Navy to Decommission 2 Carriers in a Row, 2 LCS Set for Foreign Sales, Says Long Range Shipbuilding Plan
USS Nimitz (CVN-68) leaves port on Dec. 3, 2022. US Navy Photo
USS Dwight D. Eisenhower (CVN-69) returns to Naval Station Norfolk, Jul. 18, 2021. US Navy Photo
The hulk of former Enterprise (CVN-65) on Aug. 26, 2022. USNI News Photo
Independence-variant littoral combat ship USS Jackson (LCS-6) pierside in Guam. US Navy Photo
กองทัพเรือสหรัฐฯ(USN: US Navy) จะปลดประจำการเรือบรรทุกเครื่องบินพลังงานนิวเคลียร์ชั้น Nimitz สองลำอย่างต่อเนื่อง และเรือ Littoral Combat Ship(LCS) ชั้น Independence สองลำจะปลดประจำการ
และขายให้ต่างประเทศในรูปแบบ foreign military sale(FMS)(https://aagth1.blogspot.com/2021/07/lcs-independence-lcs-2-uss-independence.html) ตามแผนการสร้างเรือพิสัยไกลของกองทัพเรือสหรัฐฯ
ตามแผนการยืดอายุการใช้งาน 13เดือน เรือบรรทุกเครื่องบินพลังงานนิวเคลียร์ CVN-68 USS Nimitz ที่ประจำการมานาน 48ปี จะถูกปลดประจำการจากกองทัพเรือสหรัฐฯในปี 2026 ช้าลงหนึ่งจากแผนในปี 2022(https://aagth1.blogspot.com/2022/04/cvn-68-uss-nimitz-2025.html)
เรือบรรทุกเครื่องบิน USS Nimitz ที่ขึ้นระวางประจำการในปี 1975 ถูกสร้างสำหรับใช้งานเป็นเวลา 50ปี และการยืดอายุจะรีดเค้นให้เรือบรรทุกเครื่องบินชั้น Nimitz ลำแรกสามารถวางกำลังได้เพิ่มอีกอย่างน้อยหนึ่งครั้ง
ในแถลงการณ์วันที่ 18 เมษายน 2023 ต่อ USNI News กองทัพเรือสหรัฐฯกล่าวว่า แผนของตนจะยืดอายุเรือบรรทุกเครื่องบิน USS Nimitz ในฐานะส่วนหนึ่งของการบำรุงรักษาความพร้อม 5เดือนครึ่งที่จะทำให้เรือประจำการได้จนถึงเดือนพฤษภาคม 2026
"คาดว่าค่าใช้จ่ายทั้งหมดในช่วงที่เรืออยู่ในอู่เรือคือ $200 million ในการร้องของบประมาณในปัจจุบัน การคาดการณ์การยื่นของบประมาณช่วงสนับสนุนได้ถูกคำนวณสำหรับค่าใช้จ่ายที่สั้นกว่า 60วัน ทำสามารถปฏิยัติการได้เพิ่มขึ้นจากการปลดประจำการเดิมในเดือนเมษายน 2025
ดังนั้นการแทนที่กำหนดการเดิมในช่วงอู่เรือจะเป็นขอบเขตระยะเวลาที่เหมาะสม 5-1/2เดือน เป็นค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมต่อกองทัพเรือสหรัฐฯประมาณ $90 million สำหรับ(การยืดอายุการใช้งาน)" แถลงการณ์กล่าว
หลังการวางกำลังครั้งสุดท้ายของเรือ เรือบรรทุกเครื่องบิน CVN-68 USS Nimitz จะเดินทางไปยังอู่เรือ Newport News Shipbuilding ของบริษัท Huntington Ingalls Industries(HII) สหรัฐฯ เพื่อจะเริ่มต้นกระบวนการเลิกการใช้งานเรือ(deactivation) ที่อู่เรือ Virginia
