วันจันทร์ที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2563

Saab สวีเดนเปิดตัวชุดข้อเสนอที่กว้างของเครื่องบินขับไล่ Gripen E สำหรับโครงการ HX ฟินแลนด์

Saab unveils broad package for HX bid



Saab’s offering of the Gripen E, seen here at the Kauhava Air Show, is seeing a broad-based industrial and security package being offered to Finland. (Saab AB/Twitter)







บริษัท Saab สวีเดนได้ให้เค้าโครงชุดข้อเสนอที่สำคัญในฐานะส่วนหนึ่งของการแข่งขันของตนสำหรับโครงการจัดหาเครื่องบินขับไล่ HX ของฟินแลนด์เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2020 รวมถึงการพัฒนาเป้าลวงอาวุธปล่อยนำวิถียิงทางอากาศน้ำหนักเบาแบบใหม่
ในฐานะส่วนหนึ่งของข้อเสนอของบริษัทสำหรับโครงการ HX ศูนย์การพัฒนาและดำรงสภาพในฟินแลนด์จะถูกจัดตั้งขึ้นเพื่อมอบงานที่หลากหลาย(https://aagth1.blogspot.com/2020/08/hx.html)

งานเหล่านี้ได้รวมถึงการผลิตชิ้นส่วนและการประกอบเครื่องยนต์และอากาศยานในฟินแลนด์ผ่านโรงงานสนับสนุน และการบำรุงรักษา, ซ่อม และยกเครื่องภายในประเทศ
ปัจจุบัน Saab สวีเดนได้มีส่วนร่วมในการสนับสนุน 10โครงการวิจัยเกี่ยวกับวิทยาการ microwave ในฟินแลนด์ โดยโครงการการมีส่วนร่วมทางภาคอุตสาหกรรม 100รายการเห็นชอบในการสนุนการแข่งขันโครงการ HX ของ Saab 

"สิ่งที่จะมีขึ้นนี้เป็นพื้นฐานที่ดีอย่างยิ่งเพื่อสนับสนุนการดำรงสภาพเครื่องบินขับไล่ Gripen และเครื่องบินแจ้งเตือนทางอากาศและควบคุม GlobalEye ในปฏิบัติการ, รักษาความมั่นคงของการส่งกำลัง" Micael Johannson ประธานและผู้อำนวยการบริหารของ Saab กล่าว
โครงการวิจัยอื่นๆที่ปัจจุบันได้รับการสนับสนุนโดย Saab สวีเดนในฟินแลนด์รวมถึงโครงการวิจัยเกี่ยวกับระบบตรวจจับและปัญญาประดิษฐ์(AI: Artificial Intelligence)

ระบบเป้าลวงอาวุธปล่อยนำวิถียิงทางอากาศแบบใหม่ ซึ่งถูกเปิดเผยเป็นครั้งแรกระหว่างการบรรยายสรุปต่อสื่อได้รับประโยชน์จากงานพัฒนาจำนวนมากโดยศูนย์วิทยาการ Saab ใน Tampere ฟินแลนด์
"ที่นี่เรากำลังผสมผสานองค์ความรู้ระยะยาวในสวีเดนและในฟินแลนด์ในระบบไฟฟ้า microwave" ผู้อำนวยการรณรงค์โครงการ HX ของ Saab สวีเดน Magnus Skogberg กล่าว การพัฒนาเป้าลวงอาวุธปล่อยนำวิถีจะยังสนับสนุนการขยายศูนย์วิทยาการใน Tampere

หัวหน้าคณะเสนาธิการฝ่ายปฏิบัติการกองทัพอากาศสวีเดน(SwAF: Swedish Air Force, Svenska flygvapnet) นาวาเอก Carl-Fredrik Edström กล่าวว่า
การจัดหาเครื่องบินขับไล่ Saab Gripen E และเครื่องบินแจ้งเตือนทางอากาศและควบคุม Saab GlobalEye จะสร้างความเป็นไปได้ใหม่ต่างๆสำหรับทั้งกองทัพอากาศสวีเดนและกองทัพอากาศฟินแลนด์(Finnish Air Force, Ilmavoimat) ครับ

วันอาทิตย์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2563

นาวิกโยธินไทยเปิดตัวปืนใหญ่อัตตาจรล้อยาง ATMG ที่ผลิตในไทย












Two of six Elbit Systems ATMG (Autonomous Truck Mounted Gun) 155mm/52caliber wheeled self-propelled howitzer 6x6 Royal Thai Marine Corps, Royal Thai Navy was unveiled during Farewell ceremony and Sunset ceremony for Commander-in-Chief of RTN Admiral Luechai Rutdit retirement in 28 August 2020.



"กองทัพเรือ" จัดพิธีพิธีย่ำพระสุริย์ศรี เพื่อเป็นเกียรติแก่ ผู้บัญชาการทหารเรือ ในโอกาสเกษียณอายุราชการ

วันนี้ (28 สิงหาคม 2563) เวลา 17.50 น. พลเรือเอก ลือชัย รุดดิษฐ์ ผู้บัญชาการทหารเรือได้เดินทางไปยัง หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี เพื่อเป็นประธานในพิธีอำลาชีวิตการรับราชการ และพิธีย่ำพระสุริย์ศรี 
ซึ่งหน่วยบัญชาการนาวิกโยธินได้จัดขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้บัญชาการทหารเรือ ในโอกาสเกษียณอายุราชการ โดยมี พลเรือโท รณรงค์ สิทธินันทน์ ผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน และนายทหารระดับสูงของหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน ให้การต้อนรับ 
ซึ่งกิจกรรมที่จัดให้มีประกอบด้วย การแสดงโดดร่ม พิธีย่ำพระสุริย์ศรี และการสวนสนามของทหารนาวิกโยธิน การจัดพิธีย่ำพระสุริย์ศรีในครั้งนี้ นอกจากการจัดขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่ผู้บัญชาการทหารเรือ เนื่องในโอกาสอำลาชีวิตราชการแล้ว 
ยังมีข้าราชการในสังกัดหน่วยบัญชาการนาวิกโยธินที่ครบเกษียณอายุราชการเข้าร่วมพิธีอีก จำนวน 422 ท่าน ในการนี้ ผู้บัญชาการทหารเรือ ได้มอบโอวาทแก่กำลังพล หน่วยบัญชาการนาวิกโยธินว่า

