วันอังคารที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564

ออสเตรเลียปลดประจำการเครื่องบินขับไล่ F/A-18A/B Hornet

Farewell to a 'Classic' era for air combat capability















After more than 30 years of dedicated service to the Royal Australian Air Force, Australia’s fleet of F/A-18A/B Classic Hornets has been farewelled, to make way for the fifth-generation F-35A Lightning II fighter.





หลังจากเข้าประจำการอย่างอุทิศตนมามากกว่า 30ปี ฝูงเครื่องบินขับไล่ Boeing F/A-18A/B Hornet รุ่นดั้งเดิมของกองทัพอากาศออสเตรเลีย(RAAF: Royal Australian Air Force) ได้ถูกทำพิธีปลดประจำการแล้ว
เพื่อปูทางสำหรับเครื่องบินขับไล่ยุคที่5 แบบ Lockheed Martin F-35A Lightning II(https://aagth1.blogspot.com/2020/03/fa-18ab.html, https://aagth1.blogspot.com/2018/04/f-35a.html)

เครื่องบินขับไล่ F/A-18A/B Hornet รุ่นดั้งเดิมที่ยังคงใช้งานได้อยู่เพียงไม่กี่เครื่อง(จากจำนวนจัดหาทั้งหมด 71เครื่อง) ที่ได้ถูกนำมาวางกำลังป้องกันประเทศออสเตรเลียตั้งแต่ปี 1985 นั้น ได้ถูกทำพิธีปลดประจำการแล้วเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2021
โดยรัฐมนตรีกลาโหมออสเตรเลีย Peter Dutton, ผู้บัญชาการกองทัพอากาศออสเตรเลีย พลอากาศโท Mel Hupfeld, นักบินกองทัพอากาศ และหุ้นส่วนภาคอุตสาหกรรมความมั่นคง ได้ถูกเชิญเข้าร่วมพิธี ณ ฐานทัพอากาศ RAAF Base Williamtown

เครื่องบินขับไล่ F/A-18A/B ที่เดิมมาจากฝูงบินที่75(No.75 Squadron) ที่มีที่ตั้ง ณ ฐานทัพอากาศ RAAF Base Tindal ใกล้ Katherine ในรัฐ Northern Territory เป็นฝูงบิน Hornet รุ่นดั้งเดิมฝูงสุดท้ายจะถูกเปลี่ยนแบบเป็นเครื่องบินขับไล่ F-35A
พลอากาศโท Hupfeld นักบินรบและครูการบินเครื่องบินขับไล่ F/A-18A/B ยกย่องขีดความสามารถที่พิเศษของ Hornet รุ่นดั้งเดิมที่ได้มอบแก่กำลังทางอากาศของออสเตรเลีย และผลงานของพวกมันที่ได้ทำในการเข้าปะทะกับภัยคุกคามหลายต่อหลายครั้ง

"มันเหมาะสมทีเดียวที่ในโอกาสครบรอบหนึ่งศตววรษของกองทัพอากาศออสเตรเลีย เราได้กล่าวอำลาต่อ Hornet รุ่นดั้งเดิม เครื่องบินขับไล่ที่ได้ถูกบูรณาการเป็นส่วนหนึ่งขีดความสามารถกลาโหมของออสเตรเลียเป็นเวลามากกว่าสามทศวรรษ 
ตามที่ F/A-18A/B Hornet รุ่นดั้งเดิมเข้าใกล้การหมดอายุการใช้งานหลังทำการบินมาเกือบ 408,000ชั่วโมงบิน มันเป็นเวลาสำหรับที่จะเปลี่ยนผ่านสู่อำนาจการสังหาร, ความอยู่รอด และการสนับสนุนที่ก้าวหน้าที่ถูกส่งมอบโดย F-35A Lightning II" พลอากาศโท Hupfeld กล่าว

