The Royal Thai Air Force (RTAF) held commissioning ceremony for all eight
Beechcraft AT-6TH Wolverine light attack aircrafts of 411th Squadron, Wing 41
Chiang Mai RTAF base on 4 September 2025. (RTAF Insider)
“AT-6TH กำลังรบใหม่แห่งกองทัพอากาศไทย เติมเต็มขีดความสามารถ
ปกป้องอธิปไตยชาติ”
กองทัพอากาศ จัดพิธีบรรจุประจำการเครื่องบินโจมตีแบบที่ 8 (AT-6TH) จำนวน 8
เครื่อง ประจำการ ณ ฝูงบิน 411 กองบิน 41 จังหวัดเชียงใหม่
เครื่องบิน AT-6TH คือก้าวสำคัญในการเสริมสร้างขีดความสามารถของกองทัพอากาศ
เพื่อภารกิจที่หลากหลาย อาทิ การโจมตีทางอากาศ, การลาดตระเวนติดอาวุธ,
การช่วยเหลือค้นหาและกู้ภัย, การสนับสนุนภาคพื้นดิน,
การปราบปรามยาเสพติดและป้องกันชายแดน
การช่วยเหลือประชาชน เช่น ควบคุมไฟป่าและบรรเทาสาธารณภัย
โดย พลอากาศเอก พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผู้บัญชาการทหารอากาศ
เป็นประธานในพิธี บรรจุประจำการ เครื่องบินโจมตีแบบที่ 8 และได้รับเกียรติจาก
Mr. Robert Frank Godec เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย, คุณชัชวาล
ปัญญา รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ และแขกผู้มีเกียรติหลายท่าน
มาร่วมเป็นสักขีพยาน
นี่คืออีกหนึ่งก้าวที่สะท้อนถึง ความพร้อม ปณิธาน และความร่วมมือไทย–สหรัฐฯ
ในการปกป้องอธิปไตยและสร้างความมั่นคงให้แก่ชาติ
“AT-6TH ไม่ใช่แค่เครื่องบินรบ แต่คือความมั่นใจของคนไทยทุกคน”
พิธีบรรจุประจำการเครื่องบินโจมตีแบบที่๘ บ.จ.๘ Beechcraft AT-6TH Wolverine
ฝูงบิน๔๑๑ กองบิน๔๑ เชียงใหม่ ทั้งหมดจำนวน ๘เครื่องเมื่อวันที่ ๔ กันยายน
พ.ศ.๒๕๖๘(2025) เป็นการเสร็จสิ้นโครงการจัดหาวงเงิน ๔,๓๑๔,๐๓๙,๙๘๐.๘๐บาท($143
million) ที่ลงนามเมื่อวันที่ ๑๔ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๖๔(2021)
เช่นเดียวกับเครื่องบินฝึกแบบที่๒๒ บ.ฝ.๒๒ Beechcraft T-6TH Texan II(T-6C)
ของโรงเรียนการบินกำแพงแสนกองทัพอากาศไทย ที่ได้รับมอบครบจำนวน ๑๒เครื่องในปี
พ.ศ.๒๕๖๖(2023) การจัดหาเครื่องบินโจมตีแบบที่๘ บ.จ.๘ AT-6TH Wolverine
ที่มีพื้นฐานร่วมกันนั้นมาพร้อมกับข้อตกลงการถ่ายทอดวิทยาการให้แก่ภาคอุตสาหกรรมการบินของไทย
รวมถึงบริษัทอุตสาหกรรมการบินจำกัด(TAI: Thai Aviation Industries) ไทย
ในอำเภอตาคลี จังหวัดนครสวรรค์ ใกล้กับ กองบิน๔ ตาคลี
ที่ทำการประกอบเครื่องบินโจมตี บ.จ.๘ AT-6TH ครบ ๘เครื่องส่งมอบให้ฝูงบิน๔๑๑
กองบิน๔๑ ตั้งแต่ราวเดือนมิถุนายน พ.ศ.๒๕๖๘
รวมถึงการมีส่วนร่วมภาคเอกชนทั้งของไทยและต่างประเทศ เช่นบริษัท Sam Teltech
และบริษัท RV Connex ไทย เป็นต้น
จากหลายๆปัจจัยที่เกิดขึ้นในปี พ.ศ.๒๕๖๘ นี้
พิธีบรรจุประจำการของเครื่องบินโจมตีแบบที่๘ บ.จ.๘ AT-6TH Wolverine
ได้ถูกเลื่อนมาหลายครั้ง
แต่ก่อนหน้าพิธีที่เป็นเครื่องหมายถึงความพร้อมในการปฏิบัติการเต็มที่ของเครื่องบิน
เครื่องบินโจมตี บ.จ.๘ AT-6TH
ก็ได้มีการฝึกนักบินพร้อมรบและมีส่วนร่วมในการปฏิบัติการทางทหารต่างๆของกองทัพไทยอย่างต่อเนื่อง
ตั้งแต่การสนับสนุนการดับไฟป่าและการตรวจการณ์ชายแดนทางภาคเหนือและภาคตะวันตกของไทยซึ่งจนถึงปัจจุบันสถานการณ์สงครามกลางเมืองในพม่าระหว่างกองทัพพม่ากับกองกำลังกลุ่มต่อต้านรัฐบาลพม่าและกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆยังคงมีความรุนแรงสูงอย่างต่อเนื่องแม้ว่าจะไม่ปรากฎข่าวในสื่อหลักนัก(https://aagth1.blogspot.com/2025/03/at-6th.html)
จนถึงการเข้าร่วมการฝึกกับมิตรประเทศเป็นครั้งแรกทั้งการฝึกผสม AIR THAISING 2025
กับกองทัพอากาศสิงคโปร์(RSAF: Republic of Singapore Air Force)(https://aagth1.blogspot.com/2025/07/at-6th-air-thaising-2025.html) และการฝึกผสม ENDURING PARTNERS 2025 กับกองทัพอากาศสหรัฐฯ(USAF: US Air
Force)(https://aagth1.blogspot.com/2025/08/enduring-partners-2025.html)
ในการให้สัมภาษณ์สื่อระหว่างพิธีบรรจุประจำการ อดีตผู้บัญชาการทหารอากาศไทย
พลอากาศเอก พันธ์ภักดี พัฒนกุล ยืนยันว่า
เครื่องบินโจมตีแบบที่๘ บ.จ.๘ AT-6TH Wolverine
ยังได้มีส่วนร่วมในการปะทะกรณีข้อพิพาททางพรมแดนระหว่าไทยและกัมพูชา
ซึ่งแม้จะไม่ได้ให้รายละเอียดแต่ก็เป็นการยืนยันได้อีกครั้งว่ากองทัพอากาศไทยเป็นผู้ใช้งานรายแรกที่นำเครื่องบินโจมตีเบา AT-6 Wolverine
ไปใช้ในการรบจริง
โดยที่มีที่ตั้ง ณ กองบิน๔๑ เชียงใหม่ ในการทดแทนเครื่องบินขับไล่และฝึกแบบที่๑
บ.ขฝ.๑ L-39ZA/ART ที่ปลดประจำการจากฝูงบิน๔๑๑ ไปในปี พ.ศ.๒๕๖๔(2021)(https://aagth1.blogspot.com/2021/04/f-16a-adf-f-16b-l-39zaart.html) เครื่องบินโจมตี บ.จ.๘ AT-6TH
นั้นมีความเงียบสร้างมลภาวะทางเสียงรบกวนน้อยกว่าและประหนัดค่าใช้จ่ายกว่าเครื่องบินรบเครื่องยนต์ไอพ่น
ทั้งยังติดตั้งระบบตรวจจับและการป้องกันตนเองที่ล้ำสมัยสามารถใช้อาวุธนำวิถีความแม่นยำสูงจากระยะไกล
รวมถึงขีดความสามารถเครือข่าย datalink ต่างๆที่เชื่อมโยงข้อมูลเวลาจริงในสนามรบ
แม้ว่าเดิมกองทัพอากาศไทยเคยมองที่จะจัดหา บ.จ.๘ AT-6TH ระยะที่๒ อีก
๔เครื่องสำหรับฝูงบิน๔๑๑ ให้รวมเป็น ๑๒เครื่อง
รวมถึงการทดแทนเครื่องบินโจมตีแบบที่๗ บ.จ.๗ Alpha Jet TH ฝูงบิน๒๓๑ กองบิน๒๓
อุดรธานี แต่ผลจากการปะทะกับกองทัพกัมพูชาล่าสุด
ความต้องการนี้อาจจะเปลี่ยนเป็นอากาศยานรบไร้คนขับ(UCAV: Unmanned Combat Aerial
Vehicle) แทนครับ
Airmen from the 733rd Air Mobility Squadron provided Halverson 25K loader
support to the Royal Thai Air Force to load a RTAF F-16 onto a RTAF C-130
Hercules at Utapao, Thailand, Aug. 21-22, 2025.