"ผมระลึกอยู่เสมอว่า การเป็นผู้บังคับบัญชานี้ใครๆก็เป็นได้ แต่การเป็นผู้นำมีไม่กี่คนที่จะนำได้ เหมือนที่ ทหารนาวิกโยธิน กล่าวไว้ว่า "นำดี" บางคนเป็นผู้บังคับบัญชาแล้วไม่สามารถเป็นผู้นำได้ เหล่านี้วนเวียนอยู่ในสมองของผมตั้งแต่เป็นนักเรียนนายเรือ ผ่านการเป็นชั้นผู้น้อยมาโดยลำดับ 
ได้เฝ้ามอง เฝ้าคิดว่ากองทัพเรือเราจะเป็นเช่นไร จากเด็กบ้านนอกคนหนึ่ง อดมื้อกินมื้อ สมัยยังเยาว์ ไปโรงเรียนหากไม่ ตักข้าวใส่ตลับไปโรงเรียน ก็ต้องอดมื้อเที่ยง บางครั้งบุพการีได้ให้เงินเป็นค่าอาหาร แต่ด้วยใจรักแห่งความมัธยัสถ์ ก็จะเก็บส่วนหนึ่งเป็นทุนการศึกษาของตัวเอง 
นี่คือเยาว์วัยเมื่อเติบโตขึ้นใจจริงแล้วไม่อยากเป็นทหารอยากเป็นสถาปนิก เพราะว่าใช้ความคิดสร้างสรรค์อย่างมาก แต่ด้วยภาวะทางฐานะซึ่งเด็กบ้านนอกชาวนาผู้หนึ่งไม่มีปัญญาที่จะเป็นวิศวกรได้ และได้เห็นความเป็นลูกผู้ชายของทหารเรือเมื่อเยาว์วัย 
เมื่อกลุ่มนักเลงหัวไม้ รังแกประชาชนผู้อ่อนแอ มีกะลาสีทหารเรือเพียงแค่คนเดียว กับ 1 มีดโกนสามารถล้มนักเลงหัวไม้เป็นสิบ ให้พ่ายแพ้ไปได้ นั่นคือจุดเปลี่ยนที่ว่า "ต่อไปนี้ฉันจะเป็นทหารเรือ"

ในชั้นมัธยม ผมจึงได้ตั้งใจศึกษาหาความรู้ จนกระทั่งสามารถสอบเข้าเป็นนักเรียนนายเรือได้ เมื่อเป็นนักเรียนนายเรือก็เฝ้ามองการปกครองบังคับบัญชา แต่โชคดีประการหนึ่งคือมีพี่ชายเป็นทหารบก 
เกิดการแลกเปลี่ยนวิเคราะห์ความรู้กันและเมื่อเป็นผู้บังคับบัญชาก็คิดว่าต้องเป็นผู้นำที่ดีด้วยจึงจะเกิดประโยชน์ ขณะเดียวกันก็ได้เห็นความทุกข์ยากของชั้นผู้น้อย อยู่อย่างอัตคัด โดยเฉพาะอย่างยิ่งทหารตามแนวชายแดน ด้วยเหตุนี้ผมจึงต้องไป ตรวจเยี่ยมเพื่อสร้างขวัญกำลังใจอยู่เสมอ 
ผมขอขอบคุณผู้บัญชาการหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน ที่ดูแลผู้ใต้บังคับบัญชา ฝึกปรือ ฝึกฝน ให้ทหารเข็มแข็งเช่นในอดีตที่ผ่านมา ขอบคุณท่านประธานชมรมภริยาทหารเรือนาวิกโยธินที่ดูแลครอบครัวทหารนาวิกโยธิน ให้มีความสมัครสมานสามัคคี

ตราบใดที่น้ำทะเลเป็นสีเข้ม ตราบนั้นเลือดเราไม่เคยจาง ไม่ว่าจะเหล่าพรรคใดเราคือทหารเรือไทยเป็นลูกเสด็จเตี่ยทุกคน นี่คือความมุ่งมั่นของผม ผู้บัญชาการเชื่อว่า สุดท้ายในการรบ ชนะที่คนไม่ใช่เครื่องมือ 
คนต้องเข้มแข็งทั้งร่างกายและจิตใจ สติปัญญาเฉียบแหลม มีความรู้จึงจะชนะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งทหารมารีนและมนุษย์กบเมื่อทิ้งไพ่ใบสุดท้ายต้องชนะ นี่คือเจตนารมณ์แน่วแน่ของผม 
ผมไม่ขอฝากอะไรเพราะว่าเห็นความพร้อมทุกหมู่เหล่าอยู่ที่นี้ รวมถึงหน่วยอื่นแล้ว ขอขอบคุณอย่างจริงใจอีกครั้งหนึ่งที่ให้การต้อนรับแสดงความเทิดเกียรติในวันนี้ "

ตลอดระยะเวลา 2 ปีที่ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการทหารเรือ พลเรือเอก ลือชัย รุดดิษฐ์ ได้มุ่งเน้นการพัฒนากองทัพเรือ ให้ขับเคลื่อนตามยุทธศาสตร์ วิสัยทัศน์ และพันธกิจ ด้วยนโยบายที่มุ่งเน้นให้กองทัพเรือ 
เป็นหน่วยงานความมั่นคงทางทะเลที่มีบทบาทนำในภูมิภาค และเป็นเลิศในการบริหารจัดการ เพื่อไปสู่ขั้นรุกคืบหน้า สถาปนาความมั่นคง” (Moving Forward to Ensure Sustainability : MFES) 
โดยอยู่บนหลักคิดพื้นฐานที่ว่า “ที่มีอยู่ต้องรักษาให้อยู่ แล้วพัฒนาต่อไป” ซึ่งนับได้ว่าเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้กองทัพเรือไปถึงเป้าหมายที่ได้ตั้งไว้ สมดังเจตนารมณ์ของพลเรือเอก ลือชัย รุดดิษฐ์ผู้บัญชาการทหารเรือ ที่ว่า 
"กองทัพเรือ ต้องเป็นกองทัพทหารของประชาชน หายใจเชื่อมใจ ประสานใจและมีชะตาชีวิตร่วมกันกับประชาชน สู้เพื่อรับใช้ประชาชน ที่ใดมีศัตรูที่ใดมีภัย ที่นั่นย่อมมีทหารของกองทัพเรือ ให้สมกับคุณค่าที่ส่งมอบให้กับสังคม เป็นกองทัพเรือที่ประชาชนเชื่อมั่นและภาคภูมิใจ

