วันพฤหัสบดีที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2567

เครื่องบินขับไล่ F-35A ฟินแลนด์เครื่องแรกจาก 64เครื่องเริ่มการสร้างแล้ว

Build begins of first F-35 for Finland





Finnish F-35 programme director, Henrik Elo, signed the forward fuselage bulkhead of Finland's first F-35A in Fort Worth, Texas, on 28 October. (Lockheed Martin)

การสร้างของเครื่องบินขับไล่ Lockheed Martin F-35A Lightning II Joint Strike Fighter(JSF) เครื่องแรกสำหรับฟินแลนด์ได้เริ่มต้นแล้ว ณ โรงงานอากาศยาน Fort Worth ของบริษัท Lockheed Martin สหรัฐฯในมลรัฐ Texas
กระทรวงกลาโหมฟินแลนด์ประกาศเหตุการณ์สำคัญนี้เมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2024 ด้วยภาพของผู้อำนวยการโครงการเครื่องบินขับไล่ F-35 ของฟินแลนด์ Henrik Elo กำลังลงลายมือบนแผงกั้นโครงสร้างลำตัวส่วนหน้า(forward fuselage bulkhead) ของ F-35A เครื่องแรก

เครื่องบินขับไล่ F-35A Lightning II เครื่องแรกของกองทัพอากาศฟินแลนด์(Finnish Air Force) หมายเลขเครื่องในประจำการกองทัพฟินแลนด์(Finnish Defence Forces) JF-501, หมายเลขการผลิตบริษัท Lockheed Martin สหรัฐฯ MF-1
"โครงสร้างลำตัวส่วนหน้าของเครื่องบินขับไล่ F-35A ของฟินแลนด์ได้เริ่มต้นการผลิตแล้วในสหรัฐฯ เมื่อโครงสร้างลำตัวส่วนหน้าสร้างเสร็จมันจะดำเนินการเข้าสู่ระยะการผลิตที่ซึ่งสี่ชิ้นส่วนหลักของเครื่องบินขับไล่ โครงสร้างลำตัวส่วนหน้า, โครงสร้างลำตัวส่วนกลาง, การประกอบปีก และส่วนท้ายเครื่องถูกเชื่อมเข้าด้วยกัน"

"จากนั้นเครื่องบินขับไล่ไอพ่น(F-35A)จะเคลื่อนย้ายเข้าสู่ขั้นระยะสุดท้ายของการประกอบในสายการผลิตในโรงงานอากาศยาน Fort Worth" กระทรวงกลาโหมฟินแลนด์กล่าว(https://aagth1.blogspot.com/2022/02/f-35a-hx.html)
กองทัพอากาศฟินแลนด์กำลังจะรับมอบเครื่องบินขับไล่ F-35A จำนวน 64เครื่องเพื่อทดแทนเครื่องบินขับไล่ที่นั่งเดี่ยว Boeing F/A-18C Hornet จำนวน 55เครื่อง และเครื่องบินขับไล่สองที่นั่ง F/A-18D Hornet จำนวน 7เครื่องของตน

การเลือกเครื่องบินขับไล่ยุคที่5 ภายใต้การแข่งขันเครื่องบินขับไล่ทดแทน HX(https://aagth1.blogspot.com/2021/12/f-35a-hx.html) เครื่องบินขับไล่ F-35A ของฟินแลนด์กำลังถูกผลิตในสายการผลิต Lot 17-Lot 22
และจะถูกส่งมอบตั้งแต่ปลายปี 2025 ในมาตรฐาน Technical Refresh-3(TR-3) ที่สามารถนำไปเป็นมาตรฐานขีดความสามารถเครื่องบินขับไล่ F-35 Block 4 ได้(https://aagth1.blogspot.com/2023/01/f-35a-tr-3.html)

ตามการส่งมอบเครื่องบินขับไล่ F-35A เครื่องแรกหมายเลข JF-501/MF-1 และเครื่องบินที่จะตามมาอีก 7เครื่องสำหรับกองทัพอากาศฟินแลนด์จะทำการบินขึ้นครั้งแรกจากฐานทัพอากาศ Eglin AFB(Air Force Base) ในมลรัฐ Florida
ที่ซึ่งเครื่องบินขับไล่ F-35A จำนวน 8เครื่องเหล่านี้จะถูกใช้สำหรับการฝึกของนักบินและช่างอากาศยานของฟินแลนด์ กองทัพอากาศฟินแลนด์จะรับมอบเครื่องบินขับไล่ F-35A เครื่องแรกของตนเข้าสู่ฐานทัพอากาศ Rovaniemi ในกองบิน Lapland(Lapland Air Wing) ในสิ้นปี 2026

กระทรวงกลาโหมฟินแลนด์ยังประกาศเมื่อวันที่ 24 ตุลาคม 2024 ว่าฟินแลนด์จะจัดหาอาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่พื้นต่อต้านการแพร่คลื่น radar ขั้นก้าวหน้าเพิ่มระยะยิง Northrop Grumman AGM-88G AARGM-ER(Advanced Anti-Radiation Guided Missile-Extended Range) สำหรับฝูงบินเครื่องบินขับไล่ F-35A ของตนในอนาคต
เพื่อเพิ่มความอยู่รอดภายใต้ภัยคุกคามจากระบบป้องกันภัยทางอากาศภาคพื้นดินพิสัยไกลของข้าศึก โดยในเดือนตุลาคม 2023 กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯได้อนุมัติการขายอาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่พื้น AGM-88G AARGM-ER จำนวน 150นัด วงเงินราว $500 million แก่ฟินแลนด์ครับ