พลอากาศโท Hupfeld ยังย้ำว่าเครื่องบินขับไล่ F/A-18A/B Hornet รุ่นดั้งเดิมได้กลายเป็นอากาศยานพิเศษสำหรับกองทัพอากาศออสเตรเลีย และเป็นส่วนสำคัญของประวัติศาสตร์การบินของออสเตรเลีย
"การวางกำลังปฏิบัติการครั้งแรกของ Hornet มีขึ้นในเดือนพฤศจิกายน 2001 ถึงเดือนพฤษภาคม 2002 ภายใต้ปฏิบัติการ Operation Slipper หลังการโจมตีโดยผู้ก่อการร้ายเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2001" เขากล่าว

พลอากาศโท Hupfeld กล่าวว่า "รัฐบาลออสเตรเลียเห็นชอบที่จะวางกำลังเครื่องบินขับไล่ F/A-18A/B เพื่อป้องกันฐานทัพอากาศหลักของกองทัพอากาศสหรัฐฯ(USAF: US Air Force) บนเกาะ Diego Garcia ในมหาสมุทรอินเดีย ซึ่งถูกใช้เป็นเวทีการปฏิบัติการในอัฟกานิสถาน
ในเดือนกุมภาพันธ์ 2003 มันเป็นสิทธิพิเศษและเกียรติของผมที่ได้บัญชาการหน่วยบิน Hornet จำนวน 14เครื่องและกำลังพลจากฝูงบินที่75 ที่วางกำลังในอิรักภายใต้ปฏิบัติการ Operation Falconer ในฐานะส่วนหนึ่งของการมีส่วนร่วมของออสเตรเลียในสงครามต่อต้านการก่อการร้าย" 

"นี่เป็นการวางกำลังปฏิบัติการรบครั้งแรกของเครื่องบินขับไล่ออสเตรเลียนับตั้งแต่สงครามเกาหลี และบรรดานักบินและเครื่องบินของเราดำเนินการปฏิบัติได้เหนือกว่าที่คาด" พลอากาศโท Hupfeld กล่าว
ผู้บัญชาการปฏิบัติการทางอากาศกองทัพอากาศออสเตรเลีย พลอากาศตรี Joe Iervasi ยังเป็นนักบินเครื่องบินขับไล่ F/A-18A/B ที่มีประสบการณ์ สะท้อนถึงการวางกำลังปฏิบัติการล่าสุดของ Hornet รุ่นดั้งเดิม และอนาคตของขีดความสามารถการรบทางอากาศของออสเตรเลีย

ในปี 2014-2018 ฝูงบินเครื่องบินขับไล่ F/A-18A/B Hornet ได้ถูกวางกำลังในปฏิบัติการ Operation Okra ในฐานะส่วนหนึ่งของกองกำลังผสมนานาชาติที่จะกำจัดกลุ่มติดอาวุธก่อการร้าย Daesh
เป็นอีกครั้งที่การปฏิบัติงานทำได้เหนือกว่าที่คาด ในปฏิบัติการ Okra เครื่องบินขับไล่ Hornet รุ่นดั้งเดิมทำการบิน 1937ภารกิจ ชั่วโมงบินสะสม 14,780ชั่วโมง และใช้อาวุธไปเกือบ 1,600นัด" พลอากาศตรี Iervasi กล่าว

"ขณะที่ผมเศร้าที่เห็นเครื่องบินที่น่าเหลือเชื่อสิ้นสุดภารกิจของมันในฐานะผู้พิทักษ์ท้องฟ้าของออสเตรเลีย มันเป็นเวลาที่น่าตื้นเต้นสำหรับกองทัพอากาศออสเตรเลีย ตามที่เราเข้าสู่ศตวรรษที่สองกับ F-35A ที่กำลังส่งมอบกำลังทางอากาศในฐานะส่วนหนึ่งของกองกำลังร่วมเป็นเครือข่าย 
ที่จะดำรงขีดความสามารถของกองทัพออสเตรเลีย(ADF: Australian Defence Force) ที่จะป้องปรามหรือกำจัดภัยคุกคามต่างๆต่อผลประโยชน์ของออสเตรเลีย" เขากล่าว