การปลดประจำการเรือบรรทุกเครื่องบิน USS Nimitz จะมีขึ้นตามหลังเรือบรรทุกเครื่องบินพลังงานนิวเคลียร์ CVN-65 USS Enterprise ซึ่งปลดประจำการในปี 2012(https://aagth1.blogspot.com/2017/02/cvn-65-uss-enterprise.html)
ตั้งแต่ทศวรรษปี 2010s อู่เรือ Newport News ได้รับบทบาทเป็นที่จอดตัวเรือของ USS Enterprise เรือบรรทุกเครื่องบินพลังงานนิวเคลียร์ของกองทัพเรือสหรัฐฯ หลังจากเรือถูกถอดแกนของเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ 8เครื่องของเรือ
การเลิกใช้งานเรือบรรทุกเครื่องบินพลังงานนิวเคลียร์ชั้น Nimitz ซึ่งมีเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์เพียง 2เครื่องน่าจะเป็นงานที่ง่ายกว่า " USS Enterprise และ USS Nimitz เหมือนกันที่เรือมีขนาดใหญ่ เรือที่ใช้มาอย่างสมบุกสมบันนี้ประกอบด้วยวัสดุที่เป็นอันตรายต่างๆในระดับต่ำ
อย่างไรก็ตามเรือเหล่านี้พิจารณาได้ว่ามีการออกแบบที่ต่างกัน การเข้าถึงที่จะเลิกการทำงานจะสะท้อนความแตกต่างเหล่านี้" Jamie Koehler โฆษกกองบัญชาการระบบเรือทางทะเล(NAVSEA: Naval Sea Systems Command) กล่าวกับ Breaking Defense
อู่เรือ Newport News มีประสบการณ์การยืดอายุตัวเรือบรรทุกเครื่องบินชั้น Nimitz ในฐานะส่วนหนึ่งของการเติมเชื้อเพลิงนิวเคลียร์ครึ่งอายุการใช้งาน และดำเนินการซ่อมทำใหญ่ของเรือ
"ทีม Newport News Shipbuilding ของเรามีประสบการณ์ในการเลิกการทำงานและถอดเชื้อเพลิงเรือบรรทุกเครื่องบินพลังงานนิวเคลียร์ เรามองไปข้างหน้าที่จะยกระดับความเชี่ยวชาญและความสัมพันธ์ทางอุตสาหกรรมของเราต่อทีมกับกองทัพเรือสหรัฐฯ
เกี่ยวกับการเตรียมการการถอดถอนเชื้อเพลิงนิวเคลียร์และเลิกการใช้งานของเรือบรรทุกเครื่องบิน CVN-68 USS Nimitz" Todd Corillo โฆษกของบริษัท HII กล่าวในแถลงการณ์ต่อ USNI News
เรือบรรทุกเครื่องบิน USS Nimitz จะลบระยะห่างที่มีมายาวนานหลายปีระหว่างเรือ USS Nimitz กับเรือบรรทุกเครื่องบินพลังงานนิวเคลียร์ชั้น Nimitz ลำที่สอง เรือบรรทุกเครื่องบินพลังงานนิวเคลียร์ CVN-69 USS Dwight D. Eisenhower ตามแผนที่วางไว้
โดยปราศจากการยืดอายุการใช้งานเช่นเดียวกัน เรือบรรทุกเครื่องบิน CVN-69 USS Dwight D. Eisenhower(Ike) จะปลดประจำการในปี 2027 และน่าจะถูกนำมาจอดร่วมกับ USS Nimitz ที่อู่เรือ Newport News ควบคู่ไปกับเรือบรรทุกเครื่องบินชั้น Nimitz อย่างน้อย 1ลำหรือ 2ลำที่ซ่อมทำใหญ่
และเรือบรรทุกเครื่องบินพลังงานนิวเคลียร์ชั้น Gerald R. Ford ใหม่สองลำ เรือบรรทุกเครื่องบินพลังงานนิวเคลียร์ CVN-80 USS Enterprise และเรือบรรทุกเครื่องบินพลังงานนิวเคลียร์ CVN-81 USS Doris Miller ที่กำลังสร้างที่อู่เรือ Virginia(https://aagth1.blogspot.com/2021/11/cvn.html)
