Airframes of retired aircrafts (seen F-5 fighter and Fantrainer trainer) at near National Aviation Museum of The Royal Thai AirForce. (https://www.facebook.com/photo.php?fbid=710207317256383&set=p.710207317256383)
Dark Sky era of Royal Thai Air Force in 2030s
นี่เป็นการคาดคะเนถึงอนาคตในรูปแบบนวนิยาย(fiction-novel) ของกองทัพอากาศไทยในอนาคตอีกสิบปีข้างหน้าจากปี 2023 ไม่ใช่บทความทางวิชาการ ย้ำอีกครั้งนี่เป็นเพียงนิยายที่เกิดจากจินตนาการ ท่านที่เข้ามาอ่านไม่ควรนำนิยายไปใช้อ้างอิงในการทำงานหรือวัตถุประสงค์อื่นใดๆทั้งสิ้น
โดยมีพื้นฐานโครงเรื่องสมมุติว่า รัฐบาลพลเรือนที่มาจากการเลือกตั้งโดยประชาชนอย่างถูกต้องได้ดำเนินแผนตามนโยบายเพื่อทำการปฏิรูปกองทัพไทย(Royal Thai Armed Forces) และกระทรวงกลาโหมไทย(Ministry of Defense of Thailand) ในทุกด้าน
ตามความเหมาะสมของสภาพของเศรษฐกิจของประเทศ และเพื่อตอบสนองต่อสถานการณ์ความมั่นคงในปัจจุบันที่ไทยมีนโยบายเป็นมิตรกับทุกประเทศทั่วโลก ซึ่งสงครามที่เป็นสิ่งไกลตัวในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก รวมถึงโรคระบาดที่จำเป็นต้องใช้งบประมาณจำนวนมากเพื่อแก้ไขปัญหา
ทำให้กองทัพบกไทย(RTA: Royal Thai Army) กองทัพเรือไทย(RTN: Royal Thai Navy) และกองทัพอากาศไทย(RTAF: Royal Thai Air Force) ได้รับผลกระทบจากการปรับเปลี่ยนโครงการสร้างและแผนนโยบายตามความต้องการของรัฐบาลและประชาชน
โดยรัฐบาลได้ปรับลดงบประมาณกระทรวงกลาโหมลงเหลือเพียงร้อยละ ๐.๘ ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศต่อปี(0.8% per GDP: Gross Domestic Product) เฉลี่ยงบประมาณประจำปีละไม่เกินราว ๑๓๐,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐-๑๔๐,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐บาท($3.8-4.1 billion)
ซึ่งได้มีการจัดตั้งคณะเสนาธิการร่วม(Joint Chiefs of Staff) ที่มีนายกรัฐมนตรีพลเรือนที่เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากการเลือกตั้งเป็นประธานขึ้นมาแทนกองบัญชาการกองทัพไทย เพื่อลดอำนาจผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการแต่ละเหล่าทัพ และผู้บังคับการหน่วยใช้กำลังต่างๆ
และมีคณะกรรมธิการกลาโหมที่มีสมาชิกประกอบด้วย ส.ส.ที่มาจากการเลือกตั้งเป็นผู้กำหนดนโยบายและตัดสินใจโครงการต่างๆของกองทัพ ซึ่งจะถูกส่งให้คณะรัฐมนตรีรัฐบาลพลเรือนพิจารณาอนุมัติ และส่งเรื่องเข้ารัฐสภาเพื่อให้ ส.ส.และสมาชิกวุฒิสภาที่มาจากการเลือกตั้งเช่นกันลงมติเห็นชอบ