ก่อนหน้านี้ออสเตรเลียได้ขายเครื่องบินขับไล่ F/A-18A/B จำนวน 25เครื่อง(ใช้จริง 18เครื่อง เป็นอะไหล่ 7เครื่อง)แก่กองทัพอากาศแคนาดา(RCAF: Royal Canadian Air Force) เพื่อคั่นระยะก่อนการจัดหาเครื่องบินขับไล่ใหม่(https://aagth1.blogspot.com/2019/02/fa-18a.html)
กองทัพอากาศออสเตรเลียมีเครื่องบินขับไล่ F/A-18A รุ่นที่นั่งเดี่ยว 54เครื่อง และเครื่องบินขับไล่ F/A-18B รุ่นสองที่นั่ง 15เครื่อง ซึ่งมีอายุการใช้งานเฉลี่ยรวมมากกว่า 33ปี ซึ่งหลังปลดประจำการออสเตรเลียมองที่จะขายต่อเครื่องมือสองให้บริษัทเอกชนเพื่อใช้ในการฝึกบินด้วยครับ

วันจันทร์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564

โครเอเชียลงนามสัญญาจัดหาเครื่องบินขับไล่ Rafale ฝรั่งเศส

Croatia and France finalize Rafale acquisition







At a ceremony attended by the President of the French Republic Emmanuel Macron and the Prime Minister of the Croatian Republic Andrej Plenković, the French Minister of the Armed Forces Florence Parly and the Chairman and CEO of Dassault Aviation Eric Trappier signed today in Zagreb, with the Croatian Minister of Defense Mario Banozic, two contracts for the acquisition of 12 Rafale fighters and associated logistics support.



ณ พิธีที่เชิญประธานาธิบดีสาธารณรัฐฝรั่งเศส Emmanuel Macron และนายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐโครเอเชีย Andrej Plenković รัฐมนตรีกลาโหมฝรั่งเศส นาง Florence Parly และผู้อำนวยการบริหารบริษัท Dassault Aviation ฝรั่งเศส Eric Trappier 
ได้ลงนามสัญญาในนครหลวง Zagreb โครเอเชียกับรัฐมนตรีกลาโหมโครเอเชีย Mario Banozic สองสัญญาสำหรับการจัดหาเครื่องบินขับไล่ Rafale จำนวน 12เครื่อง และการสนับสนุนการส่งกำลังบำรุงที่เกี่ยวข้องเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2021

สัญญารัฐบาลต่อรัฐบาลมีเนื้อหาหลักครอบคลุมการส่งมอบเครื่องบินขับไล่ Rafale จำนวน 12เครื่องจากจากกองทัพอากาศและอวกาศฝรั่งเศส(French Air and Space Force, Armée de l'Air et de l'Espace)
ควบคู่ไปกับอุปกรณ์ของพวกมัน เช่นเดียวกับการให้บริการการฝึกสำหรับกองทัพอากาศโครเอเชีย(CAF: Croatian Air Force, HRZ: Hrvatsko ratno zrakoplovstvo)

สัญญาการสนับสนุนการส่งกำลังบำรุงครอบคลุมทั้งทรัพยากรสนับสนุนทั้งหมด รวมถึงอะไหล่เพิ่มเติมสำหรับเครื่องบินขับไล่ Rafale เหล่านี้ตลอดช่วงระยะเวลา 3ปี
การเลือกแบบเครื่องบินขับไล่ Rafale ฝรั่งเศสของโครเอเชียได้ถูกประกาศเมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2021 ไม่มีการเปิดเผยมูลค่าวงเงินสัญญาแต่คาดว่าน่าจะอยู่ที่ราว 999 million Euros(https://aagth1.blogspot.com/2021/06/rafale-12.html)

เครื่องบินขับไล่ Rafale ฝรั่งเศสเป็นผู้ชนะเหนือผู้เข้าแข่งขันนานาชาติที่รวมเครื่องบินขับไล่ยุโรปและสหรัฐฯ เช่น เครื่องบินขับไล่ Lockheed Martin F-16V Block 70/72 Fighting Falcon และเครื่องบินขับไล่ Saab Gripen C/D สวีเดนที่สร้างใหม่
สะท้อนถึงความเหนือกว่าทางวิทยาการและการปฏิบัติการของ Rafale เช่นเดียวกับงานอันยอดเยี่ยมที่สำเร็จโดยทีม "ฝรั่งเศส" ที่จะสร้างความแข็งแกร่งของตำแหน่งของตนในกลุ่มกองทัพอากาศชาติยุโรป