วันพุธที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2567

สหรัฐฯได้รับสัญญาจัดหาเฮลิคอปเตอร์ใช้งานทั่วไป UH-60M Black Hawk แก่กรีซและสวีเดน

US contracts Black Hawk helos for Greece, Sweden




The US DoD has contracted new UH-60M Black Hawk helicopters for Sweden (an example of one already in service pictured) and Greece as part of a wider FMS deal announced on 28 October. (Jorgen Nilsson, Lockheed Martin/Sikorsky)

รัฐบาลสหรัฐฯได้ทำสัญญากับบริษัท Lockheed Martin สหรัฐฯเพื่อจะสร้างเฮลิคอปเตอร์ใช้งานทั่วไป Sikorsky UH-60M Black Hawk สำหรับกรีซและสวีเดน สัญญาวงเงิน $1.2 billion ที่ประกาศเมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2024
ครอบคลุมเฮลิคอปเตอร์ใช้งานทั่วไป UH-60M Black Hawk ที่ไม่เปิดเผยจำนวนแก่ทั้งสองประเทศ เช่นเดียวกับลูกค้าอื่นๆที่ไม่ใช่ EMEA รูปแบบการขาย Foreign Military Sales(FMS) งานจะดำเนินไปจนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2027

การประกาศสัญญาของกระทรวงกลาโหมมีขึ้นตามมาหลายเดือนหลังจากกรีซได้ลงนามการลงนามจดหมายขอข้อเสนอและตอบรับ(LOA: Letter of Offer and Acceptance) เฮลิคอปเตอร์ใช้งานทั่วไปขนาดกลาง UH-60M Black Hawk จำนวน 35เครื่องในเดือนเมษายน 2024(https://aagth1.blogspot.com/2023/12/uh-60m-35.html)
ขณะที่สำนักงานจัดหายุทโธปกรณ์กลาโหมสวีเดน(Defence Material Administration, FMV: Försvarets materielverk) ประกาศในเดือนกรกฎาคม 2024 ว่าตนกำลังจัดหาเฮลิคอปเตอร์ UH-60M Black Hawk เพิ่มเติมจำนวน 12เครื่องสำหรับกองทัพอากาศสวีเดน(SwAF: Swedish Air Force, Svenska flygvapnet)

กองทัพบกกรีซ(Hellenic Army) กำลังจัดหาเฮลิคอปเตอร์ใช้งานทั่วไป UH-60M Black Hawk จำนวน 35เครื่องเพื่อทดแทนเฮลิคอปเตอร์ตระกูล Huey ที่ยังมีอยู่คือ เฮลิคอปเตอร์ใช้งานทั่วไป Bell UH-1H จำนวน 20เครื่อง
เฮลิคอปเตอร์ใช้งานทั่วไป Agusta-Bell 212 จำนวน 1เครื่อง และเฮลิคอปเตอร์ใช้งานทั่วไป Agusta-Bell AB205 จำนวน 10เครื่อง ที่ถูกนำเข้าประจำการตั้งแต่ปี 1969, 1972, และ 1974 ตามลำดับ

เฮลิคอปเตอร์ใช้งานทั่วไป UH-60M Black Hawk จะเสริมต่อเฮลิคอปเตอร์ใช้งานทั่วไปทางยุทธวิธี NHIndustries(NHI) NH90 TTH(Tactical Transport Helicopter) จำนวน 15เครื่อง
(เฮลิคอปเตอร์ใช้งานทั่วไป NH90 TTH อีก 5เครื่องจะถูกส่งมอบเพิ่มเติมรวมทั้งหมด 20เครื่อง) และเฮลิคอปเตอร์ลำเลียง Boeing CH-47D Chinook จำนวน 24เครื่องในประจำการกองทัพบกกรีซ

กองทัพอากาศสวีเดนกำลังจัดหาเฮลิคอปเตอร์ UH-60M Black Hawk เพิ่มเติม 12เครื่อง เพื่อเสริมต่อที่ ฮ.UH-60M ที่มีอยู่แล้ว 15เครื่องที่จัดหาในปี 2012 ซึ่งกำหนดแบบเป็นเฮลิคอปเตอร์ HKP 16 ในประจำการกองทัพสวีเดน
จากเดิมที่เป็นมาตรการชั่วคราวเพื่ออุดช่องว่างระหว่ารอรับมอบเฮลิคอปเตอร์ NH90 จำนวน 18เครื่อง(กำหนดแบบเป็นเฮลิคอปเตอร์ HKP 14) อย่างไรก็ตามด้วยความพร้อมปฏิบัติการที่ต่ำและค่าใช้จ่ายการปฏิบัติการที่สูง 

สวีเดนกำลังมองที่เลิกใช้งาน ฮ.NH90 ของตน โดยรุ่นเฮลิคอปเตอร์ใช้งานทั่วไป NH90 TTH จะถูกปลดประจำการในปี 2024 และรุ่นเฮลิคอปเตอร์ใช้งานทางทะเลประจำเรือฟริเกต NH90 NFH(NATO Frigate Helicopter) จะถูกปลดประจำการในปี 2030
โดยจะถูกทดแทนด้วยเฮลิคอปเตอร์ UH-60M ซึ่งเครื่องที่มีอยู่ 15เครื่องกำลังได้รับการปรับปรุงขีดความสามารถในการติดตั้งถังเชื้อเพลิงสำรองภายนอกขนาด 200 US gallon(ประมาณ 750 litre) ที่จะเพิ่มระยะปฏิบัติการขึ้นร้อยละ50 ที่จะเสร็จสิ้นงานในสิ้นปี 2024 ครับ