รวมถึงการออกกฎหมายพระราชบัญญัติรับราชการทหารใหม่ในปี 202X ที่ยกเลิกการเกณฑ์ทหารกองประจำการ รวมถึงการปฏิรูปโครงสร้างบุคลากรภายในกองทัพลดจำนวนนายทหารชั้นประทวนและชั้นสัญญาบัตรโดยเฉพาะนายพัน นาวา นาวาอากาศ และนายพลลงอย่างมาก
ทำให้ในส่วนกองทัพอากาศไทยเมื่อถึงต้นปี 2030s ได้รับงบประมาณในแต่ละปีที่เพียง ๑๑,๐๐๐,๐๐๐,๐๐๐ บาท($0.3 billion) และจำนวนกำลังพลประจำการกองทัพอากาศไทยลดลงจากประมาณ ๔๗,๐๐๐นาย เหลือเพียง ๒๘,๐๐๐นาย(เกือบทั้งหมดถูก 'ให้ออก' จากราชการโดยที่ไม่มีความผิด)
ส่งผลให้ในส่วนโครงสร้างกำลังการพัฒนากำลังรบของกองทัพอากาศไทยในอนาคตปี 2030s ถูกบีบบังคับตามข้อจำกัดในนโยบาย 'ทัพอากาศอย่างมีเหตุผลสมควร'(Reasonable Air Force) โดยคณะกรรมธิการกลาโหมของรัฐบาลพลเรือนที่มาจากการเลือกตั้งโดยประชาชน มีภาพรวมคราวๆดังนี้
การจัดกำลังของกองทัพอากาศไทยในทศวรรษปี 2030s (Structure of Royal Thai Air Force 2030s)
กองบิน๑ โคราช
ฝูงบิน๑๐๑: ไม่มีอากาศยานประจำการ
ฝูงบิน๑๐๒: ไม่มีอากาศยานประจำการ
ฝูงบิน๑๐๓: ไม่มีอากาศยานประจำการ
ถูกสั่งย้ายที่ตั้งจาก จังหวัดนครราชสีมา ไปที่อื่น
กองบิน๒ โคกกระเทียม
ฝูงบิน๒๐๑ รักษาพระองค์: เฮลิคอปเตอร์แบบที่๑๐ ฮ.๑๐ Sikorsky S-92A จำนวน ๕เครื่อง, เฮลิคอปเตอร์แบบที่๑๒ ฮ.๑๒ Sikorsky S-70i จำนวน ๕เครื่อง
ฝูงบิน๒๐๒: เฮลิคอปเตอร์แบบที่๑๓ ฮ.๑๓ Airbus H135 จำนวน ๖เครื่อง
ฝูงบิน๒๐๓: เฮลิคอปเตอร์แบบที่๑๑ ฮ.๑๑ Airbus H225M (EC725) จำนวน ๑๒เครื่อง
กองบิน๓ วัฒนานคร
ฝูงบิน๓๐๑: อากาศยานไร้คนขับ เครื่องบินไร้คนขับตรวจการณ์และฝึกแบบที่๑ บร.ตฝ.๑ RTAF U1
ฝูงบิน๓๐๒: อากาศยานไร้คนขับ เครื่องบินไร้คนขับตรวจการณ์แบบที่๑ บร.ต.๑ Aeronautics Aerostar-BP, อากาศยานไร้คนขับพิสัยกลาง Aeronautics Dominator XP
กองบิน๔ ตาคลี
ฝูงบิน๔๐๑: เครื่องบินขับไล่และฝึกแบบที่๒ บ.ขฝ.๒ Korea Aerospace Industries (KAI) T-50TH Golden Eagle จำนวน ๑๔เครื่อง
ฝูงบิน๔๐๒: เครื่องบินตรวจการณ์และฝึกแบบที่๒๐ บ.ตฝ.๒๐ Diamond DA42 MMP/DA42 MNG จำนวน ๑๔เครื่อง
ฝูงบิน๔๐๓: เครื่องบินขับไล่แบบที่๑๙/ก บ.ข.๑๙/ก Lockheed Martin F-16AM/BM EMLU (Enhanced Mid-Life Upgrade) จำนวน ๑๘เครื่อง
ฝูงบิน๔๐๔: ไม่มีอากาศยานประจำการ
กองบิน๕ ประจวบคีรีขันธ์
ฝูงบิน๕๐๑: ไม่มีอากาศยานประจำการ
กองบิน๖ ดอนเมือง