"ผมมีความยินดีในนามของ Dassault Aviation และหุ้นส่วนของเราที่จะเข้าสู่ความสัมพันธ์ของความเชื่อถือกับโครเอเชีย ประเทศยุโรป และจะเขียนประวัติหน้าใหม่สำหรับ Rafale 
ซึ่งผมมั่นใจที่จะมอบให้กองทัพอากาศโครเอเชียพึ่งพอใจอย่างสมบูรณ์ ขณะที่การมีส่วนช่วยเชิงรุกต่อการฝึกเพื่ออธิปไตยแห่งชาติของโครเอเชีย" Eric Trappier กล่าวหลังพิธีลงนาม

"ฉันพึ่งได้ลงนามข้อตกลงสำหรับการจัดหาเครื่องบินขับไล่ Rafale โดยโครเอเชียในฐานะส่วนหนึ่งของการเยือน Zagreb ของประธานาธิบดีฝรั่งเศส เป็นการแสดงความแข็งแกร่งสำหรับด้านความมั่นคงกลาโหมยุโรป โครเอเชียเป็นชาติยุโรปที่สามที่จะประจำการ Rafale
เครื่องบินขับไล่ Rafale มือสอง 12เครื่องที่ขายให้โครเอเชียนำมาจากที่ประจำการในกองทัพอากาศและอวกาศฝรั่งเศส พวกมันจะถูกทดแทนด้วยเครื่องใหม่อย่างแน่นอนซึ่งจะได้รับการสั่งจัดหาตั้งแต่ปี 2023" นาง Florence Parly กล่าวในบัญชี Twitter ทางการของตน

กองทัพอากาศโครเอเชียมีความต้องการจัดหาเครื่องบินขับไล่ใหม่จำนวน 12เครื่อง เพื่อทดแทนเครื่องบินขับไล่ MiG-21 ที่มีอายุการใช้งานมานานของตน บนพื้นฐานการทดแทนแบบหนึ่งต่อหนึ่ง
(MiG-21 เหล่านี้จาก 12เครื่องมีเพียงระหว่าง 3เครื่องถึง 6เครื่องเท่านั้นที่เข้าใจว่ายังคงปฏิบัติการได้ แม้ว่าจะมี MiG-21 ที่ได้รับการซ่อมทำใหญ่ในโรมาเนียช่วงปี 2003-2004 และได้รับการปรับปรุงส่วนน้อยในยูเครนระหว่างปี 2013-2015 แล้วก็ตาม)

โครเอเชียจะเป็นผู้ใช้งานส่งออกล่าสุดสำหรับเครื่องบินขับไล่ Rafale ต่อจากอียิปต์จำนวน 54เครื่อง(https://aagth1.blogspot.com/2021/05/rafale-30.html), กาตาร์จำนวน 36เครื่อง(https://aagth1.blogspot.com/2019/06/rafale.html
อินเดียจำนวน 36เครื่อง(https://aagth1.blogspot.com/2020/09/rafale.html) และกรีซจำนวน 12เครื่องครับ(https://aagth1.blogspot.com/2021/07/rafale.html, https://aagth1.blogspot.com/2021/01/rafale.html)

วันอาทิตย์ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564

กองทัพอากาศไทยรับมอบเฮลิคอปเตอร์แบบที่๑๑ EC725 เพิ่มเติม ๒เครื่อง










Airbus Helicopters have delivered new two of H225M (EC725) multirole helicopters serial 20309 and 20310 to 203rd Squadron, Wing 2 Lop Buri, Royal Thai Air Force (RTAF) in 24 November 2021.