วันอังคารที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2567

สาธารณรัฐเช็กบรรลุผลสัญญาจัดหาเครื่องบินลำเลียง C-390 Millennium บราซิล 2เครื่อง

Czechs finalise KC/C-390 buy





The Czech Republic becomes the fifth European NATO member to sign up for the KC/C-390 airlifter, with a deal for two aircraft finalised on 25 October. (Embraer)



สาธารณรัฐเช็กได้เสร็จสิ้นการบรรลุผลสัญญาของตนกับบริษัท Embraer บราซิลสำหรับการจัดซื้อจัดจ้างเครื่องบินลำเลียงและเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศ KC/C-390 Millennium จำนวน 2เครื่อง บริษัท Embraer ประกาศเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2024
ข่าวของข้อตกลงมีขึ้นตามมาราวสามสัปดาห์หลังจากรัฐมนตรีกลาโหมสาธารณรัฐเช็ก Jana Černochová  ยื่นเรื่องข้อตกลงที่เป็นที่คาดการณ์ไว้ต่อรัฐสภาสาธารณรัฐเช็กเมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2024(https://aagth1.blogspot.com/2024/10/c-390-2.html)

และราว 12เดือนหลังจากกระทรวงกลาโหมสาธารณรัฐเช็กและบริษัท Embraer บราซิลผู้ผลิตประกาศการตัดสินใจเลือกเครื่องบินลำเลียง C-390 Millennium ในเดือนตุลาคม 2023(https://aagth1.blogspot.com/2023/10/kc-390.html)
ตามข้อมูลจากรัฐมนตรีกลาโหมสาธารณรัฐเช็ก Černochová ข้อตกลงมีมูลค่าที่วงเงิน 11.3 billion Czech Koruna($493 million) หักลบภาษีและรวมชุดการชดเชย offset สำหรับภาคอุตสาหกรรมของสาธารณรัฐเช็ก

เครื่องบินลำเลียงและเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศ KC/C-390 Millennium เครื่องแรกจะถูกส่งมอบแก่กระทรวงกลาโหมสาธารณรัฐเช็กได้ในปี 2025 รัฐมนตรีกลาโหมสาธารณรัฐเช็ก Černochová เธอเสริมก่อนหน้า
สาธารณรัฐเช็กได้เข้าร่วมประเทศเพื่อนบ้านในยุโรปคือ ออสเตรีย(https://aagth1.blogspot.com/2024/07/c-390-9.html), ฮังการี(https://aagth1.blogspot.com/2024/04/kc-390.html, https://aagth1.blogspot.com/2024/02/kc-390.html), เนเธอร์แลนด์ และโปรตุเกส(https://aagth1.blogspot.com/2023/04/kc-390-c-130k.html) ในการเลือก KC-390

ขณะที่ Embraer บราซิลยังมองโอกาสในภูมิภาคยุโรปในสวีเดน เช่นเดียวกับกองบินลำเลียงหนัก(HAW: Heavy Airlift Wing) ของขีดความสามารถการลำเลียงทางยุทธศาสตร์ NATO(SAC: Strategic Airlift Capability) ที่มีที่ตั้งในฮังการี
นอกยุโรป Embraer บราซิลมีลูกค้าเปิดตัวสำหรับเครื่องบินลำเลียงและเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศ KC-390 Millennium(https://aagth1.blogspot.com/2024/04/embraer-c-390.html) โดยการลงนามสัญญากับสาธารณรัฐเกาหลี(https://aagth1.blogspot.com/2023/12/kc-390.html

และการลงนามจดหมายแสดงความจำนง(LOI: Letter of Intent) โดยอาร์เจนตินา, ชิลี, และโคลอมเบีย Embraer บราซิลยังได้รับการลงทะเบียนความสนใจจากซาอุดีอาระเบียและแอฟริกาใต้ด้วย(https://aagth1.blogspot.com/2024/10/embraer-c-390.html)
ในประจำการกองทัพอากาศสาธารณรัฐเช็ก(CzAF: Czech Air Force, VSACR: Vzdusné Sily Armády Ceské Republiky) เครื่องบินลำเลียงและเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศ KC/C-390 Millennium ใหม่ 2เครื่องจะถูกใช้สำหรับภารกิจหลากหลายรูปแบบอย่างเช่น

การขนส่งทางอากาศ, การปฏิบัติการจู่โจมทางอากาศ, การส่งกำลังบำรุงทางอากาศ, การส่งกลับทางสายเพทย์, การช่วยเหลือทางด้านมนุษยธรรม, การเติมเชื้อเพลิงทางอากาศ และการดับเพลิง และเสริมต่อเครื่องบินลำเลียงทางยุทธวิธี Airbus C295M/MW จำนวน 6เครื่อง
และเครื่องบินลำเลียงทางยุทธวิธี Let L-410 Turbolet จำนวน 5เครื่องที่เป็นเจ้าของและปฏิบัติการโดยกองทัพสาธารณรัฐเช็ก(ACR: Army of the Czech Republic, AČR: Armáda České republiky) ครับ(https://aagth1.blogspot.com/2019/12/airbus-c295.html