สำหรับพิธีย่ำพระสุริย์ศรี เป็นพิธีการของทหารเรือไทยพิธีหนึ่ง คล้ายกับการสวนสนามเพื่ออำลาชีวิตราชการของผู้บังคับบัญชาระดับสูง เช่น ผู้บัญชาการทหารเรือ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการหน่วยนาวิกโยธิน เป็นต้น 
ซึ่งพิธีนี้นั้นจะเริ่มกระทำในเวลาที่พระอาทิตย์ลับขอบฟ้าพอดี (ประมาณ 18.00 น.) ถือเป็นขนบธรรมเนียมของทหารหน่วยนาวิกโยธิน โดยมีการอัญเชิญธงราชนาวีลงจากยอดเสา โดยทั่วไปที่ถือเอาเวลาพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าเป็นหลัก 
จึงได้ชื่อว่า “พิธีย่ำพระสุริย์ศรี” ซึ่งเรียกตามชื่อ “เพลงพระสุริย์ศรี” ซึ่งเป็นเพลงที่เกิดจากภูมิปัญญาทหารเรือไทยที่พัฒนาจากจังหวะเพลงย่ำค่ำ มาเป็นเพลงบรรเลงรูปจบกระบวนของการแสดงดนตรีสยาม หรือเพลง ฟีนาเล่ 
และด้วยเหตุผลที่ว่าขนบธรรมเนียมประเพณีทหารเรือ เมื่อเชิญธงราชนาวีลงจากยอดเสา พลแตรเดี่ยวจะเป่าเพลง ย่ำค่ำ อันเป็นตำนานเก่าแก่สืบมาช้านาน จึงน่าอนุโลมใช้คำ ย่ำพระสุริย์ศรี กับพิธีการเช่นนี้ได้ 
ถึงแม้ว่าจะไม่ตรงกับความหมายในภาษาอังกฤษนัก แต่มีความหมายในภาษาไทยว่า การจบ สิ้นสุด หรือยุติลงอย่างสง่างาม ซึ่งสอดรับกับพิธีการของการอำลาชีวิตราชการอย่างกลมกลืน 
ดังนั้น พิธีย่ำพระสุริย์ศรี จึงมีความเป็นมาด้วยประการเช่นนี้ โดยพิธีการนี้ หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน มิได้ลอกเลียนแบบมาจากหน่วยทหารสวนสนามของนาวิกโยธินสหรัฐอเมริกาแต่อย่างใดเพียงแต่อาศัยเค้าโครงมาสอดแทรกการแสดงทางทหารประกอบวงโยธวาทิต 
ซึ่งทั้งสิ้นจะกระทำอยู่ท่ามกลางความสว่างจากดวงไฟที่จัดไว้อย่างเหมาะสม โดยมีลำแสงของพระอาทิตย์ที่ทาบทาท้องฟ้ายามเย็นย่ำเป็นฉากหลังที่สวยงามตามธรรมชาติ และปิดท้ายด้วยการจุดพลุดอกไม้ไฟอันงดงามตระการตา 
หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน จะจัดพิธีเช่นนี้ขึ้นเพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติ หรือเทิดเกียรติบุคคลสำคัญของกองทัพเรือ เท่านั้น พิธีดังกล่าว จะใช้เวลาไม่เกิน 1 ชั่วโมง ซึ่งเป็นเวลาที่ลำแสงสุดท้ายของพระอาทิตย์จะค่อย ๆ เลือนลับไปกับความมืด 
และเหมาะสมสำหรับการต่อด้วยงานเลี้ยงรับรองอย่างเป็นพิธีการที่สามารถจัดขึ้นในเวลาถัดไปในสถานที่ที่อยู่ใกล้เคียงกัน
พิธีย่ำพระสุริย์ศรี มีขึ้นครั้งแรกที่บริเวณที่บริเวณสนามหน้ากองบัญชาการหน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน ค่ายกรมหลวงชุมพร อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ.2522 
ในโอกาสที่หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน ฉลองพระเกียรติ สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารีกรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี เมื่อครั้งดำรงพระอิสริยยศ เรือโทหญิง สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี 
และได้จัดให้มีพิธีเช่นเดียวกันนี้ต่อเนื่องอีกหลายครั้งจนถึงปัจจุบัน

ระหว่างพิธีอำลาชีวิตราชการ และพิธีย่ำพระสุริย์ศรี แก่ผู้บัญชากาทหาเรือและนายทหารกองทัพเรือที่จะเกษียณอายุในปี พ.ศ.๒๕๖๓(2020) ณ หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน ค่ายกรมหลวงชุมพร อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี เมื่อวันที่ ๒๘ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๖๓ 
นาวิกโยธินไทยได้มีการเปิดตัวปืนใหญ่อัตตาจรล้อยางแบบ ATMG(Autonomous Truck Mounted Gun) 6x6 ขนาด 155mm/52caliber ของตนที่ถูกนำมาจัดตั้งแสดงประกอบพิธีและร่วมการสวนสนามของทหารนาวิกโยธิน

ในปี พ.ศ.๒๕๖๑(2018) นาวิกโยธิน กองทัพเรือไทย(RTMC: Royal Thai Marine Corps, RTN: Royal Thai Navy) ได้ลงนามสัญญาจัดหาปืนใหญ่อัตตาจรล้อยาง ATMG 155mm/52cal จำนวน ๖ระบบ วงเงินราว ๘๖๕,๐๐๐,๐๐๐บาท($26 million) 
ที่มีพื้นฐานจากระบบปืนใหญ่อัตตาจรล้อยางแบบ ATMOS(Autonomous Truck Mounted howitzer System) ของบริษัท Elbit Systems Land and C4I Ltd. อิสราเอล(https://aagth1.blogspot.com/2018/04/atmg.html)

ป.อัตตาจรล้อยาง ATMG ถูกสร้างภายในประเทศไทยผ่านการถ่ายทอด Technology โดย ศูนย์อำนวยการสร้างอาวุธ ศูนย์อุตสาหกรรมป้องกันประเทศและพลังงานทหาร ศอว.ศอพท.(WPC: Weapon Production Center, DIEC: Defence Industry and Energy Center) กระทรวงกลาโหมไทย
ซึ่งได้เสร็จสิ้นการผลิตและส่งมอบปืนใหญ่อัตตาจรล้อยาง ATMG จำนวน ๑๘ระบบแก่กองทัพบกไทย(Royal Thai Army) แล้วในปี พ.ศ.๒๕๖๒(2019) โดยถูกนำเข้าประจำการใน กองพันทหารปืนใหญ่ที่๗๒๑ กองพลทหารปืนใหญ่(https://aagth1.blogspot.com/2019/01/atmg-atmm.html)