This complex operation requires removing the aircraft’s wings and precise
coordination, demonstrating professionalism, trust, and teamwork between
U.S. and Thai personnel while reflecting the enduring value of collaboration
and our shared commitment to regional security and readiness. (U.S. Air
Force)
กองทัพอากาศชี้แจงการตรวจพบรอยร้าวโครงสร้างอากาศยานของเครื่องบิน F-16
ตามที่ปรากฏข่าวในสื่อมวลชนแจ้งว่ามีการเคลื่อนย้ายเครื่องบิน F-16
จากฝูงบิน ๑๐๖ สนามบินอู่ตะเภา โดยเครื่องบิน C-130H ไปยัง กองบิน ๔ อ.ตาคลี
จว.นครสวรรค์ นั้น
วันนี้ (๗ กันยายน ๒๕๖๘) พลอากาศโท ประภาส สอนใจดี โฆษกกองทัพอากาศ
เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ ๑๙ มิถุนายน ๒๕๖๘
หลังจากการปฏิบัติการบินตรวจเป้าภาคอากาศ ได้มีการตรวจสอบตามวงรอบ
พบรอยร้าวที่บริเวณ Lower Bulkhead ของ Main Landing Gear Tension Strut Lug
ของชุดฐานล้อด้านขวา
รอยร้าวดังกล่าวตรวจพบจากการบำรุงรักษาตามขั้นตอนปกติ
โดยใช้วิธีการตรวจสอบแบบไม่ทำลายเนื้อวัสดุ
(Non Destructive Inspection: NDI) ตามมาตรฐานสากล
และได้รับการยืนยันผลจากผู้แทนบริษัทผู้ผลิตอากาศยาน Lockheed Martin
ประเทศสหรัฐอเมริกา
บริษัท Lockheed Martin ได้มีรายงาน Field Service Report
ระบุว่าไม่สามารถอนุมัติให้ทำการบิน One Time Flight ได้
เพื่อความปลอดภัยสูงสุด
มาตรการที่กองทัพอากาศดำเนินการ
๑. ประชุมหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
เพื่อพิจารณามาตรการเคลื่อนย้ายอากาศยานจากฝูงบิน ๑๐๖ สนามบินอู่ตะเภา
กลับมายังหน่วยซ่อมบำรุงหลัก กองบิน ๔ จว.นครสวรรค์
โดยปฏิบัติตามขั้นตอนความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด
๒. การเคลื่อนย้ายอากาศยานโดยเครื่องบิน C-130H
ได้ดำเนินการถอดชิ้นส่วนโครงสร้างเครื่องบิน F-16
ให้มีขนาดเหมาะสมต่อการลำเลียง
และจัดส่งเข้าสู่กระบวนการซ่อมบำรุงตามมาตรฐานอากาศยาน
๓. การซ่อมบำรุงจะใช้ขีดความสามารถของเจ้าหน้าที่กองทัพอากาศร่วมกับบริษัท
อุตสาหกรรมการบิน จำกัด
(Thai Aviation Industries Co., Ltd.: TAI)
ซึ่งเป็นหน่วยงานพันธมิตรเชิงยุทธศาสตร์ของกองทัพอากาศ
โดยปฏิบัติการซ่อมภายใต้มาตรฐานสากลและการควบคุมคุณภาพอย่างเคร่งครัด
๔. กองทัพอากาศยืนยันว่า
เหตุการณ์นี้ไม่มีผลกระทบต่อความปลอดภัยในการปฏิบัติการบิน
และสะท้อนถึงความเข้มงวด โปร่งใส ในกระบวนการบำรุงรักษาทุกขั้นตอน
กองทัพอากาศขอย้ำว่า การตรวจพบครั้งนี้เป็นผลจากการบำรุงรักษาตามมาตรฐาน
และขีดความสามารถ
ด้านวิศวกรรมซ่อมบำรุงของกำลังพลกองทัพอากาศเอง รวมถึงการร่วมมือกับบริษัท
อุตสาหกรรมการบิน จำกัด (TAI)
เพื่อความปลอดภัยสูงสุดของนักบิน กำลังพล
และสร้างความเชื่อมั่นแก่ประชาชนต่อศักยภาพของกองทัพอากาศไทย
สำนักงานโฆษกกองทัพอากาศ
๗ กันยายน ๒๕๖๘
หลังจากที่กองทัพอากาศสหรัฐฯได้เผยแพร่ชุดภาพเมื่อวันที่ ๕ กันยายน พ.ศ.๒๕๖๘
ของการสนับสนุน Halverson 25K loader
ของฝูงบินการเคลื่อนที่ทางอากาศที่๗๓๓(733rd Air Mobility Squadron)
ให้กับเครื่องบินลำเลียงแบบที่๘ บ.ล.๘ C-130H ฝูงบิน๖๐๑ กองบิน๖
ดอนเมืองทำการบรรทุกเพื่อการบรรทุกเครื่องบินขับไล่แบบที่๑๙ บ.ข.๑๙ F-16AM EMLU
หมายเลข "40307" ฝูงบิน๔๐๓ กองบิน๔ ตาคลี
ทำการบินเคลื่อนย้ายจากฝูงบิน๑๐๖ สนามบินอู่ตะเภา เมื่อวันที่ ๒๑-๒๒ สิงหาคม
พ.ศ.๒๕๖๘ นั้น กองทัพอากาศไทยได้ชี้แจงตามว่าเมื่อวันที่ ๗ กันยายน พ.ศ.๒๕๖๘
ว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นหลังจากเครื่องบินขับไล่ บ.ข.๑๙/ก F-16AM/BM ฝูงบิน๔๐๓
กองบิน๔ วางกำลังที่สนามบินอู่ตะเภา
เพื่อทำการฝึกยิงอาวุธเป้าอากาศเหนืออ่าวไทยเมื่อวันที่ ๑๙ มิถุนายน
พ.ศ.๒๕๖๘
การตรวจสอบเครื่องตามวงรอบของ บ.ข.๑๙ F-16AM 40307
ได้พบรอยร้าวที่ส่วนผนังโครงสร้างช่องเก็บล้อด้านหน้าชุดฐานล้อหลักหลังด้านขวาจึงทำการถอดปีกนำขึ้น
บ.ล.๘ C-130H ฝูงบิน๖๐๑ เดินทางมาบริษัท อุตสาหกรรมการบิน จำกัด(TAI: Thai
Aviation Industries) ไทยใกล้กองบิน๔ เพื่อทำการซ่อมต่อไป
แสดงถึงมาตรฐานนิรภัยการบินและขีดความสามารถในการแก้ไขปัญหาร่วมของกองทัพอากาศไทยและสหรัฐฯครับ
Buddhist monk perform a merit-making ceremony to mark the 25th anniversary
in the Royal Thai Air Force (RTAF) service for Dornier Alpha Jet TH of 231st
Squadron, Wing 23 Udon Thani on 12 September 2025. (Royal Thai Air Force)
ครบรอบ ๒๕ ปี การประจำการ เครื่องบินโจมตีแบบที่ ๗ (ALPHA JET)
เมื่อวันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๖๘ นาวาอากาศเอก นทัย เมืองมณี ผู้บังคับการกองบิน
๒๓ พร้อมด้วย คุณรุ่งรัศมี เมืองมณี ประธานชมรมคู่สมรสทหารอากาศกองบิน ๒๓
ข้าราชการกองบิน ๒๓ และหน่วยงานในพื้นที่ท่าอากาศยานอุดรธานี
ร่วมพิธีทำบุญเนื่องในวันคล้ายวันครบรอบ ๒๕ ปี การประจำการ
เครื่องบินโจมตีแบบที่ ๗ (ALPHA JET)
โดยมี พระครูปลัดสัคพงศ์ มันตาคโม (พระอาจารย์เสก) ลานธรรมถาดทองสุขโข
อำเภอหนองแสง จังหวัดอุดรธานี เจิมเครื่องบิน ALPHA JET
เพื่อความเป็นสิริมงคล และในโอกาสนี้ ยังได้มีพิธีไถ่ชีวิตโคจากโรงฆ่าสัตว์
เพื่อมอบให้เกษตรกร เพื่อเป็นกุศลผลบุญแก่ ข้าราชการ ลูกจ้าง
พนักงานราชการ และครอบครัวกองบิน ๒๓ ณ ฝูงบิน ๒๓๑ กองบิน ๒๓
จังหวัดอุดรธานี
- ผู้รับผิดชอบ : น.ต.ทรงยศ รัตนจันทร์
- บรรณาธิการ : ร.ต.ธรรมวัฒน์ รัตนวิจารณ์
- ภาพข่าว : พ.อ.อ.ประเยาว์ คุณาคม
- จัดทำข่าว : พ.อ.อ.กมล โสภา
Directorate of Armament, RTAF announced to procure additional 10 set of LIG
Nex1 KGGB (Korean GPS-Guided Bomb) kits for 46,414,500 Baht ($1,457,994);
additional 26 set of Elibit LIZARD 3 laser guidance kits for 78,757,000 Baht
($2,473,952); and 10 systems of domestic KB-5E Kamikaze Drones for
100,000,000 Baht ($3,141,247) and 10 systems of Unmanned Defense Systems
(UDS) AVENGER Kamikaze Drones for 41,960,100 Baht ($1,318,070) which to be
manufactured by Thai Aviation Industries (TAI) on 11 September 2025.
Royal Thai Air Force also signed contract with Airbus Defence and Space (DS)
for Airbus A330 MRTT+(Multi Role Tanker Transport Plus) for
12,140,924,564.93 baht baht ($376,620,464.29) on 25 September 2025, two
additional H225M search-and-rescue (SAR) and emergency medical services
(EMS) helicopters for 87,208,066 Euros (3,282,886,598.92 Baht) on 26
September 2025, and new Integrated Air Defence System / High to Medium Air
Defense (HIMAD) for 3,440,470,005 baht ($107,679,572).
อุปกรณ์นำวิถีและเพิ่มระยะ รหัส KGGB จำนวน ๑๐ ชุด
Kamikaze Drone รหัส AVENGER จำนวน ๑๐ ชุด
Next-Gen Airpower
เติมเต็มขีดความสามารถ…การลำเลียงทางอากาศเพื่ออนาคตน่านฟ้าไทย
พล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผู้บัญชาการทหารอากาศ
ได้ลงนามสัญญาจัดหาเครื่องบิน Airbus A330 MRTT รุ่นใหม่ จำนวน 1 เครื่อง
จากบริษัทแอร์บัส เพื่อเพิ่มขีดความสามารถด้านการลำเลียง ได้แก่
การบรรเทาสาธารณภัย การช่วยเหลือประชาชน การเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศ
และการรับ-ส่งบุคคลสำคัญ
ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนากองทัพอากาศ
ให้มีความแข็งแกร่งและมีประสิทธิภาพด้านการลำเลียงทางอากาศและการช่วยเหลือประชาชน
การจัดหายุทโธปกรณ์รุ่นใหม่ครั้งนี้
ไม่ได้เป็นเพียงการเสริมความแข็งแกร่งทางการทหาร
แต่ยังคงความพร้อมในการบรรเทาสาธารณภัย
และการช่วยเหลือประชาชนอย่างมีประสิทธิภาพ
ทอ.เล็ง Barak MX เพื่อกำจัดภัยคุกคามทางอากาศ
รวมถึงโดรนและขีปนาวุธพิสัยไกล ... มีขีดความสามารถสกัดกั้นขั้นสูง
ความที่เหนือชั้นทางเทคโนโลยีเหล่านี้ขยายขอบเขตการป้องกันทางอากาศได้อย่างมากเมื่อเทียบกับระบบเดิม
โดยเป็นเกราะป้องกันแบบหลายชั้นตั้งแต่ 35 - 70 กม. และครอบคลุมถึง 150 กม.
สำหรับภัยคุกคามระยะไกล...