ยังรวมอยู่ในแผนการสร้างเรือพิสัยไกล กองทัพเรือสหรัฐฯประกาศความชัดเจนในชะตากรรมของเรือ LCS ชั้น Independence สองลำที่กองทัพเรือสหรัฐฯต้องการจะปลดประจำการก่อนหน้าอายุการใช้งานที่วางไว้ 25ปีของเรือ
เรือ LCS-6 USS Jackson(https://aagth1.blogspot.com/2022/05/carat-2022.html) และเรือ LCS-8 USS Montgomery ที่ขึ้นระวางประจำการในปี 2015 และ 2016 ตามลำดับ ขณะนี้ถูกทำเครื่องหมายสำหรับการขาย FMS แก่ต่างประเทศในฐานะส่วนหนึ่งของแผนการปลดประจำการเรือ
กองทัพเรือสหรัฐฯกล่าวว่าการมุ้นเน้นให้เรือ LCS ชั้น Independence ในการทำภารกิจการต่อต้านทุ่นระเบิด(mine countermeasure) หมายความว่ากองทัพเรือสหรัฐฯต้องการเรือชั้นนี้ที่เพียง 15ลำ
"LCS-6 และ LCS-8 เดิมถูกกำหนดเป็นเรือสงครามเรือผิวน้ำ(surface warfare) อย่างไรก็ตาม(งบประมาณปี 2023) ได้จัดตั้งโครงการ LCS ใหม่ที่จะมีเรือ LCS ชั้น Freedom เพียง 6ลำที่อุทิศให้(สงครามผิวน้ำ)(https://aagth1.blogspot.com/2021/10/lcs-freedom-lcs-1-uss-freedom.html)
การอุทิศเรือ LCS แต่ละชั้นให้กับภารกิจเฉพาะทำให้สามารถกำหนดรูปแบบตัวเรือและพื้นที่ให้ความสนใจของกองเรือที่จะวางตำแหน่ง, ไม่ซับซ้อน และคล่องตัวในการจัดกำลังพล, การฝึก และการดำรงสภาพ" รายงานระบุ
"เรือ LCS ชั้น Independence ทั้งหมดที่มี 17ลำ ส่วนหนึ่งจะถูกปลดประจำการจากกองทัพเรือสหรัฐฯโดยที่สองลำของเรือเหล่านี้เป็นส่วนเกินต่อการสนับสนุนที่จำเป็นในการจัดรูปแบบภารกิจที่ผิดพลาด
ด้วยเหตุนี้เรือชั้น Independence ที่อายุมากที่สุดสองลำได้รับการวางแผนเพื่อปลดประจำการในปีงบประมาณ 2024 นอกจากนี้เรือเหล่านี้ไม่มีลำใดที่เสร็จสิ้นการปรับปรุงอำนาจการสังหารและความอยู่รอด" รายงานกล่าวต่อ
ขณะที่กองทัพเรือสหรัฐฯได้มุ่งมั่นต่อแผนการปลดประจำการที่รวมอยู่ในแผนการสร้างเรือพิสัยไกล ส่วนที่เหลือของรายงานโดยการอนุญาติเข้าถึงได้ของกองทัพเรือสหรัฐฯ ให้ภาพที่ไม่สมบูรณ์ของแผนการสร้างเรือในอนาคตของกองทัพเรือสหรัฐฯ
"กองทัพเรือสหรัฐฯกำลังดำเนินการประเมินกำลังเรือรบและรายงานความต้องการ(BFSAR: Battle Force Ship Assessment and Requirement Report) ที่นำมาใช้ในการอนุมัติการวางแผนสถานการณ์กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ
สำหรับยุทธศาสตร์กลาโหมแห่งชาติ 2022(NDS: National Defense Strategy) การวิเคราะห์นี้จะยังไม่เสร็จสิ้นจนถึงเดือนมิถุนายน 2023 และไม่ได้ถูกแจ้งในรายงานนี้
ยุทธศาสตร์กลาโหมแห่งชาติ NDS 2022 จะขับเคลื่อนการวิเคราะห์ BFSAR จะถูกแจ้งในแผนการสร้างเรือประจำปีงบประมาณ 2025" ตามจดหมายจากรัฐมนตรีทบวงกองทัพเรือสหรัฐฯ Carlos Del Toro ประกอบรายงานต่อสภา Congress สหรัฐฯครับ