มีรายงานว่า กรมทหารปืนใหญ่ กองพลนาวิกโยธิน(Marine Artillery Regiment, Royal Thai Marine Division) ได้รับมอบ ป.อัตตาจรล้อยาง ATMG  ที่สั่งจัดหา ๖ระบบเมื่อเดือนกรกฎาคม พ.ศ.๒๕๖๓ นับเป็นปืนใหญ่อัตตาจรแบบแรกของนาวิกโยธินไทยจากเดิมที่มีประจำการแต่ปืนใหญ่ลากจูง
ทั้งนี้กองทัพบกไทยกำลังดำเนินการสั่งจัดหา ป.อจ. ATMG จาก ศอว.ศอพท. เพิ่มเติมอีก ๑๘ระบบสำหรับหนึ่งกองพันทหารปืนใหญ่ แบ่งเป็นระยะแรกหนึ่งกองร้อยปืนใหญ่ ๖ระบบ วงเงินราว ๘๘๖,๐๐๐,๐๐๐บาท($28.5 million) ทำให้จำนวน ATMG ที่จะผลิตในไทยจะรวมเป็นถึง ๔๒ระบบครับ

วันเสาร์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2563

ฟิลิปปินส์ลงนามจัดหา Radar ตรวจการณ์ทางอากาศญี่ปุ่น

Japan wins first major defence export deal



Philippine Defense Secretary Delfin Lorenzana (centre) signs the contract to procure air surveillance radars from Japan’s Mitsubishi Electric Corporation. (Philippine DND)

กระทรวงกลาโหมฟิลิปปินส์ได้บรรลุข้อตกลงที่จะจัดหา Radar ตรวจการณ์ทางอากาศจากบริษัท Mitsubishi Electric Corporation(Melco) ญี่ปุ่น สัญญานี้ยังมีขึ้นตามมาหลังความเครียดที่เพิ่มขึ้นระหว่างฟิลิปินส์และจีนเหนือน่านน้ำอาณาเขตในทะเลจีนใต้
สัญญาซึ่งมีมูลค่าเป็นวงเงิน $103.5 million เป็นการส่งออกทางกลาโหมครั้งใหญ่ที่สุดและมีความโดดเด่นมากที่สุดของญี่ปุ่นนับตั้งแต่ที่ยกเลิกการห้ามการส่งออกทางทหารแก่ต่างประเทศในปี 2014

ในแถลงการณ์ของกระทรวงกลาโหมฟิลิปปินส์เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม 2020 กล่าวว่า "ข้อตกลงสัญญาและการแจ้งเพื่อดำเนินการต่อ" ได้รับการลงนามในกลางเดือนสิงหาคม 2020 
เพื่อตรงความต้องการภายใต้โครงการจัดหาระบบ Radar ตรวจการณ์ทางอากาศ(ASRS: Air Surveillance Radar System) ของกองทัพอากาศฟิลิปปินส์(PAF: Philippine Air Force) ที่เดิมได้ตั้งงบประมาณโครงการไว้ที่ 5.5 billion Philippine Peso(113 million)

ระบบ radar ที่จะจัดหาตามข้อตกลงไม่ได้รับการระบุแบบ อย่างไรก็ตาม Arsenio Andolong หัวหน้ากองประชาสัมพันธ์ของกระทรวงกลาโหมฟิลิปปินส์ยืนยันกับ Janes ว่า ระบบที่จะจัดหามีพื้นฐานจาก Radar ป้องกันภัยทางอากาศ J/FPS-3 ของ Melco ญี่ปุ่น 
ซึ่งถูกนำเข้าประจำการในกองกำลังป้องกันตนเองทางอากาศญี่ปุ่น(JASDF: Japan Air Self-Defense Force) ตั้งแต่ต้นปี 1990s Andolong ยังกล่าวอีกว่าข้อตกลงได้วงเงินจากจากงบประมาณกลาโหมของฟิลิปปินส์

สัญญาซึ่งอยู่ภายใต้กรอบตามข้อตกลงการจัดซื้อจัดจ้างแบบรัฐบาลต่อรัฐบาล ได้รวมถึง Radar จำนวน 4ระบบ ประกอบด้วย Radar แบบฐานประจำที่ 3ระบบ และระบบ Radar อัตตาจร 1ระบบ 
เช่นเดียวกับสิ่งอำนวยความสะดวกและระบบภาคพื้นดินที่เกี่ยวข้อง โดยการส่งมอบคาดว่าจะเริ่มต้นในปี 2022(https://aagth1.blogspot.com/2016/12/radar.html

สถานทูตญี่ปุ่นประจำฟิลิปปินส์กล่าวว่าข้อตกลงใหม่นี้เป็นเครื่องหมายแสดงถึง "การส่งมอบแก่ต่างประเทศครั้งแรกของระบบยุทโธปกรณ์กลาโหมแบบสมบูรณ์ที่เป็นระบบผลิตใหม่โดยบริษัทของญี่ปุ่น" 
ยังประกอบข้อตกลงที่เสริมสร้างความแข็งแกร่งความสัมพันธ์ทางกลาโหมและการทูตระหว่างญี่ปุ่นและฟิลิปปินส์อีกด้วย

สถานี Radar จะครอบคลุมพื้นที่ขนาดใหญ่ของทางตอนใต้ประเทศและทะเลฟิลิปปินส์ตะวันตก ทำให้กองทัพอากาศฟิลิปปินส์สามารถปฏิบัติการเฝ้าติดตามห้วงอากาศ, ควบคุมอากาศยาน, การป้องกันทางอากาศ และรักษาความปลอดภัยพื้นที่ผลประโยชน์ของตนได้
โดยจะช่วยตรวจจับ, พิสูจน์ทราบ และเชื่อมโยงภับคุกคามและการรุกล้ำใดๆภายในเขตเศรษฐกิจจำเพาะ(EEZ: Exclusive Economic Zone) ของฟิลิปปินส์ และให้ภาพรวมเพื่อสร้างการตัดสินใจแก่ผู้มีอำนาจและหน่วยปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้องได้ครับ

วันศุกร์ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2563

กองทัพบกไทยฝึกพัฒนาขีดความสามารถยานเกราะล้อยาง Stryker
















112th Infantry Regiment, 11th Infantry Division, Royal Thai Army was conducted field exercise of Stryker RTA ICV 8x8 (Royal Thai Army Infantry Carrier Vehicle) at Sriracha ground training range, Chonburi Province in 23-28 August 2020.