ฝูงบิน๖๐๑: ไม่มีอากาศยานประจำการ
ฝูงบิน๖๐๒ รักษาพระองค์: เครื่องบินลำเลียงแบบที่ ๑๕ก บ.ล.๑๕ก Airbus A320-200ACJ จำนวน ๒เครื่อง
ฝูงบิน๖๐๓: เครื่องบินลำเลียงแบบที่๑๖/ก บ.ล.๑๖ ATR 72-500 จำนวน ๓เครื่อง/บ.ล.๑๖ก ATR-72-600 จำนวน ๓เครื่อง
ฝูงบิน๖๐๔: ไม่มีอากาศยานประจำการ ยุบฝูงบิน
ถูกสั่งย้ายที่ตั้งจาก ดอนเมือง กรุงเทพฯ ไปมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี อากาศยานส่วนใหญ่ถูกย้ายกระจายไปตามท่าอากาศยานนานชาติต่างๆทั่วประเทศเป็นการชั่วคราว
กองบิน๗ สุราษฎร์ธานี
ฝูงบิน๗๐๑: เครื่องบินขับไล่แบบที่๒๐/ก บ.ข.๒๐/ก Saab Gripen C/D จำนวน ๑๑เครื่อง
ฝูงบิน๗๐๒: เครื่องบินควบคุมและแจ้งเตือนทางอากาศแบบที่๑ บ.ค.๑ Saab 340 ERIEYE AEW(Airborne Early Warning) จำนวน ๒เครื่อง และเครื่องบินลำเลียงแบบที่ ๑๗ บ.ล.๑๗ SAAB 340B จำนวน ๔เครื่อง
กองบิน๒๑ อุบลราชธานี
ฝูงบิน๒๑๑: ไม่มีอากาศยานประจำการ
กองบิน๒๓ อุดรธานี
ฝูงบิน๒๓๑: ไม่มีอากาศยานประจำการ
กองบิน๔๑ เชียงใหม่
ฝูงบิน๔๑๑: เครื่องบินโจมตีและฝึกแบบที่๒๒ บ.จฝ.๒๒ Beechcraft AT-6TH Wolverine จำนวน ๘เครื่อง
กองบิน๔๖ พิษณุโลก
ฝูงบิน๔๖๑: ไม่มีอากาศยานประจำการ
กองบิน๕๖
ฝูงบิน๕๖๑: ไม่มีอากาศยานประจำการ
กองฝึกการบิน โรงเรียนการบิน กำแพงแสน
ฝูงฝึกขั้นต้น: เครื่องบินฝึกแบบที่๒๑ บ.ฝ.๒๑ Diamond DA40 NG จำนวน ๒๔เครื่อง
ฝูงฝึกขั้นปลาย: เครื่องบินฝึกแบบที่๒๒ บ.ฝ.๒๒ Beechcraft T-6TH Texan II จำนวน ๑๒เครื่อง, เครื่องบินฝึกแบบที่๒๐ บ.ฝ.๒๐ Diamond DA42 TDI จำนวน ๑๒เครื่อง
หน่วยบัญชาการอากาศโยธิน
กรมทหารอากาศโยธิน รักษาพระองค์
กรมทหารต่อสู้อากาศยาน รักษาพระองค์
กรมปฏิบัติการพิเศษ
ศูนย์ปฏิบัติการทางอวกาศกองทัพอากาศ
ถูกยุบเลิก
กองบัญชาการควบคุมการปฏิบัติทางอากาศ
ถูกยุบเลิก
ชะตากรรมของอากาศยานแต่ละแบบและหน่วยรบ(Fate of each type of aircrafts and combat units)
กองบิน๑
ตามที่ฝูงบิน๑๐๓ ปลดประจำการเครื่องบินขับไล่แบบที่๑๙/ก บ.ข.๑๙/ก Lockheed Martin F-16A/B Block 15 OCU และ บ.ข.๑๙/ก F-16A/B ADF ในปี 2028 หลังประจำการมามากกว่า ๔๐ปี โดยที่ยังคงรองบประมาณสำหรับการจัดหาเครื่องบินขับไล่ Lockheed Martin F-35A Lightning II
คณะกรรมาธิการกลาโหมได้รับฟังข้อร้องเรียนที่มีมายาวนานของชาวเมืองจังหวัดนครราชสีมาให้ กองบิน๑ ย้ายที่ตั้งออกไปจากตัวเมืองโคราช โดยที่หน่วยใช้กำลังทั้งหมดคือ ฝูงบิน๑๐๑ ฝูงบิน๑๐๒ และฝูงบิน๑๐๓ ไม่มีอากาศยานประจำการ(เท่ากับการยุบกองบิน๑ โดยพฤตินัย)
