), การส่งกลับทางสายแพทย์, และการขนส่งสัมภาระ

ตามที่กองทัพอากาศไทยยังไม่เคยมีเครื่องบินลำเลียง Airbus A330 รุ่นใดในประจำการมาก่อน เป็นที่เข้าใจว่าเฉพาะในภารกิจรับ-ส่งบุคคลสำคัญทดแทน บ.ล.๑๙ Airbus 340-500 ที่ประจำการ ณ ฝูงบิน๖๐๒ กองบิน๖ ดอนเมือง ที่จะมีการกำหนดแบบ Airbus A330-800neo เป็น "เครื่องบินลำเลียงแบบที่ ๒๐ บ.ล.๒๐" โดยในปี พ.ศ.๒๕๕๒(2009) กองทัพอากาศไทยได้กำหนดแบบตัวย่อของ เครื่องบินเติมเชื้อเพลิง เป็น "บ.ช."
Airbus A330 MRTT+ ที่จะประจำการ ณ ฝูงบิน๖๐๒ กองบิน๖ ในอนาคตจึงอาจจะถูกกำหนดแบบในประจำการได้ทั้ง "เครื่องบินเติมเชื้อเพลิงแบบที่ ๑ บ.ช.๑" หรือ "เครื่องบินเติมเชื้อเพลิงและลำเลียงแบบที่ ๒๐ บ.ชล.๒๐" อย่างใดอย่างหนึ่ง ตามที่ปัจจุบันมีผู้ใช้งานและสั่งจัดหา A330 MRTT ไปแล้ว ๑๑รายจำนวนกว่า ๘๕เครื่องทั่วโลก นี่จึงนับเป็นการจัดหาอากาศยานที่คุ้มค่าเป็นอย่างยิ่งของกองทัพอากาศไทยครับ

วันศุกร์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2568

สเปนอนุมัติแผนการจัดหาเครื่องบินฝึกไอพ่น Hürjet ตุรกี 45เครื่อง

Spain approves multibillion-euro aircraft procurement plan





A full-scale mock-up of the TAI Hürjet in Spanish markings was presented at FEINDEF 2025 in Madrid. Spain is to acquire up to 45 such aircraft as part of a wider modernisation programme, the financing for which has been approved. (Janes/Tristan Sauer)

รัฐบาลสเปนได้อนุมัติแผนการจัดสรรงบประมาณระยะเวลา 5ปีที่เร่งเครื่องการปรับปรุงความทันสมัยของฝูงบินอากาศยานปีกนิ่งและอากาศยานปีกหมุนทางทหาร การร่างพระราชกฤษฎีกา(royal decree) วงเงิน 3.68 billion Euros ($4.33 billion)
ในการประกาศสัญญากับบริษัท Airbus ยุโรปในฐานะผู้รับสัญญาหลักตลอดทั้ง 6 โครงการหลักตั้งแต่ปี 2025 ถึงปี 2030 ได้ถูกเผยแพร่ในราชกิจจานุเบกษา(state gazette)ของราชอาณาจักรสเปนเมื่อวันที่ 24 กันยายน 2025

"พระราชกฤษฎีกาฉบับนี้กำหนดหลักเกณฑ์สำหรับการให้สัญญาโดยตรงแก่บริษัท Airbus Defence and Space ยุโรปสาขาสเปน และบริษัท Airbus Helicopters Spain ยุโรปสาขาสเปน
สำหรับการพัฒนาทางด้านอุตสาหกรรมของ 6 โครงการการปรับปรุงความทันสมัยพิเศษในภาคส่วนด้านการบินและการป้องกันประเทศ" เอกสารประกาศพระราชกฤษฎีกากล่าว โดยเสริมว่า

"มาตรการนี้ตอบสนองต่อแผนการพัฒนาด้านอุตสาหกรรมและวิทยาการเพื่อความมั่นคงและกลาโหม 2025(Industrial and Technological Plan for Security and Defence) ของสเปน
มุ่งเป้าไปที่การปรับปรุงความทันสมัยของเหล่าทัพต่างๆ, เสริมความแข็งแกร่งของอธิปไตยทางด้านภาคอุตสาหกรรมและวิทยาการ และสร้างการว่าจ้างงานและการสร้างนวัตกรรม" เอกสารพระราชกฤษฎีกาเสริม