กองบิน ๒ ให้การต้อนรับ คณะ นักบิน และ เจ้าหน้าที่ประจำเครื่อง จาก บริษัท AIRBUS HELICOPTERS 
นาวาอากาศเอก ชวภณ  ยิ้มพงษ์ ผู้บังคับการกองบิน ๒ พร้อมด้วย รองผู้บังคับการกองบิน ๒, เสนาธิการกองบิน ๒ ให้เกียรติมอบพวงมาลัย และให้การต้อนรับ คณะ นักบิน และ เจ้าหน้าที่ประจำเครื่อง จาก บริษัท AIRBUS HELICOPTERS 
เนื่องในโอกาสที่ บริษัท AIRBUS HELICOPTERS นำส่ง เฮลิคอปเตอร์แบบที่ ๑๑ (EC725) หมายเลข ๒๐๓๐๙ และ ๒๐๓๑๐ ณ โรงเก็บอากาศยาน ฝูงบิน ๒๐๓ กองบิน ๒ เมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๖๔

การส่งมอบเฮลิคอปเตอร์แบบที่๑๑ ฮ.๑๑ EC725(Airbus Helicopters H225M) หมายเลข 20309 และ 20310 เพิ่มเติม ๒เครื่องแก่กองทัพอากาศไทย(RTAF: Royal Thai Air Force) เมื่อวันที่ ๒๔ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๖๔(2021)
ทำให้ล่าสุด ฝูงบิน๒๐๓ กองบิน๒ โคกกระเทียม จังหวัดลพบุรี จะมีเฮลิคอปเตอร์ ฮ.๑๑ EC725 ประจำการรวม ๑๐เครื่อง เป็นที่เข้าใจว่ายังมีอีก ๒เครื่องที่จะส่งมอบตามมาภายหลัง(https://aagth1.blogspot.com/2018/09/ec725.html)

ฮ.๑๑ EC725 หมายเลข 20309 และ 20310 ที่ปรากฎภาพในการส่งมอบล่าสุดมีการติดตั้งอุปกรณ์พิเศษประกอบด้วย ทุ่นลอยที่ฐานล้อสำหรับการลงจอดฉุกเฉินบนน้ำ(emergency flotation gear), เชือกโรยตัว(fast roping), สายยึดขนส่งสัมภาระ, ไฟฉายค้นหา และระบบกล้อง Electro-Optical
ตามโครงการจัดหาเฮลิคอปเตอร์ขนาดกลางสำหรับค้นหาและช่วยชีวิตในพื้นที่การรบ เพื่อทดแทนเฮลิคอปเตอร์แบบที่๖ ฮ.๖ Bell UH-1H Huey ที่ปลดประจำการจากฝูงบิน๒๐๓ แล้วในเดือนกันยายน พ.ศ.๒๕๖๔ ที่ผ่านมา(https://aagth1.blogspot.com/2021/09/uh-1h.html)

กองทัพอากาศไทยได้สั่งจัดหาเฮลิคอปเตอร์ ฮ.๑๑ EC725 ระยะที่๑ จำนวน ๔เครื่องในปี พ.ศ.๒๕๕๕(2012) ระยะที่๒ จำนวน ๒เครื่อง ในปี พ.ศ.๒๕๕๗(2014) ระยะที่๓ จำนวน ๒เครื่อง ในปี พ.ศ.๒๕๕๙(2016) และระยะที่๔ จำนวน ๔เครื่อง ในปี พ.ศ.๒๕๖๑(2018) รวมทั้งหมด ๑๒เครื่อง
เดิมกองทัพอากาศไทยมองที่จะจัดหาเฮลิคอปเตอร์ขนาดกลางสำหรับค้นหาและช่วยชีวิตในพื้นที่การรบรวม ๑๖เครื่องในฝูงบิน๒๐๓ แต่จากข้อจำกัดด้านงบประมาณเป็นที่เข้าใจว่าการจัดหาจะเสร็จสิ้นที่ ๑๒เครื่องเท่านั้น(https://aagth1.blogspot.com/2021/02/airbus-helicopters-tai.html)

นอกจากภารกิจค้นหาและกู้ภัยในพื้นที่การรบ(CSAR: Combat Search and Rescue) เช่นที่ปฏิบัติในการฝึกประจำปีของกองทัพอากาศไทย(https://aagth1.blogspot.com/2020/12/blog-post_26.html, https://aagth1.blogspot.com/2020/12/blog-post_25.html
ตั้งแต่ที่รับมอบเครื่องชุดแรกเข้าประจำการในปี พ.ศ.๒๕๕๘(2015)(https://aagth1.blogspot.com/2015/08/ec725.html) กองทัพอากาศไทยได้นำ ฮ.๑๑ EC725 ใช้ในภารกิจช่วยเหลือประชาชนหลายครั้ง ทั้งการนำส่งผู้ป่วยฉุกเฉินทางอากาศ จนถึงการค้นหาและช่วยชีวิตผู้ประสบภัยต่างๆ

