Combined Arms Live Fire Exercise and Cobra Gold 2023 Closing
Ceremony
On March 10, 2023 at 10 a.m., General Chalermphon Srisawasdi, the Chief of
Defense Forces of the Royal Thai Armed Forces, and MG Stephen G. Smith, the
Commander for the 7th Infantry Division,
presided over the Cobra Gold 2023 closing ceremony at the Artillery Center,
Phatthana Nikhom district, Lopburi province and observed the Combined Arms
Live Fire Exercise (CALFEX).
Chiefs of Defense Forces and commanders-in-chief of allied nations were also
in attendance.
The CALFEX featured weaponry and 609 participants from the Thai, American,
Singaporean, Malaysian and Indonesian armed forces.
Activities included high-altitude, high-opening (HAHO) operations, air
interdiction, artillery preparation and supporting fire, engineer corps’
breaching operations, shooting on the move,
air assaults, close air support, air assault operations, medical evacuation,
and efforts to secure a target area.
Key hardware included Thailand’s BTR wheeled armored vehicles and F-16
fighters, as well as American F-16 fighters and HIMARS multiple rocket
launchers.
The Cobra Gold exercise is the largest military exercise in Southeast Asia,
co-hosted annually in Thailand by the Royal Thai Armed Forces (RTARF) and the
U.S. Indo-Pacific Command.
Past iterations have been highly successful in increasing capacity of
participating troops. The exercise allows for the exchange of military
know-how, doctrine, and technology, and has broadened the experience of Thai
and allied forces
in joint and multilateral operations. This reflects our commitment to
elevating cooperation and our relationships with participating nations to
safeguard the stability and mutual interests of the region.
Additionally, the exercises also provide an economic benefit for local
communities, while also building a good image of Thailand in the eyes of
participating nations.
Combined Joint Information Bureau (CJIB), Cobra Gold 2023 Command
March 10, 2023
การฝึกดำเนินกลยุทธ์ด้วยกระสุนจริง และพิธีปิดการฝึกคอบร้าโกลด์
๒๐๒๓
วันที่ ๑๐ มีนาคม ๒๕๖๖ เวลา ๑๐.๐๐ นาฬิกา พลเอก เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์
ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และพลตรี สตีเฟน จี สมิธ (Stephen G. Smith)
ผู้บัญชาการกองพลทหารราบที่ ๗
เป็นประธานร่วมในพิธีปิดการฝึกคอบร้าโกลด์ ๒๐๒๓ ณ สนามยิงปืนใหญ่
ศูนย์การทหารปืนใหญ่ อำเภอพัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี
พร้อมทั้งชมการสาธิตการฝึกดำเนินกลยุทธ์ด้วยกระสุนจริง (CALFEX) โดยมี
ผู้แทนผู้บัญชาการทหารสูงสุดมิตรประเทศ และผู้แทนผู้บัญชาการเหล่าทัพ
ร่วมในพิธีด้วย
การฝึกดำเนินกลยุทธ์ด้วยกระสุนจริง ประกอบด้วย