ตามข้อมูลจากเอกสาร บริษัท Airbus Defence and Space ยุโรปสาขาสเปนจะได้รับงบประมาณวงเงิน 1.04 billion Euros สำหรับโครงการระบบการฝึกบินขั้นก้าวหน้าบูรณาการ(ITS-C: Integrated Advanced Flight Training System)
เพื่อที่จะจัดหาเครื่องบินฝึกไอพ่นขั้นก้าวหน้า Turkish Aerospace(TA) Hürjet ตุรกี(https://aagth1.blogspot.com/2025/05/airbus-turkish-aerospace-hurjet.html, https://aagth1.blogspot.com/2024/12/mou-hurjet.html),

และวงเงิน 520 million Euros สำหรับโครงการวิทยาการการฝึกการเคลื่อนที่ทางอากาศ(ITS-T: Air Mobility Training Technologies) ที่เกี่ยวข้องกับเครื่องลำเลียงทางยุทธวิธี C295(https://aagth1.blogspot.com/2024/01/c295mw.html),
บริษัท Airbus Helicopters Spain ยุโรป-สเปนจะได้รับงบประมาณวงเงิน 1 billion Euros สำหรับโครงการการเคลื่อนที่ทางอากาศเฮลิคอปเตอร์ NHIndustries NH90 ระยะที่3(https://aagth1.blogspot.com/2024/10/nhi-nh90.html),

วงเงิน 100 million Euros สำหรับโครงการเฮลิคอปเตอร์ฝึกและสนับสนุน H135 ระยะที่2(https://aagth1.blogspot.com/2023/10/h135.html), วงเงิน 920 million Euros สำหรับโครงการเฮลิคอปเตอร์ขนาดบาอเนกประสงค์สำหรับการฝึก(HELIPO: Multi-purpose Light Helicopter for Training) 
และวงเงิน 100 million Euros สำหรับโครงการเฮลิคอปเตอร์อเนกประสงค์(HACES: Multi-purpose Helicopter) เพื่อที่จะจัดซื้่อเฮลิคอปเตอร์ H175(https://aagth1.blogspot.com/2019/06/airbus-helicopters-tai.html)

สเปนมองที่จะจัดหาเครื่องบินฝึกไอพ่นขั้นก้าวหน้า Hürjet จำนวนถึง 45เครื่องเพื่อทดแทนเครื่องบินฝึกไอพ่น Northrop F-5M(/EF-5M) ของกองทัพอากาศและอวกาศสเปน(Spanish Air and Space Force, EdAE: Ejército del Aire y del Espacio)
ตามข้อมูลจาก Janes World Air Forces กองทัพอากาศและอวกาศสเปนปัจจุบันมีประจำการด้วยเครื่องบินขับไล่สองที่นั่ง EF-5BM จำนวน 19เครื่องที่ประจำการมาตั้งแต่ปี 1970s ซึ่งถูกใช้ในฐานะเครื่องบินฝึกนักบินขับไล่ที่มีอายุการใช้งานมานานและล้าสมัยครับ

วันพฤหัสบดีที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2568

กองทัพอากาศสหรัฐฯตั้งเป้าจะทำการบินครั้งแรกของเครื่องบินขับไล่ครองอากาศยุคอนาคต F-47 ในปี 2028

AFA 2025: USAF targets 2028 for first flight of F-47

A graphical representation of the Boeing F-47, announced as the winner of the USAF's NGAD contest in March 2025. The aircraft will have a range of over 1,000 n miles, according to USAF Chief of Staff General David Allvin. (USAF)




Boeing's F-47 is designed to replace the F-22 as the USAF's primary air superiority fighter. (USAF)

นายพลผู้บัญชาการระดับสูงของกองทัพอากาศสหรัฐฯ(USAF: US Air Force) กล่าวว่ากองทัพอากาศสหรัฐฯกำลังวางแผนสำหรับการบินครั้งแรกของเครื่องบินขับไล่ Boeing F-47 ของตนที่จะมีขึ้นในปี 2028
สามปีให้หลังจากบริษัท Boeing สหรัฐฯได้รับการประกาศสัญญาการพัฒนาในเดือนมีนาคม 2025(https://aagth1.blogspot.com/2025/03/boeing-f-47-ngad.html)