ลองนึกภาพยามเย็นอันเงียบสงบที่จู่ๆ
ก็พังทลายลงด้วยภาพอันน่าสะพรึงกลัวของขีปนาวุธหลายลูกที่พุ่งผ่านท้องฟ้า
มุ่งหน้าสู่เมืองที่พลุกพล่าน ฐานทัพ หรือสถานที่สำคัญทางยุทธศาสตร์
สถานการณ์อันน่าหวาดเสียวนี้คือสิ่งที่ประเทศต่างๆ
ทั่วโลกกำลังเตรียมพร้อมรับมือ
โดยมักพบว่าระบบป้องกันตนเองไม่เพียงพอต่อภัยคุกคามทางอากาศที่มีความซับซ้อนมากขึ้นเรื่อยๆ
กองทัพอากาศซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรงต่อการรักษาความมั่นคงบนท้องฟ้า
ซึ่งช่วยเสริมสร้างความรู้สึกปลอดภัยบนพื้นดิน
จึงต้องมีความเตรียมพร้อมถึงภัยคุกคามเหล่านี้ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
ด้วยการจัดหาระบบอาวุธที่ทันสมัยเพื่อเสริมระบบป้องกันภัยทางอากาศ
ซึ่งยังมีขีดจำกัดที่ในการรับมือกับภัยคุกคามในรูปแบบใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ล่าสุดกองทัพอากาศได้เล็งไปที่ ระบบป้องกันภัยทางอากาศและขีปนาวุธ BARAK MX
จากอิสราเอล ซึ่งอาจมีการจัดหาโดยเร่งด่วน
เพื่อให้ทันต่อสถานการณ์รอบบ้านและป้องกันภัยคุกคามที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต...
ระบบป้องกันภัยทางอากาศและขีปนาวุธ BARAK MX ซึ่งพัฒนาโดย IAI
ประเทศอิสราเอล
เป็นระบบป้องกันภัยทางอากาศและขีปนาวุธขั้นสูงที่ออกแบบมาเพื่อรับมือกับภัยคุกคามหลากหลายรูปแบบ
ทั้งอากาศยาน โดรน ขีปนาวุธข้ามทวีป และขีปนาวุธร่อน
ระบบนี้มีบทบาทสำคัญในยุทธศาสตร์การป้องกันประเทศแบบหลายชั้น
และได้รับการยอมรับในด้านความยืดหยุ่นและขีดความสามารถที่แข็งแกร่ง
อีกทั้งได้รับการพิสูจน์ขีดความสามารถให้เห็นผลสำเร็จประสิทธิภาพและสมรรถนะในสนามรบมาแล้ว
ในการสกัดกั้นขีปนาวุธของอิหร่าน ในปฏิบัติการ Rising Lion
เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมานี้
ระบบ Barak MX เป็นแท่นยิงแบบ 8 ท่อยิง สามารถใส่ลูกอาวุธนำวิถี 3 แบบ
ได้แก่ ระบบป้องกันภัยทางอากาศระยะกลาง Barak (MRAD)
ที่ใช้มอเตอร์จรวดพัลส์ตัวเดียว มีระยะทำการไกลสุด 35 กม.
ในขณะที่ระบบป้องกันภัยทางอากาศระยะไกล Barak (LRAD)
ที่ใช้มอเตอร์จรวดพัลส์คู่ มีระยะทำการไกลสุด 70 กม.
ซึ่งทั้ง 2 แบบนี้ มีระยะยิงเป้าหมายในระดับความสูงสุด 20 กม. และ Barak ER
ที่ใช้มอเตอร์จรวดพัลส์คู่และบูสเตอร์เสริม มีระยะทำการไกลสุด 150 กม.
มีระยะยิงเป้าหมายในระดับความสูงสุด 30 กม. มีแรงจีถึง 50 จี
ที่ยากต่อการหลบหลีกของเป้าหมาย
โดยมีการเล็งเป้าหมายที่รวดเร็วและเชื่อถือได้
พร้อมความทนทานสูงต่อมาตรการตอบโต้ทางอิเล็กทรอนิกส์
ทุกรุ่นมีระบบค้นหาคลื่นความถี่วิทยุขั้นสูงสำหรับพื้นที่หน้าตัดเรดาร์ต่ำและเมื่อค้นหาเป้าหมายที่กำลังเคลื่อนที่
และสามารถบรรทุกหัวรบขนาดใหญ่ได้
เครื่องถูกยิงขึ้นในแนวตั้งเพื่อให้ครอบคลุมพื้นที่ 360 องศา Barak
ทั้ง 3 รุ่นถูกรวมเข้าไว้ในระบบการจัดการการรบเดียว พร้อมด้วยเครื่องยิง
Barak บนพื้นดินแบบรวมศูนย์
เครื่องยิงสามารถปฏิบัติการตั้งยิงในเวลาอันรวดเร็วและเก็บเคลื่อนย้ายที่ตั้งยิงได้ภายในเวลาไม่ถึง
2 นาที
ระบบ Barak MX ประกอบด้วยเซ็นเซอร์และเรดาร์มัลติมิชชั่นแบบ Phased Array
(MMR) แบบบูรณาการดิจิทัลเต็มรูปแบบที่พัฒนาโดย IAI ระบบนี้ติดตั้งเรดาร์แบบ
Active Electronically Scanned Array (AESA) ที่พัฒนาโดย ELTA Systems
ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของ IAI เช่น ELM 2138 MMR และ ELM-2084 MMR
ซึ่งสามารถปฏิบัติการแบบเคลื่อนที่ได้
ระบบป้องกันภัยทางอากาศ Barak MX สามารถปฏิบัติการได้ในทุกสภาพอากาศ
ทั้งกลางวันและกลางคืน สามารถนำไปใช้งานในภารกิจป้องกันจุดและป้องกันพื้นที่
และสามารถปรับให้เข้ากับสภาพการรบประสานงานของกองกำลังเฉพาะกิจร่วมที่มีเครือข่ายเป็นศูนย์กลางได้
สามารถรับมือกับภัยคุกคามได้หลากหลายรูปแบบ ทั้งอากาศยาน เฮลิคอปเตอร์
ระเบิดร่อน อากาศยานไร้คนขับ และขีปนาวุธร่อน รวมถึงขีปนาวุธข้ามทวีป
ในขณะที่ปัจจุบัน ประเทศรอบบ้านอย่างเมียนมา ก็มีขีปนาวุธแบบ Scud
ผลิตในเกาหลีเหนือ ระยะยิงไกล 300-700 กม. และกัมพูชาก็มี PHL-03 ระยะยิงไกล
130 กม.
ซึ่งอาวุธเหล่านี้จะเป็นภัยคุกคามที่สำคัญเมื่อเกิดความขีดแย้งกันระหว่างประเทศ
ที่จะนำไปสู่การสู้รบ
นอกจากนี้ในอนาคตยังจะมะมีการใช้โดรนทั้งขนาดใหญ่และขนาดเล็กและเป็นอาวุธพิฆาต
ในการโจมตี ดังนั้นจำเป็นอย่างยิ่งที่กองทัพอากาศ
ต้องมีระบบสกัดกั้นที่ทันสมัย เชื่อถือได้ มาเป็นผู้พิทักษ์ท้องฟ้า
รับรองความปลอดภัยและความมั่นคงของประเทศ...ล่าสุดกองทัพอากาศได้เล็งไปที่
ระบบป้องกันภัยทางอากาศและขีปนาวุธ BARAK MX จากอิสราเอล
ซึ่งอาจมีการจัดหาโดยเร่งด่วน
เพื่อให้ทันต่อสถานการณ์รอบบ้านและป้องกันภัยคุกคามที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต...และ
BARAK MX จะเป็นระบบต่อต้านขีปนาวุธแบบแรกของกองทัพไทย ...
เครื่องบินโจมตีแบบที่๗ บ.จ.๗ Alpha Jet TH ฝูงบิน๒๓๑ กองบิน๒๓ อุดรธานี
ที่มีการจัดพิธีทำบุญในโอกาศครบรอบ ๒๕ปีการเข้าประจำการเมื่อ ๑๒ กันยายน
พ.ศ.๒๕๖๘
ก็เป็นอากาศยานอีกแบบที่ไม่ได้ถูกกล่าวถึงในกรณีการปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาในปลายเดือนกรกฎาคม
พ.ศ.๒๕๖๘ เช่นเดียวกับเครื่องบินขับไล่แบบที่๑๘ข/ค บ.ข.๑๘ข/ค F-5E/F TH
ฝูงบิน๒๑๑ กองบิน๒๑ อุบลราชธานี
รวมถึงอากาศยานของเหล่าทัพอื่นเช่น เฮลิคอปเตอร์โจมตี ฮ.จ.๑ AH-1F Cobra
กองพันบินที่๓ กรมบิน ศูนย์การบินทหารบก กองทัพบกไทย
ที่เพิ่งมีการเปิดเผยตามมาภายหลังว่ามีการวางกำลังที่สนามบินสุรินทร์ภักดี
ในจังหวัดสุรินทร์
การปฏิบัติการทางทหารที่ชายแดนไทย-กัมพูชามีการใช้อากาศยานหลายๆแบบเข้าร่วม
การที่ไม่เห็นหรือกล่าวถึงจึงไม่ได้หมายความว่าจะไม่ได้มีการนำอากาศยานประเภทนั้นมาใช้ในการรบ
ล่าสุด กรมสรรพาวุธทหารอากาศ(Directorate of Armament)
ได้ประกาศแผนจัดซื้อชุดระเบิดร่อนนำวิถีดาวเทียม KGGB(https://aagth1.blogspot.com/2023/11/defense-security-2023-kggb.html) เพิ่มเติมจำนวน ๑๐ชุดวงเงิน ๔๖,๔๑๔,๕๐๐บาท($1,457,994) ชุดระเบิดนำวิถี
laser แบบ LIZARD 3(aagth1.blogspot.com/2021/12/f-16ambm-lizard-3-amraam.html) เพิ่มเติมจำนวน ๒๖ชุดวงเงิน ๗๘,๗๕๗,๐๐๐บาท($2,473,952)
และอากาศยานไร้คนขับติดอาวุธแบบพลีชีพแบบ KB-5E(https://aagth1.blogspot.com/2024/12/kb-uav.html) จำนวน ๑๐ระบบวงเงิน ๑๐๐,๐๐๐,๐๐๐บาท(($3,141,247) และแบบ Unmanned Defense
Systems(UDS) AVENGER จำนวน ๑๐ระบบวงเงิน ๔๑,๙๖๐,๑๐๐บาท($1,318,070)
ที่จะผลิตในไทยโดยบริษัท อุตสาหกรรมการบิน จำกัด(TAI: Thai Aviation
Industries) ไทยเมื่อวันที่ ๑๑ กันยายน พ.ศ.๒๕๖๘
รวมถึงการลงนามจัดหาเครื่องบินเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศ Airbus A330 MRTT จำนวน
๑เครื่องวงเงิน ๑๒,๑๔๔,๐๐๐,๐๐๐บาท($359,390,994) เมื่อวันที่ ๒๕ กันยายน
พ.ศ.๒๕๖๘ ทดแทน ที่จะได้รับมอบในปี พ.ศ.๒๕๗๒(2029) และเฮลิคอปเตอร์แบบที่๑๑
ฮ.๑๑ Airbus Helicopters H225M(EC725) เพิ่มเติมจำนวน ๒เครื่อง วงเงิน
๓,๒๘๒,๘๘๖,๕๙๘.๙๒บาท(87,208,066 Euros) เมื่อวันที่ ๒๖ กันยายน
พ.ศ.๒๕๖๘
จนถึงโครงการพัฒนาการป้องกันฐานที่ตั้งทางทหารของกองทัพอากาศ(IADS: Integrated
Air Defence System) แบบระบบป้องกันภัยทางอากาศพิสัยกลางเพดานสูง (HIMAD: High
to Medium Air Defense) วงเงิน ๓,๔๔๐,๔๗๐,๐๐๕บาท($107,679,572)
ที่มีรายงานว่าระบบป้องกันภัยทางอากาศแบบ Barak MX ของบริษัท Israel Aerospace
Industries(IAI) อิสราเอลอาจจะเป็นผู้ชนะที่ได้รับเลือกครับ
A Royal Australian Air Force F/A-18F Super Hornet from No. 1 Squadron on the
flight line at Korat Royal Thai Air Force Base, Thailand, during Exercise
Thai Boomerang 25.