วันจันทร์ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2567

STM ตุรกีแสดงตัวเรือทนความดันของเรือดำน้ำขนาดเล็ก STM500 ที่กำลังสร้าง

STM showcases STM500 light submarine pressure hull at SAHA EXPO 2024



The pressure hull of the STM500 submarine at SAHA EXPO 2024





บริษัท STM ตุรกีผู้นำด้านวิศวกรรมทางเรือได้จัดแสดงตัวเรือทนความดัน(pressure hull) ของเรือดำน้ำขนาดเล็ก STM500 สำหรับการปฏิบัติการเรือดำน้ำในเขตน้ำตื้นในอนาคต นำเสนอให้ผู้เข้างานได้ชม ณ งานแสดงอาวุธยุทโธปกรณ์นานาชาติ SAHA EXPO 2024 ที่จัดขึ้นในมหานคร Istanbul ตุรกีระหว่างวันที่ 22-26 ตุลาคม 2024
ชิ้นส่วนที่จัดแสดงในงาน SAHA EXPO 2024 เป็นตัวเรือทนความดันขนาดเท่าของจริงของเรือดำน้ำขนาดเล็ก STM500 แสดงถึงก้าวย่างสำคัญของการพัฒนาโครงการ ตามที่ตัวแทนบริษัท STM กล่าวในงานแสดง การสร้างเรือดำน้ำกำลังมีความคืบหน้าตามกำหนดการ โดยระยะเวลาของโครงการยังคงเป็นไปตามที่วางแผนไว้

STM ตุรกีประกาศครั้งแรกถึงการสร้างเรือดำน้ำขนาดเล็ก STM500 เมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2022 ให้ความสำคัญหลักมุ่งเน้นไปที่ขีดความสามารถการปฏิบัติการในเขตน้ำตื้นและความต้องการสงครามเรือดำน้ำสมัยใหม่ต่างๆ(https://aagth1.blogspot.com/2024/08/reis-s-330-tcg-pirireis.html)
เรือดำน้ำขนาดเล็ก STM500 เป็นเรือดำน้ำโจมตีดีเซล-ไฟฟ้าระวางขับน้ำ 500ton ที่ได้รับการพัฒนาโดย STM ตุรกีในฐานะการออกแบบแนวคิด การออกแบบของเรือเป็นไปตามทั้งภารกิจเรือดำน้ำดั้งเดิมต่างๆและความต้องการการปฏิบัติการต่างๆที่เพิ่มขึ้นในเขตน้ำตื้น

เรือดำน้ำขนาดเล็ก STM500 รองรับกำลังพลประจำเรือ 18นาย โดยมีพื้นที่สำหรับเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการหน่วยรบพิเศษเพิ่มเติมอีก 6นาย เรือดำน้ำขนาดเล็ก STM500 มีระยะเวลาการปฏิบัติการที่ 30วัน ขณะที่ดำน้ำได้ลึกที่สุดได้ที่มากกว่า 250m
ด้วยท่อยิง Torpedo 4ท่อยิงสามารถทำการยิง torpedo หนักหรืออาวุธปล่อยนำวิถีสมัยใหม่หลากหลายแบบได้ 8นัด เรือดำน้ำขนาดเล็ก STM500 ยังได้รับการติดตั้งระบบภารกิจหลากหลายรูปแบบ เรือดำน้ำยังได้รับการขยายขีดความสามารถเพิ่มเติมโดยสามารถจะวางกำลังยานใต้น้ำไร้คนขับ(UUV: Unmanned Underwater Vehicle) ได้ด้วย

เรือดำน้ำขนาดเล็ก STM500 จะได้รับการติดตั้งด้วยระบบ sonar ขั้นก้าวหน้าหลากหลายแบบ รวมถึงแผง sonar array ทรงกระบอก และแผง transducer array ทรงกระบอก เช่นเดียวกับตัววัดระยะเชิงรับ passive ranging, ระบบตรวจจับ intercept array, และระบบสร้างคลื่นเสียง own-noise array
ระบบตรวจจับต่างๆเหล่านี้จะให้ข้อมูลเข้าสู่ระบบอำนวยการรบ(CMS: Combat Management System) ของเรือ และจะมีคุณลักษณะติดตั้งด้วยกล้องตาเรือแบบ optronic และสายอากาศระบบตรวจจับการแพร่สัญญาณไฟฟ้า(ESM: Electronic Support Measures)

ขีดความสามารถทางเทคนิคต่างๆที่น่าใจของเรือดำน้ำขนาดเล็ก STM500 ทำให้เรือดำน้ำมีมีประสิทธิภาพสูงสำหรับทั้งภารกิจเรือดำน้ำตามแบบและการปฏิบัติการต่างๆในเขตน้ำตื้น
คุณลักษณะทางเทคนิคหลักของเรือดำน้ำขนาดเล็ก STM500 รวมถึง
ความยาวเรือรวม: 42m
ความกว้างเรือสูงสุด: 8.5m
ระวางขับน้ำที่ผิวน้ำ: 485tons
ระวางขับน้ำขณะดำใต้น้ำ: 540tons
ความเร็วสูงสุด: มากกว่า 18knots
ความเร็วมัธยัสถ์: 5knots
ความลึกการดำลงใต้น้ำ: มากกว่า 250m
ระยะการปฏิบัติการเมื่อใช้เครื่องยนต์ดีเซล: 3,500nmi
ระยะการปฏิบัติการเมื่อใช้ battery ไฟฟ้า: 75nmi
ระยะการปฏิบัติการเมื่อใช้เครื่องยนต์ดีเซล+AIP: 4,000nmi

เรือดำน้ำขนาดเล็ก STM500 ติดตั้งระบบขับเคลื่อน Permanent Excited Propulsion Motor ไฟฟ้าที่ให้กำลังขับประมาณ 1.5MW ที่สนับสนุนโดยเครื่องยนต์ดีเซลกำเนิดพลังงานไฟฟ้าจำนวน 2เครื่อง, ระบบกักเก็บพลังงานไฟฟ้า Lithium-Ion battery 
และตัวเลือกเพิ่มเติมสำหรับระบบขับเคลื่อนแบบไม่ใช้อากาศ(AIP: Air Independent Propulsion) ทำให้เรือดำน้ำขนาดเล็ก STM500 มีความยืดหยุ่นในการปฏิบัติการอย่างมีนัยสำคัญครับ(https://aagth1.blogspot.com/2023/01/khalid.html)