อย่างไรก็ตามจนถึงปี 2034 ตามแผนที่กองทัพอากาศไทยตั้งใจว่าจะมีเครื่องบินขับไล่ F-35A ครบหนึ่งฝูงบิน ๑๒เครื่อง กองทัพอากาศไทยก็ยังไม่ได้รับงบประมาณจากรัฐบาลสำหรับการจัดหา F-35 และงบประมาณที่จำเป็นเกี่ยวข้องกับย้ายที่ตั้งและสร้างกองบิน๑ ขึ้นมาใหม่แต่อย่างใด
กองบิน๒
เฮลิคอปเตอร์ที่ประจำการในฝูงบิน๒๐๑ รักษาพระองค์ ถูกใช้ภารกิจขนส่งบุคคลสำคัญ ฝูงบิน๒๐๒ ถูกใช้ในภารกิจฝึกนักบินอากาศยานปีกหมุน ฝูงบิน๒๐๓ ถูกใช้ในภารกิจกู้ภัยและบรรเทาสาธารณภัย
โดยมีการวางกำลังหน่วยบินของฝูงบิน๒๐๓ พร้อมเฮลิคอปเตอร์แบบที่๑๑ ฮ.๑๑ EC725(H225M) ตามสนามบินสำคัญทั่วประเทศพร้อมชุดปฏิบัติการพิเศษของกรมปฏิบัติการพิเศษอากาศโยธิน เพื่อรองรับภารกิจต่างๆ เช่น การส่งผู้ป่วยทางอากาศ และการช่วยน้ำท่วมและไฟป่า
ฝูงบิน๒๐๒ ปลดประจำการเฮลิคอปเตอร์แบบที่๖ง ฮ.๖ง Bell 412EP ลงในปี 2036
กองบิน๓
คณะกรรมาธิการกลาโหมมีความชื่นชอบหลักนิยมการนำอากาศยานไร้รบคนขับ (UCAV: Unmanned Combat Aerial Vehicle) มาใช้ ตามแนวคิด "เดี๋ยวนี้เขารบกันด้วย Drone แล้ว"
ตั้งแต่การให้แนวทางการพัฒนาระบบอากาศยานไร้คนขับในประเทศเพื่อสนับสนุนอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ จนถึงการพัฒนาอากาศยานไร้รบคนขับทดแทนเครื่องบินขับไล่โจมตี และทดแทนเครื่องบินลำเลียงทางยุทธวิธีขนาดกลาง
อย่างไรก็ตามงบประมาณที่ได้รับและศักยภาพด้านวิทยาการที่มีสวนทางกับความเป็นไปได้ตามความเป็นจริงมาก ฝูงบิน๓๐๑ และฝูงบิน๓๐๒ จึงมีอากาศยานไร้คนขับประจำการเท่าที่ปรากฏ
กองบิน๔
ฝูงบิน๔๐๑ ได้รับมอบเครื่องบินขับไล่และฝึกแบบที่๒ บ.ขฝ.๒ KAI T-50TH ๒เครื่องสุดท้ายครบ ๑๔เครื่องในปี 2024 กองทัพอากาศไทยมองที่จะเพิ่มขีดความสามารถการใช้อาวุธของ บ.ขฝ.๒ T-50TH เพื่อเป็นการคั่นระยะทดแทนเครื่องบินขับไล่โจมตีที่ปลดประจำการไปหลายแบบ
เช่น กระเปาะชี้เป้าหมาย Sniper ATP และอาวุธปล่อยนำวิถีอากาศสู่อากาศพิสัยกลาง AIM-120 ซึ่งคณะกรรมาธิการกลาโหมเห็นชอบและดำเนินการเสร็จสิ้นในช่วงปี 2026-2030 อย่างไรก็ตามการจัดหา บ.ขฝ.๒ T-50TH ฝูงที่สองเพิ่มเติมในฐานะเครื่องบินขับไล่โจมตีเบายังไม่ได้รับความเห็นชอบ
ฝูงบิน๔๐๓ เป็นฝูงบินเครื่องบินขับไล่ บ.ข.๑๙/ก F-16AM/BM ฝูงสุดท้ายซึ่งมีแผนจะปลดประจำการในปี 2036-2040 แต่จากความล่าช้าในการจัดหาเครื่องบินขับไล่ F-35A สำหรับ บ.ข.๑๙/ก F-16A/B ของกองบิน๑ ที่ล่าช้ากว่าแผนในปี 2034 การทดแทนในส่วนฝูง๔๐๓ จึงล่าช้าตามไปด้วย