The Royal Thai Air Force (RTAF) and Royal Australian Air Force (RAAF)
concluded the exercise Thai Boomerang 2025 by closing ceremony at Wing 1
Korat, Thailand on 18 September 2025. (Commonwealth of Australia)
The Royal Thai Air Force (RTAF) and People's Liberation Army Air Force
(PLAAF) concluded the exercise FALCON STRIKE 2025 at Wing 23 RTAF base in
Udon Thani, Thailand from 15 to 25 September 2025. (Royal Thai Air
Force/Pitchayut Khwamman)
การฝึกผสม Falcon Strike 2025
ในห้วงเดือนกันยายน พ.ศ.๒๕๖๘
ก็เป็นอีกครั้งที่กองทัพอากาศไทยได้แสดงขีดความสามารถการเป็นเจ้าภาพจัดการฝึกผสมทางอากาศในภาคอีสานของไทยในช่วงเวลาใกล้เคียงกันคือการฝึกผสม
THAI BOOMERANG 2025 กับกองทัพอากาศออสเตรเลีย(RAAF: Royal Australian Air
Force) ระหว่างวันที่ ๘-๑๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๖๘ ณ กองบิน๑ โคราช
ที่ออสเตรเลียนำเครื่องบินขับไล่ F/A-18F Super Hornet เข้าร่วม
และการฝึกผสม FALCON STRIKE 2025 กับกองทัพอากาศปลดปล่อยประชาชนจีน(PLAAF:
People's Liberation Army Air Force) ระหว่างวันที่ ๑๕-๒๕ กันยายน พ.ศ.๒๕๖๘ ณ
กองบิน๒๓ อุดรธานี ซึ่งเป็นครั้งแรกที่จีนนำเครื่องบินเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศ
HY-6U และอากาศยานไร้คนขับ GJ-2(Wing Loong II) UAV(Unmanned Aerial Vehicle)
เข้าร่วมการฝึกที่ไทย และยังมีเจ้าหน้าที่จากกองทัพอินโดนีเซีย(Indonesian
National Armed Forces, TNI: Tentara Nasional Indonesia)
ร่วมเป็นผู้สังเกตการณ์การฝึก
การฝึกกับมิตรประเทศอื่นๆของกองทัพอากาศไทยในเดือนกันยายน พ.ศ.๒๕๖๘
ยังรวมถึงการฝึกผสม SIAM BHARAT 2025 กับกองทัพอากาศอินเดีย(IAF: Indian Air
Force) ระหว่างวันที่ ๘-๑๑ กันยายน พ.ศ.๒๕๖๘
ซึ่งเป็นการฝึกปัญหาที่บังคับการ(CPX: Command Post Exercise)
รวมถึงการประชุมการพัฒนาความร่วมมือด้านการทหารกับกองทัพอากาศปากีสถาน(PAF:
Pakistan Air Force) เมื่อวันที่ ๘ กันยายน พ.ศ.๒๕๖๘ ด้วยครับ
(มีเรื่องน่าสนใจเพิ่มเติมระหว่างการฝึก FALCON STRIKE 2025
คือระหว่างการฝึกวันที่ ๒๒ กันยายน ๒๕๖๘
มีฝนตกหนักมากที่อุดรธานีจนเกิดสภาพอากาศปิดเหนือกองบิน๒๓
ทำให้หมู่บินเครื่องบินขับไล่ J-10C
กองทัพอากาศปลดปล่อยประชาชนจีนต้องลงจอดฉุกเฉินที่ท่าอากาศยานขอนแก่น
ขณะที่เฮลิคอปเตอร์ Mi-171Sh
กองทัพอากาศปลดปล่อยประชาชนจีนเองก็ลงจอดที่สนามบินนาคู ในจังหวัดกาฬสินธุ์
และตอนที่เครื่องบินขับไล่ J-10C
ลงจอดที่สนามบินขอนแก่นมีการบันทึกภาพได้ว่ามีเครื่องบินลำเลียง C-12 Huron
ของรัฐบาลสหรัฐฯอยู่ในสนามบินขอนแก่นด้วย
โดยต่อมาภาพดังกล่าวนี้ก็ถูกลบออกไปจากการแพร่แพร่ในสื่อสังคม online ของไทย
นี่ก็เป็นการแสดงให้เห็นถึงสถานะของไทยที่มีความสัมพันธ์กับทุกชาติทั่วโลก
ซึ่งแต่ละประเทศก็มาใช้พื้นที่ในไทยเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง)
Royal Thai Navy (RTN) Naval Research and Development Office (NRDO) new
domestic MARCUS-KK (Kamikaze/Kill) loitering munition/aerial target
conducted take off and landing from flight deck of CVH-911 HTMS Chakri
Naruebet helicopter carrier in September 2025. (Royal Thai Navy/Panupong
Khoomcin)
ทดสอบโดรนพลีชีพ MARCUS-KK ขึ้นบินจาก ร.ล.จักรีนฤเบศร
เพื่อโจมตีเป้าหมายในทะเล …. สำเร็จ !!! Cr. Panupong Khoomcin
MARCUS KK โดรนกามิกาเซ่
ที่พัฒนาโดยกองทัพเรือขึ้นบินจากเรือหลวงจักรีนฤเบศ
เดินหน้าพัฒนา drone พิฆาตพลีชีพกันต่อไปสำหรับกองทัพเรือกับ Marcus
kk
สำนักงานวิจัยและพัฒนาการทางทหารกองทัพเรือ สวพ.ทร.(NRDO: Naval Research and
Development Office) ได้ทดสอบเป้าอากาศ/อากาศยานไร้คนขับพลีชีพ MARCUS-KK
(Kamikaze/Kill) แบบใหม่ในตระกูลอากาศยานไร้คนขับ MARCUS
ของตนล่าสุดที่มีการเปิดเผยในเดือนกันยายน พ.ศ.๒๕๖๘
ด้วยการประสบความสำเร็จการทดสอบบินขึ้นและลงจอดบนดาดฟ้าบินของเรือบรรทุกเฮลิคอปเตอร์เรือหลวงจักรีนฤเบศร
ก่อนหน้านี้ในการแถลงยุทธศาสตร์ทหาร "JADO (Joint All Domain Operation)
หลักนิยมในการปฏิบัติการร่วม" ณ สถาบันเทคโนโลยีป้องกันประเทศ สทป. DTI
เมื่อวันที่ ๒๘ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๖๘ กองทัพเรือไทยได้เปิดเผยแนวคิดพัฒนา
ร.ล.จักรีนฤเบศร ให้เป็นเรือบรรทุกอากาศยานไร้คนขับ(UAS Carrier)
โดยจะเน้นไปที่ขีดความสามารถการวางกำลัง UAV
ตรวจการณ์และโจมตีเรือผิวน้ำ/ที่หมายบนฝั่งระยะไกลเป็นหลัก
อากาศยานไร้คนขับตระกูล MARCUS ที่กองทัพเรือไทยพัฒนาเอง(https://aagth1.blogspot.com/2024/09/marcus-c.html) และแบบอื่นๆอย่างเป้าอากาศ Banshee(https://aagth1.blogspot.com/2025/05/blog-post.html) ได้มีการทดสอบการปฏิบัติการบน ร.ล.จักรีนฤเบศร อย่างต่อเนื่อง
ซึ่งที่เห็นได้จากวีดิทัศน์การทดสอบล่าสุด MARCUS-KK
ในสีพรางเทายังทำการบินจากเรือที่มีลมพัดแรงได้ลำบากและกลับมาลงจอดบนดาดฟ้าบินอย่างรุนแรงซึ่งจะอันตรายต่อเรือได้ถ้าติดหัวรบจริงในการโจมตีเป้าหมายและระบบรักษาความปลอดภัยชนวนหัวรบทำงานผิดพลาดครับ
The Royal Thai Navy (RTN) Signing Ceremony of Supplemental Agreement
China-Thailand S26T Submarine Project with with Government of People's
Republic of China representatives at China Shipbuilding & Offshore
International Co., Ltd. (CSOC) headquarters building in Beijing on 16
September 2025. (Royal Thai Navy)
"กองทัพเรือ ลงนามข้อตกลงจ้างสร้างเรือดำน้ำ ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม"
เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2568 พลเรือเอก จิรพล ว่องวิทย์
ผู้บัญชาการทหารเรือ ในฐานะผู้แทนรัฐบาลไทย
ได้เดินทางมาร่วมลงนามข้อตกลงจ้างสร้างเรือดำน้ำ ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม
กับผู้แทนรัฐบาลสาธารณรัฐประชาชนจีน โดย นาย หลิว ซ่ง รอง ประธานบริหาร
บริษัท China Shipbuilding & Offshore International Co., Ltd. (CSOC) ณ
อาคารสำนักงานใหญ่ของบริษัท CSOC กรุงปักกิ่ง
สาธารณรัฐประชาชนจีน
โดยมีผู้แทนของสำนักงานความร่วมมือยุทโธปกรณ์ทางทหารและเทคโนโลยี (Bureau of
Military Equipment and Technology Cooperation, CMC: BOMETEC) ผู้แทนบริษัท
China State Shipbuilding Corporation Co., Ltd. (CSSC) และผู้แทนบริษัท
บริษัท China Shipbuilding Trading Co., Ltd. (CSTC)
เข้าร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามฯดังกล่าวด้วย
การลงนามข้อตกลงฯ ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม ในครั้งนี้
เป็นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 5 สิงหาคม 2568
ที่อนุมัติให้ผู้บัญชาการทหารเรือ หรือผู้แทนเป็นผู้ลงนามในข้อตกลงฯ
ฉบับแก้ไขเพิ่มเติม ในฐานะผู้แทนรัฐบาลไทย ซึ่งภายหลังจากการลงนามดังกล่าว
จะมีการสร้างเรือตามแผนงานในงวดงานที่เหลือประมาณ 40 เดือน