วันอาทิตย์ที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2567

ไทยเสร็จสิ้นการฝึก JPMRC 2025-01 ที่สหรัฐฯ การแข่งขัน Cambrian Patrol 2024 ที่อังกฤษ Strike 2024 ที่จีน และ Kamandag 2024 ที่ฟิลิปปินส์









A more lethal, strategic, and precise force
U.S Army Soldiers assigned to the 25th Infantry Division and 196th Infantry Brigade host Vice Chief of Staff of the Army Gen. James J. Mingus during JPMRC 25-01.
The Joint Pacific Multinational Readiness Center (JPMRC) is the Army’s newest Combat Training Center (CTC) and generates readiness in the environments and conditions where our forces are most likely to operate in. JPMRC 25-01 includes training participants from across the U.S. Joint Force, and multinational Allies and partners. (Staff Sgt. Brenden Delgado and Spc. Benjamin Anderson)

Night Operations
ภารกิจสุดท้ายของ ร้อย.ร.ไทย ของการฝึก JPMRC25-01 ได้รับคำสั่งจาก 2-27 Infantry Battalion ให้เข้าปฏิบัติการตีลวงต่อที่หมาย เพื่อให้สนับสนุนส่วนดำเนินกลยุทธ์หลัก โดยทำการเคลื่อนย้ายเข้าที่รวมพลขั้นสุดท้ายด้วยขบวนรถในเวลากลางคืน ก่อนดำเนินกลยุทธ์ร่วมกับกองร้อยเดลต้าเข้าตีที่หมายตามคำสั่งของกองพัน จนถึงเวลาเช้าวันใหม่ 
ก่อนปิดสถานการณ์ฝึกของ ร้อย.ร.ไทย ในบทบาทของการฝึกเป็นข้าศึก Opposing force (OPFOR ) ก่อนเคลื่อนย้ายกลับพื้นที่ AREA X เพื่อเตรียมการทบทวนหลังการปฏิบัติต่อไปครับ 

กองทัพบกไทย(RTA: Royal Thai Army) เสร็จการเข้าร่วมการฝึกผสมนานาชาติรหัส Joint Pacific Multinational Readiness Center 2025-01(JPMRC 25-01) ร่วมกับกองพลทหารราบที่๒๕(25th Infantry Division) กองทัพบกสหรัฐฯ(US Army) ณ ศูนย์ฝึกการรบ Combat Training Center(CTC) ค่าย Schofield barracks, Dillingham และ Kahuku รัฐ Hawaii ระหว่างวันที่ ๒๓ กันยายน-๑๘ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๖๗(2024)
กองทัพบกไทยได้จัดกำลังพลหนึ่งกองร้อยทหารราบจำนวน ๑๐๕นายจาก กรมทหารราบที่๒ รักษาพระองค์ฯ, กองพลทหารราบที่๒ รักษาพระองค์ฯ(2nd Infantry Regiment, 2nd Infantry Division Queen's Guard) ร่วมการฝึกกับมิตรประเทศในภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกและชาติหุ้นส่วนต่างๆรวมถึง สหราชอาณาจักร, ออสเตรเลีย, นิวซีแลนด์, ญี่ปุ่น, มาเลเซีย, อินโดนีเซีย, สิงคโปร์ และมัลดีฟ ในการฝึกที่ท้าทายหลากหลายมิติ
กองร้อยทหารราบจากกองพลทหารราบที่๒ รักษาพระองค์ฯ พล.ร.๒ รอ.ได้จัดกำลังเป็นส่วนหนึ่งกองกำลังข้าศึกสมมุติ(OPFOR: Opposing Force) ในการฝึกหลากหลายสถานการณ์และกาลอากาศ การฝึก JPMRC 25-01 ที่สหรัฐฯซึ่งกองทัพบกไทยได้เข้ารวมต่อเนื่องเป็นครั้งที่๖ แล้วยังได้เห็นทหารบกไทยใช้เครื่องแบบสนาม combat shirt ใหม่ที่พบว่าเริ่มใช้ในต้นปี ๒๕๖๗ นี้และถูกใช้ทั้งหน่วยทหารประจำการและทหารพรานด้วย








The Exercise Cambrian Patrol 2024 (CP24) on 4 to 13 October 2024 which held by British Army in Wales and hosted by Headquarters 160th (Welsh) Brigade. 
8 men Small Unit Team from 1st Infantry Battalion, 112th Infantry Regiment, 11th Infantry Division, Royal Thai Army wins medal for first time along with Philippine Marine Corps (PMC) team. (Royal Thai Army and British Army)