ฝูงบิน๔๐๔ ได้ย้ายเครื่องบินตรวจการณ์และลำเลียงแบบที่๒๐ บ.ตล.๒๐ P.180 AVANTI II EVO จากฝูงบิน๔๐๒ ไปฝูงบิน๖๐๔ ในปี 2019 ก่อนที่จะยุบฝูงบิน๖๐๔ ในปี 202Y และปลดประจำการ บ.ตล.๒๐ P.180 AVANTI II EVO เนื่องจากบริษัทผู้ผลิตล้มละลาย ไม่เหมาะที่จะใช้งานต่อไป
อากาศยานไร้คนขับ(UAV: Unmanned Aerial Vehicle) ที่เคยประจำการในฝูงบิน๔๐๔ ทั้งหมดถูกย้ายไปกองบิน๓ ตามแผนปรับโครงสร้างกำลังรบใหม่ ทำให้ฝูงบิน๔๐๔ ไม่มีอากาศยานประจำการ
กองบิน๕
ฝูงบิน๕๐๑ ปลดประจำการเครื่องบินโจมตีและธุรการแบบที่๒ บ.จธ.๒ Fairchild AU-23A Peacemaker ในปี 2027 หลังประจำการมายาวนานถึง ๕๕ปี กองทัพอากาศไทยไม่ได้รับการสนับสนุนจากคณะกรรมาธิการกลาโหมในการดำเนินแผนจัดหาอากาศยานแบบใหม่มาทดแทน
รัฐบาลพลเรือนและคณะกรรมาธิการกลาโหมยังมีแนวคิดที่จะย้ายพิพิธภัณฑ์กองทัพอากาศมาที่กองบิน๕ เพราะมีพื้นที่กว้างขวางกว่าดอนเมือง กรุงเทพฯ เพื่อเป็นสถานที่ท่องเที่ยวใหม่และจัดงาน Airshow & Fleet Review นอกจากท่าอากาศยานนานาชาติอู่ตะเภาและพัทยาจังหวัดระยอง
กองบิน๖
ฝูงบิน๖๐๑ ปลดประจำการเครื่องบินลำเลียงแบบที่๘ บ.ล.๘ Lockheed Martin C-130H เครื่องสุดท้ายในปี 2032 หลังประจำการมามากกว่า ๕๐ปี กองทัพอากาศไทยและคณะกรรมาธิการกลาโหมอนุมัติให้มีการตั้งโครงการจัดหาเครื่องบินลำเลียงทางยุทธวิธีใหม่มาทดแทนตั้งแต่ปี 2025
แต่ก็มีความล่าช้าในการพิจารณาและถูกยกเลิกการแข่งขันและตั้งโครงการใหม่มาหลายครั้ง จากเหตุผลด้านงบประมาณไม่ตั้งไว้น้อยเกินไป จนถึงผู้เข้าแข่งขันถอนตัวจนหมดเพราะเงื่อนไขข้อกำหนดความต้องการไม่น่าดึงดูดใจพอ
เช่น ต้องสามารถปรับเปลี่ยนแบบเป็นเครื่องบินเติมเชื้อเพลิงกลางอากาศระบบ boom และ probe-and-drogue ได้ เป็นเครื่องบินดับเพลิงได้ ขณะที่ยังคงมีขีดความสามารถการบรรทุกทางยุทธวิธีที่เทียบเท่าหรือดีกว่า บ.ล.๘ C-130H รวมถึงการมีประตู ramp ท้ายเครื่องด้วย
ฝูงบิน๖๐๒ รอ. ปลดประจำการเครื่องบินลำเลียงแบบที่๑๑ บ.ล.๑๑ Boeing 737 เครื่องบินลำเลียงแบบที่๑๕ บ.ล.๑๕ Airbus A319-115CJ เครื่องบินลำเลียงแบบที่๑๙ บ.ล.๑๙ Airbus A340-500
ฝูงบิน๖๐๓ ปลดประจำการเครื่องบินลำเลียงแบบที่๑๘ บ.ล.๑๘ Sukhoi Superjet 100LR แม้ว่าจะมีอายุการใช้งานไม่นาน แต่เนื่องจากรัสเซียประเทศผู้ผลิตถูกคว่ำบาตรจากประชาคมโลกจากการทำสงครามรุกรานยูเครนตั้งแต่ปี 2022 ทำให้การซ่อมบำรุงเป็นไปด้วความยากลำบาก