ซึ่งประกอบด้วย การสร้างเรือ การฝึกอบรมหลักสูตรของช่างซ่อมบำรุงในสาขาต่าง
ๆ และการถ่ายทอดเทคโนโลยี รวมทั้งหลักสูตรกำลังพลประจำเรือดำน้ำ
และฝ่ายอำนวยการของกองเรือดำน้ำ
โดยกระทรวงกลาโหมจีนจะให้การสนับสนุนทั้งการสร้างเรือให้เป็นไปตามที่ข้อตกลงฯ
กำหนด และเป็นไปตามมาตรฐานของกองทัพจีน
รวมถึงการฝึก กำลังพลประจำเรือ ให้มีความรู้
และมีขีดความสามารถในการใช้งานเรือดำน้ำลำนี้ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
และปลอดภัย เพื่อให้กองทัพเรือมีความมั่นใจว่าจะสามารถใช้งานเรือดำน้ำลำนี้
ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ คุ้มค่ากับงบประมาณ
และระยะเวลาที่ใช้ในการดำเนินโครงการ จัดหาเรือดำน้ำลำนี้ต่อไป
ซึ่งมีกำหนดส่งมอบเรือในช่วงปลายปี 2571
ทั้งนี้ผู้บัญชาการทหารเรือ ได้กล่าวต่อแขกผู้ร่วมพิธีฯ
โดยมีใจความสำคัญตอนหนึ่งว่า โครงการจัดหาเรือดำน้ำแบบ S26T ถือเป็นโครงการ
ที่มีความสำคัญ โดยมีนัยแห่งความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลจีน
และถือเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์ร่วมกัน
ซี่งทั้งสองฝ่ายได้ร่วมกันแก้ไขปัญหาของโครงการฯ ผ่านการเจรจาอย่างฉันมิตร
จนประสบความสำเร็จถึงขั้นลงนามแก้ไขข้อตกลงฯ ได้
ซึ่งทางฝ่ายจีนก็ได้ให้คำมั่นกับกองทัพเรือว่าจะสร้างเรือดำน้ำลำนี้
ให้มีคุณภาพและสมบูรณ์แบบตามมาตรฐานของกองทัพเรือจีน
รวมทั้งจะให้การสนับสนุนในด้านอื่น ๆ แก่กองทัพเรืออย่างเต็มที่
เพื่อให้โครงการฯ สำเร็จโดยเร็ว
พิธีลงนามข้อตกลงจ้างสร้างเรือดำน้ำ S26T
ฉบับแก้ไขเพิ่มเติมระหว่างกองทัพเรือไทยในฐานะผู้แทนรัฐบาลไทย และ China
Shipbuilding & Offshore International Co., Ltd.(CSOC)
กิจการการค้าและส่งออกของ China State Shipbuilding Corporation Co.,
Ltd.(CSSC) กลุ่มรัฐวิสาหกิจผู้สร้างเรือของจีนในฐานะตัวแทนรัฐบาลจีน ณ
สำนังานใหญ่ของ CSSC ในนครหลวง Beijing เมื่อวันที่ ๑๖ กันยายน พ.ศ.๒๕๖๘
เป็นความคืบหน้าที่สำคัญล่าสุดของโครงการเรือดำน้ำ S26T
ของกองทัพเรือไทยที่ยืดเยื้อมายาวนานหลังจากที่คณะรัฐมนตรีไทยได้มีมติเห็นชอบการแก้ไขสัญญาแบบรัฐต่อรัฐ(G-to-G:
government-to-government) เมื่อวันที่ ๕ สิงหาคม พ.ศ.๒๕๖๘(https://aagth1.blogspot.com/2025/08/chd620-s26t.html) ในการยอมรับเครื่องยนต์ขับเครื่องกำเนิดไฟฟ้า CHD620V16H6 จีนแทน MTU
16V396SE84-GB31L เยอรมนี
การขยายยะเวลาการส่งมอบเรือไปอีก
๑,๒๑๗วันที่มีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการในการลงนามล่าสุดจะทำให้กองทัพเรือไทยจะได้รับมอบเรือดำน้ำ S26T ลำแรกที่สร้างเสร็จไปแล้วร้อยละ๖๔
ภายในวันที่ ๑๖ มกราคม พ.ศ.๒๕๗๒(2029) อย่างไรก็ตามถ้าดูจากความเร็วในการสร้างเรือดำน้ำชั้น Hangor
ของปากีสถานระยะเวลาการส่งมอบจริงอาจจะเร็วกว่านี้ได้
ซึ่งยังรวมถึงการฝึกกำลังพลชุดรับเรือและการชดเชยอื่นๆด้วยครับ
DE-413 HTMS Pinklao last gun salute during change of command ceremony for Royal Thai Fleet (RTF) on 30 September 2025.
The Royal Thai Navy (RTN) held formal decommissioning ceremony for DE-413 HTMS Pinklao destroyer escort at 1st Frigate Squadron headquarters, Laem Thian Pier, Sattahip naval base in Chonburi province, Gulf of Thailand on 26 September 2025.
DE-413 HTMS Pin Klao which commissioned in the Royal Thai Navy on 22 July 1959 for 66 years serviced, was the former DE-746 USS Hemminger the Cannon-class destroyer escort was commissioned in US Navy on 30 May 1944 for 81 years. (Royal Thai Navy/Natchai Vannaburana)
Decommissioning of Naval Vessels After Decades of Service
The Ministry of Defence has ordered the decommissioning of several Royal Thai Navy vessels due to their deteriorating condition from long years of service. Effective from 1 October 2025, the following ships will be retired from active duty:
HTMS Pinklao 413 (Frigate/Destroyer Escort) — 66 years of service
HTMS Phuket 333 (Fast Attack Gunboat) — 42 years of service
HTMS Samui 832 (Tanker) — 78 years of service
HTMS Surya 821 (Naval Buoy Tender) — 46 years of service
Riverine Patrol Crafts No. 14, 110, 111, 136, and 144
These vessels have faithfully safeguarded Thailand’s sovereignty and maritime interests for many decades, serving the nation with great value and distinction. They remain a proud part of the Royal Thai Navy’s history.
The Royal Thai Navy continues to recognize the necessity of acquiring new generations of naval assets to maintain and enhance the nation’s maritime defense capabilities, ensuring the protection of sovereignty and national interests at sea into the future.
ปลดเรือประจำการหลังปฏิบัติหน้าที่อย่างยาวนาน
กระทรวงกลาโหม ลงคำสั่งให้ ปลดเรือของกองทัพเรือออกจากระวางประจำการ เนื่องจาก เรือดังกล่าวมีสภาพชำรุดทรุดโทรมตามอายุการใช้ราชการ ตั้งแต่ ๑ ต.ค. ๒๕๖๘ ได้แก่
เรือหลวงปิ่นเกล้า ๔๑๓ ประเภทเรือฟริเกต อายุ ๖๖ ปี
เรือหลวงภูเก็ต ๓๓๓ ประเภทเรือเร็วโจมตีปืน อายุ ๔๒ ปี
เรือหลวงสมุย ๘๓๒ ประเภทเรือบรรทุกน้ำมัน อายุ ๗๘ ปี
เรือหลวงสุริยะ ๘๒๑ ประเภทเรือวางเครื่องหมายทางเรือ อายุ ๔๖ ปี
เรือเร็วตรวจการณ์ลำน้ำ ล.๑๔ อายุ ๕๖ ปี, ล.๑๑๐ อายุ ๕๔ ปี, ล.๑๑๑ อายุ ๕๔ ปี, ล.๑๓๖ และ ล.๑๔๔
ทั้งนี้ เรือดังกล่าวได้ปฏิบัติภารกิจ พิทักษ์อธิปไตยและรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลมาอย่างยาวนาน อย่างคุ้มค่า
กองทัพเรือ ยังคงมีความจำเป็นในการจัดหากำลังทางเรือรุ่นใหม่ทดแทน เพื่อดำรงไว้ซึ่งขีดความสามารถในการพิทักษ์รักษาอธิปไตยของประเทศต่อไป
เรือหลวงปิ่นเกล้า ขอเรียนเชิญอดีตกำลังพลเรือหลวงปิ่นเกล้า ร่วมพิธีปลดระวางประจำการ เรือหลวงปิ่นเกล้า ในวันศุกร์ที่ ๒๖ กันยายน ๒๕๖๘ ณ ท่าเรือแหลมเทียม ฐานทัพเรือสัตหีบ
<กำหนดการ>
๑๖๑๕ ผู้ร่วมพิธีพร้อมบริเวณพิธี
๑๖๓๐ พิธีสงฆ์
๑๗๓๐ ถ่ายภาพร่วมกัน
๑๘๐๖ พิธีเชิญธงราชนาวีและพิธีการ
<การแต่งกาย>
ข้าราชการ : ชุดปฏิบัติงาน
พลเรือน : ชุดพลเรือนสุภาพ
พากำลังพลยุครับเรือ (จาก บรู๊คลีน นิวยอร์ค USA ) ร.ล.ปิ่นเกล้า ไปร่วมพิธี ร.ล.ปิ่นเกล้า @ กองเรือฟริเกตที่ 1 กองเรือยุทธการ สัตหีบครับ
เรือหลวงปิ่นเกล้า ยิงสลุตเป็นครั้งสุดท้าย ในพิธีรับ - ส่งหน้าที่ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ ก่อนปลดระวางประจำการวันที่ 1 ตุลาคม 2568
ตามที่ กระทรวงกลาโหม ลงคำสั่งให้ ปลดเรือของกองทัพเรือออกจากระวางประจำการ เนื่องจากเรือดังกล่าวมีสภาพชำรุดทรุดโทรมตามอายุการใช้ราชการ ตั้งแต่ วันที่ 1 ตุลาคม 2568 ได้แก่ เรือหลวงปิ่นเกล้า เรือหลวงภูเก็ต เรือหลวงสมุย เรือหลวงสุริยะ รวมถึง เรือเร็วตรวจการณ์ลำน้ำ อีกจำนวน 4 ลำ นั้น