ทบ.ไทย คว้าเหรียญรางวัล Exercise Cambrian Patrol 2024 ณ สหราชอาณาจักร 
มุ่งพัฒนาขีดความสามารถ สานสัมพันธ์มิตรประเทศ นำเกียรติภูมิสู่กองทัพและประเทศชาติ 
จากการที่กองทัพบกได้พัฒนากำลังพลผ่านการฝึกทักษะทางทหารอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดได้จัดชุดปฏิบัติการหน่วยทหารขนาดเล็กเข้าร่วมการแข่งขัน  Exercise Cambrian Patrol 2024 ในห้วงวันที่ 4-13 ตุลาคม 2567 ณ Sennybridge Camp ประเทศเวลส์ สหราชอาณาจักร 
ซึ่งในปีนี้ถือเป็นครั้งแรกที่กองทัพบกไทยได้ส่งกำลังพลเข้าร่วมการแข่งขันโดยจัดกำลังพลจากกองพลทหารราบที่ 11 โดยกองพันทหารราบที่ 1 กรมทหารราบที่ 112 จำนวน 8 นาย ซึ่งเป็นหน่วยที่ได้รับรางวัลชนะเลิศในการตรวจสอบหน่วยทหารขนาดเล็กในระดับกองทัพบก ประจำปี 2567 ณ ศูนย์ฝึกยุทธวิธีกองทัพบกชัยบาดาล เมื่อเดือนสิงหาคม 2567 ที่ผ่านมา 
สำหรับผลการแข่งขันปรากฎว่ากำลังพลชุดปฏิบัติการหน่วยทหารขนาดเล็กของกองทัพบกไทย เป็น 1 ใน 16 ประเทศที่ผ่านการประเมิน และได้รับเหรียญรางวัล Cambrian Patrol อีกทั้งได้รับการชื่นชมจากกองทัพบกสหราชอาณาจักรถึงความประทับใจในผลการแข่งขันของกองทัพบกไทยเป็นอย่างยิ่ง 
ที่แม้เป็นการเข้าร่วมแข่งขันเป็นครั้งแรกและต้องเผชิญกับสภาพอากาศที่หนาวจัด ก็สามารถปฏิบัติภารกิจได้ลุล่วงเป็นอย่างดีและได้รับเหรียญรางวัล โดยประเทศในภูมิภาคอาเซียนที่ได้รับเหรียญรางวัล ได้แก่ กองทัพบกไทย และทีมนาวิกโยธินจากกองทัพฟิลิปปินส์ 
ซึ่งการส่งกำลังพลเป็นตัวแทนกองทัพบกไทยเข้าร่วมการแข่งขัน  Exercise Cambrian Patrol 2024 ณ สหราชอาณาจักร ในครั้งนี้ นอกจากจะเป็นการพัฒนาขีดความสามารถและทักษะความเชี่ยวชาญทางทหารของกำลังพลแล้ว ยังถือเป็นโอกาสดีในการสานสัมพันธ์กับมิตรประเทศอีกด้วย
ทั้งนี้ การแข่งขัน  Exercise Cambrian Patrol 2024 เป็นการแข่งขันลาดตระเวนทางทหาร ที่จัดขึ้นโดยกองทัพบกสหราชอาณาจักรมาอย่างต่อเนื่อง กว่า 64 ปี มีวัตถุประสงค์เพื่อทดสอบขีดความสามารถของกำลังพลทั้งด้านร่างกาย จิตใจ และทักษะการลาดตระเวน เสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างตัวแทนจากประเทศต่างๆ เข้าร่วมการแข่งขัน รวม 111 ทีม ซึ่งเป็นทีมจากมิตรประเทศ จำนวน 37 ทีม 
โดยการแข่งขันภาพรวม ได้แก่ กลุ่มที่ 1 ความรู้ทางยุทธวิธีและการปฏิบัติภาคสนาม (Tactical awareness & Fieldcraft) ประกอบด้วย การรบระยะประชิด, การปฏิบัติต่อผู้ป่วยเจ็บในสนามรบ, การรายงานผลการลาดตระเวนและการติดต่อวิทยุ, การตรวจการณ์และการลาดตระเวน เป็นต้น 
กลุ่มที่ 2 ความแข็งแกร่งด้านร่างกายและจิตใจ (Physical and Mental Robustness) ประกอบด้วย การเดินทางไกลประกอบเครื่องสนาม, การเคลื่อนย้ายผู้ป่วยเจ็บ, การข้ามเครื่องกีดขวาง และการฝึกแก้ปัญหา 48 ชั่วโมง ในภูมิประเทศภูเขาสูงและสภาพอากาศหนาวเย็น  เป็นต้น
ศูนย์ประชาสัมพันธ์กองทัพบก โดยทีมโฆษกกองทัพบก, 16 ตุลาคม 2567

ชุดปฏิบัติการหน่วยทหารขนาดเล็ก นทล.(Small Unit Team) จำนวน ๘นายจาก กองพันทหารราบที่๑, กรมทหารราบที่๑๑๒, กองพลทหารราบที่๑๑(1st Infantry Battalion, 112th Infantry Regiment, 11th Infantry Division) ที่เป็นหน่วยที่ได้รางวัลชนะเลิศการตรวจสอบหน่วยทหารขนาดเล็กในระดับกองทัพบกไทยประจำปี พ.ศ.๒๕๖๗ ณ ศูนย์ฝึกยุทธวิธีกองทัพบกชัยบาดาล เมื่อเดือนสิงหาคม พ.ศ.๒๕๖๗
เป็นครั้งแรกที่กองทัพบกไทยได้เข้าร่วมการฝึกการแข่งขัน Cambrian Patrol 2024 ที่กองทัพบกสหราชอาณาจักร(British Army) เป็นเจ้าภาพที่กองพลน้อย Welsh ที่๑๖๐(160th (Welsh) Brigade) ค่าย Sennybridge Camp, แคว้น Wales สหราชอาณาจักร ระหว่างวันที่ ๔-๑๓ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๖๗ โดยแข่งขันกับ ๑๑๑ทีมจากหน่วยของกองทัพสหราชอาณาจักร(British Armed Forces) และมิตรประเทศทั่วโลก ๓๗ทีม
โดยในการเข้าร่วมการแข่งขันเป็นครั้งแรกแต่ทีมของกองทัพไทยก็เป็นหนึ่งในทีมจาก ๑๖ประเทศที่ได้ผ่านการประมินได้เหรียญรางวัลจากการแข่งขัน Cambrian Patrol โดยอีกชาติในกลุ่มประเทศ ASEAN ที่ได้รับเหรียญเช่นกันคือทีมจากนาวิกโยธินฟิลิปปินส์(PMC: Philippine Marine Corps) นับเป็นการแสดงขีดความสามารถของทหารบกไทยต่อชาติมิตรประเทศทั่วโลกสำหรับการแข่งขัน Cambrian Patrol นี้เป็นครั้งแรก