รัฐบาลพลเรือนและคณะกรรมาธิการกลาโหมมีมติเห็นชอบให้ปลดประจำการอาวุธยุทโธปกรณ์ที่มีแหล่งที่มาจากรัสเซียลงทั้งหมด ซึ่งกองทัพอากาศไทยได้รับผลกระทบค่อนข้างน้อย เพราะอากาศยานที่จัดหาจากรัสเซียมีเพียง บ.ล.๑๘ Sukhoi Superjet เท่านั้น
ฝูงบิน๖๐๔ ถูกยุบฝูงบินในปี 202Y ตามคณะกรรมาธิการกลาโหมมีความเห็นว่า "กองทัพอากาศไม่ควรมีหน้าที่ในการฝึกนักบินพลเรือนด้วยตนเอง" เพื่อเป็นการส่งเสริมอุตสาหกรรมการบินภายในประเทศ โดยเฉพาะสถาบันการศึกษาด้านบินทั้งของรัฐบาลของเอกชน
เครื่องบินฝึกแบบที่๑๖ก บ.ฝ.๑๖ก Pacific Aerospace Corporation(PAC) CT-4A Airtrainer ถูกปลดประจำการในปี 2031 ขณะที่เครื่องบินฝึกแบบที่๒๑ บ.ฝ.๒๑ Diamond DA40 NG จำนวน ๘เครื่อง ถูกโอนย้ายไปที่โรงเรียนการบินกำแพงแสน
ตามนโยบาย "ย้ายทหารออกจากกรุงเทพฯ" ของรัฐบาลพลเรือนที่มาจากการเลือกตั้ง คณะกรรมาธิการกลาโหมได้สั่งการให้กองบิน๖ ย้ายที่ตั้งจาก ดอนเมือง กรุงเทพฯ ที่อยู่มามากกว่า ๑๐๐ปี "ไปที่อื่นที่เหมาะสม" ซึ่งมองไว้ที่ โรงเรียนนายเรืออากาศนวมินทกษัตริยาธิราช มวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี
แต่การขาดงบประมาณสนับสนุนที่จำเป็นในการย้ายที่ตั้งและก่อสร้างสิ่งความอำนวยความสะดวก อากาศยานส่วนใหญ่ที่ยังเหลืออยู่ในฝูงบิน๖๐๒ รอ. และ ฝูงบิน๖๐๓ ยังคงจอดที่ท่าอากาศยานนานาชาติดอนเมือง หรือท่าอากาศยานอื่นๆทั่วประเทศเป็นการชั่วคราวเพื่อเตรียมรอย้ายเข้าที่ตั้งใหม่
กองบิน๗
เครื่องบินขับไล่แบบที่๒๐/ก บ.ข.๒๐/ก Saab Gripen C/D ฝูงบิน๗๐๑ ได้รับการปรับปรุงความทันสมัยมาตรฐานชุดคำสั่ง MS20 และเครื่องบินควบคุมและแจ้งเตือนทางอากาศแบบที่๑ บ.ค.๑ Saab 340 ERIEYE ได้รับการปรับปรุงความทันสมัยติด Radar ใหม่
แต่ไม่มีการจัดหาเครื่องบินขับไล่ บ.ข.๒๐ Gripen เพิ่มเติมจากที่สูญเสียไปหนึ่งเครื่องในปี 2017 รวมถึงเครื่องบินลำเลียงขนาดกลางใหม่ ๔เครื่องทดแทน บ.ล.๑๗ SAAB 340B ซึ่งเริ่มมีการงดบินเพื่อยืดอายุการใช้งานและรักษาความสมควรเดินอากาศ
กองบิน๒๑
ฝูงบิน๒๑๑ ปลดประจำการเครื่องบินขับไล่แบบที่๑๘ข/ค บ.ข.๑๘ข/ค Northorp F-5/F TH Super Tigris เครื่องสุดท้ายในปี 2029 กองบิน๒๑ ถูกปรับเป็นฐานบินส่วนหน้าที่ไม่มีอากาศยานประจำถาวรเช่นเดียวกับกองบิน๕๖
ซึ่งสอดคล้องกับข้อร้องเรียนของชาวเมืองอุบลราชธานีที่ได้รับความเดือนร้อนจากเสียงรบกวนที่มาจากอากาศยาน ซึ่งคณะกรรมาธิการกลาโหมออกแนวทางกำกับว่าถ้าจะจัดหาอากาศยานมาประจำที่กองบิน๒๑ ใหม่ ก็ต้องหาที่ตั้งใหม่ให้ได้ก่อน(แต่ไม่มีงบประมาณให้)