วันที่ 30 กันยายน 2568 เรือหลวงปิ่นเกล้าได้ทำหน้าที่เป็นครั้งสุดท้าย ก่อนปลดประจำการ ในการเป็นเรือยิงสลุต ในพิธีรับ - ส่งหน้าที่ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ ระหว่าง พลเรือเอก ณัฏฐพล เดี่ยววานิช ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการท่านเก่า กับ พลเรือโท กรวิทย์ ฉายะรถี ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการท่านใหม่
โดยพิธีจัดให้มีขึ้นบนเรือหลวงจักรีนฤเบศร ซึ่งจอดเทียบ ณ ท่าเรือจุกเสม็ด การท่าเรือสัตหีบ ฐานทัพเรือสัตหีบ จังหวัดชลบุรี
สำหรับ เรือหลวงปิ่นเกล้า (H.T.M.S. PINKLAO) เป็นเรือประเภทเรือพิฆาตคุ้มกัน ระวางขับน้ำปกติ 1,240 ตัน เต็มที่ 1,900 ตัน มีความยาว 93.27 เมตร กว้าง 11.60 เมตร กินน้ำลึก 4.54 เมตร
อาวุธปืนขนาด 76 / 50 มิลลิเมตร 3 กระบอก ปืนกล 40 / 60 มิลลิเมตร แท่นคู่ 3 แท่น ( 6 กระบอก) ท่อตอร์ปิโดแฝดสาม 2 แท่น ( 6 ท่อยิง) แท่นยิงจรวดปราบเรือดำน้ำ 1 แท่น แท่นยิงระเบิดลึกแปดแท่น รางปล่อยระเบิดลึก 2 ราง
เครื่องจักรใช้เครื่องยนต์ดีเซลอิเล็กทรอนิกส์ชนิดมอเตอร์จำนวน 4 เครื่อง กำลัง 6,000 แรงม้า ใบจักรคู่ ความเร็วได้สูงสุด 19.5 นอต ความเร็วมัธยัสถ์ 12 นอต รัศมีทำการที่ความเร็วสูงสุด 4,500 ไมล์ รัศมีทำการที่ความเร็วมัธยัสถ์ 11,500 ไมล์ กำลังพลประจำเรือ 192 นาย
เรือหลวงปิ่นเกล้า เดิมชื่อเรือ HEMNINGER (DE 746) ต่อที่ อู่เวสเทิร์นไปป์ แอนด์สตีล คอมพานี เมืองซานเปโดร แคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา วางกระดูกงูวันที่ 8 พฤษภาคม 2486 ปล่อยเรือลงน้ำ 12 กันยายน 2486
เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2502 สหรัฐอเมริกาได้มอบเรือให้ไทยเช่ายืม มีกำหนด 5 ปี โดยขึ้นระวางประจำการ ในกองทัพเรือไทย เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2502
ต่อมาเมื่อครบกำหนดได้มีการต่อสัญญา จนกระทั่งไทยได้รับมอบจากสหรัฐอเมริกาตามโครงการช่วยเหลือทางทหาร
ระหว่างปี 2508 ถึง 2509 กองทัพเรือได้ส่งเรือหลวงปิ่นเกล้า ไปติดอาวุธเพิ่มที่เกาะกวมคือท่อตอร์ปิโดปราบเรือดำน้ำ 6 ท่อยิง ติดตั้งเครื่องควบคุมการยิงและเปลี่ยนเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์บางส่วน
เรือหลวงปิ่นเกล้า ได้ขึ้นระวางประจำการในกองทัพเรือ ตราบจนปลดระวาง รวมระยะเวลา ทั้งสิ้น 66 ปี
เดือนกันยายนซึ่งเป็นเดือนสุดท้ายของปีงบประมาณจะเป็นวันเกษียณอายุราชการของกำลังพลและยุทโธปกรณ์ของกองทัพไทย โดยมีคำสั่งจากกระทรวงกลาโหมไทยเมื่อวันที่ ๑๐ กันยายน พ.ศ.๒๕๖๘ กองทัพเรือได้ปลดระวางประจำการเรือ ๙ลำของตนซึ่งมีสภาพชำรุดทรุดโทรมตามอายุการใช้ราชการมายาวนาน ตั้งแต่วันที่ ๑ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๖๘ รวมถึงเรือพิฆาตคุ้มกัน เรือหลวงปิ่นเกล้า
ที่มีพิธีปลดระวางประจำการ ณ กองเรือฟริเกตที่๑ กฟก.๑(1st FS: 1st Frigate Squadron) ท่าเรือแหลมเทียม ฐานทัพเรือสัตหีบ เมื่อวันที่ ๒๖ กันยายน พ.ศ.๒๕๖๘ ซึ่งเป็นการปลดประจำการเรือจริงอีกครั้งหลังจากที่เคยมีคำสั่งปลดระวางประจำการในปี พ.ศ.๒๕๕๑(2008) โดย ร.ล.ปิ่นเกล้ายังคงถูกใช้ในฐานะเรือที่ใช้ในงานพิธีการ(preserve heritage ship) โดยมีการยิงสลุตครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ ๓๐ กันยายน พ.ศ.๒๕๖๘ ระหว่างพิธีรับ-ส่งหน้าที่ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ(RTF: Royal Thai Fleet)
เรือหลวงปิ่นเกล้าเดิมเป็นเรือพิฆาตคุ้มกันชั้น Cannon เรือพิฆาตคุ้มกัน DE-746 USS Hemminger ซึ่งเคยประจำการในกองทัพเรือสหรัฐฯ(US Navy) เมื่อวันที่ ๓๐ พฤษภาคม พ.ศ.๒๔๘๗(1944) ๘๑ปีที่แล้ว และถูกส่งมอบขึ้นระวางประจำการในกองทัพเรือไทยเมื่อวันที่ ๒๒ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๐๒(1959) รวมระยะเวลาประจำการ ๖๖ปี เป็นเรือรบที่เก่าที่สุดของกองทัพเรือไทยและเป็นเรือพิฆาตคุ้มกันลำสุดท้ายที่ยังมีอยู่
เรือเร็วโจมตีปืนชุดเรือหลวงชลบุรี เรือหลวงภูเก็ต(ลำที่๒) ที่มีพิธีทำบุญในโอกาสปลดระวางประจำการ ณ กองเรือตรวจอ่าว กตอ.(PS: Patrol Squadron) ท่าเรือแหลมเทียม ฐานทัพเรือสัตหีบ เมื่อวันที่ ๒๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๖๘ ร.ล.ภูเก็ต เป็นเรือเร็วโจมตีปืน รจป.ชุด ร.ล.ชลบุรี ลำที่สามและลำสุดท้ายที่ขึ้นระวางประจำการวันที่ ๑๗ ตุลาคม พ.ศ.๒๕๒๖(1983) รวมระยะเวลาประจำการ ๔๒ปี
ในสังกัดกองเรือยกพลขึ้นบกและยุทธบริการ กยพ.(ACSSS: Amphibious and Combat Support Service Squadron) คือ เรือบรรทุกน้ำมัน เรือหลวงสมุย(ลำที่๒) ซึ่งเดิมคือเรือบรรทุกน้ำมันชั้น YOG-5 เรือบรรทุกน้ำมัน YOG-60 เคยประจำการในกองทัพเรือสหรัฐฯในปี 1944 ๘๑ปีที่แล้ว และขึ้นระวางประจำการในกองทัพเรือไทยเมื่อวันที่ ๒๐ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๔๙๐(1947) รวมระยะเวลาประจำการ ๗๘ปี
และเรือใช้งานเครื่องหมายทางเรือ เรือหลวงสุริยะ(ลำที่๒) ต่อโดยบริษัทอู่กรุงเทพ(Bangkok Dock) ไทย ขึ้นระวางประจำการเมื่อวันที่ ๑๕ มกราคม พ.ศ.๒๕๒๒(1979) รวมระยะเวลาประจำการ ๔๖ปี(https://aagth1.blogspot.com/2025/05/822.html) และสังกัดกองเรือลำน้ำ กลน.(RS: Riverine Squadron) คือ เรือเร็วตรวจการณ์ลำน้ำ เรือ ล.๑๔, เรือ ล.๑๑๐, เรือ ล.๑๑๑, เรือ ล.๑๓๖ และเรือ ล.๑๔๔ รวมระยะเวลาประจำการระหว่าง ๕๔-๕๖ปีครับ
SEAEX THAMAL 72/25. Welcome to Naval Area 1 Headquarters.
Day 1: Today's activities included the arrival of KM JUJUR, PGM 995, RTMP PATHUMWAN 2, HTMS PATTANI & HTMS LAEMSING, the RTN Delegation at Kuantan Airbase and the OPSO Discussion. Strengthening regional maritime security together.
The exercise progressed significantly as the ships departed, effectively completed the sea phase, and subsequently arrived at the Songkhla Naval Base, Thailand.
A smooth and orderly departure of participating ships marked the beginning of the Sea Phase.
The Sea Phase witnessed seamless interoperability at sea, showcasing unity, professionalism and joint readiness among participating ships.
Successful completion as ships arrived safely at Songkhla Naval Base, Thailand.
The final day of exercise featured a closing ceremony & dinner before departing Songkhla Naval Base. We are deeply appreciative of the gracious hospitality extended by the Royal Thai Navy.
Officially marked the successful completion of the exercise, highlighting the achievements and strengthening the spirit of collaboration among participating nations.
Served as a gesture of goodwill and camaraderie, further strengthening the bonds of friendship beyond professional engagements.
Departure from Songkhla Naval Base signifies the successful completion of the exercise and continued commitment towards strengthening naval cooperation.