กำลังพลและยุทโธปกรณ์จากกองทัพไทย กองทัพสหรัฐอเมริกา กองทัพสิงคโปร์
กองทัพมาเลเซีย และกองทัพอินโดนีเซีย ยอดผู้เข้าร่วมการฝึก ๖๐๙ นาย
กิจกรรมการฝึกฯ ประกอบด้วย การกระโดดร่มแทรกซึมเบื้องสูง การซุ่มยิง
การบินขัดขวางทางอากาศ การยิงเตรียมและการยิงสนับสนุนของปืนใหญ่
การเจาะช่องเปิดเส้นทางของทหารช่าง การเคลื่อนที่ประกอบการยิง
การโจมตีทางอากาศ การสนับสนุนทางอากาศใกล้ชิด การยุทธ์เคลื่อนที่ทางอากาศ
การส่งกลับสายแพทย์ทางอากาศ และการเข้ายึดที่หมาย
โดยมียุทโธปกรณ์สำคัญที่เข้าร่วมการฝึกฯ ประกอบด้วย
รถเกราะล้อยาง BTR เครื่องบินขับไล่ F-16 จากกองทัพไทย และเครื่องบินขับไล่
F-16 จรวดหลายลำกล้อง HIMARS จากกองทัพสหรัฐอเมริกา
ปัจจุบันการฝึกคอบร้าโกลด์
ถือเป็นการฝึกทางทหารที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ซึ่งกองทัพไทยและกองกำลังสหรัฐอเมริกา ภาคพื้นอินโด-แปซิฟิก
ร่วมกันเป็นเจ้าภาพจัดการฝึกในประเทศไทยเป็นประจำทุกปี
การฝึกคอบร้าโกลด์ที่ผ่านมา นับว่าประสบผลสำเร็จเป็นอย่างสูง
ในการพัฒนาขีดความสามารถกำลังพลของประเทศที่เข้าร่วมการฝึกฯ
และเป็นศูนย์รวมการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทางวิชาการ หลักนิยม
และเทคโนโลยีทางทหาร
รวมทั้งเพิ่มพูนประสบการณ์ให้กับกำลังพลของกองทัพไทยและกองทัพมิตรประเทศในปฏิบัติการร่วม/ผสม
สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการที่จะเสริมสร้างความร่วมมือและความสัมพันธ์อันดีระหว่างกัน
เพื่อรักษาเสถียรภาพและผลประโยชน์ร่วมกันของภูมิภาคโดยรวม
นอกจากนั้นยังเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยว และสร้างรายได้ให้กับท้องถิ่น
รวมทั้งเป็นการสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศไทยในสายตาของกำลังพลมิตรประเทศที่เข้าร่วมการฝึกอีกด้วย
ฝ่ายประชาสัมพันธ์ กองอำนวยการฝึกคอบร้าโกลด์ ๒๐๒๓
๑๐ มีนาคม ๒๕๖๖
การฝึกร่วมผสม Cobra Gold 2023 ระหว่างกองทัพไทย(RTARF:Royal Thai Armed Forces)
และสหรัฐฯที่ดำเนินมาระหว่างวันที่ ๒๗ กุมภาพันธ์-๑๐ มีนาคม พ.ศ.๒๕๖๖(2023)
ก็มีพิธีปิดการฝึกอย่างเป็นทางการแล้วในวันที่ ๑๐ มีนาคม พ.ศ.๒๕๖๖
ตามการฝึกดำเนินกลยุทธ์ด้วยกระสุนจริง(CALFEX: Combined Arms Live Fire Exercise)
ณ สนามยิงปืนใหญ่ บ้านดีลัง ศูนย์การทหารปืนใหญ่ อำเภอพัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี(https://aagth1.blogspot.com/2023/03/btr-3e1-stryker-cobra-gold-2023.html)
การฝึก Cobra Gold 2023 ที่เพิ่งเสร็จสิ้นไปล่าสุดเป็นการฝึกครั้งที่๔๒ แล้ว
โดยการฝึกในวงรอบ Light Year
นี้แม้ว่าจะไม่ได้มีอาวุธยุทโธปกรณ์หนักเข้าร่วมมากนัก
แต่ก็ได้กลับมาจัดการฝึกอย่างเต็มรูปแบบอีกครั้งหลังสถานการณ์ระบาด Covid-19
ทั่วโลกคลี่คลายลง
การฝึก CALFEX เริ่มต้นจากการกระโดดร่มแทรกซึมเบื้องสูง(HAHO: High-Altitude,
High-Opening) จากหน่วยปฏิบัติการพิเศษของสามชาติ ASAEN คือกองทัพมาเลเซีย(MAF:
Malaysian Armed Forces, ATM: Angkatan Tentera Malaysia),
กองทัพสิงคโปร์(SAF: Singapore Armed Forces), กองทัพอินโดนีเซีย(Indonesian