ปัจจุบันกองบิน๒ ได้มีการปรับเปลี่ยนโครงสร้างอัตราจัดกำลังอากาศยานในหน่วยขึ้นตรงของตนตามที่มีเฮลิคอปเตอร์หลายแบบปลดประจำการไป นอกจากเฮลิคอปเตอร์ ฮ.๖ UH-1H ในฝูงบิน๒๐๓ ที่ถูกทดแทนด้วยเฮลิคอปเตอร์ ฮ.๑๑ EC725 ในภารกิจค้นหาและกู้ภัยตามฐานบินทั่วประเทศแล้ว
ยังรวมถึงการนำเฮลิคอปเตอร์แบบที่๑๓ ฮ.๑๓ Airbus H135 จำนวน ๖เครื่องเข้าประจำการในฝูงบิน๒๐๒ ที่กลับมาตั้งขึ้นใหม่ในฐานะเฮลิคอปเตอร์ฝึก(https://aagth1.blogspot.com/2021/10/h135.html, https://aagth1.blogspot.com/2021/09/blog-post_26.html

และการปลดประจำการเฮลิคอปเตอร์แบบที่๖ข ฮ.๖ข Bell 412 Twin และเฮลิคอปเตอร์แบบที่๖ค Bell 412HP/Bell 412SP ฝูงบิน๒๐๒ เมื่อเดือนตุลาคม พ.ศ.๒๕๖๔(https://aagth1.blogspot.com/2021/10/bell-412-twin-bell-412hp.html)
ซึ่งปรับโอนมาจาก ฝูงบิน๒๐๑ รักษาพระองค์ ที่ย้ายเฮลิคอปเตอร์แบบที่๖ง ฮ.๖ง Bell 412EP จำนวน ๖เครื่องมายังฝงบิน๒๐๒ โดยปัจจุบันฝูงบิน๒๐๑ รักษาพระองค์มีประจำการด้วยเฮลิคอปเตอร์แบบที่๑๒ ฮ.๑๒ Sikorsky S-70i จำนวน ๕เครื่องครับ

วันเสาร์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564

บราซิลรับมอบเครื่องบินขับไล่ F-39 Gripen ในสายการผลิตชุดแรก

Brazil receives series-production F-39 Gripen fighters






The four series-production F-39E fighters received by Brazil on 24 November join the F-39E FTI aircraft received in 2019. (Sgt Bianca/FAB)







กองทัพอากาศบราซิล(Brazilian Air Force, FAB: Força Aérea Brasileira) ได้บรรลุกหลักก้าวย่างที่สำคัญในความพยามที่ใหญ่โตและซับซ้อนที่จะปรับปรุงความทันสมัยขีดความสามารถการรบทางอากาศของตน
ด้วยตรวจรับมอบอย่างเป็นทางการของเครื่องบินขับไล่พหุภารกิจที่นั่งเดียว Saab F-39E Gripen ในสายการผลิตขั้นต้นจำนวน 4เครื่อง(https://aagth1.blogspot.com/2020/10/gripen-e.html)

เครื่องบินขับไล่ F-39E Gripen ชุดแรก 4เครื่องได้ถูกตรวจรับโดยผู้บัญชาการกองทัพอากาศบราซิล พลอากาศเอก Carlos de Almeida Baptista Junior ณ โรงงานอากาศยาน Saab Aeronautics บริษัท Saab สวีเดนใน Linköping เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน 2021
เครื่องบินขับไล่ F-39E Gripen จะถูกจัดส่งหลังจากนี้ไปยังบราซิลสำหรับเข้าประจำการในฝูงบิน Jaguar กองทัพอากาศบราซิล ที่ตั้ง ณ ฐานทัพอากาศ Anápolis ที่ตั้งของกองบิน2 ในรัฐ Goiás