"การฝึกผสมทางทะเล SEAEX THAMAL ครั้งที่ 72/2025 ระหว่างหน่วยงานความมั่นคงทางทะเล ไทย - มาเลเซีย"
เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2568 พลเรือโท นเรศ วงศ์ตระกูล ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 2 และ พลเรือจัตวา Abd Halim Kamarudin รองผู้บัญชาการภาคทหารเรือที่ 1 กองทัพเรือมาเลเซีย เป็นประธานในพิธีเปิดการฝึกผสมทางทะเล SEAEX THAMAL ครั้งที่ 72/2025 ณ ฐานทัพเรือกวนตัน มณฑลทหารเรือเขต 1 เมืองกวนตัน รัฐปะหัง ประเทศมาเลเซีย
และเมื่อวันที่ 12 กันยายน 2568 พลเรือโท นเรศ วงศ์ตระกูล ผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 2 และ พลเรือจัตวา Mohd Norizal bin Fahrudin ผู้บัญชาการภาคทหารเรือที่ 3 กองทัพเรือมาเลเซีย เป็นประธานในพิธีปิดการฝึกฯ ณ กองบัญชาการทัพเรือภาคที่ 2 อำเภอเมืองสงขลา จังหวัดสงขลา
การฝึกผสมทางทะเล SEAEX THAMAL เป็นการฝึกภายใต้ความร่วมมือของคณะทำงานร่วมทางทะเลไทย – มาเลเซีย (Combined Maritime Working Group : CMWG) จัดขึ้นครั้งแรก เมื่อ พ.ศ.2522 เพื่อส่งเสริมความร่วมมือ และความชำนาญในการปฏิบัติการทางเรือร่วมกัน ในการดูแลความมั่นคงทางทะเล การเสริมสร้างเสถียรภาพ และการรักษาผลประโยชน์ทางทะเลร่วมกันอย่างยั่งยืน
มีพื้นที่ฝึกในอ่าวไทย ทะเลจีนใต้ และ ทะเลอันดามัน ซึ่งนอกจากการฝึกทางยุทธวิธีแล้ว ยังมีกิจกรรมเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างผู้บังคับบัญชาและกำลังพลที่เข้าร่วมการฝึก
การฝึกในครั้งนี้ มีขึ้นในพื้นที่ทางทะเล ระหว่างจังหวัดสงขลา จนถึง เมืองกวนตัน รัฐปะหัง ประเทศมาเลเซีย มีกำลังทางเรือของไทยและมาเลเซีย เข้าร่วมการฝึก จำนวน 8 ลำ มีกำลังพลเข้าร่วมการฝึก รวมทั้งสิ้น 332 นาย โดยทัพเรือภาคที่ 2 จัดเรือหลวงปัตตานี เรือหลวงแหลมสิงห์ และ เรือ ต.995 และ กองบังคับการตำรวจน้ำ จัดเรือ รน.817
กองทัพเรือมาเลเซีย จัดเรือ KD TERENGANU KD SRI SABAH หน่วยยามฝั่งมาเลเซีย จัดเรือ KM JUJUR และ ตำรวจน้ำมาเลเซีย จัดเรือ PA56 เข้าร่วมการฝึก
กองทัพเรือไทยและกองทัพเรือมาเลเซีย(RMN: Royal Malaysian Navy, TLDM: Tentera Laut DiRaja Malaysia) ได้เสร็จสิ้นการฝึกผสมทางทะเล SEAEX THAMAL 72/2025 ระหว่างวันที่ ๗-๑๓ กันยายน พ.ศ.๒๕๖๘ โดยมีพิธีเปิดการฝึก ณ ฐานทัพเรือ Kuantan มณฑลทหารเรือเขต๑(Naval Area 1, Markas Wilayah Laut 1) รัฐ Pahang มาเลเซียเมื่อวันที่ ๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๖๘
และพิธีปิดการฝึก ณ ฐานทัพเรือสงขลา ทัพเรือภาคที่๒ ทรภ.๒(2nd NAC: Second Naval Area Command) จังหวัดสงขลา ประเทศไทย เมื่อวันที่ ๑๒ กันยายน พ.ศ.๒๕๖๘ โดยมีการแลกเปลี่ยนการเดินทางเยือนฐานทัพระหว่างกันและการฝึกในอ่าวไทยโดยเรือของกองทัพเรือไทยคือ เรือตรวจการณ์ใกล้ฝั่ง เรือ ต.995, เรือตรวจการณ์ปืน เรือหลวงแหลมสิงห์ และเรือตรวจการณ์ไกลฝั่ง เรือหลวงปัตตานี
และกองบังคับการตำรวจน้ำ(RTMP: Royal Thai Marine Police) สำนักงานตำรวจแห่งชาติไทย คือ เรือ รน.817 ปทุมวัน2 และกองทัพเรือมาเลเซียนำเรือตรวจการณ์ไกลฝั่งชั้น Kedah เรือตรวจการณ์ไกลฝั่ง F174 KD Terengganu และเรือตรวจการณ์ชั้น Kris เรือตรวจการณ์ KD Sri Sabah(46), หน่วยยามฝั่งมาเลเซีย(MMEA: Malaysian Maritime Enforcement Agency) เรือ KM Jujur และตำรวจน้ำมาเลเซีย เรือ PA56 ครับ
The Ministry of Defence of Thailand held the MOD Challenge 2025 on September 9, 2025, at the Hua Hin Shooting Range in Prachuap Khiri Khan province on 9 September 2025.
Centered on domestic MOD2020 5.56mm assault rifles and SAN 9 pistols, products of Kochasi Weapon Plant (Weapon Research and Development Plant), Weapon Production Center (WPC), Defence Industry and Energy Center (DIEC), Ministry of Defence of Thailand. (Kochasi Weapon Plant/Cook BulletRuning, Naval Special Warfare Command/Royal Thai Navy )
ขอแสดงความยินดีกับข้าราชการ นักกีฬายิงปืน จากกรมรบพิเศษ หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ กองเรือยุทธการ ที่ได้รับรางวัลถ้วยรางวัลชนะเลิศประเภททีม ถ้วยรางวัลขนะเลิศประเภทบุคคล และถ้วยรางวัลทรหดอดทนยอดเยี่ยม (นสร.กร.) งานแข่งขันยิงปืน “MOD (เอ็มโอดี) CHALLENGE 2025” หัวหิน
วันที่ 9 ก.ย.68 : กระทรวงกลาโหม ร่วมกับกองทัพไทย จัดงาน “MOD (เอ็มโอดี) CHALLENGE 2025” ที่สนามยิงปืนหัวหิน จ.ประจวบฯ เพื่อแสดงศักยภาพอาวุธยุทโธปกรณ์ฝีมือคนไทย มาตรฐานสากล สร้างความเชื่อมั่นความพร้อมการป้องกันประเทศ ที่สนามยิงปืนหัวหิน (Hua Hin Shooting Range) ต.บ่อฝ้าย อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์
งาน “MOD CHALLENGE 2025” จัดโดยสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม ร่วมกับ กองทัพไทย เหล่าทัพ และผู้เกี่ยวข้องจำนวนกว่า 600 คน เข้าร่วม ถือเป็นครั้งแรกของการรวมตัวเหล่าทัพไทยทั้ง 6 หน่วยงานหลัก ประกอบด้วย กองทัพบก (ทบ.)
กองทัพเรือ (ทร.) กองทัพอากาศ (ทอ.) สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม (สป.) กองบัญชาการกองทัพไทย (บก.ทท.) และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) เพื่อส่งเสริมเทคโนโลยีการป้องกันประเทศ สร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนในด้านความพร้อมการป้องกันประเทศ
รวมทั้งแสดงศักยภาพของอาวุธยุทโธปกรณ์ที่ศูนย์อำนวยการสร้างอาวุธ พัฒนาขึ้นซึ่งมีคุณภาพเทียบเท่ามาตรฐานสากล และเหมาะสมกับสภาพแวดล้อมและความต้องการของประเทศไทย ช่วยลดการพึ่งพาการนำเข้าผลิตภัณฑ์อาวุธและเทคโนโลยีจากต่างประเทศ รวมทั้งเป็นการเปิดโอกาสการพัฒนาและขยายตลาดส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้าน
ในงานมีการเปิดตัวอาวุธปืนภายใต้แบรนด์ “คชสีห์” ได้แก่ ปืนเล็กยาว รุ่น MOD2020 (เอ็มโอดี2020) และรุ่น NIN9 (นิน เก้า) และปืนพก ขนาด 9 มม. รุ่นใหม่ล่าสุด SAN9 (แซน เก้า) ซึ่งผลิตภัณฑ์อาวุธที่ผลิตโดยศูนย์อำนวยการสร้างอาวุธ
ใช้นวัตกรรมและเทคโนโลยีการผลิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ระบบควบคุมคุณภาพที่ได้มาตรฐานสากล การออกแบบที่เหมาะสมกับสรีระและการใช้งานของคนไทย กระบวนการผลิตใช้เทคโนโลยี Internet of Thing สำหรับการจัดการการผลิต ระบบรักษาความปลอดภัยขั้นสูง รวมทั้งพัฒนาวัสดุใหม่ที่มีคุณภาพสูง
Competition is a significant catalyst for development
สนามแข่งขัน คือ แหล่งข้อมูลชั้นยอดของการพัฒนา
ทุกคำแนะนำจากผู้ร่วมทดสอบ เราจะนำมาปรับปรุงแก้ไข
และพัฒนาต่อ อย่างไม่หยุดยั้ง
งานแข่งปีหน้า ถ้ามี 10.5 ให้ลงแข่งด้วย น่าจะดี ติด Sup ด้วย หล่อเลยละ
การทดสอบอาวุธทางยุทธวิธี MOD CHALLENGE 2025 ที่จัดโดยกระทรวงกลาโหมไทย ณ สนามยิงปืนหัวหิน เมื่อวันที่ ๙ กันยายน พ.ศ.๒๕๖๘ เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นหน่วยปฏิบัติการพิเศษระดับ Tier 1 จำนวน ๙ทีมจาก ๖หน่วยจากกองทัพไทย, สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม, กองทัพบกไทย, กองทัพเรือไทยและนาวิกโยธินไทย, กองทัพอากาศไทย, และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เข้าร่วมการแข่งขัน
โดยมีศูนย์กลางที่การทดสอบสมรรถนะของอาวุธปืนที่ผลิตโดยโรงงานอาวุธคชสีห์(Kochasi Weapon Plant) ทั้งปืนเล็กยาวจู่โจมตระกูล MOD2020 ขนาด 5.56x45mm NATO และปืนพกกึ่งอัตโนมัติ SAN 9 ขนาด 9x19mm และปืนพกกึ่งอัตโนมัติ SAN .45 ขนาด .45 ACP(11.43x23mm) ซึ่งวิจัยพัฒนาและผลิตภายในประเทศไทย ในการแข่งขันสถานการณ์จำลอง Stage 1-6 ต่อเนื่องตั้งแต่เวลา 0800-1700