“ฝึกการพัฒนาขีดความสามารถของยานเกราะ Stryker”
พ.อ.ณัฏฐพงศ์ อัศวินวงศ์ ได้นำผู้บังคับบัญชา ของ ร.112 ร่วมให้การต้อนรับ พล.ต.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผบ.พล.ร.11 และคณะฯ ในโอกาสเดินทางมาตรวจเยี่ยมการฝึก รถยานเกราะ Stryker ณ พื้นที่ฝึกดำเนินกลยุทธ สนามฝึกศรีราชา จ.ชลบุรี 

โดยดำเนินการฝึกในเรื่อง การรบด้วยวิธีรุกของ มว.ร.ยก.เบา แบ่งเป็น 3 สถานีฝึก ได้แก่
1. สถานีฝึกการซักซ้อมบนภูมิประเทศจำลอง
2. สถานีฝึกการปรับรูปขบวนของ มว.ร.ยก.เบา ในภูมิประเทศ
3. สถานีฝึกการเข้าตีในเวลากลางวัน

ทั้งนี้ ผบ.พล.ร.11 ยังได้พบปะกำลังพลที่เข้ารับการฝึกและให้กำลังใจทุกนาย และเน้นย้ำให้กำลังพลมีความตั้งใจในการฝึกเพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในครั้งนี้นำไปใช้ในการฝึกของหน่วยทหารให้มีประสิทธิภาพสูงสุด (24 ส.ค.63)



การฝึกภาคสนามล่าสุดของ หมวดทหารราบยานเกราะเบา มว.ร.ยก.เบา ยานเกราะล้อยางลำเลียงพล Stryker RTA ICV 8x8 กองทัพบกไทย(RTA: Royal Thai Army) ณ สนามฝึกศรีราชา จังหวัดชลบุรี ระหว่างวันที่ ๒๓-๒๘ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๖๓(2020)
นับเป็นการฝึกล่าสุดนับตั้งแต่ที่ กองพันทหารราบที่๑ กรมทหารราบที่๑๑๒ กองพลทหารราบที่๑๑ ฉะเชิงเทรา ได้ทำพิธีรับมอบรถยานเกราะล้อยาง Stryker RTA ICV จำนวน ๒๐คัน เข้าประจำการเมื่อวันที่ ๑๓ กรกฎาคม ๒๕๖๓(https://aagth1.blogspot.com/2020/07/stryker.html)

โดยก่อนหน้าการส่งมอบแก่หน่วยผู้ใช้งานแรกนั้น ได้มีการฝึกอบรมหลักสูตรอบรมการปฏิบัติงานของกำลังพลยานเกราะล้อยาง M1126 Stryker 8x8 ที่ ศูนย์การทหารม้า ค่ายอดิศร จังหวัดสระบุรี(https://aagth1.blogspot.com/2019/12/vn1-stryker-rta-icv.html)
ซึ่งการฝึกการจัดกำลังเป็นชุดรบ Stryker Combat Team ของทหารราบเดินเท้าที่บรรทุกมากับยานเกราะ Stryker 8x8 นั้นได้พบเห็นใช้อาวุธประจำการแบบปืนเล็กยาวจู่โจม FN SCAR(https://aagth1.blogspot.com/2020/01/fn-scar-stryker.html)

ยานเกราะล้อยางลำเลียงพล Stryker RTA ICV กองทัพบกไทยได้รับการติดตั้งปืนกลหนัก ปก.๙๓ M2 Flex ขนาด .50cal(12.7x99mm) และเครื่องยิงลูกระเบิดอัตโนมัติ STK 40 AGL ขนาด 40x53mm ที่ติดตั้งบนแท่นยิงพร้อมโล่ป้องกันพลยิงบนหลังคารถ
ทั้งนี้กองทัพบกไทยร่วมกับสถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ สทป. DTI(Defence Technology Institute) ได้มีการทดสอบป้อมปืน Kongsberg PROTECTOR Dual Remote Weapon Station(RWS) บนรถเกราะล้อยาง V-100 4x4 ที่อาจเป็นไปได้ว่าจะถูกนำมาใช้กับยานเกราะ Stryker ในอนาคต(https://aagth1.blogspot.com/2020/06/v-100-remote.html)

กองทัพบกไทยได้จัดหายานเกราะล้อยาง Stryker ระยะที่๑ จำนวน ๗๐คัน ที่เคยประจำการในกองทัพบกสหรัฐฯ(US Army) ในการขายรูปแบบความช่วยเหลือทางทหาร Foreign Military Sale(FMS) จากรัฐบาลสหรัฐฯแก่มิตรประเทศโดยตรง
แม้ว่าจะเป็นรถที่เคยประจำการในกองทัพบกสหรัฐฯมาก่อนแต่ก็มีอายุการใช้งานน้อยมาก โดยเป็นรถที่ผ่านการปรับปรุงแล้วในสภาพดีมากพร้อมใช้งานทันที(Condition A) ซึ่งกองทัพบกไทยเป็นลูกค้าส่งออกรายแรกสำหรับยานเกราะล้อยางตระกูล Stryker

ยานเกราะล้อยางลำเลียงพล Stryker RTA ICV 8x8 ชุดแรกจำนวน ๔คัน ได้เคยนำมาจัดแสดงในพิธีรับมอบ ณ กองบัญชาการกองทัพไทยเมื่อวันที่ ๑๒ กันยายน พ.ศ.๒๕๖๒(2019) ที่ผ่านมา(https://aagth1.blogspot.com/2019/09/stryker-rta-icv.html)
อย่างไรก็ตามผลจากการระบาด Covid-19 ที่มีการตัดลดงบประมาณกลาโหมประจำปี ๒๕๖๓ และพ.ศ.๒๕๖๔(2021) ทำให้กองทัพบกไทยต้องเลื่อนการจัดหายานเกราะล้อยาง Stryker ระยะที่๒ จำนวน ๕๐คันเพิ่มเติมออกไปครับ(https://aagth1.blogspot.com/2020/07/covid-19.html)