"มันใกล้จะถึงปี 2026 และทีมมุ่งมั่นที่จะให้เครื่องบินเครื่องแรกทำการบินในปี 2028 เราพร้อมที่จะไปให้เร็ว และเราต้องไปให้เร็ว" พลอากาศเอก David Allvin กล่าวเมื่อวันที่ 22 กันยายน 2025
ณ งานสัมมนาอากาศ, อวกาศ, และ Cyber(Air, Space & Cyber) ของแหล่งสมาคมกองทัพอากาศและอวกาศสหรัฐฯ(AFA: Air and Space Forces Association) ใน National Harbor มลรัฐ Maryland

ความเห็นของพลอากาศเอก Allvin มีขึ้นตามมาหลายเดือนหลังจากการเปิดเผยรายละเอียดของโครงการเครื่องบินขับไล่ F-47 ในสื่อสังคม online ในเดือนพฤษภาคม 2025(https://aagth1.blogspot.com/2025/05/f-47.html)
ในเวลานั้นเจ้าหน้าที่กองทัพอากาศสหรัฐฯและบริษัท Boeing กำลังวางแผนสำหรับการบินครั้งแรกของเครื่องบินขับไล่ครองอากาศยุคอนาคต F-47 NGAD จะมีขึ้นก่อนสิ้นปี 2029

โดยเครื่องบินขับไล่ F-47 จะเข้าสู่สถานะการพร้อมปฏิบัติการในระหว่างปี 2025 ถึง 2029 ตาม post ในสื่อสังคม online พลอากาศเอก Allvin ยังเน้นว่า post ว่าขนาดฝูงบินรวมของ F-47 จะประมาณอย่างน้อยจำนวน 185เครื่อง
ในแง่ขีดความสามารถที่ถูกเสนอ post อ้างว่า เครื่องบินขับไล่ F-47 จะมีรัศมีการรบที่เกิน 1,000nmi และความเร็วสูงสุดที่มากกว่า Mach 2 ภาพวาดยังเปิดเผยบางส่วนว่ากองทัพอากาศสหรัฐฯตั้งใจจะปฏิบัติการ F-47 ที่ฝูงบินขนาดจำนวนอย่างน้อย 185เครื่อง

เครื่องบินขับไล่ F-47 ของ Boeing สหรัฐฯถูกเลือกให้เป็นผู้ชนะในการแข่งขันโครงการเครื่องบินขับไล่ครองอากาศยุคอนาคต NGAD(Next Generation Air Dominance) ในเดือนมีนาคม 2025
ซึ่งถูกออกแบบเพื่อทดแทนเครื่องบินขับไล่ Lockheed Martin F-22 Raptor ในฐานะเครื่องบินขับไล่ครองอากาศหลักของกองทัพอากาศสหรัฐฯ โดยเครื่องบินขับไล่ F-47 ถูกอธิบายว่ามีคุณลักษณะ 'ตรวจจับได้ยาก++' stealth++

เครื่องบินขับไล่ F-22 Raptor ถูกอธิบายว่าเป็นเครื่องบินขับไล่ครองอากาศที่สามารถทำความเร็วได้ถึง Mach 2+ ด้วยรัศมีการรบที่ 590nmi และมีคุณลักษณะ 'ตรวจจับได้ยาก+' stealth+
ขณะที่เครื่องบินขับไล่ Lockheed Martin F-35A Lightning II ถูกอธิบายว่าเป็นเครื่องบินขับไล่พหุภารกิจที่สามารถทำความเร็วได้ถึง Mach 1.6 ด้วยรัศมีการรบที่ 670nmi และมีคุณลักษณะ 'ตรวจจับได้ยาก' stealth ครับ

วันพุธที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2568

จีนแสดงขีดความสามารถการปฏิบัติการของอากาศยานบนเรือบรรทุกเครื่องบิน CV-18 Fujian เป็นครั้งแรก

China showcases carrier air wing capabilities aboard Fujian











China's PLAN has for the first time released images that demonstrate its ability to launch and recover fixed-wing aircraft from its first catapult-equipped aircraft carrier, Fujian. (China Military)







กองทัพเรือปลดปล่อยประชาชนจีน(PLAN: People's Liberation Army Navy) ได้เผยแพร่ชุดภาพถ่ายและภาพเคลื่อนไหววีดิทัศน์เป็นครั้งแรกที่แสดงถึงขีดความสามารถที่จะส่งอากาศปีกนิ่งขึ้นบินและรับกลับมาลงจอด
จากเรือบรรทุกเครื่องบินที่ติดตั้งรางดีดส่งอากาศยานขึ้นบิน(catapult) ลำแรกของตน เรือบรรทุกเครื่องบินชั้น Type 003 เรือบรรทุกเครื่องบิน CV-18 Fujian(https://aagth1.blogspot.com/2025/07/cv-18-fujian.html)