ศูนย์การจัดซื้อจัดจ้างและจัดหา(COPAC) กองทัพอากาศบราซิลได้จัดซื้อชุดของเครื่องบินขับไล่ Gripen NG สวีเดน 36เครื่อง(เครื่องบินขับไล่ที่นั่งเดี่ยว F-39E จำนวน 28เครื่อง และเครื่องบินขับไล่สองที่นั่ง F-39F จำนวน 8เครื่อง)
เช่นเดียวกับเครื่องจำลองการบิน 2ระบบ เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2021 เป็นวงเงิน 38.9 billion Swedish Krona($4.25 billion) เพื่อตรงความต้องการโครงการเครื่องบินขับไล่ F-X2 ของกองทัพอากาศบราซิล

เครื่องบินขับไล่ F-39E/F Gripen สองเครื่องสุดท้ายมีกำหนดจะถูกส่งมอบให้กองทัพอากาศบราซิลในปี 2026(https://aagth1.blogspot.com/2020/09/gripen-e_26.html, https://aagth1.blogspot.com/2020/09/gripen-e.html)
สัญญาอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเครื่องบินขับไล่ Gripen รวมถึงข้อตกลงชดเชยวงเงิน $9.1 billion เมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2014(https://aagth1.blogspot.com/2020/07/saab-gripen-ef.html, https://aagth1.blogspot.com/2020/03/saab-gripen-f.html), 

สัญญาผู้รับสัญญาสนับสนุนการส่งกำลังบำรุง(CLS: Contractor Logistics Support) ระยะเวลา 5ปี วงเงิน 541 million Swedish Krona เมื่อวันที่ 18 ธันวาคม 2014, สัญญาวงเงิน $245.3 million สำหรับระบบอาวุธเมื่อวันที่ 23 เมษายน 2015 และสัญญาทางการเงินเมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2015
เครื่องบินขับไล่ F-39E ที่นั่งเดี่ยวเครื่องวัดการทดสอบการบิน(FTI: Flight Test Instrumentation) ได้ถูกส่งมอบให้บราซิลในเดือนกันยายน 2019 สำหรับการรณรงค์การบินทดสอบในสวีเดนและบราซิลครับ(https://aagth1.blogspot.com/2019/08/gripen-e.html)

วันศุกร์ที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564

สเปนพิจารณาเครื่องบินขับไล่ Eurofighter Typhoon และ F-35 เพื่อทดแทน EF-18 Hornet และ AV-8B Harrier II

Berlin Security Conference: Spain considers Eurofighter, F-35 for Hornet, Harrier replacement



















Spain has a need to replace its Hornet and Harrier aircraft, for which both the Eurofighter and F-35 are being considered. (Janes/Gareth Jennings)

สเปนได้ร้องขอข้อมูลเกี่ยวกับทั้งเครื่องบินขับไล่ Eurofighter Typhoon ยุโรป และเครื่องบินขับไล่ Lockheed Martin F-35 Lightning II สหรัฐฯ ในฐานะแบบอากาศยานที่เป็นไปได้
สำหรับการทดแทนเครื่องบินขับไล่ Boeing EF-18 Hornet และเครื่องบินโจมตี McDonnell Douglas AV-8B Harrier II ของตนในปัจจุบัน

กระทรวงกลาโหมสเปนยืนยันกับ Janes ก่อนหน้างานสัมมนา Berlin Security Conference 2021 ว่าตนได้ออกเอกสารขอข้อมูล(RFI: Requests for Information) สำหรับทั้งรุ่นการพัฒนาในระยะยาว(LTE: Long Term Evolution) ที่เพิ่มขยายของเครื่องบินขับไล่ Eurofighter Typhoon 
เช่นเดียวกับทั้งเครื่องบินขับไล่ F-35A รุ่นขึ้นลงตามแบบ(CTOL: Conventional Take-Off and Landing) และเครื่องบินขับไล่ F-35B รุ่นบินขึ้นระยะสั้นลงจอดทางดิ่ง(STOVL: Short Take-Off and Vertical-Landing) ที่จะตรงความต้องการเหล่านี้