วันพฤหัสบดีที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2563

รัสเซียเปิดตัวแท่นยิงใหม่สำหรับระบบป้องกันขีปนาวุธ Abakan

Army 2020: Almaz-Antey unveils new launcher for Abakan ballistic missile defence system


The new 51P6E2 launcher for the 98R6E Abakan non-strategic ballistic missile defence system was unveiled at the Russian Federation Ministry of Defence’s Army 2020 International Military-Technical Forum between 23 and 29 August. (https://saidpvo.livejournal.com)

บริษัท Almaz-Antey Corporation รัสเซียได้เปิดตัวระบบแท่นยิงอาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่อากาศอัตตาจรล้อยาง 10x10 แบบ 51P6E2 สำหรับระบบป้องกันขีปนาวุธที่ไม่ใช่ทางยุทธศาสตร์แบบ 98R6E Abakan
ที่งานประชุมสัมมนาทางทหารและเทคนิคนานาชาติ Army-2020 ของกระทรวงกลาโหมสหพันธรัฐรัสเซียที่จัดขึ้นใน Kuniba ใกล้นครหลวง Moscow ระหว่างวันที่ 23-29 สิงหาคม 2020

98R6E Abakan เป็นระบบอาวุธหลายช่องทางความคล่องแคล่วสูงที่ออกแบบเพื่อปกป้องสิ่งอำนวยความสะดวกด้านอุตสาหกรรมทางทหาร, รัฐบาล และฝ่ายบริหารที่มีความความอ่อนไหวยิ่งจากขีปนาวุธทางยุทธวิธี(TBM: Tactical Ballistic Missile)
ระบบ Abakan ประกอบด้วยระบบ Radar ตรวจจับและติดตามเป้าหมายขีปนวิถีหลายการทำงานอัตตาจรล้อยาง 4x4 แบบ 98L6E และแท่นยิงอัตตาจรล้อยางแบบ 51P6E2 จำนวนที่แน่นอนของแท่นยิงขึ้นอยู่กับภารกิจการรบ

แท่นยิง 51P6E2 ประกอบด้วยชุดบรรจุอาวุธปล่อยนำวิถีแนวดิ่งทรงกระบอก 2ท่อยิง แต่ละท่อยิงบรรจุอาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่อากาศสกัดกั้นแบบ 9M82MDE 
และ Radar วางกำลังที่สามารถพับเก็บลงได้ระหว่างชุดบรรจุอยู่ในรูปแบบเตรียมเดินทาง แท่นยิงพร้อมใช้งานมีน้ำหนัก 53.5tons และทำการควบคุมโดยกำลังพล 2นาย

ระบบ Abakan ถูกออกแบบเพื่อโจมตีกลุ่มเป้าหมายทางอากาศที่มีภาคตัดขวาง radar(RCS: Radar Cross-Section) ต่ำสุดที่ 0.02 square m ที่ระยะห่างถึง 30km และที่เพดานบินสูงถึง 25km 
จรวดสกัดกั้น 9M82MDE สองนัดสามารถถูกนำวิถีต่อการโจมตีเป้าหมายเดี่ยวได้ รถบรรทุกแท่นยิงมีพิสัยทำการที่ 500km บนผิวถนน และสามารถทำความเร็วได้สูงสุดที่ 60km/h

ระบบแท่นยิง 51P6E2 สามารถเริ่มต้นวางกำลังได้ภายในเวลาประมาณ 6นาที โดยการเตรียมการอาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่อากาศสกัดกั้นอยู่ที่ราว 7.5วินาที
บริษัท Almaz-Antey ในเครือ Rostec รัฐวิสาหกิจกลุ่มอุตสาหกรรมความมั่นคงรัสเซีย เป็นผู้ผลิตระบบอาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่อากาศป้องกันภัยทางอากาศหลักหลายแบบ สำหรับกองทัพรัสเซียและส่งออกต่างประเทศครับ

วันพุธที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2563

กองทัพรัสเซียต้องการจะทดแทนรถถังหลัก T-14 Armata ด้วยรถถังแห่งอนาคตแบบสองตอน

Russia’s top brass wants to replace Armata with two-section ‘tank of the future’



The concept of a two-section ‘tank of future’ was presented at the Army-2020 international military and technical forum

แนวคิดของ 'รถถังแห่งอนาคต' แบบสองตอนที่ถูกออกแบบเพื่อทดแทนยานเกราะสายพานตระกูล Armata หลังปี 2040s ได้ถูกจัดแสดงในงานประชุมสัมมนาทางทหารและเทคนิคนานาชาติ Army-2020 เมื่อวันที่ 25 สิงหาคม 2020
แนวคิดได้ถูกเสนอโดยสถาบันวิจัยและพัฒนาและทดสอบสิ่งอุปกรณ์และอาวุธหุ้มเกราะที่38 ซึ่งเป็นแบบร่างความต้องการสำหรับยานเกราะขั้นก้าวหน้า
ผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยเชื่อว่ารถถังหลัก T-14 Armata และยานเกราะรุ่นต่างๆของมันจะมีประสิทธิภาพในสนามรบจนถึงปี 2040s แต่มันมีความจำเป็นแล้วตอนนี้ที่จะต้องวางรากฐานสำหรับรถถังแห่งอนาคตอันห่างไกล

"ผู้เชี่ยวชาญของสถาบันที่38 ตอนนี้ได้มองเห็นถึงรถรบดังกล่าวในตัวเลือกการออกแบบสองตอนคู่ ส่วนการรบด้านหน้าอาจจะมีห้องควบคุมโดยมีกำลังพล 3นายใน capsule หุ้มเกราะที่ได้รับการป้องกันสูง
ส่วนกลางของ Module คาดว่าจะรองรับป้อมปืนแบบไร้พลประจำภายในป้อมโดยติดตั้งปืนใหญ่ไฟฟ้า-เคมีความร้อน(Electro-Thermochemical) พร้อมระบบบรรจุกระสุนอัตโนมัติ" รองหัวหน้าสถาบันที่38 พันเอก Yevgeny Gubanov กล่าว
ตอนที่สองควบคู่ของรถถังซึ่งส่วนแรกจะรองรับเครื่องยนต์ Gas Turbine ใช้เชื้อเพลิงได้หลายประเภทกำลัง 3,000hp ส่วน module ที่สองยังสามารถติดอากาศยานไร้คนขับหรือยานยนต์ไร้คนขับเพื่อปฏิบัติการลาดตระเวน, ค้นหาทุ่นระเบิด และดำเนินการทำงานรักษาความปลอดภัย