Chinese People's Liberation Army (PLA) and Royal Thai Army Special Forces participating in the "Commando 2024" ("Strike 2024") joint army training wrapped up the counter-terrorism response drill held recently in Kunming City, southwest China's Yunnan Province on 15-25 October 2024. (China's Ministry of National Defense)





การฝึกผสมรหัส Strike 2024 หรือในรายงานของสื่อของรัฐบาลจีนเป็นการฝึกผสมรหัส Commando 2024 ระหว่างกองทัพบกไทยและกองทัพปลดปล่อยประชาชนจีน(PLA: People's Liberation Army) ที่เมือง Kunming ในมลฑล Yunnan ตอนใต้ของจีนระหว่างวันที่ ๑๕-๒๕ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๖๗ สลับกับการฝึก Strike 2023 ปี พ.ศ.๒๕๖๖ ที่ไทยเป็นเจ้าภาพ(https://aagth1.blogspot.com/2023/08/strike-2023-open.html, https://aagth1.blogspot.com/2023/09/strike-2023.html)
เป็นการฝึกระหว่างหน่วยรบพิเศษของทั้งสองชาติโดยกองทัพบกไทยได้ส่งกำลังพลที่รวมถึง กองพันจู่โจมรักษาพระองค์ พัน.จจ.รอ(Ranger Battalion King's Guard) กรมรบพิเศษที่๓ รักษาพระองค์  รพศ.๓(3rd Special Forces Regiment King's Guard) กองพลรบพิเศษที่๑ พล.รพศ.๑(1st Special Forces Division) หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ(SWCOM: Special Warfare Command) เข้าร่วมการฝึกกับหน่วยรบพิเศษจีน
ซึ่งการฝึก Strike 2024/Commando 2024 ได้มุ่งเน้นไปที่ปฏิบัติการต่อต้านการก่อการร้าย(CT: Counter-Terrorism) ที่รวมถึงการรบระยะประชิด(CQB: Close Quarters Battle) ในอาคารและบนรถไฟ รวมถึงการฝึกกับหน่วยยานยนต์หุ้มเกราะ จีนยังได้มีการฝึกกับชาติ ASEAN อื่นๆเช่นการฝึก Cooperation 2024 กับกองทัพบกสิงคโปร์(Singapore Army) ที่จีนในเดือนกันยายน 2024 อันเป็นเสริมสร้างความร่วมมือในภูมิภาคร่วมกัน




Royal Thai Marine Corps (RTMC) and Indonesian Marine Corps observe the exercise KAMANDAG 8-2024 with US Marine Corps (USMC), the Philippine Marine Corps (PMC), Japanese Ground Self-Defense Force (JGSDF), Republic of Korea Marine Corps (RoKMC), British Armed Forces, Australian Defense Force (ADF), and French Armed Forces at the Philippines on 15-25 October 2024. (USMC)

นาวิกโยธินไทย(RTMC: Royal Thai Marine Corps) กองทัพเรือไทย(RTN: Royal Thai Navy) ได้ส่งกำลังพลเข้าร่วมสังเกตการณ์การฝึกร่วมผสม KAMANDAG 2024 ระหว่างนาวิกโยธินสหรัฐฯ(USMC: US Marine Corps) และนาวิกโยธินฟิลิปปินส์ ร่วมกับกองกำลังป้องกันตนเองทางบกญี่ปุ่น(JGSDF: Japan Ground Self-Defense Force), นาวิกโยธินสาธารณรัฐเกาหลี(ROKMC: Republic of Korea Marine Corps),
กองทัพสหราชอาณาจักร, กองทัพออสเตรเลีย(ADF: Australian Defense Force), กองทัพฝรั่งเศส(French Armed Force, Forces armées françaises) โดยยังมีนาวิกโยธินอินโดนีเซีย(Indonesian Marine Corps, KORMAR: Korps Marinir) ร่วมสังเกตการณ์การฝึก KAMANDAG 2024 ที่จัดขึ้นในฟิลิปปินส์ระหว่างวันที่ ๑๕-๒๕ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๖๗ ซึ่งมีพิธีปิดในวันที่ ๒๕ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๖๗
การมีส่วนร่วมในการฝึกต่างๆกับชาติมหาอำนาจและมิตรประเทศในภูมิภาคและทั่วโลกของกองทัพไทย(RTARF: Royal Thai Armed Forces) ในเวลาใกล้เคียงกันตลอดห้วงเดือนตุลาคม พ.ศ.๒๕๖๗ นี้ ได้เป็นเครื่องหมายที่แสดงถึงความสัมพันธ์ทางทหารอันแข็งแกร่งและมั่นคงกับมิตรประเทศทั่วโลกของไทยเป็นอย่างดี ซึ่งเป็นมีส่วนเสริมสร้างบทบาททางความมั่นคงในภูมิภาคและทั่วโลกของไทยแก่นานาชาติครับ

วันเสาร์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2567

สหรัฐฯอนุมัติการปรับปรุงมาตรฐานเครื่องบินขับไล่ F-16V แก่โปแลนด์ 48เครื่อง

US approves Polish F-16 upgrade





Poland received 48 F-16C/Ds from 2003, which it is now to upgrade to the latest F-16V standard for an estimated USD7.3 billion. (Lockheed Martin/Polish Air Force)