กองบิน๒๓
ฝูงบิน๒๓๑ ปลดประจำการเครื่องบินโจมตีแบบที่๗ บ.จ.๗ Dornier Alpha Jet TH เครื่องสุดท้ายในปี 2030 กองบิน๒๓ ถูกปรับเป็นฐานบินส่วนหน้าที่ไม่มีอากาศยานประจำถาวรเช่นเดียวกับกองบิน๕๖
ซึ่งสอดคล้องกับข้อร้องเรียนของชาวเมืองอุดรธานีที่ได้รับความเดือนร้อนจากเสียงรบกวนที่มาจากอากาศยาน ซึ่งคณะกรรมาธิการกลาโหมออกแนวทางกำกับว่าถ้าจะจัดหาอากาศยานมาประจำที่กองบิน๒๓ ใหม่ ก็ต้องหาที่ตั้งใหม่ให้ได้ก่อน(ซึ่งก็ไม่มีงบประมาณให้)
การฝึก Falcon Strike ระหว่างกองทัพอากาศไทยกับกองทัพอากาศปลดปล่อยประชาชนจีน(PLAAF: People's Liberation Army Air Force) ที่กองบิน๒๓ ยังถูกยกเลิกในปี 202Z เป็นต้นไป จากการปรับลดความสัมพันธ์ด้านความมั่นคงระหว่างไทยกับจีนของรัฐบาลพลเรือนที่มาจากการเลือกตั้ง
กองบิน๔๑
ฝูงบิน๔๑๑ ได้รับมอบเครื่องบินโจมตีและฝึกแบบที่๒๒ บ.จฝ.๒๒ Beechcraft AT-6TH Wolverine(AT-6E) ครบ ๘เครื่องในปี 2025 โดยที่ไม่มีการจัดหาระยะที่๒ เพิ่มอีก ๔เครื่อง และเป็นโครงการจัดหาอากาศยานรบ(combat aircraft)ครั้งสุดท้ายของกองทัพอากาศไทยในห้วงทศวรรษปี 2020s
กองบิน๔๖
ฝูงบิน๔๖๑ ปลดประจำการเครื่องบินลำเลียงแบบที่๒ก บ.ล.๒ก Basler BT-67 ในปี 2029 กองทัพอากาศไทยมีแผนที่จะจัดหาเครื่องบินลำเลียงขนาดกลางจำนวน ๔เครื่องเพื่อทดแทน แต่คณะกรรมาธิการกลาโหมไม่อนุมัติเพราะมองว่าซ้ำซ้อนกับโครงการทดแทน บ.ล.๘ C-130H
กองฝึกการบิน โรงเรียนการบิน
ฝูงฝึกขั้นต้นปลดประจำการเครื่องบินฝึกแบบที่๑๖ก บ.ฝ.๑๖ก CT-4A Airtrainer เครื่องสุดท้ายในปี 2031 โดยได้รับมอบเครื่องบินฝึกแบบที่๒๑ บ.ฝ.๒๑ DA40 NG จำนวน ๘เครื่องจากฝูงบิน๖๐๔ ที่ถูกยุบฝูง และจัดหาเพิ่มจนครบ ๒๔เครื่อง
ฝูงฝึกขั้นปลายปลดประจำการเครื่องบินฝึกแบบที่๑๙ บ.ฝ.๑๙ Pilatus PC-9 Mustang เครื่องสุดท้ายในปี 2023 โดยได้รับมอบเครื่องบินฝึกแบบที่๒๒ บ.ฝ.๒๒ Beechcraft T-6TH(T-6C) Texan II จำนวน ๑๒เครื่องครบในปีเดียวกัน
เครื่องบินฝึกแบบที่๒๐ บ.ฝ.๒๐ DA42 TDI ถูกโอนย้ายจากฝูงบิน๖๐๔ หลังถูกยุบฝูงบิน ไปรวมกับ ฝูงฝึกขั้นปลาย กองฝึกการบิน โรงเรียนการบิน และจัดหาเพิ่มจนครบ ๑๒เครื่อง
หน่วยบัญชาการอากาศโยธิน
เนื่องจากการยกเลิกการมีทหารกองประจำการ(การเกณฑ์ทหาร) กองพันทหารอากาศโยธินประจำการฐานบิน ทั้งในส่วนกองร้อยทหารราบและทหารต่อสู้อากาศยานอยู่ในสภาพ "กองพันโครง" คือมีอัตราจัดโครงสร้างแต่ไม่มีกำลังพลประจำหน่วย เนื่องจากขาดแคลนคน(พลทหาร) และงบประมาณ