"กระทรวงกลาโหมสเปนกำลังศึกษาผู้เข้าแข่งขันที่เป็นไปได้สำหรับการทดแทนเครื่องบินขับไล่ Hornet และเครื่องบินโจมตี Harrier และได้ส่งเอกสารขอข้อมูลเกี่ยวกับเครื่องบินขับไล่ F-35A และเครื่องบินขับไล่ F-35B แก่รัฐบาลสหรัฐฯ
กระทรวงกลาโหมสเปนกำลังทำงานเกี่ยวกับการกำหนดแบบของเครื่องบินขับไล่ Eurofighter Typhoon รุ่นใหม่ที่เรียกว่า Long Term Evolution" กระทรวงกลาโหมสเปนกล่าวกับ Janes เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน 2021

การยืนยันการร้องขอข้อมูลนี้มีขึ้นไม่กี่สัปดาห์หลังจากที่ Janes รายงานครั้งแรก ตามที่เจ้าหน้าที่บริษัท Lockheed Martin สหรัฐฯกล่าวในงานสัมนาเครื่องบินขับไล่นานาชาติ IQPC International Fighter Conference ใน London สหราชอาณาจักร
ว่าเอกสารขอข้อมูลสำหรับทั้งเครื่องบินขับไล่ F-35A และเครื่องบินขับไล่ F-35B ได้ถูกรับและมีการตอบสนองต่อแล้ว(https://aagth1.blogspot.com/2021/11/f-35.html)

(ณ เวลานั้น ความเห็นของเจ้าหน้าที่บริษัท Lockheed Martin ได้ถูกรายงานภายใต้กฎ Chatham House Rule ที่ไม่มีการเปิดเผยตัวตน 
แต่ตามที่ Lockheed Martin สหรัฐฯได้กล่าวเช่นเดียวกับสื่อรายอื่นๆในบันทึกตั้งแต่นั้นมา กฎดังกล่าวนี้ไม่ได้ถูกนำมาใช้อีกต่อไป)

บริษัทกิจการค้าร่วม Eurofighter ยุโรปได้มีความระมัดระวังมากขึ้นในการตอบรับต่อ Janes สั้นๆภายหลัง โดยแถลงการณ์ระบุว่า "การสนทนากับลูกค้าของเราในสเปนมุ่งเน้นไปที่โครงการ Halcon ล้วนๆ 
ควบคู่ไปกับการให้บริการและการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องของฝูงบินเครื่องบินขับไล่ Typhoon"(https://aagth1.blogspot.com/2020/12/airbus-eurofighter-typhoon-tranche-5.html)

โครงการ Project Halcon('เหยี่ยว' ในภาษาสเปน) เป็นการเสนอเครื่องบินขับไล่ Typhoon Tranche 4 จำนวน 20เครื่องสำหรับกองทัพอากาศสเปน(Spanish Air Force, Ejército del Aire) 
เพื่อทดแทนฝูงเครื่องบินขับไล่ Boeing F/A-18A/B Hornet(เครื่องบินขับไล่ EF-18AM/BM ในประจำการในกองทัพสเปน(Spanish Armed Forces, Fuerzas Armadas de España)) ที่มี

สำหรับ F-35A จำนวน 25เครื่องจะทดแทนเครื่องบินขับไล่ EF-18 Hornet ของกองทัพอากาศสเปน ขณะที่ F-35B จำนวน 25เครื่องจะทดแทนเครื่องบินโจมตี EAV-8B Harrier II+(VA.2 ในประจำการกองทัพสเปน) ของกองทัพเรือสเปน(Spanish Navy, Armada Española)
ที่ปัจจุบันปฏิบัติการบนเรืออู่ยกพลขึ้นบกบรรทุกเฮลิคอปเตอร์ L61 Juan Carlos I ซึ่งสเปนจะทยอยปลดประจำการเครื่องบินโจมตี Harrier II ในต้นปี 2030s การเลือกแบบมีแผนจะมีขึ้นในปี 2025 โดยการส่งมอบจะเริ่มขึ้นตั้งแต่ราวปี 2027 ครับ