รัฐบาลสหรัฐฯได้อนุมัติการปรับปรุงของฝูงบินเครื่องบินขับไล่ Lockheed Martin F-16C/D Block 52+ Fighting Falcon ของกองทัพอากาศโปแลนด์(Polish Air Force, ISP: Inspektorat Sił Powietrznych) เป็นวงเงินประมาณ $7.3 billion
ได้รับการประกาศโดยสำนักงานความร่วมมือความมั่นคงกลาโหมสหรัฐฯ(DSCA: Defense Security Cooperation Agency) เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม 2024 ที่ผ่านมา(https://aagth1.blogspot.com/2023/10/saab-340-erieye-aew.html)

การอนุมัติโดยกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯครอบคลุมการปรับปรุงครึ่งอายุ(MLU: Mid-Life Upgrade) ของเครื่องบินขับไล่ F-16C/D Block 52+ จำนวน 48เครื่อง ทำให้เป็นมาตรฐานเครื่องบินขับไล่ F-16V Viper รุ่นล่าสุด
(F-16V เป็นการกำหนดแบบหมายถึงการนำโครงสร้างอากาศยานเครื่องเดิมมาสร้างใหม่ที่เทียบเท่ากับเครื่องบินขับไล่ F-16 Block 70/72 ที่สร้างใหม่จากโรงงานอากาศยาน)(https://aagth1.blogspot.com/2024/10/f-16-block-70-16.html)

"ข้อเสนอการขายสามารถจะทำให้โปแลนด์สามารถจะดัดแปลงและปรับปรุงเครื่องบินขับไล่ F-16 ที่มีอยู่ขนตนไปเป็นรูปแบบบมาตรฐาน 'Viper' ใหม่ การปรับปรุงครึ่งอายุเครื่องบินขับไล่ F-16V Viper MLU
จะเสริมสร้างขีดความสามารถการป้องกันทางอากาศและการตรวจการณ์ต่างๆของโปแลนด์, สนับสนุนการรักษาความมั่นคงแห่งชาติ, และเสริมความแข็งแกร่งการป้องกันประเทศของโปแลนด์และการมีส่วนสนับสนุนต่อ NATO" เอกสารแจ้งการอนุมัติของ DSCA สหรัฐฯกล่าว

เครื่องบินขับไล่ F-16V Viper มีคุณลักษณะติดตั้ง AESA(Active Electronically Scanned Array) radar แบบ Northrop Grumman AN/APG-83 มีพื้นฐานพัฒนาจาก radar แบบ AN/APG-80 ที่ติดตั้งในเครื่องบินขับไล่ F-16E/F Block 60 และยังรู้จักในชื่อ SABR(Scalable Agile Beam Radar) 
ระบบ computer ภารกิจใหม่ของ Raytheon-RTX, เครือข่าย Link 16 datalink, จอแสดงผลห้องนักบินสมัยใหม่, ระบบสงคราม electronic(EW: Electronic Warfare) ที่เพิ่มขยาย และระบบหลีกเลี่ยงการบินชนพื้น(GCAS: Ground-Collision Avoidance System)

เครื่องบินขับไล่ F-16V Viper ที่ได้รับการปรับปรุงครึ่งอายุ MLU ของโปแลนด์จะยังได้รับการติดตั้งชุดระบบสงคราม electronic แบบ AN/ALQ-254V(1) Viper Shield EW suite รุ่นใหม่ล่าสุดด้วย เพิ่มเติมจากการนำเครื่องบินขับไล่ F-16C/D Block 52+ มาสร้างใหม่ การอนุมัติสำหรับโปแลนด์ยังครอบคลุมอุปกรณ์, อะไหล่ต่างๆ, การฝึก, และการสนับสนุนที่เกี่ยวข้องด้วย
การอนุมัติยังรวมถึงการทดสอบสำหรับอาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่พื้น Lockheed Martin AGM-158 JASSM(Joint Air-to-Surface Standoff Missile), ระบิดนำวิถีดาวเทียม Boeing GBU-39 SDB-I(Small Diameter Bomb I), ระเบิดนำวิถี Raytheon-RTX GBU-53/B StormBreaker และอาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่อากาศ Raytheon-RTX AIM-9X Block II Sidewinder ที่จะถูกนำมาติดตั้งด้วย

กองทัพอากาศโปแลนด์ได้จัดหาเครื่องบินขับไล่ F-16C/D Block 52+ จำนวน 48เครื่องในปี 2003 เพื่อทดแทนเครื่องบินขับไล่ MiG-21(NATO กำหนดรหัส 'Fishbed') ยุค Warsaw Pact ของตน โดยเครื่องบินขับไล่ที่นั่งเดี่ยว F-16C Block 52+ จำนวน 36เครื่อง และเครื่องบินขับไล่สองที่นั่ง F-16D Block 52+ จำนวน 12เครื่องได้เข้าประจำการในปี 2006
เครื่องบินขับไล่ F-16V ถูกใช้งานร่วมกับเครื่องบินขับไล่ F-35A Lightning II "Husarz" ซึ่งโปแลนด์กำลังจะได้รับมอบเพื่อทดแทนเครื่องบินขับไล่ MiG-29(NATO กำหนดรหัส 'Fulcrum') ของตนครับ(https://aagth1.blogspot.com/2024/09/lockheed-martin-f-35a-husarz.html, https://aagth1.blogspot.com/2024/08/f-35a-32.html, https://aagth1.blogspot.com/2024/05/f-35a-husarz.html)