ปืนใหญ่ไฟฟ้า-เคมีความร้อนของรถถังอนาคตจะใช้ส่วนประกอบดินส่งใหม่แทนดินปืนที่จะถูกจุดชนวนโดยตัวจุดชนวนไฟฟ้า รถถังอนาคตจะทำการยิงกระสุนความเร็วเหนือเสียงสูงมาก Hypersonic
ส่วน Module ด้านหน้าของรถถังจะยังติดตั้งเกราะปฏิกิริยา(reactive armor), ระบบทำลายการเล็งด้วยอาวุธนำวิถี Laser และเครื่องกำเนิดคลื่นพลังงานแม่เหล็กไฟฟ้า(EMP: Electromagnetic Pulse)
ส่วน Module ด้านหลังจะรองรับอาวุธปล่อยนำวิถีแบบทำการยิงจากแนวดิ่ง(Vertical Launching Missiles) โดยมีพิสัยปฏิบัติการยิงถึง 12km

ตามที่ผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยอธิบาย การเสริมสร้างอำนาจการยิงและเกราะของรถถังภายใต้รูปแบบที่มีอยู่ในปัจจุบันได้เพิ่มขนาดของพวกมันอย่างมาก รถถังแบบสอนตอนคู่จะช่วยลดแรงกดต่อพื้นดิน(ground pressure) และแก้ปัญหาเหล่านี้
ผู้เชี่ยวชาญของสถาบันวิจัยยังเชื่อว่าห้องเครื่องยนต์เอนกประสงค์ของรถถังสามารถจะใช้รวมกันกับห้องบรรทุกกำลังพลสำหรับทหารราบยานยนต์ และส่วนทำการรบพร้อมอาวุธหลากหลายขนาดและรูปแบบการกำหนดการใช้งาน
พลประจำรถถังจะหยั่งรู้สถานการรบด้วยความช่วยเหลือของวิทยาการมุมมองการมองเห็นแบบ 'เกราะโปร่งใส' เมื่อข้อมูลที่ได้รับจากระบบตรวจจับภายนอกหลายแบบถูกส่งให้พลประจำรถภายในห้อง Capsule หุ้มเกราะครับ

วันอังคารที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2563

จีนทำพิธีปล่อยเรือฟริเกตชั้น Type 054A/P ลำแรกของปากีสถานลงน้ำ

Chinese Shipyard Launches 1st Type 054 A/P Frigate for Pakistan Navy





China's Hudong Zhonghua launched the first Type 054 A/P Frigate for Pakistan Navy today. This is the first of four vessels on order by Pakistan.



อู่เรือ Hudong Zhonghua ที่ตั้งใกล้มหานคร Shanghai สาธารณรัฐประชาชนจีนได้ทำพิธีปล่อยเรือลงน้ำของเรือฟริเกตชั้น Type 054A/P (F22P Batch II) ลำแรกจาก 4ลำสำหรับกองทัพเรือปากีสถาน(PN: Pakistan Navy) เมื่อวันที่ 22 สิงหาคม 2020
ปากีสถานได้ลงนามสัญญาแรกสำหรับการส่งมอบเรือฟริเกตชั้น Type 054A/P สองลำในปี 2017 สัญญาเพิ่มเติมสำหรับเรืออีกสองลำได้รับการประกาศในเดือนมิถุนายน 2018

พิธีวางกระดูกงูเรือสำหรับเรือฟริเกตชั้น Type 054A/P ลำที่สองมีขึ้นในวันที่ 23 มีนาคม 2020 พิธีตัดเหล็กสำหรับเรือฟริเกตสองลำสุดท้ายมีขึ้นเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2019
เรือฟริเกตชั้น Type 054A/P ทั้งหมด 4ลำมีกำหนดจะถูกสร้างในจีนทุกลำ และมีกำหนดที่จะส่งมอบให้ลูกค้าคือกองทัพเรือปากีสถานภายในปี 2021

โดยมีพื้นฐานจากเรือฟริเกตชั้น Type 054A ที่เป็นเรือฟริเกตุพหุภารกิจและถูกจัดเป็นกำลังหลักของกองเรือรบผิวน้ำของกองทัพเรือปลดปล่อยประชาชนจีน(PLAN: People’s Liberation Army Navy) ที่มีประจำการราว 30ลำ
เรือฟริเกตชั้น Type 054A มีความยาว 134m กว้าง 16m และมีระวางขับน้ำ 4,000tons กำลังพลประจำเรือ 165นาย ระบบอาวุธประจำเรือประกอบด้วยเช่น

ปืนเรือหลัก H/PJ-26 ขนาด 76mm, -อาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่พื้นต่อต้านเรือผิวน้ำ C-803 จำนวน 8นัด, แท่นยิงแนวดิ่ง VLS(Vertical Launching System) 32ท่อยิงสำหรับอากาศปล่อยนำวิถีพื้นสู่อากาศ HQ-16,
ระบบป้องกันระยะประชิด CIWS(Close-In Weapon System) ปืนกลเจ็ดลำกล้องหมุน Type 730 ขนาด 30mm สองแท่นยิง และแท่นยิง Torpedo ขนาด 324mm สามท่อยิง สองแท่นยิงสำหรับ Torpedo เบาปราบเรือดำน้ำ Yu-7 เป็นต้น

ตามข้อมูลจากกองทัพเรือปากีสถาน เรือฟริเกตชั้น Type 054A/P เป็นเรือฟริเกตที่ทันสมัยทีติดตั้งระบบอาวุธต่อต้านเป้าหมายผิวน้ำ, ใต้น้ำ และทางอากาศ และระบบตรวจจับสมัยใหม่
เมื่อสร้างเสร็จเรือฟริเกตเหล่านี้จะเป็นเรือที่มีความก้าวหน้าที่วิทยาการสูงสุดของกองทัพเรือปากีสถาน ซึ่งจะเสริมขีดความสามารถที่แข็งแกร่งที่จะตรงต่อความท้าทายในอนาคตและดำรงสันติภาพ, เสถียรภาพและดุลยภาพอำนาจในภูมิภาคมหาสมุทรอินเดีย