ชุดวีดิทัศน์และชุดภาพที่เผยแพร่สำนักข่าวต่างๆในความควบคุมของรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีนเมื่อวันที่ 22 กันยายน 2025 บ่งชี้ว่าเครื่องบินขับไล่ยุคที่ห้าตรวจจับได้ยากประจำเรือบรรทุกเครื่องบิน Shenyang J-35 stealth(https://aagth1.blogspot.com/2024/11/j-35a.html),
เครื่องบินขับไล่ประจำเรือบรรทุกเครื่องบิน Shenyang J-15T(https://aagth1.blogspot.com/2024/11/j-15d.html), และเครื่องบินแจ้งเตือนทางอากาศ Xi'an KJ-600 AEW(Airborne Early Warning)

อากาศยานทั้งหมดสามแบบได้ทำการปฏิบัติการบินจากเรือบรรทุกเครื่องบินลำที่สามของกองทัพเรือปลดปล่อยประชาชนจีน เรือบรรทุกเครื่องบิน CV-18 Fujian(https://aagth1.blogspot.com/2024/05/cv-18-fujian.html)
นี่เป็นเครื่องหมายถึงครั้งแรกที่เห็นเครื่องบินขับไล่ J-35, เครื่องบินขับไล่ J-15T และเครื่องบินแจ้งเตือนทางอากาศ KJ-600 ทั้งสามแบบปฏิบัติการจากเรือบรรทุกเครื่องบิน Fujian ซึ่งได้อยู่ในดำเนินการทดลองเรือในทะเลตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2024

ที่น่าสังเกตุมากขึ้น เหตุการณ์สำคัญนี้ทำให้จีนเป็นประเทศแรกในโลกที่ทำการส่งเครื่องบินขับไล่ยุคที่ห้า stealth ขึ้นบินจากเรือบรรทุกเครื่องบินด้วยการใช้รางดีด catapult แม่เหล็กไฟฟ้า(EMALS: Electro-Magnetic Aircraft Launch System)
เครื่องบินขับไล่ J-15T เป็นรุ่นปรับปรุงของเครื่องบินขับไล่ J-15 ที่ติดตั้งด้วยฐานล้อลงจอดเสริมความแข็งแรงที่เหมาะสมสำหรับการปฏิบัติการบนเรือบรรทุกเครื่องบินแบบ CATOBAR(Catapult-Assisted Take-Off But Arrested Recovery)

ภาพวีดิทัศน์ที่เผยแพร่ของเครื่องบินขับไล่ J-15T ก่อนหน้านี้จนถึงการปฏิบัติการบินบนเรือบรรทุกเครื่องบินล่าสุดยังมีข้อสังเกตว่ามีอย่างน้อยหนึ่งเครื่องจากรุ่นนี้ที่ติดตั้งด้วยเครื่องยนต์ไอพ่น turbofan ตระกูล WS-10 รุ่นใหม่ที่จีนพัฒนาในประเทศ 
J-35 เป็นเครื่องบินขับไล่ยุคที่ห้าที่มีการนำคุณลักษณะภาคตัดขวาง radar(RCS: Radar Cross-Section) ที่ต่ำมาใช้เป็นอย่างมากในรูปแบบทางกายภาพ(form factor) โดยรวม เครื่องบินขับไล่ J-35 ไม่เคยถูกพบในการทดสอบบนเรือบรรทุกเครื่องบินมาก่อนหน้า

ขณะเดียวกัน KJ-600 มีภารกิจและการออกแบบเช่นเดียวกับเครื่องบินควบคุมและแจ้งเตือนทางอากาศ E-2 Hawkeye ของกองทัพเรือสหรัฐฯ(USN: US Navy) และจำกัดการส่งขึ้นบินด้วยรางดีด catapult จากขนาดและน้ำหนักของเครื่องบิน
ชุดวีดิทัศน์และชุดภาพถ่ายที่ถูฏเผยแพร่บ่งชี้ว่ามีเครื่องบินแจ้งเตือนทางอากาศ KJ-600 อย่างน้อย 3เครื่องที่เป็นส่วนหนึ่งในปฏิบัติการส่งขึ้นบินและรับกลับลงเรือบนเรือบรรทุกเครื่องบิน Fujian ครับ(https://aagth1.blogspot.com/2022/01/e-2d-advanced-hawkeye.html)