อาวุธยุทโธปกรณ์หลายอย่างเช่น ปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยาน Type 74 ขนาด 37mm ปืนใหญ่ต่อสู่อากาศยาน Type 59 ขนาด 57mm และอาวุธปล่อยนำวิถีพื้นสู่อากาศ KS-1C ถูกปลดประจำการเนื่องจากคณะกรรมาธิการกลาโหมพิจารณาว่าเก่าและล้าสมัยไม่คุ้มค่าการลงทุนใช้งานต่อไป
"มันเปลี่ยนไปจากเมื่อราว ๒๐ปีที่แล้วค่อนข้างมาก ตอนนี้การรักษาความปลอดภัยของที่นั่น(กองบินหนึ่งทางภาคใต้ของไทย)ขึ้นอยู่กับสารวัตรทหารจำนวนไม่กี่นาย...ทำให้เสี่ยงต่อการถูกก่อวินาศกรรม หรือไม่สามารถต่อต้านการโจมตีทางอากาศได้ หากเรื่องดังกล่าวเกิดขึ้น"
เจ้าหน้าที่บริษัท Saab สวีเดนที่ไม่เปิดเผยชื่อที่เป็นผู้ให้บริการสนับสนุนระบบของบริษัทตนแก่กองทัพอากาศไทยให้ความเห็นกับสื่อ ต่อคำถามเกี่ยวกับการที่บริษัท Saab ไม่ได้รับสัญญาจัดหาหลักใหม่ใดๆจากกองทัพไทยเลยเป็นเวลาหลายสิบปี
กรมปฏิบัติการพิเศษ ค่อนข้างได้รับผลกระทบน้อยที่สุด โดยมีวางกำลังผูกกับหน่วยบินสนามของฝูงบิน๒๐๓ (ฮ.๑๑ EC725) ในสนามบินสำคัญ และถูกปรับภารกิจหลักคือการกู้ภัยทางอากาศเพื่อช่วยเหลือประชาชนตามสถานการณ์ต่างๆ
เช่น ภารกิจบรรเทาภัยพิบัติอย่างไฟป่า น้ำท่วม และการส่งผู้ป่วยทางอากาศ มากกว่าภารกิจทางทหารรวมถึงการค้นหาและกู้ภัยในพื้นที่การรบ CSAR(Combat Search and Rescue) ชุดควบคุมการรบ CCT(Combat Control Team) และการต่อต้านการก่อการร้าย(Counter Terrorism)
ศูนย์ปฏิบัติการทางอวกาศกองทัพอากาศ
ถูกยุบเลิกเนื่องจากเห็นว่าคณะกรรมาธิการกลาโหมพิจารณาว่าหน้าที่ซ้ำซ้อนกับสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) สทอภ. GISTDA(Geo-Informatics and Space Technology Development Agency) (Public Organization)
"ประเทศนี้ยังไม่สมควรจะพูดถึงสงครามในอวกาศ ตราบใดที่ยังมีถนนดินลูกรังอยู่" สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่เป็นพลเรือนที่ดำรงตำแหน่งเป็นหนึ่งในคณะกรรมาธิการกลาโหมที่ไม่เปิดเผยชื่อกล่าวกับสื่อ
กองบัญชาการควบคุมการปฏิบัติทางอากาศ
ถูกยุบเลิกและมีการปรับโครงสร้างไปบูรณาการเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของคณะเสนาธิการร่วม กองทัพไทย เพื่อให้มีประสิทธิภาพในการดำเนินการปฏิบัติการใช้กำลังรบทั้งสามเหล่าทัพร่วมกัน โดยมีนายกรัฐมนตรี(พลเรือนมาจากการเลือกตั้ง)เป็นผู้มีอำนาจการตัดสินใจสั่งการสูงสุด