ปัจจุบันกองทัพเรือปากีสถานกำลังดำเนินการเสริมสร้างกำลังทางเรือใหม่ของตนโดยการจัดหาเรือรบใหม่หลายแบบ นอกจากเรือฟริเกตจีนปากีสถานยังจะประจำการเรือคอร์เวตแบบ MILGEM ตุรกี 4ลำ(https://aagth1.blogspot.com/2018/07/milgem-4.html),
เรือตรวจการณ์ไกลฝั่งชั้น Yarmook เนเธอร์แลนด์/โรมาเนีย 2ลำ(https://aagth1.blogspot.com/2020/02/damen-f-271-pns-yarmook.html) รวมถึงเรือดำน้ำแบบ S20P จีน 8ลำ(https://aagth1.blogspot.com/2016/10/type-091-han-8.html)

อู่เรือ Hudong-Zhonghua ล่าสุดกำลังสร้างเรืออู่ยกพลขึ้นบกบรรทุกเฮลิคอปเตอร์(LHD: Landing Helicopter Dock) ชั้น Type 075 สองลำสำหรับกองทัพเรือปลดปล่อยประชาชนจีนซึ่งเรือลำที่สามกำลังดำเนินการ(https://aagth1.blogspot.com/2020/08/type-075-lhd.html)
รวมถึงกำลังสร้างกำลังสร้างเรืออู่ยกพลขึ้นบก(LPD: Landing Platform Dock) ชั้น Type 071E สำหรับกองทัพเรือไทย(RTN: Royal Thai Navy) ด้วยครับ(https://aagth1.blogspot.com/2020/06/lloyds-register-type-071e-lpd.html

วันจันทร์ที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2563

กองทัพอากาศสหรัฐฯจะเริ่มแผนปรับปรุง ARES สำหรับเครื่องบินขับไล่ F-22

USAF to launch ARES modernisation plan for F-22 fighter



The proposed ARES modernisation plan for the F-22 will follow on from the REDI II effort and will potentially run for 10 years. (Janes/Patrick Allen)





กองทัพอากาศสหรัฐฯ(USAF: US Air Force) กำลังเริ่มต้นการขับเคลื่อนการปรับปรุงความทันสมัยล่าสุดของตนสำหรับเครื่องบินขับไล่ Lockheed Martin F-22 Raptor
ในชื่อโครงการเพิ่มขยายขีดความสามารถและดำรงสภาพ Raptor ขั้นก้าวหน้า ARES(Advanced Raptor Enhancement and Sustainment)

เอกสารสรุปบทคัดย่อก่อนการเชิญชวน(pre-solicitation synopsis) ที่อยู่ใน website การจัดซื้อจัดจ้างของรัฐบาลสหรัฐฯ beta.sam.gov โดยสำนักงานโครงการ F-22(AFLCMC/WAU, F-22 Program Office) เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2020
เน้นย้ำว่ากองทัพอากาศสหรัฐฯมีความประสงค์ที่จะประกาศสัญญาแหล่งที่มารายเดียวกับบริษัท Lockheed Martin สหรัฐฯ เพื่อการปรับปรุงในอนาคตแก่ 'เครื่องบินขับไล่ยุคที่5'

"สัญญาที่เสนอเป็นความพยายามที่ตามมาต่อสัญญาโครงการเพิ่มขยาย, พัฒนา และบูรณาการที่สอง REDI II(Raptor Enhancement, Development, and Integration II) 
และจะตอบสนองความต้องการการปรับปรุงความทันสมัย, การจัดการองค์กร และการเลือกความต้องการการดำรงสภาพในอนาคตเพื่อเพิ่มพูนประสิทธิภาพภายในโครงการ F-22" บทคัดย่อกล่าว

เอกสารยังเสริมว่ามีการกำหนดล่วงหน้าว่าสัญญาการส่งมอบไม่แน่นอน/จำนวนไม่แน่นอน(ID/IQ: indefinite delivery/indefinite quantity) จะมีการประกาศภายในเดือนมิถุนายน 2021 โดยพื้นฐานช่วงการสั่งจัดซื้อใน 5ปีและตัวเลือกอีก 5ปี
กองทัพอากาศสหรัฐฯไม่ได้เน้นว่าแผนการปรับปรุงความทันสมัยเฉพาะใดที่จะถูกรวมในความพยายาม ARES หรือไม่ได้กล่าวว่าโคงการจะมีมูลค่าที่วงเงินเท่าไร

ตามการระบุโดย Janes World Air Forces ตั้งแต่ที่ถูกนำเข้าประจำการในปี 2003 เครื่องบินขับไล่ F-22 ได้เป็นประเด็นที่จะนำไปสู่เส้นทางการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง
ที่รวมถึงการปรับปรุงระบบ Avionic, ระบบพยุงชีพที่ได้รับการปรับปรุง และระบบอาวุธอากาศสู่อากาศและอากาศสู่พื้นใหม่

F-22 เป็นเครื่องบินขับไล่ยุคที่5แบบแรกของโลกที่ถูกนำเข้าประจำการจริงในกองทัพอากาศสหรัฐฯ โดยมีความยาว 18.92m ปีกกว้าง 13.56 m และสูง 5.08 m มีพิสัยทำการไกลสุด 1,840nmi รัศมีการรบ 410nmi เพดานบินสูงสุด 65,000ft.
ติดตั้งเครื่องยนต์ไอพ่น Turbofan แบบปรับทิศทางแรงขับได้ Pratt & Whitney F119-PW-100 สองเครื่องแรงขับสูงสุดเมื่อใช้สันดาปท้าย 35,000lbf ทำความเร็วได้สูงสุด Mach 2.25 และมีขีดความสามารถการบินด้วยความเร็วเหนือเสียงโดยไม่ใช้สันดาปท้าย supercruise

ระบบอาวุธติดตั้งปืนใหญ่อากาศ M61A2 Vulcan หกลำกล้องหมุนขนาด 20mm ความจุกระสุน 480นัด มีจุดแข็งได้ปีกรวม 4ตำบล ห้องบรรทุกอาวุธภายในลำตัวรองรับอาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่อากาศพิสัยใกล้ AIM-9X Sidewinder 2นัด 
และอาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่อากาศพิสัยกลาง AIM-120C AMRAAM(Advanced Medium-Range Air-to-Air Missile) 6นัด รวมถึงระเบิดนำวิถีดาวเทียม GBU-32 JDAM(Joint Direct Attack Munition) ขนาด 1,000lbs 2นัดหรือ GBU-39 SDB(Small Diameter Bomb) ขนาด 250lbs 8นัดครับ