Armed Forces, TNI: Tentara Nasional Indonesia)
และหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษ(SWCOM: Special Warfare Command) กองทัพบกไทย(RTA:
Royal Thai Army)
และหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ(NSWC: Naval Special Warfare Command)
กองทัพเรือไทย(RTN: Royal Thai Navy)
และการซุ่มยิงเป้าหมายที่มีคุณค่าสูงด้วยปืนซุ่มยิงหนัก M107 Barrett
.50cal(12.7x99mm) ของพลซุ่มยิงหน่วยปฏิบัติการพิเศษ
การขัดขวางทางอากาศ(AI: Air interdiction) โดยกองทัพอากาศไทย(RTAF: Royal Thai
Air Force) จัดกำลังเครื่องบินขับไล่แบบที่๑๙ บ.ข.๑๙ F-16A ADF ฝูงบิน๑๐๓ กองบิน๑
โคราช จำนวน ๒เครื่องติดตั้งระเบิดนำวิถี laser GBU-12 Paveway II
และลูกระเบิดทำลาย Mk 82 ขนาด 500lbs
กองทัพอากาศสหรัฐฯ(USAF: US Air Force) นำเครื่องบินขับไล่ F-16C Block 40
ฝูงบินขับไล่ที่36(36th Fighter Squadron) กองบินขับไล่ที่51(51st Fighter Wing)
กองทัพอากาศที่7(7th Air Force) กองทัพอากาศแปซิฟิก(PACAF: Pacific Air Forces)
ฐานทัพอากาศ Osan สาธารณรัฐเกาหลี
จำนวน ๒เครื่อง ซึ่งได้รับการสนับสนุนการชี้เป้าหมายโจมตีโดย ชุดควบคุมการรบ(CCT:
Combat Control Team) กรมปฏิบัติการพิเศษ(SOR: Special Operations Regiment)
หน่วยบัญชาการอากาศโยธิน(SFC: Security Force Command) กองทัพอากาศไทย
กองทัพบกสหรัฐฯ(US Army) ได้นำเฮลิคอปเตอร์โจมตี AH-64E Apache จำนวน
๒เครื่องจากกองพันทหารม้าที่2, กรมทหารม้าที่6(2nd Squadron, 6th Cavalry
Regiment) กองพลน้อยบินรบที่25(25th CAB: 25th Combat Aviation Brigade)
กองพลทหารราบที่25(25th Infantry Division)
เข้าโจมตีเป้าหมายหลังการโจมตีจากเครื่องบินขับไล่ F-16
การยิงปืนใหญ่ประกอบด้วยปืนใหญ่ลากจูง M777A2 155mm
ของกรมทหารปืนใหญ่สนามที่37(37th Field Artillery Regiment) กองพลทหารราบที่7(7th
Infantry Division) กองทัพบกสหรัฐฯ,
ปืนใหญ่กลางกระสุนวิถีโค้ง ปกค.๒๕ M198 155mm จากกองพันทหารปืนใหญ่ที่๒๑
กรมทหารปืนใหญ่ที่๒ รักษาพระองค์ฯ(21st Artillery Battalion, 2nd Artillery
Regiment Queen Guard) กองพลทหารราบที่๒ รักษาพระองค์(2nd Infantry Division
Queen Guard) กองทัพบกไทย
รวมถึงจรวดหลายลำกล้องอัตตาจรล้อยาง M142 HIMARS
จากกรมนาวิกโยธินที่12(ปืนใหญ่)(12th Marine Regiment (Artillery)),
กองพลนาวิกโยธินที่3(3rd Marine Division) นาวิกโยธินสหรัฐ(USMC: US Marine
Corps) และยานเกราะล้อยาง LAV-25 8x8 นาวิกโยธินสหรัฐ
เครื่องยิงลูกระเบิด M252 81mm สหรัฐฯ,
ยานเกราะล้อยางติดเครื่องยิงลูกระเบิดอัตตาจร BTR-3M2 ขนาด 120mm กรมทหารราบที่๒๑
รักษาพระองค์ฯ(21st Infantry Regiment Queen Guard) กองพลทหารราบที่๒
รักษาพระองค์ และประกอบกำลังเข้ายึดที่หมายด้วยทหารราบยานเกราะจาก
BTR-3E1 8x8 จาก กองพันทหารราบที่๑(1st Infantry Battalion) กรมทหารราบที่๒๑
รักษาพระองค์ฯ พล.ร.๒รอ. และยานเกราะล้อยางลำเลียงพล M1126 Stryker ICV
กองพลน้อยชุดรบ Stryker ที่1(1-2 SBCT: Stryker Brigade Combat Team)
กองพลทหารราบที่7 กองทัพบกสหรัฐครับ