ผลการแข่งขันรางวัลทีมทรหดอดทนยอดเยี่ยมได้แก่ หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ นสร.(RTN SEAL), รางวัลทีมที่มีการใช้ทักษะยอดเยี่ยมได้แก่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ(Commando) รางวัลชนะเลิศประเภททีมอันดับ ๑ ได้แก่ นสร., รางวัลชนะเลิศประเภททีมอันดับ๒ ได้แก่ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ, รางวัลชนะเลิศประเภททีมอันดับ๓ ได้แก่ หน่วยบัญชาการอากาศโยธิน(PJ/CCT กรมปฏิบัติการพิเศษ ปพ.อย.) ครับ
Royal Thai Army (RTA) 1st Infantry Battalion, 14th Infantry Regiment, 4th Infantry Division and Indian Army 21st Battalion the Madras Regiment concluded the exercise Maitree 2025 at India from 31 August to 15 September 2025. (SMART Soldiers Strong Army)
กำลังพล ทบ. เดินทางเข้าร่วมการฝึกผสม ร่วมกับ ทบ.อินเดียอย่างเป็นทางการในรหัส Maitree 2025
โดยการฝึกผสมรหัสไมตรีในปีนี้ ทบ.ไทยจัดกำลังพลจาก ร.14 พัน.1 จำนวน 53 นาย เข้าทำการฝึกร่วมกับหน่วย 21st Battalion The MADRAS Reg ทบ.อินเดีย จำนวน 120 นาย ห้วงการฝึกตั้งแต่ 31 ส.ค. - 15 ก.ย. 68 ณ สาธารณรัฐอินเดีย โดยการปฏิบัติในห้วงที่ผ่านมาจะเป็นพิธีเปิดการฝึกและการบรรยายสรุปจากกองทัพทั้งสองชาติและการทำกิจกรรมต่างๆ ร่วมกัน ก่อนจะเข้าสู่การฝึกอย่างเป็นทางการต่อไป
อัพเดทการฝึกผสมระหว่าง ทบ.ไทย และ ทบ.อินเดีย รหัส MAITREE 2025 วันที่ 4 ก.ย.68 ที่ผ่านมา มีการปฏิบัติต่างๆ ที่สำคัญได้แก่ การรักษาความปลอดภัยของบุคคลสำคัญ, การปฏิบัติทางยุทธวิธีต่อรถโดยสารขนาดใหญ่, การฝึกพลแม่นปืน, การฝึกยิงปืนของพลซุ่มยิง และการฝึกยิงปืนในเวลากลางคืน
สำหรับการปฏิบัติที่สำคัญในวันนี้ 5 ก.ย.68 จะเป็นการสาธิตศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัว การปฏิบัติการรบในพื้นที่สิ่งปลูกสร้าง และกิจกรรมประเพณี Onam Festival Lunch (Sadhya) แล้วแอดมินจะมาอัพเดทอีกทีครับ
อนึ่ง ประเทศอินเดียได้รับการจัดอันดับให้เป็นประเทศที่มีอำนาจทางทหารเป็นอันดับ 4 ของโลก เป็นรองเพียงแค่สหรัฐฯ รัสเซีย และจีน ตามลำดับ โดยกองทัพอินเดียมีจุดแข็งด้านกำลังพลที่มีจำนวนมหาศาล ผสานกับยุทธศาสตร์การพัฒนาอาวุธในประเทศและการฝึกร่วมระหว่างเหล่าทัพ
นอกจากนี้กองทัพอินเดียยังมีขีดความสามารถในการทำสงครามในพื้นที่สูง และมีอาวุธนิวเคลียร์ตลอดจนขีปนาวุธพิสัยไกลหลากหลายรูปแบบ ที่เสริมอำนาจกำลังรบในเชิงยุทธศาสตร์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้ว่าในอดีตกองทัพอินเดียจะพึ่งพาอาวุธจากต่างประเทศเป็นหลัก แต่ปัจจุบันอินเดียก็มุ่งเน้นการพัฒนาอุตสาหกรรมป้องกันประเทศภายในประเทศอย่างต่อเนื่องมาโดยตลอด
อัพเดทการฝึกผสม MAITREE 2025 วันที่ 5 ก.ย.68 โดยการปฏิบัติที่ผ่านมาเป็นการปฏิบัติการรบในพื้นที่สิ่งปลูกสร้าง และการสาธิตศิลปะการต่อสู้ป้องกันตัวจากฝั่งทหารอินเดีย
และในวันนี้ 6 ก.ย.68 จะเป็นการยิงปืนฉับพลัน การปีนหน้าผา การแข่งขันกีฬาเชื่อมความสัมพันธ์ และปิดท้ายวันด้วยกิจกรรมแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมระหว่างสองชาติ
อัพเดทความคืบหน้าการฝึกผสม MAITREE 2025 ระหว่างหน่วย ร.14 พัน.1 จาก ทบ.ไทย และหน่วย 21st Battalion The MADRAS Reg ทบ.อินเดีย วันที่ 11 ก.ย.68
โดยในวันนี้จะเข้าสู่ห้วงการฝึกภาคสนาม ทำการฝึกปฏิบัติภารกิจร่วมกับอากาศยานและการปฏิบัติการรบในพื้นที่สิ่งปลูกสร้าง และในวันพรุ่งนี้ 12 ก.ย.68 จะเพิ่มการตั้งจุดตรวจ จุดสกัด และการปฏิบัติทางยุทธวิธีต่อรถโดยสารขนาดใหญ่ การปฏิบัติทางยุทธวิธีปิดล้อมตรวจค้น /การค้นหา และทำลาย, การเข้ากวาดล้างต่อที่มั่นข้าศึก
โดยหลังจากที่การฝึกภาคสนามเสร็จสิ้นลง จะเป็นช่วงเวลาการแลกเปลี่ยนและเยี่ยมชมวัฒนธรรม ณ เมือง Shillong, Meghalaya, India ก่อนจะเข้าสู่พิธีปิดการฝึกผสม MAITREE 2025 ในวันที่ 14 ก.ย.68 ต่อไป
Royal Thai Army (RTA) 1st Infantry Battalion, 25th Infantry Regiment, 5th Infantry Division and Australian Army concluded the exercise Temple Jade 2025 at Robertson Barracks and Mount Bundey, Darwin, Northern Territory from 31 August to 14 September 2025. (Royal Thai Army)
การฝึกผสมระหว่าง กองทัพบกไทย - ออสเตรเลีย รหัส Temple Jade 2025
วันที่ 8 กันยายน 2568 เวลา 11.00 น.
พลตรี อภินันท์ แจ่มแจ้ง ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ 5 ร่วมกับ Major General Ash Collingburn, AM DSM 1st (Australian) Division เป็นประธานในพิธีปิดการฝึกผสมระหว่าง กองทัพบกไทย - ออสเตรเลีย รหัส Temple Jade 2025 และรับฟังการบรรยายสรุปการควบคุมการฝึกผ่านระบบ Simulator ณ ห้อง CTC (Combat Training Center)
และรับชมการสาธิตการปฏิบัติการร่วมกันระหว่างกองทัพบกไทย - กองทัพบกออสเตรเลีย ในการเข้าปิดล้อมตรวจค้นในพื้นที่สิ่งปลูกสร้าง โดยมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มขีดความสามารถทางยุทธวิธี การแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ทางทหาร ส่งเสริมความร่วมมือด้านความมั่นคงระหว่างประเทศพันธมิตร ณ Mount Bundey Training Area
ในห้วงเดือนกันยายน พ.ศ.๒๕๖๘ กองทัพบกไทยยังมีการฝึกร่วมกับมิตรประเทศต่อเนื่องเช่น การฝึกผสมรหัส Maitree 2025 กับกองทัพบกอินเดีย(Indian Army) ระหว่างวันที่ ๓๑ สิงหาคม-๑๕ กันยายน พ.ศ.๒๕๖๘ ซึ่งเป็นการฝึกครั้งที่๑๔ ที่สลับกันเป็นเจ้าภาพระหว่างไทยและอินเดีย และการฝึกผสมรหัส Temple Jade 2025 กับกองทัพบกออสเตรเลีย(Australian Army) ระหว่างวันที่ ๓๐ สิงหาคม-๑๔ กันยายน พ.ศ.๒๕๖๘
โดยการฝึกผสม Maitree 2025 ปีนี้กองทัพบกไทยจัดกำลังจาก กองพันทหารราบที่๑ กรมทหารราบที่๑๔ ร.๑๔ พัน.๑(1st Infantry Battalion, 14th Infantry Regiment) กองพลทหารราบที่๔ พล.ร.๔(4th Infantry Division) จำนวน ๕๓นาย ฝึกกับกองพันที่๒๑ กรมทหาร Madras(21st Battalion the Madras Regiment) ๑๒๐นายที่อินเดีย ซึ่งเป็นหน่วยทหารที่เก่าแก่ของอินเดียตั้งแต่สมัยอาณานิคมสหราชอาณาจักร
ส่วนการฝึกผสม Temple Jade 2025 กองทัพบกไทยจัดกำลังจาก กองพันทหารราบที่๑ กรมทหารราบที่๒๕ ร.๒๕ พัน๑(1st Infantry Battalion, 25th Infantry Regiment) กองพลทหารราบที่๕ พล.ร.๕(5th Infantry Division) ไปฝึกที่ค่าย Robertson Barracks, Darwin รัฐ Northern Territory ออสเตรเลีย สลับกับที่กองทัพบกออสเตรเลียมาฝึกในไทยในการฝึกผสม Chapel Gold 2025 ในเดือนกรกฎาคม พ.ศ.๒๕๖๘ ครับ
Sniper Team from 3rd Special Operations Regiment, 1st Special Forces Division, Special Warfare Command (SWCOM), Royal Thai Army (RTA) participated on the 2nd Korean International Sniper Competition (K-ISC) in September 2025.
การแข่งขันพลซุ่มยิงนานาชาติเกาหลีครั้งที่๒(2nd K-ISC: Korean International Sniper Competition) ที่กระทรวงกลาโหมสาธารณรัฐเกาหลีเป็นเจ้าภาพ ในเดือนกันยายน พ.ศ.๒๕๖๘ ซึ่งมีส่วนรวมจากกำลังพลกว่า ๑๔๙นายจาก ๕๒ทีม โดยมี ๑๕ทีมจาก ๙ประเทศที่เข้าร่วมทั้ง สหรัฐฯ, เยอรมนี, มองโกเลีย, กาตาร์, โรมาเนีย, ไทย, สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์, อุซเบกิสถาน, และเวียดนาม นั้น
ในส่วนของไทยได้ส่งทีมพลซุ่มยิงจากกรมรบพิเศษที่๓ รพศ.๓(3rd Special Operations Regiment) กองพลรบพิเศษที่๑ พล.รพศ.๑(1st Special Forces Division) หน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ(SWCOM: Special Warfare Command) กองทัพบกไทยเข้าโดยใช้ปืนซุ่มยิง K14 และปืนเล็กยาวจู่โจม K2C1 ของกองทัพสาธารณรัฐเกาหลี(Republic of Korea Armed Forces) เจ้าภาพในการแข่งขัน
อย่างก็ตามนอกจากจะไม่เป็นข่าวเผยแพร่ในสื่อมากนัก การแข่งขันพลซุ่มยิงนานาชาติเกาหลี 2nd K-ISC 2025 ในปี 2025 นี้มีเสียงวิจารณ์ในสื่อสังคม online ของไทยว่ากำลังพลที่เข้าร่วมการแข่งจากทุกประเทศทั้งสาธารณรัฐเกาหลีเจ้าภาพเองจนถึงมิตรประเทศที่เข้าร่วมรวมถึงไทยมีเปิดหน้าโดยไม่ปิดบังกันหลายนาย ซึ่งเป็นเรื่องอันตรายสำหรับเจ้าหน้าที่หน่วยรบพิเศษและหน่วยปฏิบัติการพิเศษที่จำเป็นต้องปกปิดตัวตนครับ